การบรรยายฝ่าปี ค.. 2005 ณ เมืองซานฟรานซิสโก

หลี่ หงจื้อ

5 พฤศจิกายน ค.ศ. 2005

 

(เสียงปรบมือดังสนั่น, ที่ประชุมกล่าวทักทาย  สวัสดี ท่านอาจารย์

สวัสดีทุกท่าน (เสียงปรบมือ,ผู้ฝึกหลายคน กล่าว ขอเชิญท่านอาจารย์นั่งลงข้าพเจ้ายืนอยู่ ทุกท่านจะได้เห็นกันชัดๆ  ทุกท่านลำบากกันแล้ว (เสียงปรบมือ) ไม่ได้มาที่ภาคตะวันตกนี้นานแล้ว  ก็คิดมาตลอดว่า อยากจะพบหน้าทุกท่าน  ขณะนี้ คือ ช่วงเวลาที่ศิษย์ต้าฝ่ากำลัง ยืนยันความถูกต้องให้ฝ่า  ช่วยเหลือสรรพชีวิต  ซึ่งทำกันอย่างเหน็ดเหนื่อยมาก  แต่ไม่ว่าจะอย่างไร  ปัจจุบันศิษย์ต้าฝ่านั้น กำลังสุกงอมขึ้นเรื่อยๆ แล้ว  ในขณะที่ขั้นตอนการเจิ้งฝ่า รุดหน้าไปอย่างต่อเนื่อง  สถานการณ์โดยรวมก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก

ทุกท่านมองเห็นกันแล้วว่า   จากท่าทีของชาวโลกต่อต้าฝ่า และศิษย์ต้าฝ่า และความเข้าใจอย่างชัดแจ้งต่อสื่อมวลชนของ คอมมิวนิสต์จีนที่ใส่ร้ายป้ายสี อย่างไร้ยางอาย  ขณะนี้ไม่เหมือนกันแล้ว  เช่นนี้แล้ว กล่าวสำหรับศิษย์ต้าฝ่า เท่ากับว่า กำลังอยู่ในสภาพแวดล้อมใหม่อันหนึ่ง  อยู่ในการทดสอบภายใต้เงื่อนไขใหม่แล้ว

เนื่องจาก พอสภาพแวดล้อม ผ่อนคลายลงแล้ว  ก็ง่ายที่จะเกิดอารมณ์ความรู้สึก ที่ย่อหย่อนชนิดหนึ่งขึ้นมา  แรงกดดันน้อยลงแล้ว ก็ทำให้ในใจ ผ่อนคลายแล้ว ก็ไม่ค่อยจะเร่งรีบแล้ว  เช่นนี้ไม่ถูกนะ   ที่จริง การเป็นผู้บำเพ็ญคนหนึ่ง  ไม่ว่าทุกท่านจะพบกับสภาพแวดล้อมชนิดไหน  ล้วนแต่ไม่อาจไม่ก้าวหน้า  ยิ่งผ่อนคลาย  โดยความเป็นจริง การทดสอบต่อพวกท่าน ก็ยิ่งจะเข้มงวด  ไม่ว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนแปลงอย่างไร เงื่อนไขของการบำเพ็ญ ข้อกำหนดต่อการบำเพ็ญ  นั้นไม่อาจเปลี่ยนแปลงตลอดกาล   ดังนั้นทุกท่านไม่อาจย่อหย่อน  และทุกท่านก็มองเห็นแล้วว่า  แม้ว่าสถานการณ์กำลังเปลี่ยน  แต่สิ่งชั่วร้าย มันยังไม่ถูกขจัดทิ้งไปหมดจนถึงที่สุด  ในเวลาเช่นนี้ มันยังจะสามารถส่งผลที่ไม่ดีได้อย่างมาก

         ขอยกเอาซานฟรานซิสโกนี้มาพูดก็แล้วกัน  ข้าพเจ้าพบว่า เมื่อมองดูสภาพแวดล้อม ของศูนย์กลางเมืองซานฟรานซิสโก กับ บริเวณอ่าวทั้งหมด  ที่นั่นยังคงมีองค์ประกอบของสิ่งชั่วร้ายอยู่อีกมาก  อันที่จริงสำหรับสถานที่เหล่านั้น  พวกท่านควรจะไปทำ เป็นจุดสำคัญ  ไปอธิบายความจริงในที่ๆมีคนจีนโพ้นทะเลอยู่มาก  ช่วยเหลือชุมชนชาวจีนโพ้นทะเล ที่ถูกพิษร้ายอย่างหนัก  ทุกท่านมองเห็นแล้ว  คณะนักท่องเที่ยวของจีนแผ่นดินใหญ่ ไปๆมาๆกัน  ที่นั่นเป็นที่ชุมนุมอย่างมาก ที่หนึ่ง  สภาพแวดล้อมอื่นๆทั่วบริเวณอ่าว ก็มีคนจีนโพ้นทะเลมากเช่นกัน  แต่พวกเขาอยู่กระจัดกระจายมาก   เป้าหมายการอธิบายความจริงของทุกท่าน ก็คือต้องการช่วยเหลือสรรพชีวิตให้ได้มากยิ่งขึ้น  และผู้ที่ถูกพิษร้ายหนักหนาที่สุดก็คือ ชาวจีน  ดูจากภายนอกนั้น ศิษย์ต้าฝ่ากำลังคัดค้านการประทุษร้าย   ที่จริงความรับผิดชอบที่ใหญ่ที่สุดของศิษย์ต้าฝ่า คือการช่วยเหลือสรรพชีวิต  การประทุษร้ายต่อมวลชนชาวจีน  เป็นการริเริ่มของพรรคมาร ในประเทศจีน  ดังนั้นผู้ที่ทุกท่านต้องมุ่งเจาะจง ก็คือประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ หรือก็คือเจาะจงต่อคนของประเทศจีนแผ่นดินใหญ่  ถนนถังเหรินที่นั่น พอดีเป็นที่ที่ชาวจีนแผ่นดินใหญ่นิยมไปชุมนุมกัน  ดังนั้นพวกท่านไม่ควรปล่อยปละที่นั่น  ไม่อาจพลาดสถานที่อย่างนี้ที่ ศิษย์ต้าฝ่าสามารถแสดงบทบาทได้มากยิ่งขึ้น  ดังนั้นทุกท่านควรคิดดูและเห็นความสำคัญ  ใช่ไหมว่าเป็นสถานที่ที่เมื่อก่อนพวกท่านรู้สึกว่า ชั่วร้ายมาก  รู้สึกกลัวนิดๆ  ใครกลัวใครละ

          ภายใต้การประทุษร้ายอย่างรุนแรงที่สุด ศิษย์ต้าฝ่าในจีนแผ่นดินใหญ่ ล้วนไม่ได้ถูกทำให้กลัวจนล้มคว่ำไป  แต่กลับก้าวข้ามมาได้แล้ว และยังฝึกฝนจนสุกงอมแล้ว  แท้ที่จริง พวกท่านลองหันกลับมามองดูสักนิด  การประทุษร้ายครั้งนี้ดูเหมือนไม่มีขั้นตอน  การเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์  และสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น  ล้วนมิใช่มีเป้าหมายหรอกหรือ  ไม่ว่าจะเป็นความต้องการของอาจารย์ หรือการแทรกแซงของอิทธิพลเก่า  มิใช่มีเป้าหมายให้ศิษย์ต้าฝ่าฝึกจนสำเร็จ และสิ่งชั่วร้ายดับสลายไปในที่สุดหรอกหรือ   ทั้งหมดนี้จะไม่มีขั้นตอนได้หรือ เพียงแต่ไม่ให้คนชั่วได้มองออกว่า มีขั้นตอนอยู่  ภายใต้อำนาจทางการเมืองของพรรคคอมมิวนิสต์จีน หากมันต้องการล้มคว่ำใคร  ที่ผ่านมาใครบ้างที่สามารถยืนหยัดอยู่ได้เกิน 3 วันละ   พวกท่านก้าวผ่านมา 6-7 ปีแล้ว  นี่กล่าวสำหรับ พรรคของสิ่งชั่วร้ายนี้เอง ล้วนเป็นเรื่องที่ไม่อาจเข้าใจได้  คนธรรมดาสามัญสามารถทำได้ไหม  สามารถยืนหยัดได้ไหม  เช่นนั้นแล้ว เรื่องเหล่านี้ เป็นเรื่องของคนธรรมดาสามัญหรือไม่  เป็นเรื่องที่คนธรรมดาสามัญสามารถทำได้หรือไม่  มีแต่ผู้บำเพ็ญ  มีแต่ผู้ที่เทพคุ้มครอง  จึงจะสามารถก้าวข้ามมาได้   ไม่ใช่เช่นนี้หรือ  ดังนั้นไม่มีอะไรที่ศิษย์ต้าฝ่าต้องหวาดกลัว   โดยเฉพาะคือนอกจีนแผ่นดินใหญ่  เปรียบกันแล้ว สภาพแวดล้อมนี้ยิ่งผ่อนคลายมากกว่ามิใช่หรือ  เช่นนั้นพวกท่านกลัวอะไร  และพวกท่านไปช่วยเหลือเขา ด้วยความสง่างาม  เจาะจงต่อชีวิตคนจริงๆ  คนย่อมจะรู้สึกได้  และในการอธิบายความจริง  จิตใจดีงามที่พวกท่านสะท้อนออกมา  เจิ้งเนี่ยนที่ พวกท่านส่งออกมา  ล้วนกำลังดับสลายสิ่งชั่วร้าย  ทำให้ชีวิตที่ได้รับการช่วยเหลือ มีสติขึ้นมา  ค้นหาตัวเขาเองกลับมา  สามารถทำให้คนมีสติสัมปชัญญะ เข้าใจปัญหาเหล่านี้ด้วยตนเองอย่างแท้จริง  แน่ละ เมื่อคนฟื้นคืนสติขึ้นมา ทันใดนั้นก็ย่อมจะแตกต่างกันแล้ว

          ยังมีผู้ฝึกบางคน มีความรับรู้ไม่แจ่มชัดต่อการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ ที่เกิดจากการยืนยันความถูกต้องให้ฝ่า  นั่นคือโดยทั่วไปแต่ละพื้นที่ จะมีปรากฎการณ์เฉพาะส่วนเกิดขึ้น  ก็คือ แต่ละครั้งเมื่อจังหวะก้าวของต้าฝ่า ผ่านไปถึงช่วงเวลาใหม่   ก็จะมีผู้ฝึกบางคนใช้จิตของคน มาวัดการบำเพ็ญของต้าฝ่า

         เส้นทางนี้ที่ศิษย์ต้าฝ่าบำเพ็ญอยู่นั้น  บำเพ็ญโดยไม่หลีกหนีจากโลกียโลก  ก็เป็นเส้นทางเช่นนี้   ดังนั้นเมื่อบำเพ็ญอยู่ในสังคมคนธรรมดาสามัญ  ไม่ถูกแปดเปื้อนโดยสังคมคนธรรมดาสามัญ  แต่เป็นคนธรรมดาสามัญที่ถูกเปลี่ยนแปลง  ต้องเป็นเช่นนี้แน่นอน  ดังนั้นต้าฝ่าอยู่ในกระบวนการทั้งหมดของการเจิ้งฝ่า  จึงกำลังเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งอย่างรวดเร็ว  ศิษย์ต้าฝ่าก็กำลังยืนยันความถูกต้องให้ฝ่า กำลังช่วยเหลือสรรพชีวิต  ขจัดสิ่งชั่วร้ายที่ประทุษร้ายศิษย์ต้าฝ่าอยู่  การเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ทั้งหมด สภาพการณ์ที่ต่างกัน ในเวลาที่แตกต่างกัน  ก็จะปรากฏออกมาในโลกอย่างต่อเนื่อง  นี่คือบรรดาสิ่งที่ผู้ฝึกเรียกกันว่า กระบวนการของการเจิ้งฝ่า  แต่ในเวลาที่การเปลี่ยนแปลงของสภาวการณ์ที่ชัดแจ้งปรากฎออกมา   ก็มีผู้ฝึกบางคนตามไม่ทัน  พอตามไม่ทัน  ก็จะหาข้ออ้างที่ใหญ่ที่สุด  ว่าพวกเรายุ่งเกี่ยวกับการเมืองรึเปล่า   ทำไมพวกเราบำเพ็ญกันอย่างนี้ละ   ที่จริงคนที่พูดคำพูดเหล่านี้  ที่แท้คือกำลังใช้จิตของมนุษย์ปฏิบัติต่อการบำเพ็ญ   ใช้จิตของคนธรรมดาสามัญมาปฏิบัติต่อตนเอง   สาเหตุมูลฐานที่สุด  ยังคงเป็นจิตหวาดกลัว  กำลังส่งผลกระทบอยู่

          ข้าพเจ้าเคยพูดแล้วว่า  รูปแบบการบำเพ็ญของศิษย์ต้าฝ่าในวันนี้ ก็คืออย่างนี้   คือบำเพ็ญอยู่ในหมู่คนธรรมดาสามัญ  บำเพ็ญโดยไม่หลีกหนีออกจากโลกียโลก   ที่ผ่านมาในการบรรยายธรรม ข้าพเจ้าเคยพูดแล้วว่า  ก็เพราะศิษย์ต้าฝ่าบำเพ็ญกันอย่างนี้  จึงสามารถทำให้สิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์  นั่นคือ คนสามารถบำเพ็ญสำเร็จเป็นเทพ (เสียงปรบมือ) เนื่องจากอยู่ในสังคมที่เป็นจริงนี้  คือคนๆนี้ที่บำเพ็ญ  สามารถกำหนดตนเองได้อย่างถูกต้องอย่างแท้จริงด้วยตัวของตัวเอง  ในท่ามกลางการยั่วยวนของผลประโยชน์ทางโลก   สามารถปล่อยวางจิตยึดติดของคน  ในท่ามกลางการยั่วยวนอย่างรุนแรงของโลกียโลก   สามารถปล่อยวางอารมณ์ความรู้สึก นานาชนิดที่ยุ่งเหยิงลงได้  รูปแบบการบำเพ็ญชนิดนี้ ล้วนมุ่งตรงต่อใจคนโดยตรง   หรือพูดได้ว่า มุ่งตรงต่ออวัยวะสัมผัสชั้นผิวนอกสุดของผู้บำเพ็ญ กับ ความคิดที่สะท้อนออกมา และพฤติกรรมโดยตรงของคน   ดังนั้นกล่าวสำหรับคนๆนี้  หากสามารถปล่อยวางทั้งหมดนี้ได้ในท่ามกลางการบำเพ็ญ  ใช่หรือไม่ว่าคนๆนี้ กำลังบำเพ็ญอยู่  เช่นนั้นใช่หรือไม่ว่า คนๆนี้สามารถปล่อยวางตนเองได้อย่างแท้จริงในท่ามกลางผลประโยชน์ด้านวัตถุ  คนธรรมดาสามัญสามารถทำได้ ไหม   ทำไม่ได้   ผู้บำเพ็ญในอดีตทำได้ไหม  ก็ทำไม่ได้   ดังนั้นการบำเพ็ญเหล่านั้นในอดีต  รูปแบบการบำเพ็ญต่างๆนานาในอดีต ที่หลงเหลืออยู่ในประวัติศาสตร์สังคมมนุษย์  ล้วนแต่เป็นการบำเพ็ญที่หลีกหนีออกจากโลกียโลกทั้งสิ้น   พวกเขาไม่กล้าบำเพ็ญอยู่ในโลกียโลกนี้  พวกเขาเข้าใจว่า การบำเพ็ญอยู่ในโลกียโลกไม่สามารถทำได้   นั่นเป็นเพราะไม่มีต้าฝ่า   ไม่มีต้าฝ่ามาชี้นำผู้บำเพ็ญ  วันนี้มีต้าฝ่าชี้นำ  พวกท่านสามารถทำได้แล้ว  ในทางปฏิบัติพวกท่านก็ทำได้แล้วจริงๆ   หรือกล่าวได้ว่า เส้นทางการบำเพ็ญเส้นนี้ไม่เพียงแต่ได้เริ่มขึ้นแล้ว   และในทางปฏิบัติก็ได้พิสูจน์ความถูกต้องของเส้นทางนี้ อย่างเพียบพร้อมแล้ว   และความสุกงอมของศิษย์ต้าฝ่า ในขั้นตอนของการบำเพ็ญ  ขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงสุดท้ายของการก้าวไปสู่การหยวนหมั่น   ตลอดมาจนถึงเดี๋ยวนี้  ล้วนมั่นคงและมีพลังอย่างยิ่ง  ทว่ามักจะเกิดความบกพร่อง อย่างนั้นอย่างนี้   ที่จริงการบำเพ็ญชนิดไหนๆ ก็อาจเป็นเช่นนี้ได้ทั้งสิ้น  ผู้ที่บำเพ็ญต่อไปไม่ไหว ในระหว่างทาง ก็มีทั้งนั้น  นี่เป็นเรื่องปกติ    ในระหว่างการทดสอบใจคน  กล่าวสำหรับผู้บำเพ็ญคนหนึ่ง  ในระหว่างการรับรู้แนวคิดสองชนิด ของเทพกับคน  ในการปะทะซึ่งกันและกัน  ก็อาจจะเกิดสภาพการณ์เช่นนี้  เมื่อความคิดของคนอยู่เหนือกว่า  เขาก็ก้าวไปสู่ความเป็นคน   เมื่อความคิดของเทพ กับเจิ้งเนี่ยนของคนอยู่เหนือกว่า  เขาก็ก้าวไปสู่ความเป็นเทพ

          ที่จริง ทุกท่านลองคิดดู  อะไรคือการเมือง  บางคนที่ไม่เข้าใจพฤติกรรมของการคัดค้านการประทุษร้าย จึงพูดว่า ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง  ข้าพเจ้าเห็นว่า สำหรับบางคนในหมู่ศิษย์ต้าฝ่า  ล้วนคือจิตหวาดกลัว  ที่แท้เป็นเพราะความกลัว ที่ก่อเหตุอยู่  ก็คือความกังวลของคน   พูดถึงว่าคนธรรมดาสามัญจะรับรู้อย่างไร  ศิษย์ต้าฝ่าอย่าไปสนใจเขา   เพียงแต่ตัวท่านเองทำถูกต้อง  ท่านก็จะสามารถเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมโดยรอบ  ท่านก็จะสามารถเปลี่ยนแปลงคน  ท่านไม่ต้องไปอธิบายมากเกินไป   ต้าฝ่าของข้าพเจ้านั้นบรรยายให้กับศิษย์ต้าฝ่าในวันนี้  ไม่ใช่บรรยายให้คนธรรมดาสามัญฟัง  อย่าให้ความสำคัญจนเกินไปว่า คนธรรมดาสามัญจะคิดอย่างไร  ใครๆต่างล้วนจะมองท่านได้อย่างถูกต้อง

          อะไรคือ การเมือง   พูดจากหลักเหตุผลของคนที่ต่างกัน ก็ไม่เหมือนกัน  ที่จริง ข้าพเจ้าขอบอกทุกท่าน แนวคิดเรื่องการเมืองของคนจีน คือ จะเรียกรูปแบบการปกครองกับกิจกรรมที่ผู้คน เข้าไปเกี่ยวข้องกับประเด็นอำนาจการเมือง นโยบายการเมืองว่าเป็นการยุ่งเกี่ยวกับการเมือง  ส่วนในสังคมตะวันตกนั้น ไม่เหมือนกัน  ในแนวคิดของพวกเขา เข้าใจว่า  กิจกรรมในสังคมของคน ถ้าไม่ใช่สิ่งที่อยู่ในขอบเขตทางเศรษฐกิจ  หรือศาสนา ก็เป็น การยุ่งเกี่ยวกับการเมือง  แต่ไม่ว่าคำจำกัดความของมันจะเป็นอะไร  ไม่ว่าจะรับรู้มันอย่างไร  ประเด็นที่ข้าพเจ้าจะพูดกับทุกท่านคือ  รูปแบบการบำเพ็ญนั้น ไม่มีกรอบที่ตายตัว  การบำเพ็ญในประวัติศาสตร์ที่พวกท่านรับรู้กัน  มีรูปแบบการบำเพ็ญของ พุทธศาสนา  พุทธศาสนายุคโบราณ  ศาสนาเต๋า  ลัทธิเต๋ายุคโบราณ   ศาสนาโรมันคาธอลิก  ศาสนาคริสต์  เป็นต้น และกิจกรรมทางศาสนาหลายอย่าง  ยังมีความศรัทธาต่อเทพ กับศาสนาเก่าแก่ในอดีตจำนวนหนึ่ง   ความศรัทธาในศาสนาก็เป็นพฤติกรรมของการบำเพ็ญของคนเรา  ในระหว่างขั้นตอนของความเชื่อ  คนสามารถเลื่อนระดับเขตแดนทางความคิดให้สูงขึ้น  เป็นรูปแบบการบำเพ็ญอย่างนี้  ไม่ว่าในแนวคิดทางวัฒนธรรมของทางตะวันตกจะมีคำศัพท์เรื่อง “การบำเพ็ญ”หรือไม่ก็ตาม   แต่พวกเขาก็นับได้ว่าเป็นการบำเพ็ญ  ล้วนกำหนดให้มีการยกระดับตนเอง  การที่ชีวิตก้าวไปสู่การเป็นเทพ  นี่ไม่ใช่ขั้นตอนหนึ่งของการบำเพ็ญหรอกหรือ   ไม่ว่าท่านเลือกรูปแบบการบำเพ็ญชนิดใด  แต่ว่าบรรดารูปแบบเหล่านี้ที่ตกทอดอยู่ในประวัติศาสตร์นั้น  ข้าพเจ้าขอ บอกทุกท่าน  มันไม่ใช่รูปแบบการบำเพ็ญเพียงชนิดเดียวในจักรวาล   ยิ่งไม่ใช่บรรดาชีวิตที่มีอยู่ในจักรวาล  โดยเฉพาะคือ มนุษย์ซึ่งล้วนต้องหมุนเวียนอยู่ในไม่กี่รูปแบบนี้   ดังนั้นจึงไม่ใช่เพียงเส้นทางเดียวที่ ท่านจะไปสู่ความเป็นเทพได้  นั่นเป็นเพียงวัฒนธรรมของการบำเพ็ญไม่กี่ชนิดของที่มีอยู่นับไม่ถ้วน  ที่เทพเหลือไว้ให้มนุษย์  ก็เพียงเท่านี้   ในอดีตการบำเพ็ญนั้นล้วนแต่เป็นจิตรอง  ส่วนคนๆนี้ที่แท้จริง ไม่ว่าจะบำเพ็ญอย่างไร  เมื่อจิตรองจากไปแล้ว คนก็ยังเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในโลก  องค์ศากยมุนีเคยตรัสว่า การบำเพ็ญมี 84,000 แนวทาง  นี่เป็นเพียงการตรัสออกมาจากความรับรู้ในเขตแดน ภายในขอบเขตที่แน่นอนของพระองค์   สายเต๋ากล่าวถึง 3,600 แนวทาง  นี่ก็เป็นเพียงการรับรู้ในเขตแดนของพวกเขา  ที่จริงหลักธรรมที่พวกเขาบรรยายให้กับคนนั้น  มีข้อจำกัดอยู่ ที่แท้ในจักรวาลมีเส้นทางที่สามารถทำให้ชีวิตเลื่อนสูงขึ้นได้  มีวิธีการหวนคืนกลับ สักเท่าไร   มีนับไม่ถ้วน  มีสรรพชีวิตมากเท่าไรก็มีเส้นทางมากเท่านั้น  ก็คือมากถึงเพียงนี้  รูปแบบการบำเพ็ญที่มากมายเช่นนี้  ย่อมไม่อาจนำมาสู่สังคมมนุษย์ได้ทั้งหมด   ในจักรวาลมีพระพุทธนับไม่ถ้วน  มีเทพจำนวนนับไม่ถ้วน  และเหล่าเทพองค์หนึ่งๆ ล้วนเข้าใจว่า จักรวาลสูงจนถึงจุดสุดยอดแล้ว ข้างบนเหนือขึ้นไปอีก ไม่มีสิ่งมีชีวิตแล้ว  ในสภาพการณ์ที่ไม่มีอะไรเมื่อสูงขึ้นไป  ที่จริงในเขตแดนที่ใหญ่ยิ่งขึ้นไปอีก  ยังมีเขตแดนที่ใหญ่ไร้ที่เปรียบ  สูงไร้ที่เปรียบ เพิ่มขึ้นไปอีก  ยิ่งมีพระพุทธและเทพชนิดอื่นจำนวนนับไม่ถ้วนเพิ่มเข้าไปอีก  เมื่อพวกเขามองเทพข้างล่าง  ต่างก็เข้าใจว่าเหมือนกับคนธรรมดาสามัญ   ที่แท้แล้วมีวิถีแห่งเต๋ามากเท่าไร   นับไม่ถ้วน   ทุกท่านทราบว่าองค์ศากยมุนีนั้น พระองค์ประจักษ์แจ้งในแนวทางนี้ของตนเอง  ซึ่งเรียกคร่าวๆว่า “ศีล สมาธิ ปัญญา”  นี่ก็คือเส้นทางของตนเองที่องค์ศากยมุนีทรงประจักษ์แจ้ง   พระพุทธมากมายที่อยู่ในร่างนภานั้น  มีเหลือคณานับ  แต่กลับไม่มีพระพุทธองค์ที่สอง ที่ประจักษ์แจ้งใน ศีล สมาธิ ปัญญา  หรือพูดได้ว่า  เทพแต่ละองค์ต่างมีเส้นทางของตนเอง  ในระบบของเทพแต่ละองค์ล้วนมีมาตรฐานของเขตแดนที่แตกต่างกันของสรรพชีวิต  มีข้อกำหนดของหลักธรรมที่สูงขึ้นหรือต่ำลง   ฉะนั้นรูปแบบการบำเพ็ญในนั้นจะมีมากหรือไม่ละ   มีมากอย่างยิ่ง

          พูดมาถึงตรงนี้  ข้าพเจ้าขอบอกทุกท่าน   แม้ในจักรวาลจะมีรูปแบบการบำเพ็ญมากมายเช่นนั้น  แต่มองจากที่ตรงนี้ของคน   ในระหว่างการเจิ้งฝ่านี้ หากกำหนดให้ศิษย์ต้าฝ่าเลือกรูปแบบการบำเพ็ญชนิดหนึ่งชนิดใดแล้ว จะไม่สามารถบำเพ็ญได้หรอกหรือ  พูดเป็นรูปธรรมสักหน่อย  ถ้าข้าพเจ้าผู้เป็นอาจารย์นี้ ไม่บอกให้ทุกท่านเดินบนเส้นทางอย่างเช่นในวันนี้   เปลี่ยนไปเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง  นั้นก็สามารถบำเพ็ญหยวนหมั่นได้  ทุกท่านทราบว่า  จักรวาลกำลังอยู่ในระหว่างการเจิ้งฝ่า  ทุกสิ่งล้วนเป็นมา กันใหม่หมด  หรือกล่าวได้ว่าเท่ากับสร้างฟ้าดินใหม่  สร้างจักรวาลใหม่  จักรวาลในอนาคต  ชีวิตในอนาคตจะมีรูปแบบอย่างไร  จะดำรงอยู่โดยอาศัยวิธีการใด  จะเหลือรูปแบบการช่วยเหลือคน กับ หลักธรรมอะไรไว้ให้กับอนาคต  นี่ไม่ใช่ชีวิตในอดีตจะสามารถตัดสินได้  และไม่ใช่ชีวิตไหนๆจะสามารถกำหนดได้  แม้สูงขึ้นไปอีกก็ทำไม่ได้  เพราะนั่นคือความต้องการของอนาคต  แม้จะกำหนดจากว่า ในอนาคตจะต้องการหรือไม่  ทุกท่านลองคิดดู  สมมติว่า อาจารย์บอกให้พวกท่านบำเพ็ญอยู่ในรูปแบบสังคมการเมืองชนิดนี้  จะใช้ได้หรือไม่ละ (เสียงปรบมือ) ได้   ได้แน่นอน   ต้องได้แน่นอน   ขอเพียงมีข้อกำหนดตามมาตรฐานของฝ่า   ชีวิตสามารถยกระดับขึ้นได้  ขอเพียงชีวิตสามารถบรรลุถึงเขตแดนชั้นสูงได้  ย่อมใช้ได้แน่นอน   เพราะนั่นคือการเลือกของอนาคต  นั่นคือการเลือกของจักรวาลในอนาคต  นั่นคือการเลือกรูปแบบการบำเพ็ญของศิษย์ต้าฝ่า  (เสียงปรบมือเพียงแต่อาจารย์ไม่ได้เลือกเส้นทางนี้ให้กับพวกท่าน  ไม่ได้บอกให้ทุกท่านเดินบนเส้นทางของการบำเพ็ญอย่างนี้  ข้าพเจ้าสอนรูปแบบการบำเพ็ญที่กว้างขวาง และดีที่สุดเส้นทางหนึ่ง แก่ทุกท่าน   เต๋าใหญ่ไร้รูปลักษณ์ (เสียงปรบมือแต่ละคนต่างเป็นหน่วยหนึ่งของสังคม  แต่ละคนต่างอยู่ในระดับชั้นทางสังคมที่ต่างกัน   แต่ละคนต่างมีอาชีพการงานในสังคมที่ต่างกัน  และบรรดาความรู้ความสามารถที่เล่าเรียนมา   ล้วนสามารถบำเพ็ญอยู่ในสภาพแวดล้อมของตนเอง  ในการชี้นำที่ไร้รูปลักษณ์ของต้าฝ่า  ไม่มีการตีกรอบ  ไม่มีรูปแบบของศาสนา  ไม่มีข้อห้าม  นี่เป็นเรื่องที่เทพใดๆในประวัติศาสตร์  ล้วนไม่กล้าทำ  ข้าพเจ้ากับศิษย์ต้าฝ่าในวันนี้ได้ทำแล้ว  (เสียงปรบมือ)เพราะอะไรละ  เพราะฝ่ายิ่งใหญ่  เพราะต้าฝ่าของจักรวาลกำลังช่วยเหลือศิษย์ต้าฝ่าอยู่  ดังนั้นจึงสามารถทำได้

          ข้าพเจ้าจะพูดเลยไปอีกก้าวหนึ่ง  ที่แท้อะไรที่เรียกว่าการเมือง  อะไรที่เรียกว่ารูปแบบการบำเพ็ญ  คนจำนวนมากพลาดอยู่จุดนี้   สมมติว่าชาตินี้ข้าพเจ้า หลี่ หง จื้อ  เลือกที่จะเป็นจักรพรรดิ  นำพาประชาชนกลุ่มหนึ่งบำเพ็ญอยู่จะใช้ได้หรือไม่  (เสียงปรบมือ) ใช้ได้  ใช้ได้แน่นอน   ขอเพียงฝ่าถูกต้อง  สามารถรับประกันให้ชีวิตเลื่อนระดับได้  ขอเพียงเดินให้ตรงบนเส้นทางนี้   ก็สามารถทำได้อย่างแน่นอน  ถ้าเป็นเช่นนี้จริง  นั่นก็คือการเลือกสรรของอนาคต  นั่นก็เป็นการกำหนดของจักรวาลในอนาคต  อาจารย์ไม่ได้บอกให้ทุกท่านเดินบนเส้นทางอย่างนี้   ก็เพียงเท่านี้เอง   จะเลือกอะไร  จะเดินเส้นทางไหน  นั่นคือความต้องการของอนาคต  คือสิ่งที่อาจารย์เหลือไว้ให้ศิษย์ต้าฝ่า   ข้าพเจ้าเลือกวิธีการที่ดีที่สุดให้กับทุกท่าน (เสียงปรบมือสิ่งเหล่านี้ที่ข้าพเจ้าพูดไปเมื่อครู่   ในฐานะคนธรรมดาสามัญย่อมยากที่จะเข้าใจเหตุผลเหล่านี้   ไม่สามารถรับรู้สิ่งเหล่านี้ได้อย่างแน่แท้   ข้าพเจ้ากำลังบรรยายฝ่าให้กับศิษย์ต้าฝ่า   ในใจทุกท่านแจ่มแจ้งมากว่า ศิษย์ต้าฝ่ากำลังทำอะไร   ที่จริงในปีนั้นที่อาจารย์บรรยายฝ่าก็เคยพูดถึงเรื่องหนึ่ง  ที่ผ่านมามีผู้ฝึกหลายคนเคยได้ยินว่า  สองสาย พุทธและเต๋า นั้นเคยโต้แย้งกันเพื่อที่จะให้ข้าพเจ้าเลือกรูปแบบภายนอก  เพื่อบอกให้ข้าพเจ้าเลือกรูปแบบภายนอกชนิดหนึ่งของเทพในการถ่ายทอดฝ่า   จึงได้เคยโต้แย้งกันอย่างหนักมาก   เพราะหากรูปแบบภายนอกชนิดใดได้รับการคัดเลือกแล้ว   นั่นล้วนเป็นความรุ่งโรจน์ของเทพเหล่านั้น  ล้วนเป็นความรุ่งโรจน์ของชีวิตเหล่านั้น   ทุกท่านลองคิดดู  เวลานั้นเต๋า คิดจะให้ข้าพเจ้าอาศัยรูปแบบของเต๋าในการถ่ายทอดฝ่า  ดังนั้นการเกิดขึ้นของศาสนาเต๋าในประเทศจีนยุคใกล้ นี้ก็ด้วยเป้าหมายนี้   ในอดีตเต๋าไม่มีศาสนา  เพราะเป็นการถ่ายทอดเดี่ยว  ถ่ายทอดตามลำพัง  จึงไม่สามารถช่วยเหลือสรรพชีวิตในวงกว้างได้  หรือ โปรดสรรพชีวิตได้  นำพาศิษย์มากมายเช่นนั้นได้  และไม่อาจทำให้คนหยวนหมั่นมากมายเช่นนั้นได้   ดังนั้นพวกเขาจึงสร้างศาสนาเต๋าขึ้นมา  สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นประวัติศาสตร์ไปแล้ว  นี่ล้วนเป็นสิ่งที่ข้าพเจ้าเคยพูดมาก่อน  จึงไม่ขอพูดซ้ำอีก  หรือพูดว่า การบำเพ็ญของศิษย์ต้าฝ่า  จะเลือกทฤษฎี  วิธีการ  รูปแบบภายนอกชนิดใดนั้น ล้วนแต่สำคัญมาก  โดยเฉพาะการเลือกวิธีการอะไรของอาจารย์  เนื่องจากในประวัติศาสตร์ พวกเขารู้มานานแล้วว่า  ต้าฝ่าจะถ่ายทอดอยู่ที่สังคมมนุษย์นี้  อิทธิพลเก่าจึงได้ทำการจัดวางไว้ตั้งนานมาแล้ว  ที่จริงไม่เพียงอิทธิพลเก่าจะจัดวางไว้อย่างนี้  จักรวาลอันกว้างใหญ่นี้  ไม่ว่าข้าพเจ้าจะบรรยายให้กับทุกท่านอย่างไร   ข้าพเจ้าล้วนบรรยายอยู่ในขอบเขตที่ทุกท่านสามารถเข้าใจได้  สสารนี้ไม่ว่าจะเลื่อนระดับสูงขึ้นไปอย่างไร  บรรลุถึงเขตแดนไหน   นี่ก็เป็นเพียงระบบที่ใหญ่มากระบบหนึ่ง  ในสภาพการณ์ทั่วไป ข้าพเจ้าล้วนกำลังบรรยายระบบนี้ให้กับทุกท่าน  ที่จริงระบบที่เหมือนกับจักรวาลนี้  ระบบที่มหึมาอย่างนี้  กล่าวสำหรับสรรพชีวิตที่อยู่ในนั้น ก็เป็นสิ่งที่ไร้ขอบเขตไม่สิ้นสุด   และสำหรับเทพผู้ยิ่งใหญ่องค์หนึ่งเมื่อมองดู  ก็จะรับรู้กันอย่างนี้ทั้งนั้น  แต่ว่าเมื่อมันอยู่ในร่างนภาที่ไกลยิ่งขึ้นออกไป  กว้างใหญ่ยิ่งขึ้น มันก็เป็นเพียงอณูหนึ่งของฝุ่นละอองจริงๆ  ในที่ๆไกลออกไปอีกยังมีร่างนภาอย่างนี้อีกนับไม่ถ้วน  ณ ที่ไกลออกไปอีกจนกระทั่งเทพก็ไปไม่ถึงนั้น   ก็ยังมีร่างนภาที่ใหญ่ยิ่งกว่า  ชีวิตของพวกเขาที่นั่นเป็นอย่างไร  อาศัยวิธีการอะไรในการแบ่งระดับชั้น   ชีวิตจะเลื่อนสูงขึ้นได้อย่างไร  เทพของระบบอื่นล้วนไม่มีทางรู้ได้  กระทั่งเข้าใจไม่ได้  สิ่งเหล่านี้ที่ข้าพเจ้าพูดนั้น  กล่าวสำหรับเทพของจักรวาลที่ต่างกันนั้น  ล้วนแต่เป็นเรื่องที่ไม่อาจจะเข้าใจได้

          ที่ข้าพเจ้าจะบอกกับทุกท่านคือ  สิ่งต่างๆมากมายในสังคมมนุษย์นั้นไม่ธรรมดาเลย  ทุกท่านทราบว่า อาชีพในสังคมมนุษย์ปัจจุบัน  มีมากมาย หลายหลาก  ละลานตาไปหมด  สังคมยุคนี้คล้ายกับเจริญรุ่งเรืองมาก  อะไรๆก็มี  เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ได้   เหตุใดสังคมยุคโบราณ จึงไม่มีสภาพการณ์นี้ปรากฏขึ้น  เพราะว่า  ก็เหมือนกับที่ข้าพเจ้าเพิ่งกล่าวไป  ชีวิตมากมายในจักรวาล  ในร่างนภาที่ไกลโพ้น ล้วนนำสิ่งต่างๆของพวกเขา มาที่นี่แล้ว  เพราะอะไรละ  ข้าพเจ้าเพิ่งพูดไปว่า อาจารย์จะเลือกพุทธหรือเต๋า  รูปแบบภายนอกนั้นล้วนสำคัญมาก  ที่จริงไม่เพียงเท่านี้     เส้นทางการบำเพ็ญ  วิธีการบำเพ็ญนานาชนิดที่สร้างสรรค์ให้กับประวัติศาสตร์นี้ของมนุษย์   ที่จริงวิธีการดำรงอยู่ของชนชาติมากมายนั้น  จุดเด่นของวัฒนธรรมชนิดต่างๆ ล้วนคือขาข้างหนึ่งของเทพเหล่านั้นที่สอดเข้ามา ในร่างนภาอันไกลโพ้น   ล้วนเป็นการให้ต้าฝ่าช่วยพัฒนาเส้นทางของพวกเขา  ความหมายคือ หลี่ หง จื้อ  จะเลือกอะไร  ล้วนอยู่ที่นี่หมดแล้ว  ทุกคนเท่าเทียมกันหมด   อย่างเช่น  ข้าพเจ้าขอยกตัวอย่างที่ง่ายๆสัก 2-3 ตัวอย่าง  ทุกท่านต่างรู้จักการวาดภาพ และก็รู้จักดนตรี  การแกะสลัก  รวมทั้งเทคโนโลยียุคนี้  นี่ล้วนเป็นเทคนิคชนิดต่างๆในการดำรงชีพของมนุษย์   คล้ายเพื่อพัฒนาสังคมมนุษย์ให้เจริญก้าวหน้า  โดยคนสร้างสรรค์ขึ้นมาเอง   ที่จริงไม่ใช่เลย  แล้วมันคืออะไรละ   ข้าพเจ้าขอบอกทุกท่าน  นั่นคือ การบำเพ็ญ  นั่นเป็นจุดเด่นของเขตแดนของชีวิตในระบบที่ไกลโพ้น  เพราะการยกระดับของเขตแดนนั้นๆ  ก็เป็นการนำการรับรู้เทคนิคความสามารถชนิดนี้ของชีวิตกับฝ่า  หลอมเข้าด้วยกัน  ยกระดับขึ้นในท่ามกลางการรับรู้ และปีนป่ายขึ้นไปอย่างไม่สิ้นสุด     อณูที่ประกอบขึ้นในมิติระดับสูงยิ่งเล็ก  สนามของเสียงก็จะประกอบขึ้นมาจากอณูของสสารระดับจุลภาค  เสียงก็ยิ่งเพิ่มความไพเราะ น่าฟังขึ้น  สีสันยิ่งเพิ่มความงดงาม  สสารทั้งปวงล้วนเป็นสสารที่ประกอบขึ้นจากอณูในระดับจุลภาค  ในระดับชั้นสูง  ซึ่งชีวิตในมิติระดับต่ำไม่อาจหาพบได้  ผลิตผลและเทคนิคยิ่งเพิ่มความซับซ้อน  ยิ่งเพิ่มความมหัศจรรย์   การยกระดับของชีวิต คือการยกระดับพร้อมกันของเขตแดน  กับเทคนิคความสามารถ คือการยกระดับความรับรู้ของตนเองในเขตแดนที่ต่างกัน  หรือกล่าวได้ว่า เมื่อพูดตามแนวคิดของคนบนโลก  ท่านสามารถสร้างสิ่งที่ดีออกมาได้เป็นเพราะท่านเป็นคนดี หรือทำเรื่องดีอะไรไว้  พูดในทางกลับกัน  เทพเห็นว่าท่านนั้นดี จึงให้สติปัญญาแก่ท่าน  จึงให้ท่านสร้างสรรค์สิ่งของออกมา  (เสียงปรบมือสังคมมนุษย์นั้นมิใช่ถูกเทพควบคุมอยู่หรอกหรือ  ที่จริงในบรรดาสิ่งเหล่านี้ ล้วนมีองค์ประกอบของฝ่าอยู่   ถ้าหากข้าพเจ้าบอกให้ทุกท่านเลือกใช้วิธีการอย่างนั้น  จะบำเพ็ญได้หรือไม่  บำเพ็ญได้เหมือนกัน  เพียงแต่ข้าพเจ้าไม่ได้บอกให้ทุกท่านเดินบนเส้นทางเช่นนี้   นั่นเป็นร่างนภาที่ต่างกัน  ชีวิตที่ต่างกันเลือกใช้

          ในขณะเจิ้งฝ่า ข้าพเจ้าได้ค้นพบสภาพการณ์ชนิดหนึ่ง  สภาพการณ์ชนิดไหนละ   ในท่ามกลางร่างนภาอันมหึมาและไกลโพ้นออกไปมากๆแห่งหนึ่ง  การเลื่อนชั้นของชีวิตเหล่านั้น  แตกต่างอย่างมากกับการรับรู้ของบรรดาชีวิต ที่อยู่ในระบบร่างนภาที่พวกท่านอาศัยอยู่นี้   พวกเขานั้นอาศัยเทคนิคความสามารถ  ผูกมัดกับวิธีการชนิดนี้  ที่อาศัยเทคนิคความสามารถในการปีนป่ายไปไม่มีหยุด   แน่ละเทพในระดับชั้นสูงขึ้นไป หนึ่งชั้นก็จะพิจารณาว่า  พวกที่อยู่ในระดับชั้นต่ำ จะสามารถประดิษฐ์คิดค้นสิ่งของออกมาได้ไหม  จะสามารถหลอมรวม บรรดาสิ่งที่สร้างสรรค์ขึ้นมา เข้ากับการยกระดับเขตแดนของพวกเขาได้ไหม   หากเขตแดนของเขาสามารถยกระดับได้  ก็ให้สติปัญญาเขาเปิดออก  ให้เขามีความสำเร็จต่างๆ  มีการสร้างสรรค์ต่างๆ  มีการเลื่อนชั้น  หลังจากเลื่อนชั้นแล้ว เขาสามารถรับรู้ต่อตนเองอย่างต่อเนื่อง  เพราะคุณธรรมของตนเองยกระดับขึ้นแล้ว  จึงได้มา   เป็นเพราะเขตแดนของตนเองสูงขึ้นแล้วจึงสามารถยกระดับเช่นนี้ได้       ระบบหนึ่งอันมหึมาอย่างหาที่เปรียบไม่ได้  ทั้งหมดกำลังเลื่อนชั้น  ในขณะที่แสวงหาเทคนิคความสามารถชนิดหนึ่งอยู่อย่างนี้  อันนี้ก็ต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับระบบของจักรวาลนี้   โดยเฉพาะคือการรับรู้ต่อการบำเพ็ญของสรรพชีวิตในยุคปัจจุบัน  ดังนั้นร่างนภาใหญ่อันแสนมหึมานี้  มันมีลำดับที่สลับซับซ้อนอย่างยิ่ง  ซึ่งปรากฏอยู่เบื้องหน้ามนุษย์   สิ่งที่มนุษย์สามารถรับรู้ได้  กระทั่งเทคนิคความสามารถเหล่านั้นที่ให้กับมนุษย์   วัฒนธรรมด้านต่างๆ  วิธีการต่างๆของดำรงชีพของมนุษย์นั้น  คนเข้าใจว่าคล้ายกับมีเป้าหมายเพื่อความเจริญก้าวหน้าของสังคมมนุษย์   วิชาการต่างๆ เทคนิคต่างๆ  คนเพียงถือมันเป็นสิ่งที่สร้างความอุดมสมบูรณ์ให้กับการดำรงชีพทางวัตถุของสังคมมนุษย์   สร้างสรรค์วัฒนธรรมของคน     แต่  ไม่ใช่อะไรทั้งนั้น  คนนั้นไม่ได้สร้างสรรค์อะไรเลย   สร้างสรรค์อะไรออกมาไม่ได้เลย   ถ้าหากในจักรวาลไม่มีแล้ว  คนจะสร้างสรรค์ออกมาไม่ได้เลย   รวมถึงสิ่งที่เลอะเทอะที่สุดในสังคมปัจจุบัน  ล้วนแต่เป็นการทำขึ้นมาของเทพองค์ต่างๆ   แต่เพราะสังคมมนุษย์ มีกฎการเสริมและต้านซึ่งกันและกัน    มีสิ่งที่ดี ก็มีสิ่งที่ไม่ดีด้วย  และสิ่งที่ไม่ดีนั้นก็ไม่ใช่เอามันมาด้วยเป้าหมาย เพื่อให้มันไม่ดี  นั่นเป็นเพราะหลักคิดของมนุษย์นั้นแตกต่างกันมากเหลือเกิน  วิธีการดำรงชีพของชีวิตแตกต่างกันมาก   มีบางอย่างถึงกับตรงกันข้ามกับวิธีการที่ถูกต้อง   แน่ละมีบางสิ่งบางอย่างเมื่อมาถึงคน ที่นี่ ก็ยิ่งเลอะเทอะ  เพราะสังคมมนุษย์มีฉิง  ภายใต้อิทธิพลของฉิง  คนจึงทำให้สิ่งเหล่านี้ต่ำลงไปอีก  กระทั่งสกปรกมาก  แย่ยิ่งกว่า เดิมมากมาย   เป็นการกระทำของมนุษย์เอง

          เมื่อครู่ เนื่องจากได้พูดถึงปัญหาการเมือง   อะไรที่เรียกว่า ยุ่งการเมือง นำให้เกิดคำพูดของอาจารย์ออกมาอย่างหนึ่ง  ก็คือจะช่วยทุกท่านเปิดทางความคิดเส้นหนึ่ง     ลองดูจักรวาลนี้  จะรับรู้สิ่งต่างๆของมนุษย์อย่างไรดี  ไม่ใช่อย่างที่มนุษย์คิดกันเช่นนั้น   ไม่ใช่เรื่องง่ายๆอย่างนั้น   วิธีการบำเพ็ญมีมากมาย  ข้าพเจ้าถ่ายทอดฝ่าที่ใหญ่ชุดนี้ให้กับทุกท่าน  แต่มีน้อยคนนักที่สามารถรับรู้ได้ว่า ที่แท้เขาใหญ่เพียงไร  มีความยอดเยี่ยมแค่ไหน  มีความยิ่งใหญ่เพียงไร   มีเพียงผู้บำเพ็ญที่อยู่ในเขตแดนต่างๆกัน  จึงสามารถเข้าใจได้ถึงความศักดิ์สิทธิ์ในเขตแดนนั้นๆ  ก็ได้เพียงเท่านี้เอง  เมื่อผู้บำเพ็ญก้าวไปสู่การหยวนหมั่น  โดยเฉพาะคือหลังจากหยวนหมั่นแล้ว  สิ่งที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้า ผู้บำเพ็ญนั้นช่าง สวยสดงดงามอย่างไม่อาจบรรยายได้เลย   เทพที่สามารถก้าวข้ามมาได้  เมื่อได้เห็นทุกสิ่งทั้งหมด  ต่างจะอุทานด้วยความตกตะลึง  จักรวาลใหม่นี้งดงามและศักดิ์สิทธิ์อย่างหาที่เปรียบมิได้

          สิ่งเหล่านี้ที่เพิ่งบรรยายให้กับทุกท่านนั้น  ในฐานะผู้บำเพ็ญ ทุกท่านต่างสามารถรับรู้ได้ และเข้าใจได้หมด  แต่สำหรับคนธรรมดาสามัญ คงไม่ต้องพูดถึงแล้ว   ในการอธิบายความจริงของทุกท่าน อย่าไปพูดสิ่งเหล่านี้  การพูดสิ่งเหล่านี้จะทำให้เขาตกใจ  ท่านก็จะทำให้ความคิดของคนสับสนไปหมด  เขาก็ยากที่จะรับรู้ได้   ในการอธิบายความจริง  ถ้าท่านพูดสูงไปสักหน่อย     ข้าพเจ้าขอบอกทุกท่าน  ท่านก็ไม่ใช่กำลังช่วยเหลือสรรพชีวิต  แต่ท่านกำลังผลักสรรพชีวิตลงไปข้างล่าง    ท่านไม่อาจพูดให้สูง  การพูดให้สูงหรือต่ำ  นี่หาใช่เพียงเรื่องตื้นๆของการยึดกุมได้ดีหรือไม่  แต่เป็นเรื่องการช่วยเหลือสรรพชีวิตหรือทำลายสรรพชีวิต  ดังนั้นในเวลาที่อธิบายความจริง จึงไม่อาจพูดให้สูง   ในขณะนี้การอธิบายความจริงของทุกท่าน  ให้พูดเพียงว่า ศิษย์ต้าฝ่าถูกประทุษร้าย  พรรคมารเหยียบย่ำสิทธิมนุษยชนของชาวจีน  เหยียบย่ำเสรีภาพในความเชื่อ  ให้พูดถึงประวัติศาสตร์การประทุษร้ายชาวจีนของพรรคมาร   การประทุษร้าย ประชาชนในโลกค่ายลัทธิคอมมิวนิสต์ที่ชั่วร้าย  ขณะนี้ก็เลือกประทุษร้ายศิษย์ต้าฝ่าในแบบเดียวกัน   แค่นี้ก็พอแล้ว   การพูดถึงการบำเพ็ญระดับสูงหรือเทพนั้น   ท่านอย่าไปพูดเลย  คนธรรมดาสามัญยากที่จะรับรู้ได้  ท่านสามารถรับรู้ถึงสิ่งเหล่านี้ได้นั้น  ข้าพเจ้าขอบอกท่าน  เพราะท่านเริ่มต้นจากคนธรรมดาสามัญ  ค่อยๆบำเพ็ญมาถึงวันนี้ทีละก้าวๆ  จึงสามารถรับรู้ได้  จึงสามารถยอมรับหลักการระดับสูงได้   การบรรยายฝ่าของอาจารย์ก็บรรยายจากตื้นไปสู่ลึกให้กับพวกท่าน   ถ้าเริ่มต้น ข้าพเจ้าก็บรรยายสิ่งเหล่านี้ให้กับทุกท่าน  ในเวลา 6-7 ปีก่อน  7-8 ปีก่อน  ข้าพเจ้าบรรยายสิ่งเหล่านี้ในทันทีทันใด   พวกท่านก็ยอมรับไม่ไหว  ถึงท่านจะยอมรับ แต่ท่านก็ไม่เข้าใจว่า ข้าพเจ้ากำลังพูดอะไร  ดังนั้นไม่เพียงแต่ต้องอธิบายความจริง  แต่ต้องมีไหวพริบ  ทำไปอย่างใช้สติปัญญา  อย่าพูดสูงเกินไป

          ไม่ได้มานานแล้วนะ  ทุกท่านอาจจะอยากให้ข้าพเจ้า พูดให้มากสักหน่อย (เสียงปรบมือ)  (ที่ประชุมพูด ขอเชิญท่านอาจารย์นั่งลงเอาอย่างนี้ละกัน  ทุกท่านเขียนคำถามส่งขึ้นมาเหมือนเคย   แล้วข้าพเจ้าจะตอบให้ทุกท่าน  เขียนหนังสือตัวโตหน่อยนะ   เรื่องที่ไม่เกี่ยวกับการบำเพ็ญอย่าถาม  เรื่องมากมายที่สามารถแก้ไขได้ในระหว่างการบำเพ็ญก็พยายามอย่าถาม   พวกท่านต้องเดินบนทางของตนเอง  ผู้ฝึกแต่ละคนก็เหมือนๆกัน   ถ้าหากข้าพเจ้าพาพวกท่านก้าวข้ามมา   ย่อมไม่นับว่าเป็นการบำเพ็ญของท่านอย่างแท้จริง   ท่านก็ไม่ได้บำเพ็ญ   ด่านทั้งหลายที่มีอยู่ท่านล้วนกระโดดข้ามมาด้วยตัวเอง  นั่นจึงจะยอดเยี่ยม   องค์ศากยมุนีพุทธไม่ใช่ประจักษ์แจ้งใน ศีล สมาธิ ปัญญา ด้วยตนเองหรือ   นั่นก็เป็นการกระโดดข้ามมาด้วยตนเอง  พวกท่านก็เช่นกัน   ล้วนต้องเดินบนทางของตนเอง  ก็เป็นเช่นนี้   ต่อไปทุกท่านสามารถ  ถามคำถามได้(เสียงปรบมือ)  

การบำเพ็ญไม่แบ่งว่าก่อนหรือหลัง   ไม่ว่าผู้ที่นั่งอยู่เป็นผู้ฝึกใหม่หรือผู้ฝึกเก่า  กล่าวสำหรับผู้บำเพ็ญ  ล้วนเสมอภาคกัน   ไม่ใช่เพราะท่านเป็นผู้ฝึกใหม่อาจารย์ก็มองเป็นอีกอย่าง   และไม่ใช่เพราะพวกเขาเป็นผู้ฝึกเก่าก็มองเป็นอีกแบบหนึ่ง   แต่ในฐานะศิษย์ต้าฝ่า  ก็คือผู้บำเพ็ญ  นั่นก็ต้องไปบำเพ็ญเหมือนผู้บำเพ็ญ อย่างแน่นอน  แน่ละ ในฐานะผู้ฝึกใหม่ ก็มักจะต้องมีขั้นตอนหนึ่งของการรับรู้  ไม่เป็นไรเพียงแต่ทุกท่านไปบำเพ็ญอยู่ในฝ่าอย่างแท้จริง  ศึกษาฝ่าอยู่เสมอๆ  ก็จะตามได้ทันอย่างรวดเร็ว 

ต่อไปก็ส่งคำถามขึ้นมาได้แล้ว

ไม่ ว่าในระหว่างการเจิ้งฝ่า อาจารย์จะมีพลังมากเพียงใด   บนชั้นผิวอิทธิพลเก่านี้กำลังแสดงบทบาทเป็นฉากกั้น  มันกางกั้นพลังอันมหาศาลกับชั้นผิวของอาจารย์ออกจากกัน   ในสภาพการณ์ทั่วไปมันกางกั้นไม่อยู่  แต่พวกมันใช้วิธีการสลับผลัดเปลี่ยนกับพื้นที่อันมหึมาและกาลมิติอันยาวนานภายในพื้นที่ มาเป็นฉากกั้น  เมื่อมองจากนอกร่างนภา จะเห็นว่าทะลุผ่านได้เร็วมาก   แต่ในกาลเวลาภายในมิติของมนุษย์นั้นรู้สึกว่า เป็นเวลาหลายปี   แต่พอทะลุผ่านแล้ว  ก็คือการเจิ้งฝ่าของจักรวาลทั้งหมด ได้ทำเสร็จแล้ว   ดังนั้นในระหว่างขั้นตอนของการทะลวงผ่าน  พวกมันก็ลงมือทำหลายอย่างกับอาจารย์  และมีผลกระทบบางอย่าง ต่อร่างกายชั้นผิวของอาจารย์   หลังวันที่ 20 กรกฎาคม ปี 99  สิ่งชั่วร้ายได้ทำเรื่องชั่วไว้มากมาย  สิ่งเหล่านี้ข้าพเจ้าจะไม่พูดมากแล้ว   สิ่งชั่วร้ายใหญ่โตเช่นนั้น อาจารย์จะต้องขจัดทิ้ง  กรรมของผู้ฝึกมากมาย อาจารย์ต้องแบกรับ   ดังนั้นจึงต้องเป็นผลร้ายต่อร่างกายชั้นผิวอย่างแน่นอน

 

ผู้ฝึกถามเพื่อช่วยลดความทุกข์ทรมานของญาติ ที่เข้าคุกเพราะฝึกพลัง ให้น้อยลง  จึงได้ส่งของขวัญให้กับหัวหน้าคุก  เรื่องนี้  จะมองอย่างไรดี

อาจารย์       ไม่อาจพูดว่าเป็นความผิดมากมายอะไร  ท่านพยายามทำให้ถูกต้องสักหน่อย  ทำให้ดีสักหน่อย  หากพวกท่านสามารถอธิบายความจริงกับหัวหน้าคุกได้ดี  โดยผ่านเจิ้งเนี่ยนที่เข้มแข็งมากแล้ว  นั่นยังจะดีกว่าท่านส่งของขวัญมากนัก  ก็พูดได้อย่างนี้  ในสภาพแวดล้อมเช่นนั้นท่านไปทำอย่างนี้  ท่านมีเจิ้งเนียนเข้มแข็งมากหรือเปล่าละ   ท่านสามารถที่จะมีเจิ้งเนี่ยนที่เข้มแข็งเช่นนั้น  ภายใต้แรงกดดันของสิ่งชั่วร้ายได้หรือไม่  นี่ก็คือปัญหาใหญ่ ที่ยากมาก    แต่ในทางกลับกัน ลองคิดดู  ประวัติศาสตร์ของมนุษย์นั้น มิได้เริ่มขึ้นเพื่อวันนี้หรอกหรือ   ศิษย์ต้าฝ่าจะสำเร็จในสิ่งต่างๆได้นั้น  มิใช่จะต้องก้าวออกมาจากตรงนี้หรือ  ฉะนั้นการที่จะเปลี่ยนจากคนกลายเป็นเทพ  มิใช่ต้องก้าวออกมาอย่างนี้หรือ(เสียงปรบมือ)

 

ผู้ฝึกถามดิฉันขอเป็นตัวแทน ของศิษย์ต้าฝ่าทั้งหมด 8 กลุ่มใหญ่ ของสถานกักกันหญิง มณฑลเหลียวหนิง กล่าวสวัสดีท่านอาจารย์

อาจารย์   ขอบใจทุกท่าน  ดูเหมือนศิษย์ต้าฝ่า จะเป็น “8กลุ่มใหญ่” ของสถานกักกันนั้นหรือไร  ควรพูดว่าคือ “ ศิษย์ต้าฝ่า 8 กลุ่มใหญ่ที่ถูกประทุษร้าย”  ไม่ใช่ “8 กลุ่มใหญ่”ของพวกเรา   ศิษย์ต้าฝ่าไม่ยอมรับการจัดวางทั้งหมดของอิทธิพลเก่า  ยิ่งไม่ยอมรับการประทุษร้ายของพรรคมาร

 

ผู้ฝึกถามปีนี้ เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน เห็นพวกเธอ  ศิษย์ต้าฝ่า 10 คนร่วมกันประกาศว่า จะยืนหยัดบำเพ็ญต้าฝ่า ติดตามท่านอาจารย์ไปจนถึงที่สุด  ขอให้ท่านอาจารย์วางใจ

อาจารย์ถ้าหากคำพูดนี้  พูดเมื่อ 3-4 ปีก่อน  ข้าพเจ้ายังวางใจไม่ได้จริงๆ   ตอนนี้ข้าพเจ้าวางใจ (เสียงปรบมือ) ในเวลานั้นศิษย์ต้าฝ่า จะสามารถก้าวข้ามมาได้หรือไม่ ในท่ามกลางการประทุษร้าย  จะมีสักกี่คนที่ก้าวข้ามมาได้ ล้วนแต่เป็นตัวเลขที่ไม่อาจรู้ได้   แม้ว่าจะมีเทพคุ้มครอง มีอาจารย์ดูแลอยู่  ศิษย์ต้าฝ่าที่กำลังถูกประทุษร้าย จะสามารถเป็นเหมือนเทพที่มีเจิ้งเนี่ยน เจิ้งสิงได้หรือไม่   จะสามารถก้าวออกมาจากในนั้นได้  ต้องอาศัยการยืนหยัดในเจิ้งเนี่ยน ของตนเอง   ศรัทธามั่นคงต่อต้าฝ่า  อาจารย์สามารถแบกรับความทุกข์ทรมานแทนท่าน  กระทั่งความเจ็บปวดของท่าน  ข้าพเจ้าล้วนสามารถแบกรับแทนท่านได้   แต่ภายใต้แรงกดดันที่รุนแรงเช่นนี้  ท่านสามารถจัดวางใจของท่านให้ถูกต้องได้หรือไม่   ท่านทำตัวเหมือนเทพ หรือท่านยังทำตัวเหมือนคน  เจิ้งเนี่ยน ของท่านพอหรือไม่  นี่ล้วนแต่ต้องอาศัยตัวท่านเอง

 

ผู้ฝึกถามเรียนถามท่านอาจารย์  ความแตกต่างระหว่างระดับชั้นของผู้ฝึก มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น  ผู้ฝึกบางคน อยู่ในการรบกวนของกรรมแห่งโรคซ้ำแล้วซ้ำเล่า  เป็นเวลานานแล้วก็ยังทะลวงออกมาไม่ได้   พวกเราจะยกระดับพร้อมกันให้ดียิ่งขึ้นได้อย่างไร

อาจารย์ปัญหานี้ข้าพเจ้าเคยพูดหลายครั้งแล้ว  ผู้ฝึกมากมายต่างก็เข้าใจได้จริงๆ    เมื่อผู้ฝึกเกิดกรรมแห่งโรคขึ้นมาอย่างหนัก  มันไม่ใช่อะไรมากไปกว่า  เพื่อจุดประสงค์ 2 ประการ   หนึ่งคือ ให้เขาเกิดสภาพเช่นนี้  แล้วดูซิว่า  คนรอบข้างจะมองอย่างไร   ดูว่าใจท่านเคลื่อนไหวอย่างไร  ดูว่าใจท่านจะหวั่นไหวไหม  ไม่ใช่ปัญหานี้อย่างนี้หรือ   ถ้าทุกท่านต่างหวั่นไหว  โอ้  เขาบำเพ็ญได้ดีถึงอย่างนั้น  ทำไมเขาจึงเป็นเช่นนี้ไปได้  จิตยึดติด(ของคนอื่นๆ)ก็ขึ้นมาแล้ว  จิตของคนล้วนขึ้นมาแล้ว  บางคนกำลังคิดว่า  เขาเป็นอย่างนี้ไปแล้ว  งั้นฉันจะไหวหรือเปล่านะ  จิตต่างๆของคนล้วนฟื้นกลับมาแล้ว   เช่นนั้นอิทธิพลเก่าก็จะพูดว่า เรื่องนี้ ฉันทำถูกแล้วใช่ไหมละ  ฉันทำให้กรรมแห่งโรคของเขาหนักอย่างนี้  เพื่อเป้าหมายที่จะทดสอบว่า พวกเขานั้นมีเจิ้งเนี่ยน หรือ มีจิตแบบของคน   พวกเราทำถูกแล้วมิใช่หรือ   ท่านดูศิษย์ของท่านจิตเหล่านี้ของคน ออกมาหมดแล้วไหมละ   มีจิตของคนกลับออกมามากมายเช่นนี้   ก็ต้องเจาะจงทำ ต่อจิตเหล่านี้ของคน  ด้วยเหตุนี้จึงเพิ่มกรรมแห่งโรคของผู้ฝึกคนนั้น  ดูซิว่าพวกท่านยังจะบำเพ็ญหรือไม่

เมื่อเกิดปัญหาอะไรขึ้นมา ใจทุกท่านล้วนไม่หวั่นไหว  ผู้ฝึกแต่ละคน นอกจากผู้ที่ปฏิบัติตนเป็นศิษย์ต้าฝ่า ข้าพเจ้าสามารถช่วยท่านได้  ก็จะช่วย    ไม่มีอะไรที่น่าหวั่นไหว  ถ้าข้าพเจ้าช่วยท่านไม่ได้ท่านก็ต้องปฏิบัติต่อปัญหานี้ด้วยเจิ้งเนี่ยน  ควรทำอะไรก็ให้ทำอะไร   ไม่ใช้จิตของคนไปยึดติด   ไม่เพิ่มปัญหาเหล่านี้ให้เพิ่มลึกลงไป ในความนึกคิด   จัดวางความสัมพันธ์ให้ถูกต้อง  ไม่ให้ความสำคัญกับมันจนเกินไป  ใจสงบนิ่งได้  เมื่ออิทธิพลเก่ารู้สึกว่าไม่มีความหมายแล้ว  คนเหล่านี้ใจไม่หวั่นไหว  คนเหล่านี้ล้วนใจไม่หวั่นไหว  แล้วนี่จะมีความหมายอะไรอีกละ  ไม่ยุ่งด้วยแล้ว   กรรมแห่งโรคของเขาก็จะหายในทันที  นี่เป็นสภาพการณ์อย่างหนึ่ง 

ยังมีอีกจุดประสงค์หนึ่ง  ก็คือ ตัวของเขาเอง   คนที่เกิดกรรมแห่งโรคนั้น    ตัวเองบำเพ็ญเป็นอย่างไร  เขาสามารถก้าวข้ามมาภายใต้สถานการณ์เช่นนี้  ด้วยเจิ้งเนี่ยนที่เข้มแข็งอย่างนั้นได้ไหม  ปฏิบัติตนเป็นดังเช่นเทพ  ไม่ใส่ใจอะไรอย่างแท้จริงกับมัน   วันนี้ข้าพเจ้าดูข่าวในหมิงฮุ่ย  มีผู้ฝึกคนหนึ่ง ขาถูกตีจนกระดูกหักเป็นท่อนๆ  ยังไม่ทันได้ต่อกระดูกให้(หมอ)ก็เข้าเฝือกให้เขา  ผู้ฝึกคนนี้ไม่คิดว่าตนเองจะต้องพิการ  ไม่ใส่ใจจริงๆ  ทุกวันก็ศึกษาฝ่า เจิ้งเนี่ยน มากพอ   เมื่อสามารถนั่งขึ้นมาได้หน่อยก็เริ่มฝึกพลัง  ที่หมอบอกเธอว่า กระดูกหักนั้น ไม่ถูกต้อง แล้วเข้าเฝือกให้  นี่ล้วนเป็นสิ่งที่โรงพยาบาลในคุกทำกัน  ฉันต้องนั่งขัดสมาธิฝึกพลัง  ถึงปวดเหลือเกิน ก็ยังยืนหยัดได้  ต่อมานั่งขัดสมาธิก็ไม่เจ็บแล้ว  ผลลัพธ์กลับดีแล้ว  ปัจจุบันทั้งกระโดดโลดเต้น  ไม่เป็นอะไรแล้ว  เหมือนกับคนปกติอย่างไรอย่างนั้น(เสียงปรบมือพวกท่านนั้นใครที่สามารถเป็นเช่นนี้ได้อิทธิพลเก่าก็จะไม่กล้าแตะต้องเขา   ใครที่สามารถเป็นเช่นนี้  ผู้นั้นก็จะสามารถก้าวข้ามมาในขณะที่ผ่านด่าน   อะไรที่เรียกว่าเจิ้งเนี่ยนละ  นี่ก็คือเจิ้งเนี่ยนไงละ

 

ผู้ฝึกถามมีเพื่อผู้ฝึกพูดว่า “จิ่วผิง” มีพลังของฝ่าอยู่  นี่จริงหรือไม่

อาจารย์จริง “จิ่วผิง” นี่นะ ทุกท่านทราบว่าการอธิบายความจริงเอย  การช่วยเหลือสรรพชีวิตเอย  การดับสลายวิญญาณชั่วพรรคมารเอย  นี่ล้วนไม่ใช่สิ่งที่ต้องทำ  ในระหว่างการยืนยันความถูกต้องให้ฝ่าของศิษย์ต้าฝ่า กับการเจิ้งฝ่าของต้าฝ่า  แน่ละย่อมมีพลังของฝ่าอยู่   แต่พวกท่านอย่าไปศึกษาในฐานะที่เป็นหลักธรรม(ที่ประชุมหัวเราะให้ท่านศึกษาโดยถือเป็นเอกสารเพื่อทำความเข้าใจพรรคชั่วก็พอแล้ว  แต่มีหลายคน ที่ยังเลอะเลือนในด้านนี้ ก็ให้อ่านมากหน่อย จะมีประโยชน์  ก็เป็นอย่างนี้

 

ผู้ฝึกถามชาวจีนหลายคนที่มาจากในประเทศจีน  มีความเห็นอกเห็นใจและสนับสนุนฝ่าหลุนกงอย่างมาก แต่กลับไม่คิดจะลาออกอย่างจริงจัง  จะทำอย่างไรจึงจะช่วยพวกเขาให้ได้ผลดียิ่งขึ้น  นอกเหนือจากการให้ จิ่วผิง แก่พวกเขา

อาจารย์มีหลายคนนั้นไม่ไหวแล้ว  เมื่อครู่ข้าพเจ้าเพิ่งพูดไปประโยคหนึ่งว่า  ถ้าหากพวกท่านสามารถช่วยคนได้สักครึ่งหนึ่ง ก็นับเป็นการสร้างผลงานที่ยิ่งใหญ่แล้ว  หรือพูดว่า  มีคนมากมายซึ่งพวกท่านช่วยไม่ได้แล้ว  มีคนมากมายไม่อาจได้รับความช่วยเหลือแล้ว  นี่ก็เป็นเรื่องจริง  แต่ไม่ควรเป็นเพราะว่า คนที่ไม่อาจได้รับความช่วยเหลือ  ท่านก็ไม่ไปทำเรื่องช่วยเหลือคนอีก  ยังต้องทำต่อไป และเรื่องนี้ยังไม่ถึงที่สุด  จึงไม่อาจสรุป  กล่าวสำหรับแต่ละชีวิต  เขายังจะมีโอกาสหรือไม่  นี่ยังไม่แน่นอน  ตามการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ เขาก็อาจเปลี่ยนตามไปด้วย  ขณะนี้เป็นเพียงขั้นตอนที่แสดงออกมา

 

ผู้ฝึกถามเนื่องจากศิษย์มีจิตยึดติด  ถูกอิทธิพลเก่า วิญญาณชั่วพรรคมารเจาะช่องว่าง ตกหล่นไปจากกลุ่มนาน 1-2 ปี อิทธิพลเก่าทำให้การฝึกพลังของผมไม่เกิดประโยชน์   ผมพยายามยืนหยัดตลอดมา  ผมคิดจะอาศัยการศึกษาฝ่า ฝึกพลัง  ทำสามเรื่องที่อาจารย์มอบหมายให้ดี  ติดตามอาจารย์ เจิ้งฝ่าอย่างเต็มกำลัง  ผมต้องสามารถยืนหยัดข้ามมาได้

อาจารย์ถูกต้อง  นี่ถูกต้องแล้ว  เจิ้งเนี่ยนนั้น ไม่เพียงหยุดอยู่แค่ที่ปากเท่านั้น  เจิ้งเนี่ยน เจิ้งสิง ก้าวรุดหน้าไปจึงจะถูก  ตกหล่นไปจากกลุ่ม 1-2 ปี เป็นเวลาไม่ใช่น้อยนะ  ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม การประทุษร้าย ยังไม่สิ้นสุด  ผู้ที่ไม่ก้าวออกมาหรือ ตามไม่ทันการรุดหน้าไป ของการเจิ้งฝ่า  เช่นนั้นขณะนี้คือโอกาส  พยายามไปทำให้ดี  ก็เป็นเช่นนี้ ต้องรีบเร่งนะ

 

ผู้ฝึกถามการอ่านจิ่วผิง ของศิษย์ที่เป็นเด็ก สำคัญหรือไม่

อาจารย์การศึกษาฝ่าสำหรับศิษย์ที่เป็นเด็กในอเมริกานั้นยังคงสำคัญ  เพราะพวกเขาไม่เคยได้รับพิษร้ายของพรรคมาร แต่ในประเทศจีนนั้น ต่างกัน  อยู่ในอเมริกาศึกษาฝ่าให้มาก ก็พอแล้ว

 

ผู้ฝึกถามศิษย์ต้าฝ่าหลายคนยึดติดมากกับเทคโนโลยีของคนธรรมดาสามัญ  เรียนถามท่านอาจารย์ จะปล่อยวางจิตยึดติดในเทคโนโลยีได้อย่างไร

อาจารย์ถ้าพูดว่าจะทำงานให้ดี  นั่นควรพูดได้ว่าไม่มีปัญหา  ถ้าหากเรื่องนี้กระทบต่อการยืนยันความถูกต้องของศิษย์ต้าฝ่า  นั่นก็จะเป็นการได้ไม่คุ้มเสีย  ก็คือท่านจะจัดความสัมพันธ์นี้ให้ดีได้อย่างไร  ในขณะที่สามารถทำงานให้ดี และก็ไม่กระทบต่อเรื่องของศิษย์ต้าฝ่า

 

ผู้ฝึกถามคำเคล็ดในหลักพลังมี คำว่า “วานรทองแยกร่าง”  นี่มีความหมายลึกซึ้งหรือไม่  เป็นการชี้ว่าศิษย์ต้าฝ่าต้องแยกแยะความสามารถของสิ่งชั่วร้ายที่แอบแฝงอยู่ ใช่หรือไม่  ศิษย์ต้าฝ่า เมืองกว่างโจวฝากสวัสดีท่านอาจารย์

อาจารย์ขอบใจทุกท่าน(เสียงปรบมืออะไรๆในต้าฝ่าล้วนไม่ธรรมดาๆ  อะไรก็มีความนัยของเขาอยู่ทั้งนั้น  อะไรๆก็อาจเป็นวิธีหนึ่งในการชี้นำ หรือบอกให้ศิษย์ต้าฝ่ารับรู้ฝ่าได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

 

ผู้ฝึกถามผู้ฝึกหลายคนเริ่มทำการค้าในระยะหลังนี้  เรียนถามท่านอาจารย์ว่า การทำเช่นนี้ จำเป็นรีบด่วนไหม  จะพิจารณาอย่างไรดี

อาจารย์ถ้าหากการดำรงชีพตามปกติมีปัญหา  ทุกท่านแก้ไขปัญหาการยังชีพได้แล้ว  นี่ไม่ควรจะเป็นปัญหา  แต่ไม่ว่าจะทำกันอย่างไร  ล้วนไม่อาจลืมว่า ตนเองเป็น ศิษย์ต้าฝ่า ทำเรื่องที่ศิษย์ต้าฝ่าควรทำ  ที่จริงปัญหานี้เป็นเรื่องง่ายมาก

 

ผู้ฝึกถามผมคิดจะนำจิงเหวินใหม่ทั้งหลายที่ท่านอาจารย์บรรยายมาฟังเอง หลังจากอัดเสียงแล้วจะได้หรือไม่    จะทำเป็นแผ่นวีซีดีให้เพื่อนผู้บำเพ็ญได้ด้วยหรือไม่

อาจารย์ไม่ได้  อัดมาฟังเองก็ไม่ได้   ปัญหานี้ข้าพเจ้าได้พูดไปหลายครั้งแล้ว  ใครก็ไม่อาจอัดเสียงตามชอบใจ  ยิ่งไม่อาจนำไปแจกจ่าย   ดังนั้น หลังจากที่ข้าพเจ้าบรรยายเสร็จ แต่ละครั้ง ข้าพเจ้าต้องจัดทำเป็นหนังสือทั้งหมด   ก็ด้วยจุดประสงค์นี้  เพราะการบรรยายที่นี่  เป็นการเจาะจงต่อผู้ฝึก ณ พื้นที่นี้  ไม่เกิดประโยชน์โดยตรงต่อพื้นที่อื่น   พอจัดทำเป็นหนังสือก็ไม่เหมือนกันแล้ว  คือจะมีลักษณะทั่วไป  ดังนั้นหนังสือของข้าพเจ้าจึงต้องมีการปรับแก้   พอหนังสือออกมา  ส่วนที่ปรับแก้กับส่วนที่บันทึกเสียง บันทึกภาพจึงไม่เหมือนกัน  จึงก่อให้เกิดการยุ่งเหยิงของฝ่า  ใครทำให้ฝ่ายุ่งเหยิง  เหล่าเทพล้วนกำลังเฝ้ามองพฤติกรรมทั้งหมดของพวกท่านอยู่   รวมทั้งการบันทึกภาพด้วย   อีกสักครู่พวกท่านต้องมอบทั้งหมดนั้นให้ที่ประชุม   ท่านทั้งหลายอย่าได้ทำเรื่องเหล่านี้   ต้องเห็นความสำคัญนะ  คนธรรมดาสามัญสร้างความยุ่งเหยิงให้ฝ่าไม่ได้  ข้าพเจ้าว่าก็คือ ศิษย์ต้าฝ่าเอง ที่ทำไม่ดีจึงก่อให้เกิดผลร้าย   บางคนพูดว่า ฉันนี่หนา(ไม่มีใครเหมือน) ใครๆก็ไม่มีการบันทึกเสียงการบรรยายธรรมของอาจารย์ที่ไหนเลย   ก็มีแต่ฉันนี่แหละที่มีส่วนหนึ่ง  เขานึกกระหยิ่มใจ    นั่นเป็นจิตใจที่ไม่ดีอย่างมาก   ใช้จิตของคนธรรมดาสามัญปฏิบัติต่อเรื่องการบำเพ็ญ  ที่แท้ก็กำลังทำความยุ่งเหยิงให้ฝ่า   ก็บ่งชี้ว่าเตรียมทำความยุ่งเหยิงให้ฝ่า   สิ่งนั้นพอเอาออกมาก็คือการสร้างความยุ่งเหยิงให้ฝ่า  แม้จะเป็นการบรรยายของอาจารย์   ทุกท่านทราบว่า   ด้วยเทคโนโลยีปัจจุบัน  ของอะไรก็สามารถทำปลอมได้หมด  บิดเบือนความจริงด้วยการหลอกลวง เปลี่ยนแปลงเนื้อหาด้วยการฉ้อฉล  การบันทึกเสียงอะไรๆ ก็สามารถตัดต่อใหม่ได้   ที่พรรคชั่วประทุษร้ายฝ่าหลุนกง ไม่ใช่ทำกันอย่างนี้หรือ  ท่านคิดว่าเรื่องอย่างนั้นจะรับประกันได้ไหม  มีเพียงการตีพิมพ์ออกมาอย่างเป็นทางการในเว็บหมิงฮุ่ย  พิมพ์ออกมาเป็นหนังสืออย่างเป็นทางการ   นี่คือมีหลักฐานที่ตรวจสอบได้  ใครก็วุ่นวายไม่ได้   ตอนนี้อิทธิพลเก่ายังไม่แตะท่าน  รอจนท่านเดินสู่การหยวนหมั่นในช่วงสุดท้าย  จะต้องขัดขวางท่านด้วยเหตุนี้อย่างแน่นอน  ถึงตอนนั้นนึกเสียใจขึ้นมา ก็ไม่ทันการณ์แล้ว

 

ผู้ฝึกถามมังกรแดงที่ของพรรคชั่วคอมมิวนิสต์จีนที่ปรากฏออกมาในมิติชั้นต่ำ  เป็นรูปลักษณ์ของมังกรทางตะวันออก หรือทางตะวันตก

อาจารย์เป็นรูปลักษณ์ของมังกรทางตะวันออก  แต่บางครั้ง จะใช้รูปลักษณ์ของมังกรแบบตะวันตกแสดงออกมา   เมื่อพูดกับชาวตะวันตก เขาก็เข้าใจได้  นี่เป็นเรื่องทางวัฒนธรรม  ไม่กระทบอะไรต่อความเป็นจริง

 

ผู้ฝึกถามผู้ฝึกหลายคนนั้น ทั้งกายใจล้วนทำงานให้ต้าฝ่า  บางคนพบกับอันตรายถึงชีวิต  นี่คงเป็นเพราะพวกเขามองข้ามการบำเพ็ญส่วนบุคคล  บางคนข้ามด่านได้ไม่ดี  แต่ก็เพราะว่าเขาเป็นผู้บำเพ็ญ  ย่อมไม่อาจข้ามด่านได้ดีทุกๆด่าน  เหตุใดต้าฝ่าไม่อาจคุ้มครองพวกเขา

อาจารย์ท่านคล้ายกับจะมุ่งถามว่า ทำไมต้าฝ่าไม่คุ้มครองพวกเขา  สภาพการณ์ของแต่ละคนล้วนสลับซับซ้อนมาก  ไม่อาจพูดได้ว่า แต่ละด่านนั้นเหมือนๆกัน ท่านแค่มีเจิ้งเนี่ยนสักหน่อยก็สามารถข้ามไปได้   บางด่านต้องใช้เจิ้งเนี่ยนอย่างมากจึงข้ามไปได้   บ้างต้องปล่อยวางจิตยึดติดต่อชีวิตจึงสามารถข้ามไปได้   อะไรคือ การบำเพ็ญ  คือการเดินไปสู่ความเป็นเทพ  อะไรๆ อาจารย์ก็แบกรับแทนท่านเสียหมดแล้ว  ไม่ว่าพบกับอันตรายอะไร ต้าฝ่าล้วนปกป้องให้หมด  บนศีรษะท่านมีร่มคันหนึ่งคุ้มครองให้งั้นหรือ   ความยากลำบากอะไรก็ไม่มี  นี่ช่างบำเพ็ญง่ายดายจัง  เช่นนั้นใครจะบำเพ็ญไม่ได้บ้างละ  ที่แท้สภาพการณ์นั้นซับซ้อนมาก   เมื่อก่อน ในประวัติศาสตร์ ผู้ฝึกบางคนเคยตกลงกับอิทธิพลเก่าไว้  เขาก็จะจากไปในเวลานี้ แล้วจะทำอย่างไรละ  ผู้ฝึกบางคน ตลอดมา ไม่ได้ทิ้งจิตยึดติดมูลฐานไป  นี่ก็คือปัญหาว่า เขาเป็นศิษย์ต้าฝ่าอย่างแท้จริงหรือไม่  คนธรรมดาสามัญก็สามารถทำเรื่องที่ศิษย์ต้าฝ่าทำได้   แต่กลับไม่สามารถปฏิบัติตนเป็น ศิษย์ต้าฝ่า   ผู้ฝึกบางคน พอถูกอิทธิพลเก่าเจาะช่องว่าง   ไม่ยอมปล่อยวางจิตยึดติด  แต่ในการข้ามด่าน อาจเป็นการข้ามด่านความเป็นความตาย แล้วจะทำอย่างไร    ผู้ฝึกบางคนถึงอายุขัยแล้ว แต่ก็ไม่ก้าวหน้า  ยังมีจำนวนน้อยมากที่ต้องจากไปก่อนก้าวหนึ่งจึงจะใช้ได้  เหล่านี้เป็นต้น  ไม่ว่าอย่างไร อย่าใช้จิตมนุษย์มาตัดสินการบำเพ็ญเลย

เมื่อครู่ข้าพเจ้ายังพูดอีกว่า  หลักการของผู้บำเพ็ญ กับของคนธรรมดาสามัญนั้นกลับกัน  คนถือว่าความสุขสบายเป็นเรื่องดี    ผู้บำเพ็ญถือ ความสุขสบายของคน เป็นเรื่องไม่ดีสำหรับการยกระดับ   กล่าวสำหรับการยกระดับ ความไม่สุขสบายเป็นเรื่องดี  (เสียงปรบมือทัศนคติมูลฐานนี้ ท่านได้เปลี่ยนแปลงแล้วหรือยัง  พอประสบกับความยากลำบากหน่อย  พบกับอะไรเข้า  ท่านก็ข้ามไม่ไหวแล้ว  สุดท้ายเมื่อสะสมจนมากเข้า ก็เป็นด่านใหญ่ด่านหนึ่ง   ด่านใหญ่นั้น ถ้าท่านไม่ปล่อยวางชีวิต ท่านก็ผ่านไปไม่ได้  แล้วจะทำอย่างไร  กระทั่งด่านที่ใหญ่  แม้ท่านปล่อยวางชีวิตได้ก็ยัง ไม่ได้ดุลย์ (ไม่พอ) อิทธิพลเก่าไม่ยอมปล่อยท่านผ่านไป  และท่านยังมีเจิ้งเนี่ยนไม่พอ  ท่านว่าจะทำอย่างไรละ  ท่านจะให้อาจารย์ทำอย่างไร   อาจารย์คุ้มครองท่านโดยไม่มีเงื่อนไข  แต่ท่านกลับไม่ก้าวหน้า  กระทั่งทำตัวเหมือนคนธรรมดาสามัญ  ท่านบอกว่าท่านเป็นศิษย์ต้าฝ่า  แต่ความคิดและการกระทำของท่าน นั้นคือคนธรรมดาสามัญคนหนึ่ง   ผู้ที่ข้าพเจ้าช่วยเหลือวันนี้ คือ ศิษย์ต้าฝ่า  ไม่อาจไปคุ้มครองคนธรรมดาสามัญคนหนึ่งโดยไม่มีเหตุผล   การเกิด แก่ เจ็บ ตาย ของคนธรรมดาสามัญนั้น เป็นกฎแห่งฟ้า  ไม่อาจทำไปโดยไร้เหตุผล   พวกท่านทราบไหมว่าวันนี้อาจารย์กำลังทำอะไร   การคุ้มครองผู้บำเพ็ญคนหนึ่งที่ไม่ได้มาตรฐานโดยไม่มีเงื่อนไข ก็เป็นการรับผิดชอบต่อท่านกระนั้นหรือ  นั่นเป็นการเจิ้งฝ่าของจักรวาลหรือ  เหตุใด ศิษย์ต้าฝ่าต้องบำเพ็ญ   เหตุใดต้องข้ามด่าน เหตุใดเจิ้งเนี่ยน ต้องเข้มแข็ง  เหตุใดต้องทนทุกข์  มีเพียงเช่นนี้จึงนับว่าเป็นการบำเพ็ญ  ที่จริงการบำเพ็ญคือการมา ทนทุกข์  ไม่ใช่มาเพื่อได้รับการคุ้มครองในโลกของคน  การศึกษาต้าฝ่า มีการคุ้มครอง  บำเพ็ญต้าฝ่าก็ต้องทนทุกข์  ผู้ฝึกบางคนพูดว่า เมื่อพบอันตรายอาจารย์ย่อมคุ้มครอง  ใช่  เวลาที่มีเจิ้งเนี่ยน เจิ้งสิง สามารถคุ้มครองได้แน่นอน 

 

ผู้ฝึกถามวันนี้ หนึ่งนาทีก่อนได้พบท่านอาจารย์ ทันใดในสมองก็มีความคิดหนึ่งผุดออกมา  “อาจารย์มาแล้ว  อยู่บนเวทีนั่น”  แล้วฉันจึงมองเห็น  ฉันตื่นเต้นจัง  หญิงชราอายุ 95 ปีที่ไม่รู้หนังสือ  วันๆท่อง “ฝ่าหลุนต้าฝ่าดี”  “เจิน ซั่น เหยิ่นดี” “อาจารย์ดี”  คิดถึงท่านอาจารย์ มาก

อาจารย์ไม่ได้กำหนด ให้ท่าทีต่อต้าฝ่าของสรรพชีวิต เข้มงวดเหมือนอย่างผู้บำเพ็ญ  เมื่อครู่ที่ข้าพเจ้าบรรยายนั้น  เข้มงวดมาก  เพราะพวกท่านเป็นผู้บำเพ็ญ   ยังรับรู้ต่อปัญหามูลฐานที่สุดเหล่านี้ ไม่กระจ่าง ข้าพเจ้าจึงต้องบอกทุกท่านอย่างจริงจัง    กล่าวสำหรับคนธรรมดาสามัญ ไม่จำเป็นต้องเป็นอย่างนี้  พวกเขาเป็นเพียงชีวิตที่น่าเวทนา  ควรได้รับการช่วยเหลือ  หากท่านคิดจะช่วยเหลือคนอื่น  ตัวท่านเองทำได้ไม่ดี ก็ใช้ไม่ได้  หาไม่แล้วก็ช่วยคนอื่นไม่ได้  กระทั่งช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ด้วย

 

ผู้ฝึกถามศิษย์ต้าฝ่าภาคตะวันตกรู้สึกขอบคุณท่านอาจารย์มากที่มาฝ่าฮุ่ยบรรยายธรรมด้วยตนเอง                                           

อาจารย์ขอบใจทุกท่าน

 

ผู้ฝึกถามผู้ฝึกที่เคยไปนิวยอร์ก รู้สึกว่า ท่วงทำนองการพัฒนากิจกรรม การยืนยันความถูกต้องของศิษย์แคลิฟอร์เนีย ไม่เร็วพอ  แต่ศิษย์แคลิฟอร์เนีย มีความสามารถมาก  เงื่อนไขเศรษฐกิจดี  ควรทำอย่างไรให้ ศิษย์ต้าฝ่าฝั่งตะวันตกสามารถแสดงจุดเด่นของพวกเขาออกมา  ในการยืนยันความถูกต้อง ให้ได้ประโยชน์มากยิ่งขึ้น

อาจารย์ก็คือที่เมื่อครู่ผู้ฝึกถามขึ้นมาเรื่องขโมยหนังสือพิมพ์อะไรนั่น  ยังมีอิทธิพลของสิ่งชั่วร้าย แรงมาก  บางคนให้ร้ายฝ่า  ข้าพเจ้ายังเห็น ที่ถนนถังเหริน ที่ตรงนั้นมีช่องโหว่ของการอธิบายความจริง ยืนยันความถูกต้องของพวกท่าน  แต่มันกลับสำคัญที่สุด  เป็นที่ที่สำคัญที่สุดของพวกท่านทางฝั่งตะวันตก   โดยพื้นฐานพวกท่านไม่ได้ให้ความสำคัญกับที่นั่น  ข้าพเจ้าวนไปมาที่นั่น หาหนังสือพิมพ์ต้าจี้หยวนไม่พบสักฉบับ  ดังนั้นเรื่องเหล่านี้หนา  ทุกท่านต้องเข้าใจว่า ศิษย์ต้าฝ่ากำลังทำอะไรอยู่

 

ผู้ฝึกถาม  แต่ละครั้งที่ผู้นำระดับสูงของประเทศจีนไปเยือนประเทศอื่น  คือโอกาสที่ดีของการอธิบายความจริงของพวกเรา

อาจารย์ใช่   ศิษย์ต้าฝ่า ทำไปตามเงื่อนไข ทำไปตามสถานการณ์ในขณะนั้น

 

ผู้ฝึกถามเวลาที่เจ้าหน้าที่ของจีนเยือนอเมริกานั้น พวกเราจะยึดกุมมาตรฐานอย่างไรในการฟ้องร้อง พวกเขา

อาจารย์สำหรับผู้ที่ประทุษร้ายฝ่าหลุนกงอย่างร้ายแรง  และยังไม่สำนึกกลับใจ   เมื่อมีหลักฐานก็ทำได้(ฟ้องที่จริงการฟ้องร้องคนเหล่านี้ไม่ใช่เป้าหมาย  การฟ้องร้องคนเหล่านี้ คือการบอกให้พวกเขาเข้าใจว่า ไม่ใช่ว่า การทำเรื่องชั่ว พอจบแล้วก็จะจบกัน  แต่จะต้องคิดบัญชี  การประทุษร้ายของพวกชั่วร้ายจะต้องยุติ  บอกให้เขาเข้าใจว่าอย่าร่วมการประทุษร้าย  จุดนี้ทุกท่านต้องแจ่มชัด

 

ผู้ฝึกถามเรียนเชิญท่านอาจารย์พูดถึงการช่วยเหลือเด็กกำพร้า

อาจารย์เรื่องการช่วยเหลือเด็กกำพร้า  อย่าทำในหมู่ศิษย์ต้าฝ่า  เพราะเรื่องนี้จะให้รัฐบาลสหรัฐออกหน้า  และอย่าสิ้นเปลืองกำลังมากเกินไป   การช่วยเหลือเด็กกำพร้า  เป็นเรื่องหนึ่ง ในบรรดาเรื่อง การอธิบายความจริง  ยับยั้งการประทุษร้าย  ช่วยเหลือสรรพชีวิต  หาใช่เรื่องใหญ่ที่สุด  ขณะนี้มีผู้ฝึกบางคนกำลังทำร่วมกับรัฐบาลสหรัฐ

 

ผู้ฝึกถามระยะหลังนี้มีคนเผยแพร่บทความของสมาคมพุทธศาสนา ประเทศจีน วิพากษ์วิจารณ์  ใส่ร้ายป้ายสีต้าฝ่า  ไม่ทราบว่า ควรทำเรื่องนี้ให้ดีหน่อยได้อย่างไร

อาจารย์ สำหรับคนพวกนี้ต้อง ปฏิบัติต่อเขาโดยใช้วิธีการต่างๆกัน  ก่อนอื่นให้ฟาเจิ้งเนี่ยน ขจัดสิ่งชั่วร้ายที่อยู่ข้างหลังมัน  คนเหล่านั้นในพุทธศาสนา ที่ขัดแย้งกับต้าฝ่า ก็มีองค์ประกอบของสิ่งชั่วร้ายควบคุมอยู่  ในพุทธศาสนามีมารจำนวนหนึ่งกลับชาติมาเกิด  แล้วเข้าร่วมการประทุษร้าย   ก่อให้เกิดผลที่เลวร้ายมาก  ต่อไปต้องขจัดทิ้ง  สกัดกั้นมันโดยตรง   ก่อนอื่นต้องพูดอย่างจริงจัง  แล้วค่อยไปพิสูจน์ยืนยัน ปัญหาเรื่องราว

 

ผู้ฝึกถามในฐานะแพทย์คนหนึ่ง  จะทำอย่างไรดีกับการเรียกร้องให้ช่วยทำแท้ง   จะสามารถทำให้คนธรรมดาสามัญได้หรือไม่

อาจารย์ข้าพเจ้าได้พูดอย่างชัดเจนใน จ้วนฝ่าหลุน แล้ว  เป็นการฆ่าชีวิต

 

ผู้ฝึกถามทำอย่างไรให้ลักษณะกระตือรือล้น  มีความคิดริเริ่มของผู้ฝึกก่อประโยชน์ขึ้นมาได้   เป็นเวลาที่ยาวนานช่วงหนึ่งแล้วที่ผู้ฝึกค่อนข้างมาก  ยังพึ่งพาอาศัยผู้รับผิดชอบ  ผู้ฝึกสอนเป็นสำคัญ   ในการจัดตั้งและเข้าร่วมการยืนยันความถูกต้อง  ลักษณะพึงพาค่อนข้างสูง

อาจารย์ใช่  เมื่อข้าพเจ้าอ่านคำถามนี้ออกมา  โดยตัวมันเองแล้ว  ผู้ฝึกก็ควรเข้าใจแล้วว่า   ศิษย์ต้าฝ่า ต้องเดินบนทางของตนเอง  แต่ละคนต่างต้องริเริ่มแสดงบทบาทของตนเองออกมา   ไปหาเรื่องทำ  หาคนที่ท่านต้องช่วยเหลือ  ไปช่วยเขา  ไม่อาจพึ่งพาผู้รับผิดชอบ ให้คอยบอกว่า ท่านควรทำอย่างไร  ขณะนี้หากไม่มีกิจกรรมใหญ่  ผู้รับผิดชอบก็จะไม่ไปจัดตั้ง   นอกจากนั้นแล้ว  เวลาที่เหลือท่านก็ไม่ยืนยันความถูกต้องให้ฝ่าแล้วหรือ  ดังนั้นเวลาที่มากกว่านั้น  เป็นเวลาที่ศิษย์ต้าฝ่าต้องทำด้วยตัวเอง

 

ผู้ฝึกถามเรียนถามหลังจากพรรคชั่วตกเวทีไปแล้ว  ชาวจีนยังมีโอกาสประกาศชื่อลาออก หรือไม่

อาจารย์พรรคชั่วล้มไปแล้วค่อยลาออก  ยังนับเป็นอะไรได้อีกละ  ที่จริงในขณะนี้เป็นเวลาที่ชีวิตจะจัดวางตำแหน่ง  พอพรรคมารล้มแล้วยังจะมีโอกาสอะไรละ

 

ผู้ฝึกถามขณะนี้หนังสือพิมพ์ต้าจี้หยวน เกือบจะหยุดตีพิมพ์ จิ่วผิงแล้ว  ใช่หรือไม่ว่าต้าจี้หยวน ภาษาจีน  ภาษาอังกฤษ      ควรเห็นความสำคัญในการตีพิมพ์จิ่วผิง  ศิษย์ต้าฝ่า ลอสแองเจลลิส ฝากสวัสดีท่านอาจารย์

อาจารย์เรื่องนี้หนังสือพิมพ์ต้าจี้หยวนควรเห็นความสำคัญ  เหมือนกับซินถังเหริน  ออกอากาศอย่างต่อเนื่อง  ทำอย่างต่อเนื่อง จิ่วผิงกำลังช่วยเหลือคน  พวกท่านเพียงทำไป  ไม่มีใครที่จะเบื่อหน่ายหรอก

ผู้ฝึกถามจิ่วผิงตีพิมพ์มาจนถึงวันนี้  แต่ยังคงมีผู้ฝึกเก่าบางคน  ไม่สามารถสลัดหลุดจากเปลือกของวิญญาณชั่ว  กระทั่งเข้าใจว่าเมื่อก่อนขณะที่พรรคมารกำลังช่วงชิงอำนาจทางการเมืองนั้น  มันยังดีอยู่  ต่อมาจึงเปลี่ยนเป็นชั่วร้าย

อาจารย์ในช่วงที่แย่งชิงอำนาจทางการเมืองนั้น  ใน “จิ่วผิง”ก็ได้เปิดโปง ประวัติศาสตร์ ของพรรคชั่วจนหมดแล้ว  ในประวัติศาสตร์ เพื่อผลประโยชน์ของพรรคชั่วเอง  สำหรับผู้ที่ไม่เข้าใจความจริงดีสักหน่อย  นั่นก็คือการแสร้งทำ  เป้าหมายคือบอกให้คนเข้าร่วมกับมันมากยิ่งขึ้น  เมื่อตอนที่มันก่อตั้งขึ้นใน “คอมมูนปารีส”นั้น  คือการก่อกบฏของพวกอันธพาล   ในปีที่ก่อกบฏ “คอมมูนปารีส”  มันได้ทำลายวัฒนธรรมอันรุ่งโรจน์ ที่เทพต้องการเหลือไว้ให้กับคนในอารยธรรมครั้งนี้  พวกท่านได้เห็นงานปฏิมากรรมที่มีอยู่เต็มถนนในกรุงปารีส  และภาพวาดที่เก็บรักษาเอาไว้แล้วใช่ไหม  ข้าพเจ้าขอบอกพวกท่าน  นั่นยังไม่ถึง 1 ใน 10 ของที่มีในนครปารีส  โบราณวัตถุทางวัฒนธรรมมากมาย  กับสุดยอดงานศิลปะนั้น ถูก “คอมมูนปารีส” ทำลายไปแล้ว  พลังทำลายล้างนั้นรุนแรงมาก  ผลงานทางศิลปะทั่วปารีสในเวลานั้น เทพต่างพากันชื่นชม  เมืองที่งดงามเช่นนั้นก็ถูกทำลายไปแล้ว

 

ผู้ฝึกถามการบำเพ็ญของพวกเราในปัจจุบัน คือการบำเพ็ญเพื่อผู้อื่น บำเพ็ญเพื่อช่วยเหลือสรรพชีวิต  วิธีพูดอย่างนี้ถูกหรือไม่

อาจารย์ไม่ถูก   เป็นการบำเพ็ญเพื่อตัวท่านเอง   การช่วยเหลือสรรพชีวิตของท่านนั้น รวมเข้าไว้ในการบำเพ็ญของท่านเอง  และมีเป้าหมาย คือการหยวนหมั่นโลกของตัวเอง   เมื่อก่อนข้าพเจ้าเคยพูดไว้ว่า  มีคนมากมายบรรลุถึงเขตแดนของการหยวนหมั่นแล้วนั้น  ข้าพเจ้าไม่ได้พูดไปเรื่อยเปื่อย  ในเวลานั้นร้อยละเก้าสิบของผู้ฝึกล้วนถูกผลักไปถึงตำแหน่งแล้ว   และตำแหน่งของศิษย์ต้าฝ่านั้นไม่ใช่เล็กๆเลย  ไม่ใช่มรรคผลโดยทั่วไป  มรรคผลนี้ไม่อาจได้มาโดยอาศัยการบำเพ็ญส่วนตัว    ผู้บำเพ็ญโดยทั่วไป ใน 8 ชาติ 10 ชาติ  ร้อยชาติก็บำเพ็ญไม่ได้สูงเพียงนั้น  (เสียงปรบมือก็เพราะว่า ข้อที่หนึ่ง  ท่านเป็นชีวิตที่ต้าฝ่าให้การช่วยเหลือ  ข้อสอง ท่านเป็นศิษย์ต้าฝ่าในยุคเจิ้งฝ่าของจักรวาล  ข้อสามท่านมีภารกิจที่ยิ่งใหญ่ในการช่วยเหลือสรรพชีวิต   และชีวิตที่ได้รับการช่วยเหลือก็ไม่ใช่ธรรมดา  สรรพชีวิตมากมาย ยังมาจากระดับชั้นสูง  ศิษย์ต้าฝ่าจึงมีภารกิจที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้  ท่านจึงจะสามารถบำเพ็ญได้สูงเพียงนั้น  ประจักษ์แจ้งในมรรคผลที่ยิ่งใหญ่เช่นนั้น  ท่านจึงจะมีความสำเร็จอันรุ่งโรจน์เกรียงไกร (เสียงปรบมือ)

 

ผู้ฝึกถามสามีของดิฉันเป็นชาวตะวันตก  ไม่ได้บำเพ็ญต้าฝ่า  หลายปีมานี้ในการเจิ้งฝ่า เขาอดทนอย่างมาก  แต่ไม่เข้าใจเรื่องทั้งหลายที่ดิฉันทำไป  ขณะนี้เรียกร้องจะหย่าขาดจากดิฉัน  ศิษย์ก็เพียรพูดแนะนำเขา  แต่ไม่เกิดประโยชน์   ศิษย์บำเพ็ญบกพร่องทางด้านไหนจึงได้เกิดเรื่องขึ้น

อาจารย์เรื่องเหล่านี้หนา  อาจารย์ได้แต่เพียงยกตัวอย่างให้ฟังสักหน่อย  แต่ว่าพอข้าพเจ้ายกตัวอย่างแล้ว  พวกท่านก็มักจะคิดว่าพูดถึงตัวเอง  อาทิเช่นพูดถึงครอบครัวเอย  ความผูกพันระหว่างสามีภรรยาเอย  ยังมีเรื่องต่างๆอีกมากมาย  เคยใช้ฝ่ามาตัดสินหรือไม่    พวกท่านปฏิบัติต่อเขาเหมือนกับที่เมตตาสรรพชีวิตหรือเปล่า   ถ้าเป็นเช่นนี้ได้จริง   ก็อาจจะไม่เป็นสภาพการณ์อย่างเช่นในขณะนี้   ถ้าหาก เมื่ออยู่ในบ้านพวกท่านแสดงออกมาเป็นคนธรรมดาสามัญทั้งหมด   ก็อาจจะพบกับเรื่องอย่างนี้  เรื่องราวใดๆล้วนไม่ใช่ง่ายๆ    หากสามารถปล่อยวางจิตยึดติดของตนเองได้จริง  จิตยึดติดก็ส่งผลกระทบต่อท่านไม่ได้  ความขัดแย้งก็จะมลายไปดังเมฆหมอก

 

ผู้ฝึกถามบางคนรู้สึกฮึกเหิมทะเยอทะยานมากกับกิจกรรมของต้าฝ่า  กระทั่งไปที่ไหนก็จะพูดว่าต้าฝ่าดี  แต่คนธรรมดาสามัญจำนวนมากที่รู้จักเขากลับรู้สึกต่อต้านต้าฝ่า  หลายปีมานี้ ผู้ฝึกพยายามช่วยเหลือเขา  แต่ไม่เกิดผลเลย   จิตโอ้อวด จิตต่อสู้  จิตละโมบ  โอ้อวดความสามารถ  และเวลาฝึกพลังหรือฟาเจิ้งเนี่ยนของเขาก็ทำตัวแปลกๆ   กระทั่งมีคนธรรมดาสามัญถามว่า   ทำไมพวกท่านยอมให้เขาเป็นสมาชิกคนหนึ่งของพวกท่าน

อาจารย์ในหมู่ผู้ฝึกนั้น มีคนเช่นนี้    เวลายิ่งผ่านไปสู่จุดสุดท้าย   ก็ควรมีสติสัมปชัญญะขึ้นมาได้แล้ว แต่ว่าก็ยังทำไม่ได้   เขาก็ ฮึกเหิมทะเยอทะยานในความสามารถเล็กๆน้อยๆของเขานั้น    เอาแต่ยึดอยู่กับสิ่งเล็กๆน้อยๆนั้น ก็ยกระดับไม่ได้   เมื่อครู่ข้าพเจ้าพูดไปแล้วว่า มรรคผลของศิษย์ต้าฝ่าสูงเพียงไร   ผู้ฝึกหลายคนต่างสามารถเข้าใจซาบซึ้งได้    เขากลับยึดติดอยู่กับสิ่งเล็กน้อยที่เขามองเห็นนั้น ก็ก้าวหน้าไปไม่ได้  และยังหลงระเริงตัว  จิตอันนี้ เป็นการยึดติดอย่างมากที่สุด(ใหญ่ที่สุด)   ถูกองค์ประกอบต่างๆนานา ส่งผลกระทบเสียจนสติสัมปชัญญะไม่แจ่มชัด  เขายังรู้สึกว่าเขามีสติสัมปชัญญะอย่างมาก

 

ผู้ฝึกถามท่านเคยพูดว่า   ในเวลาที่ศิษย์ต้าฝ่า ร่วมมือกันเป็นหนึ่งเดียว  พลังของฝ่าจะแสดงออกมายิ่งใหญ่มาก  แต่ผู้ฝึกบางคนนั้น  พอมีใครที่มีความเห็นต่างออกไป   ก็จะพูดเอะอะถึงฝ่ายตรงข้ามในที่สาธารณะ  ทำให้คนธรรมดาสามัญหันมามุงดู  ผู้ฝึกบางคนบอกว่า อย่างนี้ส่งผลกระทบที่ไม่ดี

อาจารย์ข้าพเจ้าขอมองปัญหานี้เป็นสองด้าน  ผู้ฝึกกลัวคนจะมุงดู  มีจิตยึดติดในหน้าตา  จึงอาจเป็นไปได้ว่า  เป็นการยืมปากของเขาในตอนนั้น ยั่วยุให้เกิดเรื่องยุ่งยาก ให้คนมุงดู    บอกให้ท่านมองดูใจตนเอง  การบำเพ็ญใช่ไหม  ย่อมจะใช้วิธีการต่างๆ ทำให้จิตยึดติดของท่านสะท้อนออกมา   แน่ละเมื่อตัวเองไม่สามารถรับรู้ ก็จะพูดว่า ส่งผลกระทบที่ไม่ดี  บางทีคนธรรมดาสามัญเหล่านั้น ก็มองไม่เห็นอะไรเลย  ไม่ได้ยินอะไร  กระทั่งเลอะๆเลือนๆ    นี่คือด้านหนึ่ง   ยังมีอีกด้านหนึ่ง  ผู้ฝึกบางคนไม่ได้ใคร่ครวญถึงผลกระทบต่อต้าฝ่าเลยจริงๆ  อยู่ในที่สาธารณะใดๆ ไม่เคยห่วงใยในภาพลักษณ์ของต้าฝ่า   เห็นแต่ความสำคัญของตัวเอง  ถือความคิดเห็นของตนเป็นใหญ่   นี่คือจิตยึดติดอย่างแรงมากใช่หรือไม่   ใครที่กำลังมุดเขาควายอยู่ย่อมมองไม่เห็นจิตยึดติดของตนเอง    นี่ก็คือ ถูกมาร  ถูกสิ่งชั่วร้ายเจาะช่องว่างแล้ว  จิตยึดติดถูกขยายใหญ่  ใหญ่ยิ่งขึ้น    ดังนั้นในสมองจึงรู้สึกแต่ว่าตัวเองถูก   ยิ่งรู้สึกว่าตนเองควรทำอย่างไร    จิตใดๆของคน สามารถจะถูกมารขยายให้ใหญ่ขึ้นมาได้     ในเวลานั้นไม่มีสติจริงๆ   แต่ว่า เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดเรื่องแบบนี้   ข้าพเจ้าขอบอกทุกท่าน  พึงระวังภาพลักษณ์ของศิษย์ต้าฝ่า   หากเป็นอย่างนี้ท่านจะช่วยเหลือคนได้อย่างไร   เจิ้งเนี่ยนต้องเข้มแข็ง  อย่าถูกสิ่งชั่วร้ายเจาะช่องว่างอยู่อย่างนี้ เรื่อยไป

 

ผู้ฝึกถามท่านอาจารย์จะกรุณา เปิดความสว่างทางปัญญา เรื่อง “ร่วมใจมาสู่โลก   ได้ฝ่าต้องมาก่อน”ให้เหล่าศิษย์ ได้หรือไม่

อาจารย์ผู้ฝึกบางคนบำเพ็ญได้ดี  ได้รับฝ่าก่อนแล้วจริงๆ  จากนั้นสามารถมีเจิ้งเนี่ยน เจิ้งสิง  อยู่ในฝ่าตลอดเวลา  บางคนเข้ามาในประตูต้าฝ่าก่อน  บางคนค่อยเรียนต้าฝ่าในภายหลัง   นี่คือได้เข้าทางประตูหน้าแล้ว โดยรูปแบบ

 

ผู้ฝึกถามผู้ฝึกหลายคนมักไปร่วมการประชุมของศาสนาคริสต์  ทำเหมือนเป็นที่คบค้าสมาคม แห่งหนึ่งเช่นนี้ถูกต้องหรือไม่

อาจารย์ศึกษาฝ่าไม่ลึกซึ้ง  ผู้ที่ขาข้างหนึ่งอยู่ข้างใน  ขาอีกข้างหนึ่งอยู่ข้างนอกนั้น  ก็มีอยู่  ท่านคิดจะเป็นคนธรรมดาสามัญ  ก็ไปเถอะ  ข้าพเจ้าก็ไม่ได้พูดว่าไม่ให้คนธรรมดาสามัญไปที่ไหน   การบำเพ็ญต้าฝ่า  ท่านคิดจะมาก็มา  ไม่คิดจะบำเพ็ญท่านก็ไม่บำเพ็ญ    แต่การบำเพ็ญต้าฝ่าที่แท้จริง  ต้องไม่ยึดสองแนวทาง   บางคนคิดจะไปอธิบายความจริง  แต่การเผยแพร่ฝ่า  อย่าจงใจ มุ่งต่อศาสนา   ข้าพเจ้าในฐานะอาจารย์ยังไม่ทำเลย   เพราะว่านั่นเป็นเรื่องในลำดับต่อไป   ขณะนี้เป็นการมุ่งอธิบายความจริงต่อคนทั่วไป โดยเฉพาะคือ คนจีน

 

ผู้ฝึกถามมีผู้ฝึกเก่าคนหนึ่ง  ลูกชายของเธอ ทำเรื่องมากมายที่เสียหายต่อต้าฝ่า   เรียนถามว่า แม่คนนี้สามารถขีดเส้นแบ่งให้ชัดเจน กับลูกของตนได้หรือไม่   พวกเราควรปฏิบัติต่อเรื่องนี้อย่างไร

อาจารย์ใครทำเรื่องอะไร เขาต้องรับผิดชอบเองทั้งสิ้น   ใครก็แทนใครไม่ได้  ท่านไม่ต้องขีดเส้นแบ่งให้ชัดเจน   นั่นก็เป็นสิ่งที่เขาทำ  ไม่ใช่ท่านทำ   ก็คือ  ถ้าในระหว่างการอธิบายความจริง ไม่บังเกิดผลในการยับยั้งเขา   ไม่ได้พูดกับเขาให้ชัดเจนถึงความสัมพันธ์ระหว่าง คุณ กับโทษ   นั่นก็คือตัวเองมีปัญหา   ถ้าอธิบายไปมากมายแล้วจริงๆ   เขาก็ยังทำเช่นนั้น  นั่นก็เป็นปัญหาของเขา   ปล่อยเขาไป  ใครก็ทำลายต้าฝ่าไม่ได้   อย่ากังวลใจ   ฟ้าก็ไม่ได้ถล่มลงมา   ที่จะดับสลายคือตัวเขาเอง

 

ผู้ฝึกถามในพื้นที่ของเรามีผู้ฝึกที่ศึกษาฝ่า และบำเพ็ญมานานหลายปี  แต่มักมีพฤติกรรมเกินเลย  และนิสัยส่วนตัวก็ไม่ดีมากๆ   หลายคนได้รับผลกระทบ   เพื่อนผู้บำเพ็ญบางคนรู้สึกว่า คนอย่างนี้ไม่ใช่ผู้ฝึก  ควรขับออกไป

อาจารย์ในหมู่ผู้ฝึกนั้น  อิทธิพลเก่าได้จัดวางบางคนมาก่อความวุ่นวาย  จุดประสงค์ของมันคือ  ไม่อยากให้สภาพแวดล้อมของศิษย์ต้าฝ่า  เงียบสงบเกินไป   ใช้เขาสะท้อนจิตมนุษย์ ของผู้ฝึกออกมา   ดังนั้น มันต้องการอยู่ข้างในกวนน้ำให้ขุ่น  อิทธิพลเก่ากวนน้ำให้ขุ่น เพื่อตกปลา   ดังนั้นคนเหล่านี้  ท่านได้ก้าวเข้ามาแล้ว  ข้าพเจ้านี้ในฐานะอาจารย์ มองว่า ท่านเป็นลูกศิษย์   ท่านเองคิดจะทำตัวเป็นศิษย์หรือไม่  ท่านใคร่ครวญดูใหม่อีกที  ใคร่ครวญดีแล้วก็ ให้ทำตามข้อกำหนดของศิษย์ต้าฝ่า  ปฏิบัติตามข้อกำหนดของข้าพเจ้า หลี่ หง จื้อ  อย่าได้เลอะเลือน  ไปทำเรื่องที่ไร้สติ  ตามการจัดวางของอิทธิพลเก่า  แล้วสุดท้ายจะถูกตีตกลงไป

 

ผู้ฝึกถาม  ถนนถังเหรินในซานฟรานซิสโก  มีชาวจีนโพ้นทะเลมาก  มีคนส่วนหนึ่งไม่รับเอกสารอธิบายความจริง  พูดให้กับเขา  ก็ไม่ยอมฟัง   ควรทำอย่างไรกับคนส่วนนี้

อาจารย์ขณะนี้กับหลายปีก่อนไม่เหมือนกันแล้ว   ปีนี้กับปีกลายก็ไม่เหมือนกัน  ขณะนี้กับครึ่งปีแรกล้วนไม่เหมือนกัน   ลองทำดู  จะเป็นเหมือนอย่างเดิมไหม   แม้จะเป็นเช่นนั้น   อาศัยเจิ้งเนี่ยนของพวกท่านก็จะเปิดทางสวรรค์ได้ ใช่หรือไม่

 

ผู้ฝึกถามจีนแผ่นดินใหญ่ก็มีสภาพการณ์เช่นนี้พอพูดถึงฝ่าหลุนกงกับจิ่วผิง ก็ไม่กล้าฟังกัน

อาจารย์คนอะไรก็มี    ผู้ที่ถูกพรรคมารขู่จนกลัวนั้นมีถมไป  พรรคมารชั่วร้ายอยู่ตั้งหลายปี อย่างนั้น  สิ่งสำคัญคือ ศิษย์ต้าฝ่า ต้องใช้เจิ้งเนี่ยน  ขจัดวิญญาณชั่วเหล่านั้นที่ควบคุมคนอยู่  แล้วค่อยอธิบายความจริงให้คนเขา  ไปทำอย่างมีไหวพริบและสติปัญญา  จะช่วยคนมิใช่หรือ

 

ผู้ฝึกถามบนศีรษะผมมักมีสิ่งที่ไร้รูปลักษณ์ชนิดหนึ่ง กดทับอยู่   โดยเฉพาะเมื่อสงบจิตลงได้  ผมไม่รู้ว่า เป็นเรื่องดี หรือเป็นการรบกวนของวิญญาณชั่ว

อาจารย์ถ้าศิษย์ต้าฝ่าทำถูกต้อง   ไม่มีจิตยึดติดรุนแรง หรือ สิ่งยึดติดมูลฐาน  ก็ไม่มีปัญหา บางคนพูดว่าฉันศึกษาฝ่าแล้ว  ได้พบกับสถานการณ์อย่างนี้แล้ว  พบกับสถานการณ์อย่างนั้นแล้ว  ข้าพเจ้ามักพูดประโยคหนึ่งคือ   ท่านได้ศึกษาฝ่าแล้ว  ไม่ว่าจะพบกับสถานการณ์ที่ดีหรือไม่ดี  ล้วนเป็นเรื่องดี (เสียงปรบมือเป็นเพราะท่านศึกษาต้าฝ่าแล้ว จึงเกิดขึ้น   ผู้ฝึกหลายคน หลังจากศึกษาฝ่าแล้ว พบกับทุกข์ภัยมากมาย   หากท่านไม่บำเพ็ญ  ทุกข์ภัยเหล่านั้นก็จะทำให้ท่านก้าวไปสู่การดับสลาย   แต่เพราะบำเพ็ญต้าฝ่า   ทุกข์ภัยเหล่านี้จึงมาถึงก่อน   แม้จะได้รับแรงกดดันอย่างมาก  รู้สึกลำบากมาก       ต่อการทดสอบซินซิ่ง  บางครั้งด่านที่ต้องข้ามนั้นใหญ่มาก  แต่ทุกข์ภัยเหล่านี้ ล้วนต้องข้ามไปให้ได้   ล้วนต้องคิดบัญชี  และสะสางให้หมด (ที่ประชุมหัวเราะนี่ไม่ใช่เรื่องดีมากหรอกหรือ   ดังนั้นเมื่อท่านพบกับเรื่องดี หรือเรื่องร้าย  ขอเพียงท่านบำเพ็ญต้าฝ่าแล้ว ล้วนแต่จะเป็นเรื่องดี  แน่นอน(เสียงปรบมือ)

วันนี้ขอพูดเพียงเท่านี้ (เสียงปรบมือฝ่าฮุ่ยยังต้องดำเนินต่อไป  มีบางคำพูด อาจารย์พูดหนักไปหน่อย  หลายคำอาจจะยังเคาะไม่ถูกที่   บางคำพูดยังพูดอ่อนไปหน่อยสำหรับปัญหาที่หนักมาก   แต่ไม่ว่าอย่างไร  กล่าวสำหรับศิษย์ต้าฝ่า   ควรทำสิ่งที่ศิษย์ต้าฝ่า ควรทำโดยยืนอยู่บนฝ่า   บางคนพูดว่าท่านอาจารย์   ทำไมเดี๋ยวนี้ฉันยกระดับได้ช้ามาก  ข้าพเจ้าว่า ท่านอ่านแต่หนังสือ ไม่ได้   เพราะศิษย์ต้าฝ่าต้องทำ 3 เรื่องให้ดี  ท่านทำเพียงเรื่องเดียว  ดังนั้นท่านก็รู้สึกถึงการยกระดับไม่ได้   หากท่านทำ 3 เรื่องได้ดีทั้งหมดแล้ว  ทำได้ดีมาก  ท่านจึงจะรู้สึกได้ถึงการยกระดับ ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับช่วงการศึกษาฝ่าบำเพ็ญส่วนบุคคลนั้น  ก็เพราะความสัมพันธ์อย่างนี้   หลัง 20-7-99 กับ ก่อน 20-7-99   สถานการณ์สองช่วงนี้ ไม่เหมือนกันโดยสิ้นเชิง  ดังนั้นถ้าท่านทำ 3 เรื่องได้ดี นั่นคือการบำเพ็ญ    หากใน 3 เรื่องทำเพียงเรื่องเดียว ก็ไม่ใช่การบำเพ็ญ   ก็เป็นเช่นนี้   ก็ยกระดับไม่ได้  ดังนั้นศิษย์ต้าฝ่าต้องทำให้ดี   แน่ละ พวกท่านที่กำลังนั่งอยู่ มีผู้ฝึกใหม่หลายคน   ก็ไม่มีข้อกำหนดอย่างนี้ต่อท่านนะ  ขณะนี้ท่านเพียงศึกษาฝ่าให้ดี  บำเพ็ญอยู่ในฝ่า  ในช่วงปัจจุบันนี้ก็พอแล้ว   กล่าวสำหรับศิษย์เก่า   เวลานานแล้ว  ฉะนั้นไม่ทำตามฝ่าย่อมใช้ไม่ได้   เนื่องจากผู้ฝึกใหม่ เขาต้องมีขั้นตอนของการรับรู้   ท่านพูดว่าวันนี้จะสำเร็จเป็นพระพุทธในทันที   นี่ก็เป็นพียงการอธิบายอย่างนี้    ไม่มีการชำระกรรม  การรับรู้ไม่ยกระดับ  เขตแดนไม่ยกระดับ ก็จะสำเร็จเป็นพระพุทธแล้ว   สำเร็จเป็นพระพุทธอะไรละ   นั่นเป็นเพียงการพรรณนาอย่างหนึ่ง   การเป็นศิษย์ต้าฝ่านั้น  เมื่อผ่านฝ่าฮุ่ยครั้งนี้แล้ว หรือที่อาจารย์พูดไป  ท่านก็มีการเก็บเกี่ยวสิ่งต่างๆไป  ฉะนั้นท่านก็ทำให้ดียิ่งขึ้นสักหน่อย

เวลากระชั้นอย่างยิ่ง   ทุกท่านได้มองเห็นแล้ว  การเปลี่ยนแปลงของโลกนี้   การเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ ในระหว่างการยืนยันความถูกต้องให้ฝ่าของศิษย์ต้าฝ่า  ล้วนเร็วมาก   พร้อมไปกับการเปลี่ยนแปลงของเวลา  ต่อไปท่านยังจะมีเวลาทำเรื่องที่ศิษย์ต้าฝ่าควรทำหรือไม่   เหตุใดไม่รีบเร่ง  แม้ศิษย์ต้าฝ่าจะถือการทนทุกข์เป็นเรื่องดี  เป็นการยกระดับ  ฉะนั้นยิ่งสภาพแวดล้อมดียิ่งๆขึ้น   ความทุกข์ยากก็จะยิ่งไม่มีแล้ว   เมื่อไม่จำเป็นให้ท่านอธิบายความจริง  ผู้คนริเริ่มมาหาท่านเพื่อขอฟังความจริงด้วยตนเอง   ริเริ่มมาหาท่านเรียนการฝึกพลัง   ท่านก็ไม่มีโอกาสจะสถาปนาธรรมานุภาพแล้วละ   ท่านอาจจะรู้สึกว่านั่น ดีออก   ล้วนมาศึกษากันแล้ว  ไม่ต้องยุ่งยากแล้ว   แต่ท่านก็ไม่มีเงื่อนไขที่จะยกระดับแล้วกระมัง   ใช่หรือไม่    ดังนั้นข้าพเจ้าคิดว่า  ไม่ว่าอย่างไรทุกท่านต้องเห็นคุณค่าของช่วงเวลานี้  ชั่วประเดี๋ยวเดียวก็จะผ่านไป

คนอยู่ในกาลเวลา  จะมีความรู้สึกหลายอย่างต่อเวลา   คนผ่านชีวิตไปใน 1 วินาที  ภายใน 1 วินาที คนรู้สึกว่าผ่านไป 1 ปี   เหมือนกับคนที่มีประสบการณ์ใน 1 ปี อย่างไรอย่างนั้น   ไม่มีความรู้สึกแตกต่าง  อย่างเดียวกันชีวิตที่อยู่ในผลกระทบของกาลเวลา  ย่อมไม่อาจรู้สึกได้ถึงความเร็วช้าของเวลา   จักรวาลนั้นประกอบด้วย  กาลเวลาที่แตกต่างกันเช่นนี้  คนเองที่รู้สึกว่ายังมีเวลาเหลืออยู่   หากอยู่ในที่ที่เร็วที่สุดของจักรวาลมองดู ก็คือ ชั่วพริบตา  เพียงแต่ใช้เวลานี้จำกัดท่านไว้ในสภาพของคน   ไม่ว่าจักรวาลจะมีประวัติศาสตร์ยาวนานเพียงใด  ไม่ว่าการเจิ้งฝ่ามีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานเพียงใดจัดวางไว้   และไม่ว่าตรีภูมินี้สร้างขึ้นมานานแค่ไหน   ทั้งหมดนี้ก็จะผ่านไปพร้อมกับกาลเวลา  สิ่งใหม่ทั้งหมดนั้นก็จะปรากฏออกมาเร็วมาก   ผู้ฝึกมากมายล้วนเฝ้ารอคอย  เมื่อปรากฏออกมาเมื่อไร  การบำเพ็ญนั้นก็จบสิ้นลงแล้ว   ท่านคือระดับชั้นไหน  ก็คือระดับชั้นนั้นแล้ว   แน่ละถ้าท่านคือคน  ก็คือคนแล้ว  อะไรก็กำหนดตายตัวแล้ว

ก็พูดเพียงแค่นี้ละกัน   หวังว่าทุกท่านจะทำให้ดียิ่งขึ้น  ก้าวหน้ายิ่งขึ้น  ครั้งต่อไปเมื่อพบกับพวกท่าน  ขอให้ข้าพเจ้าได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่มากยิ่งขึ้น  ขอบใจทุกท่าน (เสียงปรบมือ)