บรรยายธรรม  ณ ที่ประชุมผู้ฝึกภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก

หลี่ หงจื้อ

12 เมษายน ค.ศ. 2004 ที่นิวยอร์ก

 

ศิษย์           ผู้รับผิดชอบบางคนไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง เหมือนกับข้าราชการของคนธรรมดาสามัญ

อาจารย์      ผู้รับผิดชอบจักต้องทำให้ได้  ในการรับฟังยินดีรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง  แต่ถ้ากล่าวจากมุมมองของผู้รับผิดชอบ  พวกเขาเองก็เป็นผู้บำเพ็ญคนหนึ่ง ไม่ได้สมบูรณ์แบบ  ไร้ข้อบกพร่อง    ผู้ฝึกบางคน คิดว่า เหตุใดจึงไม่เลือกคนที่ฉลาดที่สุด ในพื้นที่ของพวกเรา คนที่บำเพ็ญได้ดีที่สุด มารับผิดชอบละ ( ที่ประชุมหัวเราะ)  ไม่ใช่เช่นนี้  ทำไมข้าพเจ้าไม่ออกมาทำ(เลือก)โดยตรงละ ข้าพเจ้านั้นต้องการจะให้โอกาสของการหยวนหมั่น  กับ การสถาปนาธรรมานุภาพนี้แก่พวกท่าน   หากข้าพเจ้ามาทำเสียเอง หรือ ข้าพเจ้าบอกพวกท่านหมด ว่า โดยรูปธรรมของแต่ละเรื่องควรทำกันอย่างไรทุกท่านก็คอยทำตาม  การประสานงานย่อมต้องดีแน่  เพราะเป็นสิ่งที่อาจารย์บอก  หรือ ไม่ได้บอก  ทำตามอาจารย์ละกัน   พวกท่านจะมีธรรมานุภาพหรือไม่   พวกท่านจะสถาปนาอะไรได้    พวกท่านเดินบนหนทางของตนเอง ในท่ามกลาง  การเผชิญกับความยากลำบากหรือไม่   ในการยืนยันความจริงให้ฝ่า เผชิญหน้ากับความยากลำบากอยู่นั้น จะทำสิ่งต่างๆให้ดีได้อย่างไร  ความสำเร็จคือ ผลลัพธ์ของความมานะบากบั่นของพวกท่านเอง  นั่นจึงจะยอดเยี่ยม

            ผู้รับผิดชอบของศิษย์ต้าฝ่า  ที่จริงก็เป็นเพียงผู้ประสานงานคนหนึ่ง ผู้ติดต่อผู้ถ่ายทอดต่อคนหนึ่ง   พวกท่านอย่าถือเอาพวกเขาเหมือนอย่างอาจารย์   ฝากความหวังไว้มากมายเช่นนั้น    กลายเป็นที่พึ่งพาสำหรับการบำเพ็ญของพวกท่าน เรื่องราวอะไร พวกเขาก็ต้องทำได้ดีที่สุด  ไม่ใช่เลย ถ้าหากผู้รับผิดชอบคนนี้ เหมือนอย่างอาจารย์จริงๆแล้ว  หรือว่าคิดปัญหาอะไรได้รอบด้านหมด  ไม่มีผิดพลาดโดยเด็ดขาด   เช่นนั้นพื้นที่นี้  คนจำนวนมากก็จะบำเพ็ญออกมาไม่ได้แล้ว  เพราะเขาคิดได้รอบด้านที่สุดแล้ว  ไม่มีสิ่งที่ท่านคิดเลย   เรื่องที่เขาทำล้วนดีที่สุด   ก็ไม่มีที่ดี ของพวกท่านบ้างเลย  เป็นเหตุผลเช่นนี้กระมัง

            ที่จริงข้าพเจ้าได้บอกกล่าวแก่ผู้รับผิดชอบ พื้นที่ต่างๆ มานานแล้วว่า  ต้องมีการบริหารจัดการแบบหลวมๆ   นอกเหนือจาก เวลาที่พวกท่านร่วมกันทำเรื่องอะไร  ซึ่งจำเป็นต้องประสานซึ่งกันและกันแล้ว   ก็อย่าได้ไปควบคุมการเดินบนหนทางการยืนยันความจริงให้ฝ่าของศิษย์ต้าฝ่าแต่ละคน    เว้นแต่กรณีที่จะก่อเกิดผลที่ไม่ดีต่อต้าฝ่า ก็ต้องห้ามปราม ศิษย์ต้าฝ่าแต่ละคนล้วนต้องแสดงบทบาทของตนอย่างเต็มที่ ไปทำในสิ่งที่ศิษย์ต้าฝ่าสมควรทำด้วยการริเริ่มของตนเอง ในการยืนยันความจริงให้ฝ่า  สิ่งที่พวกท่านคิดได้ เห็นได้ สัมผัสได้สามารถรับรู้ได้  ท่านก็ทำไป   นั่นจึงจะเป็นการเดินบนหนทางของตนเอง  สถาปนาธรรมานุภาพของตนเอง  เป็นเหตุผลเช่นนี้ไหม  (เสียงปรบมือ)

            ข้าพเจ้าพบว่ามีผู้ฝึกบางคน คอยแต่ชำเลืองมองตัวผู้รับผิดชอบ ผู้รับผิดชอบทำไมใช้ไม่ได้ (หัวเราะ)   ถ้าผู้รับผิดชอบดีเป็นพิเศษ  เรื่องอะไรๆก็คาดคะเนได้หมด  ข้าพเจ้ารู้สึกว่าในพื้นที่นี้  ผู้ฝึกอื่นๆย่อมจะแสดงความสามารถของตนเองออกมาไม่ได้แล้ว   ถ้าหากพื้นที่นี้ทำได้ดี  สภาพการณ์จะเป็นแบบนี้แน่นอน คือ ผู้รับผิดชอบเพียงพูดว่าจะทำเรื่องอะไรสักเรื่อง  เหล่าศิษย์ต้าฝ่าก็ประสานงานกัน ด้วยจิตสำนึกของตน ต่อสู้ความยากลำบากแสดงสติปัญญาของศิษย์ต้าฝ่าออกมาอย่างเต็มที่ ทำเรื่องนั้นๆได้ดี  ทำได้สมบูรณ์ดียิ่งขึ้น  นั่นคือ ผู้รับผิดชอบนั้นไม่ได้  พิจารณาเรื่องนี้อย่างเพียงพอ  กระทั่งมีช่องโหว่  แต่ในขั้นตอนการทำงาน  ศิษย์ต้าฝ่าล้วนทำได้เรียบร้อยดี  นั่นจึงจะเป็นธรรมานุภาพของท่าน   ในท่ามกลางความยากลำบาก อย่ามีอารมณ์ขัดเคือง และก็ไม่ต้องให้ใครดู  สิ่งทั้งหมดนี้ที่ท่านทำ   อาจารย์มองเห็นได้  เหล่าเทพมองเห็นได้  ทำได้ดีแล้วนั่นก็ เป็น ธรรมานุภาพนิรันดร ของท่าน

            ในการบำเพ็ญของพวกท่าน   ไม่ควรใช้ตาเฝ้าดูแต่คนอื่นอยู่เรื่อย    ต้องมองตัวเอง  บำเพ็ญตัวเอง มีปัญหาก็มองตัวเอง  ทำอย่างไรจึงจะค้นพบปัญหาของตนเอง   เมื่อมองเห็นข้อด้อยแล้ว  กล่าวสำหรับรายบุคคล  จะทำอย่างไรจึงจะทำแต่ละเรื่องได้ดี  ในขั้นตอนที่ทำอยู่ให้มีความคิดที่ถูกต้อง   เมื่อเผชิญกับความยากลำบากก็แสดงออกซึ่งความคิดถูกต้อง การกระทำถูกต้อง  นั่นจึงจะยอดเยี่ยม  ในฐานะศิษย์ต้าฝ่าคนหนึ่ง นั่นจึงจะเป็นการใช้ความคิดถูกต้องยืนยันความจริงให้ฝ่า  ท่านจึงจะไม่อายที่เป็นศิษย์ต้าฝ่า

ศิษย์            หลายประเทศในเขตเอเชียแปซิฟิกสัมพันธ์อย่างแน่นแฟ้นกับพวกชั่วร้าย ทำให้งานช่วยเหลือสรรพชีวิตมีความแตกต่างกันไกลมาก

อาจารย์       พวกท่านสามารถทำได้แค่ไหนก็ทำแค่นั้น ทำไปตามกำลังให้เต็มที่  เมื่อเงื่อนไขสุกงอมก็ไปทำ  ที่ๆพวกชั่วร้ายกำเริบเสิบสานหนักก็ชะลอหน่อย  ไม่เป็นไร  นี่ไม่ใช่ความผิดของผู้ฝึก  แน่นอนละ  ที่ใดไม่มีศิษย์ต้าฝ่า  ในอนาคตการช่วยเหลือสรรพชีวิตที่นั่นก็จะมีปัญหา   กล่าวสำหรับศิษย์ต้าฝ่า  พวกท่านย่อมคิดถึงปัญหานี้ได้  ทำไปตามสถานการณ์ละกัน   สามารถทำได้แค่ไหนก็ทำแค่นั้น  ที่ทำไม่ไหว ในอนาคตค่อยพูดกัน

ศิษย์            ไม่มีความนึกคิดใดๆ  หรือ กำหนดการ แผนการ ผลลัพธ์ของการยืนยันความจริงให้ฝ่า จะดีมาก  หากเป็นในทางกลับกัน ผลลัพธ์ก็ไม่ดี

อาจารย์       ใช่ มีเรื่องมากมาย ท่านทั้งหลายไปทำโดยไม่มีความนึกคิดของคนธรรมดาสามัญ และไม่มีจิตยึดติดของแต่ละคน  นอกจากการรับผิดชอบต่อฝ่า  พวกท่านไม่มีจิตยึดติดใดๆของคน  ไม่มีสิ่งที่เป็นของๆตน ไม่มีองค์ประกอบส่วนตนอยู่ข้างใน  ย่อมจะทำเรื่องนี้ได้ดีแน่ 

            ท่านทั้งหลายต้องระวังปัญหาหนึ่ง : พวกท่านกำลัง ยืนยันความถูกต้องของฝ่า  ไม่ใช่ยืนยันความจริงให้ตนเอง   ภาระหน้าที่ของศิษย์ต้าฝ่าคือการยืนยันความจริงให้ฝ่า  การยืนยันความจริงให้ฝ่าก็เป็นการบำเพ็ญด้วย   ในการบำเพ็ญก็คือการละทิ้งตัวตน  ที่ยึดติดต่อตัวฉัน  ในทางตรงข้ามอย่าได้ส่งเสริม การยืนยันความจริงให้กับปัญหาของตนแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวชนิดนี้   ในการยืนยันความจริงให้ฝ่ากับการบำเพ็ญ ก็คือขั้นตอนของการละทิ้ง ตัวฉัน (การยึดติดในตน)  เมื่อทำได้(อย่างนี้)แล้ว ท่านจึงจะเป็นการยืนยันความจริงให้ท่านเอง  เพราะสิ่งที่เป็นของคนธรรมดาสามัญ ในที่สุดท่านก็ต้องละทิ้งไปนะ  ปล่อยวางการยึดติดทั้งหมดของคนธรรมดาสามัญ จึงจะสามารถเดินออกไปจาก ความเป็นคนธรรมดาสามัญ

            ท่านเป็นผู้บำเพ็ญ  ท่านต้องมีธรรมานุภาพ   ธรรมานุภาพของท่านมาจากที่ไหนกันละ ไม่ใช่มาจากการที่ท่านสามารถปล่อยวางตนเองในสภาพแวดล้อมที่ยากลำบากอย่างนี้หรือ  ไม่มีตัวเอง  ในฐานะศิษย์ต้าฝ่าคนหนึ่ง   สามารถจะรับผิดชอบต่อฝ่า   ได้อย่างครบถ้วนหรือไม่   สิ่งนี้โดยตัวมันเองไม่ใช่ธรรมานุภาพหรอกหรือ โดยเฉพาะคือสามารถทำได้ ในสภาพแวดล้อมที่ลำบากยากเข็ญ  เมื่อเวลาที่ เน้นหนักตัวเอง  มีตัวตน  ก็ยิ่งไม่มีธรรมานุภาพ  ดังนั้นเรื่องที่ทำก็ไม่อาจสำเร็จได้โดยง่าย   ไม่ง่ายที่จะทำให้ดี   เพราะว่าเรื่องของต้าฝ่าควรจะเป็นสิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด   ดังนั้นยิ่งไม่มีทัศนคติของตนเอง  ไม่มีองค์ประกอบแห่งตน   ทำขึ้นมาก็จะยิ่งดี   ยิ่งสำเร็จได้ง่าย

ศิษย์            บนบอร์ดนิทรรศการแสดงความจริงของต้าฝ่า  จะติดภาพอาจารย์ฝึกพลังอยู่ได้หรือไม่

อาจารย์    ข้าพเจ้าว่าเพื่อการอธิบายความจริง ย่อมไม่มีปัญหา  ท่านทั้งหลายมิใช่ทำกันแล้วหรือ  ( ที่ประชุมหัวเราะ)

ศิษย์     ( อาจารย์ : คำพูด ตามมารยาท ก่อนคำถามจะไม่อ่านแล้วนะ )  สื่อทีวีเอกชนที่ศิษย์ต้าฝ่าทำ ต้องการกำลังคน  กำลังทรัพยากร  กำลังทรัพย์ หมุนเวียนเป็นระยะเวลานาน   แต่ที่สถานีโทรทัศน์ เพื่อนผู้บำเพ็ญมักถามผม ผมเป็นศิษย์จากไต้หวัน ไต้หวันมีคน 3- 5 แสนคน บำเพ็ญต้าฝ่า  การสนับสนุนของสถานีโทรทัศน์ ไม่น่าจะขาดคนอยู่เรื่อย เรียนถามว่า ไต้หวันควรจะเห็นความสำคัญของวิธีการอธิบายความจริง ทางทีวี หรือไม่

อาจารย์            ผู้ที่เข้าใจเทคโนโลยีนี้  ผู้มีความชำนาญ ไม่ว่าไต้หวันก็ดี  พื้นที่อื่นก็ดี  ควรพูดได้ว่า พวกเขาย่อมยินดีต้อนรับแน่นอน

ศิษย์            ความก้าวหน้าในงานแปลหยุดชะงัก  เป็นเพราะถูกรบกวนใช่ไหม

อาจารย์       ควรพูดว่า  เรื่องที่เป็นรูปธรรมซึ่งศิษย์ต้าฝ่าทำล้วนเกี่ยวข้องกับ การบำเพ็ญของแต่ละคน ขณะเดียวกันก็เกี่ยวข้องกับเงื่อนไขของพวกท่าน เรื่องรูปธรรมเหล่านี้ยังคงต้องให้พวกท่านเองร่วมหารือ  ค้นคว้าวิเคราะห์ กัน ว่าจะทำให้ดียิ่งขึ้นได้อย่างไร  เดินบนหนทางของตนเอง หนังสือภาษาต่างประเทศของต้าฝ่าทั้งหมด  ไม่มีสักเล่มที่ข้าพเจ้าแปล  (อาจารย์หัวเราะ ที่ประชุมหัวเราะ) ศิษย์ต้าฝ่าแต่ละคนที่เข้าร่วมต่าง กำลังแบกรับความรับผิดชอบต่างๆกัน   เรื่องงานแปลไม่ใช่ใครสั่งให้ไปทำ  ล้วนเป็นการทำโดยการประสานซึ่งกันและกัน ประสานซึ่งกันและกัน  เช่นนั้นพวกท่านก็คิดหาวิธีทำให้ดียิ่งขึ้นเถอะ ที่พวกท่านทำทั้งหมดล้วนเป็นการยืนยันความจริงให้ฝ่า ล้วนเป็นการบำเพ็ญ ล้วนเป็นสิ่งที่พวกท่านควรทำน็็็็็็็็    ,,,,,                                   

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ศิษย์            การรับสมัครนักเรียนใหม่ของโรงเรียนหมิงฮุ่ยนั้น  ควรจะต้องมีการคัดเลือกหรือไม่ (ที่ประชุมหัวเราะ) เรียนเชิญท่านอาจารย์สอนสั่ง

อาจารย์       ข้าพเจ้าว่าแม้จะทำโรงเรียน  ก็ไม่ควรมีการเลือกรับสมัครนักเรียนเข้าใหม่   ที่จริงท่านทั้งหลายทราบว่า  ต้าฝ่าคือการบำเพ็ญ  นอกเหนือจากการบำเพ็ญแล้วไม่มีอะไรอีก   แม้ว่าทุกวันนี้ศิษย์ต้าฝ่าเดินบนหนทางการบำเพ็ญที่ต่างกัน  เพื่อการอธิบายความจริง  ช่วยเหลือคนมากยิ่งขึ้น  หยุดยั้งการประทุษร้ายครั้งนี้   มีผู้ฝึกที่รวมตัวกันขึ้นมาทำสื่อ ทำนี่ ทำนั่น  และล้วนไม่ใช่สิ่งที่เป็นของต้าฝ่าเอง   นั่นเป็นการเดินบนหนทางของตัวเองในการยืนยันความจริงให้ฝ่าของผู้ฝึก  เป็นสิ่งที่เหล่าผู้ฝึกแต่ละคนก่อตั้งกันขึ้นมาทั้งหมด  ดังนั้นนี่ก็เป็นการสถาปนาธรรมานุภาพของพวกท่านเอง เป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยม 

             ในเมื่อไม่ใช่ของต้าฝ่า นั่นย่อมเป็นของสังคมคนธรรมดาสามัญแน่นอน   ดังนั้นต้องยืนหยัดอยู่กับสังคมคนธรรมดาสามัญได้    โดยเฉพาะคือ  ผู้ที่พวกท่านจะช่วยเหลือคือ สรรพชีวิต ในสังคมคนธรรมดาสามัญ   ดังนั้นพวกท่านก็ต้องเข้าไปใกล้สังคมคนธรรมดาสามัญ   สามารถทำให้มวลชนในสังคมคนธรรมดาสามัญยินดีมาฟังและชมสื่อของพวกท่าน   นั่นจึงจะบรรลุผลที่ดียิ่งขึ้น

                   โรงเรียนหมิงฮุ่ยก็เช่นเดียวกัน  ต้าฝ่าโดยตัวเองไม่มีโรงเรียน  แต่ศิษย์ต้าฝ่ากำลังช่วยเหลือสรรพชีวิต  อธิบายความจริง   และกำลังทำสิ่งที่ดีที่สุดไว้เพื่อชาวโลกในอนาคต  สรรพชีวิตในอนาคต  และกำลังบ่มเพาะศิษย์ต้าฝ่ายุวชนรุ่นใหม่   ไม่ว่าอย่างไรก็ตามเถอะ  สิ่งที่ทำล้วนเป็นเรื่องดี   ทำเรื่องที่ดีเพื่อสรรพชีวิต  จึงไม่ควรแบ่งว่า คนพวกไหนเข้ามาได้  คนพวกไหนเข้ามาไม่ได้    รับสมัครคนจากสังคมเข้ามาได้มากยิ่งขึ้นไม่ยิ่งดีหรือ พูดจากอีกด้านหนึ่ง  หากคิดจะก้าวไปสู่วัฏจักรของความดีงาม    ศิษย์ต้าฝ่ามักจะทุ่มเทเงินทองไม่หยุดหย่อน ซึ่งเป็นการสิ้นเปลืองอย่างหนึ่ง  มีเพียงการยืนหยัดอยู่ในสังคม ก้าวไปสู่วัฏจักรของความดีงามในลักษณะหนึ่ง จึงจะเป็นวิธีแก้ปัญหา

ศิษย์            สามารถจะเปิดชั้นเรียนหมิงฮุ่ยสักห้องหนึ่งขึ้นมาภายในระบบการศึกษา ในโรงเรียนที่มีอยู่เดิมได้หรือไม่

อาจารย์   อิงตามสภาพและเงื่อนไขที่มี จะทำอย่างไรก็ใช้ได้ ทำเรื่องที่ดีเพื่อสรรพชีวิต นั้น ไม่มีข้อจำกัด  ไม่มีกรอบ พวกท่านเองทำโรงเรียนหมิงฮุ่ย  ทำชั้นเรียนหมิงฮุ่ย  หรือว่า ท่านเป็นครูเมื่อสอนนักเรียนอยู่ในห้องเรียนจะใช้ เจิน ซั่น เหยิ่น นำ การสอน  ล้วนไม่มีปัญหา   แน่นอนละ   การทำโรงเรียนหมิงฮุ่ยนั้น ยอดเยี่ยม   ในเมื่อทำขึ้นมาแล้ว ข้าพเจ้าหวังว่าท่านทั้งหลายยิ่งทำยิ่งดี  ยิ่งทำ ยิ่งโต  ยิ่งทำยิ่งมาก  กล่าวสำหรับสรรพชีวิตแล้วก็คือ ศิริมงคล  กล่าวสำหรับสิ่งชั่วร้าย ก็เป็นการชำระล้างพวกมัน

ศิษย์            มักจะมีคนมาเรียนฝ่าหลุนกง เพื่อจะยื่นขอเป็นผู้ลี้ภัย   ควรจัดการกับเรื่องแบบนี้อย่างไรดี

อาจารย์  (หัวเราะ) ที่จริงพูดขึ้นมาแล้ว  นี่เป็นเรื่องอัปยศของรัฐบาลจีน   ประเทศอื่นทำไมไม่มาขอเป็นผู้ลี้ภัยละ (ที่ประชุมหัวเราะ)  ทำไมประเทศจีนจึงมีคนมากเช่นนี้มาขอเป็นผู้ลี้ภัยละ  ไม่ใช่ได้ชื่อว่าเป็นมหาอำนาจแล้วหรือ มีประเทศมหาอำนาจที่ไหน ที่มีคนมากมายเช่นนั้นต่างพากันหนีออกมาเป็นผู้ลี้ภัยละ มหาอำนาจจอมปลอมกระมัง

              พูดจากอีกจุดหนึ่ง   ไม่ว่าคนมีความคิดอะไรออกมาจากตัวเอง  คิดหาโอกาสอยู่ในอเมริกาหรือประเทศอื่นที่มีเศรษฐกิจก้าวหน้า    ปัจจุบันนี้วิธีที่ดีที่สุด  ก็คืออาศัยชื่อเสียงของฝ่าหลุนกง มาขอลี้ภัย  ได้ยินว่าที่ถนนถังเหรินของนิวยอร์กก็มีการจัดการอบรมการยื่นขอเป็นผู้ลี้ภัย ( ที่ประชุมหัวเราะ)  ในนั้นสอนว่าจะฝึกฝ่าหลุนกงอย่างไรโดยเฉพาะ   แน่นอนเขาไม่ได้สอนคนฝึกฝ่าหลุนกงจริงๆ  เขาบอกให้คนรู้ว่าฝ่าหลุนกงมีท่าฝึกอะไรบ้าง    มีหลักพลังอะไรบ้าง  มีหนังสืออะไรบ้าง  เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจะสอบถามข้อไหน  ( ที่ประชุมหัวเราะ) เขาทำสิ่งนี้

ไม่ว่าอย่างไร  คนๆหนึ่งเมื่อยื่นขอลี้ภัยในนามของฝ่าหลุนกง เขาก็ได้มอบอนาคตของเขาไว้แก่ฝ่าหลุนกงแล้ว ไม่ว่าเขา เข้าใจก็ดี  ไม่เข้าใจก็ดี   เนื่องจากเขากำลังใช้ชื่อเสียงของฝ่าหลุนกงเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของเขา   นี่เป็นการพูดจากจุดยืนของคนธรรมดาสามัญ    ที่จริงคนทั้งหมดล้วนมาเพื่อต้าฝ่า   ฉะนั้นในเมื่อชาวโลกล้วนมาเพื่อต้าฝ่า  ยืมใช้ชื่อเสียงของต้าฝ่า  แน่นอนก็ไม่เป็นไร  งั้นท่านก็ยืมไปเถอะ ( หัวเราะ)  ขอเพียงรัฐบาลที่นั่นไม่คัดค้าน   พวกเราก็ไม่คัดค้าน

แต่ว่า ใครจะอาศัยชื่อเสียงของฝ่าหลุนกงลี้ภัยทางการเมือง  เขาก็ติดค้างฝ่าหลุนกงแล้ว  เพราะฝ่าหลุนกงทำให้ชะตากรรมของเขาเปลี่ยนแปลงแล้ว ฉะนั้นคนประเภทนี้จะคัดค้านฝ่าหลุนกงไม่ได้อย่างเด็ดขาด หากเพียงเขาคัดค้านสักครั้ง เขาก็ตัดหนทางในอนาคตของเขาแล้ว  เป็นสิ่งที่อันตรายที่สุด  ดังนั้นคนประเภทนี้หนา   เขามาเรียน ก็เรียน  มาฝึกก็ฝึก    เพียงถือโอกาสบอกเขาถึงประโยชน์และความเสียหายที่เกี่ยวข้องว่า ไม่ว่าเมื่อใดอย่าได้เข้าร่วมกับการประทุษร้ายฝ่าหลุนกง  แม้เพียงคิดก็อย่าได้มี   เพื่อให้ดีแก่ท่าน  เนื่องจากท่านจะอาศัยใช้ฝ่าหลุนกง ฉันจึงบอกกับท่าน   ถ้าท่านไม่ทำแบบนี้ฉันก็ไม่พูด

ศิษย์            ศิษย์อาศัยรูปแบบการประพันธ์โคลงกลอน  ช่วยอาจารย์เจิ้งฝ่า  จะทำอย่างไรจึงจะยกระดับความคิดสร้างสรรค์และความสามารถในการเขียนบทความให้สูงขึ้นได้

อาจารย์       จริงๆแล้วข้าพเจ้าทราบดีว่า ทุกท่านคิดว่าจะทำอย่างไร จึงจะมีสติปัญญาสูงขึ้น ที่จะก่อให้เกิดผลที่ดียิ่งขึ้นในการยืนยันความจริงให้ฝ่า ถ้าหากพวกท่านมี พื้นฐานเช่นนี้ก็จะเขียนได้ดีแน่นอน  หากไม่มีเลยในช่วงเริ่มต้น ก็ย่อมมีความยากลำบากระดับหนึ่ง   อาทิเช่น การเขียนถังซือ(กลอนแบบสมัยราชวงศ์ถัง) ถังซือเป็นอย่างไร  ซ่งฉือ (รูปแบบกาพย์กลอนสมัยราชวงศ์ซ่ง(ซ้อง) )เป็นอย่างไร หยวนฉวี่ (รูปแบบร้อยกรองสมัยราชวงศ์หยวน)เป็นอย่างไร   ก่อนอื่นก็ต้องเข้าใจสิ่งเหล่านี้   จากนั้นท่านค่อยทดลองเขียน กล่าวในฐานะศิษย์ต้าฝ่า บางทีท่านคิดจะทำเช่นนี้จริงๆ ก็จะทำได้ดี   ย่อมจะก้าวหน้าได้เร็วกว่าผู้อื่น สุกงอมเร็วกว่า  จะเป็นเช่นนี้แน่   มีศิษย์ต้าฝ่าหลายคนเขียนบทกลอนได้เร็วมาก   ไม่ต้องใช้ความพยายามอะไร   คิดจะเขียนก็เขียนได้ทันทีเลย   คนธรรมดาสามัญนะหรือ  เวลาคิดจะเขียนบทความเขาต้องใช้ความพยายามอย่างมาก ยังจะต้องเฟ้นหาอารมณ์ความรู้สึก  คิดหาวิธีอื่นๆ     ฉะนั้นกล่าวสำหรับศิษย์ต้าฝ่า   จะทำเรื่องอะไรก็ควรจะทำได้เร็วมาก   เมื่อปล่อยวางความเป็นตัวฉันได้มากยิ่งขึ้น  สติปัญญาในการยืนยันความจริงให้ฝ่าก็ยิ่งจะออกมาโดยอัตโนมัติ

ศิษย์            ก่อนหน้านี้ไม่นานท่าน พูดถึงการแก้ไขตัวหนังสือในจิงเหวิน    ต้องใช้ตัวหนังสือที่ถูกต้องติดทับโดยตรงใช่ไหม  ไม่ใช้การขูดลบออก

อาจารย์      ที่จริงพวกท่านทำอย่างไรก็ได้   เพียงแก้ไขได้ก็พอ   ผู้ฝึกที่อยู่ในจีนแผ่นดินใหญ่    ย่อมไม่มีเงื่อนไขเหล่านั้น   ข้าพเจ้าทราบว่าหนังสือจำนวนมากที่พิมพ์ในปีนั้นล้วนแต่ใช้กระดาษหนังสือพิมพ์พิมพ์ออกมา  กระดาษนั้นค่อนข้างหนา   ดังนั้นใช้ใบมีดขูดเบาๆ จะไม่ขาด   ข้าพเจ้าเพียงให้ข้อเสนอแก่พวกเขา  ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้เท่านั้น ( ที่ประชุมหัวเราะ)

ศิษย์       รัฐบาลหลายประเทศในทวีปเอเซีย  คำนึงถึงแต่ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ   มองไม่เห็นการประทุษร้ายในประเทศจีน   พวกเราควรเพิ่มการอธิบายความจริงด้านเศรษฐกิจของประเทศจีนให้ชัดเจนจะดีไหม

อาจารย์      เรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อสรรพชีวิต ล้วนสามารถไปทำได้   วิธีคิดของคนไม่เหมือนกัน  บางคนอาจจะไม่มองเรื่องผลประโยชน์ ว่ามีความสำคัญอะไรนัก หลังจากที่ได้ฟังความจริงก็จะได้รับผลลัพธ์ที่ดี   แต่ข้าพเจ้าทราบว่า  กล่าวในฐานะคนโดยตัวเขาเองแล้ว ย่อมง่ายที่จะถูกผลประโยชน์ชักจูงไปต่างๆนานา

            ข้าพเจ้าจะขอพูดถึงชาวโลกหน่อย    ผลประโยชน์คือ หลักประกันของแรงกระตุ้น สำหรับชีวิตในอดีตที่มีแต่ความเห็นแก่ตัว  คนบนโลกนั้นถือเอาการแสวงหาผลประโยชน์ เป็นแรงกระตุ้นในการดำเนินชีวิต   และผลประโยชน์นี้ ในความรู้สึกรับรู้ก็เป็นสิ่งที่สามารถทำให้เขาดีใจเพราะมัน หรือ เป็นสิ่งที่ทำให้เขาเจ็บปวดเพราะมันที่สุด    แม้จะได้มาแล้ว ก็ไม่อาจเป็นสิ่งที่จีรังยั่งยืน  เป็นสิ่งแท้จริงแน่นอนของชีวิต    และไม่ว่าคนจะต่อสู้อย่างไรเพื่อมัน  มันก็ไม่อาจถูกคนควบคุมอย่างแท้จริง   เพราะชีวิตของคนบนโลกนั้น ถูกลิขิตไว้เรียบร้อยแล้ว  เทพนั้นควบคุมคนอยู่ ทุกย่างก้าว คนเองจะคิดอย่างไรล้วนไม่เป็นผล   แต่การแสวงหาของคนกลับสามารถกลายเป็นการยึดติด  ชาวโลกจะทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ ถึงแม้จะไม่ได้มันมา นี่ก็คือคน  เพราะไม่ว่าคนจะได้มันมาหรือไม่ได้มา  คนล้วนต้องลงมือทำ และก็เป็นพฤติกรรมของคน รอให้ขนมหล่นลงมาเองจากฟ้า นั้นไม่ได้ คนจำเป็นต้องไปทำ   แม้จะเป็นของๆ ตนเอง ก็ต้องไปทำ ส่วน ที่ไม่ใช่ของตัวเอง แต่ด้วยจิตยึดติด  คนก็จะไปทำ  นี่คือ คน   ที่จริงคนมีชีวิตอยู่บนโลก นอกจาก การยึดติดแล้ว  แต่ไหนแต่ไรมา  คน ล้วนไม่เคยเลยที่จะเป็น เจ้าชีวิตของตนเอง   คิดจะได้อะไร  ก็ ได้อะไร นั้น   เป็นไปไม่ได้   คนจะได้อะไรนั้น ในชะตาชีวิตของเขาต้องมีอยู่ก่อนแล้ว   หากในชะตาชีวิตของเขาไม่มี  ก็ไม่อาจจะได้มาชั่วนิรันดร์    ข้าพเจ้าเคยพูดว่า คนนั้น มีสอง สภาวการณ์ที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตคน  ทางหนึ่งคือ การบำเพ็ญ อีกทางหนึ่งคือชีวิตนี้   จากนี้ไปตกต่ำลงไปเรื่อยๆ จึงจะเปลี่ยนแปลงได้  นอกจากนี้ไม่มีวิธีการไหนอีกที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตคนได้

           ฉะนั้นกล่าวสำหรับคนแล้ว   ความหมายของการดำรงชีวิต คือ อะไรล่ะ    ก็คือ ในท่ามกลางการยึดติดในผลประโยชน์ ขณะจมอยู่ใน “ฉิง”(อารมณ์ความรู้สึก) ก็ซาบซึ้งอยู่กับการเสพสุขในช่วงชีวิตของคน    ทุกท่านลองคิดดู ช่างน่าสังเวชเสียนี่กระไร   ซาบซึ้งอะไรกันละ   ได้ของอะไรมาแล้ว ก็ ดีใจ   ไม่ได้มาก็ปวดร้าว   กินเนื้อแล้วรู้สึกอร่อย  กินน้ำตาลรู้สึกหวาน    แต่ว่าในโลกมนุษย์ก็ยัง มีทุกข์  มีเจ็บแสบ มีขมขื่น ยังมีคนหนุ่มสาว ที่ยึดติดในความรัก ก่อให้เกิดความซาบซึ้ง และมีคนชนชั้นต่างๆ  แสวงหาบนหนทางชีวิตคน  เพื่อตัวเอง   รู้สึกถึงการได้เสีย   ทว่าการได้เสีย ชนิดนี้มิใช่ได้มาจากความมานะของตนอย่างแท้จริง   คนมีชีวิตอยู่บนโลกก็เป็นเช่นนั้น   คนนั้น ช่างน่าสังเวชนัก   แต่คนเมื่ออยู่กับเรื่องเฉพาะหน้าต่างๆ นานา กลับมองไม่ทะลุ    และไม่ คิดจะมองให้ทะลุปรุโปร่ง

            กล่าวสำหรับเทพ   การที่จะสร้างความรู้สึกนานาชนิด ของคนในโลกให้มีความเข้มข้น  ยังต้องมีองค์ประกอบหลายอย่าง  อาทิเช่น  สร้างตัว“ฉิง”( อารมณ์ความรู้สึก )ให้กับคน ให้ดวงตาคู่หนึ่งที่มองไม่เห็นภาพที่แท้จริงของจักรวาล กับ ภาพลวงของวัตถุสสาร แก่คน  แน่นอนละ ยังมีองค์ประกอบอื่นๆอีก เป็นต้น จึงสามารถทำให้คนยึดติดยิ่งขึ้นกับความรู้สึกในความรู้สึกหนึ่งเดียวนี้ที่เทพให้กับคน  ความรู้สึกที่รุนแรงยิ่งขึ้นชนิดนี้ หากคิดจะทำให้คนรู้สึกอย่างรุนแรงเช่นนั้น ยังจะต้องให้คนมีความอยาก(ตัณหา)ต่อความรู้สึกที่ได้รับผลประโยชน์ พูดให้ชัดคือ คนมีชีวิตอยู่บนโลก ก็โดยอาศัยผลประโยชน์เป็นแรงกระตุ้น  คนรักษากำลังวังชาในชีวิตเพียงเพื่อผลประโยชน์ เพื่อผลประโยชน์จึงเกิดการต่อสู้แย่งชิงกันระหว่าง คน สอง คน    เพื่อผลประโยชน์สามารถเกิดการต่อสู้กันระหว่างคนสองชนชาติ เพื่อผลประโยชน์สามารถเกิดมหาสงครามโลก เพราะคนมีการยึดติดนี้  มีตัณหาในผลประโยชน์นี้   และก็เพราะองค์ประกอบเหล่านี้   เทพจึงควบคุม(คน)ได้ง่าย

            ปัจจุบันนี้ ไม่ใช่มีการพูดถึงเรื่องสิทธิมนุษยชน  พูดเรื่องเสรีภาพในความเชื่อ อะไรต่างๆหรอกหรือ  เหล่าศิษย์ต้าฝ่าล้วนมองเห็นแล้ว   ในฐานะผู้บำเพ็ญ ท่านทั้งหลายมองเห็นชัดเจนมาก  ทุกสิ่งที่มีอยู่ในโลกมนุษย์ล้วนแต่ไม่อาจพึ่งพาได้  เมื่ออยู่ต่อหน้าผลประโยชน์ ก็จะเปลี่ยนแปลงจนไม่มีค่าแม้แต่สตางค์แดงเดียว  ในโลกตะวันตก  หลายๆประเทศไม่ใช่แสวงหาประชาธิปไตย  เสรีภาพในความเชื่อ สิทธิมนุษยชนหรือ  สิ่งนี้ดูเหมือนจะเป็นตัวแทน ความก้าวหน้าในสังคมยุคนี้   แต่ว่าภายใต้ความยั่วยวนของผลประโยชน์  มีรัฐบาลของกี่ประเทศที่ออกมากล่าวคำว่า “ไม่” ต่อการที่กลุ่มอันธพาลชั่วร้ายในประเทศจีนประทุษร้ายผู้ฝึกฝ่าหลุนกง ที่พวกเรามองเห็นคือ ตลอดมานั้น  ต่อเรื่องสิทธิมนุษยชนซึ่งถือเป็นความก้าวหน้าของสังคม  เสรีภาพในความเชื่อ  สิ่งต่างๆเหล่านี้ ได้ถูกย่ำยี  พวกเขากลับไม่กล้าเผชิญหน้า   ต่อหน้าผลประโยชน์กลับเปลี่ยนแปลงจนซีดเซียวไร้เรี่ยวแรง   ล้วนแต่เปลี่ยนเสียจน แสร้งเป็นมองไม่เห็น ไม่กล้าพูดเสียแล้ว ประชาธิปไตยอะไรเอย เสรีภาพในความเชื่อ เมื่ออยู่ต่อหน้าผลประโยชน์ สิ่งเหล่านี้ที่ผู้คนให้ความสำคัญอย่างยิ่ง  พลัน กลับกลายเป็นไม่มีค่าแล้ว แม้แต่สตางค์แดงเดียว

            กล่าวสำหรับศิษย์ต้าฝ่ายิ่งควรเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งในจุดนี้  สิ่งใดๆบนโลก พวกเราล้วนไม่อาจยึดติดกับมัน  พวกเราบำเพ็ญโดยสอดคล้องกับสังคมคนธรรมดาสามัญมากที่สุด  แม้ว่าปัจจุบันนี้พวกเราใช้เรื่องสิทธิมนุษยชน ใช้เสรีภาพในความเชื่อ เป็นต้น ไปอธิบายความจริง และช่วยเหลือสรรพชีวิต   ในปีนั้นที่เกิดลัทธิสังคมนิยม  คนก็ไม่ใช่คลั่งไคล้ไปชั่วขณะหรือ  คนจำนวนมากไม่ใช่เข้าใจกันว่าเป็นความก้าวหน้าของสังคมหรอกหรือ  เรื่องของคน  ที่นี่นะ  ในฐานะผู้บำเพ็ญ ไม่เพียงไม่ยึดติด  แต่ยังจะต้องมีสติด้วย

                   ข้าพเจ้าไม่ได้บอกให้ท่านทั้งหลายไปต่อต้านสิ่งเหล่านั้น  จุดนี้ในฐานะศิษย์ต้าฝ่านั้นย่อมแจ่มชัด   ข้าพเจ้าเพียงแต่พูดหลักการของฝ่านี้ออกมา บอกแก่ท่านทั้งหลาย คนสามารถเดินมาถึงทุกวันนี้  สามารถลดความปวดร้าวลงอย่างมีสติสัมปชัญญะ กล่าวในฐานะที่เป็นคนโดยตัวมันเองแล้ว ก็ไม่ใช่สิ่งที่ผิด   คนนั้นสามารถทำอะไรออกมาได้อย่างแท้จริงละ ที่จริงขณะที่ไร้สติสัมปชัญญะเมื่ออยู่ต่อหน้าผลประโยชน์ นั้น ก็คือการถูกเทพควบคุมด้วย   ดังนั้นท่านทั้งหลายจะรู้สึกได้ ขณะที่กำลังอธิบายความจริงในแวดวงรัฐบาล เรื่องเกี่ยวกับเศรษฐกิจ ว่า คนย่อมจะถือเรื่องผลประโยชน์เฉพาะหน้าเป็นอันดับแรกอย่างแน่นอน   คนทำการค้าย่อมจะมองแต่สภาพเศรษฐกิจของบริษัทตนอย่างแน่นอน ต่อสิ่งเหล่านี้ พวกเขาถือเป็นเรื่องใหญ่เสมอท่านไปอธิบายความจริงกับเขา เมื่อเกี่ยวโยงถึงจุดสำคัญด้านผลประโยชน์  เขาก็ไม่อยากฟัง นี่ข้าพเจ้าก็มองเห็น แต่ว่าคนก็ไม่เหมือนกัน เมื่อสักครู่ข้าพเจ้าพูดแล้ว  ก็มีมาตรฐานของการดำรงชีวิตที่ไม่เหมือนกัน  ก็เป็นกันเช่นนี้  ท่านทั้งหลายสามารถไปทำ แต่ว่าพวกท่านเองจะต้องแจ่มชัด ต้องรู้ว่ามนุษย์นั้นเป็นอย่างไรกัน

ศิษย์            ศิษย์คิดจะถามว่า   เหตุใดในประวัติศาสตร์จึงมีการจัดวางฮ่องกงกับมาเก๊า ให้อยู่ในประเทศจีน ด้วยรูปแบบ หนึ่งประเทศสองระบบ ความเป็นมาของพวกมันในประวัติศาสตร์เป็นเช่นไร

อาจารย์       ความเป็นมาในประวัติศาสตร์นั้นควรเป็นดินแดนของประเทศจีน  จุดนี้ไม่อาจพูดว่าเป็นดินแดนของประเทศอื่น พูดถึง เรื่องหนึ่งประเทศ สองระบบนั้น  เนื่องจากใครๆก็รู้ว่าพรรคการเมืองพรรคนั้นมันไม่ดี พวกมันเองก็รู้ว่า  ผู้คนล้วนรู้ว่ามันไม่ดี  ดังนั้นจึงคิดเอากลับมาให้พรรคดังกล่าวปกครอง และก็รู้ว่าผู้คนเขาไม่ยอม โลกก็ไม่ยอม เช่นนั้นก็ให้ เป็น หนึ่งประเทศสองระบบละกัน (ที่ประชุมหัวเราะ)  ที่แท้แล้วเป็นเรื่องน่าอัปยศ   ประเทศอื่นๆรวมกลับเข้าไปแล้ว ทำไมไม่มีสองระบบละ   ไม่ใช่เพราะผู้คนเขาไม่ชอบสิ่งนั้นของท่านดอกหรือ

ศิษย์            การมีหนึ่งประเทศ สองระบบ ใช่หรือไม่ว่าจุดประสงค์คืออยากให้คนจีนมีโอกาสเข้าใจความจริง

อาจารย์       แน่นอนเรื่องราวใดๆ ล้วนไม่ใช่ความบังเอิญ และก็ไม่ใช่ปรากฏเพื่อจุดประสงค์หนึ่งเดียว เทพจัดวางอะไรจะไม่เหมือนอย่างที่คนขบคิดปัญหาอย่างนั้น พอเขาจัดวางจะเกี่ยวพันกับปัญหาที่ใหญ่มากๆ ทั่วด้านมากๆ คนมองโลกนั้นจะมองอยู่ท่ามกลางอนุภาคชั้นหนึ่ง เป็นต้นว่า โลกนี้ที่คนมองเห็น ก็คือระหว่างอนุภาคสองชนิด โมเลกุลและดาวเคราะห์ คนมองดูโลกนี้โดยอยู่ในท่ามกลางอนุภาคที่ประกอบขึ้นเป็นโมเลกุล แต่เทพไม่ใช่ จากภายในขอบเขตความสามารถของเขา เทพจะมองผลลัพธ์ที่จะปรากฏกับอนุภาคทั้งหมดในจักรวาลซึ่งเกี่ยวข้องกับปัญหาเดียวกัน พวกเขาดูปัญหาแบบทุกมิติ รอบด้าน ดังนั้นเรื่องที่เขาดำเนินการจะบรรลุหลายเป้าหมาย

            แต่ถึงจะเป็นเช่นนี้  คนอยู่ท่ามกลางโลกที่ประกอบขึ้นจากอนุภาคชั้นหนึ่งก็ไม่อนุญาตให้ท่านมองเห็นได้ทั้งหมด เพราะหากพวกเขาอนุญาตให้คนมองเห็นได้ทั้งหมดแล้ว มีหลายๆ สิ่งนั้นไม่อาจจะใช้วิทยาศาสตร์มาอธิบายได้  ไม่ให้คนเชื่อในเทพคนก็จะเชื่อในเทพแล้ว เพื่อไม่ให้คนมองเห็นโลกนี้ได้ชัดเจนทั้งหมดก็ต้องสร้างดวงตาคู่หนึ่งเช่นนี้ให้แก่คน ดวงตาของคนแม้ว่าจะประกอบขึ้นจากอนุภาคโมเลกุล แล้วเหตุใดแม้แต่สิ่งที่ประกอบขึ้นจากอนุภาคโมเลกุลซึ่งอยู่ภายในขอบเขตนี้นั้น บางอย่างก็ยังมองไม่เห็นล่ะ เป็นเพราะพวกเขายังได้จัดวางอุปสรรคไว้มากมายแก่คน จุดประสงค์ที่แท้จริงของสองระบบชนิดนี้คือเพื่อเป็นรูปแบบตามต้องการของโลกในช่วงเวลาประวัติศาสตร์นี้ เรื่องเหล่านี้ข้าพเจ้าพูดไปแล้วก่อนหน้านี้

ศิษย์            บ่อยครั้ศิษย์ใช้โคลงกลอนรูปแบบวรรณกรรมชนิดนี้ เขียนบทความอธิบายความจริงให้กับเวปไซต์ต้าฝ่า บางครั้งเพื่อจะสื่อความนัยของการยืนยันความถูกต้องของฝ่า ไม่ปฏิบัติตามแบบและกฎเกณฑ์ของโคลงกลอนอย่างเคร่งครัด ทำอย่างนี้ผิดหรือไม่ เพื่อจะสื่อความนัยที่ถูกต้อง ไม่จำเป็นต้องถือแบบและกฎเกณฑ์เป็นกรอบตายตัว ความเข้าใจแบบนี้ถูกต้องไหม

อาจารย์       ก็คือยกเลิกประเพณีที่ปฏิบัติกันมานี้ใช่ไหม ที่จริงนี่คือความคิดของคนปัจจุบันที่คุณธรรมตกต่ำลง ต่อต้านประเพณี ต่อต้านอนุรักษ์นิยม นี่ไม่ใช่จะว่าท่าน ข้าพเจ้าพูดจากบนฝ่าว่าปัจจุบันมนุษย์ก็เป็นเช่นนี้ อันที่จริงมนุษย์กำลังตกต่ำลง เดินไปสู่ความโง่เขลา วัฒนธรรมจีนนั้นเป็นเทพที่ถ่ายทอดให้แก่คน วัฒนธรรมของทุกรัชสมัยซึ่งรวมทั้งโคลงกลอน  ถังซือ(กลอนแบบสมัยราชวงศ์ถัง)   ซ่งฉือ (รูปแบบกาพย์กลอนสมัยราชวงศ์ซ่ง(ซ้อง) )   หยวนฉวี่ (รูปแบบร้อยกรองสมัยราชวงศ์หยวน) ก็ดี ล้วนแต่เป็นวัฒนธรรมแบบต่างๆ ที่ร่างนภาต่างๆ นำมาให้แก่คนในเวลาที่มาผูกความสัมพันธ์ ดังนั้นหากพวกท่านคิดจะเขียนโคลงกลอนอย่างนี้ ดีที่สุดให้รักษาประเพณีของมัน ท่านบอกว่าก็ฉันไม่ชอบการสัมผัสเสียง ไม่ชอบการสัมผัสเสียง ปัจจุบันมีโคลงรูปปกิณกะนี่ ท่านก็เขียนโคลงรูปปกิณกะก็แล้วกัน อันนั้นไม่มีอะไรต้องยึดถือปฏิบัติมากนัก ก็สอดคล้องกับรูปแบบในยุคปัจจุบัน ที่จริง ข้าพเจ้ารู้สึกว่าโคลงนั้นอ่านแล้วนิ่มนวลเกินไป ไม่มีความนัย โคลงกลอนแบบโบราณยังคงอ่านแล้วได้รสชาด

ศิษย์            ดิฉันเป็นตัวแทนศิษย์ต้าฝ่าฉงฉิ่งกล่าวคำสวัสดีต่อท่านอาจารย์ ถ่ายทอดความคิดถึงต่อท่านอาจารย์ พวกเขาให้ดิฉันถ่ายทอดต่อให้ได้

อาจารย์       ขอบใจทุกท่าน (เสียงปรบมือ) อาจารย์ทราบทั้งหมด ให้ท่านบอกพวกเขา อาจารย์ทราบทั้งหมด

ศิษย์            ผู้ฝึกบางคน  เพราะถูกล้างสมองแล้วก็เดินบนทางวกวน  ศิษย์คนอื่นก็รู้สึกร้อนใจกับสภาพของเขา  ควรช่วยเหลืออย่างไรจึงจะดี

อาจารย์       ควรช่วยก็ช่วย   พอเปิดโปงคำหลอกลวงได้ก็จะทะลุปรุโปร่ง   สำนึกผิดอะไรกัน สำนึกไปทางไหนละ  นั่นล้วนไม่ใช่การหลอกลวงหรือ  เมื่อกลับมาอยู่ในสังคม  สงบจิตใจลองคิดดู  อะไรก็สามารถเข้าใจได้   ในรายที่เรียกกันว่าถูกล้างสมอง   พอออกมาไม่นานเท่าไรต่างก็เข้าใจกันหมดแล้วมิใช่หรือ  มีสักกี่รายที่ยังคงยืนหยัดอยู่ในความสับสนได้ตลอดไปหรือ รายที่ล้วนแต่ใช้ไม่ได้ตลอดมาคือ ตัวเขาเองรู้สึกว่าได้ทำเรื่องเลวไว้มากเกินไปแล้ว  เขารู้ว่าผิดไปแล้ว  ไม่มีหน้าพบกับผู้ฝึก  ทั้งยังยึดติดและรู้สึกละอาย  เป็นเพราะเหตุนี้

ศิษย์            ผู้ฝึกออกเงินเช่าห้องทำเรื่องอธิบายความจริง จะได้ไหม

อาจารย์       ในการอธิบายความจริง ศิษย์ต้าฝ่านั้นที่จริงล้วนแต่ใช้เงินสะสม เงินเดือนของตัวเอง  มาทำเรื่องเหล่านี้   แต่พวกท่านต้องคำนึงถึงการครองชีพของตัวเอง   ไม่เพียงแต่ต้องคำนึงถึงการครองชีพของตัวเอง  ยังต้องคำนึงถึงการครองชีพของครอบครัว   ต้องคำนึงถึงผู้อื่น    หากจัดการเรื่องการครองชีพของครอบครัวไม่ดี   จัดการเรื่องการครองชีพของตัวเองไม่ดี   ก็จะพลอยทำให้เกิดความยากลำบากต่อการอธิบายความจริง   กล่าวจากอีกด้านหนึ่ง  หากการครองชีพของพวกท่านแก้ไม่ตก  แม้แต่เรื่องปากท้องก็ยังมีความยากลำบาก   เช่นนั้นความคิดจิตใจของท่าน ก็ต้องใช้ไปในทางนั้น    การอธิบายความจริงมิกลับจะ ถูกรบกวนแล้วหรือ  ดังนั้นต้องคำนึงถึงสภาพเงื่อนไข  จิตใจของพวกท่านข้าพเจ้าล้วนมองเห็น   ทำเท่าที่มีกำลังจะทำได้ไหว

ศิษย์            ท่านอาจารย์กรุณาพูดเรื่องอนาคตของจักรวาล กับ มนุษยชาติ อีกสักหน่อย จะได้ไหมครับ

อาจารย์       ถ้าข้าพเจ้าพูดเรื่องอนาคตเดี๋ยวนี้ ก็จะไม่มีความหมายสำหรับพวกท่านอย่างแท้จริง    อนาคตของมนุษยชาตินั้นงดงามแล้ว   คนที่เหลืออยู่มีโชคลาภแล้ว   เพราะต้าฝ่าเคยถ่ายทอดอยู่ที่นี่  ทำให้ที่นี่คงเหลืออยู่  ชีวิตที่ไม่ได้ทำบาปต่อต้าฝ่าในช่วงนี้ ก็จะมีโชคลาภแล้ว   เพราะต้าฝ่าถ่ายทอดอยู่ที่นี่แล้ว  และก็ได้สร้างสรรค์เงื่อนไขที่ดีงามแก่ชีวิตในอนาคต  บางทีอาหารของอนาคตนั้นจะอิงรูปแบบไม้ผล  เมล็ดข้าวจะใหญ่ขนาดนั้น (ทำมือแบบลูกรักบี้)  พูดเล่นๆนะ พูดเปรียบเทียบกันแล้ว การใช้แรงงานก็เบาลงมากแล้ว   น้ำและอากาศล้วนสะอาด แล้ว   สิ่งที่มีพิษร้าย  จำพวกแมลงนั้น   ยุง  แมลงวัน สิ่งเหล่านี้ล้วนจะไม่มีแล้ว โลกเปลี่ยนแปลงจนงดงามยิ่งแล้ว  ความงดงามของจักรวาลใหม่นั้นเทพเก่าล้วนคาดคิดไม่ถึง เพราะพวกเขามองไม่เห็น พวกเขาไม่กล้าที่จะคิด และคิดไม่ออกว่าเป็นอย่างไร   เป็นสิ่งที่รังสรรค์ขึ้นมาจากอีกรากฐานหนึ่ง ชีวิตในอดีตนั้นเห็นแก่ตัว   ต่อไปจักรวาลนี้ไม่ใช่สิ่งที่ก่อตั้งขึ้นมาจากรากฐานของความเห็นแก่ตัว    ทุกสิ่งล้วนเปลี่ยนให้ดียิ่งขึ้นแล้ว

ศิษย์            ต่อไปจะมีคนมากมายตั้งใจมารับฝ่า  พวกเราต้องขยายศูนย์ฝึกพลังกงไหม

อาจารย์       เป็นเช่นนี้แน่นอน  พวกท่านได้ทำเช่นนี้กันแล้ว  (ที่ประชุมหัวเราะ)  คนมากไม่สามารถรองรับ ก็ไปเปิดศูนย์ฝึกพลังกงใหม่อีกสักจุดกันเถอะ  เป็นเช่นนี้

ศิษย์            ในหมู่ผู้ฝึกญี่ปุ่นไม่ไว้วางใจกัน  ทำให้งานยืนยันความถูกต้องของฝ่ามีความลำบาก   ศิษย์รู้สึกไม่สบายใจมาก   หวังอยากจะให้คนทั้งหมดสามารถยกระดับขึ้นมาโดยเร็วจริงๆ

อาจารย์       ใช่  ที่จริง  ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร  การที่องค์ประกอบไม่ดีมีตลาด(บังเกิดผลได้)  นั่นคือตัวผู้ฝึกเราเองมีปัญหา  เมื่อวานมีผู้ฝึกถามปัญหาเรื่องจิงเหวินปลอม   ข้าพเจ้าบอกว่าชีวิตที่ต้าฝ่าสร้างขึ้นมานั้น  ท่านยังถูกของปลอมหลอกได้หรือ  ท่านไม่ได้ใช้มาตรฐานของฝ่าไปวัดหรือ  นั่นเพราะจิตยึดติดหนักเกินไป สิ่งชั่วร้ายจึงมีตลาดได้ ใช่ไหม   ที่จริงบางคนยังคงไม่มีสติสัมปชัญญะ  ความคิดถูกต้องไม่เพียงพอ

ศิษย์            ญี่ปุ่นมีศาสนานับพันเผยแพร่อยู่   ชาวญี่ปุ่นมักจะเข้าใจว่าฝ่าหลุนกงเป็นศาสนา

อาจารย์       ปัญหานี้ข้าพเจ้าคิดอย่างนี้คือ  ต่อไปใครพูดว่าฝ่าหลุนกงเป็นศาสนา   พูดแล้วก็ช่างเถอะ  ถ้าหากเขาคิดจะเข้าใจลึกซึ้งขึ้นอีกนิด  ท่านก็บอกกับเขาว่าเหตุใดฝ่าหลุนกงจึงไม่ใช่ศาสนา ถ้าหากเขาไม่คิดจะเข้าใจให้มากขึ้น   ท่านก็ไม่ต้องไปพูดกับเขาตรงๆ ว่าใช่ศาสนาหรือไม่    ท่านจะพูดว่าเป็นศาสนาก็เป็นซิ   เพราะในสังคมมนุษย์นั้นศาสนาโดยตัวมันเอง ไม่มีความหมายทางลบ    ศิษย์ต้าฝ่าบำเพ็ญโดยไม่เดินหนทางนั้นของศาสนา คือ ไม่มีรูปแบบ   ไม่ถูกรูปแบบโดยตัวมันเองรบกวน   ข้าพเจ้าบอกทุกท่านให้รู้ถึงแก่นแท้ของหลักการความจริงของฝ่า   คนธรรมดาสามัญสามารถเข้าใจได้ถึงระดับไหน   ที่จริงข้าพเจ้าได้บอกท่านทั้งหลายตั้งนานแล้วว่า  คนธรรมดาสามัญจะเรียกพวกเราว่าเป็นศาสนา  ที่ผ่านมาในการบรรยายฝ่า ข้าพเจ้าก็เคยพูดแล้ว

ศิษย์            ในจ้วนฝ่าหลุนฉบับภาษาญี่ปุ่น  คำว่า “มู่ตี้” (จุดประสงค์) ตัวอักษร“ตี้”(ของ) ต้องแก้เป็น “ตี้” (พื้นดิน ) ด้วยหรือไม่

อาจารย์       ภาษาญี่ปุ่นนี้เป็นเรื่องอีกประเด็น   เพราะความหมายภายในไม่เหมือนกับตัวหนังสือฮั่น(จีน)   ภาษาญี่ปุ่นนั้น ข้าพเจ้าคิดว่าไม่ต้องไปแก้เลย

ศิษย์            ผู้ฝึกที่เป็นฝอเซี๊ยฮุ่ย(สมาคมศึกษาพุทธ) ไม่สมควรไปยับยั้งเรื่องต่างๆ ที่ผู้ฝึกทำใช่ไหม (ที่ประชุมหัวเราะ)

อาจารย์       สำหรับเรื่องการยืนยันความจริงให้ฝ่า เรื่องการอธิบายความจริงที่ผู้ฝึกทำกัน  ไม่อาจไปยับยั้ง  ใครทำเช่นนี้ก็ผิด   แต่ผู้ฝึกบางคนทำแบบสุดขั้ว  ง่ายต่อการส่งผลกระทบที่ไม่ดี  ก็ควรยับยั้ง   ที่กำลังนั่งอยู่มีหลายคนเป็นผู้รับผิดชอบของพื้นที่ต่างๆ   พวกท่านต้องจำไว้หน่อย   นอกเหนือจากเรื่องที่จำเป็นต้องร่วมมือกันทำทั้งหมด  ก็ปล่อยมือ ให้ผู้ฝึกไปฝึกฝนตนเอง   ให้ผู้ฝึกไปสถาปนาธรรมานุภาพของตนเอง   ต้องให้โอกาสผู้ฝึก  ปล่อยให้พวกเขาไปทำ  พวกท่านต้องจำจุดนี้ไว้   ข้าพเจ้าในฐานะที่เป็นอาจารย์ยังวางมือ ให้ผู้ฝึกเดินบนหนทางของตนเอง  ผู้ฝึกทำผิดตรงไหนแล้ว   ต้องชี้ให้เขาเห็น   แต่ที่ก่อให้เกิดผลกระทบจริงๆ  ก็ต้องพูดกับเขาอย่างจริงจัง   คิดวิธีปรับแก้ให้ถูกต้องเสีย   กอบกู้ผลกระทบ   แต่อย่าบอกว่าเขาเป็นมารไปแล้ว    การบำเพ็ญนั้นยากจะหลีกเลี่ยงการทำผิด   การทำผิดมีทั้งใหญ่ และเล็ก

            แต่กล่าวสำหรับผู้ฝึก    ต้องปฏิบัติต่อตนเองอย่างเข้มงวด     กล่าวสำหรับศิษย์ต้าฝ่า     พวกเราไม่อาจไม่รับผิดชอบต่อตนเอง   ไม่รับผิดชอบต่อต้าฝ่า  ถึงจะอย่างไรท่านคือชีวิตที่ต้าฝ่าสร้างขึ้นมา ธรรมานุภาพ ของท่านจะสาดแสงเจิดจรัสในจักรวาลแห่งอนาคต   พวกเราจะไม่เดินบนหนทางของตนให้ดีได้หรือ ดังนั้นอย่าได้เน้นหนักที่ผู้รับผิดชอบมากเกินไป    หากผู้รับผิดชอบล้วนแต่ดีทั้งหมดแล้ว  เขาบำเพ็ญสำเร็จแล้ว  ตาของท่านเอาแต่มองไปข้างนอก  ไม่บำเพ็ญภายในตนเอง  ท่านยังคงเป็นผู้บำเพ็ญหรือเปล่า  ที่บำเพ็ญคือตัวท่านเอง  ถ้าผู้รับผิดชอบมีปัญหาจริงๆ แล้ว    ก็ให้สงบใจชี้ออกมาด้วยเจตนาดี ทุกท่านล้วนเป็นผู้บำเพ็ญ   ผู้บำเพ็ญก็ยังคงมีจิตของคนธรรมดาสามัญที่ยังไม่ได้ละทิ้งไป   จิตของคนธรรมดาสามัญนั้นกลัวการถูกว่ากล่าวโจมตี   การโจมตีนั้น   มันก็ง่ายที่จะก่อให้เกิดผลด้านลบ ดังนั้นต้องเมตตา  แก้ไขด้วยความเมตตา   ต้องสุภาพอ่อนโยน  พูดให้ชัดด้วยความเมตตา   จึงจะสามารถแก้ไขได้    ถ้าหากแม้แต่การแสดงความคิดเห็นด้วยเจตนาดี ผู้รับผิดชอบก็ยังยอมรับไม่ได้ ก็มีปัญหาแล้ว

            ในทางกลับกัน            ผู้ฝึกส่วนน้อย(เฉพาะราย)ก็มีอย่างนี้ โดยเปลือกนอกปฏิบัติต่อคนอื่นดีมาก  คำพูดที่พูดออกมามีองค์ประกอบของตัวเองมาก  ถึงกับไปเสียดแทงองค์ประกอบของคนอื่น   โดยเปลือกนอกพูดได้นุ่มนวลมาก (ที่ประชุมหัวเราะ)  นั่นคือการใช้ความปลิ้นปล้อนของคน   นั่นเป็นสภาวะที่ศิษย์ต้าฝ่าไม่ควรมี

            ถ้าพื้นที่ใดผู้รับผิดชอบ ไม่ได้บำเพ็ญอยู่ในฝ่า   ศิษย์ต้าฝ่าไม่ก้าวหน้าในการศึกษาฝ่า  ย่อมจะสะท้อนสภาพการณ์ที่สลับซับซ้อนเหล่านี้ออกมาได้ แต่ในฐานะที่เป็นศิษย์ต้าฝ่าคนหนึ่งและผู้รับผิดชอบ พูดไปแล้วก็สมควรจะแจ่มชัดด้วยกันทั้งหมด   จิตของคนที่ไม่บำเพ็ญทิ้งไปสามารถจะสะท้อนออกมา แต่ไม่ได้หมายความว่า คนๆ นี้ใช้ไม่ได้   หลายๆ ด้านที่บำเพ็ญได้ดีของเขาจะไม่อาจแสดงออกมา  เพราะจิตของคนในด้านเหล่านี้ได้บำเพ็ญไปหมดแล้ว( ไม่มีเหลือแล้ว)  ที่จริงเมื่อเวลาที่ ผู้บำเพ็ญคนหนึ่งนั้น เมื่ออยู่ในหมู่คนธรรมดาสามัญ  ล้วนไม่มีจิตอะไรของคนอยู่เลย   คนๆ นี้ก็จะไม่มีอะไรแสดงออกมาได้จริงๆ  แน่นอนถ้าบำเพ็ญถึงขั้นนี้จริงๆ ก็หยวนหมั่นแล้ว   ดังนั้นเมื่อมีจิตของคน ก็ย่อมแสดงออกมา  แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่ได้บำเพ็ญ   และไม่ได้หมายความว่าเขาบำเพ็ญไม่ดี  เขาทำได้ไม่ดีในปัญหาใด ในด้านไหน ล้วนควรระวังไว้

            และก็พูดได้อีกว่า ไม่กลัวว่าในขั้นตอนการบำเพ็ญยังคงมีจิตของคนธรรมดาสามัญสะท้อนออกมา ที่สำคัญคือท่านทั้งหลายล้วนสามารถถือตนเป็นผู้บำเพ็ญ  เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นแล้วต้องค้นหาจากภายใน  ล้วนสามารถทำกันเช่นนี้  เช่นนั้นสภาพการณ์บำเพ็ญของพื้นที่นี้  ย่อมจะต้องดีแน่นอน  ความขัดแย้งย่อมจะต้องน้อย

ศิษย์            การบำเพ็ญไม่มีผู้นำ  ต้าฝ่าไม่มีการจัดตั้ง   เมื่อเวลาที่พวกเรา  สมาชิกเซี๊ยฮุ่ย(สมาคมศึกษาฯ)และนายกสมาคม  ติดต่อกับองค์กรในสังคมหรือหน่วยงานของรัฐ  หากใช้ชื่อตำแหน่งของนายกสมาคม หรือสมาชิกในการดำเนินการจะเหมาะสมหรือไม่

อาจารย์       ควรพูดได้ว่าเหมาะสม   เซี๊ยฮุ่ย(สมาคมศึกษาฯ) ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพสังคมคนธรรมดาสามัญมิใช่หรือ  ทำไมพวกเราไม่ใช้รูปแบบนี้ในการอธิบายความจริงในสังคมคนธรรมดาสามัญละ แน่นอนว่าสามารถทำได้   รัฐบาลก็ยินยอมให้ท่านจดทะเบียน   แต่ไม่ควรมีจิตโอ้อวด  พวกท่านกำลังยืนยันความถูกต้องของฝ่า  ไม่ใช่ยืนยันความเป็นจริงให้ตนเอง

            ศิษย์ต้าฝ่าเป็นผู้บำเพ็ญที่แท้จริง   ถ้าหากรูปแบบของสังคมปัจจุบันไม่ใช่อย่างนี้  แม้แต่ฝอเซี๊ยฮุ่ย(สมาคมศึกษาพุทธ)นี้ ข้าพเจ้าก็จะไม่อยากบอกให้ท่านไปก่อตั้งจริงๆ   นั่นก็จะเป็นสนามฝึกแต่ละที่   ผู้รับผิดชอบ  ผู้รับผิดชอบของพื้นที่  ก็เป็นอย่างนี้    ที่จริงผู้รับผิดชอบก็คือ ผู้เรียกกล่าวการประชุม   และเป็นผู้บำเพ็ญทั่วไปคนหนึ่ง  เป็นผู้ให้บริการท่านทั้งหลาย  เป็นผู้ที่ทุ่มเทมาก

ศิษย์            ผู้ป่วยโรคมะเร็งกลุ่มหนึ่งหวังจะให้พวกเราไปสอนการฝึกพลังกง  จะทำได้หรือไม่  พวกเราไม่มีความรู้พื้นฐานของการร้องเพลง เต้นรำ ถ้าหากตั้งใจไปฝึกหัด สามารถจะแสดงศิลปะเป็นคณะใหญ่ภายในช่วงเวลาสั้นๆ ได้หรือไม่

อาจารย์       อันนี้ให้ทำไปตามสถานการณ์ก็แล้วกัน   ทำไปตามความสามารถ   พวกท่านหากไม่มีเงื่อนไขที่สำคัญ จะไปแสดงศิลปะเป็นคณะใหญ่  ฝืนทำ   ผู้ชมก็ย่อมดูพวกท่านเป็นเรื่องขบขัน   การทำให้คนสนุกสนานนั้นไม่เป็นไร   แต่ว่าผู้คนก็จะดูแคลน   ขบขันพวกท่าน   ข้าพเจ้าคิดว่าจะเกิดผลตรงกันข้ามแล้ว   ดังนั้นต้องทำไปตามสภาพเงื่อนไข

               ผู้ป่วยโรคมะเร็งเรียนฝึกพลังกงนั้น ต้องดูจุดประสงค์    ชาวโลกคิดจะได้ฝ่า คิดจะบำเพ็ญ  คิดจะบอกว่าฝ่าหลุนต้าฝ่าดี  นั่นคือคนกำลัง ยืนยันความถูกต้องของฝ่าจากความคิดริเริ่มของคนเอง เลือกอนาคตของตนจากความคิดริเริ่มของคนเอง ถ้าหากพวกท่านถือว่าต้าฝ่าเป็นสิ่งที่ใช้รักษาโรค   จะทำอย่างนี้ในหมู่คนธรรมดาสามัญ   จริงๆ แล้วคือการไม่เข้มงวดจริงจังต่อต้าฝ่า

               พวกท่านสามารถไปสอนท่าฝึกในคุก   พวกท่านก็สามารถไปโรงพยาบาลสอนผู้ป่วย  นั่นก็เพื่อการยืนยันความถูกต้องของฝ่า   ต้องเหมือนกับการคิดไปสอนท่าฝึกที่อื่นๆ  โดยแก่นแท้คือเพื่อช่วยเหลือสรรพชีวิต ทำไปเพื่อให้คนได้ฝ่า ได้รับการช่วยเหลือ  หากถือต้าฝ่าเป็นเครื่องมือแก้ไขความผิดพลาดของคนเพื่อการรักษาโรค  จะถือเป็นวิธีหนึ่งในการแก้ไขเปลี่ยนแปลงความทุกข์ยากของคนธรรมดาสามัญนั้นไม่ได้ ต้าฝ่านั้นคือการช่วยเหลือคน จึงได้ถ่ายทอดอยู่ในสังคมมนุษย์   จุดนี้ต้องแจ่มชัด   มีคนพูดว่าฝ่าหลุนกงรักษามะเร็งได้ผลชะงัด    ทุกคนต่างมากัน  รับรองว่าไม่ได้ผล  เพราะว่าใจของท่านไม่ถูกต้อง   ต้าฝ่าไม่ได้มาเพื่อรักษาโรคให้คน   คือเพื่อช่วยเหลือคนจากแก่นแท้   จึงแก้ไขปัญหาให้คน  ถ้าหากเป็นจุดมุ่งหมายเช่นนี้   ผลลัพธ์ย่อมดีแน่  หากมีเรื่องยึดติดอะไรของคนธรรมดาสามัญ   ผลลัพธ์ก็ไม่ดี

            การบำเพ็ญนั้นเข้มงวด   หลี่ หงจื้อ ไม่ใช่มาเพื่อนำท่านทั้งหลายรักษาโรคให้คน   ยิ่งไม่ใช่มาเพื่อเรื่องอะไรของคน  และไม่ใช่นำท่านทั้งหลายสร้างศาสนาอะไรในสังคมอย่างแน่นอน   ข้าพเจ้ามาเพื่อสอนพวกท่านให้บำเพ็ญ   เพื่อรับผิดชอบให้ชีวิตพวกท่านได้รับการช่วยเหลือ

ศิษย์            การเลือกตั้งใหญ่ประธานาธิบดีไต้หวัน  มีผู้ฝึกบางคน จิตใจหวั่นไหว   เป็นการจัดวางมาทดสอบของอิทธิพลเก่าใช่หรือไม่  ควรจะปฏิบัติอย่างไรจึงจะถูกต้อง

อาจารย์       ฟ้าถล่มลงมา ความคิดถูกต้องของผู้บำเพ็ญก็ไม่สะเทือน  นี่จึงจะเป็นการบำเพ็ญ  เช่นนี้จึงจะยอดเยี่ยม  (เสียงปรบมือ) ผู้บำเพ็ญไม่ยึดติดกับทุกสิ่งในโลก   รูปแบบการบำเพ็ญของศิษย์ต้าฝ่าในวันนี้ แตกต่างออกไป   ในการบำเพ็ญ ทุกท่านพยายามที่สุด ที่จะบำเพ็ญให้สอดคล้องกับสังคมคนธรรมดาสามัญ   อยู่ในสังคมคนธรรมดาสามัญล้วนมีการงานทำตามปกติ   ในเวลาเดียวกันก็มีครอบครัวของตนเอง   การงานด้านต่างๆ   เป็นความสัมพันธ์ที่แนบแน่นอย่างแยกไม่ออกกับสังคมอย่างนี้  ฉะนั้นการเลือกตั้งใหญ่ของไต้หวัน  ผู้ฝึกบางคนจึงเลือกคนนั้นจากความรู้สึกส่วนตัวว่าคนนั้นดี   เช่นนั้นบางคนก็รู้สึกว่าคนนี้ก็ดีจึงเลือกคนนี้   ความเข้าใจแต่ละคนไม่เหมือนกัน  จุดนี้ไม่มีข้อจะตำหนิได้   พฤติกรรมของแต่ละคนในสังคมไม่ใช่ตัวแทนต้าฝ่า   แต่ไม่อาจยึดติดเรื่องเหล่านี้เหมือนคนธรรมดาสามัญ

               พวกท่านเลือกใคร   กล่าวในฐานะที่ข้าพเจ้าเป็นอาจารย์  ข้าพเจ้าไม่สามารถพูดได้ว่าท่านทั้งหลายทำผิดแล้ว   สำหรับเรื่องพวกนี้ข้าพเจ้าไม่ข้องแวะด้วย   เนื่องจากทางที่ข้าพเจ้าบอกให้พวกท่านเดินนั้นคือทางเส้นนี้ที่อยู่ในสังคมคนธรรมดาสามัญ  ผู้บำเพ็ญเพียงแต่นำสิ่งที่ดีมาให้กับสังคม   บำเพ็ญอยู่ในสังคมคนธรรมดาสามัญก็ไม่ วุ่นวายกับสังคมมนุษย์

               ในฐานะผู้ฝึกแต่ละคน  ท่านคิดจะเลือกใครก็เลือกใคร   เพียงแต่อย่ายึดติดเกินไป   แต่ว่าศิษย์ต้าฝ่าเมื่อได้ผ่านการประทุษร้ายศิษย์ต้าฝ่าครั้งนี้ในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ ล้วนมองเห็นปัญหาหนึ่งแล้ว  ดังนั้นบางคนจึงกำลังคิดว่า “ใครเดินอยู่ใกล้พวกชั่วร้ายที่ประทุษร้ายพวกเรา ฉันก็ไม่เลือกเขา” (เสียงปรบมือ) กล่าวในฐานะอาจารย์นี้ ข้าพเจ้าก็ไม่มีความเห็นอะไร   (ที่ประชุมหัวเราะ ปรบมือ ) นั่นเป็นความคิดของผู้ฝึกเอง  ข้าพเจ้าในฐานะอาจารย์ไม่ได้บอกให้ท่านไปเลือกใคร  ยิ่งไม่มี และไม่อนุญาตให้มีการรวมตัวดำเนินการใดๆ (ที่ประชุมหัวเราะ)

               ผู้ฝึก และ การดำเนินการแบบเฉพาะคนในหมู่ผู้ฝึกเอย   นั่นล้วนเป็นเรื่องระหว่างเพื่อนผู้ฝึก เพื่อนผู้บำเพ็ญแต่ละคน  บอกว่าฉันจะเลือกใคร  คุณจะเลือกใคร  นี่ล้วนเป็นพฤติกรรมของแต่ละคน  นี่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับตัวต้าฝ่าเอง   ไม่เกี่ยวข้องกับฝอเซี๊ยฮุ่ย(สมาคมศึกษาพุทธ)    ผู้รับผิดชอบของฝอเซี๊ยฮุ่ย(สมาคมศึกษาพุทธ)ก็สามารถสนับสนุนฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด   นั่นเป็นพฤติกรรมของแต่ละคน   เพราะเขากำลังบำเพ็ญ  ขณะเดียวกันเขาก็เป็นสมาชิกคนหนึ่งในสังคม  ในขั้นตอนการบำเพ็ญท่านจะให้เขาปล่อยวางของๆ คนทั้งหมดหรือ  นั่นต้องรอเมื่อบำเพ็ญหยวนหมั่นแล้วจึงจะทำได้    ฉะนั้นการบำเพ็ญในสังคมคนธรรมดาสามัญ  เขาก็มีความสัมพันธ์กับสังคม  ดังนั้นเขาคิดจะเลือกใคร เขาก็เลือกใคร   เขามีความคิดของเขาเอง  นี่ก็ไม่มีข้อจะตำหนิได้  

               ไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร ไม่ควรทำให้สังคมเกิดการขัดแย้ง  นั่นเป็นสิ่งที่อันตรายยิ่ง   ในฐานะเป็นผู้บำเพ็ญยิ่งต้องเข้มงวดกับตัวเอง ดังนั้นข้าพเจ้าจึงบอกผู้ฝึก อย่าถูกใจคนชักนำ จนเกิดความตื่นเต้นอย่างคนธรรมดาสามัญ   เพราะว่าพวกท่านมีพลังงาน  ความสามารถ  เรื่องทั้งหลายที่พวกท่านทำ สามารถกระตุ้นองค์ประกอบที่ใหญ่มาก ก่อให้เกิดผลกระทบอย่างมหาศาลในสังคม  ดังนั้นอย่าไปทำตามคนธรรมดาสามัญ  ข้าพเจ้าก็มองเห็นแล้วว่า ผู้ฝึกหลายคนถูกคนธรรมดาสามัญชักนำจนใจไม่สงบ  อารมณ์หวั่นไหว  ความคิดถูกต้องไม่เข้มแข็ง   ในเวลานี้ใครก็มองไม่เห็นว่าลักษณะของผู้บำเพ็ญของท่านอยู่ที่ไหน  นี่ใช้ไม่ได้   ในปีนั้น วันที่ 25 เมษายน พวกเราไปร้องเรียน ก็เป็นไปอย่างสันติ  เปี่ยมด้วยสติสัมปชัญญะ   พวกเราล้วนเป็นประโยชน์ต่อสังคม

ศิษย์            แม้ว่าพวกมือสกปรกของอิทธิพลเก่ากับพวกชั่วร้ายมีไม่มากแล้ว   เช่นนั้นปัจจุบันนี้เมื่อผู้ฝึกทำได้ไม่ดีนั้นคือการรบกวนของอะไร

อาจารย์       พวกมือสกปรกของอิทธิพลเก่าได้ขจัดทิ้งไปมากแล้ว ในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ที่นั่นก็กำลังหดเล็กลง  พวกที่ออกมาทำเรื่องชั่วเป็นครั้งคราว (ที่ประชุมหัวเราะ) อีกอย่าง  ยังมีที่ข้าพเจ้าจะขจัดทิ้งก็คือเทพเสื่อมที่อยู่นอกตรีภูมิ    พวกมันกำลังควบคุมพวกชั่วร้ายอยู่    กระทั่งบ้างก็กำลังลงมือทำเองโดยตรง  ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรนะ  มาถึงก้าวนี้แล้ว  เทพกล้าเข้าร่วมทำโดยตรง  ข้าพเจ้าไม่ขจัดมัน  ข้างบนก็กำลังขจัดมัน  เดี๋ยวนี้สภาพการณ์เปลี่ยนแปลงเร็วมาก

ศิษย์            ประโยคที่ว่า “ได้ผ่านโลกมาอย่างโชกโชน ชั่วพริบตาเดียวคือกาลเวลา (อุปมาว่าได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงของโลกมาอย่างโชกโชนนับครั้งไม่ถ้วน)”  ความหมายคืออะไร

อาจารย์       ได้ผ่านโลกมาอย่างโชกโชนนั้น  ก็คือ ได้ผ่านกาลเวลาอันยาวนานและทุกสิ่งในกาลเวลาอันยาวนาน ชั่วพริบตาเดียวก็คือกาลเวลาสั้นๆ ชั่วขณะ   ไม่ว่ามันจะได้ผ่านโลกมาอย่างโชกโชน หรือชั่วพริบตาเดียว  แนวคิดเกี่ยวกับความสั้น ยาวของเวลานั้น  ในสายตาของเทพมันเหมือนกัน  บางทีนำเวลาชั่วพริบตาเดียวนั้นมาใส่ให้ชีวิตของข้างในกาลเวลานี้ ก็จะก่อเกิดเป็นกาลเวลาที่ยาวนานได้ พวกเราเห็นเป็นชั่วพริบตาเดียว (แต่)อยู่ข้างในสนามของเวลานั้น ชั่วพริบตาเดียวนี้อาจเป็นกาลเวลายาวนานของความพลิกผันในชีวิต กาลเวลายาวนานของความพลิกผันในโลกของพวกเรานั้น สำหรับเทพองค์ที่ใหญ่โตก็เห็นเป็นชั่วพริบตาเดียว คือเป็นผลที่เกิดจากเวลา เป็นการเล่นกลของเวลา นี่คือความหมาย

ศิษย์            มีโอกาสเข้าร่วมการรณรงค์แข่งขันสมัครรับเลือกตั้ง สมาชิกสภาเทศบาล  และคบหาเป็นมิตรกับคนมากมายในระดับชั้นต่างๆกันของสังคม วางรากฐานในการอธิบายความจริงในเวลาต่อมา   เนื่องด้วยไม่เข้าใจตำแหน่งหน้าที่ของสมาชิกสภาเทศบาลนี้  จำเป็นต้องใช้เวลาช่วงหนึ่งเข้าใจปัญหาหน่วยการปกครองในสังคม    เข้าร่วมงานของหน่วยปกครองสังคม และเรียนรู้ว่าจะเป็นสมาชิกสภาได้อย่างไร  บางครั้งขัดแย้งมาก   ผมรู้สึกว่าเวลาเหล่านี้ ควรใช้ในการจัดทำรายการทีวี  ทำเรื่องอื่นของการอธิบายความจริงจะดีกว่า

อาจารย์       ฝ่าที่ข้าพเจ้าถ่ายทอดนั้นให้บำเพ็ญในสังคมคนธรรมดาสามัญ    บำเพ็ญในสังคมคนธรรมดาสามัญ   ศิษย์ต้าฝ่าก็จะมีการติดต่อกับคนประเภทต่างๆ ในสังคม  การงานที่แตกต่างกันโดยตัวมันเองก็คือ ความสัมพันธ์กับสังคม  นี่ไม่ขัดแย้ง

               ที่จริงผู้ฝึกมากมายก็มีการงานที่ต่างกัน   ในขณะเดียวกันก็กำลังอธิบายความจริง  ก็คือตนเองจะจัดวางอย่างไรให้ดี   ใช้เวลาของตนเองให้ดี  ทำอย่างไรให้ดียิ่งขึ้น   ไม่ได้คัดค้านท่านทั้งหลายว่า จะมีตำแหน่งหน้าที่อะไรในสังคม  อยู่ในสังคมทำการค้าใหญ่โตเพียงไร  เป็นข้าราชการใหญ่แค่ไหน  ล้วนไม่ขัดแย้ง  ข้าพเจ้าต้องการจะยืนยันว่าคนระดับชั้นต่างกันก็สามารถบำเพ็ญได้  ข้าพเจ้าก็ได้เปิดเป็นประวัติการณ์นี้แล้ว  ในประวัติศาสตร์มีน้อยมากที่จะช่วยเหลือคนรวย  มีน้อยมากที่จะช่วยเหลือข้าราชการ  ข้าพเจ้าไม่แบ่งแยกสิ่งนี้ ดูแต่ใจคน ข้าพเจ้าช่วยทั้งหมด  (เสียงปรบมือ) ในทางปฏิบัติก็ยืนยันได้ว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง   ไม่เพียงแค่ใช้ได้  โดยเฉพาะศิษย์ต้าฝ่าของข้าพเจ้าก็ได้บำเพ็ญออกมาแล้ว  เพราะว่าในอดีตไม่มีต้าฝ่า   หลักธรรมที่เทพองค์ต่างๆ ประจักษ์แจ้ง ไม่ใช่หลักธรรมที่เป็นรากเหง้าของจักรวาล วันนี้เป็นการถ่ายทอดต้าฝ่า  เรื่องอะไรก็สามารถทำได้ทั้งหมด

ศิษย์            งานและกิจกรรม ยืนยันความถูกต้องของฝ่ามากมายไม่มีเวลาเพียงพอ  เวลาสำหรับฝึกพลังกง  ศึกษาฝ่าในแต่ละวัน กระชั้นมาก

อาจารย์           มีปัญหาอย่างนี้นะ  ถ้าหากรูปธรรมของงานต้าฝ่ายุ่งมาก  เช่นนั้นในการฝึกพลังกงสามารถจะผ่อนลงได้บ้าง  จากนั้นหาเวลาฝึกชดเชย  นี่ไม่มีปัญหา   เพราะหลักพลังกงนี้ เมื่อมีเวลาก็ฝึกมากหน่อย  ไม่มีเวลาก็ฝึกน้อยหน่อย   อาจารย์เคยพูดปัญหานี้แล้ว   พูดถึงการศึกษาฝ่านั้น  ข้าพเจ้าคิดว่ายังคงต้องเจียดเวลามาศึกษา ถึงแม้ว่าจะศึกษาเพียงเล็กน้อย การเจียดเวลาศึกษามักจะเกิดปัญหาหนึ่งได้ง่ายที่สุด คือสงบใจลงมาไม่ได้ สงบใจลงมาไม่ได้เท่ากับศึกษาโดยเปล่าประโยชน์   เสียเวลาเปล่า    จะศึกษาท่านก็ปล่อยวางจิตใจลงมา  ทำจิตให้มั่นคง  สงบความคิด  ศึกษาอย่างจริงจัง   ถึงแม้ท่านจะอ่านไปได้ไม่กี่ท่อน   ก็ยังดีกว่าเมื่อเทียบกับที่ท่านอ่านทั้งเล่มแต่ใจไม่นิ่ง  ศึกษาฝ่านั้นต้องศึกษาให้เข้าไปในใจให้ได้

ศิษย์            ความยากลำบากทั้งหมดที่ศิษย์มีในปัจจุบัน ล้วนเป็นการที่อิทธิพลเก่าพุ่งเป้ามาที่การเจิ้งฝ่า ใช่หรือไม่

อาจารย์       ไม่ใช่  ความยากลำบากของพวกท่านทั้งหมดเป็นเรื่องการบำเพ็ญของท่านเอง  การรบกวนของอิทธิพลเก่านั้นมุ่งต่อการบำเพ็ญของพวกท่านแต่ละคนโดยเฉพาะ  ข้าพเจ้าพูดว่า การรบกวนศิษย์ต้าฝ่าของอิทธิพลเก่านั้น  ข้าพเจ้าไม่ยอมรับ  เพราะศิษย์ต้าฝ่าคือศิษย์ของข้าพเจ้า   ใครก็ไม่คู่ควรมายุ่งเกี่ยว  ยิ่งไม่อาจถูกมันใช้ประโยชน์ บีบบังคับศิษย์ต้าฝ่าเพื่อบรรลุเป้าหมายของพวกมัน  จากนั้นก็บรรลุแผนการร้ายในการทำลายศิษย์ของข้าพเจ้า พวกมันรบกวนได้เพราะพวกมันจับจิตยึดติดและข้อด้อยของพวกท่านได้  บวกกับกรรมที่เหลืออยู่ในประวัติศาสตร์   การประทุษร้ายครั้งนี้ล้วนเกิดขึ้นจากองค์ประกอบเหล่านี้เอง   การเจิ้งฝ่านอกตรีภูมิโดยตัวมันเองนั้นไม่ค่อยเกี่ยวข้องโดยตรงกับพวกท่าน   แต่ว่าพวกท่านอยู่ร่วมกับช่วงการเจิ้งฝ่า  ร่วมกับอาจารย์   คือศิษย์ต้าฝ่าแห่งยุคเจิ้งฝ่า

ศิษย์            ผู้ฝึกบางคนเข้าใจว่าเพียงแต่ฟาเจิ้งเนี่ยนอยู่ที่บ้าน  ใช้โทรศัพท์ในการอธิบายความจริง ก็นับเป็นศิษย์ต้าฝ่าแล้ว ไม่จำเป็นต้องก้าวออกมา  ใช้ได้ไหม

อาจารย์       ถ้าหากไม่ได้ยุ่งอยู่กับเรื่องของต้าฝ่าเป็นพิเศษ   มีกิจกรรมกลุ่มยืนยันความถูกต้องของฝ่า อธิบายความจริง  หรือการรวมกลุ่มศึกษาฝ่า และอื่นๆ เป็นต้น แล้วไม่ออกมา นั้นไม่ถูก    การศึกษาฝ่าเป็นกลุ่มนั้นเป็นสภาพแวดล้อมอย่างหนึ่งที่ข้าพเจ้าริเริ่มไว้ให้พวกท่าน  เหลือรูปแบบชนิดนี้เอาไว้ให้    ข้าพเจ้าคิดว่าสมควรทำเช่นนี้   เพราะนี่เป็นการก้าวข้ามมา(สิ่งที่ได้มา)จากการปฏิบัติ  การบำเพ็ญแบบนี้ทำให้ผู้ฝึกยกระดับได้เร็วที่สุด  บำเพ็ญเองคนเดียว  ไม่มีองค์ประกอบกระตุ้น(ส่งเสริม)การยกระดับ   ฉะนั้นกล่าวสำหรับศิษย์ต้าฝ่า  พวกท่านเคยพูดไว้มิใช่หรือว่า อาจารย์บอกให้ทำอย่างไรก็ทำอย่างนั้น  เคยพูดว่าควรเดินให้เที่ยงตรงบนหนทางที่ศิษย์ต้าฝ่าสมควรเดิน

               ข้าพเจ้าเห็นความยากลำบากของพวกท่าน   ข้าพเจ้าไม่คิดจะบอกท่านฯว่า “ต้องทำอย่างไร” ข้าพเจ้าพูดเช่นนี้น้อยมากๆ  ข้าพเจ้ารู้ว่าพวกท่านลำบากกันมาก  พูดถึงการบำเพ็ญอีก ท่านต้องรับรู้เอาเอง  หลักธรรมนั้นข้าพเจ้าได้พูดไว้อย่างชัดเจนแล้ว   ท่านต้องเดินบนหนทางของตนเอง  ข้าพเจ้าบอกท่าน “ต้องเดินอย่างนี้” คือการมีจุดรั่ว ณ ก้าวย่างนี้  ทว่าจุดรั่วนั้นกลับสร้างขึ้นโดยอาจารย์  - อาจารย์ไม่ได้ให้ท่านรับรู้ออกมาเอง ไม่ได้ให้ท่านไปทำเอง  ด้านนี้ของท่านไม่ได้บำเพ็ญ  ดังนั้นข้าพเจ้าจึงพูดอย่างนี้น้อยมาก  ศิษย์ต้าฝ่าสมควรมีสำนึกในภาระรับผิดชอบของตนเอง  ในฐานะศิษย์ต้าฝ่าสมควรจะทำอย่างไรบ้าง จึงจะถูกต้อง

ศิษย์            ในการยืนยันความถูกต้องของฝ่าศิษย์มักจะเข้าร่วมกิจกรรมที่สำคัญหลายครั้ง  ต่อมาก็ค้นพบว่าบ่อยครั้งเมื่อทำเรื่องใหญ่สำเร็จสักเรื่อง ก็จะมีการรบกวนมากและการชำระกรรม เป็นต้น

อาจารย์       การรบกวนนั้นไม่เคยขาดตอนเลย การรบกวนใหญ่น้อยมักจะมีเสมอ  พวกกากเดนของอิทธิพลเก่าและสิ่งชั่วร้ายเหล่านั้นก็คือไม่พอใจ แต่ละครั้งที่ข้าพเจ้าบรรยายฝ่าพวกมันก็ได้ยินเหมือนกับ พวกท่านได้ยินพร้อมกัน  แต่พวกมันก็จะทำอย่างนั้น   บาปชั่วของพวกมันใหญ่หลวงมากจนไม่อาจเอาชีวิตของพวกมันมาเทียบได้แล้ว   ในอนาคต พวกมันจะต้องชดใช้บาปของพวกมันอย่างไม่รู้จบสิ้น  ถึงเป็นเช่นนี้ก็ชดใช้ไม่หมด  ใหญ่หลวงถึงขั้นนี้  พวกเหลือเดนเหล่านี้ของอิทธิพลเก่าที่อยู่ในตรีภูมิ  องค์ประกอบนานาชนิดของจักรวาลที่เสื่อมทราม  สุดท้ายองค์ประกอบเก่าเหล่านี้ก็เทสิ่งเหล่านี้ออกไปแล้ว  จึงบอกให้พวกมันทำจนถึงที่สุด  บาปที่หนักของพวกมันนั้นล้วน สามารถเผาผลาญพวกมันเองได้ คือองค์ประกอบเลวเหล่านั้นกำเริบจนพอที่จะทำให้พวกมันเป็นอย่างนี้

ศิษย์            ความคิดที่เรียบง่ายกับที่สลับซับซ้อน มีดีเลวหรือไม่ สาเหตุคืออะไร  

อาจารย์       ในสายตาของเทพ  ความคิดเรียบง่ายของคนนั้นสะอาดสะอ้าน  เทพถือว่าคนๆนี้เป็นคนดี  ความคิดสลับซับซ้อนของคน   เทพถือว่าคนๆนี้ไม่ดี   เพราะเทพถือว่าสาเหตุของความสลับซับซ้อนนั้นไม่ใช่สิ่งยึดติดของคนในโลก สร้างขึ้นมาหรือ ความสลับซับซ้อนไม่ใช่ยึดติดกับองค์ประกอบในโลกของคนหรือ   ดังนั้นในการบำเพ็ญจึงมีเหตุผลแบบนี้

               ความคิดเรียบง่าย ไม่นับว่าด้อยปัญญา  ความคิดสลับซับซ้อนไม่นับว่ามีปัญญา   นี่ไม่ขัดแย้งกับวิธีการบำเพ็ญของศิษย์ต้าฝ่าในสภาพแวดล้อมของคนฯ และทุกสิ่งในวันนี้ที่พวกท่านทำในการ ยืนยันความถูกต้องของฝ่า ปัญญาของศิษย์ต้าฝ่ามาจากความคิดที่ถูกต้อง – ความคิดของเทพ  ปัญญานี้เป็นแนวคิดที่ต่างกันกับความคิดสลับซับซ้อนที่ก่อรูปขึ้นในสังคม ในคนฯ   เล่ห์เหลี่ยมเหล่านั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเองเพื่อผลประโยชน์ เพื่อความเห็นแก่ตัว การปัดแข้งปัดขากัน   ทว่าศิษย์ต้าฝ่ามีเป้าหมายเพื่อ ยืนยันความถูกต้องของฝ่าไม่แสวงหาเพื่อตนเอง  ดังนั้นนี่เป็นสิ่งที่ต่างกันโดยแท้ พวกหลังนี้เป็นปัญญาที่ยิ่งใหญ่  พวกแรกควรเรียกว่าความคิดที่สลับซับซ้อน   การแสดงออกมาก็ต่างกัน  นั่นแน่นอนเลย

ศิษย์            ตลอดมาในพื้นที่นี้ของพวกเรา  มีผู้ฝึกเก่าจำนวนมากที่ไม่มาร่วมการศึกษาฝ่าด้วยกันเป็นเวลานานมาก   และไม่ออกมาร่วมฝึกพลังกงข้างนอกด้วยกัน  เข้าใจว่าไม่ร่วมกลุ่มศึกษาฝ่า  อยู่ในบ้านศึกษาฝ่าก็ศึกษาฝ่าได้ดี   อยู่บ้านฝึกพลังกงก็เช่นกัน สามารถฝึกได้ดี    เข้าใจว่าการทำอย่างนี้จะไม่บรรลุการยกระดับไปพร้อมกัน

อาจารย์       ที่จริง ข้าพเจ้าว่า ถ้ามีอย่างนี้จริง นั่นคือจิตยึดติดของคนทำให้เกิดขึ้น  ไม่เชื่อลองควานดูที่รากเหง้าความคิดของท่าน   คือการยึดติดแน่นอน   พูดให้เบาหน่อยคือ ท่านขี้เกียจ  พูดหนักหน่อยคือท่านกลัว  แน่นอนละ  มีผู้ฝึกบางคนวุ่นอยู่กับงานรูปธรรมหลายอย่าง  นี่ไม่เหมือนกัน

ศิษย์            เคยติดตามคนเลวที่ฮ่องกงคนนั้น  จะสามารถเข้าร่วมงานสื่อในปัจจุบันได้หรือไม่

อาจารย์       คำถามรูปธรรมนี้อย่าได้ถามอาจารย์เลย ผู้ฝึกเราบางคนเคยทำผิดไปแล้ว  แก้ไขแล้ว ก็ใช้ได้  ใครไม่เคยผิดละ  กล่าวในฐานะผู้ฝึก  เมื่อผู้ฝึกอื่นไม่ไว้ใจท่าน  ก็อย่าฝืนทำ  หลบเลี่ยงสักหน่อยก็ไม่มีอะไรไม่ดี  เช่นนี้แล้วความกดดันในใจทั้งสองก็เบาลงได้

               ไม่ให้ทำเรื่องพวกนี้เหรอ  งั้นฉันก็ไปแจกเอกสารแผ่นพับตามถนน  ช่วยเหลือสรรพชีวิตได้เหมือนกัน  ไปสถานกงสุลฟาเจิ้งเนี่ยน  ไปทำด้านอื่น  ล้วนทำได้ทั้งนั้น  ทำไมมัวแต่ยึดติดในด้านนี้ละ ท่านยิ่งยึดติด  ผู้ฝึกอื่นก็ยิ่งมีความคิดเห็นกับท่านหนักขึ้น ใช่หรือไม่ ทำไมเอาแต่จะทำอย่างนี้ให้ได้ละ การทำเช่นนี้ของท่านโดยตัวมันเองก็จะถูกอิทธิพลเก่าใช้ประโยชน์ได้ใช่ไหม ก่อให้เกิดความวุ่นวายไหมละ ดังนั้นไม่ว่าทำเรื่องอะไรก็สามารถคำนึงถึงต้าฝ่าด้วยสำนึกของตัวเอง ข้าพเจ้าว่าปัญหาก็จะไม่เหมือนกันแล้ว สถานการณ์ก็จะไม่เหมือนกันแล้ว ข้าพเจ้าขอแนะว่าผู้ฝึกทั้งหลายที่ถูกสงสัยเคลือบแคลง ขอให้ไปที่สถานกงสุล ไปที่ถนนแจกเอกสาร ไปที่ที่มีความต้องการคนมากที่สุด  อธิบายความจริงกับชาวโลกโดยตรง  อย่าเพิ่งไปร่วมในเรื่องพิเศษเฉพาะเลย  ทำให้ทุกคนเห็นว่าท่านนั้นจริงหรือปลอม  ท่านใช้ได้หรือไม่

               ถ้ามีปัญหาจริง  ทุกท่านก็ไม่ต้องกังวลใจ  คนชนิดนี้อยู่ในหมู่ศิษย์ต้าฝ่าแต่กลับไม่อยู่ในฝ่า   เมื่ออิทธิพลเก่าใช้ชีวิตของพวกเขาจนหมดแล้วก็จบสิ้นกัน  ที่จริงข้าพเจ้าทราบว่าพวกที่มีปัญหาก็รู้ว่าต้าฝ่าดี  เนื่องจากกลัวว่าแต่ก่อนเรื่องที่ทำไม่ดีไว้กับทุกคนจะถูกองค์กรสายลับกระพือข่าว  จิตหวาดกลัวทำให้เขา ทำเรื่องไม่ดีไปพลาง ก็ขอให้ฝ่าเซินของอาจารย์ผ่อนปรนให้   จะให้ผ่อนปรนได้อย่างไรกันละ  การบำเพ็ญนั้นช่างเข้มงวดเสียนี่กระไร   โดยเฉพาะคือการบำเพ็ญของศิษย์ต้าฝ่า   เป็นธรรมานุภาพที่ไม่ธรรมดาเลย! แสวงหาด้วยจิตยึดติด  ยังเป็นจิตหวาดกลัวที่สกปรก  จะไม่ได้รับอนุญาตอะไรเลย  และเป็นไปไม่ได้  จิตชนิดนี้พวกปีศาจทรามเหลือเดนของอิทธิพลเก่าย่อมมองเห็นได้  จากนั้นก็แอบอ้างอาจารย์  นำพาท่าน อนุญาตท่านอะไร  นั่นก็คือต้องการจะฆ่าท่าน

ศิษย์            ศิษย์ต้าฝ่าไต้หวันทั้งหมด  ศิษย์ยุวชนโรงเรียนหมิงฮุ่ยไต้หวันขอส่งความปรารถนาดี มายังอาจารย์ (อาจารย์: ขอบใจทุกคน) (ที่ประชุมปรบมือ) ไต้หวัน ศิษย์ยุวชนโรงเรียนหมิงฮุ่ยโต้วโต้วหยวนทั้งหมด ขอส่งความปรารถนาดีมายังอาจารย์  ในช่วงเจิ้งฝ่าพวกเราจะอาศัยเรื่องการศึกษาในการยืนยันความถูกต้องของฝ่าให้ดียิ่งขึ้นได้อย่างไร

อาจารย์       ที่จริงเรื่องที่พวกท่านทำคือการยืนยันความถูกต้องของฝ่าอยู่แล้ว  นักเรียนโรงเรียนหมิงฮุ่ยล้วนเป็นศิษย์ยุวชนกันแล้ว  และส่งผลกระทบต่อสังคม  ส่งผลกระทบต่อโรงเรียน  ส่งผลกระทบต่อวงการศึกษา  นั่นคือพวกเราสามารถหยั่งรากได้ลึกยิ่งขึ้น  กว้างขวางยิ่งขึ้น  ที่จริงนั่นคือความหวังที่ข้าพเจ้าฝากไว้กับพวกท่าน (หัวเราะ) (เสียงปรบมือ) พูดว่าข้าพเจ้าฝากความหวังนั้น ควรพูดว่าเป็นการฝากความหวังของสรรพชีวิต (หัวเราะ) (เสียงปรบมือ) 

ศิษย์            หลายคนที่เรียกตัวเองว่าศิษย์ต้าฝ่าซึ่งมาจากพื้นที่บางแห่งในประเทศจีน  ก็มีเพื่อนผู้บำเพ็ญรีบช่วยทำเรื่องขอลี้ภัย  จำเป็นต้องทำความเข้าใจสักระยะหนึ่งแล้วค่อยช่วยเหลือเรื่องการลี้ภัยหรือไม่

อาจารย์       เรื่องเหล่านี้ผู้ฝึกเองทำไปตามสถานการณ์เถอะ  ถ้าเป็นศิษย์ต้าฝ่าจริง  มีความยากลำบากแล้วไม่ช่วยก็ไม่ดี   ถามเกี่ยวกับฝ่าสักหน่อยก็เข้าใจได้มิใช่หรือ

ศิษย์            มีผู้ฝึกบางคนทำอะไรมักเดินสุดขั้ว นำพาให้เกิดผลกระทบที่ไม่ดีต่อต้าฝ่า 

อาจารย์       ชีวิตที่เทพมองไม่ขึ้นมากที่สุด(ดูถูก)ก็คือชีวิตนี้ที่ค้นหาตนเองไม่พบ  ทำอะไรล้วนไม่มีความคิดถูกต้องเพียงพอ  หาตัวเองไม่พบ พูดจาไม่ได้ออกมาจากใจจริง ทำอะไรแบบสุดขั้ว ไม่มีความเป็นตัวเอง  ท่านว่าจะช่วยใครได้ละ คนไหนคือท่าน  เทพดูถูกชีวิตอย่างนี้มากที่สุด   คนอย่างนี้แม้เข้ามาอยู่ในหมู่ศิษย์ต้าฝ่าแล้ว ที่แท้กลับไม่อยู่ในต้าฝ่า  ช่างน่าเวทนาเสียเหลือเกิน  ไม่มีความคิดที่ถูกต้อง

ศิษย์            มีผู้ฝึกบางคนที่มีความสามารถพิเศษ  ขณะที่ฟาเจิ้งเนี่ยน เข้าใจว่าชีวิตเหล่านั้นในมิติอื่น  สมควรให้ความช่วยเหลือ   การกำจัดพวกมัน ไม่ค่อยจะมีความเมตตา

อาจารย์       เรื่องนี้เมื่อยังไม่ได้เจิ้งฝ่า   หรือว่าอาจารย์สำนักไหนขณะนำพาลูกศิษย์ทำเรื่องนี้   ศิษย์ของเขาไปเข้าใจอย่างนี้ก็ไม่อาจพูดว่าผิด  ในฐานะอาจารย์มักจะถือว่าท่านไม่มีความคิดที่ถูกต้อง   อาจารย์คนไหนมีลูกศิษย์แบบนี้ ไม่ช้าก็เร็ว ต้องส่งกลับบ้านไป   เพราะว่าสิ่งที่อาจารย์พูด ท่านไม่ปฏิบัติตาม ท่านเป็นศิษย์ประเภทใด  วันนี้ปัญหาก็ไม่เหมือนกันแล้ว   การเจิ้งฝ่า เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ก็ห่างไกล ลิบลับกับการบำเพ็ญเฉพาะตัวของชีวิตหนึ่ง   ชีวิตหนึ่งรบกวนท่าน  รบกวนต้าฝ่า  ชีวิตที่ควรกำจัด ไม่ใช่ปัญหาความเมตตาหรือไม่เมตตาของท่านเอง   แต่คือปัญหาว่าท่านรับผิดชอบต่อต้าฝ่าหรือไม่

               ในฐานะศิษย์ต้าฝ่า  อย่าถือว่าเป้าหมายการช่วยเหลือสรรพชีวิต ก็เพื่อการบำเพ็ญหยวนหมั่นของท่านแต่ลำพัง  ไม่ใช่  ภารกิจของศิษย์ต้าฝ่าคือยืนยันความถูกต้องของฝ่าแม้แต่การยืนยันความถูกต้องของฝ่าท่านก็ไม่ทำหรือ การประทุษร้ายต้าฝ่าท่านก็ไม่รู้สึกรู้สาเลยหรือ ศิษย์ต้าฝ่าในจีนแผ่นดินใหญ่ก็ถูกสิ่งเหล่านี้ทำร้ายถึงตายด้วย  นี่ไม่เกี่ยวกับท่านหรือ ท่านได้รับทุกสิ่งจากฝ่า  ต้าฝ่าไม่ต้องการการตอบแทนอะไรจากท่าน  แต่พูดในฐานะศิษย์ต้าฝ่าคนหนึ่ง  ไม่มีต้าฝ่าแล้วจะมีท่านไหม  ท่านปกป้องต้าฝ่ามิใช่การปกป้องตัวท่านเองหรือ ข้าพเจ้านั้น ที่จริงรู้สึกว่าผู้ฝึกคนนี้ไม่เพียงแต่เป็นปัญหาของการสับสน  ปัญหาที่ถามมายังอ่านไม่หมด --------

ศิษย์            ...........คิดค้นวิธีหนึ่งชุดคือ การท่อง (ลุ่นอวี่) สักกี่จบ   บวกกับการรำมือเข้าไปสักกี่ท่า  แล้วบอกว่าบังเกิดผลลัพธ์(พลังงาน)ที่แรงมาก (อาจารย์: ท่านดู ข้าพเจ้าว่าเขาไม่เพียงเป็นปัญหาสับสนเลอะเลือนเท่านั้นนะ) (ที่ประชุมหัวเราะ) ยังเที่ยวไปสอนผู้ฝึกคนอื่นอย่างเงียบๆด้วย

อาจารย์       นี่คือการรบกวน  ก็คือถูกมารหลอกใช้แล้ว  เพียงแต่ว่ายังไม่ร้ายแรงนัก  กล่าวในฐานะผู้ฝึก  ระดับชั้นได้ตกลงไปมากเหลือเกินแล้ว   เปรียบเทียบกับเหล่าศิษย์ต้าฝ่าที่ยืนยันความถูกต้องของฝ่าอย่างสง่าผ่าเผยแล้ว ดูกระจิดริดมาก  โอ้ ห่างกันลิบลับเลย  ที่จริงเขาก็รบกวนผู้ฝึกไม่ได้  ผู้ฝึกมากมายก็ดูออกว่าเขาผิดปกติ   มีเพียงคนจำนวนน้อยจริงๆ ที่มีจิตยึดติดแรงมากจึงถูกชักนำ

ศิษย์            ศิษย์รู้สึกว่าอิทธิพลเก่าจัดวางด่านตายส่วนหนึ่งเอาไว้ให้พวกเรา  คิดจะให้พวกเรา พอตกลงไปก็ลุกไม่ขึ้น   แต่หากพวกเราเดินผ่านด่านเหล่านั้น  ทุกข์ภัยเหล่านั้น  ก็จะสามารถปล่อยวางจิตยึดติดที่แท้จริง แล้วจึงจะทำได้ดียิ่งขึ้น

อาจารย์       ใช่  หากทุกท่านไม่มีสิ่งยึดติดอะไร  อิทธิพลเก่าก็จับจุดบกพร่องไม่ได้  และก็ไม่มีปัญญา

ศิษย์            บทบาททั้งหลายที่แสดงออกมาในยุคเจิ้งฝ่าของไต้หวัน  จะเป็นอย่างไรหลังฝ่าปรับโลกมนุษย์

อาจารย์       ฝ่าปรับโลกมนุษย์นั้นเป็นเรื่องอนาคต บทบาทของไต้หวัน  ข้าพเจ้าพูดกับท่านฯ ได้แต่เพียงว่า มีบรรพบุรุษเดียวกัน เป็นชนชาติเดียวกัน สองฝั่งช่องแคบมีท่าทีต่อต้าฝ่าต่างกัน  นี่คือการเปรียบเทียบอย่างเด่นชัดแบบหนึ่ง

ศิษย์            ศิษย์ต้าฝ่าจะเข้าใจอย่างเป็นรูปธรรมของวันที่การเจิ้งฝ่าสิ้นสุด(วันที่ฝ่าปรับโลกมนุษย์)ได้อย่างไร

อาจารย์       อย่ายึดติด เมื่อวันนั้นมาถึง  ประวัติศาสตร์ของจักรวาลเก่านี้ก็สิ้นสุดแล้ว  ศิษย์ต้าฝ่าก็หยวนหมั่นแล้ว   เวลาที่หยวนหมั่นพลังกงเปิด  กล่าวสำหรับชีวิตหนึ่งก็คือ ก่อนหนึ่งวินาที หลังหนึ่งวินาที  แม้เพียงหนึ่งวินาทีก็ไม่มี  ก็ก่อนหนึ่งพริบตา หลังหนึ่งพริบตา ก็คือความแตกต่างกันของคนกับเทพ  การบำเพ็ญของศิษย์ต้าฝ่านั้น คือจากระดับจุลทรรศน์สู่ชั้นพื้นผิว  ดังนั้นส่วนที่บำเพ็ญสำเร็จในระดับจุลภาคนั้น  เวลาไม่มีการควบคุมของร่างหลัก เขาไม่เคลื่อนไหว  แต่อะไรก็รู้หมด  บำเพ็ญสำเร็จแล้วนี่   ท่านบำเพ็ญถึงเขตแดนสูงสุด ตลอดไปจนถึงข้างล่าง แต่ละเขตแดนนั้นล้วนมีส่วนหนึ่งของท่าน  สภาพการณ์ในเขตแดนที่ท่านอยู่ทั้งหมดนั้นท่านจะรู้หมด  ดังนั้นก่อนหน้าหนึ่งวินาที หลังหนึ่งวินาที  ชั่วประเดี๋ยวเดียวนั้นคือการแบ่งระหว่างเทพกับคน  ในชั่วพริบตานั้นอะไรๆ ก็รู้หมด  ในชั่วพริบตานั้นก็คือเป็นเทพผู้ยิ่งใหญ่   ที่สามารถทำได้ทั้งหมด 

ศิษย์            สถานการณ์ทางการเมืองของไต้หวันในเวลานี้เป็นการจัดวางของอิทธิพลเก่า หรือเป็นผลที่เกิดจากใจของศิษย์ต้าฝ่า

อาจารย์       ดูเหมือนผู้ฝึกสนใจในเรื่องนี้จริงๆ ศิษย์ต้าฝ่าไม่ได้ส่งผลให้เกิดสถานการณ์นี้ สิ่งเหล่านั้นไม่เกี่ยวข้องกับพวกเราศิษย์ต้าฝ่า ล้วนเกิดขึ้นจากองค์ประกอบที่อิทธิพลเก่าในอดีตเหลือทิ้งไว้ แต่ดูจากสภาพการณ์ในปัจจุบัน กากเดนทั้งหลายของอิทธิพลเก่าปรากฏว่าใจสู้แต่กำลังไม่เป็นใจแล้ว

ศิษย์            หลังจากที่สิ่งชั่วร้ายเริ่มการประทุษร้ายปราบปราม มีผู้ฝึกเคยไปร้องเรียนที่เป่ยจิง(ปักกิ่ง) ต่อมาภายหลังเขาอ่านแต่ [จ้วนฝ่าหลุน] ไม่อ่านจิงเหวิน มีการพูดคุยกันหลายครั้ง หวังอยากจะให้เขาตื่นจากการรับรู้ที่ไม่ถูกต้อง แต่ไม่ได้ผล ใคร่ขอถามจะใช้ค้อนหนักอะไรเคาะให้เขาตื่นได้ (อาจารย์หัวเราะ) (ที่ประชุมหัวเราะ)

อาจารย์       ลองไปพูดกับเขาด้วยจิตเมตตา ลองดูซิว่าเขายึดติดอยู่ตรงไหน เขามีจิตยึดติดที่เป็นเงื่อนปมในใจและจิตหวาดกลัวทำให้เกิดเป็นสภาวะแบบนี้ ยังไม่ใช่เพราะฟังหรือเชื่อการกุข่าวเท็จ การโฆษณาชวนเชื่อของสิ่งชั่วร้าย แต่(เขา)ก็รู้ว่าฝ่านั้นดี มีความขัดแย้งในใจ ไม่อาจปล่อยวาง หากไม่ไหวจริงๆ นั่นก็เป็นเรื่องของเขาเอง ยังพอช่วยเหลือได้พวกท่านก็ลองช่วยเขาเถอะ

ศิษย์            ระยะหลังพวกเราใช้รูปแบบการแสดงศิลปะไปอธิบายความจริงตามที่ต่างๆ ในสังคม ได้ผลดีมาก บางองค์กรให้พวกเราไปสาธิตหลังพลังกง สอนฝึกพลังกง ในจำนวนนั้นมีองค์กรหนึ่งเป็น คนที่ป่วยโรคมะเร็งทั้งหมด ใคร่ขอถามพวกเราจะยึดกุมให้ดีอย่างไร พวกเราต้องการจะจัดการแสดงในระดับใหญ่ สามารถจะเก็บค่าบัตรผ่านประตูไหม สามารถระดมเงินให้องค์กรอื่นได้ไหม

อาจารย์       ไม่สามารถระดมเงินให้องค์กรอื่นโดยเด็ดขาด และไม่สามารถทำสิ่งเหล่านี้ที่ไม่มีความหมายต่อศิษย์ต้าฝ่า ศิษย์ต้าฝ่ายืนยันความถูกต้องของฝ่าอธิบายความจริง ช่วยเหลือสรรพชีวิต คัดค้านเรื่องการประทุษร้าย เป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่งที่ไม่อาจจะรบกวนได้ หากทำในสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับต้าฝ่าก็จะเป็นการได้ไม่คุ้มเสีย

               มีบางคนอาจจะคิด บอกว่าฉันบริจาคเงินให้เขาสักหน่อย คนเหล่านี้ไม่แน่อาจจะดีกับฝ่าหลุนกงก็ได้ ไม่ใช่เพื่อเหตุผลข้อนั้น ข้าพเจ้าถ่ายทอดฝ่ามาหลายปีขนาดนี้ ตลอดมาข้าพเจ้าไม่เคยคิดที่จะใช้วิธีการทางการเงินเลย ใช้อิทธิพลอะไร ใช้บารมีส่วนตัวไปบอกให้คนมาได้ฝ่า เขาไม่ใช่มาเพื่อฝ่า เช่นนั้นก็ใช้ไม่ได้

ศิษย์            ในการฟ้องร้องคดี ผู้ฝึกสามารถอธิบายความจริงกับผู้พิพากษาได้หรือไม่  เช่นนี้จะกระทบต่อความยุติธรรมของกฎหมายหรือไม่

อาจารย์       พูดเรื่องการประทุษร้ายนั้น ไม่มีปัญหา  ผู้ฝึกไปอธิบายความจริงในเรื่องที่ไม่เกี่ยวโยงกับคดีความ  ก็ควรที่จะไม่มีปัญหา  คนอยู่ในโลกมีกรอบมากมายปิดล้อมคนเองอยู่แล้ว   แต่ถ้าท่านไปทำเรื่องต่างๆ ด้วยสติปัญญา และไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร ควรพูดว่าไม่มีปัญหา

ศิษย์            ผู้รับผิดชอบอธิบายความจริง ณ จุดท่องเที่ยวหนึ่งในฮ่องกง และ ในสภาพที่เป็นอยู่ของฮ่องกง  การอธิบายความจริงของผู้รับผิดชอบ สามารถปรับที่นั่นให้ดีได้ถึงขั้นนั้น  จิตใจเช่นนี้น่ายกย่อง   และถูกผู้ฝึกบางคนเข้าใจว่า เธอเป็นเทพองค์หนึ่งอย่างแท้จริง  ผู้ฝึกบางคนมีความเห็นว่า  ไปที่นั่นอธิบายความจริงหนึ่งสัปดาห์  ยังดีกว่าบำเพ็ญอยู่ในไต้หวันหนึ่งปี (ที่ประชุมหัวเราะ) ( อาจารย์: นี่สุดขั้วแล้ว) เนื่องจากผู้ฝึกมากมายไปเพราะชื่นชมในชื่อเสียง ......

อาจารย์       ผู้ฝึกเราทุกคน ต้องระวังปัญหาข้อหนึ่ง    ผู้ฝึกบางคนนั้นทำได้ดี  แต่เธอก็ยังคงบำเพ็ญอยู่  ถ้าหากพวกเราทำกันอย่างที่ว่าแล้ว   ใช่หรือไม่ว่าจะชักนำให้ผู้ฝึกเกิดการยึดติดใหม่ขึ้นมา จะทำให้ผู้ฝึกเกิดการลำพองใจหรือไม่  ดังนั้นข้าพเจ้าคิดว่าทุกท่านต้องระวังไว้   ผู้ฝึกคนใดทำด้านไหนได้ดี พวกเราควรศึกษาไว้    แต่ว่าก็ยังบำเพ็ญกันอยู่ใช่ไหม ยังมีจิตของคนที่ยังไม่ได้ละทิ้งไป  ยังคงต้องยึดถือฝ่าเป็นมาตรฐาน

ศิษย์            เร็วๆ นี้พี่สาวคนนั้น  เนื่องจากยืนกรานจะแก้ไขวิธีฟาเจิ้งเนี่ยน   เปลี่ยนลำดับการเชื่อมต่อ 5 นาที โดยเปลี่ยน 5 นาทีแรกของการชำระล้างความคิดที่ไม่ดีของตนเอง เป็นการขจัดพวกมือมืดก่อน  และบังคับผู้ฝึกทำตามคำเคล็ดของหล่อน

อาจารย์       ท่านดู  พูดถึงก็มาเลย (ที่ประชุมหัวเราะ) นี่ก็ทำให้เธอก่อเกิดจิตอะไรขึ้นมาแล้ว  นี่ไม่ใช่ก็มาแล้วหรือ พวกท่านกระตุ้นให้เธอออกลวดลายมาอีกชุดหนึ่งแล้ว  ดังนั้นข้าพเจ้าคิดว่า ต้องศึกษาฝ่าให้มาก  ใช้ฝ่าเป็นมาตรฐาน  คนไหนบำเพ็ญด้านไหนได้ดี   นั่นเพราะเธอบำเพ็ญได้ดีอยู่ในฝ่า  ไม่ใช่ว่าเธอดีกว่าฝ่า  ดังนั้นท่านก็ไม่ได้ศึกษาฝ่า ท่านเรียนจากคน  ก่อนที่คนจะบำเพ็ญสำเร็จ ย่อมจะมีจุดรั่วเสมอ  ด้านไหนดีไม่ได้หมายความว่าทุกด้านล้วนดีหมด  คราวนี้ทำจนผู้ฝึกเกิดการยึดติดขึ้นมาแล้ว  เรื่องพวกนี้ให้ระวังไว้

ศิษย์            ขอให้ท่านอาจารย์กรุณาบอกพวกเราว่า  จะทำอย่างไรจึงจะนำ เจิน ซั่น เหยิ่น คุณสมบัติพิเศษของจักรวาลถ่ายทอดผ่านสื่ออย่างมีสติปัญญา อย่างแยบยล ออกไปทั่วทุกที่ได้  สรรพชีวิตในโลกของสายเต๋าเป็นอย่างไร

อาจารย์       นี่พูดถึงอะไรนะ (ที่ประชุมหัวเราะ) ถ่ายทอดผ่านสื่อ อย่างแยบยล อย่างมีสติปัญญา ออกไปทั่วทุกที่ ข้าพเจ้าฟังดูคำพูดนี้ไม่เหมือนคำพูดของศิษย์ต้าฝ่า  เป็นผู้ฝึกใหม่กระมัง  ไม่มีวิธีการที่แยบยลอะไร  ศิษย์ต้าฝ่านั้นล้วนทำไปตามฝ่า  เมตตาสรรพชีวิต  บอกสิ่งที่ดีงามแก่สรรพชีวิต  ทำไปตามสภาพแวดล้อมต่างๆ ที่เอื้ออำนวยของตนเอง  และมีความปรารถนาที่จะทำเรื่องนี้

               โลกของสายเต๋าเป็นอย่างไร  สายเต๋า ข้าพเจ้าเคยพูดไปแล้ว  ในอดีตสายเต๋านั้นไม่มีโลก  สายเต๋าเขาบำเพ็ญตามลำพัง  บำเพ็ญในที่วิเวก อยู่บนสวรรค์ก็อยู่ตามถ้ำในภูเขา  เต๋าอยู่บนสวรรค์ก็ท่องเที่ยวไป  น้อยมากที่จะมีอารามเต๋า  จากยุคใกล้ หลังจากศาสนาเต๋าปรากฏขึ้นมา  ก็เกิดปัญหาการถกเถียงระหว่างพุทธ กับ เต๋า  ดังนั้นจึงมีการตั้งศาสนาเต๋าออกมา  ในศาสนาเต๋าก็มีพระพุทธ  พระโพธิสัตว์   ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็ได้แก้ไขไปหมดแล้ว

ศิษย์            สองสามีภรรยาล้วนเป็นศิษย์ต้าฝ่า ทะเลาะกัน  ความขัดแย้งไม่มีทางแก้ไข จะหย่าร้างได้ไหม (ที่ประชุมหัวเราะ) นี่เกี่ยวข้องกับการบำเพ็ญหรือไม่

อาจารย์       จริงๆแล้วข้าพเจ้าว่า การบำเพ็ญของท่านมีจุดรั่ว  ถึงแม้จะมีผู้ฝึกหลายคนบอกว่าท่านบำเพ็ญใช้ได้   มิใช่ยึดติดกับสิ่งเหล่านี้ของคนเกินไปหรอกหรือ  ถ้าหากล้วนปล่อยวางความเป็นตัวฉัน บำเพ็ญได้ดีมาก ทั้งคู่ไม่มีความเป็นตัวฉันรุนแรงอย่างนั้น  สองสามีภรรยาล้วนเป็นศิษย์ต้าฝ่า ยังจัดการปัญหาเหล่านี้ไม่ได้หรือ

               การหย่าร้าง ข้าพเจ้าบอกพวกท่านให้ทำตัวสอดคล้องกับสังคมคนธรรมดาสามัญให้มากที่สุด  วันนี้พวกท่านหย่าร้างก็ดี  แต่งงานก็ดี  ข้าพเจ้าไม่ว่าอะไรทั้งสิ้น  ข้าพเจ้านั้นบรรยายบนหลักการของฝ่า  แต่ข้าพเจ้าขอบอกท่าน  ในอนาคตไม่อนุญาตให้มีเรื่องเหล่านี้อยู่    นี่เกิดขึ้นจากสภาพสังคมปัจจุบัน   ข้าพเจ้าก็ไม่อาจบังคับให้พวกท่านไปทำอย่างไร  แต่ชีวิตในอนาคตไม่อนุญาตเช่นนี้  ทำเช่นนี้ไม่ได้

               พูดถึงคนอีกหน่อยนะ คนเดี๋ยวนี้หนา เห็นความสำคัญของ “ฉิง” (อารมณ์ความรู้สึก ความรักความผูกพัน) มากเหลือเกิน  แต่ว่าฉิงเป็นสิ่งที่ไม่อาจพึ่งพาที่สุด  ท่านดีต่อฉันแล้ว ฉันก็ดีใจ  ไม่ดีต่อฉันแล้ว ก็ไม่มีฉิงแล้ว เจ้าสิ่งนี้พึ่งพาได้หรือ  สามารถใช้ฉิงรักษา(ประคอง)ชีวิตสมรสได้ไหม คนนะ นอกจากพูดถึงศีลธรรมแล้ว  ระหว่างสามีภรรยายังมีเรื่องบุญคุณนะ   กล่าวสำหรับผู้หญิง  ชีวิตหนึ่งของเธอก็ได้มอบให้กับท่านแล้ว  ผู้ชายควรคิดว่า หญิงคนนี้ได้มอบชีวิตให้ฉันแล้ว  ฉันต้องรับผิดชอบต่อเธอ  บุญคุณระหว่างสามีภรรยานั้น  สิ่งนี้คนในปัจจุบันไม่เข้าใจกันแล้ว  และไม่พูดถึง   แน่นอนเวลานี้ก็ไม่ใช่สภาพสังคมอย่างนี้   ข้าพเจ้าก็ไม่กำหนดอย่างนี้  ในฐานะศิษย์ต้าฝ่าควรทำให้ดีสักหน่อย  พยายามไม่ให้เกิดเรื่องเหล่านี้

Rectangular Callout: มีอะไรต่อไหมคะ               แน่นอนละ  เมื่อครู่ข้าพเจ้าพูดแต่ผู้ชาย  ข้าพเจ้าจะพูดผู้หญิงบ้าง (ที่ประชุมหัวเราะ) จะพูดเบาหน่อยแล้วกัน  (ที่ประชุมหัวเราะ) การเป็นผู้หญิงนะ  ต้องเข้าใจและเห็นอกเห็นใจผู้ชาย  ผู้หญิงหนา  พวกท่านล้วนคิดให้ผู้ชายของตน  สามีของตน  เป็นผู้เข้มแข็งมีกำลัง  แบบชายชาตรีที่สง่าผ่าเผย  แต่การแสดงออกของท่านนั้น  กลับรังแกและกดขี่เขาบ่อยๆ  ท่านควบคุมเขาราวกับเป็นผู้หญิง (ที่ประชุมหัวเราะ)  นี่จะเป็นชายชาตรีได้อย่างไรกัน เมื่อสังคมทั้งหมดกลายเป็นแบบนี้   พวกท่านลองคิดดู   ผู้ชายเหล่านี้ในสังคม ต่างเปลี่ยนเป็นชายแบบหญิงกันหมด (ที่ประชุมหัวเราะ)  ผู้หญิงต่างเปลี่ยนเป็น หญิงแบบชายหมด (ที่ประชุมหัวเราะ)  นี่คืออินหยางกลับตาลปัตร   แน่นอนลักษณะสังคมนี้ก็เป็นอย่างนี้  ข้าพเจ้าก็ไม่เรียกร้องว่าพวกท่านต้องเป็นอย่างไรเท่านั้น   พวกเรามีผู้ฝึกหญิงที่มีความสามารถมากจริงๆ  และมีบางคนก็ไม่ธรรมดาเลย (หัวเราะ)  ความสามารถที่มีบางครั้งเหนือกว่าผู้ชายด้วย   แต่หลายๆ ครั้งพวกท่านต้องคำนึงถึงผู้ชายจริงๆ  ผู้บำเพ็ญไม่ว่าอยู่ที่ไหนล้วนเป็นคนดี  ท่านต้องคำนึงถึงผู้อื่น  อยู่ในบ้านทำไมไม่คำนึงถึง และเอาอกเอาใจสามีของตัว  พวกเรามิใช่จะเหลือสิ่งที่ดีที่สุดไว้ให้มนุษยชาติในอนาคตหรอกหรือ  ทั้งคู่ล้วนเป็นผู้บำเพ็ญ   เธอคำนึงถึงฉันๆ คำนึงถึงเธอ  แล้วจะพูดเรื่องหย่าร้างได้อย่างไรกันละ  คุก(ความผูกพัน)นั้นแข็งแรงแน่นหนาไม่อาจตีให้แตกได้ (ที่ประชุมหัวเราะ)  เอ้อ!

ศิษย์            เรียนถามท่านว่าควรอธิบายความจริงกับนักธุรกิจอย่างไรดี

อาจารย์       คนนั้นย่อมยึดติดกับผลประโยชน์  กล่าวสำหรับคนธรรมดาสามัญ  ผลประโยชน์ย่อมอยู่เหนือทุกสิ่ง  นั่นก็คือคน  ท่านบอกความจริงกับพวกเขาแล้ว  เขาเข้าใจแล้ว   อ้อ พวกคุณเป็นคนดี  พวกคุณถูกประทุษร้าย   แต่ว่าผมยังต้องไปหาเงิน   เนื่องด้วยแต่ละประเทศในปัจจุบัน ก็ยังไม่หยุดที่จะทุ่มเทเงินไปที่นั่น ในขณะที่ฝ่าหลุนกงอยู่ในระหว่างการถูกประทุษร้าย  ทำให้สิ่งชั่วร้ายมีกำลัง  มีเงินทุนประทุษร้ายฝ่าหลุนกง  และทำให้ประเทศเหล่านั้นที่ทุ่มเทเงินลงไปต้องพึ่งพาตลาดนี้  จึงไม่กล้าเปิดโปง  ไม่กล้าแสดงความคิดเห็นต่อการประทุษร้าย  คนก็เป็นเช่นนี้  นอกจากเขาจะบำเพ็ญ  หาไม่พวกเราก็เพียงพูดให้กับเขาได้แค่ระดับนี้    นักธุรกิจ  ก็แล้วแต่พวกเขาเถอะ

ศิษย์            เรียนถามท่านอาจารย์ องค์ศากยมุนีรู้แจ้งใน ศีล  สมาธิ  ปัญญา พวกเราอยู่ระหว่างการหล่อหลอมเข้ากับฝ่า  ก็ต้องประจักษ์แจ้งอยู่ท่ามกลางต้าฝ่า การหล่อหลอมเข้ากับหลักการของฝ่าของตนเอง เป็นเช่นนี้ใช่ไหม

อาจารย์       เป็นเช่นนี้ แต่สิ่งที่ท่านรู้ประจักษ์แจ้ง ข้าพเจ้ายังสรุปให้ท่านไม่สมบูรณ์  ท่านยังไม่รู้ว่าคืออะไรหรอก  การรับรู้เปิดแล้วจึงจะรู้  เพราะวิธีการบำเพ็ญไม่เหมือนกัน  พวกท่านอย่าได้เสนอความคิดที่แปลกแหวกแนว พรุ่งนี้ท่านก็จะตั้งคำศัพท์อะไรออกมา  ท่านว่าที่ฉันบำเพ็ญคือสิ่งนี้  ท่านก็เพี้ยนแล้ว

ศิษย์            ศิษย์ต้าฝ่า ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย  (อาจารย์: อันนี้ ข้าพเจ้าอ่านต่อละกัน) ออสเตรเลียญี่ปุ่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ มาเก๊า เกาหลี ไต้หวัน นิวซีแลนด์ ศิษย์ต้าฝ่าหญิงซึ่งถูกกักกันในค่ายแรงงานอย่างผิดกฎหมายในปักกิ่ง กว่างซีหลิ่วโจว กว่างตงเหม่ยโจว เจียงซู หยางโจว ซิดนีย์ โรงเรียนหมิงฮุ่ยในญี่ปุ่น เจ๋อเจียงหนิงปอ จูไห่ หังโจว ซานตงชิงเต่า ไห่หยาง เซี่ยงไฮ้ เหยียนเปียน อู่ฮั่น ซานซี เมืองจี้หลิน มณฑลจี้หลิน เมืองซวงเฉิน เฮยหลงเจียง  เวยไห่ กว่างโจวฟานหยี๋ว ซีอาน ปักกิ่ง ประตูเจียงเหมิน กว่างตง  ขอแสดงความเคารพอย่างสูงสุดต่อท่านปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่

อาจารย์       ขอบใจทุกท่าน (เสียงปรบมือ) ข้าพเจ้าทราบ  โดยเฉพาะศิษย์ต้าฝ่าเหล่านั้นในจีนแผ่นดินใหญ่  จิตใจและความรู้สึกของพวกเขา  ความคิดถึงต่ออาจารย์ของพวกเขา  ที่จริงข้าพเจ้าก็รู้สึกเหมือนกับพวกเขา  สิ่งชั่วร้ายจะถูกขจัดไปจนถึงที่สุด  เมฆดำไม่อาจบดบังฟ้าได้

ศิษย์            เมื่อโทรศัพท์ไปปักกิ่งอธิบายความจริง  เพื่อนผู้บำเพ็ญรับโทรศัพท์แล้ว  ศิษย์บอกกับพวกเขา  ว่าศิษย์ต้าฝ่าทั่วโลกต่างกำลังห่วงใยพวกคุณ  ขอให้ศรัทธามั่นในอาจารย์  ศรัทธามั่นในต้าฝ่า  ที่ทนได้ยากก็ทนได้  ที่ทำได้ยาก ก็ทำได้   ผู้บำเพ็ญฝากความปรารถนาดีมายังท่านอาจารย์   ทุกคนล้วนแต่คิดถึงท่าน

อาจารย์       ขอบใจทุกคน (เสียงปรบมือ)

ศิษย์            หน่วยสันติบาลกว่างตงฝากถ่ายทอดความปรารถนาดีมายังท่านอาจารย์      ขณะนี้พวกเขามี ( อาจารย์: จำนวนคน ข้าพเจ้าไม่อ่านละ) เข้าใจชัดเจนการประทุษร้ายครั้งนี้

อาจารย์       สถานการณ์ของการอธิบายความจริง ช่วยเหลือสรรพชีวิตของศิษย์ต้าฝ่าจีนแผ่นดินใหญ่ เปลี่ยนแปลงเร็วกว่าของนานาประเทศ  เพราะถึงอย่างไรที่นั่นมีศิษย์ต้าฝ่าจำนวนมาก    ศิษย์ต้าฝ่าเกือบร้อยล้านคนกำลังแสดงบทบาทที่ยิ่งใหญ่ในการคัดค้านการประทุษร้าย    การอธิบายความจริง ช่วยเหลือสรรพชีวิตนอกประเทศจีนของทั่วโลก    ก็ทำให้ชาวโลกเหล่านี้ที่เข้าใจความจริงสามารถประณามการประทุษร้ายครั้งนี้  ทำให้สิ่งชั่วร้ายถูกกำจัดไป  คือผลลัพธ์ของความมานะบากบั่นร่วมกันของการเจิ้งฝ่าและศิษย์ต้าฝ่าทั่วโลก  แต่ว่าก่อนที่การเจิ้งฝ่าจะมาถึง การคิดที่จะให้การประทุษร้ายในประเทศจีนหยุดได้ นั้นยังคงต้องเป็นบทบาทหลักของศิษย์ต้าฝ่าในจีนแผ่นดินใหญ่ มวลชนมากมายในประเทศจีนรู้สึกต่อต้านการประทุษร้ายครั้งนี้ที่ประสบอยู่  ไม่เพียงแต่มวลชน  ชนชั้นสูงในสังคม  กระทั่งเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูง  ก็มีคนมากมายที่ลุกขึ้นมา  พูดความจริงเกี่ยวกับการประทุษร้ายฝ่าหลุนกงกันแบบตรงๆ ไม่อ้อมค้อม   อีกไม่นานผู้คนต่างจะลุกขึ้นมาประณามการประทุษร้ายครั้งนี้

ศิษย์            ในจิงเหวินท่านเคยเอ่ยถึงว่าในอนาคตมีภารกิจที่ใหญ่ยิ่งกว่ารอพวกเราอยู่  หมายถึงหลังจากพวกเราหยวนหมั่นแล้ว ต้องลงมาช่วยสรรพชีวิตของเรา ใช่หรือไม่

อาจารย์       ที่ท่านกำลังทำอยู่เดี๋ยวนี้ก็คือการช่วยเหลือสรรพชีวิตละ  ไม่อาจขึ้นไปแล้วลงมาอีก (ที่ประชุมหัวเราะ) ใครจะกลับมาละ  ท่านอยู่ที่นี่รู้สึกว่าที่นี่ดี  เพราะตาคู่นี้มองไม่เห็นสภาพการณ์ที่แท้จริง  รอเมื่อถึงเวลานั้นพอหันกลับมามอง  คนที่นี่ช่างสกปรกจัง  เรียกท่านมา ท่านก็ไม่อยากมาแล้ว   ดังนั้นข้าพเจ้าว่าสำหรับชีวิตเหล่านั้นที่กล้ามาที่นี่รับฝ่า   ล้วนสมควรเห็นคุณค่า  แต่ว่าการประทุษร้ายของพวกอิทธิพลเก่า  ทำให้สรรพชีวิตทำบาปต่อต้าฝ่า  การแสดงออกของคนในระหว่างการประทุษร้ายนี้  ได้ทำลายคนไปมากจริงๆ ทำลายสรรพชีวิตมากเหลือเกิน

ศิษย์            ศิษย์มีร่างกายพิการ  จะฟาเจิ้งเนี่ยนอย่างไร  เพราะมือขวาของผมพิการ

อาจารย์       งั้นท่านก็ใช้มือซ้าย  ไม่เป็นไร  เพราะเวลาฟาเจิ้งเนี่ยนไม่ตั้งมือก็ใช้ได้  ข้าพเจ้าบอกให้พวกท่านตั้งมือ  ข้าพเจ้าต้องการให้ทุกท่านฟาเจิ้งเนี่ยนด้วยความชัดแจ้ง มีการสั่งการเข้มแข็งมากสักหน่อย ก็เพียงแค่นี้

ศิษย์            ในไต้หวันจะปลุกเร้าให้เพื่อนผู้บำเพ็ญเปลี่ยนจากฝ่ายที่ถูกกระตุ้นให้ทำ เป็นฝ่ายริเริ่มในการเข้ามาร่วมการยืนยันความถูกต้องของฝ่าเห็นคุณค่าของช่วงเวลาสุดท้ายของการเจิ้งฝ่า

อาจารย์       อันนี้ข้าพเจ้าคิดว่า   ที่จริงผู้ฝึกไต้หวันนั้นข้าพเจ้าวางใจมากที่สุด  เพราะที่นั่นท่าทีของรัฐบาลต่อต้าฝ่า  ทำให้ด้านนี้ของพวกเราไม่น่าเป็นห่วง   เพราะมีฝ่าอยู่  ผู้ฝึกที่นั่นทำได้ดีมาก   บางครั้งข้าพเจ้ารู้สึกว่าสิ่งที่พวกเขาทำเหมือนกับเมื่อปีที่ข้าพเจ้าอยู่ในประเทศจีน  (เสียงปรบมือ)  พูดถึงว่าพื้นที่ไหนมีคนเฉพาะรายที่ทำได้ไม่ดี  นั่นล้วนเป็นขั้นตอนของการรับรู้ เป็นการแสดงออกมาซึ่งขั้นตอนการเดินสู่ความสุกงอมของผู้ฝึกใหม่  ล้วนแต่จะค่อยๆดีได้   การรบกวนในระหว่างการบำเพ็ญของแต่ละคนเปรียบเทียบกับ การประทุษร้ายในประเทศจีนแล้วยังคงต่างกัน แน่นอนย่อมมีการทดสอบส่วนตัวอยู่เสมอ  กล่าวในฐานะผู้บำเพ็ญต้องเข้าใจให้แจ่มแจ้ง  กลัวทุกข์ภัย กลัวข้ามด่าน นั้นไม่ได้  วันๆ มีแต่สุขสบายนั่นคือการบำเพ็ญหรือ

ศิษย์            ศึกษาฝ่าร่วมกับผู้ฝึกชาวจีน  อ่านภาษาจีนหนึ่งท่อน  ค่อยอ่านภาษาญี่ปุ่นหนึ่งท่อน  ผู้ฝึกจีนบางคนรู้สึกว่าการศึกษาแบบนี้เชื่องช้า   ผลลัพธ์ไม่ดีเท่าการอ่านเป็นกลุ่มเฉพาะภาษา

อาจารย์       ข้าพเจ้าว่าล้วนใช้ได้นะ   ผู้ฝึกที่พูดญี่ปุ่นอ่านด้วยกัน   ผู้ฝึกที่พูดจีนอ่านด้วยกัน  ก็ใช้ได้   ดูความสะดวกละกัน  ไม่มีข้อกำหนดตายตัวอะไร   ทำอย่างไรให้ทุกท่านยกระดับได้ก็ทำอย่างนั้น

ศิษย์            ผมอายุน้อย มีเพื่อนผู้บำเพ็ญที่อายุมากกว่าผม   ผมมองเห็นจิตยึดติดของเขา  แต่ไม่กล้าพูด  นี่เป็นจิตหวาดกลัวหรือไม่

อาจารย์       อย่ามีจิตหวาดกลัวอะไร  เห็นความไม่ถูกต้องแล้วก็สามารถพูดได้   ต่อให้เป็นศิษย์ตัวน้อยๆ  เมื่อเห็นแล้วก็พูดได้

ศิษย์            ผมรู้จักผู้ฝึกคนหนึ่ง  เมื่อหลายปีก่อนเคยทำความผิดอย่างมหันต์  ก่อให้เกิดความเสียหายมากต่อต้าฝ่า  เดี๋ยวนี้สภาพของเขายากลำบากมาก  ผมควรช่วยเขาหรือไม่ 

อาจารย์       ถ้าคนนี้ทำเรื่องไม่ดีแล้ว และไม่ศึกษาอีกแล้ว   ท่านก็ไม่สามารถเรียกเขาว่าผู้ฝึกแล้ว  ขณะนี้ทุกท่านล้วนยุ่งกับการอธิบายความจริง  ใช้เวลาไปมากในการช่วยเหลือเขา นั่นต้องดูว่าคุ้มหรือเปล่า  พวกท่านชั่งดูเองละกัน  ยังจะสามารถช่วยกลับมาได้หรือไม่   การใช้ความสามารถที่มีอยู่ในปัจจุบัน ทำเรื่องนี้ การได้เสียเป็นอย่างไร  ด้านต่างๆ เหล่านี้ พวกท่านพิจารณาเองแล้วค่อยทำเถอะ

ศิษย์            นอกจากแผ่นดินใหญ่แล้ว ไต้หวันก็เป็นที่ๆคนอ่านหนังสือพิมพ์จีนมากที่สุด  ขอท่านปรมาจารย์กรุณาแนะให้เห็นภาพในอนาคตของการทำหนังสือพิมพ์ของไต้หวัน

อาจารย์       ข้าพเจ้ายังขอพูดคำนั้น   ทำไปตามสภาพการณ์ของผู้ฝึก   กำลังความสามารถกำหนดด้วยตัวเอง  อย่าให้อาจารย์กำหนดอะไรตายตัว   เมื่ออาจารย์พูดอะไรไปแล้ว  ท่านก็จะบอกว่า “อาจารย์บอกแล้ว” จะทำได้หรือไม่  ลำบากหรือไม่ลำบาก  เงื่อนไขสุกงอมหรือไม่  ไม่สนใจอะไรแล้ว  ต้องทำให้ได้    ดังนั้นข้าพเจ้าว่ายังคงให้จัดทำไปตามสภาพการณ์ของพวกท่านเอง

ศิษย์            “ปัดฝุ่นที่กลบหนาทิ้งไป เห็นความสั้นยาว” จะเข้าใจได้อย่างไร

อาจารย์       “ปัดฝุ่นที่กลบหนาทิ้งไป”  จักรวาลนั้น นับแต่มีประวัติศาสตร์มาตราบจนถึงวันนี้  ได้ผ่านกาลเวลานับไม่ถ้วนแล้ว   เทียนถี่ของจักรวาลแตกสลายเรื่อยมา   เหมือนกับการผลัดเซลล์ใหม่  สลายแล้ว เกิดขึ้นอีก  เกิดขึ้นแล้ว สลายอีก  ด้วยเหตุนี้ วิทยาศาสตร์ของมนุษย์จึงเข้าใจว่า การระเบิดครั้งใหญ่ ก่อให้เกิดจักรวาล  ฝุ่นละอองของจักรวาลก็กำลังร่วงหล่น  องค์ประกอบที่ไม่ดีตกลงสู่ข้างล่างเรื่อยๆ  จากบนลงล่าง  ระดับชั้นไหนก็ล้วนไม่บริสุทธิ์อย่างแรกเริ่มแล้ว   โดยเฉพาะคือในตรีภูมิ ยิ่งนานวันยิ่งไม่ดี  ฝุ่นกลบหนามานานแล้ว  ยิ่งนานยิ่งหนา  พระจันทร์ดวงนั้น เมื่อแรกที่ส่งขึ้นไป ไม่ใหญ่เช่นนั้น  ปัจจุบันชั้นนอกของมันที่เพิ่มขึ้นมีความหนาหลายสิบกิโลเมตร  “ปัดฝุ่นที่กลบหนาทิ้งไป เห็นความสั้นยาว” สรรพชีวิตล้วนถูกองค์ประกอบภายนอกปิดบังตาไว้สนิท  และยังมีองค์ประกอบที่ไม่ดีมากมายทำให้ชีวิตเองก็ไม่บริสุทธิ์แล้ว  โดยเฉพาะบรรดามนุษย์ ขณะที่ประทุษร้ายต้าฝ่านั้นถูกสิ่งชั่วร้ายที่มาจากภายนอกควบคุม รอให้ชำระล้างสิ่งเหล่านี้ไปหมดแล้ว  ค่อยดูว่าชีวิตเหล่านี้จะเป็นอย่างไร  ก็คือความหมายนี้ (เสียงปรบมือ)

ศิษย์            การวางแผนให้ครอบคลุมกับการประสานงานเป็นปัญหาสองด้าน  เหตุใดจึงไม่กล่าวถึง การวางแผนให้ครอบคลุม กล่าวแต่เพียงการประสานงาน

อาจารย์       ทุกท่านประสานงานก็พอแล้ว   การเจิ้งฝ่าก็มีพัฒนาการ    ที่จริงสิ่งที่พวกท่านทำก็คือ สามเรื่อง  ที่พูดไปก่อนหน้าล้วนแต่กำหนดแน่นอนไว้แล้ว   ล้อมรอบสามเรื่องนี้ ทำอย่างไรจึงจะทำมันให้ดี  ในขณะเดียวกันก็บำเพ็ญตนเองให้ดี   ช่วยเหลือสรรพชีวิต   ที่ยากที่สุดคือการช่วยเหลือสรรพชีวิต  ทำให้ดีได้อย่างไร  ที่จริงก็คือปัญหาการประสานงาน   ข้าพเจ้าพูดถึงการประสานงานก็คือร่วมมือกันให้ดี   การยืนยันความจริงให้ฝ่าก็เป็นการบำเพ็ญ  ทั้งหมดล้วน แสวงหาจากภายใน ก็จะร่วมมือกันได้ดี  ต้าฝ่าก็คือการบำเพ็ญ  ไม่มีอะไรอื่น   การอธิบายความจริงทั้งหมดที่ศิษย์ต้าฝ่าทำ  ด้านหนึ่งคือการช่วยเหลือสรรพชีวิต  ด้านหนึ่งคือการยับยั้งการประทุษร้ายครั้งนี้  เปิดโปงการประทุษร้ายครั้งนี้  คัดค้านการประทุษร้าย   นอกจากสิ่งเหล่านี้แล้ว พวกเราไม่มีจุดประสงค์อื่นอีก  พูดถึงกิจกรรมที่ศิษย์ต้าฝ่าทำนั้น  การอธิบายความจริงในรูปแบบของสื่อ  พวกท่านร่วมกันวางแผนว่าควรทำอย่างไร  นั่นล้วนเป็นการกระทำของผู้ฝึกแต่ละคน

ศิษย์            องค์ประกอบนอกจักรวาลและน้ำตายที่ไม่มีชีวิตเป็นสิ่งเดียวกันหรือไม่

อาจารย์       น้ำตายที่ข้าพเจ้าพูดนั้นเป็นเพียงรูปแบบประเภทหนึ่งของจักรวาลในระดับชั้นที่แน่นอน   จักรวาลนี้สลับซับซ้อนจนไม่มีทางที่จะใช้ภาษาคนมาบรรยาย   ไปถึงระดับที่แน่นอนหนึ่งแม้แต่น้ำก็ไม่มีแล้ว  ไม่ใช่น้ำแล้ว  จักรวาลช่างใหญ่เหลือเกิน  ในแต่ละเขตแดนที่กว้างใหญ่ ล้วนมีมูลเหตุแก่นแท้ที่ก่อเกิดของจักรวาลนั้นๆ   แต่ก็ไม่ใช่มูลเหตุแก่นแท้ที่สุด  แต่กล่าวสำหรับชีวิตในเขตแดนนั้น  เมื่อได้มองเห็นสิ่งต่างๆ ทั้งหมดที่มีอยู่นั้น ก็เข้าใจว่านั่นคือมูลเหตุแก่นแท้แล้ว  ปรากฏการณ์ชนิดนี้มีมากเป็นพิเศษ

ศิษย์            ในฐานะเป็นผู้รับผิดชอบของฝอเซี๊ยฮุ่ย(สมาคมศึกษาพุทธ) ก็สามารถอยู่เหนือเหล่าผู้ฝึกกระนั้นหรือ  ผู้ฝึกไม่สามารถออกความเห็นได้  มีผู้รับผิดชอบหลักกำลังเล่นพวก

อาจารย์       ข้าพเจ้าคิดว่า  หากผู้รับผิดชอบมีปัญหานี้อยู่จริง ก็ต้องระวังไว้   กล่าวสำหรับผู้รับผิดชอบ   ทำไมผู้ฝึกมีความคิดเช่นนี้ต่อพวกท่านละ พวกเรามีปัญหาอยู่มากใช่หรือไม่ ต้องคิดๆ ดูแล้วละ  ผู้รับผิดชอบหนา  แท้จริงข้าพเจ้าว่าผู้รับผิดชอบ  ก็เพียงแต่เรียกกันอย่างนี้  รับผิดชอบอะไรละ รับผิดชอบต้าฝ่าหรือ  ท่านแบกรับไหวจริงๆ หรือ ที่จริงพวกเราเป็นเพียงผู้ติดต่อประสานงานคนหนึ่ง   เป็นคนที่ให้บริการพวกท่าน  ไม่มีอำนาจ  ไม่มีบารมี  ประสานกับทุกท่านให้ดี   นี่คือสิ่งที่พวกท่านสามารถช่วยอาจารย์  แสดงบทบาทที่ดีที่สุดอยู่ ณ เปลือกนอกของคน

               บอกว่าผู้รับผิดชอบเล่นพวก นั้นดูเหมือนไม่ค่อยเหมาะสม   ที่แท้ผู้รับผิดชอบมิใช่กำลังดูแลผู้ฝึกทั้งหมดหรือ บางครั้งอาจจะรู้สึกว่าเขาใกล้ชิดกับคนรอบข้าง  เช่นนี้ก็ง่ายต่อการทำให้ผู้ฝึกอื่นเกิดความรู้สึกอย่างนี้    ถ้าผู้ฝึกบางคนในใจมีความขัดแย้งกับผู้รับผิดชอบแล้ว   ไปแพร่ข้อบกพร่องของผู้รับผิดชอบในหมู่ผู้ฝึกส่วนหนึ่ง   นั่นก็ไม่ใช่เป็นเพียงปัญหาของผู้รับผิดชอบแล้ว    การบำเพ็ญทำไมไม่ค้นหาจากภายใน  ยั่วยุผู้ฝึก พุ่งปลายหอกไปที่ผู้รับผิดชอบเสียทั้งหมด   ชักนำคนกลุ่มหนึ่งไม่ให้ฟังผู้รับผิดชอบ  นี่คือการไม่รับผิดชอบต่อตนเองและต้าฝ่า    ทั้งสองด้านนี้ข้าพเจ้าล้วนจะต้องพิจารณา

               ในฐานะเป็นผู้รับผิดชอบต้องทำให้ดี  กล่าวสำหรับผู้ฝึก ไม่ควรเฝ้าจ้องดูแต่ตัวผู้รับผิดชอบ  ท่านเป็นศิษย์ต้าฝ่า แต่ละคนล้วนกำลังบำเพ็ญตนเอง  ท่านกำลังทำอะไร  ท่านมาบำเพ็ญเพื่อช่วยผู้รับผิดชอบเท่านั้นหรือ ตนเองไม่บำเพ็ญหรือ ใช่ปัญหานี้หรือไม่ละ แต่ว่ากล่าวสำหรับผู้รับผิดชอบ  มีปัญหาที่ร้ายแรงอยู่จริงหรือไม่ ถ้าหากไม่สามารถช่วยอาจารย์นำพาผู้ฝึกในพื้นที่นี้ให้ดี นั่นเพราะตนเองมีปัญหาใช่หรือไม่ พวกท่านรู้ไหมว่าข้าพเจ้าคิดอย่างไร ศิษย์ต้าฝ่าทั้งหมดที่มีอยู่ ข้าพเจ้าไม่อาจปล่อยให้ตกหล่นไปได้  ทุกๆ คนล้วนเป็นญาติของข้าพเจ้า  พวกท่านมองญาติของข้าพเจ้าเป็นอื่นไปได้อย่างไรกัน กล่าวสำหรับผู้รับผิดชอบ  งานของต้าฝ่านั้นข้าพเจ้าย่อมจะสนับสนุนท่านแน่นอน  นำพาผู้ฝึกในพื้นที่ได้ดีจึงจะเป็นคุณูปการใหญ่เรื่องหนึ่ง  คนธรรมดาสามัญมีคำพูดหนึ่งเรียกว่า “ถ้าระแวงคนก็อย่าใช้  ถ้าใช้คนก็อย่าระแวง” นี่คือสิ่งที่คนธรรมดาสามัญพูดกัน   ต้าฝ่าก็กำลังสร้างพวกท่าน  แต่ว่าในฐานะศิษย์ต้าฝ่าควรละทิ้งจิตอะไรต่างๆไปให้หมด  จิตที่เป็นผู้รับผิดชอบ จิตที่เป็นหัวหน้าก็ต้องทิ้งไป  แต่ละคนล้วนเป็นผู้บำเพ็ญ  เพียงแต่เป็นคนที่ทุ่มเทให้ต้าฝ่ามากหน่อย  ดังนั้นกล่าวสำหรับผู้รับผิดชอบข้าพเจ้าในฐานะอาจารย์ ก็ขอเรียกร้องเช่นนี้ต่อพวกท่าน

               งานของต้าฝ่าก็เป็นการบำเพ็ญ  วิธีการทำงานในสังคมมนุษย์ไม่เกี่ยวข้องกับงานผู้รับผิดชอบของต้าฝ่า  แต่ก่อนคนก็ไม่เคยมีรูปแบบและวิธีการทำงานอย่างนี้   แม้จะต้องรับผิดชอบแต่ก็เป็นผู้บำเพ็ญทั่วไปคนหนึ่ง  พวกท่านกำลังค้นหาหนทางของตนเองอยู่  ผู้รับผิดชอบของต้าฝ่าล้วนกำลังฝึกฝนตนเองอยู่   เริ่มต้นนั้นอาจจะทำได้ไม่ดี   สมควรจะค่อยๆ สุกงอมขึ้นมาแล้ว  ในขั้นตอนนี้ย่อมต้องมีข้อบกพร่องผิดพลาดเกิดขึ้น   นั่นเป็นขั้นตอนของการฝึกปรือ   กล่าวในฐานะที่ข้าพเจ้าผู้เป็นอาจารย์นี้ ก็คือมองอย่างนี้    ในขณะที่พวกเขายังไม่ได้ฝึกฝนจนสุกงอมนั้น  ข้าพเจ้าไม่อาจเปลี่ยนคนใหม่ขึ้นมา แล้วเริ่มต้นฝึกเขาอีก  ระหว่างขั้นตอนก็จะมีความผิดพลาดมากอีกด้วย  ผู้ฝึกก็จะมีความเห็นมากมายอีก   เช่นนี้แล้ว กล่าวสำหรับรูปการณ์ของต้าฝ่าทั้งหมด ก็จะได้รับความเสียหาย  จะรบกวนการ ยืนยันความถูกต้องของฝ่าของศิษย์ต้าฝ่าโดยรวม

               สำหรับผู้รับผิดชอบที่มีปัญหา  ผู้ฝึกก็สมควรชี้ออกมาให้กับเขา   กระทั่งพูดออกมาอย่างจริงจัง กล่าวสำหรับผู้ฝึก สิ่งที่ต้องคำนึงถึงก่อนอื่นคือต้าฝ่า  อย่าเอาแต่ถือความคิดเห็นส่วนตัวเป็นอันดับแรก  เอาแต่กล่าวหาอย่างนั้นอย่างนี้   ถ้าหากผู้รับผิดชอบของฝอเซี๊ยฮุ่ย(สมาคมศึกษาพุทธ)นี้มัดมือมัดเท้าผู้ฝึกไม่ยอมให้ทำอะไรจริงๆ แล้ว นั่นคือปัญหาที่ร้ายแรงของเขาจริงๆ แล้ว  เท่ากับรบกวนการเดินบนหนทางการยืนยันความถูกต้องของฝ่าของผู้ฝึกแต่ละคน  หากเป็นอย่างนี้จริง  ก็ต้องพิจารณาว่าเหมาะสมหรือไม่แล้ว  ถ้ายังเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อยก็ใช้ไม่ได้แล้ว  ถ้าไม่ใช่เช่นนี้  หรือมีผู้ฝึกบางคนทำไม่ดีจริงๆ  และยังไม่ยอมฟังคำเตือนของผู้รับผิดชอบ แต่กลับพูดว่าผู้รับผิดชอบรบกวนผู้ฝึกในการยืนยันความถูกต้องของฝ่านี่ก็ใช้ไม่ได้   ในฐานะที่เป็นศิษย์ต้าฝ่าเพราะเหตุใดจึงไม่สามารถพิจารณาปัญหาจากจุดฐานของต้าฝ่าละ ข้าพเจ้าต้องการให้ทุกคนฝึกฝนจนสุกงอม

               พูดจากอีกมุมมองหนึ่ง   ความขัดแย้งของพวกท่าน ที่จริงก็คือด่านที่ต้องข้ามในระหว่างการยกระดับของพวกท่าน  ล้วนอยู่ในระหว่างการยกระดับ  ทุกคนล้วนค้นหาจากภายในของตน  กล่าวในฐานะผู้รับผิดชอบเรื่องเหล่านี้ที่เกิดขึ้น  ไม่อาจพูดได้ว่าไม่รับผิดชอบ  คือสิ่งที่ต้องรับผิดชอบ   ผู้ฝึกกลุ่มใหญ่อย่างนี้ตนเองไม่นำพาให้ดี  เป็นความรับผิดชอบที่หนักมาก  ต้องมองเห็นปัญหานี้   ข้าพเจ้านี้ผู้เป็นอาจารย์ไม่อาจให้ลูกศิษย์ตกหล่นแม้สักคนเดียว ( เสียงปรบมือ)     ผู้ฝึกคนไหนดีกับท่าน  พวกท่านก็อยู่ด้วยกัน  ใครไม่ฟังท่านๆ ก็ผลักไสไป  นี่ไม่ถูก  ข้าพเจ้าผู้เป็นอาจารย์นี้ไม่ต้องการผู้รับผิดชอบแบบนี้ ต้องทำให้ทุกคนล้วนสามารถประสานเข้าด้วยกัน  ยกระดับอยู่ในฝ่าไปเรื่อยๆ  สร้างสภาพแวดล้อมที่ถูกต้องเที่ยงตรง   ทำให้ศิษย์ต้าฝ่าอธิบายความจริง  ช่วยเหลือสรรพชีวิต  หยุดยั้งการประทุษร้าย และทำเรื่องการยืนยันความถูกต้องของฝ่า เหล่านี้ให้ดี

ศิษย์        ช่วงสี่ปีมานี้ ผู้ฝึกจีนแผ่นดินใหญ่จำนวนหนึ่ง จ่ายเงินมากมายเพื่อมาทำงานที่เกาหลี  สถานภาพของพวกเขาในการอาศัยอยู่นั้นผิดกฎหมาย  รายรับในแต่ละเดือนเป็นเงิน 7,000 – 10,000 หยวน พวกเขาไม่เข้าใจภารกิจของศิษย์ต้าฝ่าในยุคเจิ้งฝ่า   ล้วนมาเพื่อหาเงินส่งกลับไปบ้าน ยังพูดอีกว่าเป็นการจัดวางของอาจารย์   เรียนถามว่าทำอย่างไรจึงจะเกลี้ยกล่อมให้ผู้ฝึกเหล่านี้กลับไปประเทศจีน ยืนยันความถูกต้องของฝ่า

อาจารย์       ในฐานะที่เป็นศิษย์ต้าฝ่า ได้มองเห็นสถานการณ์ในจีนนั้นกวดขันเข้มงวด  ศิษย์ต้าฝ่ามากยิ่งขึ้นกำลังถูกประทุษร้าย  ชาวโลกมากมายถูกพิษร้าย  ศิษย์ต้าฝ่าไม่ทำเรื่องของศิษย์ต้าฝ่า นั่นยังเป็นศิษย์ต้าฝ่าอยู่หรือ ออกมาทำเรื่องของต้าฝ่าให้ดี  หากไม่ทำเรื่องของต้าฝ่า เช่นนั้นจะคู่ควรเป็นศิษย์ต้าฝ่าหรือ  ไม่ว่าจะในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ หรือนอกประเทศจีนแผ่นดินใหญ่  ล้วนสมควรเป็นศิษย์ต้าฝ่า  หากทำตัวเหมือนคนธรรมดาสามัญแล้วนั่นก็คือคนธรรมดาสามัญ  ดังนั้นกล่าวสำหรับผู้ฝึกเหล่านี้  ต้องพูดกับพวกเขาให้กระจ่าง  คิดจะอยู่ที่นี่  งั้นก็จงทำเรื่องที่ศิษย์ต้าฝ่าควรทำ

ศิษย์            ระยะหลังนี้ความคิดเห็นระหว่างเพื่อนผู้บำเพ็ญด้วยกันแตกแยก เข้าใจผิดกันอย่างมาก   ผมอยากถามอาจารย์ว่า   เป็นเพราะการบำเพ็ญยิ่งใกล้ช่วงสุดท้าย ระดับชั้นระหว่างเพื่อนผู้บำเพ็ญยิ่งห่างกันมากใช่หรือไม่ หรือเป็นการรบกวนของพวกอิทธิพลเก่า

อาจารย์       ระดับชั้นของผู้ฝึกนั้นกำลังห่างออกจากกัน  แต่ไหนแต่ไรมาการรบกวนของพวกอิทธิพลเก่าก็ไม่เคยหยุด หากเพียงในความคิดเห็นของผู้ฝึกมีองค์ประกอบของตนเองอยู่ ก็จะถูกหลอกใช้  สภาพการณ์แบบนี้ มีไม่มากอย่างนั้นแล้ว  ที่จริงด้านนี้ข้าพเจ้าเคยพูดหลายครั้งแล้ว  ในการบำเพ็ญผู้ฝึกคือคนกลุ่มหนึ่ง  ความคิดชนิดต่างๆ ที่ยังไม่ละทิ้งไปย่อมสะท้อนออกมาได้  ทุกท่านหากไม่คิดบำเพ็ญสู่ภายใน  เช่นนั้นก็จะทำให้เกิดสถานการณ์ที่ซับซ้อนมาก   ดังนั้นพื้นที่หนึ่งเมื่อเกิดปัญหาเหล่านี้  นั่นคือการศึกษาฝ่ามีปัญหาอย่างแน่นอน   ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดล้วนมีส่วนต้องรับผิดชอบ  ล้วนแต่ไม่บำเพ็ญตนเองให้ดี  อย่างน้อยที่สุดก็ต้องเป็นปัญหานี้

ศิษย์            อะไรคือความแตกต่างระหว่าง เรา กับ ศาสนา

อาจารย์       ต้าฝ่าไร้รูปแบบ   ทางที่ข้าพเจ้านำพาพวกท่านเดินนั้นเป็นทางสายหนึ่งที่บริสุทธิ์เที่ยงตรงที่สุด  ปล่อยวางสิ่งที่เป็นรูปแบบทั้งหมด  ดูแต่ใจคน  การบำเพ็ญคือ แก่นแท้ของการยกระดับของชีวิต  สิ่งที่เป็นรูปแบบที่อยู่ภายนอกใดๆ ล้วนแต่ก่อให้เกิดจิตยึดติดของคน  พวกท่านดูซิ เดี๋ยวนี้มีบุคลากรของศาสนาจำนวนเท่าไร  สิ่งที่พวกเขาปกป้องไม่ใช่ พระพุทธ เต๋า เทพ  ที่พวกเขาปกป้องคือรูปแบบของศาสนา  สิ่งที่เขาเชื่อไม่ใช่เทพ ที่เขาเชื่อคือรูปแบบของศาสนา  ความก้าวหน้าในกิจการของศาสนา   แตกต่างกันราวฟ้ากับดิน เชื่อเทพกับเชื่อศาสนา  หนึ่งฟ้า หนึ่งดิน   ศาสนาก่อให้เกิดการยึดติดของผู้คนต่อรูปแบบเหล่านี้โดยตัวมันเอง  และส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความเชื่อที่ถูกต้องในเทพของผู้คน  รูปแบบมีผลกระทบต่อองค์ประกอบในการยกระดับของผู้บำเพ็ญ

ศิษย์            บางครั้งประสบกับทุกข์ภัย ไม่ทราบว่าเป็นกรรมของตนเอง หรือเป็นการจัดวางของอิทธิพลเก่า

อาจารย์       ไม่ว่าจะเป็นการจัดวางของอิทธิพลเก่าหรือกรรม  ก่อนอื่นพวกเราต้องดูตัวเอง  แม้เวลาฟาเจิ้งเนี่ยน ข้าพเจ้ายังบอกให้พวกท่านชำระล้างตนเองก่อน  มองตนเองก่อน  ตนเองมีปัญหาแล้ว  นั่นก็ต้องจัดการให้ดี  ในขณะนั้นอิทธิพลเก่าเองก็หมดปัญญา  มันจับข้อผิดพลาดของท่านไม่ได้  ก็จะถอยไปเอง  แน่นอนละ ปัจจุบันนี้อิทธิพลเก่าถอยไปก็ไม่พอ ต้องขจัดให้ถึงที่สุด  ฟาเจิ้งเนี่ยนชำระล้างตนเองเสร็จแล้ว ก็ขจัดมัน (เสียงปรบมือ)

ศิษย์            อ่านหงอิ๋น (เล่มสอง) แล้ว คำว่า “คณะกลองสะพายเอว” นั้นศิษย์เข้าใจว่า ขบวนกลองสะพายเอวสามารถเกิดผลในการกำจัดสิ่งชั่วร้าย ในการเจิ้งฝ่า

อาจารย์       ใช่ซิ  เสียงกลองที่พวกท่านตี ล้วนมี “เจิน ซั่น เหยิ่น”  อยู่   เสียงกลองที่พวกท่านตีล้วนมีพลังของศิษย์ต้าฝ่าปรากฏ

ศิษย์            ศิษย์ยุวชนไต้หวันมีการจัดตั้งคณะกลองแบบตะวันตก   แต่ศิษย์คิดว่าควรตั้งคณะกลองสะพายเอว (ที่ประชุมหัวเราะ)

อาจารย์       ไม่จำกัดที่รูปแบบ   ในการยืนยันความถูกต้องของฝ่าศิษย์ต้าฝ่าทำอะไรก็มีอานุภาพทั้งนั้น  ที่จริงกลองสะพายเอว เป็นเพียงวิธีหนึ่งที่ผู้ฝึกนิวยอร์กคิดขึ้นมาเมื่อตอนเริ่มต้น   เข้าร่วมพาเหรดของชุมชนคนธรรมดาสามัญหลายครั้ง  จะแสดงให้ชาวโลกเห็นการดำเนินชีวิตคนด้านนี้ของศิษย์ต้าฝ่า   ดังนั้น การพาเหรดแต่ละครั้ง นอกจากการแต่งกายแบบราชวงศ์ถังเอย นางฟ้าเอย สามารถคิดแบบอื่นบ้างได้หรือไม่ จึงคิดคณะกลองสะพายเอวออกมา  รูปแบบหลายชนิดหลายอย่าง  คิดได้แล้ว รู้สึกว่าใช้ได้ ก็ทำได้หมด

ศิษย์            ไม่ว่าภายใต้สถานการณ์ใดๆ  พวกเราทั้งหมดจะยืนหยัดต่อต้าฝ่า  ติดตามอาจารย์ทุกย่างก้าวไปตลอดกาล เพื่อทำภารกิจการยืนยันความถูกต้องของฝ่าให้สำเร็จ

อาจารย์       ใช่ ในฐานะศิษย์ต้าฝ่า  ทุกท่านที่นั่งอยู่อาจจะมีความคิดอย่างนี้  ดังนั้นสถานการณ์การ ยืนยันความถูกต้องของฝ่าก็จะสามารถเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง  ดังนั้นพวกชั่วร้ายทุกวันนี้จึงลดน้อยลง  ดังนั้นพวกเราจึงสามารถช่วยเหลือสรรพชีวิต (เสียงปรบมือ)

ศิษย์            ผมรู้สึกว่าผู้ฝึกบางคนที่ออสเตรเลียไม่เดินไปกับฝ่า  เดินไปกับคน  แห่ตามกันไป  รบกวนการเจิ้งฝ่า  ช่วยเหลือชาวโลก  ยังมีผู้ฝึกหลายคนชอบผูกขาดเรื่องที่ทำ   ทำเรื่องอะไรออกมาไม่ได้ยังไม่ยอมแจ้งกับทุกคน  ไม่ปรึกษากับทุกคน   ไม่โปร่งใส  คนอื่นเข้าใจว่าพวกเขาทำได้อย่างเกริกก้อง  ที่จริงพวกเขาไม่ได้ทำเรื่องที่มีสาระอะไร  และไม่บอกกับทุกคน ทำให้เสียเวลาที่มีค่าไป   และผู้ฝึกที่ทำงานจริงก็ถูกพวกเขาเบียดออกไป

อาจารย์       สถานการณ์ในออสเตรเลียข้าพเจ้าทราบ  ผู้ฝึกหลายคนยังมีจิตของคนธรรมดาสามัญหนักมาก  อาจารย์กำลังดูอยู่ว่าเมื่อไรที่พวกท่านทั้งหมดจะก้าวออกมาจากความเป็นตัวฉันได้

ศิษย์            ถ้าหากฝ่ายจัดงานของคนธรรมดาสามัญไม่อนุญาตให้พวกเราใช้ชื่อของต้าฝ่าเข้าร่วมขบวนพาเหรด  พวกเราจะใช้ชื่ออื่นดี หรือไม่เข้าร่วมเลย

อาจารย์       อย่างนั้น แน่นอนพวกเราก็ไม่อาจจะเข้าร่วม ให้ศิษย์ต้าฝ่าเล่นเป็นเพื่อนพวกเขาหรือ ศิษย์ต้าฝ่านั้นมาเพื่อช่วยเหลือสรรพชีวิต  ต้องการจะเปิดต้าฝ่าให้ชาวโลกเห็น  ให้ชาวโลกรู้ว่าต้าฝ่ามาแล้วนะ  ไม่ให้พวกเราทำเช่นนี้  พวกเราก็ไม่ทำแน่  แต่ว่าไม่ทำก็ไม่ใช่ วิธีการแก้ไข  ทำไมไม่ยอมให้พวกเราทำอย่างนี้ ต้องไปหาพวกเขา  นั่นก็สามารถอธิบายความจริง  ถ้าพวกเขามีจุดประสงค์ทางการเมืองอยู่เบื้องหลัง  เช่นนั้นพวกเราก็สามารถใช้กฎหมายไปจัดการ  ไม่ว่าจะใช้เวลาสั้นหรือยาว  ก็ต้องแก้ไขให้ได้จากต้นตอ

ศิษย์            สื่อที่ศิษย์ต้าฝ่าทำกัน ในเขตเอเซีย ทำได้ไม่รวดเร็วเท่าที่อเมริกาเหนือ  ควรทำงานเหล่านี้ให้ดียิ่งขึ้นได้อย่างไร

อาจารย์       ทำตามเงื่อนไข สภาพแวดล้อมและสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในขณะนี้เถิด  อาจารย์ไม่บังคับพวกท่าน  และไม่อาจดูแลอย่างเป็นรูปธรรมได้ถึงเพียงนั้น  ในการยืนยันความถูกต้องของฝ่าคือการเดินบนหนทางของตัวเอง  ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่ไม่อาจบอกว่าพวกท่านต้องทำได้ถึงระดับไหน  สถานการณ์ไม่เหมือนกัน  ทำไปตามสถานการณ์ของพื้นที่เถิด

ศิษย์            สองปีมานี้ สนามฝึกของเรานั้นปรากฏว่ามีจำนวนผู้ฝึกน้อย  หรือว่าผู้ฝึกนอกประเทศจีนล้วนสามารถฝึกอยู่ที่บ้านได้

อาจารย์       ไม่ใช่แน่นอน  ที่จริงข้าพเจ้าทราบว่าเหตุผลใหญ่ที่สุดคือผู้ฝึกเราเองแบกรับงานรูปธรรมของงานอธิบายความจริงไว้มาก  ยุ่งเสียจนมีเวลาออกมาฝึกพลังน้อย  ถ้าเป็นเช่นนี้ก็คือปกติ  ถ้าไม่ใช่เช่นนี้นั่นก็ผิดปกติ  ทำความเข้าใจกับผู้ฝึกที่ไม่ออกมาสักหน่อย

ศิษย์            ในระยะนี้กิจกรรมของศิษย์ที่ญี่ปุ่นถูกรบกวน  พวกเราควรทำอย่างไรดี

อาจารย์       ญี่ปุ่นเอย  ที่ไหนมีปัญหาแล้วก็ไปอธิบายความจริงที่นั่น   ชนชาติญี่ปุ่นมีจิตใจอย่างหนึ่งคือถ้าทำเรื่องไม่เสร็จไม่ยอมเลิกรา   ต้าฝ่าล้วนดีต่อคน  พวกเราไปอธิบายความจริงที่ไหน  ที่แท้คือการโปรยเมล็ดพันธุ์ของความดีงาม   กวาดล้างองค์ประกอบที่ไม่ดีของที่นั่น   ล้วนเป็นการให้โชคลาภแก่สรรพชีวิตที่นั่น   คนมีด้านที่เข้าใจ   เรื่องมากมายเมื่อทุกท่านประสานกันให้ดีย่อมจะทำได้ดียิ่งขึ้น   ข้าพเจ้าหวังว่าพวกท่านจะลดการใช้ความคิดจิตใจ  กับเรื่องใครชำนาญใครอ่อนหัด  ใครดีใครไม่ดี  ใครเป็นอย่างไรๆ  ใช้ความคิดจิตใจกับการยืนยันความถูกต้องของฝ่า(เสียงปรบมือ) ทุกท่านประสานงานกันให้ดีขึ้นมา  ทำเรื่องยืนยันความถูกต้องของฝ่าให้ดี  นั่นคือการสถาปนาธรรมานุภาพของพวกท่าน   เมื่อท่านอภิปรายกันว่าใครดีใครไม่ดี  เทพล้วนจะไม่มองพวกท่าน

               แน่นอนว่าบางคนที่มีปัญหา  ก็สมควรพูด  พวกเราควรรับผิดชอบต่อฝ่าเป็นหลัก   ถือฝ่าเป็นอันดับหนึ่ง  แก้ไขปัญหานี้ด้วยความดีงาม  ต้องไม่ใช้วิธีการของคนธรรมดาสามัญ

ศิษย์            ผมเป็นศิษย์ที่มาจากประเทศเกาหลี   มีเพื่อนผู้บำเพ็ญบางคนเข้าใจว่า  คนที่ทำงานสื่อมีเพื่อนผู้บำเพ็ญบางคนรับเงินเดือน  จะเหมาะสมหรือไม่

อาจารย์       ตั้งแต่แรกข้าพเจ้าได้พูดกับท่านทั้งหลายอย่างนี้ว่า: ข้าพเจ้าพูดว่า  ศิษย์ต้าฝ่าทำสื่อ ทำได้ดีมาก  ต้องขยายออกไปสู่สังคม  ต้องขยายออกไปสู่การหมุนเวียนที่มาก  ต้องทำให้ได้ถึงขั้นรับผิดชอบกำไรขาดทุนเองได้  สามารถทำได้ถึงขั้นเหมือนกับสื่อในสังคมอย่างสมบูรณ์  สามารถตั้งเงินเดือน   จัดการปัญหาการดำรงชีพ ผู้ฝึกก็สามารถทำเป็นงานอาชีพ  นั่นเป็นเรื่องที่ดีแน่  กลายเป็นสื่อกระแสหลักของสังคมอันหนึ่ง   แต่ถ้ายังบรรลุไม่ถึงขั้นนี้  ก็ยังไม่อาจมีเงินเดือน  นำเงินที่ผู้ฝึกให้มาสนับสนุนจ่ายเป็นเงินเดือน นั้นไม่อนุญาตโดยเด็ดขาด  ผู้อื่นกำลังอุทิศให้ต้าฝ่า  แต่เรากลับกำลังเรียกเอา  ในฐานะศิษย์ต้าฝ่า มีเงินก็ออกเงิน  มีแรงก็ออกแรง  หากสามารถขยายสู่สังคม  มีกำไรแล้ว  พอที่จะให้เงินเดือนแล้ว   ถึงแม้จะเป็นเงินน้อย  ทุกท่านแบ่งกันเล็กน้อย  เงินมากแล้วก็แบ่งมากสักหน่อย  กำไรแล้วก็เพิ่มอีก  สามารถบรรลุถึงมาตรฐานเงินเดือนในสังคมแล้ว ข้าพเจ้าในฐานะอาจารย์ก็ยินดีด้วย  ดังนั้น ที่พูดมานั้นคือ ก่อนที่จะบรรลุถึงสภาพการณ์นี้ ไม่อาจนำเงินที่ผู้ฝึกสนับสนุนมาให้เป็นเงินเดือน

ศิษย์            หนังสือพิมพ์ใช้คน 50 กว่าคน จะจัดวางทำให้ดีได้อย่างไร และกระทบต่องานด้านอื่น

อาจารย์       เรื่องนี้พวกท่านต้องประสานกันให้ดี  เพราะระยะแรกของงานทำหนังสือพิมพ์นั้น ต้องการคนช่วยเหลือมากจริงๆ  แต่ก็อย่าเปลืองแรงงานคนนักเลย  50 กว่าคนก็มากไปสักหน่อย  เพราะทุกท่านก็ต้องคำนึงว่า แต่ละคนล้วน แต่ต้องเดินบนหนทางของตัวเอง  ล้วนต้องทำเรื่องอื่นด้วย  ช่วงแรกของการทำหนังสือพิมพ์ย่อมยากลำบากค่อนข้างมาก  ต้องการคนจำนวนหนึ่ง  แต่ก็อย่าให้มากคนจนเกินไป  ทุกท่านต้องประสานเรื่องเหล่านี้ให้ดี  เนื่องจากสภาพแวดล้อมด้านอื่นของการอธิบายความจริงก็สำคัญ

               การอธิบายความจริงโดยตรงกับการอธิบายความจริงทางสื่อนั้นจะเสริมซึ่งกันและกัน  ไม่อาจอาศัยเพียงรูปแบบเดียวไปอธิบายความจริง  ทุกท่านมองเห็นแล้วว่า  ขณะนี้มีหลายแบบหลายอย่าง   ท่านฯได้คิดวิธีการออกมามากมาย ทั้ง เว็บไซต์ทีวี วิทยุ ซีดี โทรศัพท์ จดหมาย โทรสาร เอกสารต่างๆ การอธิบายแบบตัวต่อตัว  ผู้ฝึกในจีนยังมีการติดป้ายคำขวัญ   แน่นอนยังมีการทำงานในแง่มุมอื่นๆ อีกที่สั่นสะเทือนพวกชั่วร้าย  ใช้วิธีการนานัปการทำพร้อมกันไป

ศิษย์            ในเกาหลีมีการเปลี่ยนตัวผู้ช่วยฝึกสอนบ่อยเกินไป  การแต่งตั้ง และปลดคน ไม่มีหลักการ  ศิษย์ที่กระตือรือร้นในการเจิ้งฝ่า  เดินอยู่แถวหน้า ถูกปลด ถูกเปลี่ยน  บางคนถูกตั้งและปลดเป็นครั้งที่ 2   ส่วนผู้ที่ถูกแต่งตั้งใหม่ เพิ่งได้ฝ่าไม่กี่เดือนเอง  ทั้งวันวุ่นอยู่กับเรื่องของคน  เรียนถามอาจารย์ว่า การแต่งตั้งของฝอเซี๊ยฮุ่ย(สมาคมศึกษาพุทธ)มีมาตรฐานเพียงพอหรือไม่  การตามใจนายกสมาคมคนเดียวเป็นผู้ตัดสินตามใจชอบเหมาะสมหรือไม่

อาจารย์       เรื่องนี้ข้าพเจ้าคิดว่า กล่าวสำหรับผู้รับผิดชอบของเราในประเทศเกาหลี  ข้าพเจ้าขอเสนอข้อหนึ่ง   เพื่อให้ผู้ฝึกสามารถบำเพ็ญได้ดี  สามารถทำให้ผู้ฝึกบำเพ็ญจนสุกงอมได้  อย่าได้เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเช่นนี้  จะกระทบความกระตือรือร้นของผู้ฝึก  อีกข้อคือ  หากเปลี่ยนบ่อยอย่างนี้นะ  ยังไม่ทันที่ผู้ฝึกจะฝึกฝนการทำงานของต้าฝ่าจนสุกงอม ก็เปลี่ยนเสียแล้ว งานของต้าฝ่าไม่เหมือนกับงานใดๆของคนธรรมดาสามัญ   แต่ไหนแต่ไรมาพวกท่านก็ไม่เคยผ่านประสบการณ์ชนิดนี้ พวกท่านกำลังคลำหาทาง  หาผู้ช่วยฝึกสอนของศิษย์ต้าฝ่าออกมา  วิธีการทำงานของผู้รับผิดชอบแต่ละพื้นที่ และ ฝึกฝนจนสุกงอม  ทำให้พวกเขาสามารถสุกงอมขึ้นมาได้   เนื่องจากเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ ผู้นำใดๆของคนธรรมดาสามัญ ล้วนไม่เหมาะสมกับการบำเพ็ญของต้าฝ่า  ดังนั้นพวกเราต้องแสวงหาหนทางของตนเอง ต้องฝึกฝนทุกท่าน

               แน่นอนหากผู้รับผิดชอบคำนึงถึงผู้ฝึกจากในฝ่า ขจัดจิตใจของความเป็นผู้นำออกไป  นั่นข้าพเจ้าก็ไม่คัดค้าน   ถ้าหากไม่ใช่เช่นนี้ก็ไม่สมควร   กล่าวสำหรับผู้รับผิดชอบ  ใครฟังฉันๆก็ให้เป็น  ไม่ฟังฉันๆก็ไม่ให้เป็น นี่เป็นวิธีการทำงานที่ไม่รับผิดชอบต่อต้าฝ่า  วิธีการจัดการปัญหาชนิดนี้ ไม่เหมาะจะใช้กับงานของต้าฝ่า ผู้รับผิดชอบควรแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้ฝึกมากๆ  วางตัวอยู่ในท่ามกลางผู้ฝึก  มีท่าทีที่ดีในการทำงานร่วมกับทุกคน   เมื่อผู้ฝึกยอมรับท่านแล้ว  ก็ย่อมทำให้งานของต้าฝ่า ได้ประโยชน์ยิ่งขึ้น  ดียิ่งขึ้น

               ไม่ใช่จะวิพากษ์วิจารณ์กัน  ข้าพเจ้าเพียงแต่เสนอว่าควรจะปรึกษาหารือกับทุกๆคน  กล่าวสำหรับผู้ฝึกก็ควรช่วยเหลือผู้รับผิดชอบของเราให้มาก  กล่าวสำหรับผู้รับผิดชอบก็ควรติดต่อกับผู้ฝึกให้เพิ่มมากขึ้น กว้างขวางมากยิ่งขึ้น อย่าได้คิดวางมาดเป็นแกนหลัก น็็้็  ไม่ใช่วิพากษ์วิจารณ์กัน  ข้าพเจ้ากำลังสอนประสบการณ์แก่พวกท่าน (เสียงปรบมือ)

               ศิษย์ต้าฝ่าเกาหลี  ที่จริงหลายๆครั้งพวกท่านทำได้ดีมาก  ศิษย์ต้าฝ่าจำนวนมากก็บำเพ็ญได้ไม่เลว  แต่ละครั้งที่ข้าพเจ้าเห็นพวกท่านทำได้ดี โดยเฉพาะในแต่ละครั้งเมื่อพวกท่านร่วมมือกันทำเรื่องที่ส่งผลกระทบได้มาก  เหล่าเทพล้วนชื่นชมพวกท่าน  และเมื่อพวกท่านกำลังอธิบายความจริง  คัดค้านการประทุษร้ายนั้นก็ส่งผลกระทบที่สำคัญมาก  จงส่งเสริมจุดเด่นของพวกท่าน  สำแดงความสามารถอย่างเต็มที่ของความคิดที่ถูกต้องของศิษย์ต้าฝ่า  ทำให้ดียิ่งขึ้น  สิ่งที่พวกท่านทำได้ดี   โดยตัวมันเองก็จะทำให้พวกชั่วร้ายหวาดกลัว  อาจารย์ฝากความหวังกับผู้รับผิดชอบในการนำพาผู้ฝึกทั้งหมดให้ดี  และฝากความหวังต่อศิษย์ต้าฝ่าให้เพิ่มความสุกงอมยิ่งขึ้น

ศิษย์            ศิษย์จะหล่อหลอมเข้ากับต้าฝ่าอย่างสมบูรณ์และถึงที่สุด  ก้าวหน้าอย่างบริสุทธิ์ จริงจัง  พยายามทำสามเรื่องอย่างเต็มกำลังที่สุด  ไม่ทำให้การช่วยเหลืออย่างยากลำบาก ด้วยความเมตตาของอาจารย์ต้องผิดหวัง

อาจารย์      ถ้าทุกท่านล้วนเข้าใจได้เช่นนี้  เรื่องของเราก็จะทำได้ดี   ที่พูดว่าอาจารย์  เมตตาช่วยเหลือด้วยความยากลำบาก  ถ้าให้ข้าพเจ้าพูดบ้างนะ  คือพวกท่านยอดเยี่ยม  ที่สามารถเดินมาถึงวันนี้ได้ ( เสียงปรบมือ)

               เมื่อวานข้าพเจ้าพูดถึงปัญหานี้  พวกท่านทราบไหมว่า เมื่อเริ่มแรกข้าพเจ้าพบกับผู้ฝึกประเภทไหน  ข้าพเจ้าอยู่ในจีนแผ่นดินใหญ่ก็ดี  อยู่ที่อื่นก็ดี   ผู้ฝึกจำนวนมาก ที่เดินเข้ามาในห้องบรรยายของข้าพเจ้า ข้าพเจ้ามองดูผู้ที่อยู่ข้างล่างนั้น ล้วนแต่มีโลกทัศน์ต่างๆนานาที่สร้างขึ้นในหมู่คนธรรมดาสามัญ  ผู้ที่มีความคิดของตนเองจริงๆ สามารถเข้าใจปัญหาได้อย่างชัดเจนนั้น  มีน้อยเหลือเกิน  ส่วนมากล้วนไม่แน่ใจ ที่พูดว่าต้าฝ่าดีนั้นก็ล้วนไม่ได้พูดออกมาจากใจจริง บวกกับทัศนคติชนิดต่างๆ  ยังมีบางคนเคยเรียนชี่กงชนิดต่างๆ เรียนมากแล้วก็กลายเป็นเสพติด คนเหล่านี้จะสามารถบำเพ็ญเป็นเทพได้หรือไม่  ความแตกต่างนั้นทุกท่านคิดดูก็รู้ว่ามันมโหฬารนัก แต่ว่าสามารถเดินมาถึงวันนี้หนา พวกท่านสามารถทำถึงขั้นนี้ในวันนี้ (นับว่า)ยอดเยี่ยมจริงๆ

               แน่นอนข้าพเจ้านี้ในฐานะอาจารย์ สิ่งที่ข้าพเจ้านับถือที่สุดคืออะไร  ที่จริงเทพเหล่านั้นก็คิดอย่างเดียวกัน: ความคิดของคนๆหนึ่งที่แจ่มชัดนั้น ไม่ใช่ว่าเขาเจ้าเล่ห์มาก  ฉลาดในเรื่องหยุมหยิมไม่เป็นเรื่อง  ไม่ใช่ความหมายนี้ เขาสามารถมีความคิดที่ถูกต้องของตนเอง  มีความนึกคิดของตนเอง  พิจารณาโดยใช้ความคิดของตัวเอง เขาไม่ถูกจิตสำนึกภายนอกสั่นคลอน  หัวสมองไม่เลอะเลือน  ท่านพูดว่าดี เขาก็พูดว่าดี  ท่านพูดว่าไม่ดี เขาก็พูดว่าไม่ดีด้วย  คล้ายไม่มีความเป็นตัวของตัวเอง   แต่ว่าพวกท่านที่ข้าพเจ้ามาเห็นในวันนี้ ล้วนแต่มีเหตุผลมาก สุขุมมาก โดยเฉพาะเวลาทำอะไรก็หนักแน่นมั่นคง  ที่จริงพวกท่านก็ไม่ใช่คนในหมู่คนธรรมดาสามัญอีกต่อไปแล้ว  พวกท่านล้วนกลับไปไม่ได้แล้ว  พวกท่านกลับไปไม่ได้อีกจริงๆ แล้ว (เสียงปรบมือ) พวกท่านแตกต่างกับคนธรรมดาสามัญมากเหลือเกินแล้ว

ศิษย์            พวกอิทธิพลเก่า รู้เรื่องหลักการเสริมและต้านกัน หรือไม่

อาจารย์       รู้แน่นอน  พวกอิทธิพลเก่านั้นไม่ใช่ เทพที่ปรากฏอยู่หรือ

ศิษย์            อาจารย์เคยพูดว่า เทพจำนวนมากกลับชาติมาเกิดเป็นคน   แต่หนังคนนั้นมีไม่พอใช้  พืช สัตว์ จำนวนมากล้วนใช่  สัตว์ก็ไม่อาจได้ฝ่า  ใช่หรือไม่ว่าพวกมันเพียงแต่หล่อหลอมเข้ากับฝ่า

อาจารย์       เป็นเช่นนี้  แต่ที่กล่าวไปข้างต้นคือ ต้องมีท่าทีที่ถูกต้องต่อต้าฝ่า ในปีนั้นที่ข้าพเจ้าถ่ายทอดฝ่า  ข้าพเจ้าต้องเดินให้เที่ยงตรง เพื่อให้ฝ่านี้ในจักรวาลแห่งอนาคต ไม่เสื่อมสลายชั่วนิรันดร์  ข้าพเจ้าจึงกำหนดว่า ไม่ให้สัตว์ได้ฝ่า  ในอดีตนานมาแล้วก็ไม่อนุญาตให้สัตว์ได้ฝ่า  ต่อมาผ่านกาลเวลาอันยาวนาน ก็ค่อยๆเกิดการเปลี่ยนแปลง  และอนุญาตให้สัตว์บำเพ็ญกันแล้ว  จึงค่อยๆมีสัตว์บำเพ็ญมากขึ้นเรื่อยๆ  ในปีนั้นที่ข้าพเจ้าถ่ายทอดฝ่าได้ยกเรื่องการไม่อนุญาตให้สัตว์บำเพ็ญต้าฝ่า   โอ้  โลกต่างๆ ต่างก็เอะอะขึ้นมาทันทีเลย    เช่นนั้นใช้ไม่ได้  กฎก็ต้องเป็นกฎ   สัตว์จะได้ฝ่านั้น ท่านต้องกลับชาติมาเกิดเป็นคน  ข้าพเจ้าก็จะให้โอกาส  แต่วันนี้ท่านมาอยู่บนโลก  ในการเจิ้งฝ่า ไม่ว่าท่านจะเป็นสัตว์  เป็นพืช หรือสสาร/วัตถุ  ข้าพเจ้าก็จะดูว่าเขามีท่าทีต่อต้าฝ่าอย่างไร ถ้าปฏิบัติต่อต้าฝ่าอย่างถูกต้อง อะไรๆข้าพเจ้าก็สามารถจัดการให้ได้  โดยทั่วไปคือไม่ว่ามาจากที่ไหน หลังจากหล่อหลอมแล้ว  ข้าพเจ้าก็จะให้เขากลับไปที่นั่นทั้งหมด  ข้าพเจ้าสามารถจัดการเรื่องนี้ได้  สัตว์จะบำเพ็ญต้าฝ่าโดยตรงไม่ได้  เป็นการไม่เคารพต่อต้าฝ่าเองด้วย

ศิษย์            ในช่วงสุดท้ายของการเจิ้งฝ่า  มีเพื่อนผู้บำเพ็ญคนหนึ่ง เนื่องจากคนในครอบครัว (เป็นเพื่อนผู้บำเพ็ญเหมือนกัน) ล้างกรรม ท้องเดินหนักมาก จนต้องฉีดยา  ไม่มีทางทำงานการยืนยันความถูกต้องของฝ่า อย่างราบรื่น  ส่งผลกระทบซึ่งกันและกัน  เรียนถามท่านปรมาจารย์  นี่เป็นปัญหาของตนเองหรือเป็นการรบกวน

อาจารย์       กล่าวสำหรับผู้บำเพ็ญ ล้วนไม่ใช่ความบังเอิญ  สภาพการณ์ทั่วไปเป็นสิ่งที่เชื่อมโยงกับการยกระดับของผู้บำเพ็ญ  ถ้าหากคนนี้เป็นผู้ฝึกใหม่ หรือเป็นผู้ที่ไม่ก้าวหน้า  ข้ามด่านได้ไม่ดีก็จะเกิดสถานการณ์อย่างนี้  แต่ศิษย์ต้าฝ่าในระหว่างการยืนยันความถูกต้องของฝ่า ถ้าหากเกิดการรบกวนอย่างหนักเช่นนี้  ต้องเป็นพวกมือสกปรกแน่  พวกปีศาจทรามกำลังประทุษร้าย    ให้ฟาเจิ้งเนี่ยนขจัดพวกมัน  ในฐานะผู้ฝึกใหม่ หรือผู้ฝึกที่ไม่ก้าวหน้าพอ ต้องระวังตนเองในด้านนี้ให้ดี  มองดูตัวเองมากๆ

ศิษย์            เมื่อเร็วๆนี้ตามที่สันนิบาตเพื่อเสรีภาพ และสิทธิมนุษยชน ได้จัดการประชุมที่โตเกียวเพื่อพิจารณา สภาพปัญหาสิทธิมนุษยชนในจีนปัจจุบัน กับการไต่สวนคดีนายเจียงทั่วโลก  มีสมาชิกสมาคมศึกษาฝ่าหลุนกงญี่ปุ่นอภิปรายในที่ประชุมองค์กรอื่น คือสันนิบาตเพื่อการช่วยเหลือทั่วโลก ไต่สวนคดีเจียงทั่วโลก  ผู้บำเพ็ญบางคนเห็นว่าเป็นการเดินที่ไม่ค่อยถูกต้อง

อาจารย์    ไม่อาจมองกันเช่นนี้   พวกเราต้องมองว่า   คนธรรมดาสามัญมาสนับสนุนเรา  เรายังจะไม่เข้าร่วมอีกหรือ  เท่ากับว่าชาวโลกจะยืนยันความถูกต้องของฝ่า  พวกเราไม่ยินยอม   พวกเรากำลังหยุดยั้งการประทุษร้าย เปิดโปงการประทุษร้าย  ไม่ใช่ว่าเมื่อมีคนธรรมดาสามัญเข้าร่วมแล้ว เท่ากับว่าเราเข้าร่วมทางการเมืองแล้ว ในขณะที่ข้าพเจ้าถ่ายทอดฝ่านั้น  ข้าพเจ้าไม่สนใจองค์กรจัดตั้ง  ไม่สนใจรูปแบบ  ดูแต่ใจคน  ไม่ว่าเขาจะเป็นองค์กรใด  ขอเพียงไม่ใช่องค์กรอิทธิพลมืด  ไม่ใช่พวกที่ต่ำมากๆ คุณธรรมเสื่อมทรามเหล่านั้น   เขามาสนับสนุนต้าฝ่า  พวกเราควรให้โอกาสการยืนยันความถูกต้องของฝ่าแก่คน   พวกเรามิใช่มาช่วยเหลือสรรพชีวิตหรอกหรือ  แม้กระทั่งพวกที่แย่มากๆเหล่านั้นที่ข้าพเจ้าเพิ่งเอ่ยถึงเมื่อครู่  ผู้ที่อยู่ในองค์กรเหล่านั้นที่มีใจจะมายืนยันความถูกต้องของฝ่า  ทุกท่านล้วนต้องให้โอกาส ใช่หรือไม่ละ

            แต่ว่ามีอยู่จุดหนึ่ง  ศิษย์ต้าฝ่าห้ามเข้าร่วมอย่างเด็ดขาด สำหรับสิ่งที่คนธรรมดาสามัญทำกัน  ถ้าเพียงไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับฝ่าหลุนกงของเรา พวกท่านอย่าได้เข้าร่วม     การสนับสนุนฝ่าหลุนกงที่ผู้คนเขาทำขึ้นมา  พวกเราไม่ไป นั่นก็ไม่ถูกต้องแล้ว

ศิษย์            จุดบนรูปไท่จี๋ ของหนังสือจ้วนฝ่าหลุนนั้นเป็นสีน้ำเงิน  สีแดง หรือสีดำ  แต่ว่ามีเอกสารบางชิ้นกลับพิมพ์เป็นสีขาว   ไม่ถูกต้องใช่หรือไม่

อาจารย์       ที่จริง ท่านทั้งหลายทราบว่าสีของมิติจักรวาล มันคือ แดง ส้ม เหลือง เขียว น้ำเงิน ฟ้า ม่วง ซึ่งเปลี่ยนแปลงได้   ไท่จี๋คือรูปลักษณ์อย่างหนึ่งของจักรวาล จากการรับรู้ของสายเต๋า   ดังนั้นเพียงพูดได้ว่าเป็นสัญลักษณ์แทนระบบนั้นของเต๋า อย่างเช่นที่ข้าพเจ้าเคยพูดถึง สีดำ-แดง กับ สีน้ำเงิน-แดง สองชนิดนั้น มันมีรูปแบบของระบบนั้นของเต๋า  เกี่ยวกับตาของไท่จี๋นั้น ข้าพเจ้าก็ค้นคว้าดูครั้งหนึ่ง  เห็นว่ายังควร(พูดว่า)เป็นสิ่งที่โปร่งใส  ซึ่งก็คือสีขาว   ตาสองชนิดของไท่จี๋ นั้นสีขาว  ที่จริงนี่เป็นเพียงรูปแบบหนึ่งของรูปลักษณ์นั้น

ศิษย์            เด็กพูดว่าตัวเองเป็นศิษย์ต้าฝ่า และชอบฝ่า เผยแพร่ฝ่า อธิบายความจริง แต่ว่าไม่ศึกษาฝ่า  ฝึกพลังกงด้วยตัวเอง  ถ้าหากเรียกร้องให้เขาทำ จะเหมาะสมหรือไม่

อาจารย์       เด็กที่เล็กเกินไปยังไม่อาจบังคับ  เด็กเมื่อยังเล็กเกินไปให้ทำตามผู้ใหญ่  รอเมื่อเขาเติบใหญ่แล้ว  เขาสามารถอ่านหนังสือศึกษาฝ่าเอง  ตอนนั้นก็เป็นการฝึกด้วยตัวเขาเองแล้ว

ศิษย์            รู้สึกว่ายังมีผู้ร่วมบำเพ็ญชาวสิงคโปร์ส่วนหนึ่ง  มักใช้ทัศนคติของคนมาพิจารณาต้าฝ่า ( อาจารย์ :ใช่ ) ไม่รู้ว่าจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไรดี

อาจารย์       ใช่ละ  ศิษย์ต้าฝ่าทำเรื่องอะไรก็ต้องอาศัยฝ่าเป็นพื้นฐาน  พิจารณาโดยยืนอยู่บนฝ่า  ในหมู่ผู้ฝึกนั้นก็มีจิตของคนที่หนักมาก  และก็มีเบื้องหลังที่ทำเรื่องไม่ดี(และมีคนที่แอบทำเรื่องไม่ดีอยู่ข้างหลัง)  ข้าพเจ้ากำลังดูอยู่

ศิษย์            ในขณะกำลังขจัดสิ่งชั่วร้าย ก่อนที่จะคิดคำว่า “เมี่ย”(จงดับสลาย) ในการชำระล้างตนเอง  สามารถจะคิดคำว่า “ฉู”(ขจัดทิ้ง) ได้หรือไม่

อาจารย์       ข้าพเจ้าบอกให้ท่านทำอย่างไรก็ทำอย่างนั้น  ไม่ว่าท่านจะคิดอย่างไร  เรื่องที่ข้าพเจ้าบอกให้ท่านทำต้องเป็นสิ่งที่มีพลังมากที่สุด  (เสียงปรบมือ) ผู้ฝึกบางคนความคิดที่ถูกต้องไม่พอเพียงอยู่เสมอ พอมีจิตยินดีก็คิดอย่างอื่นขึ้นมาชุดหนึ่ง ท่านก็จะถูกมารหลอกใช้   ท่านก็จะเกิดปัญหาเดินผิดทาง   พวกที่เกิดปัญหาเหล่านั้น   ไม่ใช่ว่าจะเกิดปัญหาขึ้นทันทีทันใด  มันจะค่อยๆเริ่มขึ้นแบบนี้

ศิษย์            ผู้ฝึกฮ่องกงทั้งหมดฝากความระลึกถึงท่านอาจารย์     กิจกรรมที่คนธรรมดาสามัญทำกัน   บ้างเกี่ยวข้องกับการเมือง หรือการเรียกร้องอื่นๆ  ศิษย์ต้าฝ่าควรจะยึดกุมอย่างไรดี

อาจารย์       คนธรรมดาสามัญทำอะไรนะ   นั่นก็ไม่เกี่ยวกับเรา     เช่นนั้นคนธรรมดาสามัญสนับสนุนการคัดค้านการประทุษร้ายฝ่าหลุนกง หรือคัดค้านการประทุษร้ายต่อสิทธิมนุษยชนของประเทศจีน   นี่ไม่อาจพูดว่าไม่เกี่ยวข้องกับฝ่าหลุนกง   ในฮ่องกง  คนธรรมดาสามัญในเวลานี้ เรื่องเหล่านี้ที่เกี่ยวข้องกับพวกเราทั้งหมด ที่จะเชิญพวกเราเข้าร่วมนั้น หากเป็นไปโดยสงบ สมเหตุสมผล  พวกเราก็สามารถเข้าร่วมได้   ข้าพเจ้าพูดเพียงฮ่องกง สามารถเข้าร่วมได้  ถ้าหากไม่เกี่ยวกับเรา  สิ่งที่ไม่ได้พาดพิงมาถึง  พวกเราก็ไม่อาจเข้าร่วม   ตรงนี้ท่านทั้งหลายต้องชัดเจน

            เหมือนกับครั้งก่อนที่คัดค้านกฎหมายมาตรา 23  เรื่องที่เกริกก้องเกรียงไกรเช่นนั้น   ผู้คนไม่ใช่ทำเพื่อฝ่าหลุนกงหรือ (หัวเราะ)  แต่ว่าเมื่อผ่านเรื่องนี้  ต่อมามวลชนเหล่านี้ นักประชาธิปไตย บุคคลวงการต่างๆในสังคม  บุคลากรทางการเมือง  บุคคลจำนวนมากในกระแสหลักของสังคม  ก็กำลังวิเคราะห์ฝ่าหลุนกงอย่างละเอียด   ดังนั้นถึงเดี๋ยวนี้  ข้าพเจ้าคิดว่าฝ่าหลุนกง  อยู่ในฮ่องกง  อยู่ในหมู่มวลชน  ก็มีความเข้าใจที่แจ่มแจ้งมากแล้ว  แน่นอน  “ติดประกาศทั้งสี่มุมเมือง ก็มักจะมีผู้ที่ไม่รู้หนังสืออยู่”  ที่ตกหล่นไปบ้างนั้นก็ต้องมีแน่นอน  ผู้ที่ไม่รู้ความจริงก็ย่อมจะมีแน่  ดังนั้นเรื่องการอธิบายความจริงก็ยังต้องทำต่อไป

ศิษย์            ทำอย่างไรให้ยืนยันความถูกต้องของฝ่า  ในสื่อสำแดงบทบาทได้ดียิ่งขึ้นในฮ่องกง

อาจารย์       หนังสือพิมพ์ต้องค่อยๆขยายไปสู่การหมุนเวียนเชิงบวกในสังคม  กลายเป็นสื่อกระแสหลักของสังคม   สื่อที่ศิษย์ต้าฝ่าทำจะต้องกลายเป็นสื่อกระแสหลักของสังคมแน่นอน   (เสียงปรบมือ) ไม่เพียงเป็นสื่อกระแสหลัก  ในอนาคตจะเป็นสื่ออันดับหนึ่งของโลก( เสียงปรบมือ) ที่จริงโครงร่างของหนังสือพิมพ์ที่พวกท่านทำได้เป็นจริงขึ้นมาแล้ว   สื่อใดๆของประเทศเอย  มันเป็นเพียงสิ่งที่เป็นของประจำประเทศ   ประเทศจะใหญ่อย่างไร  ของคุณก็เป็นเพียงสื่อของประเทศเดียวเท่านั้น  แม้ว่าหนังสือพิมพ์นั้นสามารถส่งออกไปนอกประเทศได้  แต่ก็ไม่มีน้ำหนักมากอย่างนั้น

            ในอดีตมีหนังสือพิมพ์จีนบางฉบับ ครอบคลุมพื้นที่กว้างมาก  แต่ต่อมาถูกซื้อกลับไปแล้ว  เดี๋ยวนี้ก็ไม่มีความถูกต้องเที่ยงตรงอีกแล้ว  และก็ไม่กล้าพูดความจริงแล้ว   คิดจะอ่านเรื่องจริงก็ต้องอ่านสื่อที่พวกท่านทำ