การบรรยายฝ่าปีค..2007 ณ นครนิวยอร์ก

หลี่ หงจื้อ

07/04/2007


  สวัสดีทุกท่าน (เสียงปรบมือ) ทุกท่านต่างลำบากกันแล้ว (เสียงปรบมือ)

 
          ฝ่าฮุ่ยเป็นการประชุมที่รุ่งโรจน์ของศิษย์ต้าฝ่าแล้ว  ผู้ที่กำลังนั่งอยู่ บ้างก็เดินทางมาไกลนับพันลี้ เพื่อจะอาศัยฝ่าฮุ่ยค้นหาข้อแตกต่าง  สามารถค้นพบข้อบกพร่อง  มุ่งรุดหน้าตามไปให้ทัน  การบำเพ็ญยกระดับส่วนบุคคลของศิษย์ต้าฝ่าไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไปแล้ว  การหยวนหมั่นของศิษย์ต้าฝ่าก็ไม่เป็นปัญหาแล้ว  ณ ขณะนี้เรื่องหนึ่งที่สำคัญที่ต้องทำก็คือ จะช่วยเหลือสรรพชีวิตให้ได้มากยิ่งขึ้นได้อย่างไร  นี่ก็คือสิ่งที่ต้องทำให้สำเร็จในขั้นตอนของการหยวนหมั่นในปัจจุบัน   นี่เป็นภารกิจของศิษย์ต้าฝ่า เป็นความรับผิดชอบที่ไม่อาจปัดให้ผู้อื่นได้ จำเป็นต้องไปทำ เป็นเรื่องที่ต้องไปทำให้สำเร็จ

 
          ในอดีตมีคำพยากรณ์มากมายเคยทำนายไว้ว่า  ในช่วงเวลาหนึ่งที่แน่นอนจะมีการกวาดล้างคนจำนวนมากมาย  เหลือเพียงคนที่ดีอยู่จำนวนน้อยมาก  เมื่อก่อนนานมาแล้วข้าพเจ้าก็เคยพูดไว้ว่า “ ข้าพเจ้าต้องการแต่คนของข้าพเจ้า ”  ทางตะวันตกมีเรื่องเล่าสืบต่อกันมา และใน “คัมภีร์ไบเบิ้ล ”ก็มีบันทึกเอาไว้  เมื่อถึงเวลาพิพากษาใหญ่จะมีเพียงคนส่วนน้อยเหลือรอด  สภาพการณ์เมื่อแรกเริ่มคือ  ชาวโลก รวมทั้งสรรพชีวิตทั้งปวงในตรีภูมิ  ล้วนประกอบขึ้นมาจากองค์ประกอบของสสารในตรีภูมิ  องค์ประกอบของสสารในตรีภูมิกับ องค์ประกอบของสสารบนสวรรค์แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ดังนั้นชีวิตชนิดนี้จะขึ้นไปบนสวรรค์ไม่ได้เลย  ได้แต่อยู่ในเขตแดนนี้  แต่ว่า ภายหลังสภาพการณ์ชนิดนี้  พร้อมกับมีการเปลี่ยนแปลงของประวัติศาสตร์ที่ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งถึงยุคใกล้ๆนี้ ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก

 
          รายละเอียดนั้นที่ผ่านมาข้าพเจ้าเคยพูดกับทุกท่านว่า   มีชีวิตชั้นสูงมากมายมาถึงโลกแล้วก็มาเกิดเป็นคน หรือพูดได้อีกอย่างว่า  ดูไปแล้วเปลือกนอกของคนนั้น ยังคงเป็นรูปลักษณ์ของคน ยังคงเป็นโครงสร้างของคน แต่อันที่จริง สสารชั้นผิวนอกสุดของสสารระดับจุลทรรศน์ในโลก  หรือก็คือเบื้องหลังของสสารชั้นผิวของคนนั้น ก็มาจากนอกตรีภูมิแล้ว  ร่างของคนมากมายถูกเทพในระดับชั้นสูงที่ลงมา สวมใส่เหมือนกับเสื้อตัวหนึ่ง  ดูไปก็คือคน แต่ที่จริงธาตุแท้ก็คือชีวิตที่มาจากระดับชั้นสูง   แน่นอนละ ไม่ว่าใครมาอยู่ที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นชีวิตระดับชั้นสูงเพียงไร เป็นเทพระดับชั้นสูงเพียงไร เมื่อมาถึงสังคมมนุษย์  ก็เข้าสู่วังวนของสังคม  ไม่รู้อะไรแล้ว  พูดอีกอย่างหนึ่ง คือไม่ใช่เทพอีกแล้ว  ก็เป็นคนแล้ว  ในสถานการณ์เช่นนี้  ไม่ว่ามีระดับชั้นสูงเพียงไร  ล้วนแสดงด้านนั้นที่เป็นเทพของเขาออกมาไม่ได้แล้ว  ปัญญาของเขาก็จะถูกปิดเอาไว้  เหมือนกันกับคนโดยสิ้นเชิง   หากสภาพการณ์ของสังคมนั้นดี  ทั้งหมดจะสามารถคงอยู่ในระดับมาตรฐานทางศีลธรรมที่แน่นอนระดับหนึ่งตามสภาพการณ์โดยรวมของสังคมนั้น  เช่นนี้แล้วกล่าวสำหรับคน  กล่าวสำหรับชีวิตนั้นๆ  ยังไม่น่ากลัวอะไรนัก   แต่หากศีลธรรมของสังคมหนึ่งๆตกต่ำลงไปอย่างรวดเร็ว  หรืออิทธิพลเก่ามีเจตนาชักนำให้สังคมของคนตกต่ำลงไป  เช่นนั้น กล่าวสำหรับสรรพชีวิตแล้ว รวมทั้งเทพระดับชั้นสูงที่ลงมาเป็นคนก็ดี  ย่อมน่ากลัวอย่างยิ่ง

 
          ที่จริงสังคมจีนในปัจจุบัน  ทัศนคติด้านศีลธรรมของคนนั้น ห่างไกลลิบลับจากสภาพการณ์ที่เทพกำหนดเอาไว้ให้คนเมื่อแรกเริ่มสร้างคนขึ้นมา  พูดอีกอย่างก็คือ ไม่ใช่สภาพการณ์ของคนอีกต่อไปแล้ว  หากพูดอย่างไม่น่าฟังก็คือ ไม่คู่ควรเป็นคนอีกแล้ว  ในอดีต  หากไม่ใช่เรื่องการเจิ้งฝ่านี้แล้ว เช่นนั้นก็จะดับสลายจนถึงที่สุดแล้ว   ในประวัติศาสตร์   เกิดวิบัติภัยของมนุษย์ชาติครั้งแล้วครั้งเล่า  ดับสลายครั้งแล้วครั้งเล่า ทั่วทั้งจักรวาลก็เป็นเช่นนี้  เหมือนกับการผลัดเปลี่ยนเซลล์ใหม่ของร่างกายคน  เมื่อเซลล์แก่ชราแล้ว ไม่ดีแล้ว เช่นนั้นก็สลัดทิ้งไป  แล้วเกิดเซลล์ที่ดีใหม่อีก  ส่วนต่างๆทั่วทั้งจักรวาล  ไม่เพียงแค่เป็นอย่างนี้เสมอๆ  แต่ล้วนเกิดเรื่องอย่างนี้อยู่ทุกขณะ  นี่เป็นเรื่องปกติมาก  ฉะนั้นกล่าวสำหรับคน  ซึ่งเป็นชีวิตระดับชั้นต่ำที่สุด  กล่าวสำหรับสิ่งมีชีวิตระดับต่ำที่สุด  ไม่ว่าคนเองจะรู้สึกว่าตนยอดเยี่ยมอย่างไร  แต่ในสายตาของเทพ ก็ไม่ใช่อะไรทั้งนั้น  เมื่อใช้ไม่ได้แล้วก็กวาดทิ้งไป  เนื่องจากวันนี้กำลังเจิ้งฝ่า กำลังช่วยเหลือสรรพชีวิตของจักรวาล   คนที่เสื่อมไปแล้วไม่ถูกกวาดทิ้งไป  เพราะสภาพการณ์ของคนได้เกิดการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง  ในขณะเดียวกันศิษย์ต้าฝ่าจะสถาปนาธรรมานุภาพของตนโดยผ่านเรื่องนี้  จึงทำให้มนุษยชาติสามารถได้รับการสืบต่อ  เหลือรอดอยู่ได้  กล่าวสำหรับศิษย์ต้าฝ่า  หากขณะนี้ทุกท่านไม่สามารถทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ  ไม่สามารถทำให้ชีวิตได้รับการช่วยเหลือ  พวกท่านเองก็ไม่ได้ทำให้คำมั่นสัญญาของตนเองที่ให้ไว้สำเร็จผล  ในขณะเดียวกันจะนำพาหายนะภัยมาสู่การเจิ้งฝ่าทั้งหมด จักรวาล และสรรพชีวิต   ดังนั้นเมื่อครู่ข้าพเจ้าพูดว่า นี่เป็นสิ่งที่ศิษย์ต้าฝ่าจะต้องทำให้ดี

 
          พูดถึงตรีภูมิ ข้าพเจ้าจะขอพูดกับพวกท่านอีกครั้ง  อย่าเห็นว่าสภาพสังคมมนุษย์นี้ในขณะนี้เป็นอย่างไร  อย่าเห็นว่าชีวิตในตรีภูมิรู้สึกว่าตนเองสำคัญอย่างไร  คนรู้สึกว่าตนเองมีความก้าวหน้าอย่างไรในสังคม  มีความสำเร็จมากมายเพียงไร  มีอำนาจมีอิทธิพลเพียงไร  มีเงินมากเพียงไร  แต่ละชนชาติ แต่ละรัฐบาล  แต่ละคนที่มีความสำเร็จดังว่านั้น รู้สึกว่าตนเองยอดเยี่ยมมากเหลือเกิน  ที่จริงข้าพเจ้าขอบอกทุกท่าน  ทุกสิ่งของมนุษยชาติในทุกวันนี้  รวมทั้งทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์และตรีภูมินั้น  ล้วนคงอยู่เพื่อการเจิ้งฝ่าครั้งนี้  หรือกล่าวได้ว่า  ทุกสิ่งนั้นถูกสร้างขึ้นมาเพื่อการเจิ้งฝ่าในครั้งนี้   ทุกสิ่งล้วนมาเพื่อการเจิ้งฝ่าในครั้งนี้ อยู่ในขั้นตอนนี้ทุกสิ่งล้วนถูกสร้างขึ้นเพื่อการเจิ้งฝ่าในครั้งนี้ มนุษย์ทั้งหมด  ชีวิต  สสาร   บรรดาสิ่งที่ท่านรู้จัก  บรรดาสิ่งที่ท่านสามารถเข้าใจได้  ทุกสิ่งที่คนสามารถรับรู้ได้นั้น  ล้วนแต่ดำรงอยู่เพื่อการเจิ้งฝ่าครั้งนี้ หาไม่แล้วมันก็จะไม่คงอยู่อย่างแน่นอน

 
          พูดอีกอย่างหนึ่ง  ก็คือเพื่อช่วยเหลือสรรพชีวิตของจักรวาลในช่วงสุดท้ายของการเจิ้งฝ่า  สร้างสรรค์ศิษย์ต้าฝ่า  จึงได้สร้างตรีภูมิขึ้นมา  มิฉะนั้นตรีภูมิก็จะไม่คงอยู่  สังคมมนุษย์เป็นเพียงอณูหนึ่งในตรีภูมิ  สังคมของอณูเล็กๆนี้ไม่อาจนับเป็นอะไรได้ มนุษย์ในนั้นไม่ว่าจะเห็นว่าเรื่องของตนเองยิ่งใหญ่เพียงไร   คนรู้สึกว่าเรื่องของมนุษย์สำคัญเพียงไร  คนรู้สึกว่าตนเองมีความสำเร็จยิ่งใหญ่เพียงไร  มนุษยชาติพัฒนาก้าวหน้าไปอย่างไร อย่างไร  นี่เป็นการรับรู้ของคนโดยยืนอยู่ในมุมมองของคน  อยู่ในสภาพวังวน รับรู้ว่าสังคมมนุษย์ยอดเยี่ยมเพียงไรนั้น นั่นเกิดจากการไม่รู้ความจริง  คนจะพูดอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น  แต่เทพไม่มองคนอย่างนี้  วันใดที่สรรพชีวิตรู้ว่าเป้าหมายที่แท้จริงของการคงอยู่ของคนกับสภาพแวดล้อมที่ดำรงอยู่  ก็จะรู้แจ้งได้ในทันที การพัฒนาของมนุษย์ ที่ว่ากันนั้น   เป็นเพียงขั้นตอนของการถูกสร้างขึ้นมา  ขณะเดียวกันก็รักษาสภาพสังคมมนุษย์เอาไว้ ในระหว่างที่กำลังรอคอยก่อนที่เรื่องใหญ่สุดท้ายจะมาถึง   ทั้งหมดนั้นก็เป็นเพียงรูปธรรม ที่ปรากฏออกมาในขั้นตอนของรักษาสภาพสังคมมนุษย์เท่านั้นเอง  จุดประสงค์ที่แท้จริงคือการรอคอยก้าวสุดท้ายนี้  การมาถึงของเทพ  การเริ่มต้นของการเจิ้งฝ่า

 
          จากปีค..1992 ข้าพเจ้าก็เริ่มต้นถ่ายทอดฝ่าแล้ว  เมื่อเริ่มแรกศิษย์ต้าฝ่าก็เผยแพร่ฝ่ามาโดยตลอด   ท่ามกลางการประทุษร้าย ศิษย์ต้าฝ่าก็กำลังช่วยเหลือสรรพชีวิตในขอบเขตทั่วทั้งโลก  และชาวโลกที่ศิษย์ต้าฝ่าช่วยเหลือ ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงแล้วในระยะใกล้ๆนี้  สิ่งที่มนุษย์เฝ้ารอคอย  สิ่งที่ผู้ล่วงรู้อนาคตทำนายเอาไว้ล้วนกำลังปรากฎขึ้น  คนหลงอยู่ในวังวน  ถูกชักนำโดยผลประโยชน์เฉพาะหน้า มายาภาพ  คำลวง  ไม่กล้าเชื่อว่าทุกสิ่งสุดท้ายก็เริ่มต้นขึ้นจริงๆแล้ว  และกำลังประดังกันมา  ดูเหมือนสังคมมนุษย์ยังคงทำไปตามความเคยชิน  ทุกอย่างล้วนแต่ราบเรียบมาก  กำลังเคลื่อนไปตามปกติ  ที่แท้ล้วนแต่กำลังเคลื่อนอยู่เพื่อการเจิ้งฝ่าแล้ว    เมื่อเทพมา ย่อมจะไม่แสดงออกมาในจักรวาลแบบตีฆ้องร้องเป่าว่า “ ฉันมาแล้ว  ฉันพูดอะไรพวกท่านก็ฟังอะไร  ฉันจะนำพวกท่านทั้งหมดขึ้นสวรรค์ไปโดยไม่มีเงื่อนไข ” ไม่อาจเป็นเช่นนี้ได้  บาปที่คนก่อเอาไว้ในประวัติศาสตร์นั้น คนต้องชดใช้   คู่ควรที่จะได้เห็นเทพหรือไม่ ไม่ใช่เรื่องพื้นๆที่คนคิดกันเช่นนั้น  คนคู่ควรจะได้ฝ่าหรือไม่  คู่ควรจะขึ้นสวรรค์หรือไม่  นั่นก็ยังคงต้องถูกทดสอบอยู่ในท่ามกลางวังวน   ดังนั้นเทพจึงไม่อาจปรากฎออกมาในลักษณะนี้   เทพจะปรากฎออกมาในสังคมมนุษย์อย่างเดียวกันกับคน   ทว่าสิ่งที่พูดออกมากลับเป็นสัจธรรม  ก็จะดูระดับศีลธรรมขั้นต่ำของคน  ดูทัศนคติด้านศีลธรรมของคน ว่ายังจะสามารถรับรู้เขา(เทพ)ได้หรือไม่  ยังจะสามารถเห็นด้วยกับมาตรฐานศีลธรรมที่แท้จริง ที่จักรวาลนี้กำหนดให้มนุษย์  และก็คือมาตรฐานสุดท้ายทางศีลธรรมที่ตัดสินว่า คนยังสามารถรับรู้ฝ่าที่มาช่วยเหลือสรรพชีวิตได้หรือไม่  หากสามารถรับรู้ได้ ท่านก็สามารถได้รับการโปรด ได้รับการช่วยเหลือ  หากไม่สามารถรับรู้ได้แล้ว ท่านก็เป็นพวกที่ไม่อาจช่วยเหลือได้แล้ว  ก็ไม่อาจจะเอาไว้แล้ว  นั่นเกิดขึ้นเพราะการพังทลายของศีลธรรมขั้นต่ำสุด  เมื่อไม่มีศีลธรรมแล้วก็ไม่เพียงพอสำหรับมาตรฐานของคนแล้ว     จากอดีตจนปัจจุบัน  ผู้คนไม่ว่าจะอยู่ในสังคมตะวันออกหรือตะวันตก  ก็ล้วนแต่เน้นเรื่องศีลธรรมของคน  พอมาถึงสังคมยุคใกล้ๆ  จะมีสักกี่คนที่เห็นความสำคัญของมัน   สุดท้ายเมื่อเทพจะช่วยเหลือคน แม้ว่าไม่ได้ประเมินมาตรฐานด้านศีลธรรมของคนโดยตรง  แต่ว่าศีลธรรมของท่านเองที่เสื่อมทรามลงก่อให้เกิดการพังทลายจนถึงระดับต่ำสุด  ทำให้ท่านไม่สามารถเห็นพ้องกับฝ่าได้   ไม่สามารถรับรู้ฝ่าได้  นั่นยังจะไม่ใช่สาเหตุที่ท่านไม่สามารถได้รับการโปรด ไม่สามารถได้รับการช่วยเหลือหรอกหรือ

 
          ที่ผ่านมาสังคมมนุษย์ยังคงอยู่ในสภาพการณ์ของทัศนคติทางศีลธรรมที่ค่อนข้างสำคัญระดับหนึ่ง  พอมาถึงยุคใกล้แล้ว คนจะได้รับฝ่า คนจะได้รับการโปรด การช่วยเหลือ  อิทธิพลเก่ามันไม่ยอมให้คนมากมายอย่างนั้นได้รับการช่วยเหลือ  มันจะกวาดล้างคนส่วนหนึ่งทิ้ง  ดังนั้นจึงสร้างพรรคชั่วคอมมิวนิสต์สิ่งนี้ออกมาให้กับสังคมของคน  โดยเฉพาะคือพรรคชั่วคอมมิวนิสต์จีนได้ทำเรื่องมากมายที่ทำลายศีลธรรมของมนุษย์ออกมาแล้ว  และยังสร้างวัฒนธรรมพรรค  ดัดแปลงความนึกคิดของคน  จุดประสงค์ก็คือเมื่อถึงเวลาก็ขัดขวางไม่ให้คนได้ฝ่า  ทัศนคติที่เปลี่ยนแปลงไปแล้วนั้นก็จะใช้ความคิดที่ถูกวัฒนธรรมพรรคชั่วกรอกเข้าไปแล้วนั้นไปมองปัญหา   โยนหลักคิดทั้งหมดของคนทิ้งไป  วัฒนธรรมของคนก็คือชีวิตที่บิดเบือนไป  คืออยู่ในขอบเขตที่จะถูกกวาดทิ้งไป   ประวัติศาสตร์วัฒนธรรม 5 พันปีของจีน  ได้วางรากฐานทั้งหมดทางวัฒนธรรมกับพฤติกรรมความนึกคิดของคน  และเป็นทุกสิ่งที่เทพสร้างขึ้นมาอย่างเป็นระบบ แต่กลับถูกพรรคชั่วที่อิทธิพลเก่าสนับสนุนย่ำยีแล้ว  ทำลายแล้ว ในระยะสั้นๆเพียงไม่กี่สิบปี ก็ปฏิเสธวัฒนธรรมโบราณของจีนมาโดยตลอด  เหยียบย่ำวัฒนธรรมจีนโบราณ  หลักคิด  ศีลธรรม  อารยธรรมที่เทพถ่ายทอดให้กับคน  สุดท้ายเพื่อให้คนใช้มันในการแยกแยะถูกผิด   สามารถใช้มันไปรับรู้ฝ่า  สามารถใช้มันในการรับการช่วยเหลือ  พรรคชั่วคอมมิวนิสต์จีนไม่เพียงมีระบบ  มีเป้าหมายทำลายทุกสิ่งนี้   ในขณะเดียวกันกำลังกรอกวัฒนธรรมพรรคชั่วให้กับคนอย่างมีระบบ อย่างมีเป้าหมาย  มันเรียกว่า “ อบรมคน ”  “ปรับปรุงคน” พูดอย่างชัดแจ้งทีเดียว   ให้โลกทัศน์ของท่านเกิดการเปลี่ยนแปลง  เปลี่ยนเป็นพฤติกรรม ความนึกคิด  วิธีคิด ที่วัฒนธรรมพรรคชั่วสร้างขึ้น   คนจีนที่ถูกดัดแปลงแล้วนั้น จะใช้โลกทัศน์ที่พรรคชั่วกรอกให้ในการรับรู้ความถูกผิดของมนุษย์  ความดีความชั่ว  จึงยากจริงๆที่จะรับรู้ฝ่า รับรู้สัจธรรม  ผู้ที่สูงอายุสักหน่อย คนเฒ่าคนแก่ ในช่วงก่อนที่วัฒนธรรมพรรคจะปรากฏออกมา เคยได้รับการอบรมกล่อมเกลาจากวัฒนธรรมโบราณ ในระยะใกล้นี้แม้จะมีสิ่งที่เป็นของพรรคชั่วคอมมิวนิสต์จีน แต่พวกเขายังมีระดับต่ำสุดของศีลธรรมคงอยู่  สามารถแยกแยะรากฐานของความดีความชั่ว   แต่ที่น่าเวทนาที่สุดคือคนหนุ่มสาวยุคปัจจุบัน  ถูกสำนึกยุคปัจจุบันของพรรคชั่วคอมมิวนิสต์จีนกรอกเข้าไปทั้งหมด  ยังหลงรู้สึกว่าตนเองยอดเยี่ยม  มองอะไรได้ทะลุปรุโปร่ง  หลงผิดไปว่า ความสัมพันธ์ระหว่างคนเรา  ทัศนคติด้านคุณค่า  สภาพที่ยุ่งเหยิงของความสัมพันธ์ด้านศีลธรรมของมนุษยชาติ ซึ่งพรรคชั่วคอมมิวนิสต์จีนมุ่งทำลายอย่างมีเป้าหมายนั้น เป็นสภาพการณ์ที่ต่อเนื่องของประวัติศาสตร์มนุษย์  เป็นความสามารถเดิมของมนุษย์  บวกกับทฤษฎีวิวัฒนาการที่กล่าวไม่ถูกต้อง  พวกเขาก็ถือว่าตนเองเป็นสัตว์จริงๆ  กลับไม่รู้ว่านี่เป็นสิ่งที่พรรคชั่วกระทำอย่างมีเป้าหมาย  คนลืมสิ่งที่มนุษย์รอคอยและเป้าหมายที่แท้จริงของการเป็นมนุษย์ไปแล้ว  แต่วิญญาณชั่วพรรคมารที่ชั่วร้ายกลับรู้ดี  ดังนั้นจึงมีเป้าหมายที่จะทำลายคน   ไม่ใช่อะไรอื่นทั้งนั้น  ความโง่เขลาแบบยุคปัจจุบัน กลับขัดขวางพวกเขารับรู้สัจธรรมของจักรวาลโดยสิ้นเชิง   ดังนั้นจึงน่ากลัวมากสำหรับคนยุคนี้ 

 
          แน่ละ  การเจิ้งฝ่าใช่ไหม ช่วยเหลือสรรพชีวิตใช่ไหม  เทพไม่ใช่สามารถทำอะไรได้ทั้งหมดหรือ  ฝอฝ่าไม่ใช่ไร้ขอบเขตหรือ  ใช่   ในระหว่างที่ช่วยเหลือสรรพชีวิตก็กำลังแสดงพลังฝ่าที่ไร้ขอบเขตของต้าฝ่า  มองจากชั้นผิว  เมื่อต้าฝ่าเพิ่งถ่ายทอดออกมานั้นข้าพเจ้าก็พูดแล้วว่าประตูที่ช่วยเหลือสรรพชีวิตล้วนเปิดออกหมดแล้ว  เปิดจนไม่มีประตูแล้ว  ความผิดใดๆของสรรพชีวิตในประวัติศาสตร์ล้วนไม่มองแล้ว   เนื่องจากระดับชั้นที่ต่างกัน  ชีวิตแต่ละชนิดแต่ละอย่าง  แต่ละประเภทล้วนไม่ดีแล้ว  แต่ละระดับชั้น ต่างไม่สอดคล้องกับมาตรฐานของแต่ละระดับชั้นแล้ว  ไม่ใช่พูดว่าระดับชั้นสูงไม่สอดคล้องกับมาตรฐานระดับชั้นต่ำแล้ว  เทพต้องสอดคล้องกับมาตรฐานระดับชั้นที่เทพอาศัยอยู่   ท่านสอดคล้องกับมาตรฐานของคนก็ใช้ไม่ได้  หากสอดคล้องกับมาตรฐานของคนก็คือคนแล้ว   จึงพูดว่า ชีวิตในระดับชั้นที่ต่างกันล้วนไม่สอดคล้องกับมาตรฐานของระดับชั้นที่ต่างกันแล้ว  รวมทั้งคนก็ไม่ใช่มาตรฐานของคนแล้ว  ในเวลานี้         จะทำ อย่างไรเพื่อช่วยเหลือสรรพชีวิต

 
          ทุกท่านทราบว่า ในจักรวาลยังมีชีวิตด้านบวกและด้านลบคงอยู่  มีพระพุทธ  มีมาร  มีเทพที่ถูกต้อง และเทพที่ไม่ดี  ล้วนแต่เป็นปฏิปักษ์ต่อกัน  เพราะพวกเขาเป็นผลผลิตที่จำเป็นต้องมีอยู่ในจักรวาล  ฉะนั้นหากคิดจะช่วยเหลือสรรพชีวิต  จึงมีเพียงวิธีเดียว คือ บรรดาความผิดที่สรรพชีวิตทำในระหว่างขั้นตอนของชีวิตนั้น ไม่อาจไปพิจารณาอีกแล้ว  ต้องขจัดทิ้งบรรดาความผิดที่สรรพชีวิตทำไว้ในประวัติศาสตร์จึงจะสามารถช่วยเหลือพวกเขาได้  หรือพูดได้ว่า  ทั่วทั้งจักรวาลล้วนใช้ไม่ได้แล้ว  ยังจะไปเลือกว่าใครยังดีกว่าใครสักหน่อยเพื่ออะไรกัน  ที่ว่าดีกว่าใครสักหน่อยนั้นก็ไม่อาจจะบรรลุถึงมาตรฐานของจักรวาลได้  ดังนั้นในระหว่างการช่วยเหลือจึงไม่พิจารณาสิ่งเหล่านี้แล้ว  แล้วดูอะไรละ  ก็ดูว่าในเวลาที่ได้รับการช่วยเหลือนั้น  เขาสามารถจะรับรู้ฝ่านี้ที่ช่วยเหลือเขาได้หรือไม่  เนื่องจากทุกสิ่งในอนาคตล้วนแต่เป็นสิ่งที่ฝ่านี้สร้างขึ้นมา  ชีวิตในอนาคตจะดำรงอยู่ในสภาพแวดล้อมของการดำรงชีพที่ฝ่านี้มอบให้แก่เขา  ใครที่สามารถจะเข้าไปสู่อนาคต ก็จะต้องถูกฝ่าชำระล้างให้สะอาด  หล่อหลอมเข้ากับฝ่าจึงจะสามารถเข้าไปสู่อนาคต  ฉะนั้นหากแม้แต่ฝ่านี้ท่านก็ไม่สามารถรับรู้ได้แล้ว  ก็ไม่อาจจะเหลือเอาไว้ได้อย่างแน่นอน  หากเหลือเอาไว้แล้วท่านจะไปไหนได้ละ  จักรวาลในอนาคตคือสิ่งที่ฝ่านี้สร้างขึ้นมา  ไม่มีที่อยู่ของท่านแล้ว  ท่านก็จะไม่คงอยู่อีกแล้ว

 
          พูดให้ชัดสักหน่อย  คือขณะนี้กำลังเจิ้งฝ่าอยู่  ไม่ดูว่าในประวัติศาสตร์สรรพชีวิตได้ทำบาปไว้มากเพียงไร   ทำผิดไว้มากมายเพียงไร  ดูเพียงท่าทีต่อต้าฝ่าในช่วงเวลาของการเจิ้งฝ่า และท่าทีต่อศิษย์ต้าฝ่า  ก็คือเส้นแบ่งนี้  เส้นแบ่งนี้ที่จริงก็ไม่ใช่เส้นแบ่งอะไรแล้ว  ก็คือท่านเองคิดหรือไม่ที่จะไปสู่อนาคต  ในท่ามกลางคำลวงโลกและวัฒนธรรมที่ชั่วร้ายซึ่งพรรคชั่วคอมมิวนิสต์จีนสร้างขึ้น  มีสักกี่คนที่สามารถรับรู้ได้ถึงจุดนี้  มีสักกี่คนที่สามารถแยกแยะถูกผิดได้  มีสักกี่คนสามารถรู้ชัดในความชั่วร้ายของพรรคชั่วคอมมิวนิสต์จีน  เป็นเรื่องที่ยากมาก  ดังนั้นศิษย์ต้าฝ่าจึงได้อธิบายความจริง  เปิดโปงความชั่วร้าย  บอกให้ชาวโลกรู้ชัดเกี่ยวกับพรรคชั่วคอมมิวนิสต์จีน  เช่นนี้จึงสามารถช่วยเหลือชาวโลกได้   นี่ก็คือสิ่งที่เหล่าศิษย์ต้าฝ่าต้องทำ


          บางคนพูดว่า  พวกท่านแจก “จิ่วผิง”ก็ดี  เปิดโปงพรรคชั่วคอมมิวนิสต์จีนก็ดี นี่ไม่ใช่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองหรือ อะไรที่เรียกว่าการเมือง  ตามหลักคิดของชาวตะวันตก ในสังคม นอกเหนือจากกิจกรรมทางศาสนาแล้ว ล้วนคือการเมือง  ทั่วโลกล้วนรับรู้คำจำกัดความของคำว่า “การเมือง”กันอย่างนี้   กิจกรรมทางศาสนาจัดเป็นกิจกรรมทางสังคม ในกิจกรรมของสังคม นอกเหนือจากกิจกรรมทางศาสนาชนิดนี้แล้ว  (ที่เหลือ)ล้วนจัดอยู่ในขอบเขตของการเมือง   อะไรที่ไม่นับเป็นกิจกรรมทางการเมือง  ท่านทำกับข้าวอยู่ในบ้าน ใช้ชีวิตอยู่ในบ้าน  นี่ไม่นับเป็นการเมือง  เรื่องใดๆของท่านเพียงแต่เข้าสู่สังคมก็นับเป็นการเมือง  นี่เป็นการพูดจากมุมมองของสังคมเสรี  ถึงแม้จะยืนอยู่บนทัศนคติด้านการเมืองที่ถูกพรรคชั่วบิดเบือนไปแล้ว  ก็ไม่มีอะไรยิ่งใหญ่  การเมืองที่ถูกบิดเบือนไปแล้วนั้นเป็นกระบองที่ใช้ตีคน  หากอาศัยการเมืองแล้วช่วยเหลือคนได้ เช่นนั้นพวกเราย่อมใช้ได้  จะเป็นไรไปละ  เมื่อครู่ข้าพเจ้าพูดไปแล้ว ทุกสิ่งในตรีภูมิล้วนสร้างขึ้นมาเพื่อต้าฝ่า  เกิดขึ้นเพื่อต้าฝ่า  มาเพื่อต้าฝ่า  หากไม่มีเรื่องเจิ้งฝ่านี้ก็ไม่มีทุกสิ่งของมนุษย์   ฉะนั้นหากลองเปลี่ยนรูปแบบความคิดดู  ทุกท่านคิดซิว่า ใช่หรือไม่ว่าทุกสิ่งนี้ล้วนแต่มอบให้กับต้าฝ่าใช้เพื่อช่วยเหลือคน  เพื่อให้ศิษย์ต้าฝ่าใช้บำเพ็ญ  ใช่อย่างแน่นอน ดูเพียงว่าข้าพเจ้าหลี่ หงจื้อ   เลือกอะไรให้กับศิษย์ต้าฝ่า


          พูดจากอีกมุมหนึ่ง รูปแบบการบำเพ็ญของศิษย์ต้าฝ่ากับรูปแบบการบำเพ็ญในประวัติศาสตร์นั้นล้วนไม่เหมือนกัน  นี่ก็ทำให้คนจำนวนมากตามไม่ทัน  งุนงง  หากใช้รูปแบบความคิดที่พรรคชั่วคอมมิวนิสต์จีนสร้างให้กับเขา  มารับรู้ประวัติศาสตร์และความสัมพันธ์ในยุคปัจจุบัน  (หรือ)ความสัมพันธ์ระหว่างการบำเพ็ญในศาสนาที่ผ่านมากับการบำเพ็ญของศิษย์ต้าฝ่า พวกเขาเข้าใจว่าการบำเพ็ญชนิดนั้นในอดีตก็คือคนบำเพ็ญ  รูปแบบความเชื่อต่อเทพชนิดนั้นในอดีต ก็คือสามารถกลับสู่สวรรค์ได้จริง      กลับสู่สวรรค์ไม่ได้อย่างแน่นอน ปัจจุบันนี้คนมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆรู้กันแล้ว  รวมทั้งคนในสังคมตะวันตก  ล้วนรู้กันมากขึ้นเรื่อยๆว่าคนนั้นเวียนว่ายตายเกิดอยู่  เพียงท่านมาถึงคนที่ตรงนี้  ใครก็ขึ้นสวรรค์ไม่ได้  นี่เป็นเรื่องแน่นอน  ไม่มีใครสามารถขึ้นสวรรค์ได้แล้ว  จิตรองนั้นเขาไม่ได้อยู่ในตรีภูมิ ทว่าอยู่ในขอบเขตของตรีภูมิ  ก็เหมือนกับที่ข้าพเจ้ายืนอยู่ในขอบเขตของโต๊ะ(โพเดียม)ตัวนี้  แต่ข้าพเจ้าหาได้เข้าไปในโต๊ะไม่  ดังนั้นจิตรองของคนสามารถบำเพ็ญสำเร็จกลับสู่สวรรค์  แม้จะเป็นเช่นนี้ แต่เนื่องจากเขาอยู่ใกล้ตรีภูมิ  หลังจากกลับสู่สวรรค์แล้ว  เทพที่สูงยิ่งกว่ายังคงต้องใส่ครอบอันหนึ่งให้กับเขา ซึ่งจะแยกออกจากชีวิตบนสวรรค์ตลอดไป  ตัวเขาเองมองไม่เห็นครอบอันนี้  จุดประสงค์คือไม่ให้เขาปนเปื้อนสวรรค์  ไม่ให้ปนเปื้อนสรรพชีวิตบนสวรรค์ ถ้าข้าพเจ้าไม่พูดออกมาเรื่องนี้แม้แต่เทพก็ไม่รู้

หรือพูดได้ว่า ใครที่เข้าสู่ตรีภูมิ  ใครที่มาถึงคนที่ตรงนี้ ก็คือตกลงมาแล้ว ก็คือจะกลับขึ้นไปไม่ได้อีกแล้ว  เนื่องจากมนุษย์ในอดีตนั้นไม่มีฝ่าที่แท้จริง   ที่สามารถทำให้คนกลับขึ้นไปสวรรค์ได้  ที่พูดกันว่าองค์ศากยมุนีได้ถ่ายทอดฝ่า  พระเยซูก็พูดถึงหลักธรรมของพระองค์  ที่จริงสิ่งที่พวกเขาพูดนั้นเพียงพูดให้กับจิต จิตหนึ่งของคนคือ จิตรองฟัง  ส่วนคนที่ฝั่งนี้ไม่สามารถเข้าใจได้  จึงทำให้การบำเพ็ญของเขา  คน ณ ชั้นผิวกับจิตหลักไม่มีทางเปลี่ยนแปลง  ผู้คนพูดกันว่าองค์ศากยมุนีพุทธะถ่ายทอดฝ่าไว้อย่างไรๆ  พวกเขาเพียงวางรากฐานทางวัฒนธรรมของมนุษย์ไว้เท่านั้น  เมื่อตอนเริ่มต้นข้าพเจ้าเคยพูดเรื่องเหล่านี้    นับตั้งแต่คน(รุ่นแรก)ที่เทพเพิ่งสร้างขึ้นมานั้น  สมองว่างเปล่า ไม่มีความสามารถที่จะรับรู้ต่อโลกนี้  ไม่มีการปฏิบัติที่เป็นจริงในสังคม  ไม่ได้ผ่านประสบการณ์  กระทั่งในการดำรงชีพของคนล้วนรับรู้ต่อฤดูกาลทั้งสี่ได้ไม่ชัดเจน   ต้องให้คนมีขั้นตอนเช่นนี้ในการรับรู้ต่อโลก   มีขั้นตอนของการวางรากฐานทางวัฒนธรรมชนิดต่างๆอย่างต่อเนื่อง  ฉะนั้นจึงต้องสร้างระบบหนึ่งไว้ให้คน  สร้างรูปแบบความคิดที่ถูกต้องและหลักคิดด้านศีลธรรม  นี่ต้องผ่านขั้นตอนประวัติศาสตร์ที่ยาวนานระยะหนึ่ง จึงจะก่อเกิดขึ้นมาได้  ดังนั้นมนุษย์ในประวัติศาสตร์จึงต้องผ่านกาลเวลานานปีอย่างนั้น  ไม่อาจจะสร้างตรีภูมิกับมนุษย์ออกมาในทันทีที่ถึงเวลาเจิ้งฝ่า  ทำไม่ได้  จำเป็นต้องมีขั้นตอนประวัติศาสตร์นี้  ทำให้คนในระหว่างเดินผ่านขั้นตอนประวัติศาสตร์นี้ สามารถยึดกุมได้จากการปฏิบัติที่เป็นจริงไปสู่หลักเหตุผล  จึงจะสามารถวางรากฐานสภาพการณ์ของมนุษย์ในวันนี้  ความคิดของมนุษย์ รูปลักษณ์ภายนอกของมนุษย์  หลักคิดด้านศีลธรรมของมนุษย์และพฤติกรรมของมนุษย์


          ฉะนั้นสำหรับขั้นตอนนี้ของการปฏิบัติและรับรู้ต่อโลกนี้  ในเวลาเดียวกับที่วางรากฐานวัฒนธรรมของคน  แน่ละก็ต้องบอกสิ่งที่สำคัญที่สุดให้กับคนด้วยว่า อะไรคือเทพ  อะไรคือพระพุทธ  อะไรคือเต๋า  อะไรคือเทพที่ต่างๆกัน   จะวางรากฐานกันอย่างไร   จึงได้บอกให้เทพเหล่านี้จุติลงมา  บอกให้คนรับรู้โดยอาศัยรูปแบบการช่วยเหลือคน  ที่จริงนะ  ที่พูดกันว่าช่วยเหลือคนนั้น  เมื่อครู่ข้าพเจ้าพูดไปแล้วว่า ที่ช่วยเหลือนั้นคือจิตรอง  คนไหนๆก็ไม่สามารถขึ้นไปบนสวรรค์  ล้วนเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในโลก  เนื่องจากจิตรองนี้อยู่ ณ รูปลักษณ์ภายนอกของคน เป็นผลให้ตัวเขากับรูปลักษณ์ของคนนั้นเหมือนกัน  ผู้มีรากฐานปัญญาดี จะมองเห็นว่า(คน)ขึ้นสวรรค์ไปแล้ว  เทพองค์นั้น(ที่ขึ้นสวรรค์)เป็นเพียงจิตรองหนึ่งของคนที่มีรูปร่างเหมือนกับคนเท่านั้นเอง  ที่จริงกลับไม่ใช่ร่างหลักของคนๆนี้  คนๆนี้ยังคงต้องเวียนว่ายตายเกิด  ประวัติศาสตร์ก็มีการวางรากฐานแบบทีละก้าวๆอย่างนี้จนถึงทุกวันนี้   สร้างคนให้เป็นคนอย่างนี้ที่มีความนึกคิดและพฤติกรรมของคนในยุคปัจจุบัน  เมื่อมาถึงประวัติศาสตร์ของมนุษย์ในก้าวสุดท้ายนี้ ทำให้คนสามารถรับรู้ฝ่าได้  ฉะนั้นจึงพูดได้อีกอย่างว่า การปรากฏขององค์ศากยมุนีกับเทพจำนวนหนึ่งในประวัติศาสตร์  ก็คือปรากฏการณ์ของการถ่ายทอดวัฒนธรรมโดยเทพ    ซึ่งที่จริงก็คือการวางรากฐานให้คนสามารถรับรู้ต่อเทพได้ เป็นขั้นตอนทางความคิดขั้นตอนหนึ่งเช่นนี้ การวางรากฐานวัฒนธรรมต่อการรับรู้เทพของคน  หาไม่แล้ว  วันนี้เมื่อข้าพเจ้าออกมาถ่ายทอดฝ่า  พวกท่านไม่รู้ว่าอะไรคือเทพ  ไม่รู้ว่าอะไรคือพระพุทธ อะไรคือเต๋า  ข้าพเจ้าก็บรรยายฝ่านี้ได้ยากมากจริงๆ จะบรรยายกันอย่างไร  ข้าพเจ้าก็ต้องอธิบายคำเหล่านี้คือ พระพุทธเอย  เต๋าเอย  เทพเอย  ว่าคืออะไร  มีลักษณะพิเศษอะไร  ทำอะไรกัน  โปรดคนกันอย่างไร อะไรคือการโปรดคน  คนที่ได้รับการโปรดมีสภาพอย่างไรเป็นต้น ต้องอธิบายออกมาให้พวกท่านทั้งหมด  และแม้จะอธิบายให้แล้วก็จะไม่มีการปฏิบัติและรับรู้  ไม่มีภาพลักษณ์  ไม่มีขั้นตอนของการรับรู้  จะถ่ายทอดฝ่านี้ได้อย่างไรกัน   จะเข้ากันได้อย่างไร   ดังนั้นในระหว่างขั้นตอนของประวัติศาสตร์จึงจำเป็นต้องทำเรื่องเหล่านี้ทั้งหมดให้สำเร็จ  เมื่อถึงวันนี้คนจึงจะสามารถรับรู้ว่าอะไรคือเทพ  อะไรคือฝ่า  อะไรคือการบำเพ็ญ  อะไรคือหยวนหมั่น    เป็นต้น

 
             นี่พูดถึงว่า อะไรคือการบำเพ็ญ    การบำเพ็ญของศิษย์ต้าฝ่าในวันนี้จึงเป็นการบำเพ็ญที่แท้จริง  คือคนสามารถบำเพ็ญได้อย่างแท้จริงแล้ว  ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์   อะไรที่เรียกว่าการโปรดสรรพชีวิต   เทพได้ตกทอดวัฒนธรรมนี้เอาไว้ให้  แต่เขา (เทพ)กลับไม่ได้ไปทำเรื่องนี้อย่างแท้จริง   ทว่าข้าพเจ้าได้ทำแล้ว   และขณะนี้ยังเป็นพวกท่านศิษย์ต้าฝ่าที่กำลังช่วยเหลือสรรพชีวิต    และกำลังมุ่งช่วยเหลือมนุษยชาติทั้งหมด  ( เสียงปรบมือ ช่วยเหลือคนทั้งหมด   ฉะนั้นจึงพูดได้ว่า  ทุกสิ่งที่ศิษย์ต้าฝ่าทำนี้ ไม่ว่าท่านเข้าร่วมในเรื่องอะไร   ท่านเดินอยู่บนถนนอธิบายความจริง  แจกเอกสาร  หรือนั่งอยู่หน้าสถานกงสุลจีนเปิดโปงความชั่วร้าย   ท่านล้วนแต่กำลังบำเพ็ญตัวเองอยู่   ยืนยันความถูกต้องให้ฝ่า  พร้อมกับกำลังช่วยเหลือชาวโลกไปด้วย   นี่ก็คือสิ่งที่ศิษย์ต้าฝ่าทำกัน  ดูเหมือนธรรมดาๆ   ทว่าล้วนแต่ยิ่งใหญ่  ล้วนแต่ยอดเยี่ยม  เนื่องจากอาชีพต่างๆของมนุษย์  สภาพแวดล้อมใดๆ ก็คือสถานที่บำเพ็ญของพวกท่าน  ในอดีตที่พูดถึงการบำเพ็ญ  พอเริ่มบำเพ็ญก็เข้าไปในวัดแล้ว  ขึ้นเขาแล้ว  วิธีการบำเพ็ญอย่างนี้ที่ข้าพเจ้ากำหนดให้ศิษย์ต้าฝ่านั้น มีคนจำนวนมากไม่เข้าใจ   ทำไมจึงบำเพ็ญโดยยังไปทำงานกันอยู่นะ  ทำไมไม่ออกบวชบำเพ็ญละ  ใช่ซิ   ที่จริงในประวัติศาสตร์องค์ศากยมุนีเคยพูดไว้ว่า  ในเวลาที่ราชาศักดิ์สิทธิ์แห่งธรรมจักรหมุน(จ้วนหลุนเซิ่งหวาง)ลงมาอยู่ในโลกนั้น คนไม่ต้องหลีกหนีจากเรื่องทางโลกก็สามารถบำเพ็ญสำเร็จเป็นพระยูไลได้   เช่นนั้นที่ว่าไม่หลีกหนีจากเรื่องทางโลกนั้น   ไม่หลีกหนีจากเรื่องทางโลกอย่างไรกัน  โดยเฉพาะในสังคมเช่นทุกวันนี้ จะบำเพ็ญกันอย่างไรละ


         เมื่อครู่ข้าพเจ้าพูดไปแล้ว  แต่ก่อนข้าพเจ้าก็เคยพูดถึงประเด็นนี้  ศิษย์ต้าฝ่านั้นมีอยู่ในสาขาอาชีพต่างๆในทุกระดับชั้นของสังคม  กำลังช่วยเหลือสรรพชีวิตในสาขาอาชีพต่างๆ  กำลังยืนยันความถูกต้องให้ฝ่า  แสดงบทบาทของศิษย์ต้าฝ่าอยู่  อันที่จริง พวกท่านที่อยู่ในสาขาอาชีพต่างๆสามารถทำทุกสิ่งที่ควรทำให้ดีได้  ก็คือท่านกำลังบำเพ็ญอยู่  สาขาอาชีพต่างๆ ในโลกล้วนหยิบยื่นสถานที่บำเพ็ญให้กับท่าน   นี่ก็วกกลับไปยังประเด็นเมื่อครู่นี้อีก  ทุกสิ่งของมนุษย์ในตรีภูมิล้วนเกิดขึ้นเพื่อต้าฝ่า  สร้างขึ้นเพื่อต้าฝ่า  มาเพื่อต้าฝ่า   ของชนิดไหนๆ  อาชีพไหนๆล้วนสามารถบำเพ็ญได้ทั้งนั้น    พูดได้อีกอย่างหนึ่งคือ สังคมมนุษย์ก็คือสนามฝึกพลังขนาดใหญ่ที่ศิษย์ต้าฝ่าของข้าพเจ้าบำเพ็ญกัน  อยู่ที่ไหนก็สามารถบำเพ็ญได้ทั้งนั้น  ดูแค่ว่าการบำเพ็ญของท่านก้าวหน้าหรือไม่ก้าวหน้า  ในนั้นรวมทั้งพฤติกรรมที่เป็นสายลับของท่าน (ที่ประชุมหัวเราะ) ล้วนสามารถบำเพ็ญได้  ช่วยเหลือสรรพชีวิตได้   ดูแค่ว่าใจของท่านนั้นวางไว้ตรงไหน  ดูแค่ว่าท่านมีท่าทีต่อฝ่าอย่างไร

 
          เมื่อครู่ ปัญหาเหล่านี้ที่ข้าพเจ้าพูดนั้น  ที่จริงฝ่าเหล่านี้เมื่อก่อนล้วนแต่เคยพูดไปแล้ว  เพียงแต่เปลี่ยนมุมพูดกับพวกท่านอีกครั้ง   ข้าพเจ้าอยากจะใช้เวลาที่เหลือสักเล็กน้อยตอบปัญหาให้ทุกท่านสักหน่อย  (เสียงปรบมือนานมาแล้วที่ไม่ได้พบหน้ากัน   หลายคนก็มีปัญหามากมายจะถาม  แต่ว่ามักจะมีบางคนที่ไม่ก้าวหน้าก็เปลี่ยนเป็นก้าวหน้าแล้ว  ทางที่คนอื่นเดินผ่านไปแล้ว เขายังคงต้องเดินอีกสักครั้ง  ปัญหาที่คนอื่นเคยถามแล้ว เขาก็ยังจะถาม (ที่ประชุมหัวเราะ) ยังมีคนส่วนหนึ่ง  เขาก็ไม่ค่อยได้อ่านหนังสือ  ในหนังสือได้ตอบไปหมดแล้ว  เขาไม่ดูหนังสือ  ดังนั้นพอได้พบกับข้าพเจ้าเขาก็ยังจะถาม(ที่ประชุมหัวเราะไม่ว่าอย่างไรก็ตาม  สามารถเป็นศิษย์ต้าฝ่า  สามารถบำเพ็ญอยู่ในต้าฝ่า  ควรพูดว่ายอดเยี่ยมแล้วทั้งนั้น  มีคำถามก็ถามได้  ข้าพเจ้าเป็นอาจารย์ใช่ไหม  ในฐานะที่เป็นศิษย์  โดยเฉพาะคือเป็นปัญหาการบำเพ็ญ  เรื่องที่สำคัญอย่างนี้  แน่ละก็ต้องบอกพวกท่าน  ต้องอธิบายให้กับพวกท่าน  จากนี้ให้ทุกท่านใช้วิธีส่งคำถามขึ้นมา  ยังมีอยู่จุดหนึ่ง  ไม่นับห้องประชุมย่อย  พวกท่านที่กำลังนั่งอยู่เดี๋ยวนี้มีสามพันกว่าคน  ถ้าแต่ละคนเขียนหนึ่งคำถาม เราก็อ่านกันไม่หมด (อาจารย์หัวเราะ) ฉะนั้นหนา พวกเขาทีมจัดงานประชุมยังคงต้องจัดการรวบรวมสักหน่อยก่อนแล้วค่อยส่งขึ้นมา(อาจารย์เปลี่ยนจากยืนเป็นนั่ง  ที่ประชุมปรบมือ)

 

 

ศิษย์ศิษย์อู่ฮั้นและเซินเจิ้นฝากสวัสดีท่านอาจารย์ (เสียงปรบมือ) ปักใจจะทำสามเรื่องให้ดี เดินให้ดีบนหนทางช่วงสุดท้าย

อาจารย์ข้าพเจ้าเชื่อ ต้องทำได้แน่ ขอบใจทุกท่าน (เสียงปรบมือ)

ศิษย์: ผมพบว่าเรื่องที่กระทบต่อการยกระดับของตนเองคือ ยืนหยัดไม่เพียงพอในความเชื่อที่ถูกต้อง  ในระดับจุลทรรศน์มีองค์ประกอบของความไม่เชื่อ ทำให้ผมรู้สึกปวดร้าวใจมาก ศิษย์อยากจะตามท่านอาจารย์กลับบ้านมากจริงๆ

อาจารย์: แน่ละ  จากตัวหนังสือในใบคำถามนั้นสามารถเห็นองค์ประกอบของความบกพร่อง  ในขณะเดียวกันก็คิดอยากจะบำเพ็ญให้ดี ข้าพเจ้าว่าขอเพียงอ่านฝ่าให้มากก็จะสามารถคลายปมในใจได้  ก็ย่อมจะบำเพ็ญได้ดีแน่นอน ไม่มีวิธีพิเศษอะไร  หากแต่ละคนนั้นให้อาจารย์จูงมือนำการบำเพ็ญด้วยตัวเอง  ต่อหน้าคนทั่วโลกที่มากมายอย่างนี้  ย่อมเป็นไปไม่ได้  ดังนั้นที่ผ่านมาข้าพเจ้าพูดมาโดยตลอดว่า ต้องถือเอาฝ่าเป็นอาจารย์  ข้าพเจ้าบอกว่า อาจารย์ได้ใส่ทุกสิ่งเข้าไปในฝ่าชุดนั้นแล้ว  จนถึงเดี๋ยวนี้มีไม่กี่คนที่สามารถเข้าใจได้ว่า คำพูดที่ข้าพเจ้าพูดนี้มีน้ำหนักมากเพียงไร

ข้าพเจ้าจะบอกกับพวกท่านในวันหน้า   แต่พวกท่านต้องยึดกุมฝ่านี้ไว้ให้มั่นในการบำเพ็ญ  ก็จะบำเพ็ญสำเร็จอย่างแน่นอน  ดังนั้นต้องอ่านหนังสือให้มาก ศึกษาฝ่าให้มาก

ศิษย์ : ผมขอสวัสดีท่านอาจารย์ที่เคารพแทนศิษย์ที่เซิ่นหยาง ( อาจารย์ – ขอบใจ ) (เสียงปรบมือ) ในเวลาที่ชำระล้างสนามมิติของตนเองนั้น  ทำท่าเจียอิ้นหรือตั้งมือขึ้นครับ

อาจารย์: เวลาเจียอิ้นก็คือ กำลังชำระล้างความคิดและร่างกายของตนเอง  พอตั้งมือขึ้นคือกำลังส่ง(เจิ้งเนี่ยน)ออกไป  รูปแบบชั้นนอกเพียงแต่เพื่อเวลาที่ฟาเจิ้งเนี่ยนอยู่ ความคิดต้องเพิ่มความแน่วแน่ยิ่งขึ้น  ในการทำเรื่องนี้ให้ใจจดจ่อยิ่งขึ้น  ที่จริงเวลาที่เจิ้งเนี่ยนแข็งแกร่งนั้น เพียงแต่ใช้ความคิดก็แก้ไขปัญหาได้แล้ว   

ศิษย์: ศิษย์อันฮุยปั้งปู้   เหอเฝย   ไฮวหนาน ทั้งหมดขอสวัสดีท่านอาจารย์ที่เคารพ พวกเราคิดถึงท่านมาก  เมื่อไรจึงจะได้พบท่านอาจารย์ผู้มีพระคุณ  ปัจจุบันเด็กอายุหกขวบในประเทศจีนเพิ่งเข้าโรงเรียนได้สองเดือน ทั้งหมดก็ต้องเข้าองค์กรยุวชนพร้อมกัน  เช่นเด็กๆเหล่านี้ เวลาที่พรรคมารล่มสลาย จะมีอันตรายไปด้วยหรือไม่

อาจารย์ : เด็กๆนั้นไม่นับ  ฝืนลากเขาเข้าไปในองค์กร  ล้วนไม่นับ (เสียงปรบมือ) โดยเฉพาะเด็กที่อายุต่ำกว่าหกขวบ ยิ่งไม่นับ (เสียงปรบมือ) พรรคมารคอมมิวนิสต์จีนหลับหูหลับตาทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า(ที่ประชุมหัวเราะ) ทำซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่นับ (ที่ประชุมหัวเราะ)

ศิษย์: ศิษย์ต้าฝ่าตุรกีทั้งหมดขอสวัสดีท่านอาจารย์ที่เคารพ  ขอขอบพระคุณต่อการช่วยเหลือของท่านอาจารย์ที่เคารพ

อาจารย์ - ขอบใจทุกท่าน

ศิษย์: การแพร่กระจายของ “จิ่วผิง” กับการอธิบายความจริงของศิษย์ต้าฝ่าทำให้สภาพแวดล้อมของแผ่นดินใหญ่เปลี่ยนแปลงอย่างมาก  เรียนถามท่านอาจารย์ที่เคารพว่า ปัจจุบันพวกเราจะอาศัยการไปปฏิบัติงานนอกสถานที่เป็นต้น เป็นเหตุผลกลับประเทศจีนได้หรือไม่

อาจารย์ : รอสักหน่อยเถอะ (อาจารย์หัวเราะ) สถานการณ์เจิ้งฝ่าทั่วทั้งหมดกำลังก้าวหน้าทะลุทะลวงสู่ชั้นผิวอย่างรวดเร็วมาก เร็วมากๆแล้ว  ดังนั้นองค์ประกอบของสิ่งชั่วร้ายจึงดับสลายไปอย่างมากเป็นพิเศษ  ในระหว่างการเจิ้งฝ่า(พวกมัน)ทั้งหมดกำลังดับสลาย ในมิติชั้นผิวก่อนที่เจิ้งฝ่ายังมาไม่ถึง  ในสภาพการณ์ที่เจิ้งเนี่ยนของศิษย์ต้าฝ่าแข็งแกร่งมากนั้นก็กำลังดับสลายองค์ประกอบที่ชั่วร้ายเป็นจำนวนมากมหาศาล  ศิษย์ต้าฝ่าทั่วโลก  รวมทั้งศิษย์ต้าฝ่าในจีนแผ่นดินใหญ่ ก็กำลังดับสลายพรรคมารและผีวุ่นวายเหล่านั้นอย่างรวดเร็ว  โดยเฉพาะคือ ช่วงไม่นานมานี้  เหล่าเทพถูกต้องก็กำลังจับอิทธิพลเก่าสังหารอย่างทั่วด้าน  พบเห็นเมื่อไรก็ตีตกนรกไป  หากไม่เห็นก็ไปค้นหาพวกมันทั่วทุกแห่งหน ต้องขจัดมันให้สิ้นซาก (เสียงปรบมือ) รวมทั้งองค์ประกอบจำนวนหนึ่งที่อิทธิพลเก่าจัดวางไว้ก็กำลังดับสลาย  ขณะนี้ยังมีอีกปัญหาหนึ่งก็คือ  หลายวันก่อนข้าพเจ้าเคยพูดเกี่ยวกับเทพวุ่นวายเหล่านั้นในศาสนา  ก็กำลังชำระสะสางอยู่  ดังนั้นสถานการณ์จะเปลี่ยนแปลงเร็วมาก  แต่ ก่อนที่สิ่งชั่วร้ายจะถูกชำระสะสางไปหมด มันจะยังทำเรื่องไม่ดีต่อไป  และมันจะรวมตัวกันไปที่คนที่เลวมากๆ  เรื่องที่เลวมากๆเหล่านั้น  ฉะนั้นอย่าเพิ่งรีบร้อน

ศิษย์ : นักเรียนของโรงเรียนศิลปะเฟยเทียนที่ร่วมการออกตระเวนแสดงนั้น ในจังหวะก้าวของการเจิ้งฝ่ามีบทบาทอย่างไร ยังจำเป็นต้องเล่าเรียนให้สำเร็จระดับมัธยมและอุดมศึกษาหรือไม่

อาจารย์: โรงเรียนศิลปะเฟยเทียนเป็นโรงเรียนวิชาเฉพาะทาง  ที่จะฝึกฝนบุคลากรชั้นนำ  แน่ละย่อมมีวิชาวัฒนธรรม  และวิชาด้านวัฒนธรรมนี้ยังต้องเข้าร่วมสอบในระบบมัธยมของอเมริกา ดังนั้นวิชาวัฒนธรรมก็จะไม่ตกหล่นไป  ศิษย์ต้าฝ่าก็กำลังทำอยู่  และกำลังทำให้สมบูรณ์อยู่อย่างต่อเนื่อง

บทบาทการยืนยันความถูกต้องของนักเรียนโรงเรียนศิลปะการเต้นเฟยเทียน นั้นไม่ใช่ย่อย  ในการอธิบายความจริงของทุกท่านไม่สามารถมุ่งต่อคนจำนวนมากได้ในทันที  แม้ในการอธิบายความจริงของศิษย์ต้าฝ่าได้ช่วยเหลือคนไว้มากมาย  แต่ว่าต่อหน้าคนทั้งโลกหลายพันล้านคน  เมื่อทำขึ้นมาก็ยังมีความยากอย่างมาก  จุดนี้ทุกท่านก็เห็นแล้ว  โดยเฉพาะคือเมื่อทุกท่านกำลังอธิบายความจริง  มักจะทำทีละคนๆ หรือไม่กี่คน   แต่การแสดงศิลปะออกแสดงเวทีหนึ่งก็หลายพันคน อย่างน้อยที่สุดคือ หนึ่งพันคน  โดยเฉพาะคือตั้งแต่เทศกาลคริสต์มาส ตลอดมาจนถึงเวลานี้ ผลลัพธ์ดีมาก  โดยพื้นฐานผู้ที่ได้ชมแล้วร้อยทั้งร้อยเกิดการเปลี่ยนแปลง  ระยะแรกมีการจัดสายลับหลายคนมาก่อกวน  เรื่องเหล่านี้ได้เตรียมป้องกันไว้แล้ว  หลังจากนั้นมาก็ไม่มีปัญหาอย่างนี้อีกแล้ว  เมื่อคนออกมาจากโรงละคร  ท่าทีที่มีต่อศิษย์ต้าฝ่าเปลี่ยนไปร้อยทั้งร้อย  ท่าทีต่อฝ่าหลุนกงได้เปลี่ยนไปแล้ว  พอความคิดของคนเคลื่อนไหว  นั่นก็เป็นการตัดสินแล้วถึงการอยู่เหลือรอดหรือไม่ของเขา

ปัจจุบันนักเรียนชั้นเรียนใหญ่ กำลังแสดงอยู่ข้างนอก การออกตระเวนแสดงรอบนี้มีผู้ชม สองแสนกว่าคน ทุกท่านคิดดู เรื่องนี้ที่ทำเป็นอย่างไรบ้าง (เสียงปรบมือ)ข้าพเจ้ารู้สึกว่าคุ้มค่า (ที่ประชุมหัวเราะดังนั้นคณะเดียวไม่พอใช้  สองคณะ  สามคณะ  ช่วยเหลือสรรพชีวิตใช่ไหม  ศิษย์ต้าฝ่าเล็กๆเหล่านี้ไม่เพียงทำเรื่องช่วยเหลือสรรพชีวิต   พวกเขาก็กำลังยกระดับตนเองในท่ามกลางการบำเพ็ญ พวกเขาเองก็กำลังสร้างความสำเร็จให้กับตัวเอง  การทำเรื่องนี้ของพวกเขา ก็เป็นการบำเพ็ญในตัวมันเอง  และกำลังเดินอยู่บนเส้นทางแห่งเทพ

ศิษย์ : ที่ไต้หวันมีผู้ประสานงานจำนวนมาก เนื่องจากมีจิตเห็นแก่ตัวและจิตยึดติด เมื่อนำพาผู้ฝึกไปทำเรื่องการยืนยันความถูกต้องให้ฝ่า จึงเกิดการเบี่ยงเบน ไม่สอดคล้องกับข้อกำหนดของฝ่า แม้จะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันหลายครั้งก็ไม่เกิดประโยชน์  ศิษย์เห็นอยู่ตำตาแล้วรู้สึกร้อนใจ ขอเรียนถามท่านอาจารย์ที่เคารพ  ในฐานะผู้ฝึกทั่วไป  จะทำอย่างไรจึงจะไม่เป็นการแตกกลุ่มย่อย ทว่ายังคงประสานร่วมมือกันดี สามารถแสดงบทบาทของตนเองออกมาได้ในระหว่างขั้นตอนการทำงาน

อาจารย์: ข้าพเจ้าคิดว่า เกิดขึ้นเพราะมีจิตมนุษย์มากเกินไป  ใช้จิตมนุษย์ทำงานต้าฝ่าจึงเป็นเช่นนี้  หากในการบำเพ็ญแต่ละคนล้วนเดินให้ดีบนทางของตนเอง บำเพ็ญตนเองได้ดี ก็จะทำงานได้ดี    ในฐานะผู้รับผิดชอบในแต่ละพื้นที่  ที่จริงพูดให้ชัดก็เป็นผู้ประสานงานคนหนึ่ง  เพียงเมื่อฝอเสวียฮุ่ยมีเรื่องอะไร อาจารย์มีเรื่องอะไร ต้องหาเขา อาศัยเขา เพื่อถ่ายทอดข้อมูลข่าวสารหรือข้อกำหนดให้กับผู้ฝึกโดยผ่านเขา  พวกเขาแต่ละคนก็ต้องบำเพ็ญตัวเองให้ดี รวมทั้งผู้รับผิดชอบเมื่อเกิดปัญหา บรรดาผู้ฝึกแต่ละคนต่างค้นหาจากภายใน  ทุกท่านล้วนทำกันอย่างนี้ก็จะทำงานได้ดี  ถ้าตามัวจับจ้องอยู่ที่ผู้รับผิดชอบ  ทุกท่านล้วนไปช่วยเขาบำเพ็ญ โดยลืมไปว่าตนเองก็เป็นผู้บำเพ็ญ นั่นก็ใช้ไม่ได้  และความขัดแย้งจะมากขึ้นเรื่อยๆ  เพราะว่าท่านมองแต่ภายนอก ค้นหาจากภายนอก หากผู้รับผิดชอบทำได้ไม่ดีจริงๆหรือไม่มีความสามารถเช่นนั้นก็ต้องพิจารณาเปลี่ยนคน  เพราะการทำได้ไม่ดีของเขานั้น แม้จะเกี่ยวข้องกับการยกระดับของ(ศิษย์)ทั่วทั้งพื้นที่  แต่สามารถก่อให้เกิดการรบกวนต่อการยืนยันความถูกต้องให้ฝ่าของศิษย์ต้าฝ่า  แต่หากศิษย์ต้าฝ่าทุกๆคนล้วนรับผิดชอบต่อการบำเพ็ญของตนเองและต้าฝ่า ข้าพเจ้าคิดว่าก็จะทำให้สภาพการณ์ของทั่วทั้งพื้นที่ดีมาก  แน่นอน   คำพูดของข้าพเจ้าเมื่อครู่นี้ทุกท่านฟังชัดเจนแล้วใช่ไหม  เขาย่อมจะต้องทำผิดบ้าง  เพราะหากเขาไม่ทำผิดเลยเขาก็คือเทพ เขาก็ไม่ต้องบำเพ็ญแล้ว  ดังนั้นเมื่อผู้รับผิดชอบทำผิด ใช่หรือไม่ว่าควรปฏิบัติต่อเขาเข้มงวดกว่าคนอื่นที่ทำผิด การบำเพ็ญนั้นมีความเสมอภาคกัน  เหมือนๆกัน  แน่ละหากดูจากผลกระทบความรับผิดชอบนั้นมาก  และอาจกระทบต่อผู้ฝึกอื่น  ฉะนั้นข้อกำหนดของอาจารย์ต่อตัวเขาจึงต้องสูงอย่างแน่นอน แต่อันที่จริงกล่าวในฐานะผู้บำเพ็ญคนหนึ่งนั้นก็เสมอภาคกัน  ภายใต้สภาพการณ์โดยทั่วไปไม่อาจที่จะไม่ให้เขาเป็นผู้รับผิดชอบเนื่องจากเขาทำผิดไป ความหมายคืออะไรหรือ  ในการบำเพ็ญของศิษย์ต้าฝ่าก็กำลังสร้างความสำเร็จ กำลังฝึกฝนผู้รับผิดชอบของศิษย์ต้าฝ่า  เนื่องจากในสังคมคนธรรมดาสามัญท่านจะหารูปแบบการทำงานชนิดนี้ของผู้รับผิดชอบของศิษย์ต้าฝ่าไม่เจอ ไม่มีตัวอย่างของคนก่อน หากเขาทำผิดแล้วก็ไม่ให้เขาเป็นต่อแล้ว มาใหม่อีกคนก็ยังต้องทำผิด ก็ไม่ให้เขาเป็นต่อแล้ว นี่ไม่ใช่สิ่งที่ข้าพเจ้าต้องการทำ  ข้าพเจ้าต้องฝึกฝนเขาให้สุกงอม  ฉะนั้นพูดในทางกลับกัน  เช่นนั้นเมื่อศิษย์ต้าฝ่าทำผิดไปแล้ว ข้าพเจ้าก็ไม่ให้ท่านเป็นศิษย์ต้าฝ่าแล้ว  ก็เปลี่ยนใหม่อีกคนหรือ  ( เหล่าศิษย์หัวเราะ) เขาทำผิดอีกก็ไม่ให้เขาเป็นศิษย์ต้าฝ่า  ก็เปลี่ยนใหม่อีก  นี่จะใช้ได้หรือ  ระหว่างขั้นตอนการบำเพ็ญ ย่อมจะเกิดปัญหา  เมื่อเกิดปัญหาขึ้นแล้วที่สำคัญคือทุกท่านจะช่วยเหลือเขาแก้ไขให้ดีด้วยความหวังดีได้อย่างไร  หาใช่เรียกร้องให้เขาแบกรับภาระอะไร  ไปตำหนิเขา  ท่าทีต่อผู้อื่นของผู้บำเพ็ญแต่ละคนก็คือการแสดงออกซึ่งการบำเพ็ญของตนเอง  ดังนั้นแต่ละคนควรเข้าใจเรื่องอย่างนี้ให้ได้

ผู้รับผิดชอบมีปัญหา ความรับผิดชอบย่อมจะใหญ่มากอย่างแน่นอน  จุดนี้ทุกท่านทราบดี  อาจารย์มีฝ่าเซินนับไม่ถ้วนกำลังดูแลอยู่  ย่อมจะไม่ปล่อยให้ปัญหาของเขาผ่านไป  ปล่อยให้โอกาสในการยกระดับของเขาผ่านไป  แต่หากท่านยึดติดกับปัญหาของเขาจนเกินไป  เช่นนั้นก็จะเผยปัญหาของท่านเองออกมาโดยผ่านเรื่องนี้  และจะให้ท่านมองเห็นปัญหาของตนเองโดยผ่านเรื่องนี้  ทำให้ไม่มีการแก้ไขปัญหาของเขาเป็นการชั่วคราวเนื่องจากของท่านไม่ยอมขจัดใจดวงนี้ทิ้งไป  ฉะนั้นคนจำนวนมากยิ่งขึ้นจะถูกกระตุ้นให้เข้าร่วมในเรื่องนี้  ดีละ ก็จะเผยปัญหาทั้งหมดออกมาให้พวกท่านมองเห็นโดยผ่านเรื่องนี้  จะมีเรื่องเช่นนี้ได้  ไม่ใช่ว่าไม่แก้ไขปัญหา ไม่ใช่ฝ่าเซินของอาจารย์ไม่ดูแล

ศิษย์ :   ศูนย์ให้บริการทุ่ยตั่ง(ประกาศลาออกจากพรรคฯ) มักจะได้รับโทรศัพท์จากประชาชนจีนเขตต่างๆของจีนแผ่นดินใหญ่   บอกให้เราสวัสดีท่านอาจารย์แทนเขา

อาจารย์: เช่นนั้นข้าพเจ้าขอขอบใจประชาชนแผ่นดินใหญ่  ขอบใจสรรพชีวิต (เสียงปรบมือเมื่อไม่มีองค์ประกอบที่ชั่วร้ายควบคุมแล้ว ชาวโลกก็จะได้สติขึ้นมา  ก็จะใช้ความคิดของตนเองใคร่ครวญปัญหา ในอดีตขณะที่พวกชั่วร้ายกำลังทำการปราบปรามอย่างมืดฟ้ามัวดิน ไม่ว่าจะมีคนสักเท่าไรแสดงท่าทีออกมาแล้ว ไม่ว่าจะมีคนเท่าไรพูดอะไรต่อต้าฝ่า  นั่นไม่ใช่คนๆนี้เองที่พูดออกมา แต่เป็นองค์ประกอบที่ชั่วร้ายใช้ปากคนพูดออกมา  จุดนี้ข้าพเจ้าแยกแยะได้ชัดเจน  ดังนั้นพวกชั่วร้ายเจ้าทำอะไรไว้แล้ว  เจ้าคิดทำร้ายคน  ระหว่างการเจิ้งฝ่าในการจัดการปัญหาเหล่านี้ จะไม่เกิดความผิดพลาดแม้แต่น้อยนิด

ศิษย์: สวัสดีท่านอาจารย์  ศิษย์ทำงานเป็นนักข่าวในงานสื่อมวลชน  มักจะรู้สึกว่าความสามารถมีจำกัด  ทะลวงไปได้ช้ามาก  เวลาที่ใช้ในการเขียนข่าวยาวนานมากเมื่อเทียบกับมืออาชีพ  รู้สึกร้อนใจมาก รู้สึกว่าเกี่ยวข้องกับการยกระดับซินซิ่งของตนเองที่ช้า

อาจารย์: หากศึกษาฝ่าได้ทันก็จะทะลวงไปได้  ศึกษาฝ่าได้ดีจึงจะสามารถยืนยันความถูกต้องได้  ศึกษาฝ่าได้ดีจึงจะทำได้ดียิ่งขึ้น  ผู้ฝึกจำนวนมาก เมื่อก่อนเรื่องที่ทำไม่ได้ เมื่อผ่านการศึกษาฝ่าความคิดก็เปิดกว้างออกแล้ว  เรื่องอะไรก็สามารถทำได้ดั่งใจ  ศึกษาฝ่าได้ดีจึงจะเป็นเช่นนี้ได้  ไม่ได้บอกว่าท่านนั้นบำเพ็ญไม่ดี  ที่ข้าพเจ้าพูดนั้นคือหลักการของฝ่า อ่านหนังสือมากๆ  ศึกษาฝ่ามากๆย่อมจะมีสติปัญญาอย่างแน่นอน

ศิษย์: ในระหว่างขั้นตอนของการอธิบายความจริงมักจะพบคนชนิดนี้  คือ เห็นด้วยกับฝ่าหลุนกง แต่ไม่เห็นด้วยกับต้าจี้หยวน  คำถามของผมคือ  เป็นเพราะท่วงทำนองของต้าจี้หยวนทำให้คนเข้าใจฝ่าหลุนกงผิด  หรือว่าสื่อเหล่านี้มีปัญหาในตัวมันเอง

อาจารย์: ข้าพเจ้าเห็นว่าไม่ใช่ปัญหาเหล่านี้ บนโลกนี้คนชนิดไหนก็มีทั้งนั้น  เขาชอบกินเผ็ด เขาชอบกินเปรี้ยว  ครบถ้วนห้ารสชาด  ในท่ามกลางการแพร่พิษคำลวงของพรรคมารคอมมิวนิสต์จีน  ต่างคนต่างก็มีความเข้าใจผิดแตกต่างกันไป  ความเข้าใจผิดของเขาอยู่ตรงไหน  ก็จะก่อให้เกิดปัญหาการรับรู้ทางความคิดของเขาขึ้นที่ตรงนั้น  ความคิดที่แสดงออกมาย่อมไม่เหมือนกัน  แน่ละ  ไม่ได้พูดว่าสื่อนี้ทำได้อย่างสมบูรณ์แบบมาก  แต่อย่างน้อยที่สุด สื่อที่ศิษย์ต้าฝ่าทำนั้นย่อมสะอาดกว่าสื่อที่คนธรรมดาสามัญทำกัน กำลังช่วยคนใช่ไหม  ให้คนได้รับประโยชน์ใช่ไหม  ตรงจุดนี้สื่อของคนธรรมดาสามัญไม่อาจเทียบได้เลย  แล้วเหตุใดจึงยังมีคนคิดเช่นนี้  ไปพูดเช่นนี้ละ  ก็พูดได้ว่า  ต่างคน ต่างก็มีเขตแดนที่ต่างกัน  มีความรับรู้ต่างกัน จุดสำคัญของโรคที่ถูกพิษร้ายของพรรคมารอยู่ตรงไหน  เขาก็จะแสดงออกมาจากด้านนั้น  ดังนั้นข้าพเจ้าคิดว่า เรื่องเหล่านี้  ทางที่ดีในการอธิบายความจริงให้พูดอย่างทะลุปรุโปร่งเสียเลย ไม่ใช่ต้าจี้หยวนมีปัญหาใหญ่เช่นนั้นจริงๆ

ศิษย์: เรื่องที่ทีวีของพรรคมารเข้าไปในแคนาดากับเรื่องการก่อตั้งของซินถังเหริน ควรจะทะลวงไปอย่างไรดี

อาจารย์:  เช่นนั้นก็ดูว่าศิษย์ต้าฝ่าจะทำอย่างไรกัน  พวกท่านจำไว้จุดหนึ่ง  เวทีของมนุษย์ในวันนี้นั้น ให้ศิษย์ต้าฝ่าแสดง  หาใช่จะให้พวกชั่วร้ายเหล่านั้นแสดง (เสียงปรบมือ) ขอเพียงทำได้ดี  ทุกท่านล้วนจะสามารถรับรู้ได้  ร่วมมือกัน  มีเจิ้งเนี่ยนพอก็จะไม่มีอะไรที่ทำไม่สำเร็จ  เพราะจุดเริ่มต้นของพวกท่านนั้น ใครก็เทียบไม่ได้  คือการช่วยเหลือสรรพชีวิต  เป้าหมายของการสร้างตรีภูมิก็เพื่อเรื่องราวในวันนี้  ไม่ใช่ให้คนธรรมดาสามัญเล่นกัน  ยิ่งไม่ใช่ให้คนธรรมดาสามัญรื่นเริง  มนุษย์นั้นมีการรื่นเริง  นั่นคือรูปแบบการดำเนินชีวิตของคน  นั่นคือการรักษาสภาพการณ์ชนิดหนึ่งให้กับผู้คนในระหว่างที่รอคอยฝ่า

ศิษย์ : เพราะเหตุใดไม่ว่าศิษย์จะขยันขันแข็งเพียงไร ก็มักจะรู้สึกว่าตามไม่ทันจังหวะก้าวของการเจิ้งฝ่า

อาจารย์: ข้าพเจ้ารู้สึกว่าสิ่งที่ท่านรับรู้ได้นั้นดีทีเดียว  รู้สึกได้ถึงข้อด้อยของตนเองอยู่เสมอ  เช่นนั้นก็รีบมุมานะตามขึ้นมาให้ทัน  ศึกษาฝ่าให้มาก  ทำสิ่งที่ศิษย์ต้าฝ่าควรทำให้มาก  ก็เป็นเช่นนี้

ศิษย์ : พวกเราเป็นกลุ่มเรียบเรียงตำราสอนภาษาจีน  ขอเรียนถามท่านอาจารย์   ในจังหวะก้าวปัจจุบันของการเจิ้งฝ่า พวกเราควรใช้กำลังมากน้อยเพียงไรในการแต่งตำราสอนภาษาจีน  ควรทำเรื่องตำราการสอนหรือทำโครงการอื่นให้มากยิ่งขึ้น

อาจารย์ : ข้าพเจ้าคิดว่าพวกท่านเรียบเรียงตำราสอนภาษาจีนก็ดีนะ  พวกท่านทำเรื่องอะไรอื่นก็ดี  ใช่หรือไม่ว่าจะต้องประสานร่วมมือซึ่งกันและกัน  ดูว่าโรงเรียนของศิษย์ต้าฝ่าใช้ตำราสอนของท่านหรือไม่ มิฉะนั้นท่านเรียบเรียงออกมา ก็จะไร้เป้าหมาย  ท่านจะไม่เสียเวลาเปล่าหรือ  เรื่องนี้ต้องประสานกันขึ้นมา หากศิษย์ต้าฝ่าที่ทำการสอนจำเป็นต้องใช้  เช่นนั้นก็ทำเถอะ และต้องทำให้ดีด้วย  เรื่องนี้ทำขึ้นมาไม่ใช่งานเล็กๆ และไม่ใช่เรื่องเล็ก  นั่นคือต้องเหลือไว้ให้คน   หากเพียงแต่ตัวเองอยากจะทำ  เมื่อทำเสร็จแล้ว  ถ้าหากมีการขาดตกบกพร่อง หรือไม่สมบูรณ์พอ  และยังใช้ไม่ได้อีก  ท่านมิใช่ทำให้เสียเวลาของเรื่องอื่นไปหรือ  ดังนั้นต้องประสานกันให้ดี

ศิษย์ : ก่อนอื่นขอเป็นตัวแทนศิษย์ประเทศอังกฤษทั้งหมดกล่าวสวัสดีท่านอาจารย์  การตระเวนแสดงงานราตรีปีใหม่ซินถังเหรินทั่วโลกนั้น เนื่องจากพวกเราทำได้ไม่ดี  การแสดงงานราตรีปีใหม่ในอังกฤษยังไม่อาจเป็นจริงได้  การหาสถานที่ประสบความยากลำบากมาก  ใช่หรือไม่ว่าศิษย์ประเทศอังกฤษโดยรวมมีปัญหาอะไรอยู่

อาจารย์ : ข้าพเจ้าคิดว่าแม้แต่สถานที่ยังหาไม่ได้ เช่นนั้นก็มีปัญหาจริงๆ (เหล่าศิษย์หัวเราะ) เป็นไปได้อย่างไรกันนะ ใช่ไหมว่าทุกท่านไม่เห็นความสำคัญของเรื่องนี้  และไม่ประสานร่วมมือกันให้ดี  ทุกปีศิษย์ต้าฝ่าล้วนจัดงานงานราตรีปีใหม่จีนครั้งหนึ่ง  สุดท้ายขยายออกไปยังพื้นที่ต่างๆ กระทั่งในประเทศต่างๆก็ล้วนกำลังทำกันเอง  พวกเราทำเพื่ออะไรกันละ  ให้ความบันเทิงแก่คนธรรมดาสามัญหรือ  ไม่ใช่อย่างแน่นอน  ทุกท่านแจ่มชัดในจุดนี้แล้ว  ก็คืออาศัยงานราตรีปีใหม่แสดงท่วงทำนองและโฉมหน้าของศิษย์ต้าฝ่าให้เป็นที่ปรากฏ  กำจัดคำลวง  ใส่ร้ายป้ายสีเหล่านั้นของพรรคมารที่กรอกให้กับคน  ขณะเดียวกันก็อธิบายความจริง  ช่วยเหลือสรรพชีวิต  ปัจจุบันนี้หากในสังคมชั้นสูงทั่วโลกมีคนพูดว่าไม่รู้จักฝ่าหลุนกง  ข้าพเจ้าว่าเขาแกล้งโง่ โดยเฉพาะคนในหน่วยงานใดของรัฐบาลบอกว่าฉันไม่เข้าใจเธอฝ่าหลุนกง  ข้าพเจ้าว่าเขาจงใจแกล้งโง่  แกล้งโง่จริงๆ  ฉะนั้นจึงพูดได้ว่า  โดยพื้นฐานก็รู้ว่าฝ่าหลุนกงเป็นเรื่องอะไรแล้ว และรู้กันหมดแล้วว่าคอมมิวนิสต์จีนกำลังประทุษร้ายฝ่าหลุนกง  และล้วนรู้ว่า ฝ่าหลุนกงนั้นเป็นกลุ่มคนที่ดีงาม  ใช้หลักคิด เจิน ซั่น เหริ่น กำหนดตนเองในการบำเพ็ญ  จุดนี้พวกเขาก็ล้วนแจ่มแจ้งแล้ว ฉะนั้นข้าพเจ้าคิดว่าในเมื่อเกิดปัญหาขึ้นแล้ว  ก็จำเป็นต้องไปอธิบายความจริง  ข้าพเจ้ารู้สึกว่าควรแก้ไขมันด้วยการอธิบายความจริง  พร้อมกับทำให้ชัดเจนว่าอะไรที่เป็นอุปสรรคอยู่  ที่จริงปัญหาใหญ่ที่สุดคือ ผู้ฝึกร่วมมือกันไม่ดี  แน่ละก็มีบางพื้นที่ เกิดปัญหาระหว่างกันและกันว่า เขาต้องการเช่าโรงละครนี้  เถียงกันไปมาไม่ยอมหยุด  ลืมไปว่ากำลังยืนยันความถูกต้องให้ฝ่า ไม่ใช่ยืนยันความถูกต้องให้ตนเอง

แต่ก่อน ในแต่ละปี ล้วนเป็นพวกท่านเองศิษย์ต้าฝ่าที่ทำกันอยู่  แต่ว่าแต่ละปีนั้นเมื่อข้าพเจ้าดูจบแล้ว ข้าพเจ้าก็มีด้านหนึ่งที่ดีใจ และมีด้านที่ไม่เป็นไปดั่งใจ ศิษย์ต้าฝ่าหมดเปลืองเงินทุน  ทรัพยากร กำลังคน  ทุ่มเทไปในงานราตรีปีใหม่ และผู้ที่เข้าร่วมมักจะเป็นกำลังหลักของแต่ละโครงการ ดังนั้นถ้าไม่สามารถบรรลุผล ก็ได้ไม่คุ้มเสียจริงๆ  ไม่คุ้มค่า ในโรงละครข้าพเจ้าก็ได้ยินคนพูดโน่นพูดนี่  การแสดงจบแล้วคนที่เดินออกมา พูดอะไรออกมาก็มีทั้งนั้น  ก็คือไม่สามารถบรรลุผลตามที่ควร 

แน่ละ ศิษย์ต้าฝ่ายืนยันความถูกต้องให้ฝ่าอยู่ใช่ไหม  ในการอธิบายความจริง ย่อมมีผู้ที่อธิบายได้ชัดเจนและมีผู้ที่อธิบายได้ไม่ชัดเจน  ต่อมาข้าพเจ้าใคร่ครวญดูครั้งหนึ่ง  งานราตรีนี้จะทำหรือไม่ทำหนา  ถ้าผลลัพธ์ยังเป็นเช่นนี้ก็ไม่อาจทำต่อไปแล้ว  ทุกสิ่งที่ศิษย์ต้าฝ่าทำไม่ใช่ให้คนธรรมดาสามัญเล่นกันสนุกๆ  หากไม่สามารถช่วยคน  แต่พวกเราต้องสิ้นเปลืองกำลังคน กำลังโภคทรัพย์  กำลังเงินมากมายในนั้น แต่ละพื้นที่ก็กำลังทำ เช่นนั้นก็ไม่สามารถทำต่อแล้ว  ต่อมาข้าพเจ้าใคร่ครวญเรื่องนี้อย่างละเอียด  เห็นว่าในหมู่ศิษย์ต้าฝ่านั้น หลายคนมีความสามารถในด้านต่างๆเพียบพร้อมจริงๆ  มักคิดที่จะไปยืนยันความถูกต้อง โดยเดินบนเส้นทางนี้  ทุกท่านมีความปรารถนาเช่นนี้  แน่ละข้าพเจ้านั้นพูดจากชั้นผิวนอก  ฉะนั้นข้าพเจ้าจึงคิดว่า  ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าพเจ้ามานำพาทุกท่านทำเสียเลยจะดีกว่า (เสียงปรบมือ) อย่างน้อยที่สุด ข้าพเจ้านำพาจนพวกท่านสุกงอมแล้ว  นำพาไปสักสองปี ทุกท่านก็จะทราบว่าควรจะทำอย่างไรกันแล้ว แน่ละเรื่องอะไรๆนั้น พูดขึ้นมาง่าย  พอข้าพเจ้าเข้าร่วม ลักษณะ(การแสดง)นี้ก็เปลี่ยนแล้ว  ทุกท่านทราบศิษย์ต้าฝ่านั้นกำลังยืนยันความถูกต้องอยู่  เช่นนั้นอาจารย์มาทำอะไรละ   อาจารย์มาเจิ้งฝ่า  ดังนั้นข้าพเจ้าจึงต้องทำเรื่องนี้  สรรพชีวิตที่อยู่ตรงหน้า และคนที่ข้าพเจ้าต้องการช่วยเหลือทั้งหมด  สิ่งทั้งหมดที่ต้องทำในเรื่องนี้ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงแล้ว   เมื่อคิดจะทำเรื่องนี้ให้ดี  ก็ต้องสามารถบรรลุผลที่ดีที่สุด  สามารถช่วยเหลือคนได้อย่างแท้จริง  ข้าพเจ้าจึงจะทำ และต้องทำให้ได้อย่างนี้  ฉะนั้น ข้าพเจ้าจึงไม่อาจทำเหมือนกับที่ทำกันแต่ก่อน  เมื่อก่อนเป็นเพราะศิษย์ต้าฝ่าล้วนทำกันแบบสมัครเล่น  ถ้าจะทำต้องทำในมาตรฐานที่สูง  แน่ละมีคนพูดว่า อาจารย์จะทำอะไร  นั่นก็คือต้องทำให้ดีที่สุด  ใช่ ถ้าไม่ดีที่สุดข้าพเจ้าก็จะไม่ทำ (เสียงปรบมือดังนั้นข้าพเจ้าจึงบอกให้เปิดรับสมัครคน จัดตั้งโรงเรียนเต้นรำ  เลือกบุคลากรขึ้นมาก่อน  จัดตั้งคณะดนตรี  บรรดางานที่ละเอียดอย่างนี้ ต้องปลูกฝังกันตั้งแต่รากฐาน จากนั้น ค่อยบรรลุถึง ผลการแสดงชั้นหนึ่งอย่างแท้จริง  รวมทั้งสร้างสรรค์ผลงาน การฝึกซ้อม  มีหลายเรื่องที่อาจารย์ได้เข้าร่วมแล้ว  ซึ่งพวกท่านก็ได้ยินกันแล้ว

ไม่ว่าจะอย่างไร  ในการแสดงพวกเด็กๆต่างมุมานะมาก  ทำได้ไม่เลวเลยจริงๆ  ผู้คนชมการแสดงศิลปะชุดหนึ่ง สามารถดูจนหลั่งน้ำตา  สิ่งนี้พบได้น้อย  การแสดงของเสินยวิ่น  แต่ละครั้งจะมีคนจำนวนมากหลั่งน้ำตาตั้งแต่เริ่มจนจบ  ยังมีคนจำนวนที่มากยิ่งกว่าซับน้ำตาอยู่ตลอด   เป็นกันเช่นนี้ทั้งนั้นในทุกๆ รอบ คนรู้สึกสั่นสะเทือนมาก   ในมิตินี้เป็นการแสดงของเด็กๆ  อีกมิติหนึ่งฝ่าเซินของข้าพเจ้ากับเทพจำนวนมากมายกำลังทำอยู่  (เสียงปรบมือแรงสะเทือนใจและการเปลี่ยนคน คล้ายกันมากกับในปีนั้นที่ข้าพเจ้าถ่ายทอดฝ่าด้วยตัวเอง(เสียงปรบมือ) ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงที่มีต่อคนจึงมาก

เป็นการแสดงศิลปะใช่ไหม  ยิ่งมีมาตรฐานสูง  คนจึงยิ่งรับมันได้ง่าย  จึงยิ่งเปลี่ยนแปลงคนได้มาก  ดังนั้นจึงต้องเป็นการแสดงที่สมบูรณ์แบบ   ด้านต่างๆล้วนแต่ต้องสมบูรณ์แบบ  ม่านใหญ่พอเปิดออกก็ต้องเป็นฉากภาพที่สวยงามที่สุด กำหนดให้มีท่าเต้นที่สวยงาม  เครื่องแต่งกายที่สวยงาม  ฉากที่งดงาม

ตรงนี้ในสังคมปัจจุบันคนไม่เข้าใจสิ่งเหล่านี้แล้ว  ทัศนคติการวินิจฉัยความงาม(ของศิลปะ)ของคนเปลี่ยนแปลงไปตามกระแสสังคม  วันนี้สิ่งนี้ทันสมัยก็ว่าสิ่งนี้ดี  พรุ่งนี้สิ่งนั้นทันสมัยก็ว่าสิ่งนั้นดี  มีแต่หลักการของต้าฝ่าที่ไม่เปลี่ยนแปลงไม่โอนเอน   มีแต่พวกเราเท่านั้นจึงจะรู้ว่าอะไรคือความงามที่แท้จริง เพราะศิษย์ต้าฝ่าบำเพ็ญเจิน ซั่น เหริ่น ใช่ไหม  ดังนั้นพวกเราจึงรู้ว่าที่ว่าดีจริงๆนั้นคืออะไร  เป็นสิ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลง  จึงสามารถทำให้ด้านที่เมตตา ด้านที่ดีงามของคนเกิดความรู้สึกร่วมขึ้นได้

            สิ่งเหล่านี้คนธรรมดาสามัญนั้นทำไม่ได้แล้ว  และบนเวทีนั้นพร้อมกับการร้องเพลงของนักร้อง  การบรรเลงของวงดนตรีและท่ารำของนักแสดง พลังงานที่ส่งออกมาล้วนแต่ดีงามบริสุทธิ์ มีเมตตา อย่างยิ่ง  ที่จริงมีโรคของคนจำนวนมากในโรงละครล้วนหายไปหมดแล้ว  ปัจจุบันคนที่ชมการแสดงศิลปะยังไม่รู้กัน  ต่อไปผู้คนจะค่อยๆรู้ได้เมื่อชมการแสดงจบ ความคิดก็ได้รับการชำระแล้ว  ร่างกายดีแล้ว (เสียงปรบมือ) ดังนั้นเรื่องนี้ข้าพเจ้ารู้สึกว่า เมื่อทำขึ้นมาแล้วผลลัพธ์นั้นดีมาก  แน่ละ คณะนักแสดงส่วนมากเป็นศิษย์ต้าฝ่ายุวชน เช่นนี้จึงไม่ต้องใช้เงินทุนของศิษย์ต้าฝ่า

ศิษย์ : การแข่งขันเต้นรำแบบจีนทั่วโลกของซินถังเหรินครั้งที่หนึ่ง จุดประสงค์คืออะไร

อาจารย์ : ข้าพเจ้ายังไม่อยากพูดให้ชัดเร็วเกินไป  เก็บส่วนดีเอาไว้ค่อยพูดวันหลัง  (เหล่าศิษย์หัวเราะแต่ข้าพเจ้าสามารถพูดกับทุกท่านจากระดับชั้นผิว  ศิษย์ต้าฝ่าทำอะไรพรรคมารคอมมิวนิสต์จีนล้วนแต่หวาดกลัว  การแสดงศิลปะของศิษย์ต้าฝ่าเป็นวัฒนธรรมจีนแท้ วัฒนธรรมโบราณ วัฒนธรรมที่เทพถ่ายทอดให้อย่างแท้จริง  ซึ่งย่อมส่งผลในการทำลายล้างวัฒนธรรมพรรคมารคอมมิวนิสต์จีนแน่นอน  มันต้องกลัวแน่  พรรคมารนั้นไม่ว่ามันจะดิ้นรนอย่างไร มันเป็นรัฐบาลอันธพาล  สิ่งที่มันยึดครองเป็นเพียงแผ่นดินผืนนั้นของจีน  มันทำอะไรก็ทำได้เฉพาะในขอบเขตของประเทศจีน  ส่วนที่ซินถังเหรินทำนี้เป็นระดับทั่วโลก    การแข่งขันใหญ่นานาชาตินั้น  ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นกิจกรรมในระดับสากล   (อาจารย์หัวเราะ) (ที่ประชุมหัวเราะและปรบมือ) รางวัลที่ผู้แข่งขันได้รับเป็นรางวัลของการแข่งขันระดับสากล

ศิษย์ : ขอเรียนเชิญให้พูดสักเล็กน้อยว่าตัวอักษรจีนแบบย่อนั้นเหมาะกับโรงเรียนหมิงฮุ่ยหรือไม่

อาจารย์: แล้วแต่สะดวกเถิด  พวกท่านได้แต่ทำไปตามสภาพการณ์ปัจจุบันของมนุษย์   โรงเรียนหมิงฮุ่ยในไต้หวันใช้ตัวอักษรจีนแบบตัวเต็ม  สำหรับคนจีนแผ่นดินใหญ่ให้ใช้ตัวย่อ  เรื่องนี้ข้าพเจ้าไม่คัดค้าน  ไม่ว่าจะทำอย่างไร ตัวอักษรโดยตัวมันเองไม่เป็นปัญหา  ที่สำคัญคือทำอย่างไรจึงจะสามารถทำลายล้างวัฒนธรรมพรรคได้  ช่วยเหลือสรรพชีวิตได้ นี่เป็นเรื่องใหญ่  อย่าไปสาระวนอยู่กับเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้เลย

ศิษย์ : ศิษย์จำนวนหนึ่งซึ่งอาศัยอยู่ในที่ห่างไกล ไม่ได้เข้าร่วมโครงการที่ท่านอาจารย์นำพาศิษย์ต้าฝ่าอเมริกาเหนือทำเรื่องราตรีปีใหม่ในระยะใกล้ๆนี้  มีความรู้สึกตามไม่ทัน

อาจารย์ : ไม่ใช่  ข้าพเจ้าไม่ได้บอกให้ทุกท่านเข้ามาร่วมในเรื่องนี้กันหมด  เช่นเรื่องขายบัตรงานราตรีปีใหม่ก็เป็นความร้อนใจของผู้ฝึก  จึงเรียกให้ข้าพเจ้าไปพูดสักสองสามคำ  ซึ่งไม่ได้เรียกให้ทุกท่านมาร่วมกันหมด  ข้าพเจ้าเพียงแต่บอกว่าผู้ที่มีเงื่อนไข สามารถมาช่วยๆกัน  หากไม่มีเงื่อนไขก็ไม่ต้องมา  เช่นว่าฉันอยู่ที่นี่ยุ่งมาก ไม่อาจทิ้งโครงการยืนยันความถูกต้องไปได้  เช่นนั้นท่านก็ไม่ต้องมา

ศิษย์ : (อาจารย์ : ข้าพเจ้าไม่อ่านชื่อละนะ) ศิษย์ต้าฝ่าเจ๋อเจียงขอกล่าวสวัสดีท่านอาจารย์ (อาจารย์ : ขอบใจทุกท่าน ) (เสียงปรบมือ) ข้อกำหนดต่อศิษย์ต้าฝ่าในประเทศกับนอกประเทศต่างกันใช่หรือไม่ หรือว่ากรรมนั้นต่างกัน  หรือว่าความรู้  วาสนาต่างกัน

อาจารย์: ไม่ใช่กรรมต่างกัน และก็ไม่ใช่ข้อกำหนดต่างกัน  ยิ่งไม่ใช่เรื่องวาสนาต่างกัน  แต่เป็นเพราะปณิธานที่ให้ไว้ในตอนแรกต่างกัน   ศิษย์ต้าฝ่าเป็นร่างรวมหนึ่งเดียว  อยู่ที่ไหนก็เหมือนกันหมด จังหวะก้าวของการเจิ้งฝ่าดำเนินไปพร้อมกัน  (เสียงปรบมือ) ถ้าหากไม่มีการคัดค้านการประทุษร้ายของศิษย์ต้าฝ่าในประเทศต่างๆ  เปิดโปงสิ่งชั่วร้ายอย่างมีพลังในประเทศต่างๆ  สิ่งชั่วร้ายก็จะยิ่งกำเริบเสิบสานในการประทุษร้ายศิษย์ต้าฝ่าในประเทศจีน   สามารถทำให้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก  ซึ่งไม่อาจแยกออกจากเรื่องเหล่านี้ที่ศิษย์ต้าฝ่าในประเทศต่างๆทำอยู่  ดังนั้นในจุดนี้ เพียงแต่ทำไม่เหมือนกัน  แต่ปัญหาที่เผชิญอยู่นั้นเหมือนกัน  เขตแดนของการบำเพ็ญ และระดับชั้นไม่มีอะไรแตกต่างกัน

ศิษย์ : ผู้ฝึกรัสเซียทั้งหมดขอกล่าวสวัสดีท่านอาจารย์  ผู้ฝึกรัสเซียถูกจับ เพราะไปอธิบายความจริง   ขอเรียนถามว่าผู้ฝึกรัสเซีย ควรจะทำอย่างไรในการแก้ไขสภาพการณ์และสภาพแวดล้อมอย่างนี้

อาจารย์ : ปกติที่ไหนมีปัญหาศิษย์ต้าฝ่าก็ไปอธิบายความจริงที่นั่น  ยืนหยัดตลอดไป  ยืนหยัดไม่ลดละ ผู้ฝึกชาวจีนต่างมีความรู้สึกอย่างหนึ่ง  คือรู้สึกว่าในสังคมตะวันตก ไม่ว่าจะทำเรื่องอะไรก็ล้วนแต่ทำไปตามกรอบเป็นขั้นเป็นตอน  มีหลายเรื่องยังต้องนัดหมาย รอไปรอมาเป็นเวลาเนิ่นนานมาก แต่ว่าสถานการณ์การประทุษร้ายนั้นรีบด่วน  การคัดค้านการประทุษร้าย ไม่มีเวลาให้เอื่อยเฉื่อยอย่างนี้ ผู้ฝึกรู้สึกว่าทำอย่างนี้ไม่ได้ ดังนั้นผู้ฝึกจีนจำนวนมากจึงใช้วิธีของตัวเอง เผชิญหน้าโดยตรง ต้องทำอย่างยืนหยัดตลอดไป  ยืนหยัดไม่ลดละ  ด้วยจิตใจที่ต้องการจะนำความจริงไปอธิบายให้ถึงจุด ด้วยท่าทีที่ต้องการจะจัดการเรื่องให้สำเร็จ แน่ละย่อมมีผู้ฝึกชาวตะวันตกที่ยอมรับไม่ได้  เคยชินกับรูปแบบการดำเนินชีวิตอย่างนั้น      นั่นใช้ไม่ได้  ใช้ไม่ได้จริงๆ  พวกท่านไม่อาจรอ  สรรพชีวิตกำลังถูกประทุษร้าย  ศีลธรรมตกต่ำลงอย่างรวดเร็ว  คนที่พวกท่านจะช่วยเหลือนับวันน้อยลงเรื่อยๆ  ยากขึ้นเรื่อยๆ  ดังนั้นจะรอไม่ได้

ศิษย์ : เหตุใดจึงจะใช้ตัวอักษรจีนแบบย่อสำหรับตำราสอนภาษาจีน  ตัวอักษรจีนแบบย่อเป็นสิ่งที่คอมมิวนิสต์จีนสร้างขึ้นมาใช่หรือไม่   

อาจารย์ : เป็นตัวอักษรย่อที่ทำขึ้นมาในสังคมพรรคมารคอมมิวนิสต์จีน  จุดนี้เป็นเรื่องแน่นอน  แต่ปัจจุบันในสังคมประเทศจีนคนหลายพันล้านคนล้วนแต่ใช้ตัวอักษรย่อ  จะใช้ตัวเต็มในการอธิบายความจริงเขาอ่านกันไม่รู้เรื่องก็ใช้ไม่ได้   ไม่ใช่เรื่องชั่วประเดี๋ยวประด๋าว  ไปอธิบายความจริงให้มีความสะดวกที่สุด  อย่าสนใจว่าปัจจุบันมันใช้ตัวอักษรอะไร  ขอเพียงสามารถช่วยเหลือคนก็พอแล้ว  การช่วยเหลือคนเป็นเรื่องอันดับแรก (เสียงปรบมือ)

ศิษย์ : ท่านปรมาจารย์กล่าวว่าศิษย์ต้าฝ่านั้นคลอดออกมาจากจักรวาลเก่า  ก้าวออกมาจากหลักธรรมเก่า  ในเรื่องนี้จะเข้าใจกันอย่างนี้ได้หรือไม่   ต้าฝ่าให้โอกาสแก่สรรพชีวิตเปลี่ยนแปลงตัวเองใหม่ครั้งหนึ่ง  และก็เป็นเพียงครั้งเดียวไม่มีครั้งที่สอง  

อาจารย์ : จักรวาลไม่ไหวแล้ว  สรรพชีวิตใช้ไม่ได้ทั้งหมดแล้ว  ถ้าไม่ปรับเปลี่ยนใหม่ จักรวาลก็จะไม่คงอยู่อีกต่อไป  ก็เป็นเรื่องอย่างนี้  ไม่เพียงแต่เจาะจงต่อคน  ต่อเทพ  ต่อสวรรค์  ต่อสรรพชีวิต  แต่ยังรวมถึงชีวิตทั้งปวงด้วย  จักรวาลกำลังเจิ้งฝ่า  ไม่ใช่เพียงฝ่าปรับโลกมนุษย์  ที่จริงฝ่าปรับโลกมนุษย์ที่แท้จริงยังไม่ได้เริ่มขึ้น

ศิษย์ : ขอเรียนถามว่าการตั้งมหาวิทยาลัยเกี่ยวข้องอะไรกับการเจิ้งฝ่า

อาจารย์ : ศิษย์ต้าฝ่าคิดจะตั้งมหาวิทยาลัย  ยืนยันความถูกต้องโดยผ่านวิธีการนี้  อธิบายความจริง  ช่วยเหลือสรรพชีวิตก็ไม่มีอะไรที่ไม่ดี  ก็ดูว่าการทำเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือสรรพชีวิต ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีความหมายมากนัก

ศิษย์: มองเห็นองค์ประกอบของวัฒนธรรมพรรคในวิธีการทำงานของเพื่อนผู้บำเพ็ญ  ไม่ทราบว่าจะพูดกับเขาอย่างไรดี

อาจารย์ : คนที่ออกมาจากจีนแผ่นดินใหญ่  ในวิธีคิด  โครงสร้างภาษาไม่มากก็น้อย ล้วนเป็นความเคยชินในสังคม ที่พรรคมารคอมมิวนิสต์จีนสร้างให้กับชาวจีนแผ่นดินใหญ่ เมื่อบำเพ็ญไปเรื่อยๆก็จะค่อยๆรับรู้ได้ถึงสิ่งเหล่านี้  ความเคยชินที่ไม่ดีของคนจีนแผ่นดินใหญ่เมื่ออยู่ในสังคมปกตินานๆไปก็จะแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้  แต่สิ่งเหล่านี้ล้วนไม่กระทบต่อการบำเพ็ญ  ขัดขวางการบำเพ็ญไม่ได้  ไม่เป็นไร  ปีนั้นที่ข้าพเจ้าถ่ายทอดฝ่าอยู่ในประเทศจีน  คนจำนวนมากล้วนมีสภาพความคิดเช่นนั้น  แต่ก็สามารถรับรู้ฝ่า  สามารถบำเพ็ญได้  สิ่งนี้ขวางกั้นไม่อยู่  เมื่อเปิดเผยวัฒนธรรมที่ชั่วร้ายออกมา  ก็เป็นการเปิดโปงธาตุแท้ที่ชั่วร้ายให้คนรับรู้มันอย่างแจ่มชัด  ให้เห็นว่ามันวางพิษร้ายให้ชาวจีนอย่างไร  ทำลายจิตใจที่ดีงามของคนอย่างไร  ทำลายวัฒนธรรมเก่าแก่ของประเทศจีนอย่างไร   เป้าหมายสุดท้ายของสิ่งชั่วร้ายคือการทำลายมนุษย์  

ศิษย์ : หนังสือต้าฝ่าที่เป็นอักษรตัวเต็มกับตัวย่อนั้น ในอีกมิติหนึ่งเหมือนกันหรือไม่

อาจารย์ – ในอีกมิติไม่ใช่ทั้งตัวเต็ม ไม่ใช่ทั้งตัวย่อ (ที่ประชุมหัวเราะ) เป็นอักษรของอีกมิติหนึ่ง (ที่ประชุมหัวเราะ) บนสวรรค์ เป็นอักษรของบนสวรรค์

ศิษย์ : มองเห็นจุดสว่างสีทองผ่านตาไป จะพูดคำว่า “เมี่ย”(ดับสลาย)ได้ไหม        อาจารย์ : พูดอย่างนี้ก็แล้วกัน  ถ้าท่านรู้สึกว่าเป็นสิ่งไม่ดี  ท่านสามารถปฏิบัติต่อมันด้วยเจิ้งเนี่ยน  แต่ถ้าเขาเป็นสิ่งที่ดี ท่านใช้เจิ้งเนี่ยนกับเขาก็ไม่เกิดผล  เพราะท่านนั้นถูกต้อง และหากเขาก็ถูกต้องด้วย  ดังนั้นจึงไม่เกิดผล

ศิษย์ : ในอนาคตมีเพียงต้าฝ่ากับภาษาจีน  เด็กที่เกิดในต่างประเทศจึงไม่ต้องเข้าโรงเรียนแล้วใช่หรือไม่         เพียงแต่เรียนต้าฝ่าหรือสอนภาษาจีนให้เขาก็พอแล้ว                    อาจารย์ : ข้าพเจ้าไม่เคยบอกให้พวกท่านทำเช่นนี้  ในอนาคตเมื่อฝ่าปรับโลกมนุษย์  ในเวลานั้นจะเป็นสภาพการณ์อย่างไร  คนที่เหลือรอดต่อมาล้วนต้องเดินตามไปจนถึงก้าวนั้น  ท่านบอกว่าเดี๋ยวนี้ท่านจะทำเรื่องของอนาคตนั้น   ท่านย่อมทำไม่ได้  ท่านยังต้องทำเรื่องการช่วยเหลือสรรพชีวิตในขณะนี้ให้ดี   เรื่องของอนาคตไม่ใช่สิ่งที่ศิษย์ต้าฝ่าควรสนใจ  เนื่องจากในเวลานั้นมีแต่อาจารย์เท่านั้นที่จะทำ

ศิษย์ : จุดท่องเที่ยวมากมายของเมืองใหญ่ล้วนไม่สามารถยืนหยัดต่อไป  ผู้ฝึกจำนวนมากเข้าร่วมโครงการงานราตรีปีใหม่  วงโยธวาทิตแดนสวรรค์ เป็นต้น  ด้วยเหตุนี้ผู้ฝึกที่ไปอธิบายความจริงโดยตรงจึงน้อยลงทุกที                                  อาจารย์ : ที่จริงในขณะนี้วงโยธวาทิตแดนสวรรค์นั้นโดยพื้นฐานก็ไม่ได้ฝึกหัดเพลงใหม่  ส่วนมากล้วนกำลังหาเวลาฝึกฝนด้วยตัวเอง  เวลาที่ฝึกซ้อมหมู่ก็ไม่มาก  แต่ละพื้นที่ล้วนเป็นสภาพการณ์อย่างนี้  ดังนั้นโดยพื้นฐานแล้วก็ไม่ได้ก่อให้เกิดผลกระทบต่อโครงการอื่น  ในช่วงเวลานั้นที่เริ่มก่อตั้ง  ใช่ละ จำเป็นต้องใช้เวลาฝึกฝนช่วงหนึ่ง  ขณะนี้โดยพื้นฐานก็ไม่กระทบแล้ว

ศิษย์ : การประทุษร้ายต่อฝ่าหลุนกงของคอมมิวนิสต์จีนแทรกซึมถึงต่างประเทศ  เช่นเรื่องที่ผู้ฝึกถูกส่งตัวกลับจีน สื่อของพวกเราควรยึดกุมเรื่องนี้อย่างไรดี                   อาจารย์ : พวกชั่วร้ายประทุษร้ายก็ลงข่าวไป  ไม่เป็นไร  พวกเราไม่เสียหน้าอะไร  สิ่งที่ให้คนเห็นคือความชั่วร้ายของคอมมิวนิสต์จีน  ศิษย์ต้าฝ่าก็ไม่ได้ถูกพวกชั่วร้ายทำให้เสียขวัญ  ศิษย์ต้าฝ่านั้นเดินข้ามมาจากคลื่นลมใหญ่  ใครจะกลัวเรื่องนี้ของมัน  ศิษย์ต้าฝ่าแผ่นดินใหญ่ล้วนไม่กลัวเกรงมัน  ในต่างประเทศใครยังจะกลัวมันอีก  สำหรับสิ่งชั่วร้ายที่สมควรเปิดโปงก็เปิดโปง  สมควรลงข่าวก็ลงข่าว

ศิษย์ : ศิษย์อยากจะท่องจำฝ่ามาก แต่ขณะนี้แต่ละโครงการมีเวลาจำกัดมาก

อาจารย์: นี่ก็ต้องพิจารณาตัวเอง  เรื่องนี้ตั้งแต่เริ่มจนจบล้วนเป็นความขัดแย้งกัน  ศิษย์ต้าฝ่าจะยืนยันความถูกต้องให้ฝ่า  ขณะเดียวกันยังต้องศึกษาฝ่าให้ดี  เวลามีจำกัดมากอย่างแน่นอน  นี่คือความยากลำบากที่พวกท่านเผชิญอยู่  บำเพ็ญตนเองให้ดี ยังต้องช่วยเหลือสรรพชีวิต  ล้วนสำคัญ ล้วนแต่สำคัญ 

ศิษย์ :   ในการบรรยายธรรมที่เมืองซานฟรานซิสโก ปี 2005 ท่านอาจารย์บอกพวกเราว่า ไชน่าทาวน์เป็นจุดบอดของการอธิบายความจริงของเรา พวกเราเคยลองพยายามไปทำ แต่สิ่งชั่วร้ายที่นั่นยังคงกำเริบเสิบสานจนถึงทุกวันนี้ ศิษย์ที่เขตอ่าวร้อนใจมาก ขอท่านอาจารย์ช่วยชี้แนะ                                                          อาจารย์ มีคนเป็นจำนวนเท่าใดที่ไปอธิบายความจริง ที่ย่านคนจีนในเมืองซานฟรานซิสโกแล้วล่ะ เมื่อไม่สามารถยืนหยัดในระยะยาว บุคลากรน้อย แน่นอนย่อมเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ ฉะนั้นผู้ฝึกที่เขตอ่าวมีจำนวนมากขนาดนั้น เหตุใดทุกคนจึงไม่จัดให้ที่ตรงนั้นเป็นจุดสำคัญและพยายามไปลองทำดูล่ะ

ศิษย์ :   ศิษย์ต้าฝ่าจากทุกแห่งขอกล่าวคำสวัสดีต่อท่านอาจารย์! คำทักทายเหล่านี้มาจากเหลียวหนิงฝู่สุ้น หูเป่ยซาซื่อ เอียนไถ เหอหนานผูหยาง เหอเฝย หูหนานผิงเจียง คุนหมิง เหลียวหนิงตันตง หางโจว ฟู่เจี้ยน หนานผิง หมินเป่ย กุ้ยโจว จุนอี้ ผันจิ่น เจียงซูหวายอัน ฉางชุน เป่ยจิง เทียนจิน หนานจิง ฉางโจว กุ้ยหยาง หยุนหนานซีซวนปั่นหน้า(สิบสองปันนา) เซิ่นหยาง เมืองหนิงเต๋อ เหอหนานเจิ้นโจว เมืองจี๋หลิน หนานชางหงตู จูไห่ หลายหยาง ปินโจว เหิงหยาง เหิงหนาน ซื่อชวนหลูโจว มหาวิทยาลัยเทียนจิน หูหนานอี้หยาง                                                            อาจารย์ ขอบใจทุกคน (เสียงปรบมือ)

ศิษย์ :   ศิษย์ต้าฝ่ามาถึงโลกมนุษย์พร้อมกับคำปฏิญาณที่ได้ให้ไว้กับท่านอาจารย์ หากอยู่ท่ามกลางวังวนในโลกมนุษย์ ชีวิตนี้ไม่ได้เดินหนทางที่เขาได้ปฏิญาณไว้ เขายังจะมีหนทางของการบำเพ็ญเส้นหนึ่งที่จะเดินสู่หยวนหมั่นหรือไม่  โดยเฉพาะสำหรับเด็กๆ อาจารย์ ชีวิตหนึ่งที่ผิดสัญญา นี้เป็นเรื่องใหญ่บนสวรรค์ แน่นอน หากจะพูดว่าในช่วงที่ศิษย์ต้าฝ่าถูกประทุษร้าย ไม่ได้เข้าร่วมกับสิ่งชั่วร้าย ไม่ได้พลอยผสมโรงไปกับกระแสนั้น    ไม่ได้เข้าร่วมประทุษร้ายศิษย์ต้าฝ่า ในเวลาเดียวกันสามารถยอมรับต้าฝ่า อย่างน้อยที่สุดสามารถจะเหลือไว้ขั้นต่อไป ขั้นต่อไปยังจะมีคนบำเพ็ญ  แต่แน่นอนจะไม่มีเกียรติภูมิของ “ศิษย์ต้าฝ่าแห่งช่วงเวลาการเจิ้งฝ่า” อันนี้ เพราะธรรมานุภาพชนิดนี้นั้นไร้ขีดจำกัด ในอนาคตเมื่อฝ่าปรับโลกมนุษย์ ยังจะมีศิษย์ต้าฝ่าอีกกลุ่มหนึ่ง การบำเพ็ญของพวกเขาจะยากลำบากมาก ถึงระดับที่พวกเขามีความคิดที่ไม่ถูกต้องเพียงเล็กน้อย ฝ่าก็จะไม่ปรากฏให้เขาเห็น หยิบหนังสือขึ้นมาอ่านตลอดวันก็ไม่แน่ว่าจะเป็นผู้บำเพ็ญคนหนึ่ง ฉะนั้นข้อกำหนดต่อพวกเขาจะสูง เพราะในอนาคตความเป็นจริงก็จะปรากฏให้เห็น หมายความว่า ในอนาคตถึงแม้จะยากลำบาก แต่ก็ยังมีโอกาสบำเพ็ญ

ศิษย์:   เรื่องที่ท่านอาจารย์กล่าวไว้ในพื้นที่หนึ่งๆ ที่ไม่ได้มีการถ่ายทอดอย่างเป็นทางการจากฝอเสวียฮุ่ย   พื้นที่อื่นสามารถจะฟังการถ่ายทอดจากผู้ฝึกด้วยได้หรือไม่            อาจารย์ผู้ฝึกบางคนชอบที่จะโอ้อวดตัวเอง ชอบที่จะทำเรื่องบางอย่างที่แปลกใหม่แหวกแนวเพื่อโอ้อวดตัวเอง ข้าพเจ้าพูดหลายครั้งแล้วว่า เรื่องที่ข้าพเจ้าพูดเกี่ยวกับกรณีพิเศษเฉพาะหรือพูดกับคนกลุ่มน้อยไม่สามารถอัดเสียง และอย่าพูดให้ผู้ฝึกฟังตามอำเภอใจ บางคนไม่เชื่อฟัง เขาจะทำอย่างนี้ให้ได้ เขากำลังโอ้อวดตัวเอง บ่อนทำลายต้าฝ่า รบกวนการบำเพ็ญของศิษย์ต้าฝ่า ทุกท่านทราบ ในระหว่างการบำเพ็ญ จิตมนุษย์ (จิตยึดติด)ที่ขจัดทิ้งไปไม่ได้ แสดงออกมาเด่นชัดที่สุดก็คือ เมื่อทำเรื่องอะไรอยู่ไม่ใช่กำลังยืนยันความถูกต้องให้ฝ่า แต่กำลังยืนยันความถูกต้องให้ตัวเขาเอง! สิ่งที่มันก่อผลคือการบ่อนทำลาย ยังมีบางคนชอบอ้างชื่อของอาจารย์ บอกว่าอาจารย์สั่งให้ฉันทำอย่างไรอย่างไร อาจารย์บอกแล้วทำไมทำไม อาจารย์สั่งให้พวกท่านทำอย่างไรอย่างไร ข้าพเจ้าไม่ได้บอกให้ใครทำอย่างไรอย่างไร ใครก็ตามที่พูดอย่างนี้ ล้วนแต่อ้างชื่อของอาจารย์โดยมีจุดประสงค์เพื่อตัวเขาเอง แม้แต่เวลาที่ข้าพเจ้ากำลังอธิบายปัญหาและพูดกับใครว่าควรจะทำอย่างไรอย่างไร ถ้าเขาไปพูดในหมู่ผู้ฝึก เขาล้วนแต่กำลังก่อผลในการบ่อนทำลาย ให้พวกท่านจำคำพูดของข้าพเจ้า ใครก็ตามที่อ้างชื่อของข้าพเจ้าล้วนแต่กำลังทำเรื่องที่ไม่ดี อย่างน้อยที่สุดในเวลานั้นไม่ใช่คำพูดที่ผู้บำเพ็ญสมควรพูดออกมาอย่างแน่นอน เป็นการใช้ชื่อของอาจารย์ยับยั้งคนอื่น ยกตนข่มท่าน แน่นอนข้าพเจ้าจะบอกให้หัวหน้าผู้ประสานงานของศิษย์ต้าฝ่าถ่ายทอดเรื่องที่ข้าพเจ้าพูด นี่เป็นเรื่องที่ข้าพเจ้าสั่งให้บอก

ศิษย์ :   ประวัติ ศาสตร์วัฒนธรรมห้าพันปีของจีน เป็นประวัติศาสตร์วัฒนธรรมที่วางรากฐานให้มนุษย์เข้าใจฝ่า การเจิ้งฝ่าดำเนินไปใกล้จะถึงสุดท้าย พวกเราต้องทุ่มเทเวลาเริ่มทำการเรียบเรียงหนังสือแบบเรียนวัฒนธรรมดั้งเดิม ของจีนที่เหมาะกับการเรียนการสอนสำหรับนักเรียนต่างประเทศระดับประถมและ มัธยม

อาจารย์ เรื่องนี้ข้าพเจ้าคิดว่าให้รวมกับการจัดทำเรื่องการเรียน ให้ประสานกันทำ ทุกคน  ท่านก็อยากทำ ฉันก็อยากทำ สิ้นเปลืองกำลังคน กำลังโภคทรัพย์ พลังงาน สุดท้ายอาจจะใช้ไม่ได้ ท่านมิเท่ากับทำเสียเปล่าหรอกหรือ เรื่องการอธิบายความเป็นจริงช่วยเหลือคนเป็นเรื่องเร่งด่วนจริงๆ ในขณะนี้ คนในอนาคตเรื่องที่ตัวเองทำไม่ดีนั้นต้องทำใหม่ให้ดี ไม่ว่าจะเป็นการชักนำของสิ่งชั่วร้ายก็ตาม ถึงอย่างไรเรื่องไม่ดีนั้นคนเป็นคนทำ เรื่องไม่ดีที่คนทำออกมา คนต้องไปแก้ไขคืนมา ฉะนั้นปัจจุบันนี้ศิษย์ต้าฝ่าทำกันอย่างไร ก็เป็นเพียงการให้หนทางที่ถูกต้องเส้นหนึ่งแก่คนเท่านั้นเอง

ศิษย์ :   ขอท่านอาจารย์ช่วยให้พวกเราเข้าใจความสำคัญของระบำจีนโบราณ

อาจารย์ ไม่อาจพูดว่ามีความสำคัญ คือศิษย์ต้าฝ่ากำลังใช้ระบำจีนในการแสดง จะให้พูดถึงระบำจีนกันตรงนี้หรือ (ที่ประชุมหัวเราะ) เนื่องจากพวกท่านใช้ในการแสดง ข้าพเจ้าก็จะพูดสักเล็กน้อย ระบำโบราณจีน ความจริงเรียกย่อๆ ว่าระบำจีน แน่นอนล่ะ ระบำจีนยังรวมถึงระบำของชาวบ้านเอย ระบำของชนพื้นเมือง ระบำโบราณของจีน ทำไมจึงเรียกว่าระบำโบราณนะหรือ ก็คือสืบทอดต่อกันมาจากสมัยโบราณของจีน พูดถึงการสืบทอด ความจริงมีรูปแบบสองแบบ แบบหนึ่งคือวัฒนธรรมโบราณของช่วงเวลาต่างๆ ได้กรอกอัดเข้าสู่ยีนของคน ทำให้ทุกอิริยาบถ ทุกการเคลื่อนไหวของคนแบบนั้นล้วนมีกลิ่นอายติดอยู่ เรียกว่ากลิ่นอายจังหวะ อีกแบบหนึ่งคือการสืบทอดของวัฒนธรรม การสืบทอดของวัฒนธรรมก็แบ่งเป็น การสืบทอดทางวาจาและสืบทอดด้วยลายลักษณ์อักษรกับลักษณะการรำ หรือการเคลื่อนไหวของมือเท้าทั้งสี่ของการเต้นรำ พื้นที่ที่ต่างกันต่างมีการเต้นรำที่มีรูปแบบการแสดงที่ต่างกัน สิ่งที่กรอกอัดสู่ร่างกายคนทำให้ท่วงท่าของคนก่อเกิดเป็นเอกลักษณ์ของชนชาติ นี่จัดเป็นกลิ่นอายของชนชาติในความนัยของคน ดังนั้นการยกแขน ยกขาของคนจีน กับการยกแขน ยกขาของคนตะวันตก มีท่วงท่าที่แตกต่างกันมาก รวมถึงการแสดงออกทางอารมณ์ของคน ที่จริงนี่ก็คือกลิ่นอายจังหวะของชนชาติ นี่คือสิ่งที่ฝึกออกมายากมาก ไม่ว่าท่าเต้นของท่านจะเป็นอย่างไร พอท่านยื่นแขน ส่งขาออกไปก็จะมีกลิ่นอายอย่างนี้ นี่เป็นสิ่งที่เชื่อมโยงลงมาจากประวัติศาสตร์อันยาวไกล

ระบำของจีนเน้นสามส่วนหลักที่จังหวะร่างกาย(จังหวะลีลา)กับวิธีร่างกาย(ท่วงท่า) และฝีมือกับศิลปะ พูดถึงจังหวะร่างกายของระบำจีน ที่จริงก็คือการแสดงที่อาศัยมือเท้าทั้งสี่ นำเสนอกลิ่นอายของชนชาติให้ปรากฏออกมา ทางด้านวิธีร่างกายของระบำจีน ในประวัติศาสตร์ไม่มีการสืบทอดหลักเกณฑ์อย่างเป็นระบบ แต่ทางด้านฝีมือกับศิลปะกลับได้รับการสืบทอดด้วยพรสวรรค์เท่านั้น ทุกท่านทราบ ตัวอักษร “อู่” ของอู่ซู่ (ศิลปะวิชาเพลงมวย) กับตัวอักษร “อู่” ของอู่เต่า (การเต้นรำ ระบำ) การที่สองตัวอักษรออกเสียงเหมือนกันก็เป็นสิ่งที่เทพตั้งใจจัดเตรียม ที่จริงถ้านำ “อู่” (ของอู่ซู่) มาใช้ทางด้านระบำและเพลง ก็คือการเต้นรำ นำ “อู่” ของอู่เต่า (การเต้นรำ ระบำ) มาใช้แทน “อู่” (ของอู่ซู่ก็คือศิลปะวิชาเพลงมวย ในประวัติศาสตร์ทุกยุคทุกสมัย ตั้งแต่ราชสำนักจนถึงประชาชน ในการเฉลิมฉลองและงานเลี้ยงเป็นต้น การเต้นรำในโอกาสต่างๆ ล้วนแต่มีขุนพลออกมาร่ายรำศิลปะวิชาเพลงมวย ในวิธีการและศิลปะมีการกระโดด การหมุนตัว ทิศทางการกลิ้งกับการรำดาบ รำหอก ทวนเอย รำกระบองเอยเป็นต้น ในขณะที่วิธีทางร่างกายส่วนใหญ่สืบทอดอยู่ในหมู่ประชาชนของจีน มีท่วงทำนองที่แตกต่างกันมากมาย และในทุกยุคทุกสมัยต่างก็มีระบำของราชสำนัก ระบำของราชสำนักแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่เคยขาดตอน แต่ภายหลังที่มาถึงยุคใกล้ ผู้คนจึงนำระบำจีนมาจัดทำหลักเกณฑ์ให้เป็นระบบ ด้วยเหตุนี้จึงได้จัดทำการเรียนการสอนระบำจีน จัดสอนระบำจีนอย่างเป็นระบบ แต่ไม่ใช่ผลงานที่จัดทำออกมาในยุคใกล้อย่างแน่นอน

ระบำจีนมีวิชาพื้นฐานสำหรับการฝึกฝนที่สมบูรณ์ของตัวเองหนึ่งชุด มีการฝึกฝนกับราวจับบนพื้นเหมือนระบำบัลเล่ต์ ในเวลาเดียวกันมีจังหวะร่างกาย วิธีร่างกายและฝีมือกับศิลปะ ปัจจุบันจังหวะร่างกายของระบำโบราณที่จีนแผ่นดินใหญ่พูดนั้นถูกจำกัดโดยวัฒนธรรมพรรคหนึ่งชุด อันที่จริงเป็นความเข้าใจที่ตื้นเขินและว่างเปล่ามาก จังหวะไม่ใช่เป็นเพียงแต่ท่าเคลื่อนไหวของระบำที่การเคลื่อนไหวภายนอกที่แสดงออกมา ส่วนสำคัญคือความนัยของชนชาติ ยกตัวอย่างคนตะวันตกสองคนที่ไม่เคยฝึกการเต้นระบำเหมือนกัน มาฝึกเต้นระบำจีนพร้อมกับคนจีน ย่อมมีกลิ่นอายแตกต่างกัน สิ่งที่เป็นพันธุกรรมของชนชาติมีอยู่ในก้นบึ้งจิตใจ(อยู่ในกระดูก) มีอยู่ในชีวิต ความยากลำบากระดับสูงของระบำจีนในฝีมือและศิลปะมีการกลิ้ง กระโดดเอย หมุนตัวเอย มีความยากลำบากที่สูงกว่าระบำบัลเล่ต์ การยึดกุมทางฝีมือและศิลปะมีข้อกำหนดที่มากกว่าระบำบัลเล่ต์ ระบำจีนพูดจากแง่ของระบบนั้นยังใหญ่กว่าระบำบัลเล่ต์ ท่าเคลื่อนไหวมีมากกว่ามาก

ระบำบัลเล่ต์มีท่าเคลื่อนไหวเพียงเท่านั้น ท่านเพิ่มท่าเคลื่อนไหวเข้าไปอีกหนึ่งท่าก็จะไม่ใช่ท่าเคลื่อนไหวของบัลเล่ต์ ฉะนั้นมันขยับขยายไม่ได้ แต่ระบำจีนมีท่าเคลื่อนไหวมาก และทำให้ด้านการเขียนแต่งจัดวางตัวบุคคล ระบำจีนทำได้ค่อนข้างง่าย ไม่ว่าจะเป็นการเขียนแต่งจัดวางตัวบุคคลในงานประพันธ์ระบำ การจัดแสดงฉาก ทัศนียภาพ สภาพแวดล้อมอะไร ล้วนแสดงออกมาได้ นี่คือจุดเด่นของมัน  เปรียบเทียบกันแล้วงานประพันธ์ทำออกมาได้ค่อนข้างง่าย ระบำบัลเล่ต์จะประพันธ์ผลงานใหม่ออกมาสักชุดเป็นเรื่องที่ยากลำบากมาก เพราะมันมีท่าเคลื่อนไหวน้อยมาก ก็มีท่าต่างๆ เพียงเท่านั้น ท่านเพิ่มเติมเข้าไปมันก็จะไม่ใช่ระบำบัลเล่ต์อีกแล้ว ระบำจีนเนื่องจากมันเป็นสิ่งที่ใหญ่โตมาก ข้างในมีสิ่งของมากมาย เปรียบเทียบกันแล้วการประพันธ์ทำได้ค่อนข้างง่าย ฉะนั้นการที่ศิษย์ต้าฝ่าใช้ระบำจีนจัดแสดงงานราตรีสโมสรปีใหม่ จึงมีประโยชน์เช่นนี้ ยิ่งกว่านั้นประเทศจีนมีประวัติศาสตร์ทางอารยธรรมห้าพันปี หยิบยกนิทานเรื่องอะไรออกมาสักเรื่อง หยิบยกอะไรออกมาสักเล็กน้อย ก็สามารถขึ้นเวทีแสดงได้ คือใช้ไม่มีวันหมดสิ้น ตักตวงได้ไม่มีวันเหือดแห้ง วัฒนธรรมของพรรคมารจีนคอมมิวนิสต์ที่สุดขั้วและจืดชืดนับเป็นของอะไรได้ล่ะ เมื่อปีที่แล้ว เพื่อจะรบกวนการแสดงของศิษย์ต้าฝ่า พรรคมารจีนคอมมิวนิสต์ ทำให้ประชาชนตรากตรำทำงานหนักและสิ้นเปลืองเงินทองของชาติ โดยส่งคณะแสดงออกมาหกสิบคณะ การแสดงที่อัปลักษณ์ปล่อยไก่ มีระดับต่ำ ไม่มีใครอยากดู ทุ่มเงินเชิญคนมาดูยังถูกคนด่าว่าไม่หยุด ทุ่มเงินไปหลายพันล้าน ต้องพ่ายแพ้ยับเยิน กลับไป นักแสดงจำนวนไม่น้อยถือโอกาสทรยศและหลบหนีไปเลย กลุ่มนักแสดงแต่ละคณะแบ่งผลประโยชน์ทั้งในและนอกไม่ลงตัวทะเลาะกันอย่างเอาเป็นเอาตาย การแสดงไม่มีคนดูขาดทุนป่นปี้ ถูกผู้ชมด่าว่าอย่างเสียๆหายๆ นักแสดงล้วนแต่อาศัยนิสัยความเคยชินของวัฒนธรรมพรรค ฉะนั้นพรรคมารจึงง่อนแง่นสะเปะสะปะ

ศิษย์ :งานราตรีฯปีใหม่ของคนจีนทั่วโลกได้ก่อบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือสรรพชีวิต มีผู้ฝึกพูดกันว่า เพื่อช่วยเหลือสรรพชีวิต เพื่อให้มีคนมาดูการแสดงมากยิ่งขึ้น พวกเราสามารถลดราคา(ค่าบัตร) ไม่ต้องคำนึงว่าการแสดงจะขาดทุน ความคิดแบบนี้ถูกต้องไหม

อาจารย์ : ไม่ถูกต้อง เพราะนั่นคือพวกท่านไม่ได้ทำให้ดี เมื่อทำไม่ได้ ไม่มีวิธีแล้ว เวลาใกล้เข้ามาแล้ว จะลดราคา(ค่าบัตรจะให้คนดูฟรี ดังนั้นจึงทำอย่างนี้ โดยตัวเองคือเกิดจากการไม่ทำให้ดี

ศิษย์ ในการอธิบายความจริง พบว่ามีคนจีนในต่างประเทศบางคนยอมรับความเป็นจริงยากยิ่งกว่าคนจีนในประเทศจีน

อาจารย์ : เมื่อก่อนเป็นเช่นนี้ เวลานี้ไม่เหมือนกันแล้ว ถ้าเป็นชาวจีนโพ้นทะเลที่อายุมากออกมาจากจีนแผ่นดินใหญ่ในอดีต มาถึงต่างประเทศเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ทั่วโลกค่ายพรรคมารกับสังคมเสรี สองค่ายใหญ่ต่างคุมเชิงกันอยู่ ประเทศของสังคมพรรคมาร แม้กระทั่งคน อยู่ในสากลโลกก็ถูกคนเขาดูถูกจริงๆ นี่ไม่ใช่เป็นเพราะชนชาติต่างกัน เป็นเพราะประเทศจีนก็เป็นสังคมของพรรคมาร คนเขาดูถูกคนจีน พอเอ่ยถึงประเทศจีน ไม่มีใครสนับสนุน เพราะจีนก็คือชื่อที่แทนพรรคมารคอมมิวนิสต์ ดังนั้นมีชาวจีนโพ้นทะเลที่อายุมากสักหน่อยจึงรู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถจะเงยหน้า เมื่อประเทศจีนเข้มแข็งเขาก็จะดีใจ นี่เกิดขึ้นเพราะแบ่งแยกคอมมิวนิสต์กับประเทศจีนได้ไม่ชัดเจน เป็นความซับซ้อนของจิตใจแบบหนึ่ง เขาอาจจะไม่ใช่สนับสนุนพรรคมารคอมมิวนิสต์จริงๆ หากประเทศจีนในวันนี้ไม่ใช่เป็นโลกของพรรคมารคอมมิวนิสต์จีน เป็นรัฐบาลของคนปกติธรรมดา และร่ำรวยเข้มแข็ง แน่นอนเขาย่อมดีใจ พวกเราต้องดูว่าปมของเขาอยู่ตรงไหน การอธิบายความจริงต้องดูว่าอุปสรรคทางความคิดของเขาอยู่ตรงไหน

ศิษย์ :      ในงานราตรีสโมสรปีใหม่ที่นิวยอร์ก     รายการที่สะท้อนต้าฝ่าโดยตรง มีการเปลี่ยนแปลงบางรายการในขณะทำการแสดง เป็นเพราะเจิ้งเนี่ยนของศิษย์ไม่แข็งแกร่งพอ หรือเป็นเพราะผู้ชมในหอประชุมไม่ค่อยยอมรับ

อาจารย์ : การเปลี่ยนแปลงรายการนั้นเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก ไม่ค่อยเหมาะสมก็เปลี่ยนแปลงเสีย มีการรบกวนล้วนแต่กระทำโดยสายลับของพรรคมาร มันรบกวนข้าพเจ้า ไม่เกิดผลแม้แต่น้อย ข้าพเจ้าจะทำอะไร ใครคิดจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถทำอะไร (เสียงปรบมือ) ดังนั้นข้าพเจ้าจึงบอกกับศิษย์ต้าฝ่าอยู่เสมอว่า พวกท่านตัวเองต้องเข้าใจแจ่มแจ้งว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ความเห็นของคนอื่นรับฟังได้ แต่หนทางที่ท่านเดิน ถ้าหากเป็นหนทางที่ถูกต้อง ก็อย่าได้หวั่นไหวสั่นคลอนอยู่เรื่อย

ข้าพเจ้าขอถือโอกาสพูดกับพวกท่าน พวกท่านต่างก็รู้ หลายปีมานี้การประทุษร้ายศิษย์ต้าฝ่าของพรรคมารคอมมิวนิสต์จีนนั้น ไม่ว่าสายลับคอมมิวนิสต์จีนจะกระทำความชั่วบนเว็บไซต์ก็ดี พรรคมารคอมมิวนิสต์จีนกุข่าวเท็จทางสื่อมวลชนก็ดี  หรือต่อตัวข้าพเจ้า  คงจะด่าว่าไม่ยอมเลิกอย่างแน่นอน และคงจะกุข่าวหลอกลวงอย่างนี้ อย่างนั้นอย่างมากมาย แน่นอนล่ะ ทั้งหมดนี้เป็นบาปที่ใหญ่ที่สุด พวกมันไม่อาจจะชดใช้ได้ ในอนาคตพวกมันก็จะรู้ แต่ข้าพเจ้าไม่ฟังและก็ไม่ดูเลย พวกท่านรู้ไหม เว็บไซต์เหล่านั้นข้าพเจ้าก็ไม่เคยดูเลย เชื่อหรือไม่ (เสียงปรบมือ) ข้าพเจ้ารู้พวกมันด่าข้าพเจ้า แต่ด่าอะไรข้าพเจ้าไม่อยากรู้ แน่นอนผู้ฝึกก็พูดไม่ออก และไม่มีใครทำแบบ(เลียนแบบ)ข้าพเจ้า (ที่ประชุมหัวเราะ) ข้าพเจ้าดูพวกมันเพื่ออะไร สิ่งเหล่านั้นไม่สามารถทำให้ข้าพเจ้าหวั่นไหว ข้าพเจ้ารู้ว่าเรื่องนี้ที่ข้าพเจ้าทำนั้นคืออะไร ข้าพเจ้ารู้จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้และจุดสุดท้ายจะเป็นอย่างไร ก็เพียงพอแล้ว (เสียงปรบมือ) ขั้นตอนช่วงตรงกลางจะเปลี่ยนแปลงร้อยแปดพันเก้าอย่างไรข้าพเจ้าไม่สนใจ ขอเพียงแต่หนทางของศิษย์ต้าฝ่าเดินได้ถูกต้อง ดูให้ดีไม่เกิดปัญหา อะไรข้าพเจ้าก็ล้วนไม่ไปสนใจมัน (เสียงปรบมือ)

ศิษย์ : บทความจิงเหวินใหม่ของท่านอาจารย์ ดับสลายเทพวุ่นวายทั้งหมดในตรีภูมิ ที่รบกวนการเจิ้งฝ่า เทพวุ่นวายหมายถึงพวกไหน

อาจารย์ เทพวุ่นวาย อิทธิพลเก่า พวกที่ก่อผลทางด้านลบต่อต้าฝ่าทั้งหมดล้วนเป็นเทพวุ่นวาย (เสียงปรบมือ)

ศิษย์ : ศาสนาที่ถูกต้องในประวัติศาสตร์ ปัจจุบันไม่อาจบำเพ็ญได้แล้ว และเวลานี้ยังกำลังรบกวนการเจิ้งฝ่า เช่นนั้นพวกเราควรจะปฏิบัติ(กับศาสนา)อย่างไร

อาจารย์ เคยบอกแล้วว่าให้ปฏิบัติอย่างไร กับศาสนา ท่านไม่ต้องกระทำอะไร พวกเราเน้นตรงที่จิตใจคน เขาอยากจะบำเพ็ญท่านก็บอกเขา เขาอยากฟังความเป็นจริงท่านก็อธิบายให้เขาฟัง ก็ใช้ได้แล้ว ไม่ต้องไปทำอะไรเลย และไม่ต้องตั้งใจไปหาเขาโดยเฉพาะ รอให้เขามาเองดีแล้ว ข้าพเจ้าบอกแล้วว่าสรรพชีวิตล้วนต้องมาฟังความเป็นจริง เพราะท่าทีที่มีต่อต้าฝ่าจะเป็นเส้นแบ่งว่าจะเหลือเขาไว้หรือไม่ เหตุใดต้องกำจัดเทพวุ่นว่ายเหล่านั้นที่ควบคุมศาสนานะหรือ เพราะคนข้างนั้น(ในศาสนา)ต้องแสดงท่าที เทพวุ่นว่ายเหล่านั้นไม่ให้(พวกเขา)แสดงท่าที ไม่ให้คนมีโอกาสได้รับการช่วยเหลือ ฉะนั้นจึงต้องกำจัดพวกมันทิ้ง เพราะพวกมันกำลังทำลายสรรพชีวิต อย่าเห็นว่ามันปรากฏให้เห็นเป็นเทพองค์หนึ่ง ข้างในนั้นมีชีวิตมากมายเป็นชีวิตที่ลงมาจากระดับชั้นที่สูงขึ้นไปอีก กลับชาติมาเกิดเป็นคน สูงกว่ามันมากมายนัก มันคิดจะทำลายคนเหล่านี้ เป็นเรื่องไม่สมควร ฉะนั้นจะต้องกำจัดเทพวุ่นวายทิ้งไป ต้องให้สรรพชีวิตมีโอกาสได้แสดงท่าที

ศิษย์ สวัสดีท่านอาจารย์ ดิฉันเป็นศิษย์ต้าฝ่าที่มาจากเป่ยจิง ก่อนที่พวกเราจะออกจากประเทศ ศิษย์ต้าฝ่าที่เป่ยจิงจำนวนไม่น้อยกำชับพวกเราซ้ำแล้วซ้ำอีกว่า หากสามารถพบกับท่านอาจารย์ จะต้องกล่าวคำสวัสดีกับท่านอาจารย์แทนพวกเขาให้ได้ พวกเราคิดถึงท่านอาจารย์ยิ่งนัก ในที่สุดวันนี้มีโอกาสทำเรื่องที่พวกเขาฝากฝังได้สำเร็จลุล่วง ดิฉันขอเป็นตัวแทนพวกเขาสิบนิ้วพนมเหอสือกับท่านอาจารย์ ขอกล่าวคำสวัสดีต่อท่านอาจารย์ สวัสดีท่านอาจารย์ สวัสดีท่านอาจารย์

อาจารย์ ขอบใจ (เสียงปรบมือ) ขอบใจศิษย์ต้าฝ่าที่เป่ยจิง ไม่ใช่ว่าศิษย์ต้าฝ่าที่เป่ยจิงทำได้ไม่ดี ทุกท่านทราบ มารร้ายที่ใหญ่ที่สุดล้วนชุมนุมอยู่ที่เป่ยจิง ฉะนั้นขีดจำกัดของกำลังในการอธิบายความจริงกับ สภาวะของผู้ฝึกนั้น  แน่นอนย่อมต้องด้อยกว่าพื้นที่อื่นๆ นี่ไม่ใช่เพราะผู้ฝึกไม่ไหว เป็นเพราะพื้นที่ตรงนั้นมีมารร้ายค่อนข้างมาก เป็นศูนย์รวม พร้อมๆ กับที่มารร้ายโดยรวมถูกทำลายไปมากขึ้นเรื่อยๆ ศิษย์ต้าฝ่าที่เป่ยจิงจะไม่ตกหล่น ไม่ด้อยกว่าพื้นที่อื่นๆ เป็นเช่นนี้แน่นอน (เสียงปรบมือ)

ศิษย์ : ศิษย์ต้าฝ่าเมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่นขอกล่าวคำสวัสดีต่อท่านอาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ ท่านอาจารย์ ลำบากท่านแล้ว  ตลอดมา เนื่องจากดิฉันไม่อาจปล่อยวางตัวเอง จึงได้หน่วงเหนี่ยวจนเสียเวลาการช่วยเหลือสรรพชีวิต รู้สึกทุกข์ทรมาน นอกจากศึกษาฝ่าให้มากแล้ว ดิฉันควรทำอย่างไรจึงจะสามารถบรรลุถึงข้อกำหนดของศิษย์ต้าแห่งช่วงเวลาเจิ้งฝ่า

อาจารย์ รู้ว่าทำได้ไม่ดีพอ เช่นนั้นก็ทำมันให้ดี ทำให้บรรลุถึงข้อกำหนดเป็นใช้ได้ สามเรื่องของศิษย์ต้าฝ่าต้องทำให้ดี เวลานี้เรื่องที่ใหญ่ที่สุดคือช่วยเหลือสรรพชีวิต ช่วยคนให้มาก นี่ก็คือเรื่องที่ใหญ่ที่สุด

ศิษย์ :   ศิษย์จากเมืองแคลิฟอร์เนียสิบนิ้วพนมเหอสือ ขอท่านอาจารย์ให้ความกระจ่าง การตั้งมหาวิทยาลัยยังจะทำไหม การแพทย์ในอนาคตเป็นการบำเพ็ญไหม

อาจารย์ : เรื่องตั้งมหาวิทยาลัยต้องดูว่ามีเงื่อนไขพร้อมหรือไม่ การแพทย์ในอนาคตนะหรือ ปัจจุบันการแพทย์ก็ไม่ใช่การบำเพ็ญหรอกนะ (ศิษย์ทั้งหลายหัวเราะ) ศิษย์ต้าฝ่าอยู่ในทุกๆ สาขาอาชีพล้วนสามารถบำเพ็ญ แต่อาชีพการงานโดยตัวเองไม่ใช่การบำเพ็ญ

ศิษย์ : สวัสดีท่านอาจารย์ ศิษย์จากฮาร์บินส่งความระลึกถึงท่านอาจารย์

อาจารย์ ขอบใจศิษย์ที่ฮาร์บิน

ศิษย์: สถานการณ์การปรับเปลี่ยนของหนังสือพิมพ์ต้าจี้หยวนฉบับภาษาอังกฤษ ขอท่านอาจารย์ช่วยชี้แนะ

อาจารย์ สิ่งเหล่านี้ยังคงเป็นเรื่องที่พวกท่านจะดำเนินการอย่างไร ทำไมจึงเกิดปัญหา เรื่องนี้ข้าพเจ้าควรต้องถามพวกท่านนี่นะ (อาจารย์หัวเราะ) (ศิษย์ทั้งหลายหัวเราะ) กำลังคน กำลังทรัพยากร กำลังทรัพย์กล่าวสำหรับพวกท่านล้วนแต่ไม่เพียงพอ ย่อมมีความยากลำบากมาก แต่หนังสือพิมพ์ต้าจี้หยวนฉบับภาษาจีนในระยะแรกก็พบกับปัญหาเหล่านี้ ก็ยังก้าวผ่านมาได้ ก็ยังทะลวงข้ามมาได้ ถ้าอย่างไรก็ลองศึกษาดู ลองเปรียบเทียบดู จะจัดการอย่างไรยังคงต้องให้พวกท่านไปจัดการ ก็เหมือนที่พวกท่านจะบำเพ็ญให้ดีได้อย่างไร

ศิษย์ : ช่วงก่อนหน้านี้เว็บไซต์หมิงฮุ่ยเผยแพร่บทความบทหนึ่ง พูดถึงว่า ณ ปัจจุบันให้ศิษย์พยายามอย่าแต่งงานกับคนธรรมดาสามัญหรือผู้ฝึกใหม่ ศิษย์ต้าฝ่าจากไต้หวันขอเป็นตัวแทนศิษย์ต้าฝ่าถามคำถามนี้

อาจารย์ : บทความนี้เขียนโดยศิษย์ต้าฝ่า เช่นนั้นบทความที่ศิษย์ต้าฝ่าเขียนก็มีปัจจัยของการศึกษาแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกันคงอยู่ ไม่ใช่เป็นฝ่าที่บอกให้พวกท่านทำอย่างไร ไม่ใช่ว่าจะต้องทำอย่างไรอย่างไร อาจารย์ไม่ได้พูดอย่างนี้ ฝ่าก็ไม่ได้พูดไว้อย่างนี้ แต่ว่าศิษย์ต้าฝ่าจะทำเรื่องอะไร การตรึกตรองให้มากสักหน่อยก็เป็นเรื่องที่สมควร ท่านเป็นศิษย์ต้าฝ่านี่นะ ท่านต้องรับผิดชอบต่อการบำเพ็ญของท่าน และต้องรับผิดชอบต่อสภาพแวดล้อมของศิษย์ต้าฝ่า ฉะนั้น ข้าพเจ้าคิดว่าถ้าท่านสามารถตรึกตรองปัญหานี้โดยยืนอยู่บนจุดมูลฐานนี้ เรื่องที่ท่านทำนั้น ควรทำหรือไม่และจะไปทำอย่างไร (ท่าน) ก็จะรู้ ถ้าท่านจัดวางตัวเองไว้ ณ อันดับที่หนึ่ง เช่นนั้นเป็นไปได้มากว่าจะทำเรื่องต่างๆ ได้ไม่ดี จะเกิดปัญหา เมื่อท่านคิดจะรับผิดชอบต่อต้าฝ่า  ต่อการบำเพ็ญของตัวเองอย่างจริงๆ เรื่องที่ท่านทำก็จะทำได้ดี

ศิษย์ : ช่วงเวลาที่ฟาเจิ้งเนี่ยนต้องทำงาน ทำงานไปพลางฟาเจิ้งเนี่ยนไปพลาง จะมีประสิทธิผลหรือไม่

อาจารย์ : ภายใต้สภาพการณ์ที่พิเศษเฉพาะ ภายใต้สภาพที่ไม่อาจจะละมือจากงานได้จริงๆ สามารถทำงานให้เสร็จก่อนแล้วค่อยฟาเจิ้งเนี่ยน ท่านบอกว่าทำงานไปพลางฟาเจิ้งเนี่ยนไปพลาง ทำได้ยากมาก ทำได้ยากจริงๆ การทำงานอยู่ในที่ทำงานของคนธรรมดาสามัญ ท่านไม่จำเป็นต้องทำท่าตั้งมือ คนอื่นจะไม่เข้าใจ ท่านนั่งนิ่งๆ เงียบๆ ก็เพียงพอแล้ว เพราะการฟาเจิ้งเนี่ยนโดยตัวเองสามารถจะใช้ความนึกคิด การทำงานไปพลางแน่นอนย่อมฟาเจิ้งเนี่ยนได้ไม่ดี ท่านบอกว่าทำไม่ได้จริงๆ เช่นนั้นก็ทำงานไป ก็ได้ เสร็จเรื่องแล้วค่อยทำชดเชย แต่ว่านะ ศิษย์ต้าฝ่าทั่วโลกกำหนดเป็นเอกฉันท์ให้ฟาเจิ้งเนี่ยนในเวลาเดียวกัน นั่นเป็นพลังที่ไร้ขีดจำกัด ดังนั้นทุกๆ คนต่างต้องปฏิบัติกับเรื่องนี้ด้วยเจิ้งเนี่ยนที่แข็งแกร่ง ตั้งแต่ต้นถ้าสามารถทำได้ดีมากๆ ละก็ บางทีมารร้ายก็ไม่เหลือแล้วในเวลานี้ เป็นเพราะมีผู้ฝึกจำนวนไม่น้อยถูกรบกวน ถูกเรื่องนั้นเรื่องนี้รบกวนอยู่เรื่อย จึงทำได้ไม่ดี

ศิษย์ : เวลานี้บ่ายสามโมงครึ่งแล้ว ท่านอาจารย์บรรยายธรรมมาเกือบสองชั่วโมงแล้ว ศิษย์เรียนเชิญท่านอาจารย์ดื่มน้ำสักคำ

อาจารย์ : รออีกประเดี๋ยวเถอะ (เสียงปรบมือ)

ศิษย์ : กับศิษย์ที่ใกล้จะสิ้นใจ ศิษย์ต้าฝ่าจะทำอย่างไรจึงจะสามารถช่วยเหลือเขาได้

อาจารย์ : อ่านฝ่าให้เขาฟังเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ไม่ว่าควรจะจากไปเวลานี้หรือไม่ ก็ต้องดูตัวเขาเอง มีคนบางส่วน ศิษย์ต้าฝ่าของข้าพเจ้าไม่ว่าจะถูกประทุษร้ายจนเสียชีวิต หรือถูกอิทธิพลเก่าทำร้ายจนจากไปในช่วงเวลานี้ กล่าวสำหรับพวกเขาแล้วล้วนแต่หยวนหมั่นแล้ว (เสียงปรบมือ) ทำไมจึงเป็นเช่นนี้ ทุกท่านทราบ ทั่วทั้งจักรวาลกำลังจ้องมองการเจิ้งฝ่าครั้งนี้ จุดประสงค์ของการจัดสร้างสามภพก็เพื่อการเจิ้งฝ่า สรรพชีวิตที่รอคอยอยู่ท่ามกลางประวัติศาสตร์อันยาวไกล ก็เพื่อการเจิ้งฝ่าครั้งนี้ ทุกๆ เรื่องในโลกมนุษย์ มาดูกันวันนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องล้อเล่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับต้าฝ่า เกี่ยวข้องโดยตรงกับการเจิ้งฝ่า เกี่ยวข้องโดยตรงกับศิษย์ต้าฝ่า ล้วนไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ถ้าหากอยู่ในช่วงการประทุษร้ายครั้งนี้ ใครที่กล้าพูดว่า “ฝ่าหลุนต้าฝ่าดี” ไม่ต้องมาก เพียงคำพูดประโยคเดียวนี้ที่ออกมาจากข้างในจิตใจ คนคนนี้จะคืนสู่ตำแหน่งอย่างแน่นอน (เสียงปรบมือ) หมายความว่าอย่างไร ในช่วงเวลานี้ อยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมของมารร้าย เขากล้าที่ยืนยันความเป็นจริงให้ฝ่า เขาเป็นเทพแล้วอย่างแน่นอน ในช่วงเวลาการประทุษร้ายครั้งนี้ ใครที่ทำความดีเล็กๆ น้อยๆ ให้กับศิษย์ต้าฝ่า ทำเรื่องที่ดี คนคนนี้จะสำเร็จเป็นเทพอย่างแน่นอน (เสียงปรบมือ) เพราะนี่เป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดของประวัติศาสตร์ สำหรับทุกๆ ชีวิต ทุกความคิดในความคิดของเขา เทพกำลังจ้องมองอยู่ ในจักรวาลสรรพชีวิตนับจำนวนไม่ถ้วน หาที่สุดไม่ได้ต่างกำลังมองดูมนุษย์โลกกันอยู่ ในทุกๆอนุภาคของอากาศธาตุล้วนคือดวงตา และยังเบียดแน่นขนัดจนเต็มไปหมด กำลังจ้องมองทุกสิ่งกันอยู่ มองดูแนวโน้มทีละเล็กละน้อยของชีวิตข้างในนี้ เพราะที่นี่คือจุดศูนย์รวมของการเจิ้งฝ่า และเกี่ยวพันไปถึงสรรพชีวิตในอนาคตของจักรวาล นัยน์ตาของคนมองไม่เห็นสิ่งเหล่านี้ จึงรู้สึกดูเหมือนไม่มีอะไร แต่เทพนับจำนวนไม่ถ้วน แต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่เคยมีเทพจำนวนมากมายขนาดนั้น ต่างกำลังจ้องมองสามภพอยู่ ถ้าคนมองเห็นได้จริงๆจะรู้สึกว่าน่ากลัวอย่างยิ่ง หนึ่งความคิดของคน ข้อคิดเห็นเล็กๆ น้อยๆ ก็ไม่รอดพ้นจากสายตาของเหล่าเทพ ฉะนั้นในช่วงเวลานี้เรื่องอะไรที่คนทำ ล้วนเป็นการกำหนดอนาคตของตัวเองให้แก่ตัวเอง เช่นนั้นกล่าวสำหรับศิษย์ต้าฝ่า เขาได้ทำสิ่งต่างๆ มากมายที่ศิษย์ต้าฝ่าสมควรทำ ทุกท่านลองคิดดู เขาสมควรจะไปที่ไหนล่ะ เขาไม่ใช่ศิษย์ต้าฝ่าของข้าพเจ้าที่ถูกประทุษร้ายจนตายไป ไม่ใช่ศิษย์ต้าฝ่าหรอกหรือ ไม่เพียงแต่หยวนหมั่น เขายังจะมีเกียรติภูมิทั้งมวลที่ศิษย์ต้าฝ่าสมควรที่จะมี

แน่นอนล่ะ พูดถึงตรงนี้ ทำให้ข้าพเจ้านึกถึงปัญหาหนึ่ง ผู้ฝึกของเราบางคน ไม่อาจบอกว่าท่านเป็นสายลับ แต่เรื่องทั้งหมดที่ท่านทำนั้นไม่ค่อยดีจริงๆ ท่านก็คิดจะบำเพ็ญ เรื่องไม่ดีที่ท่านทำไว้เมื่อก่อนก็ถูกคอมมิวนิสต์จีนยึดในมือคอยข่มขู่คุกคาม กลัวว่าเมื่อคอมมิวนิสต์จีนเปิดโปงท่านแล้วศิษย์ต้าฝ่าก็จะปฏิบัติกับท่านอีกแบบหนึ่ง กลัวอาจารย์จะปฏิบัติกับท่านอีกแบบหนึ่ง ที่จริงข้าพเจ้ารู้เรื่องของท่านตั้งนานแล้ว ด้วยเหตุนี้จึงทำในเรื่องที่มารร้ายต้องการให้ท่านทำอย่างขัดกับความรู้สึกของตน แต่ก็อยากจะเป็นศิษย์ต้าฝ่า และก็ทำเรื่องที่ไม่ดีอยู่เรื่อยๆ ท่านว่าข้าพเจ้าจะปฏิบัติกับท่านอย่างไร เวลานี้ท่านมีสองทางเลือกเท่านั้น: ท่านบำเพ็ญจริงๆ อย่างแน่วแน่ ท่านก็คือศิษย์ต้าฝ่า ทุกสิ่งที่ท่านทำก็จะกลายเป็นธรรมานุภาพของท่าน ถ้าท่านไปยืนอยู่ฝั่งเดียวกับมารร้าย ทุกสิ่งที่ท่านทำไม่ใช่อะไรทั้งสิ้น เพียงแต่ทำเพื่อปิดบังอำพรางตัวเองเท่านั้น เรื่องนี้ข้าพเจ้าพูดชัดเจนอย่างยิ่งแล้ว นอกจากนี้ข้าพเจ้ายังจะบอกทุกท่าน อีกไม่นานคนแบบนี้ทั้งหมดจะไม่รออีกแล้ว มันเร็วมาก จะเกิดขึ้นอย่างในทันทีทันใด ใช้คำพูดของคนพูดก็คือกรรมตามสนอง จะมาในทันทีทันใด ก่อนหน้านี้ไม่ว่าข้าพเจ้าจะพูดอย่างไร คนบางคนก็ทำเป็นหูทวนลม ท่านจะเชื่อหรือไม่ก็ไม่เป็นไร  ณ จุดหัวเลี้ยวหัวต่อของประวัติศาสตร์นี้ไม่ใช่ล้อเล่น  ฝ่า ท่านก็มองเห็นแล้ว จะไปทางไหนดี ตัวท่านเองลองชั่งน้ำหนักไตร่ตรองแล้วไปดำเนินการ

ศิษย์: ควรจะชักนำเด็กให้บำเพ็ญได้อย่างไร

อาจารย์ : จุดนี้ การเป็นศิษย์ต้าฝ่ายังจะต้องให้พูดอีกหรือ เด็กไม่สามารถฝึกพลังกงท่านก็ให้เขาอ่านฝ่า สอนให้เด็กร้องบทเพลงของต้าฝ่า ศิษย์ต้าฝ่าเด็กจำนวนมากล้วนสามารถท่อง [หงอิ๋ง] บางคนอายุน้อยๆ ท่องได้ตั้งหลายบท เป็นเด็กดีจริงๆ

ศิษย์ : ผู้ฝึกต้าฝ่าในประเทศจีนถูกมารร้ายล้างสมอง ช่วยมารร้ายประทุษร้ายศิษย์ต้าฝ่าที่ถูกจับขัง ทำร้ายศิษย์จนพิการ ครอบครัวของผู้ถูกทำร้ายต้องการจะฟ้องร้องเรื่องการทำร้าย เรียนถามท่านอาจารย์จะปฏิบัติกับปัญหานี้อย่างไร

อาจารย์ : แน่นอนคนธรรมดาสามัญย่อมมีวิธีปฏิบัติของคนธรรมดาสามัญ เขาถูกคนทำร้ายจนพิการ คนเขาต้องฟ้องเขาอย่างแน่นอน ผู้บำเพ็ญคือคนที่กำลังบำเพ็ญอยู่ ไม่ใช่เทพที่กำลังบำเพ็ญอยู่ เขาทำความผิดในหมู่คน แน่นอนเขาจะต้องชดใช้ แต่หันกลับมาพูดอีกด้านหนึ่ง บอกว่าเขาสามารถบำเพ็ญอีกครั้งจริงๆ และบำเพ็ญอย่างแน่วแน่ บางทีเรื่องต่างๆ จะมีการเปลี่ยนแปลง ข้าพเจ้าพูดแล้วว่า ทุกสิ่งล้วนมาเพื่อฝ่า นี่เป็นอันดับที่หนึ่ง แต่ถ้าท่านทำได้ไม่ดี ท่านทำไม่ได้ นั่นท่านก็คือคนธรรมดาสามัญ เป็นคนธรรมดาสามัญ ท่านก็ต้องเผชิญกับสภาพความเป็นจริงเหล่านี้ของคนธรรมดาสามัญ

ศิษย์ : ศิษย์จากซานดิเอโก้ขอกล่าวคำสวัสดีต่อท่านอาจารย์ เรียนถามท่านอาจารย์ เกี่ยวกับความนิยมภาษาจีนในปัจจุบัน ศิษย์ต้องทำอย่างไร จัดทำเรื่องการสอนภาษาจีนจะกระทบกับกิจกรรมอื่นๆ ของการอธิบายความเป็นจริงให้ฝ่าหรือไม่

อาจารย์ : ใช่ ศิษย์ต้าฝ่ารู้ว่าคนอเมริกันไม่รู้จักวิธีการของพรรคมารคอมมิวนิสต์จีน อย่าเห็นว่าสหรัฐฯ ต่อสู้กับพรรคมารคอมมิวนิสต์เป็นเวลาหลายปีขนาดนั้น วัฒนธรรมพรรคเป็นอย่างไรพวกเขายังไม่เข้าใจ ตำราเรียนของพรรคมารคอมมิวนิสต์จีนในปัจจุบันล้วนแต่เป็นวัฒนธรรมพรรค จะเรียนภาษาจีน ใช้ตำราเรียนของจีนแผ่นดินใหญ่ เช่นนั้นมิเท่ากับปลูกฝังให้เป็นคนของวัฒนธรรมพรรคหรอกหรือ ศิษย์ต้าฝ่ามองเห็นได้ชัดเจน ฉะนั้นจึงคิดว่า พวกเราสามารถจะเรียบเรียงและนำเสนอตำราแบบเรียนให้กับกระทรวงศึกษาของสหรัฐฯได้หรือไม่ เช่นนั้นก็ต้องได้รับความเห็นชอบจากกระทรวงศึกษาของสหรัฐฯ ไม่เช่นนั้นท่านทำไปแล้วก็ไม่มีประโยชน์ พวกท่านรู้สึกว่าสามารถทำได้ พวกท่านก็ทำ ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร

ศิษย์ : เวลาที่ทำการส่งเสริมขายบัตรเข้าชมราตรีสโมสรของซินถังเหริน เหล่าศิษย์จะพูดย่อๆ ว่า “ทุยเพี้ยว” (ขายบัตร) แต่คำว่า “ทุย” กับ “ทุ่ย” (คืน) เสียงพ้องกัน พูดแล้วจะเกิดผลด้านลบหรือไม่

อาจารย์ : อันนี้ไม่มีผลด้านลบอะไร ขายบัตร คืนบัตร เช่นนั้นพวกเราก็เปลี่ยนคำพูด ไม่พูดว่า “ทุยเพี้ยว” (ขายบัตร) พูดเป็น “มั่ยเพี้ยว” (ขายบัตร) มิหมดเรื่องหรอกหรือ (ที่ประชุมหัวเราะ) ใช่ ทุยเพี้ยว ทุยเพี้ยว ครั้งแรกข้าพเจ้าได้ยินไม่ชัดเจนว่าท่านพูดว่า ทุยเพี้ยวหรือทุ่ยเพี้ยว พูดว่า “มั่ยเพี้ยว” ไม่ใช่ดีมากหรือ (ที่ประชุมหัวเราะ)

ศิษย์ : สื่อสารมวลชนเช่น สถานีโทรทัศน์ซินถังเหริน หนังสือพิมพ์ต้าจี้หยวนเป็นต้น บังเกิดผลที่ไม่อาจจะประมาณการได้ในการเจิ้งฝ่า ทำอย่างไรที่จะให้สื่อสารมวลชนของเรารับผิดชอบตัวเองเรื่องกำไรขาดทุน ปราศจากความกังวลทางเศรษฐกิจ

อาจารย์ : ต้องดูพวกท่านจะทำอย่างไร เรื่องเหล่านี้ข้าพเจ้าเคยพูดหลายครั้งแล้ว แต่อย่างไรเสียก็ต้องมีคนวิ่งเรื่องตลาดนะ ศิษย์ต้าฝ่า ให้พวกท่านเขียนบทความ แจกจ่ายเอกสาร ออกไปที่ถนน อะไรเขาก็ทำได้ แต่ให้ท่านไปวิ่งเรื่องตลาด เรื่องนี้ไม่มีใครอยากจะไปทำ

ศิษย์ : ที่ผ่านมาฝ่าที่ท่านอาจารย์บรรยาย ล้วนแต่พูดถึงวัฒนธรรมจีนว่าเป็นวัฒนธรรมกึ่งเทพ แต่ที่พูดถึงในวันนี้คือวัฒนธรรมที่เทพถ่ายทอด

อาจารย์ : ใช่ วัฒนธรรมที่เทพถ่ายทอดให้แก่คนจีน ปรากฏให้เห็นเป็นวัฒนธรรมของคนและเทพคละกันคนละครึ่ง

ศิษย์ : กับผู้ฝึกในประเทศจีนที่อยากออกมานอกประเทศ พวกเราศิษย์นอกประเทศจีนควรจะมีท่าทีอย่างไร ส่งเสริมให้กำลังใจพวกเขาให้อยู่ในประเทศ

อาจารย์ : เรื่องเหล่านี้ข้าพเจ้าไม่อยากพูดให้เด็ดขาดแน่นอน ไม่เช่นนั้น วันนี้พอข้าพเจ้าเอ่ยปากพูด หลายๆ คนก็จะเดินสุดขั้วอีก ศิษย์ต้าฝ่าจะต้องทำเรื่องที่ตัวเองต้องทำให้สำเร็จเสร็จสิ้น ไม่ว่าจะอยู่ตรงไหน ต้องปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาที่ตัวเองได้ให้ไว้ จะช่วยเหลือสรรพชีวิต ตัวเองต้องไปช่วย

ศิษย์ : เนื่องจากกิจกรรมยืนยันความเป็นจริงให้ฝ่ามีเพิ่มขึ้น คนที่จะอธิบายความเป็นจริงต่อรัฐบาลสหรัฐฯ มีจำนวนคนน้อยลง เรื่องต่างๆ มีความคืบหน้าช้า

อาจารย์ : กำลังทรัพย์ กำลังทรัพยากร กำลังคนก็มีเพียงเท่านี้ พวกเรายังต้องทำเรื่องต่างๆ มากมาย เช่นนั้นก็ต้องดูข้างไหนเบา ข้างไหนหนัก จะจัดลำดับให้ดีได้อย่างไร ใช่ มีบางรัฐบาลแสดงท่าทีไม่ดี เพราะการยับยั้งควบคุมต่อรัฐบาลของแต่ละประเทศของอิทธิพลเก่านั้นใหญ่หลวงมาก เพราะเหตุใดหรือ เพราะพวกมันรู้ ในการเจิ้งฝ่า ศิษย์ต้าฝ่าต้องทำเรื่องต่างๆ มากมาย อีกทั้งยากลำบากขนาดนั้น จุดประสงค์คือกำลังสถาปนาธรรมานุภาพของศิษย์ต้าฝ่า ถ้ารัฐบาลใดที่แข็งแกร่งมีกำลังพูดอะไรออกมา หรือรัฐบาลทั้งหมดต่างยิงถล่มใส่อำนาจทางการเมืองของพรรคมาร พรรคมารคอมมิวนิสต์จีนก็จบสิ้นในทันที ไม่สามารถประทุษร้ายต่อไปอีก เช่นนั้นสภาพแวดล้อมของการทดสอบศิษย์ต้าฝ่านี้ก็ไม่มีแล้วหรือ พวกเขาจะบำเพ็ญอย่างไร ฉะนั้นการยับยั้งควบคุมต่อรัฐบาลต่างๆ จึงแข็งแกร่งที่สุด ดูจากปัจจุบัน พรรคมาร ผีปีศาจไม่อาจควบคุมรัฐบาลต่างๆ ได้แล้วในไม่ช้า พร้อมกับที่มารร้ายปริมาณมากถูกทำลายไป กำลังความสามารถในการควบคุมคนก็จะสลายลดน้อยลงอย่างรวดเร็ว

ศิษย์ : ศิษย์เห็นในศาสนามีคนจำนวนมากตั้งใจอยากจะบำเพ็ญ แต่เนื่องจากศาสนาที่พวกเขานับถืออยู่เดิม ขวางกั้นไม่ให้พวกเขาเข้าใจความเป็นจริง

อาจารย์ : ไม่ใช่เพราะศาสนาของพวกเขาเป็นสาเหตุขวางกั้นไม่ให้พวกเขาเข้าใจความเป็นจริง  ทว่าเป็นองค์ประกอบของเทพวุ่นวายองค์นั้นในศาสนาที่ก่อผลด้านลบ เวลานี้ส่วนนี้มีน้อยลงเรื่อยๆ ลดน้อยลงเรื่อยๆ ในไม่ช้าจะ เกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่ ท่านคอยดูเถอะ (เสียงปรบมือ)

ศิษย์: ศิษย์จากเบลเยี่ยม นิวยอร์กลองไอแลนด์ ซานฟรานซิสโกเขตอ่าว ฝรั่งเศสเมืองปิซ่า คานาดาเมืองโตรอนโต คานาดาเมืองแอ๊ดมอนตัน อเมริกาใต้ ไอร์แลนด์ ศรีลังกา เกาหลีใต้ ขอกล่าวคำสวัสดีต่อท่านอาจารย์

อาจารย์ : ขอบใจทุกท่าน (เสียงปรบมือ)

ศิษย์ : คำถามของผู้ฝึกตะวันตกคนหนึ่ง ท่านอาจารย์พูดว่า ปัจจุบันไม่ใช่การบำเพ็ญส่วนบุคคล เป็นการช่วยเหลือสรรพชีวิต เรียนเชิญท่านอาจารย์อธิบายให้ลึกซึ้งมากขึ้นอีกสักหน่อยได้หรือไม่

อาจารย์ : การยกระดับของตนเองยังคงเป็นอันดับที่หนึ่ง ข้าพเจ้าหมายความว่าศิษย์ต้าฝ่าในการยืนยันความเป็นจริงให้ฝ่า ในเรื่องที่ต้องทำ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการช่วยเหลือสรรพชีวิต มองดูในเวลานี้ก็เป็นเรื่องที่เร่งด่วนอย่างยิ่ง ศิษย์ต้าฝ่าในการบำเพ็ญโดยภาพรวมได้ผ่านพ้นหลายช่วงเวลาที่ต่างกัน ก่อน 20 กรกฎาคม 1999 ศิษย์ต้าฝ่าถือการยกระดับของการบำเพ็ญส่วนบุคคลเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด เรื่องอื่นๆ ล้วนแต่ไม่สำคัญ ในเวลานั้นผู้ฝึกจำนวนมากต่างรู้สึกว่าเพียงแต่ศึกษาฝ่า ฝึกพลังกง ตัวเองก็เหมือนกับจรวดทะยานขึ้นข้างบน บินขึ้นข้างบน การทะลวงของระดับชั้นนั้นรวดเร็วอย่างยิ่ง ท่านจะยืนอยู่หรือนั่งอยู่ก็กำลังทะลวงอยู่ ท่านเดินอยู่ ทานข้าวอยู่ก็กำลังทะลวงอยู่ ในเวลานั้นเป็นเช่นนั้นจริงๆ เพียงแต่ท่านศึกษาฝ่า ก็จะผลักให้ท่านขึ้นข้างบน ต้องผลักศิษย์ต้าฝ่าขี้นไปถึงตำแหน่งในช่วงเวลาที่กำหนด ถึงเวลาจะได้ช่วยเหลือสรรพชีวิต เมื่ออิทธิพลเก่าต้องการก่อกรรมชั่วจริงๆ ฉะนั้นมาถึงภายหลัง 20 กรกฎาคม 1999 ท่ามกลางการประทุษร้ายครั้งนี้ จะสามารถเป็นศิษย์ต้าฝ่าที่แท้จริงหรือไม่ ท่ามกลางการประทุษร้ายครั้งนี้ก็ต้องดูว่าท่านเป็นทองแท้ชิ้นหนึ่งหรือไม่ ท่านจะสามารถก้าวออกมาได้หรือไม่ล่ะ ท่านจะสามารถบำเพ็ญต่อไปได้หรือไม่ เมื่อเผชิญกับแรงกดดันของมารร้าย ในประวัติศาสตร์ หลายๆ ศาสนามิใช่ล้วนแต่ประสบกับเหตุการณ์อย่างนี้หรอกหรือ นี่ไม่เป็นที่ประจักษ์ชัดแจ้งหรอกหรือ แต่จิตหวาดกลัว จิตยึดติดชนิดต่างๆ ทำให้คนบางส่วนไปต่อไปไม่ไหวแล้ว อันนี้ไม่ตรงกับรสนิยมของเขาแล้ว อันนั้นไม่ตรงกับรสนิยมของเขาแล้ว ไม่ใช่ว่าต้าฝ่าหรือเรื่องที่อาจารย์ทำไม่ตรงกับรสนิยมของเขาแล้ว เป็นเพราะตัวเขาเองหวาดกลัว กำลังหาข้ออ้าง ไม่กล้าก้าวออกมา หนังสือก็ไม่กล้าดูแล้ว ฝ่าก็ไม่กล้าบำเพ็ญแล้ว ท่าเคลื่อนไหวก็ไม่กล้าฝึกแล้ว

เวลานี้การเจิ้งฝ่าและศิษย์ต้าฝ่า ในการยืนยันความเป็นจริงให้ฝ่าได้ยันการประทุษร้ายไว้ได้แล้ว ได้ก้าวใกล้สู่จุดสิ้นสุดทีละก้าวทีละก้าว องค์ประกอบของมารร้ายดับสลายจนเหลืออยู่ไม่กี่มากน้อยแล้ว แรงกดดันมีไม่มากมายขนาดนั้นแล้ว ดูจากสภาพการณ์โดยรวม ในความสุกงอมเป็นผู้ใหญ่ ศิษย์ต้าฝ่าเดินสู่หยวนหมั่นไม่เป็นปัญหาแล้ว ณ เวลานี้เรื่องใหญ่ที่สุดที่ต้องทำก็คือจะช่วยเหลือพลโลก ช่วยเหลือสรรพชีวิตให้มากยิ่งขึ้นได้อย่างไร นี่จึงกลายเป็นเรื่องที่ใหญ่มากเรื่องหนึ่งของศิษย์ต้าฝ่า

ท่ามกลางการประทุษร้ายครั้งนี้ มารร้ายไม่เพียงแต่ประทุษร้ายศิษย์ต้าฝ่า พวกมันก็กำลังประทุษร้ายพลโลกอีกด้วย ถ้าพลโลกมีความเห็นที่ไม่ถูกต้อง ความคิดที่ไม่ถูกต้องต่อต้าฝ่า ทันทีที่อานุภาพอันใหญ่โตล้นหลามของการเจิ้งฝ่ามาถึงก็จะถูกคัดออก เพราะเขาคัดค้านการสร้างสรรค์ฝ่าของจักวาลทั้งหมดในอนาคต เช่นนั้นเขาจะไปที่ไหนเล่า ไม่คิดจะไปอนาคตก็ได้แต่ถูกแยกสลายเท่านั้นเอง ไม่คงอยู่อีกแล้ว ฉะนั้นจึงพูดว่าศิษย์ต้าฝ่าช่วยเหลือสรรพชีวิตเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง

ศิษย์ : ผู้ฝึกจีนจำนวนมากหลังจากได้ฟังแล้วก็ไม่ให้ความสำคัญกับการบำเพ็ญส่วนบุคคล สมควรเป็นเช่นนี้ไหม (อาจารย์: นั่นเป็นการเดินสุดขั้ว อันนี้ไม่ถูกต้องแน่นอน) ใช่หรือไม่ว่า พวกเราควรจะทำเรื่องการช่วยเหลือสรรพชีวิตให้ดีโดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของการบำเพ็ญส่วนบุคคลที่ยกระดับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

อาจารย์ : แน่นอนเป็นเช่นนั้น ต้องเป็นเช่นนั้น การบำเพ็ญส่วนบุคคลไม่อาจย่อหย่อนได้ ไม่ว่าท่านจะทำเรื่องอะไร อธิบายความเป็นจริง หรือท่านทำกิจกรรมการยืนยันความเป็นจริงให้ฝ่า ก่อนอื่นต้องจัดการบำเพ็ญตัวเองให้ดีเป็นอันดับแรก เรื่องนั้นที่ท่านทำจึงจะมีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้น เพราะท่านเป็นศิษย์ต้าฝ่า เป็นศิษย์ต้าฝ่าที่กำลังทำเรื่องการยืนยันความเป็นจริงให้ฝ่า คนธรรมดาสามัญก็ทำงานของศิษย์ต้าฝ่าได้  แต่เขาไม่อาจมีธรรมานุภาพของศิษย์ต้าฝ่า เขาทำได้แต่เพียงสะสมกุศลแห่งความสุขโชคลาภ สร้างสมบุญกุศล

ศิษย์ : ศิษย์จากไอร์แลนด์ขอกล่าวความระลึกถึงต่อท่านอาจารย์ผู้มีความเมตตากรุณาและยิ่งใหญ่ งานการยืนยันความเป็นจริงให้ฝ่าของไอร์แลนด์เมื่อหลายปีก่อนประสบกับอุปสรรคที่ใหญ่มาก ผ่านความพยายามของเหล่าศิษย์กว่าหนึ่งปี โดยมูลฐานตามได้ทันกับช่วงวิถีของการเจิ้งฝ่า เรียนถามท่านอาจารย์ อุปสรรคที่ผ่านมาเป็นเพราะเหล่าศิษย์ไม่พัฒนา หรือเป็นเพราะการจัดวางของอิทธิพลเก่าและการประทุษร้ายของมารร้าย

อาจารย์ : มีทั้งนั้น หลายปีก่อนองค์ประกอบของมารร้ายมีมาก ปัจจุบันช่วงระยะนี้องค์ประกอบของมารร้ายมีน้อยลง ศิษย์ต้าฝ่าสุกงอมเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ มีสาเหตุหลายอย่าง แน่นอนล่ะ ที่สำคัญยิ่งกว่าคือต้องบำเพ็ญตัวเองให้ดี

ศิษย์: มณฑลเหลียวหนิงเมืองซินปินซื่อ เป่ยจิงหวายโย๋ว เป่ยจิงเขตฟงไถชวี เจ้อเจียง ฉงชิ่ง อำเภอเหลียงผิง มณฑลกานสู้เมืองหลันโจวซื่อ เมืองจินชางซื่อ อำเภอกู่ล่าง ฮาร์บิน ฉางโจง เป่ยจิงทงโจว เจียมู่ซือ ซั่งไฮ่เขตจิ่งเป้ยชวี อู่ฮั่นเขตทหาร เฉิงตูเขตทหาร กว่างโจวเขตทหาร ระบบการบินพลเรือนจีน เจียงซี ซันซีหยุนเฉิง จางเจียโค่ว กว่างตงเมืองเล่อชางซื่อ เหอเป่ยเป่าติ้ง อู่ฮั่น ซันซี ศิษย์ต้าฝ่าขอกล่าวความระลึกถึงต่อท่านอาจารย์ (อาจารย์: ขอบใจทุกท่าน) อันฮุยฟู่หยาง หูเป่ยอู่ฮั่น เมืองจิงโจวซื่อ กว่างตงเฉาหยาง ซ่านโถว เจี่ยหยาง เมืองเป่ยจิงซื่อเขตเฉาหยางชวี ไฮ่เตี้ยนชวี มณฑลเหลียวหนิงเมืองเถี่ยลิงซื่อ ฝูเจี้ยนอำเภอฉางติงเสี้ยน ซื่อชวนเฉิงตู เฉิงตูเวินเจียง เหอหนาน หวางกัง ซันตงเหอเจ๋อ มณฑลซ่านซีเขตเอี๋ยนเหลียงชวี เมืองจ้านเจียงซื่อ เป่ยจิงวงการวรรณคดี เหลียวหนิงเปิ่นซี ต้าชิ่ง เมืองคุนซันซื่อ เหมืองน้ำมันเซิ่งลี่ เมืองหงอิ๋งซื่อ กว่างโจว เหอเป่ยเป่าติ้ง กานสู้หลานโจว ซินเจียง ไคอัน เต๋อหยาง เหมียนหยาง ซันไถ ฉางซา เหอเป่ยเฉินเต๋อ หลางฟางเซียงเหอ มณฑลหยุนหนาน มหาวิทยาลัยชิงฮวา หูเป่ยหมาเฉิน เป่ยจิงมหาวิทยลัยคณะวิศวกรรมฟิสิกส์ เมืองไท้อันซื่อ เป่ยจิงซุ่นอี้ ฉงชิ่ง ซั่งไฮ่เขตหยางผู่ชวี เหอเป่ยสือเจียจวง ชิงเต่า ศิษย์ต้าฝ่าขอกล่าวความระลึกถึงต่อท่านอาจารย์ (อาจารย์: ขอบใจทุกท่าน)

นอร์เวย์ เยอรมัน ออสเตรีย ออสเตรเลียควีนสแลนด์ อเมริกาซีแอตเติ้ล คานาดา เมลเบิร์น เวเนซูเอล่า อาร์เจนติน่า เปรู เม็กซิโก ชิลี โดมินิกัน เดนมาร์ก ฮอลแลนด์ อินโดนีเซีย สาธารณรัฐเชก สโลวัก ญี่ปุ่น มอนทรีออล สวีเดน ฟินแลนต์ ซานดิเอโก อ๊อตตาว่า คิวบา บอสตัน ฮ่องกง มาเก๊า ออสเตรเลีย ฮิวสตัน นิวยอร์ก ลาว นิวเม็กซิโก มาเลเซีย นิวซีแลนด์ อิสราเอล ลอสแองเจลิส อิตาลีซิซีลี เวียดนาม นิวยอร์กเมืองออเปิลนี อินเดีย คณาจารย์และนักเรียนโรงเรียนระบำเฟยเทียน ขอกล่าวความระลึกถึงต่อท่านอาจารย์

อาจารย์ : ขอบใจทุกท่าน (เสียงปรบมือ)

ศิษย์ : ลูกเป็นนักเรียนมัธยมปลาย และศึกษาฝ่าอยู่ แต่ไม่ขยันหมั่นเพียรเหมือนตอนเด็กๆ ทุกครั้งที่สัมผัสกับสิ่งที่ไม่ดีของสังคมคนธรรมดาสามัญ ดิฉันรู้สึกกังวลมาก

อาจารย์ : ใช่ ศิษย์ต้าฝ่าเด็กๆ ในช่วงเวลาที่เราดูแลเองนั้นจะดีมาก ท่านจะสอนเขาท่องฝ่าเอย ฝึกพลังเอยทุกวัน เมื่อเด็กคนนี้เข้าโรงเรียนแล้วก็จะเปลี่ยนไป อิทธิพลของสังคมที่มีต่อเด็กนั้นใหญ่หลวงจริงๆ เพราะศีลธรรมของสังคมโดยรวมลื่นไหลตกต่ำ เด็กไม่มีความสามารถจะต้านทาน เมื่อเข้าสู่สังคม ก็เข้าสู่อ่างย้อมใบใหญ่แล้ว ถ้าหากสามารถกำชับให้ศึกษาฝ่า ฝึกพลังกงเหมือนเมื่อก่อน เช่นนั้นก็จะไม่ลื่นไหลไปตามสังคมอย่างง่ายๆ ศิษย์ต้าฝ่าเด็กๆ เมื่อโตขึ้น เปลี่ยนไปจนไม่ไหวแล้ว ล้วนเนื่องมาจากสาเหตุนี้

ศิษย์ : ใคร่ขอให้ท่านอาจารย์อธิบาย จะทำให้สมดุลได้อย่างไร ระหว่างการทำกิจกรรมหนึ่งให้ดียิ่งขึ้นกับการขยายกิจกรรมให้เพิ่มมากขึ้นอีก

อาจารย์ : เรื่องนี้ก็ต้องดูว่าตัวพวกท่านเองจะประสานงานกันอย่างไร ให้พวกท่านจัดการกันเอง จะทำกิจกรรมหนึ่งๆ ให้ดี ย่อมต้องทุ่มเทกำลังวังชาให้มาก การขยายกิจกรรมให้เพิ่มมากขึ้นอีก เวลาจะยิ่งบีบรัด โดยมากเป็นเช่นนี้ เรื่องเหล่านี้จะจัดการอย่างไร ศิษย์ต้าฝ่าหลายๆคนต่างก็แบกรับไว้หลายๆ กิจกรรม มีความยากลำบากจริงๆ อาจารย์รับรู้ความยากลำบากของพวกท่าน ในอนาคตข้าพเจ้าจะบอกเล่าเรื่องความยากลำบากเหล่านี้ของพวกท่านให้ศิษย์ต้าฝ่าในจีนแผ่นดินใหญ่ฟัง บอกพวกเขาให้รับรู้ด้วยว่า พวกท่านยืนยันความเป็นจริงให้ฝ่า ยับยั้งมารร้ายให้หยุดประทุษร้ายพวกเขาภายใต้สภาพการณ์ที่ยากลำบากเพียงไร

ศิษย์ : ศิษย์ต้าฝ่าทำเรื่องต่างๆ มากมายภายใต้สภาพการณ์ที่มีกำลังคนน้อย แต่บางกิจกรรม ผลลัพธ์ไม่เป็นที่น่าพอใจ ผมรู้สึกว่าบางกิจกรรมจำเป็นที่พวกเราต้องทำให้เป็นมืออาชีพ จึงจะสามารถพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น

อาจารย์ : ใช่เป็นเช่นนั้น ก็เหมือนกับการแสดงของงานราตรีสโมสรปีใหม่ หลายปีมานี้พวกเราศิษย์ต้าฝ่ามุมานะมากๆ แต่เนื่องจากยังไปไม่ถึงระดับของมืออาชีพ ได้ผลรับที่จำกัด ถ้าหากเป็นมืออาชีพก็จะไม่เหมือนกัน

ศิษย์ : บทความเป็นตอนๆ ของต้าจี้หยวน [แยกสลายวัฒนธรรมพรรค] วิเคราะห์วัฒนธรรมพรรคได้อย่างทะลุปรุโปร่ง แต่ไม่มีคำตอบที่แน่ชัด คำตอบนี้ต้องให้ศิษย์ต้าฝ่ายืนยันความเป็นจริงให้ฝ่ามาตอบหรือไม่

อาจารย์ : คำตอบอยู่ในอารยธรรมห้าพันปีของจีน วัฒนธรรมห้าพันปีของจีน นั่นเป็นวัฒนธรรมมนุษยชาติดั้งเดิม นั่นก็คือคำตอบ

ศิษย์ : เรียนเชิญท่านอาจารย์อธิบาย “นิทรรศการจิตรกรรม เจิน ซั่น เหริ่น นานาชาติ” ในความหมายของการเจิ้งฝ่า ได้หรือไม่

อาจารย์ : ทุกท่านทราบ การชักนำให้สังคมมนุษย์ตกต่ำ มีสิ่งหลักๆ หลายอย่างที่ก่อบทบาทเป็นกองหน้า หนึ่งคือผลงานวรรณคดี อีกหนึ่งคือผลงานจิตกรรม ที่มีอิทธิพลต่อคนโดยตรงที่สุด ต่อความนึกคิด สำนึกของคนและอวัยวะสัมผัสของคนมากที่สุดก็คือสิ่งเหล่านี้ มีอิทธิพลโดยตรงและชักนำการเปลี่ยนแปลงทางทัศนคติด้านศีลธรรมของคน ทำลายคนเร็วที่สุดโดยตรงที่สุด ฉะนั้นจิตรกรรมของสำนักสมัยใหม่ วัฒนธรรมของสำนักสมัยใหม่ รูปแบบวรรณคดีของสำนักสมัยใหม่ สิ่งเหล่านี้ได้ก่อบทบาทเป็นกองหน้า มนุษย์ได้ละทิ้งรูปแบบงานจิตรกรรมดั้งเดิมที่เทพได้ให้แก่คน แล้วทำบางสิ่งที่เป็นของสำนักสมัยใหม่ มีจิตมารมากๆออกมา ปฏิเสธสิ่งที่เทพถ่ายทอดให้คน ลดขั้นรูปแบบงานจิตรกรรมดั้งเดิมที่เทพถ่ายทอดให้แก่คนจนไม่มีค่าแม้แต่น้อย

ศิษย์ต้าฝ่ารู้ไหม วัฒนธรรมของมนุษย์เป็นสิ่งที่เทพถ่ายทอดให้แก่คน การไม่เชื่อในเทพ สาเหตุมูลฐานคือความตกต่ำของศีลธรรมมนุษย์ ฉะนั้นศิษย์ต้าฝ่าไม่อาจจะมองปัญหาโดยใช้มาตรฐานของศีลธรรมที่ตกต่ำลงไป ศิษย์ต้าฝ่าทำอะไรออกมา แน่นอนยังมีสิ่งที่เทพดั้งเดิมให้แก่คน เช่นนั้นเรื่องนี้ที่พวกท่านจะทำ โดยตัวเองก็จะสกัดกั้นองค์ประกอบที่ไม่ดี ก็จะบังเกิดบทบาทนำในการหวนกลับ เป็นเช่นนี้แน่นอน ดังนั้นงานนิทรรศการจิตรกรรมโดยตัวเองกำลังเปิดโปงการประทุษร้าย ในเวลาเดียวกัน ผลงานจิตรกรรม ก็เป็นวิธีการนำพาคนให้หวนกลับ ทำให้คนเดินหวนกลับมายังหนทางของคน บังเกิดผลในการช่วยคนให้หวนกลับคืน

ในผลงานจิตรกรรม คนได้ทิ้งวิธีสร้างสรรค์ที่เทพได้ให้แก่คน จุดที่เป็นปัญหาใหญ่ที่สุดก็คือ คนได้นำสำนึกของการสร้างสรรค์ของตัวเอง วิธีคิดของตัวเองจัดวางไว้ ณ อันดับที่หนึ่ง ได้ละทิ้งการสื่อถึงความถูกต้องแม่นยำของวัตถุ หลักการนี้ที่เทพได้สอนให้แก่คน ในการสร้างสรรค์การนำเสนอวัตถุที่ถูกต้องแม่นยำออกมาให้เห็นนั้น เป็นอันดับที่หนึ่งซึ่งไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ เพราะนี่คือสิ่งที่เทพถ่ายทอดให้ และเป็นการยืนยันถึงมาตรฐานของระดับศิลปะและวิธีการของศิลปิน เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลง ก็จะสะเปะสะปะอย่างไม่มีหลักการ นี่คือสาเหตุการปรากฏออกมาของผลงานของสำนักสมัยใหม่ ไม่สามารถสะท้อนความแท้จริงของวัตถุออกมาอย่างถูกต้องแม่นยำและยังจัดวางไว้ ณ อันดับที่หนึ่งของการสร้างสรรค์ สิ่งของที่คนทำออกมาก็คือภาพวาดที่เลอะเทอะ แต่ไม่ใช่จิตรกรรม เพราะคนไม่ไหวแล้ว ศีลธรรมเสื่อมทรามแล้ว คนไม่มีเจิ้งเนี่ยน(ความคิดที่ถูกต้อง) เทพก็จะละทิ้งคน เช่นนั้นหนทางที่เดินก็จะยุ่งเหยิงสันสนยิ่งขึ้นเรื่อยๆ อันตรายมากขึ้นเรื่อยๆ

ศิษย์ : ในงานค้นหารวบรวม(ข้อมูลข่าวสาร) ทนายความที่มีชื่อเสียง นักสิทธิมนุษยชน คนธรรมดาสามัญบางส่วนของจีนแผ่นดินใหญ่ พวกเขาหวังที่จะกล่าวคำระลึกถึงต่อท่านอาจารย์หลายต่อหลายครั้ง พวกเราเห็นว่าอนาคตของประเทศจีนได้แต่พึ่งศิษย์ต้าฝ่า

อาจารย์ : พูดได้ถูกต้อง แต่ศิษย์ต้าฝ่าไม่สนใจต่ออำนาจทางการเมืองของคนธรรมดาสามัญ และจะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของคนธรรมดาสามัญ พวกเราเพียงแต่กำลังคัดค้านการประทุษร้าย กำลังช่วยเหลือคน คนเห็นอำนาจทางการเมืองเป็นเรื่องที่สำคัญมากนั้นไม่ผิด ในอนาคตอำนาจทางการเมืองจะเป็นอย่างไร สำหรับสังคมเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ศิษย์ต้าฝ่าเป็นผู้บำเพ็ญ การแยกสลายพรรคมารคอมมิวนิสต์จีนเป็นวิธีมูลฐานที่สุดของการขจัดการประทุษร้าย การเปิดโปงบาปกรรมของพรรคมารคอมมิวนิสต์จีนนั้นคือเพื่อแก้ไขและช่วยสรรพชีวิตที่ถูกมันทำร้าย สามภพก็คือการจัดเตรียมไว้เพื่อการบำเพ็ญของศิษย์ต้าฝ่าและช่วยเหลือสรรพชีวิตในวันนี้ เรื่องของศิษย์ต้าฝ่าจึงเป็นเรื่องที่ใหญ่ที่สุด ในอนาคตเมื่อฝ่าปรับโลกมนุษย์ มนุษยชาติจะปรากฏในสภาพการณ์ใหม่ หมายความว่า อนาคตเป็นเรื่องของอนาคต ฉะนั้นศิษย์ต้าฝ่าให้ท่านสนใจไปทำแต่เรื่องที่ตัวพวกท่านต้องทำ อีกไม่นานในอนาคตเทพก็จะปรากฏในหมู่มนุษย์ ทุกสิ่งที่คนไม่เชื่อก็จะปรากฏอยู่ต่อหน้าของคนที่ได้เหลืออยู่

ศิษย์ : ศิษย์ต้าฝ่าจากหูเป่ยเมืองหมาเฉิน คิดถึงท่านอาจารย์อย่างยิ่ง พวกเขาให้ดิฉันเป็นตัวแทนพวกเขากล่าวคำระลึกถึงต่อท่านอาจารย์ (อาจารย์: ขอบใจศิษย์ต้าฝ่าจากหูเป่ยเมืองหมาเฉิน) เมื่อวานอ่านจากเว็บไซต์หมิงฮุ่ยเขียนไว้ว่า เพื่อนผู้ฝึกแผ่นดินใหญ่กำลังปฏิบัติตามหมิงฮุ่ย กระจายข่าวให้ทั่วประเทศฝึกพลังกงอย่างเป็นเอกภาพ ได้ผลรับดีมาก ศิษย์ต้าฝ่าในต่างประเทศจะทำอย่างไร

อาจารย์ : อันนี้ควรจะพูดว่าเป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่ง ข้าพเจ้ากำลังดูอยู่ ดูว่าสุดท้ายผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร

ศิษย์ : เร็วๆ นี้ ผมได้รับรองคนหลายคนที่มาจากประเทศจีนที่เรียกตัวเองว่าเป็นศิษย์ต้าฝ่า และมองเห็นว่าอิทธิพลเก่ากำลังเจาะช่องว่างของผู้ฝึกเหล่านี้ ยิ่งกว่านั้นพวกเขายังมาจากพื้นที่เดียวกัน บอกว่ามาสหรัฐเพื่อช่วยอาจารย์ปรับฝ่าให้ถูกต้อง แต่จากการสัมผัสติดต่อด้วย ผมเห็นว่าพวกเขาไม่ค่อยจะทำเรื่องที่ศิษย์ต้าฝ่าควรทำ นอกจากยุ่งอยู่กับเรื่องการอยู่อาศัย การงานเป็นต้น มีสภาวะการบำเพ็ญที่ไม่ดี

อาจารย์ : ใช่ ข้าพเจ้าไม่อยากจะพูดในเวลานี้ และไม่อยากจะสรุป เพราะข้าพเจ้าพูดอะไรก็จะสร้างความยากลำบากให้แก่การบำเพ็ญของพวกเขา จะไหวหรือไม่ไหว ไม่เพียงแต่เจาะจงว่าเขาจะบำเพ็ญหรือไม่ ยังต้องดูว่าชีวิตหนึ่งสามารถจะได้รับการช่วยเหลือหรือไม่ ไม่ว่าอย่างไร ออกมาแล้วก็ดี หรืออยู่ในประเทศจีนก็ดี ล้วนต้องปฏิบัติตนเป็นศิษย์ต้าฝ่าอย่างแท้จริง ไม่เช่นนั้น อยู่ที่ไหนก็เหมือน

ศิษย์ : ในกรณีที่ทั้งครอบครัวล้วนเป็นศิษย์ต้าฝ่า ความขัดแย้งบางอย่างที่ไม่อาจแก้ไขได้เป็นเวลานาน รู้สึกงงงวยและทุกข์ทรมานมาก

อาจารย์ : ศิษย์ต้าฝ่าในการบำเพ็ญย่อมจะมีความขัดแย้งสะท้อนออกมา ถ้าไม่สามารถค้นหาจากภายใน ไม่ว่าท่านเป็นครอบครัวเดียวกัน หรือเป็นเพื่อนผู้บำเพ็ญด้วยกัน ก็จะทำให้ความขัดแย้งขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ลากเวลายาวออกไป ด่านก็ข้ามผ่านไปไม่ได้ จะแก้ไขอย่างไร ล้วนต้องค้นหาจากภายใน ใครที่ทำได้ก่อน ก็จะทำให้เรื่องเหล่านี้คลี่คลาย ถ้าทำได้ทั้งหมด ก็แก้ไขแล้ว

ศิษย์ต้าฝ่าจำนวนมากมักจะมีท่าทีอะไรแบบหนึ่งต่อคนในครอบครัวนะหรือ เขาเป็นญาติของฉัน เรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อคนในครอบครัว ฉันเป็นคนกำหนด เรื่องบางอย่างฉันทำเพื่อพวกเขาแล้ว อย่างไรก็ตามฉันหวังดีกับพวกเขา ไม่ใช่เช่นนี้หรอกหนา พวกท่านเมื่อบำเพ็ญแล้ว พวกท่านก็คือเพื่อนผู้บำเพ็ญ ต่างคนต่างกลับไปยังสวรรค์ของตัวเอง คนไหนที่บำเพ็ญเสร็จแล้วคนนั้นกลับไป ไม่มีใครบำเพ็ญแทนใครได้ อยู่ในหมู่คนธรรมดาสามัญ บอกว่าฉันเป็นข้าราชการ ฉันให้คนในครอบครัวฉันได้รับประโยชน์กันทั้งหมด สามารถเป็นเช่นนั้นได้ นั่นเป็นเรื่องของคนธรรมดาสามัญ เรื่องที่เกินเลยจากสภาพของคนธรรมดาสามัญ ท่านก็ทำไม่ได้แล้ว ใครที่บำเพ็ญคนนั้นได้ ใครไม่บำเพ็ญคนนั้นก็จะไม่ได้ ใครก็ไม่อาจบำเพ็ญแทนใครได้ เช่นนั้นเมื่อเป็นเช่นนี้ ระหว่างกันจึงต้องปฏิบัติกับปัญหาและความขัดแย้งที่เกิดขึ้นอย่างเข้มงวด ไม่อาจจะเหมือนเช่นคนธรรมดาสามัญที่คิดจะทำอย่างไรก็จะทำอย่างนั้น ในเรื่องของการบำเพ็ญ ให้ท่านดูคนในครอบครัวก็เป็นศิษย์ต้าฝ่าอย่างแท้จริง ปฏิบัติเหมือนเป็นเพื่อนผู้บำเพ็ญ ข้าพเจ้าคิดว่าความขัดแย้งแก้ไขได้อย่างแน่นอน

ศิษย์ : ศิษย์ต้าฝ่าจีนแผ่นดินใหญ่จัดทำยันต์ป้องกันตัวมากมายโดยใช้ภาพลักษณ์ขององค์ศากยมณี พระโพธิสัตว์เป็นต้น หลังจากท่านอาจารย์เผยแพร่บทความ [ดับสลายเทพวุ่นวายทั้งหมดในตรีภูมิที่เข้าร่วมการรบกวนการเจิ้งฝ่า] ออกมา ศิษย์บางส่วนเห็นว่าการใช้รูปลักษณ์ของเทพเหล่านั้นทำยันต์ป้องกันตัวเป็นเรื่องไม่เหมาะสม เรียนเชิญท่านอาจารย์ให้ความกระจ่าง

อาจารย์ : แน่นอนเป็นเรื่องไม่เหมาะสม ในเวลานั้นสามารถบังเกิดผลนั้นเพราะอาจารย์ช่วยทำให้ได้ผลโดยอิงตามพวกท่านที่กำลังช่วยเหลือคน แต่เรื่องนี้ทำอย่างไม่เหมาะสม ศิษย์ต้าฝ่าคือการยืนยันความเป็นจริงให้ต้าฝ่า ทำไมไปยืนยันความเป็นจริงให้เทพองค์อื่นล่ะ เช่นนั้นถึงที่สุดใครเป็นผู้ที่สอนคน นี่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่หรอกหรือ นี่ไม่ใช่บอกให้คนไปเชื่อเทพเหล่านั้นที่ต้องแสดงท่าทีต่อต่าฝ่าในระหว่างการเจิ้งฝ่าด้วยหรอกหรือ พวกเขาสามารถจะคงเหลือไว้ได้หรือไม่ ยังต้องดูการแสดงออกของพวกเขา ยันต์ป้องกันตัวอันนั้นโดยตัวเองไม่บังเกิดผลแต่อย่างใด ยังคงเป็นอาจารย์ที่ช่วยให้บังเกิดผล การยืนยันความเป็นจริงให้ฝ่าเป็นเรื่องของศิษย์ต้าฝ่า ไม่ใช่เรื่องของเทพเหล่านั้น พวกท่านต้องชัดเจนในจุดนี้

ศิษย์ : เห็นเพื่อนผู้ฝึกจำนวนมากล้วนพบกับการทดสอบเรื่องของฉิง(ความรัก ความผูกพัน) ในระยะหลังๆ นี้

อาจารย์ : ใช่ พรรคคอมมิวนิสต์จีนคิดจะทำลายสังคมมนุษย์ ที่มันใช้ก็คือวิธีนี้ รับสินบาทคาดสินบน ฟอนเฟะ ทั้งหมดนั้นไม่นับเป็นอะไร เราพูดจากอีกมุมหนึ่ง บอกว่าคนคนนี้คอร์รัปชั่นฟอนเฟะ ที่เขาคอร์รัปชั่นเป็นเงินของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ให้ล้างผลาญพรรคมารคอมมิวนิสต์จนหมด เขายังได้ทำความดีนี่นะ (ที่ประชุมหัวเราะ เสียงปรบมือ) นั่นไม่ใช่ปัญหา ปัญหาใหญ่ที่สุดคือพรรคมารคอมมิวนิสต์จีนบ่อนทำลายศีลธรรมของคน มันรู้ว่าฝ่าหลุนกงเน้น “เจิน ซั่น เหริ่น” สอนคนให้เป็นคนดี มันก็สอนคนให้เป็นคนเลว โดยเฉพาะทางด้านความสัมพันธ์ของสองเพศ พวกท่านรู้ไหม สังคมจีนกลายสภาพเป็นอย่างไรแล้ว ความสัมพันธ์ด้านเพศผิดศีลธรรม ความสัมพันธ์ด้านเพศผิดศีลธรรมทั่วทั้งสังคม ท่านคิดจะหาหญิงสาวที่บริสุทธิ์คนหนึ่ง หญิงสาวบริสุทธิ์หาได้ยากมาก ทำไมมันเลวอย่างนี้ มันไม่ใช่ต้องการจะทำลายมนุษย์หรอกหรือ ศิษย์ต้าฝ่าไม่ใช่ต้องการจะบำเพ็ญหวนกลับไปหรอกหรือ ทำไมไม่ระมัดระวังด้านนี้หนา ฟอนเฟะคล้อยตามสังคม คล้อยตามพรรคมารคอมมิวนิสต์ ปัญหานี้ไม่รุนแรงหรอกหรือ ศิษย์ต้าฝ่าควรสกัดยับยั้งมิให้โลกเสื่อมถอยซิ ไม่ให้มนุษย์ตกต่ำลงซิ เช่นนั้นทำไมทางด้านนี้ตัวเองจึงก้าวข้ามมาไม่ได้อยู่ร่ำไปล่ะ พึงต้องระมัดระวังจุดนี้หนา

อย่างไรก็ตาม ทางด้านนี้ศิษย์ต้าฝ่าต้องไม่ให้เกิดปัญหาเหล่านี้อีก ข้าพเจ้าไม่อยากเห็นพวกท่านเกิดปัญหาทางด้านนี้ นักเรียนคณะศิลปวรรณคดี ในเวลาปกติชายหญิงระหว่างกันไม่ให้พวกเขาติดต่อกันตามใจชอบ โดยเฉพาะอายุน้อยๆ ยิ่งต้องไม่อนุญาตให้ชายหญิงระหว่างกันคบหาเป็นเพื่อนกัน ศิษย์ต้าฝ่าอื่นๆ ก็ต้องระมัดระวังเรื่องเหล่านี้ ถ้าโรงเรียนนี้มีปัญหานี้ปรากฏ มีปรากฏหนึ่งคนให้ลาออกหนึ่งคน เป็นเรื่องแน่นอน ศิษย์ต้าฝ่าตัวเองทำไม่ดี ไม่อาจจะช่วยเหลือสรรพชีวิตได้ ตัวเองทำไม่ดีท่านจะไปช่วยเหลือสรรพชีวิตอย่างไรล่ะ ความคิดที่ท่านส่งออกมาก็จะไม่ถูกต้องแล้ว ท่านจะสามารถทำเรื่องนั้นให้ดีได้อย่างไรล่ะ เท่ากับเป็นการช่วยมารร้าย

ศิษย์ : ดิฉันได้ฝ่าไม่ถึงปี พยายามทำสามเรื่องให้ดีตลอดมา ตามให้ทันกระแสใหญ่ของการเจิ้งฝ่า ท่านอาจารย์มีข้อเสนอแนะอะไรต่อศิษย์ที่เพิ่งได้ฝ่าเร็วๆ นี้

อาจารย์ : คำถามนี้ถามได้ดีมาก ศิษย์ที่เพิ่งจะได้ฝ่าเอย ช่างโชคดีเหลือเกิน ท่านรู้ไหม ท่านได้เดินเข้ามากลุ่มคนอย่างไร พวกเขาได้ผ่านการทดสอบที่เข้มงวดทารุณและเดินมาถึงวันนี้ แน่นอนการประทุษร้ายครั้งนี้ยังไม่สิ้นสุด อย่างไรเสียก็ไม่ชั่วร้ายขนาดนั้นแล้ว ไม่กำเริบเสิบสานขนาดนั้นแล้ว แรงกดดันไม่มากขนาดนั้นแล้ว แต่ไม่ใช่เพราะท่านเพิ่งจะเข้ามา มาตรฐานการบำเพ็ญสำหรับท่านจะลดต่ำลง ดังนั้นระหว่างการบำเพ็ญจะต้องพยายามทำสามเรื่องที่ศิษย์ต้าฝ่าควรทำให้ดี ในเวลาเดียวกัน ให้ช่วยเหลือสรรพชีวิต บรรลุให้ถึงบทบาทของศิษย์ต้าฝ่า ถ้าอยากจะทำเรื่องเหล่านี้ให้ดี ก็ต้องศึกษาฝ่าให้ดี ก็จะตามได้ทันกับช่วงวิถีของการเจิ้งฝ่า ก็จะเป็นศิษย์ต้าฝ่าแห่งช่วงเวลาเจิ้งฝ่าที่สง่าผ่าเผย มีชื่อเสียงสมกับความสามารถที่เป็นจริง

ก็จะพูดเพียงเท่านี้ (เสียงปรบมือ

ได้พบกับทุกท่าน อาจารย์รู้สึกดีใจจริงๆ (เสียงปรบมือกึกก้อง) โดยเฉพาะวันนี้ (เสียงปรบมือ) ศิษย์ต้าฝ่าที่เดินข้ามมาจากการประทุษร้ายครั้งนี้เอย ยอดเยี่ยมจริงๆ (เสียงปรบมือ) เกียรติภูมิทั้งหมดในอนาคตที่ศิษย์ต้าฝ่าสมควรมี พวกท่านจะได้รับทั้งหมด (เสียงปรบมือ) ช่วงเวลาที่ยากเข็ญที่สุด ลำบากที่สุดได้เดินข้ามมาแล้ว ในช่วงเวลาสุดท้ายที่มีจำกัด ข้าพเจ้าคิดว่าศิษย์ต้าฝ่าควรจะทำได้ดียิ่งขึ้น สวยงามยิ่งขึ้น ทำให้ภารกิจแห่งประวัติศาสตร์ลุล่วงเสร็จสิ้น (เสียงปรบมือกึกก้องยาวนาน)