บรรยายธรรม ณ เมืองชิคาโก ปี ค.ศ. 2004

 

หลี่ หงจื้อ 

23 พฤษภาคม ค.ศ. 2004

 

สวัสดี ทุกท่าน ! ( สวัสดีท่านอาจารย์  ที่ประชุมตอบ )

                        ที่ผ่านมาข้าพเจ้าเคยพูดว่า   เมื่อการกวาดล้างพวกชั่วร้ายตามการผลักดันของสถานการณ์การเจิ้งฝ่าทั่วทั้งหมด กับ การอธิบายความจริงของทุกท่าน ทำให้ชาวโลกเข้าใจพวกเรามากขึ้นเรื่อยๆ  พวกชั่วร้ายก็ลดน้อยลงเรื่อยๆนั้น    แม้ว่าพวกอิทธิพลเก่าไม่คงอยู่อีกต่อไปแล้ว  แต่สิ่งที่พวกมันจัดวางไว้ในตรีภูมิ ก็ยังคงส่งผลกระทบอยู่   ฉะนั้นก็พูดได้ว่า   แม้พวกชั่วร้ายมีน้อยมากแล้ว   ปัจจุบันชาวโลกทั้งหมดก็ล้วนกำลังมีสติขึ้นมาอย่างรวดเร็ว   แต่พวกชั่วร้ายยังไม่ตายใจ  เช่นนั้นในเวลานี้  ก่อนที่พวกชั่วร้ายยังไม่ถูกกวาดล้างไปจนถึงที่สุด มันก็ยังสามารถแสดงบทบาทได้  พวกมันก็จะยังชั่วร้ายอย่างนั้น  เพียงแต่กำลังของมันน้อยลงแล้ว   ที่ๆพวกมันสามารถทำชั่วก็น้อยลงแล้ว

                        ขณะนี้ นอกจากการบำเพ็ญตนเองของศิษย์ต้าฝ่าแต่ละคนแล้ว   ทุกท่านยังต้องทำเรื่องการอธิบายความจริงให้มาก   ฉะนั้นการอธิบายความจริงนั้น  ข้าพเจ้าคิดว่ากล่าวสำหรับศิษย์ต้าฝ่า  นี่ได้กลายเป็นรูปแบบการบำเพ็ญที่พิเศษของพวกท่านผู้บำเพ็ญในวันนี้ไปแล้ว  ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์   และสามารถพูดได้ว่าเป็นวีรกรรมอันยิ่งใหญ่ของศิษย์ต้าฝ่าที่ยืนยันความถูกต้องของฝ่า ช่วยเหลือสรรพชีวิต ในท่ามกลางการเจิ้งฝ่า    ทุกท่านทราบว่าการบำเพ็ญในอดีตนั้นเพียงแต่แสวงหาการหยวนหมั่นของแต่ละคน       แต่เรื่องที่ศิษย์ต้าฝ่าเผชิญอยู่นี้ใหญ่หลวงมาก  ทุกท่านทราบว่า  ข้าพเจ้าจะพูดอีกครั้ง    ข้าพเจ้าว่าคนบนโลกทุกวันนี้ล้วนไม่ใช่ธรรมดา   ถ้าหากไม่ใช่ธรรมดาดังว่า   ฉะนั้นคนที่พวกท่านช่วยเหลือ   ชีวิตที่ช่วยเหลือ  สรรพชีวิตที่ช่วยเหลือจึงไม่ใช่ชีวิตทั่วๆไป    และไม่ใช่สิ่งที่ผู้บำเพ็ญทั่วไปจะทำได้    มีเพียงศิษย์ต้าฝ่าแห่งยุคเจิ้งฝ่าในวันนี้ในระหว่างที่ยืนยันความถูกต้องของฝ่า จึงจะสามารถทำได้  จึงคู่ควรจะทำ  จึงอนุญาตให้ทำได้   ฉะนั้นจึงพูดได้ว่าภาระทางประวัติศาสตร์ที่แบกรับไว้นั้นสำคัญมาก  ในขณะเดียวกันก็กำลังวางรากฐานสำหรับอนาคต

                        ทุกท่านทราบว่า   ทุกสิ่งของจักรวาลในท่ามกลางการเจิ้งฝ่านั้น ได้ทำไปจนถึงท้ายที่สุดแล้ว   แต่ตรีภูมิส่วนนี้ ยังมีท้ายที่สุดๆของชีวิตชั้นที่สูงกว่าดำรงอยู่   การคงอยู่ของพวกมัน  จึงก่อเกิดเป็นช่องห่าง  พวกชั่วร้ายจึงยังสามารถอยู่ในโลกทำชั่ว   แม้เปรียบกับจักรวาลอันมหึมาแล้วตรีภูมิจะเล็กมาก  แต่กลับสอดคล้องกันโดยตรง  เป็นเหมือนกับจุดโฟกัสของจักรวาล    แม้ว่าโลกนี้จะเล็กมากๆ    แม้ว่าสิ่งที่พวกเราเผชิญอยู่จะเป็นสิ่งที่คล้ายกับเทพในระดับชั้นต่ำสุดของจักรวาล   ชีวิตที่มีรูปลักษณ์ภายนอกของเทพ --- คน   กระทั่งรูปแบบการบำเพ็ญของพวกท่านล้วนเป็นสิ่งที่เริ่มต้นจากรูปแบบการบำเพ็ญที่ต่ำที่สุดของจักรวาล  แต่กลับแบกรับภารกิจที่ใหญ่หลวงมาก

ในการอธิบายความจริง ศิษย์ต้าฝ่าได้ช่วยเหลือชีวิตจำนวนมากที่สมควรกอบกู้   แต่ว่ายังไม่เพียงพอ    ที่จริงจนถึงขณะนี้  สิ่งที่ทุกท่านทำยังคงจำกัด   พูดถึงปริมาณนั้นก็ยังเป็นสัดส่วนที่น้อยมาก    โดยเฉพาะคือ ศิษย์ต้าฝ่าในจีนแผ่นดินใหญ่   ภาระที่แบกไว้นั้นใหญ่ที่สุด   ร่างหลักของศิษย์ต้าฝ่านั้นอยู่ในประเทศจีน    ฉะนั้นศิษย์ต้าฝ่าที่นั่นควรทำให้ดียิ่งขึ้น    ควรมีสติสัมปชัญญะเพิ่มขึ้นจากบทเรียนที่ได้รับ   เพิ่มความตื่นตัวยิ่งขึ้น  เดินให้เที่ยงตรงยิ่งขึ้น   ควรให้สรรพชีวิตได้รับการช่วยเหลือมากยิ่งขึ้น    ควรแสดงบทบาทของร่างหลักของศิษย์ต้าฝ่าให้เต็มที่    ทุกสิ่งที่ศิษย์ต้าฝ่าในพื้นที่อื่นทำนั้น ล้วนเป็นการทำอยู่โดยล้อมรอบร่างหลักนี้ของต้าฝ่าในจีนแผ่นดินใหญ่    กำลังยับยั้งการประทุษร้ายของพวกชั่วร้าย   ลดทอนแรงกดดันต่อศิษย์ต้าฝ่าในจีนแผ่นดินใหญ่  และกำลังช่วยเหลือศิษย์ต้าฝ่าในจีนแผ่นดินใหญ่ ในการอธิบายความจริง    โดยรวมแล้ว เมื่อมองจากสถานการณ์การยืนยันความถูกต้องของฝ่าทั้งหมดของศิษย์ต้าฝ่า     ศิษย์ต้าฝ่าโดยพื้นฐานล้วนสามารถแสดงบทบาทของศิษย์ต้าฝ่าในยุคเจิ้งฝ่า

            แน่นอนละยังมีที่เป็นส่วนน้อย   ที่ไม่ก้าวหน้านั้นก็มีมาโดยตลอด   เพราะศิษย์ต้าฝ่านั้นมี สภาพการณ์ 3 ประเภทใช่ไหม    ประเภทที่หนึ่งคือมีสัญญากับอาจารย์ตั้งนานมาแล้ว     ประเภทที่สองคือ เคยผูกวาสนากันในประวัติศาสตร์   เคยผูกวาสนากับข้าพเจ้าในประวัติศาสตร์ยุคต่างๆกัน   แล้วกลุ่มที่สามละ   ก็คือในการถ่ายทอดฝ่าครั้งนี้ ประตูได้เปิดออกแล้ว    ผู้ที่มีรากฐาน(เกินจี)ดี   ผู้ที่ไม่เลวนัก ซึ่งดูแล้วพอไปไหวก็เข้ามาแล้ว   แต่ว่าการแสดงออกในทางปฏิบัติไม่ค่อยเป็นไปดังคาด  ถึงขณะนี้ยังมีบางคน ในการดำเนินชีวิตส่วนตัวนั้นไม่ใช่พฤติกรรมของผู้บำเพ็ญอย่างแท้จริง    เช่นนี้แล้ว  ไม่ว่าท่านจะทำมากเท่าไรก็ไม่อาจหยวนหมั่น     ในการอธิบายความจริง ได้ถลุงเงินซึ่งศิษย์ต้าฝ่าสู้อดออมเพื่อมาทำเอกสาร    ข้าพเจ้าได้บอกพวกท่านมาโดยตลอดว่า จะทำเรื่องอะไรก่อนอื่นต้องคิดถึงผู้อื่น    ในเวลาที่พวกท่านใช้เงินทองสิ่งของของศิษย์ต้าฝ่า  เคยคิดถึงสิ่งเหล่านี้บ้างไหม?  สิ่งชั่วร้ายนั้นแทรกเข้าทุกช่อง   สิ่งชั่วร้ายกำลังจ้องเขมือบทุกความคิดและการกระทำของพวกท่านๆ  ท่านยึดติดอะไร สิ่งชั่วร้ายก็ส่งเสริมสิ่งนั้นให้   ความคิดของพวกท่านไม่ถูกต้องเมื่อใด พวกมันก็จะทำให้ท่านไร้สติสัมปชัญญะ    ทุกท่านล้วนทุ่มเทเพื่อต้าฝ่า   ทว่าบางคนกลับไม่ละอายที่จะเรียกสิ่งตอบแทนจากผู้ฝึก   ท่านบำเพ็ญอยู่หรือเปล่านะ?  ท่านกำลังต่อรองเงื่อนไขกับใครอยู่หรือ?  ภาพลักษณ์ของผู้บำเพ็ญไปอยู่ไหนแล้วละ?  จะสถาปนาธรรมานุภาพของผู้บำเพ็ญได้อย่างไรกัน?  ท่านคิดว่าอาจารย์นำพวกท่านทำเรื่องการเมืองของคนธรรมดาสามัญหรือ? ยังมีบางคนในหัวสมองไม่แจ่มชัดตลอดมา  ไม่สุขุมรอบคอบ  ตนเองไม่ระวัง(สนใจ)ความปลอดภัย   ยิ่งไม่ระวัง(สนใจ)ความปลอดภัยของคนอื่น   เนื่องจาก    เมื่อเริ่มแรกที่ผู้ฝึกกลุ่มนี้เดินเข้ามาในหมู่ศิษย์ต้าฝ่า ก็รู้ว่ากำลังอยู่ในทุกข์ภัย   กำลังถูกทดสอบ    อยู่ในขั้นตอนการชำระกรรมให้น้อยลง   ซึ่งกล่าวสำหรับพวกเขาแล้วก็เป็นการทดสอบที่เข้มงวดมาก   จะไหวหรือไม่ไหว   ในเวลานั้นล้วนเป็นตัวเลขที่ยังไม่รู้    แน่นอนในส่วนนี้ที่ไม่มีสติสัมปชัญญะนั้นมีน้อยมาก

            มองจากสถานการณ์ในปัจจุบัน   ข้าพเจ้ารู้สึกว่าโดยพื้นฐาน ส่วนใหญ่ก็ใช้ได้แล้ว   แต่ว่านะก็ยังมีที่ใช้ไม่ได้  ใช้จิตของคนปฏิบัติต่อฝ่า  ใช้จิตของคนปฏิบัติต่อศิษย์ต้าฝ่าที่ถูกประทุษร้าย  ใช้จิตของคนปฏิบัติต่อเรื่องทั้งสามที่ศิษย์ต้าฝ่าสมควรทำ  โดยเฉพาะคือการอธิบายความจริง  ยังมีคนจำนวนมากที่ไม่เห็นความสำคัญ   ที่นี่ข้าพเจ้าพูดถึงผู้ฝึกจีนแผ่นดินใหญ่เป็นด้านหลัก   คนจำนวนหนึ่งยังมีความคิดถูกต้องไม่พอ   ไม่เห็นความสำคัญต่อการอธิบายความจริง    บางคนนั้นในท่ามกลางการประทุษร้ายครั้งนี้ ยังก่อให้เกิดผลกระทบที่ไม่ดี  ประเดี๋ยวเข้าใจแล้ว   ประเดี๋ยวก็เลอะเลือนอีกแล้ว   คนเอย  ไม่ว่าท่านมาจากที่ใด  ไม่ว่าท่านมีรากฐาน(เกินจี)อย่างไร  มาถึงที่ของคนนี้ ก็เข้ามาในวังวนแล้ว  อยู่ในสภาพที่เป็นมายานี้ของสังคมมนุษย์ที่อิทธิพลเก่าสร้างขึ้นมา   ก้าวออกมาจากวัฒนธรรมมายานี้ได้ยากจริงๆ  แต่ว่าแต่ละชีวิตก็ไม่ใช่จะอยู่ในวังวนไปเสียทั้งหมด   ยังมีด้านนั้นที่เข้าใจ   ยังมีรากฐานของเกินจีของชีวิตที่ คุณสมบัติเดิมก่อนกำเนิดของตนเองวางรากฐานไว้ให้   นี่ล้วนเป็นสิ่งที่สามารถก่อให้เกิดผลด้านบวก   ล้วนสามารถส่งผลกระทบที่ดีมากได้  และก็พูดได้ว่าควรมีความคิดที่ถูกต้อง   การแสดงออกในทางปฏิบัติ  ข้าพเจ้ามองเห็น  มีส่วนหนึ่งแสดงออกมาไม่ดีมากๆ    แต่ทุกท่านทราบว่าอาจารย์นั้นมาทำอะไร    ในเรื่องการเจิ้งฝ่านี้ข้าพเจ้าก็ทำเพื่อช่วยเหลือสรรพชีวิต  รวมทั้งคนบนโลก  (เสียงปรบมือ)  ที่สามารถช่วยได้ก็ต้องช่วย   ข้าพเจ้ามองปัญหา ไม่เหมือนกับทุกท่าน หรือชาวโลก   คนมองคนๆหนึ่งทำความผิดแล้ว  ก็ไม่อาจให้อภัยกันแล้ว   ข้าพเจ้าไม่มองปัญหาอย่างนี้    ข้าพเจ้ามองชีวิตหนึ่งอย่างทั่วด้านทั้งหมด  แม้จะเหลือความหวังอยู่เท่าฟางเส้นเดียว ข้าพเจ้าก็ยังจะให้ความหวังกับเขา (เสียงปรบมือ)

            ชาวโลกพูดว่าอาจารย์ของพวกท่านไม่ใช่มีความสามารถมากหรอกหรือ? ทำไมไม่ทำอย่างนั้นอย่างนี้ละ?   ไม่เหมือนอย่างที่พวกเขาคิดหรอก   พวกที่ถูกกำหนดไว้ให้กวาดทิ้งไปจริงๆนั้น  ในชั่วพลิกฝ่ามือก็สามารถทำลายได้  เช่นนั้นข้าพเจ้ามาทำอะไรละ?  ทำไมข้าพเจ้าต้องแบกรับให้กับสรรพชีวิตมากมายอย่างนี้  ทั้งหมดนั้นล้วนไม่สูญเปล่าหรอกหรือ?   เนื่องจากชีวิตบนโลกนั้น สะท้อนกับเทียนถี่  สะท้อนกับเรื่องที่ใหญ่มาก   ที่นี่คือจุดโฟกัสจุดหนึ่ง   ความผิด(บาป)ของคนๆ หนึ่งจึงไม่เพียงเป็นความผิด(บาป)ของคนๆ เดียว   ทุกท่านคิดดู   เป็นไปได้มากว่าจะเกี่ยวโยงไปถึงระบบเทียนถี่ที่ใหญ่มากระบบหนึ่ง   หากเป็นดังว่านี้แล้ว    การดับสลายของชีวิตหนึ่งอาจเป็นการดับสลายของระบบเทียนถี่ที่ใหญ่มากระบบหนึ่ง   บ้างยังไม่เป็นเพียงแค่นี้   เพราะชีวิตหนึ่งบนโลก  ถ้าหากเขาทำความผิด(บาป)แล้ว   เช่นนั้นใครเคยใช้ประโยชน์จากเขา(ใช้เขา)   ใครที่จัดวาง  ใครที่เคยควบคุมอยู่  ใครที่เคยบงการชี้นำ   องค์ประกอบของใครที่กำลังก่อผลกระทบ   ที่เกี่ยวโยงกันนี้จึงไม่เพียงเป็นหนึ่งเทียนถี่   สองเทียนถี่  แต่เป็นเทียนถี่อันมหาศาล  ล้วนจะต้องรับผิดชอบต่อเรื่องนี้   นี่เป็นกฎของจักรวาล   นี่เป็นบรรทัดฐานแท้จริง(ฐาน)ของการจัดวางชีวิตทั้งหมดในการเจิ้งฝ่าของจักรวาล   คนนี้ทำเรื่องไม่ดี  เพียงแต่หาคนคิดบัญชี   คนก็รับผิดชอบไม่ได้   ดับสลายไปถึงระดับไหนคนก็แบกรับไม่ไหว   นั่นไม่ใช่คนธรรมดาๆที่กำลังทำผิด(บาป)   นั่นเป็นสิ่งที่ก่อขึ้นจากการเข้าร่วมขององค์ประกอบของชีวิตชั้นสูงทั้งสิ้น

            แต่ว่าพูดในทางกลับกัน  ถ้าหากคนๆนี้เกิดความคิดถูกต้องขึ้นมาแล้ว  เข้าใจได้แล้ว  เช่นนั้นคนคิดจะทำอะไรนะ  สำหรับชีวิตชั้นสูงก็จะดูด้านนี้ของคน   ถ้าคนคิดจะทำดีจริงๆ   ใครก็ไม่มีอำนาจที่จะเรียกให้คนทำบาป  ใครทำผู้นั้นก็จะถูกตีตกลงไป   ร่างหลักของชีวิตหนึ่งสามารถแสดงบทบาทด้านบวกได้  ในประวัติศาสตร์ถึงแม้ชีวิตนี้ไม่ดีไปแล้ว  ก็สามารถลดทอนบาปของเขาลงไป   เนื่องจากบรรทัดฐานการเจิ้งฝ่าทั้งหมดของจักรวาลก็คือดูท่าทีต่อการเจิ้งฝ่าของชีวิต   สภาพการณ์ทั้งหมดของคนบนโลกคือการควบคุมของภพข้างบน   ฉะนั้นท่าทีของคนจึงส่งผลกระทบต่อภพข้างบน    จนถึงระดับชั้นสูงยิ่งขึ้น

            ผู้ฝึกมากมายมีความสามารถมองเห็นทัศนียภาพบางอย่าง  มองเห็นสภาพการณ์บางอย่าง  ที่จริงนั้นข้าพเจ้าขอบอกทุกท่าน   ที่แท้คือปรากฏการณ์รูปธรรมของชีวิตในระดับชั้นที่ต่างกันของจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาล  ล้วนเป็นปรากฏการณ์ของชีวิตที่แตกต่างกัน  ร่างชีวิตของเทพที่ต่างกันเหล่านั้น   แต่หากเป็นการปรากฏของร่างหลักของราชาที่ใหญ่มหึมาของพวกเขา จึงจะเป็นสิ่งสำคัญ   พวกเขาโดยมากต่างก็รู้ความจริงมากมาย   ปรากฏการณ์ของพวกเขานั้น ไม่เหมือนกับปรากฏการณ์รูปธรรมของชีวิต   ดังนั้นที่ผู้ฝึกหลายคนมองเห็นล้วนไม่ใช่ปรากฏการณ์ของร่างหลัก   ฉะนั้นเรื่องการอธิบายความจริงนี้ กล่าวสำหรับศิษย์ต้าฝ่า  ในความเป็นจริงได้ข้ามพ้นไปไกลกว่าการบำเพ็ญส่วนบุคคลของพวกท่านอย่างลิบลับ    การบำเพ็ญส่วนบุคคลของพวกท่านเพียงแต่สร้างความสำเร็จให้ชีวิตๆ หนึ่ง  แต่ในการช่วยเหลือสรรพชีวิตนั้น ผลที่เกิดขึ้นกลับสร้างความสำเร็จให้ร่างหลักของชีวิตมากมายมหาศาล  ให้สรรพชีวิตที่นับไม่ถ้วน   จนกระทั่งเทียนถี่มหึมายิ่งขึ้น   ก็คือแบกภาระที่ใหญ่ถึงเพียงนี้

            แน่นอนละ ทุกสิ่งที่อิทธิพลเก่าจัดวางไว้นี้พวกเราไม่ยอมรับทั้งหมด   ข้าพเจ้าผู้เป็นอาจารย์นี้ไม่ยอมรับ  ศิษย์ต้าฝ่าต่างก็ไม่ยอมรับแน่นอน (เสียงปรบมือ) แต่พวกมันก็จะทำสิ่งที่พวกมันต้องการทำให้ได้  ศิษย์ต้าฝ่ายิ่งควรทำให้ดียิ่งขึ้น   บำเพ็ญตนเองให้ดีในท่ามกลางการช่วยเหลือสรรพชีวิต   ในขณะประสบทุกข์ภัยในการบำเพ็ญ ต้องบำเพ็ญตัวเอง ต้องมองตัวเอง    นี่ไม่ใช่ยอมรับทุกข์ภัยที่อิทธิพลเก่าจัดวางไว้   หรือจะทำให้ดีได้อย่างไรในท่ามกลางทุกข์ภัยที่พวกมันจัดวางไว้  ไม่ใช่อย่างนี้    พวกเรานั้นปฏิเสธแม้แต่การเกิดขึ้นของอิทธิพลเก่าโดยตัวมันเอง  และทุกสิ่งที่พวกมันจัดวางไว้   การคงอยู่ของพวกมันทั้งหมดก็ไม่ยอมรับ   พวกเรานั้นปฏิเสธทุกสิ่งของมันนี้โดยสิ้นเชิง  ในการปฏิเสธและขจัดพวกมัน สิ่งที่พวกท่านทำทั้งหมดจึงจะเป็นธรรมานุภาพ   ไม่ใช่ไปบำเพ็ญอยู่ในทุกข์ภัยที่พวกมันสร้างขึ้น    แต่เป็นการเดินบนหนทางของตนเองให้ดีโดยไม่ยอมรับพวกมัน   แม้แต่การขจัดทุกข์ภัยที่ปรากฏออกมาของตัวพวกมันเองก็ไม่ยอมรับด้วย (เสียงปรบมือ)  ฉะนั้นเมื่อมองจากมุมมองนี้   เรื่องที่พวกเราเผชิญอยู่  ก็คือการปฏิเสธต่ออิทธิพลเก่าทั่วทุกด้าน(ทั้งหมด)  การดิ้นรนเฮือกสุดท้ายที่ปรากฏออกมาของพวกมัน  ข้าพเจ้าและศิษย์ต้าฝ่าล้วนไม่ยอมรับ

            จักรวาลนี้มีกฎข้อหนึ่งที่ทุกท่านล้วนทราบดี   ก็คือ ชีวิตล้วนจะต้องรับผลกรรมดี ผลกรรมชั่วทั้งหมดที่ตัวเองสร้างขึ้นในประวัติศาสตร์    ในการขจัดการประทุษร้ายทั้งหมดที่อิทธิพลเก่าจัดวางไว้นั้น  ศิษย์ต้าฝ่าทุ่มเทมากเพียงใดก็จะได้รับมากเพียงนั้น    ชีวิตทั่วๆไปชีวิตหนึ่ง   เมื่อแบกรับสิ่งที่ดี แบกรับสิ่งที่ไม่ดีแล้ว  ในอนาคตเขาก็จะรับผลพวงที่เขาได้รับทั้งหมดนั้น    ศิษย์ต้าฝ่าอยู่ในท่ามกลางการประทุษร้ายครั้งนี้ บรรดาการประทุษร้ายกับความทุกข์ทรมานที่ต้องทนแบกรับนั้น  ในประวัติศาสตร์แห่งอนาคตก็ล้วนแต่จะมอบเกียรติภูมิที่ใหญ่ยิ่งขึ้นให้กับศิษย์ต้าฝ่า  เป็นเกียรติภูมิที่ยังไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ของสรรพชีวิตในจักรวาล    เพราะศิษย์ต้าฝ่าคือศิษย์ที่ต้าฝ่าในยุคเจิ้งฝ่าสร้างขึ้นมา  อยู่ร่วมกับต้าฝ่า  เรื่องนี้โดยตัวมันเองก็ขับให้ศิษย์ต้าฝ่าโดดเด่นสูงมากแล้ว    โดยเฉพาะคือ อาจารย์ให้การช่วยเหลือศิษย์ต้าฝ่าโดยตรง

            โดยตัวมันเองเรื่องนี้ก็เป็นเกียรติภูมิที่ใหญ่มาก      ศิษย์ต้าฝ่าก็ต้องคู่ควรกับเกียรติภูมินี้    แต่ไม่ใช่ว่าพออาจารย์พูดเช่นนี้ทุกท่านเข้าใจแล้ว  ในทันทีบางคนก็จะไม่ทำอะไรแล้ว  ก็จะเอาแต่มุ่งทำเรื่องของต้าฝ่าอย่างเดียว   เช่นนั้นท่านก็อาจถูกอิทธิพลเก่าใช้ประโยชน์   เพราะพวกมันก็กำลังเจาะช่องว่างอยู่  สิ่งที่ข้าพเจ้าบอกศิษย์ต้าฝ่าในวันนี้  ก็คือการบำเพ็ญในรูปแบบนี้ที่สอดคล้องกับคนธรรมดาสามัญมากที่สุด  ไม่อาจเดินสุดขั้ว  ก็คือการแสดงบทบาทของศิษย์ต้าฝ่าให้เต็มที่ในท่ามกลางการยืนยันความถูกต้องของฝ่า อย่างราบรื่นและมั่นคงเช่นนี้   ทุกท่านมีความยากลำบากต่างๆนานา  นอกจากเรื่องการยืนยันความถูกต้องของต้าฝ่าแล้ว  ยังต้องอยู่ในโลกจัดความสัมพันธ์ระหว่างคนกับคน ความสัมพันธ์กับครอบครัว   ความสัมพันธ์กับสังคมให้สมดุล     นี่เป็นเรื่องยากมาก  ยาก แต่ว่านี่เป็นเส้นทางที่ศิษย์ต้าฝ่าต้องเดินไป

            ที่ผ่านมาข้าพเจ้าได้พูดไว้นานแล้วว่า   เรื่องนี้ข้าพเจ้าได้แบ่งทำเป็นสองช่วง    ถ้าหากข้าพเจ้าทำเรื่องนี้ให้เสร็จในช่วงเดียว    เช่นนั้นทุกข์ภัยครั้งนี้ก็จะเป็นแบบทั่วทั้งโลก   ศิษย์ต้าฝ่าที่ได้ฝ่าจะเป็นจำนวนหลายพันล้านคน   และพวกที่ก่อผลด้านลบก็จะมีมากเหลือเกิน  คือจะมีหลายร้อยล้านคน   เช่นนั้นทุกข์ภัยครั้งนี้ก็จะเกิดเป็นทุกข์ภัยของทั่วทั้งโลก   ถ้าทำเรื่องนี้ดังว่านั้น   ทั่วทั้งโลกก็จะถูกกวนอยู่ในนั้น   ใครก็ไม่สามารถรอดพ้นได้  แต่ละคน  แต่ละชีวิต ในครั้งนี้ล้วนจะต้องจัดวางตำแหน่งของตนเอง  ผู้ที่สามารถบำเพ็ญ ผู้ที่สามารถก้าวออกมา ผู้ที่คัดค้าน  ที่มีความคิดเห็นต่างกัน  ล้วนกำลังจัดวางตนเอง   เช่นนั้นหลายพันล้านคนล้วนจะมาบำเพ็ญต้าฝ่าในทันที     ถ้าหากไม่เลือกรูปแบบการบำเพ็ญอย่างนี้   หลายพันล้านคนออกบวช  กล่าวสำหรับสังคมมนุษย์นั่นก็คือภัยพิบัติ   คือการไม่รับผิดชอบต่อมนุษยชาติ และฝ่าในชั้นนี้     แม้ว่าข้าพเจ้าแบ่งทำเป็นสองช่วงแล้ว  ไม่มีเรื่องเหล่านี้เกิดขึ้น   แต่ในอนาคตไม่ใช่จะมีคนบำเพ็ญต้าฝ่ามากมายหรอกหรือ?  เช่นนั้นรูปแบบการบำเพ็ญแบบนี้ ก็ย่อมจะเป็นหนทางที่เหลือไว้ให้กับผู้บำเพ็ญมากมายในอนาคต

            มองจากภาระรับผิดชอบของศิษย์ต้าฝ่า   มีหลายเรื่องยังจำเป็นต้องไปทำแบบเจาะลึกยิ่งขึ้น  โดยเฉพาะคือการอธิบายความจริง   เจาะลึกเข้าไปทำเรื่องการอธิบายความจริงนี้ให้ดียิ่งขึ้น   (มัน)สัมพันธ์กับการได้ฝ่าของคนในอนาคต  สัมพันธ์กับสรรพชีวิตที่จะได้รับการช่วยเหลือ  สัมพันธ์กับการปฏิเสธอิทธิพลเก่า   สัมพันธ์กับการขจัดพวกชั่วร้ายและการประทุษร้ายครั้งนี้  และสัมพันธ์กับการหยวนหมั่นของแต่ละคน    ที่จริงผู้ฝึกบางคนตลอดมาทำได้ไม่ค่อยดีในทางปฏิบัติ   และมีผู้ฝึกจีนแผ่นดินใหญ่ไม่น้อยยังคงอาศัยข้ออ้าง ไม่ยอมก้าวออกมา   ยังมีหลายคนถูกล้างสมอง  ตนเองรู้สึกขายหน้าคนอื่น  และรู้สึกละอาย  ไม่มีหน้าจะก้าวออกมา  ท้อแท้หมดอาลัยตายอยาก   ยังมีคนแบบนี้ส่วนหนึ่งไม่ยอมก้าวออกมาโดยตลอด   หลบอยู่ในบ้านอ่านหนังสือ  ยังหาข้ออ้าง  ที่แท้คือจิตหวาดกลัวกำลังก่อเหตุ   ข้าพเจ้าก็หวังว่าศิษย์ต้าฝ่าจีนแผ่นดินใหญ่คนอื่นๆจะช่วยเหลือคนเหล่านี้   บอกให้พวกเขาก้าวออกมาทำเรื่องที่ศิษย์ต้าฝ่าสมควรทำ   เรื่องนี้ยังไม่สิ้นสุดนะ  สำหรับชีวิตใดๆ ล้วนคือวาสนา   ล้วนคือโอกาส

            การช่วยเหลือสรรพชีวิต  มองในสายตาของเทพ  ไม่ใช่เหมือนสังคมมนุษย์อย่างแน่นอนที่คนๆ หนึ่งทำผิดแล้ว ไปใช้รูปแบบของคน ทำให้คนแก้ไขเปลี่ยนแปลง ใช้วิธีการอย่างนั้น เทพนั้นเมตตา  มีการอภัยที่ยิ่งใหญ่ที่สุด   รับผิดชอบต่อชีวิตอย่างแท้จริง   และไม่ให้ความสำคัญกับการกระทำชั่วครั้งชั่วคราวของคน   เพราะเทพทำให้ชีวิตหนึ่งๆเกิดการรู้แจ้งจากแก่นแท้   เบิกความสว่างทางปัญญาของจิตพุทธของชีวิตหนึ่งๆจากแก่นแท้   เมื่อมองจากจุดนี้   การอธิบายความจริงของทุกท่านยังต้องเพิ่ม ระดับความพยายามขึ้นอีกหน่อย  ยังต้องทำแบบเจาะลึกยิ่งขึ้น  ดียิ่งขึ้น  จริงจังมากขึ้น  อย่าทำอย่างขอไปทีอย่างเด็ดขาด ทำอย่างจริงจังให้ดีจึงจะสามารถช่วยเหลือคนได้มาก   ดังนั้นในจีนแผ่นดินใหญ่ คนบางคนและคนที่มีจุดประสงค์อื่น ไม่ว่าจะใช้ข้ออ้างอะไรไปบอกให้ผู้ฝึกไม่ต้องอธิบายความจริงนั้นล้วนเป็นการรบกวน  ล้วนเป็นพวกชั่วร้ายที่กำลังใช้คนรบกวน   ผู้ที่ทำเช่นนี้ถ้าไม่ใช่รับรู้ในทางที่ผิด ก็ถูกสิ่งชั่วร้ายใช้ประโยชน์แล้ว หรือคนที่มีจุดประสงค์อื่นกำลังก่อให้เกิดผลด้านลบ   เรื่องการอธิบายความจริงนี้จะต้องทำ   และจะต้องทำให้ถึงที่สุด   เรื่องนี้ไม่ได้ทำตามการจัดวางของอิทธิพลเก่า  พวกเรานั้นปฏิเสธอิทธิพลเก่าทั่วทุกด้าน(ทั้งหมด)

        พูดอีกปัญหาหนึ่ง   ทุกท่านทราบว่าศิษย์ต้าฝ่าบำเพ็ญในท่ามกลางการยืนยันความถูกต้องของฝ่าเรื่อยมา  มีสิ่งต่างๆ มากมายที่ไม่ดีซึ่งก่อเกิดขึ้นมาในหมู่คนธรรมดาสามัญนั้น  พวกท่านก็ค่อยๆสลัดทิ้งไปในขั้นตอนการบำเพ็ญเรื่อยมา   แต่มีบางสิ่งบางอย่างมันเพียงแต่ลดน้อยลงไป   หลายๆสิ่งก็สลัดทิ้งไปได้หมดจริงๆ แล้ว  เช่นนั้นสิ่งที่ลดน้อยลงนั้นก็คือไม่ได้สลัดทิ้งไปทั้งหมด   สิ่งที่ยังไม่อาจสลัดทิ้งไปได้หมดนั้นก็มีจุดประสงค์อยู่   คือให้ทุกท่านสามารถดำเนินชีวิตอยู่ในสังคมคนธรรมดาสามัญก่อนที่จะหยวนหมั่น   สามารถอยู่ในสังคมคนธรรมดาสามัญช่วยเหลือสรรพชีวิต   สามารถทำเรื่องที่ศิษย์ต้าฝ่าในวันนี้สมควรทำ    แต่ว่านะ  เพราะมีจิตเหล่านี้  จึงมักจะสะท้อนออกมาในการบำเพ็ญ ในการดำรงชีพของท่าน   คำพูด การกระทำของท่านในสภาพแวดล้อมที่ต่างกัน  กระทั่งความนึกคิดในเวลาปกติของท่าน ก็จะสะท้อนออกมาได้   เมื่อท่านถูกจิตของคนธรรมดาสามัญชักนำแล้ว  ในพริบตานั้น หรือในชั่วขณะนั้น ในเรื่องราวนั้นๆ  พฤติกรรมของท่านก็เท่ากับเป็นคนธรรมดาสามัญ     หากท่านไม่อาจปฏิบัติตามข้อกำหนดของศิษย์ต้าฝ่า และผู้บำเพ็ญบ่อยๆ  นั่นมิใช่เป็นคนธรรมดาสามัญหรอกหรือ ?

            ไม่กลัวว่าจะมีสิ่งที่เป็นของคนธรรมดาสามัญเหล่านี้    หากสามารถควบคุมมันได้ ทางพฤติกรรม สามารถยืนหยัดในตนเอง  ยืนหยัดความคิดที่ถูกต้อง ทางพฤติกรรมทำได้ดี นี่จึงเป็นการบำเพ็ญ  ถ้าไม่มีสิ่งนี้ยังไม่นับว่าบำเพ็ญ  ก็เพราะมีสิ่งนี้   ท่านสามารถบำเพ็ญตนเอง   จากนั้นสามารถยืนหยัดตนเอง  ในสภาพแวดล้อมที่สลับซับซ้อนนี้   ในการประทุษร้ายครั้งนี้ สามารถบำเพ็ญตนเอง  นี่ก็ยิ่งแสดงออกซึ่งความยอดเยี่ยมของศิษย์ต้าฝ่า  เป็นความสัมพันธ์เช่นนี้   แต่หากทุกท่านไม่ระมัดระวัง  หลายๆครั้งมันสามารถแสดงออกมาแบบยึดติดมาก

            ที่จริงบ่อยครั้งที่ศิษย์ต้าฝ่าเพื่อที่จะทำเรื่องอธิบายความจริงให้ดีในการยืนยันความถูกต้องของฝ่า  ทำเรื่องอื่นๆของศิษย์ต้าฝ่าให้ดี  ทุกท่านจึงมีเรื่องโต้เถียงกันบ่อยๆ   การแสดงออกของหลายๆคน ทุกท่านก็มองเห็นกันแล้ว  ว่าจิตคนธรรมดาสามัญนั้นหนักมาก   ผู้ฝึกบางคนถูกจิตของคนธรรมดาสามัญชักนำอย่างง่ายดาย    นานมาแล้วที่ข้าพเจ้าเฝ้าสังเกตสภาพการณ์หนึ่ง    ตลอดมาข้าพเจ้าก็ไม่ได้พูดกับทุกท่าน   เพราะว่าพวกท่านอธิบายความจริง  ทำเรื่องอื่นๆของการยืนยันความความถูกต้องของฝ่า ซึ่งล้วนสำคัญมาก  ข้าพเจ้าไม่อยากให้มันถูกเจือจางด้วยเหตุนี้   ดังนั้นตลอดมาข้าพเจ้าจึงไม่พูด     พวกท่านสังเกตหรือไม่ว่า   พวกเรามีผู้ฝึกหลายๆ คนที่ไม่อาจให้ผู้อื่นว่ากล่าวได้  ว่าทีไรก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ   ว่าทีไรในใจก็ทนไม่ได้แล้ว   สิ่งนี้หนา ช่างโดดเด่นมากแล้ว    พวกท่านคิดดูให้ละเอียดซิ  แม้แต่ข้าพเจ้าผู้เป็นอาจารย์นี้ก็ว่าพวกท่านไม่ได้แล้ว    วันนี้พวกท่านล้วนทราบว่าอาจารย์นั้นหวังดีต่อท่านจริงๆ   บรรยายธรรมแก่ท่านด้วยความเมตตา    ถ้าหากข้าพเจ้าเปลี่ยนท่าทีในฉับพลัน  ข้าพเจ้าลองเปลี่ยนสีหน้าพูดกับท่าน   ท่านก็จะรับไม่ได้ในทันที   จริงๆนะ   บางคนพูดว่า อาจารย์ว่าฉันอย่างไรฉันก็รับได้  นั่นคือท่านกำลังคิดแบบทึกทักเอาเอง    เนื่องจากการบำเพ็ญนั้นเป็นเรื่องจริงจัง จำเป็นต้องบรรลุถึงมาตรฐานนั้นให้ได้จริงๆ

            ทุกท่านทราบว่า  มีหลายสิ่งหลายอย่าง   จิตยึดติดหลายชนิด เหตุใดจะสลัดทิ้งไปอย่างไรก็ทิ้งไปไม่ได้?  ทำไมช่างยากเย็นเช่นนั้น?  ข้าพเจ้าพูดกับทุกท่านมาโดยตลอดว่า  อนุภาคนั้นประกอบกันขึ้นมาจากระดับจุลภาคทีละชั้นๆ เรื่อยมาจนถึงสสารชั้นผิวนอก  หากอยู่ในระดับจุลภาคอย่างยิ่ง ทุกท่านลองดู สสารที่สร้างขึ้นมาจากสิ่งยึดติดในความคิดคืออะไร? คือ ภูเขา ภูเขาที่ใหญ่มหึมา  เหมือนหินที่แกร่งแบบหินแกรนิต   พอมันเกิดขึ้นคนก็ขยับมันไม่ได้แล้ว  ในอดีตทุกท่านทราบว่ามีผู้บำเพ็ญมากมาย ล้วนแต่บำเพ็ญจิตรอง  อาจารย์ของพวกเขาเมื่อเผชิญกับเรื่องเหล่านี้  ก็ไม่มีกำลังที่จะจัดการได้จริงๆ  ดังนั้นในการบำเพ็ญ ร่างกายนี้พวกเขาจึงเอาไปไม่ได้จริงๆ    เพราะในการบำเพ็ญ พวกเขาขจัดภูเขาใหญ่เหล่านั้นทิ้งไปไม่ได้   พวกเขาเจาะภูเขาใหญ่นั้นไม่เข้า   พวกเขาเพียงคิดหาวิธีการควบคุมมันไว้    ควบคุมมันในระหว่างฝึกสมาธิ  ในขณะที่ไร้ความนึกคิดใดๆ  ไม่ให้มันแสดงบทบาทตลอดชั่วชีวิตนี้   ในระหว่างขั้นตอนการบำเพ็ญไม่ให้มันเกิดความนึกคิด   ก็ทำได้เพียงเท่านี้   พยายามทำให้ด้านที่สามารถได้ธรรม(เต๋า)นั้นไม่ได้รับผลกระทบจากมัน  ไม่ถึงกับก่อให้เกิดสิ่งยึดติดเหล่านี้   ผลสะท้อนที่ไม่ดีเหล่านี้จะทำให้เขาบำเพ็ญไม่สำเร็จ  ทำให้เขาตกลงมา  ไม่ถึงกับให้เป็นเช่นนี้    ดังนั้นพอถึงเวลาหนึ่งที่กำหนด   เวลาที่สามารถจะหยวนหมั่น  ก็ทิ้งร่างกายนี้ไปทันที  วินาทีเดียวก็รอไม่ได้

ถ้าหากผู้บำเพ็ญคนหนึ่งไม่คิดที่จะทิ้งจิตยึดติดของตน    ข้ออ้างที่มักสรรหาออกมาเสมอคือ “คนอื่นพูดกับฉันๆไม่อยากฟัง อาจารย์พูดกับฉันๆ ค่อยอยากฟัง” เมื่ออาจารย์พูดกับท่าน ภูเขาใหญ่ของท่านนั้น ก็หายวับไปเองได้แล้วหรือ?  หินแกร่งนั้นไม่ต้องบำเพ็ญ  ในทันใดก็สลายไปได้แล้วหรือ?   ถ้าข้าพเจ้าทำอย่างนี้ให้กับท่าน นั่นก็ไม่นับว่าท่านบำเพ็ญแล้ว   ดังนั้นไม่อาจทำเช่นนี้ได้   ต้องอาศัยตัวท่านเองบำเพ็ญมันทิ้งไป   มีเรื่องมากมายที่พวกท่านทำไม่ได้  แต่อาจารย์นะทำได้  แต่อาจารย์ทำอย่างไรละ?  ไม่ใช่ว่าพอข้าพเจ้าติดต่อสัมผัสกับท่านก็เอาทิ้งไป    เวลาที่ท่านยืนหยัดในความคิดที่ถูกต้อง   เวลาที่ท่านสามารถผลักไสมันออกไป  ข้าพเจ้าก็จะค่อยๆเอามันทิ้งไปให้ท่าน   ท่านสามารถทำได้แค่ไหน  ข้าพเจ้าก็เอาทิ้งไปเท่านั้น   ก็สลายให้กับท่านเท่านั้น  (เสียงปรบมือ)  แต่ว่ากล่าวสำหรับผู้บำเพ็ญนะ  ท่านต้องกำหนดตัวเองเหมือนผู้บำเพ็ญที่แท้จริง   แม้ว่าบางครั้งท่านทำไม่ถึง  อย่างน้อยที่สุดท่านต้องมีความคิดที่ถูกต้องอย่างนี้  ท่านต้องบำเพ็ญตัวเอง

            ขณะนี้ผู้ฝึกจำนวนมากไม่สำนึกเอาเสียเลย   เป็นเวลานานมาแล้วที่อาจารย์ไม่ได้พูดถึงปัญหาด้านนี้   คนจำนวนมากกำลังปล่อยสิ่งเหล่านี้กำเริบ   ใน[จ้วนฝ่าหลุน] ข้าพเจ้าได้พูดปัญหาเหล่านี้ตั้งนานมาแล้ว  นี่คือสิ่งที่ผู้บำเพ็ญต้องทำให้ได้ตั้งแต่เริ่มต้น  “ถูกตีไม่ตีตอบ ถูกด่าไม่ด่าตอบ” ไม่ใช่ทำได้แต่ปาก แต่จิตต้องไม่หวั่นไหวเลย นี่คือสิ่งที่รับรู้ได้จากในฝ่า ข้าพเจ้าบอกพวกท่านศึกษาฝ่าให้มาก ศึกษาฝ่า  ศึกษาฝ่า ศึกษาฝ่าหนา เมื่อพวกท่านไม่ใส่ใจศึกษาฝ่า สิ่งเหล่านี้ก็จะกำเริบขึ้นมาแน่นอน   จึงไม่อยากฟังคำพูดที่ไม่น่าฟัง   จึงชอบฟังคำพูดที่น่าฟัง  คนอื่นอย่าได้เสียดสีฉัน  ทุกท่านคิดดู  คนธรรมดาสามัญมิใช่คิดจะมีความสุขกับเรื่องน่ายินดีเหล่านี้ในหมู่คนธรรมดาสามัญหรอกหรือ? มีความสุขกับคำพูดที่น่าฟัง? การเป็นผู้บำเพ็ญ  ท่านต้องการสิ่งเหล่านี้ของคนธรรมดาสามัญหรือ? ข้าพเจ้าขอบอกพวกท่าน  การเป็นผู้บำเพ็ญ ท่านก็อยู่ในหมู่คนธรรมดาสามัญ  ท่านก็ต้องฟังสิ่งที่ไม่น่าฟังเหล่านั้น  ท่านก็ต้องสามารถฟังสิ่งที่ไม่น่าฟังเหล่านั้น (เสียงปรบมือ)  มิฉะนั้นปัญหาการบำเพ็ญขั้นพื้นฐานที่สุดนี้ ท่านล้วนไม่ได้แก้ไข    ตัวเองยังเรียกตัวเองว่าศิษย์ต้าฝ่า

ผู้บำเพ็ญคนหนึ่งนะ  ทำไมบางทีพวกเราโต้เถียงกันไม่ยอมหยุด? ทำไมเอาแต่เน้นย้ำเรื่องท่าทีของคนอื่น? ทำไมพอคนอื่นพูดอะไรใจก็หวั่นไหว? ไม่ใช่ว่าถูกด่าใจก็ไม่หวั่นไหวหรอกหรือ?  ในความขัดแย้งมีองค์ประกอบมากมายคือสิ่งเหล่านั้นที่กำลังก่อปฏิกิริยา  ใครแตะถูกสิ่งนี้ก็จะหุนหันพลันแล่น  หัวใจถึงกับเต้นโครมคราม   ชั่วขณะนั้นก็คิดไม่ถึงการรับผิดชอบต่อฝ่าแล้ว   เพราะตนเองโกรธไม่ยอมหาย  บางคนมักเน้นย้ำว่า  เฮ้อ คนนั้นทำไมมีท่าทีไม่ดีอย่างนี้เสมอ?  ทำไมกับใครเขาก็ปฏิบัติอย่างนี้นะ?  และมีคนพูดว่า  ทุกคนต่างมีข้อคิดเห็นต่อเขา  ถ้าจะให้ข้าพเจ้าผู้เป็นอาจารย์นี้พูดนะ  ทุกท่านผิดกันหมดแล้ว  พวกท่านล้วนไม่มีใจที่จะฟังคำพูดที่ดีแล้ว   เวลาใดที่พวกท่านสามารถทำได้ถึงกับถูกด่าใจก็ไม่หวั่นไหวแล้ว  ท่านดูซิว่าเขายังทำอย่างนี้ได้ไหม?  ก็เพราะพวกท่านล้วนมีจิตแบบนี้   จึงมีองค์ประกอบที่สามารถโจมตีจิตใจของพวกท่านอยู่   และก็เพราะพวกท่านมีใจเช่นนี้ขึ้นมา  พวกท่านจึงรู้สึกขัดเคือง  พวกท่านล้วนมีใจอย่างนี้   พวกท่านจึงกลายเป็นว่า ทุกคนต่างรู้สึกขัดเคืองที่จิตใจของพวกท่านถูกโจมตี หากพวกท่านต่างสามารถมีสภาวะจิตที่มั่นคงขณะถูกโจมตีด้วยคำพูดที่รุนแรง  ใจไม่หวั่นไหวแต่อย่างใดเลย   พวกท่านดูซิว่า   ยังจะมีองค์ประกอบอย่างนี้ดำรงอยู่อีกไหม?

            ข้าพเจ้าไม่ใช่พูดกับทุกท่านหรือว่า ผู้บำเพ็ญนั้นไม่มีเรื่องที่บังเอิญใดๆ เลย?   ข้าพเจ้าไม่ใช่พูดกับพวกท่านหลายๆครั้งหรือว่า  ผู้บำเพ็ญใจต้องไม่หวั่นไหว?  วันนี้อาจารย์ก็เป็นรูปลักษณ์ของกายเนื้ออยู่ในโลกมนุษย์  แต่อาจารย์มีความสามารถมากมาย  ข้าพเจ้ามีฝ่าเซินนับไม่ถ้วน  ซึ่งล้วนแต่กำลังจัดการเรื่องที่ควรจัดการของศิษย์ต้าฝ่า  ในระหว่างการเจิ้งฝ่าจัดการเรื่องของการเจิ้งฝ่า  กำลังทำเรื่องต่างๆมากมาย  ทว่าไม่ปรากฏออกมาในฝั่งนี้   แต่ว่าสิ่งที่ข้าพเจ้าพูดกับพวกท่านคือหลักธรรมที่ถูกต้องเที่ยงแท้   คือหลักธรรมของจักรวาล  คือหลักธรรมที่สร้างผู้รู้แจ้งที่ยิ่งใหญ่   กล่าวสำหรับศิษย์ต้าฝ่า  สิ่งที่ใฝ่หาคืออะไร   สิ่งที่บำเพ็ญคืออะไร   สิ่งพื้นฐานที่สุดนี้  ธรรมดาที่สุดนี้  ก็ลืมกันหมดแล้วหรือ ?

            ใช่ละ  ทุกท่านกำลังอธิบายความจริง  หลายๆเรื่องทำกันจนรัดตัวมาก  และยังมีเรื่องที่จะทำอีกหลายเรื่อง   ได้แสดงถึงความยอดเยี่ยมด้านนั้นของศิษย์ต้าฝ่า แต่สิ่งพื้นฐานที่สุดก็อย่าลืมบำเพ็ญมันทิ้งไป   นั่นไม่ใช่พูดกันว่าพอถึงเวลาที่สำคัญฉันก็ทำได้แล้ว  ไม่แน่เสมอไป  ความขัดแย้งใดๆที่มาล้วนแต่เป็นแบบฉับพลัน    ถึงเวลาที่สำคัญท่านอาจจะทำไม่ได้  เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่คาดคิดได้  และไม่ใช่ทำแต่ปาก  ก็เหมือนการบำเพ็ญพุทธะ  ที่พูดว่าพอฉันขึ้นไปบนนั้นจริงๆรับรองว่าฉันทำได้  จิตอะไรฉันก็ไม่เอา  แต่ว่าองค์ประกอบเหล่านั้นที่ท่านไม่ได้ทิ้งไป มันจะใช้ได้อย่างไรกันละ?  มันใช้ไม่ได้  เพราะชีวิตนี้ก็สร้างขึ้นมาแบบนี้ หินก้อนหนึ่ง ท่านวางไว้ที่ไหนมันก็ยังเป็นหิน    ทองก้อนหนึ่งท่านวางไว้ที่ไหนมันก็เป็นทองใช่ไหม

            ทุกท่านล้วนทราบว่า   ความคิดที่อยู่ในระหว่างการบำเพ็ญ ท่านไม่มีเจตนาไปคิดอะไร มันเองก็จะสะท้อนความคิดที่ไม่ดีออกมาได้  เพราะอะไรละ ? ไม่ใช่เพราะมันมีสิ่งนี้หรอกหรือ? เมื่อเกิดความขัดแย้งใดๆขึ้นมา  เกิดเรื่องอะไรขึ้นมา   ข้าพเจ้าเคยบอกพวกท่าน  นอกจากคู่กรณีที่เกิดขัดแย้งกัน ซึ่งต้องค้นหาสาเหตุของตนเอง  บุคคลที่สามก็ต้องคิดพิจารณาตัวเองด้วย ว่าทำไมจึงให้ท่านพบเห็น?  ยิ่งพวกเราเป็นคู่กรณีฝ่ายหนึ่งของความขัดแย้งโดยตรง   เหตุใดจึงไม่บำเพ็ญตัวเองละ?

            วันนี้ที่ยกปัญหานี้ขึ้นมา  ข้าพเจ้าก็หาโอกาสอย่างนี้  รู้สึกว่าสมควรพูดแล้ว   เมื่อพูดออกมาทุกท่านพึงต้องระวัง  ก็ต้องเห็นความสำคัญขึ้นมาแล้ว   ทำให้ศิษย์ต้าฝ่าทำเรื่องการยืนยันความถูกต้องของฝ่านี้ให้ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้น  อย่าเหมือนกับคนธรรมดาสามัญ  คนธรรมดาสามัญทำเรื่องของต้าฝ่านั้นเพียงบุญวาสนา  แต่ศิษย์ต้าฝ่าทำเรื่องการยืนยันความถูกต้องของฝ่านั้นเป็นคุณูปการ  ต้องหยวนหมั่นตนเองให้ดี

            จะพูดอีกเรื่องหนึ่ง  ทุกท่านทราบว่า  ศิษย์ต้าฝ่ามีหลายๆเรื่องที่จะเหลือไว้ให้กับอนาคต  ซึ่งไม่แน่ว่าจะเหลือไว้ให้คน   บางทีในท่ามกลางจักรวาล   พวกท่านกำลังยืนยันความถูกต้องของฝ่าใช่ไหม  กำลังสำรวจดูด้านใดบ้างที่(ตนเอง)ใช้ได้หรือไม่ได้ ก้าวไปสู่เส้นทางของอนาคต   แม้ว่ามันปรากฏออกมาบนโลก  ที่ของคนนี้   แต่หากขยายให้ใหญ่แล้ว  ในเขตแดนที่ต่างกัน  นั่นก็เป็นปรากฏการณ์อีกอย่างหนึ่งแล้ว   ศิษย์ต้าฝ่าแต่ละคนล้วนต้องเดินออกไปบนหนทางของตนเอง   ในเส้นทางของการบำเพ็ญ  ระหว่างทุกท่านด้วยกันล้วนเป็นสิ่งที่ไม่เหมือนกันเลย  ก็คือพูดว่าเส้นทางการบำเพ็ญของแต่ละคนล้วนต่างกัน   สภาพการณ์นานาชนิดของชีวิตในอนาคตของจักรวาลในระดับชั้นที่ต่างกัน  ณ ที่พวกท่านนี้อาจจะปรากฏออกมาในระดับหนึ่ง   จึงดูว่าการเดินบนหนทางของตนเองในการยืนยันความถูกต้องของฝ่านั้นเที่ยงตรงหรือไม่  ดีหรือไม่ดี  ใช้ได้หรือไม่  และยังมีองค์ประกอบที่ใหญ่เช่นนี้อยู่ข้างในด้วย

ในหมู่พวกท่าน  มีส่วนหนึ่งที่มีความสามารถพิเศษติดตัวในการบำเพ็ญ  บางคนสามารถมองเห็น  บางคนสามารถใช้ความสามารถพิเศษบางอย่าง เมื่อครู่ข้าพเจ้าพูดว่า แต่ละคนล้วนเดินบนหนทางที่ศิษย์ต้าฝ่าสมควรเดิน  เส้นทางที่พวกท่านเดิน ล้วนมีผลกระทบต่ออนาคตของจักรวาล  ถ้าหากให้ศิษย์ต้าฝ่าคนไหนบำเพ็ญโดยมีความสามารถพิเศษติดตัวนั้นย่อมต้องมีสาเหตุ(เหตุผล)  แน่นอนว่าย่อมเป็นการวางรากฐานอะไรให้กับชีวิตในอนาคต  เพราะศิษย์ต้าฝ่ามีภาระรับผิดชอบที่ใหญ่หลวงเช่นนี้  ก็คือแบกภาระที่หนักเช่นนี้อยู่กับตัว  มีเรื่องมากมายข้าพเจ้าไม่ได้บอกกับพวกท่าน  ไม่อยากจะบอกให้กระจ่างเพราะเกรงพวกท่านจะเกิดจิตยึดติดต่างๆนาๆ

ถ้าหากคนส่วนนี้ที่มีความสามารถพิเศษติดตัวในการบำเพ็ญ ไม่ได้เดินบนเส้นทางของตนเองให้ดี วันนี้ถูกรบกวนแล้ว พรุ่งนี้ก็รับรู้ผิดๆแล้ว  มะรืนนี้ก็ถูกของอะไรทำเสียจนจิตใจเดือดพล่าน (ขาดสติ) หาทิศทางไม่เจอแล้ว  ข้าพเจ้าขอบอกทุกท่านนั่นก็คือท่านไม่ได้เดินให้ดี บนทางนี้ที่จัดวางไว้ให้ท่าน   เพราะในจักรวาลนี้มีองค์ประกอบอย่างนี้ให้กับท่าน  ให้ท่านมาเดิน ทุกท่านฟังเข้าใจความหมายที่ข้าพเจ้าพูดแล้วใช่ไหม? (เสียงปรบมือ) แต่มีผู้ฝึกที่มีความสามารถพิเศษบางคนกลับสร้างความผิดหวังต่อภารกิจที่ใหญ่หลวง ไม่เดินให้ดี คิดว่าตนเองมีความสามารถหน่อย ก็กระหยิ่มใจ กระทั่งไม่เพียงเป็นปัญหาการโอ้อวดอย่างเดียว  กระทั่งเดินทางอ้อมเป็นรอบใหญ่  กระทั่งมีความรับรู้(อู้)ผิดๆ ก็ยังไม่รับรู้  ท่านสร้างความผิดหวังต่อภารกิจที่ใหญ่หลวงซึ่งจักรวาลมอบหมายต่อท่าน  นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ  ดังนั้นกล่าวสำหรับศิษย์ต้าฝ่าต้องระวังทุกๆด้าน ศิษย์ต้าฝ่าหันกลับมามองดูเส้นทางที่ท่านเดิน  ในสภาพแวดล้อมที่ต่างกัน  แต่ละคนล้วนกำลังเดินบนทางของตนเอง  ซึ่งรวมทั้งการทำงานของท่านบนโลก  วิธีการดำเนินชีวิตของท่าน ล้วนแต่มีสาเหตุ(เหตุผล)

ฝ่าที่ข้าพเจ้าบรรยายในวันนี้  ครอบคลุมถึงผู้ฝึกในและนอกจีนแผ่นดินใหญ่ทั้งหมด นี่เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในภาพรวม  การยืนยันความถูกต้องของฝ่า ในช่วงนี้ของศิษย์ต้าฝ่าที่จริงล้วนทำได้ดีมาก    มีเรื่องรูปธรรมมากมายข้าพเจ้าไม่อยากพูด  เพราะว่าความดีงามนั้น  ความมหัศจรรย์นั้น  ความศักดิ์สิทธิ์นั้น   ยังคงเป็นสิ่งที่เหลือไว้ให้พวกท่านไปดูกันเอง   ในเวลานี้เพียงแต่สามารถทำ 3 เรื่องที่ศิษย์ต้าฝ่าควรทำให้ดีได้อย่างมั่นคงราบรื่น   พวกท่านก็จะสามารถก้าวข้ามมาได้  ก้าวข้ามมาได้แน่นอน (เสียงปรบมือ)

ข้าพเจ้ายังคงต้องพูดคำนั้น ข้าพเจ้าไม่อยากปล่อยให้ใครตกหล่นแม้สักคน  ดังนั้นความคิดของอาจารย์มักจะไม่เหมือนอย่างที่ท่านคิด  บางครั้งพวกท่านรู้สึกว่าบางคนไม่อาจจะวางใจ  บางคนไม่ควรช่วยเหลือ  บางคนเป็นอย่างนั้น อย่างนี้   ข้าพเจ้ากลับไม่คิดเหมือนพวกท่าน ทุกท่านทราบว่า วันนี้ประตูช่วยเหลือคนที่ข้าพเจ้าเปิดไว้นั้นกว้างมาก  งานของสรรพชีวิตในสังคมมนุษย์ก็เป็นเช่นนี้   ทำอะไรก็มีทั้งนั้น   แต่ละคนนั้นข้าพเจ้าก็คิดจะช่วยเหลือหมด ขอเพียงเขาศึกษาฝ่าแล้ว  ข้าพเจ้าก็คิดช่วยเหลือเขา   ข้าพเจ้าไม่คิดจะปล่อยพวกเขาทิ้งไว้ ( เสียงปรบมือ)  พวกท่านจะทำอย่างไรจึงจะสามารถที่จะสร้างความคิดที่ถูกต้องที่เข้มแข็งยิ่งขึ้นในหมู่ศิษย์ต้าฝ่านั่นจึงเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด  เริ่มจากแต่ละคน เปลี่ยนสภาพแวดล้อมของพวกเรานี้ให้ถูกต้องมากๆอย่างแท้จริง   องค์ประกอบที่ไม่เที่ยงตรงทั้งหมดก็จะสลายไป  ผู้ฝึกทั้งหมดที่ทำได้ไม่ดีก็จะเห็นความบกพร่องของตนเอง  ก็จะกระตุ้นให้พวกเขาทำได้ดี

คนเอย  ชีวิตหนึ่งในประวัติศาสตร์ของวันนี้สามารถได้ฝ่า  นั่นไม่ใช่เรื่องธรรมดาๆ  ช่างโชคดีเหลือเกินแล้ว!  แต่ครั้นเมื่อเขาสูญเสียไป  ทุกท่านทราบไหมว่าอะไรจะรออยู่ข้างหน้า? เป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก  เนื่องจากความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่นั้นและภารกิจอันใหญ่หลวงที่ได้มอบให้  เมื่อเขาไม่ทำให้เสร็จสมบูรณ์  เช่นนั้นพูดในทางตรงข้าม กับการหยวนหมั่นของชีวิตหนึ่ง   นั่นคือการเปรียบเทียบในทางกลับกัน   ชีวิตนั้น ก็จะเข้าสู่ประตูแห่งการไร้ชีวิตแล้วจริงๆ   พวกท่านก็ไม่สามารถจะทิ้งคนๆหนึ่งไปโดยไม่ระมัดระวังให้กับข้าพเจ้า ไม่ว่าคนๆนี้มีความผิดอย่างไร  เขาเป็นคนแบบไหน  ข้าพเจ้าล้วนแต่คิดจะให้โอกาสเขา แน่นอน   สังคมมนุษย์นั้นจริงๆถึงอย่างไรก็มีคนกลุ่มหนึ่งที่ใช้ไม่ได้แล้ว  นั่นก็ปล่อยเขาไป  สิ่งสำคัญที่ข้าพเจ้าพูดในวันนี้คือ  ศิษย์ต้าฝ่าเราต้องทำให้ดียิ่งขึ้น   คนที่ได้ฝ่าแล้วก็ต้องเห็นคุณค่าในตัวเขา  

ผู้ที่ทำได้ไม่ดี ควรคิดให้ละเอียดสักครั้ง  อย่าได้ถือเอาความเมตตาของอาจารย์เป็นเรื่องล้อเล่น   ท่านไม่เชื่อก็ได้  ท่านก็สามารถเดินบนทางของตนเอง   แต่ข้าพเจ้าขอพูดอีกครั้ง   เรื่องใหญ่อย่างนี้ซึ่งเกิดขึ้นในสังคมมนุษย์  การกระทำของคนกลุ่มใหญ่อย่างนี้ในสังคม   ฝ่าที่ข้าพเจ้า หลี่หงจื้อพูดออกมา คือสิ่งที่คนตั้งแต่โบราณกาลมา ล้วนต้องการจะรู้   ล้วนต้องการจะได้แต่ไม่ได้ (เสียงปรบมือ) ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ   สงบจิตใจคิดๆดู   พวกที่ไม่ทำให้ดี   อย่าได้ทำลายสิ่งที่เป็นนิรันดรของตนเองเนื่องจากความไร้สติและจิตยึดติดของคน

ข้าพเจ้าขอพูดเพียงเท่านี้   ขอบใจทุกท่าน  ( เสียงปรบมือ ยาวนาน)