ฝ่าหลุนต้าฝ่า
พระพุทธทองคำ ◎ ความเห็นอาจารย์
บทความที่แนะนำให้ศิษย์ต้าฝ่าอ่าน
หลี่หงจื้อ
1 พฤศจิกายน ค.ศ. 2003
_______________________________________________________________________
[หมิงฮุ่ยเน็ต 2003-11-1] ในบทความ ปฏิบัติต่อการบำเพ็ญเจิ้งฝ่าด้วยจิตที่สะอาดและบริสุทธิ์ที่สุด ของเพื่อนผู้บำเพ็ญเมื่อวันก่อน
นิทานเรื่องหนึ่งได้พูดถึงเรื่องจิตของการบำเพ็ญว่าบริสุทธิ์หรือไม่ นิทานเล่าว่า
พ่อค้าฆ่าชำแหละสัตว์รายหนึ่งพบกับผู้บำเพ็ญพุทธสองท่านบนถนน
ผู้บำเพ็ญพุทธสองท่านบอกว่าจะไปเฝ้าพระพุทธทางทิศตะวันตกและชักชวนพ่อค้าฯ
ร่วมเดินทางไปด้วยกัน พ่อค้าฯ กล่าวว่า ตัวข้าสกปรกเกินไป
ข้าไม่คู่ควร ขอให้พวกท่านนำหัวใจที่จริงใจของข้าไปพร้อมกับพวกท่านด้วยเถิด (แสดงให้เห็นว่าบุรุษผู้นี้แม้จะมีอาชีพที่ไม่ดี
แต่เคารพเลื่อมใสและใฝ่หาพระพุทธอย่างจริงใจ) ว่าแล้วก็ควักหัวใจของตนออกมาให้พวกเขาไป
(แสดงให้เห็นว่า
บุรุษผู้นี้เคารพเลื่อมใสและใฝ่หาพระพุทธชนิดหมดหัวใจและปราศจากข้อสงสัยใดๆ)
ผู้บำเพ็ญพุทธสองท่านนั้นจึงนำหัวใจของเขาไปยังทางตะวันตกด้วย
หลังจากที่ได้เฝ้าพระพุทธ
พระพุทธชี้ไปที่หม้อใบใหญ่มหึมาที่มีน้ำเดือดอยู่ข้างในและถามพวกเขาว่ากล้ากระโดดลงไปหรือไม่
ทั้งสองคนเกิดความลังเล จึงคิดสู้ลองโยนหัวใจของพ่อค้าฯ
ลงไปในหม้อน้ำเดือดดูซิว่าจะเป็นอย่างไร
(แสดงให้เห็นว่าผู้บำเพ็ญพุทธทั้งสองไม่มีความเชื่อมั่นต่อคำพูดของพระพุทธแบบหมดหัวใจ
ยังคงคิดชั่งวัดใคร่ครวญด้วยจิดมมนุษย์) จึงโยนหัวใจของพ่อค้าฯ ลงไป
ผลปรากฏว่ากลายเป็นพระพุทธทองคำองค์หนึ่ง
(การสะท้อนรูปลักษณ์ของเขตแดนภายในจิตใจอันแท้จริงของบุรุษผู้นี้)
พอสองคนนั้นเห็นเช่นนั้นก็กระโดดตามเข้าไปทันที
(แสดงให้เห็นว่าจิตรับรู้ของสองคนนี้ต่ำมาก
ยังคงไว้ซึ่งความคิดในแบบที่ว่าจะเชื่อก็ต่อเมื่อปรากฏแก่สายตา
และต้องเห็นประโยชน์ที่ตัวเองต้องการจึงจะยอมปฏิบัติไปตามคำพูดของพระพุทธ
ผลปรากฏว่าออกมากลายเป็นปาท่องโก๋สองตัว
(การสะท้อนรูปลักษณ์ของเขตแดนภายในจิตใจที่แท้จริงของพวกเขา)
ในอีกบทความหนึ่ง ณ ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ อย่าได้เกิดจิตใดๆ ของคนธรรมดาสามัญ เพื่อนผู้บำเพ็ญได้เขียนนิทานสั้นๆ เรื่องหนึ่ง ความว่ามีคนอยู่สองคน
คนหนึ่งภายนอกมองดูสวยงาม (ทำงานดี เอกใจเก่ง เป็นที่ชื่นชมของทุกคน)
หลังจากเขาเสียชีวิต คนผ่าท้องของเขาเปิดออกดูเห็นข้างในสกปรกและเน่าเปื่อยมากๆ
คนต่างก็พูดว่า คนๆ นี้ ภายนอกเป็นทองสุกใส ภายในเน่าเปื่อย (สิ่งที่ไม่ดีภายในถูกปิดบังเอาไว้ ไม่ได้ชำระธาตุแท้ให้สะอาด)
ส่วนอีกคนหนึ่งภายนอกแลดูธรรมดา ไม่มีอะไรโดดเด่น แต่เนื่องจากมีปัญหาเล็กน้อย
คิดไม่ตกจึงฆ่าตัวตาย หลังจากที่เขาตายไปแล้ว
คนผ่าท้องของเขาเปิดออกดูเห็นข้างในเปล่งประกายเป็นทองสุกใส ผู้คนพากันสั่นหัวรู้สึกเสียดายกับคนๆ
นี้พูดว่า คนๆ นี้ภายนอกแลดูธรรมดา ภายในเป็นทองสุกใส
น่าเสียดายที่พลังกงที่ได้ก่อนหน้าสูญสิ้นไปทั้งหมด ที่จริงคนๆ
นี้บำเพ็ญได้ดีมากแล้ว เพียงแต่ตัวเขามองไม่เห็น เพียงเพราะอุปสรรค์เล็กๆ
ข้ามไปไม่ได้จึงฆ่าตัวตาย ทำให้พลังกงที่ได้จากการบำเพ็ญก่อนหน้าสูญสิ้นไป
หลังจากอ่านนิทานสองเรื่องนี้แล้ว
รู้สึกว่าเป็นการให้สติที่ดีมาก
พร้อมทั้งเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการบำเพ็ญซินซิ่งและเข้าใจฝ่าได้ดียิ่งขึ้นของตัวเองและของพวกเราทุกคน
จากนิทานเรื่องแรก ทำให้ผมนึกถึง:คนที่ทำงานต้าฝ่าอย่างหามรุ่งหามค่ำ
กินนอนไม่เป็นเวลาติดต่อกันเป็นเวลานานนั้น
หาใช่สภาวะของคนที่คิดว่าตัวเองคือศิษย์ต้าฝ่าคนหนึ่งอยู่ตลอดเวลาพึงมี แต่การจะเดินหนทางของตนเองให้ดีให้ถูกต้องเที่ยงธรรมอย่างแท้จริงได้อย่างไรนั้น
ไม่แน่เสมอไปว่าจะเป็นสิ่งที่จะสามารถเข้าใจได้อย่างชัดเจนและทะลุปุโปร่งในทันที
ในช่วงของการบำเพ็ญส่วนบุคคลก่อนหน้านี้
มีหัวหน้าศูนย์ ผู้ช่วยฝึกสอนและผู้ฝึกเก่าที่เป็นที่รู้จักมากมาย
รวมทั้งผู้ฝึกบางคนที่อยู่ใกล้ชิดกับอาจารย์ มีทั้งคนที่อยู่ในและนอกประเทศจีน
พวกเขาทำงานต่างๆ มากมายให้ต้าฝ่าและมีความสามารถมากๆ แต่ซินซิ่งของคนเหล่านี้บางคนยังคงมีปัญหา
เช่นไม่ศึกษาฝ่าอย่างสม่ำเสมอ
หรือปฏิบัติต่อฝ่าเหมือนเป็นแหล่งที่มาของข้อมูลความรู้แบบหนึ่งผสมกับความอยากรู้อยากเห็น
การค้นคว้าวิจัยทางวิชาการเป็นต้น ไม่ใช่ศึกษาด้วยจิตของผู้บำเพ็ญ ไม่มีความเมตตา
หรือเต็มไปด้วยทัศนคติของข้าราชการ การแบ่งชั้นวรรณะของคนธรรมดาสามัญ มีจิตที่คิดว่าตัวเองถูกต้อง
จิตอิจฉาริษยา จิตแย่งชิงต่อสู้ จิตยึดติดต่อการได้และเสียอย่างหนักเป็นต้น แน่นอน
ถึงอย่างไรพวกเขาก็กำลังบำเพ็ญ จึงไม่ไปแย่งชิงสิ่งที่เป็นของคนธรรมดาสามัญ
แต่ในหมู่ผู้ฝึกและในแวดวงของการบำเพ็ญ สิ่งที่พวกเขาเห็นว่าเป็น ประโยชน์
บางครั้งพวกเขากลับคิดเล็กคิดน้อยแสดงยออกมาให้เห็นอย่างไม่สะทกสะท้าน
ปัญหาเหล่านี้ก็มีปรากฏในหมู่ผู้ฝึกที่ไม่ใช่คนรับผิดชอบ เช่นการชื่นชม
เลื่อมใสศรัทธาต่อ ผู้มีชื่อเสียง
บางคนด้วยจิตของคนธรรมาดาสามัญ ในอีกด้านหนึ่งก็เป็นการส่งเสริมจิตที่ไม่บริสุทธิ์ของพวกเขา
แต่เนื่องจากไม่ใช่ผู้รับผิดชอบ ดังนั้นจึงรู้สึกว่าไม่รุนแรง
ที่จริงนี่ก็เป็นการสะท้อนจิตการแบ่งชั้นวรรณะของธรรมดาสามัญในตัวพวกเขาเอง
เพราะการบำเพ็ญต้าฝ่าคือการขจัดสิ่งที่อยู่ชั้นพื้นผิวของพวกเขาทิ้งไป ดูเฉพาะใจคนเท่านั้น
ไม่ดูว่าท่านเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงหรือไม่
หลังจากที่การประทุษร้ายเริ่มขึ้นเมื่อ 7.20 ปี 1999 หัวหน้าศูนย์ ผู้มีชื่อเสียง ทั้งหมดในจีนแผ่นดินใหญ่เผชิญกับแรงกดดันในทันที
พวกเขาจำนวนหนึ่งตกลงไปอย่างรวดเร็ว ยิ่งกว่านั้นบางคนถึงกับเดินไปยังฝั่งตรงข้าม
บางคนตกอยู่ท่ามกลางมารผจญเป็นช่วงเวลายาวนาน
ปรากฏการณ์เช่นนี้สร้างความงงงันและรบกวนผู้ฝึกส่วนหนึ่งเป็นอย่างมากในเวลานั้น
และก็ทำให้จิตใจของผมหวั่นไหวอย่างมาก จึงคิดว่า
คงเป็นเพราะในเวลาปกติพวกเขาทำงานมากเกินไป ไม่ได้สนใจฉกฉวยเวลาศึกษาฝ่าให้ดี
ไม่ได้วางพื้นฐานของการบำเพ็ญซินซิ่งให้ดี
ดังนั้นทุกคนล้วนสมควรเรียนรู้จากบทเรียน และศึกษาฝ่าให้มาก
การศึกษาฝ่าในเวลานั้นโดยหลักยังคงเน้นในเรื่องปริมาณ
ไม่มีสำนึกที่เข้มแข็งที่จะผนวกการศึกษาฝ่าและการบำเพ็ญจิตเข้าด้วยกัน
ดังนั้นหลายๆ ปัญหาแก้ไขไม่ได้ การรับรู้เข้าใจต่อหลักการของฝ่าก็ไม่ใช่มีเพิ่มขึ้นทุกวัน
บางครั้งเมื่อศึกษาฝ่าพบกับการรบกวนอย่างมาก
ต่อมาภายหลังอาจารย์ได้บรรยายฝ่าเกี่ยวกับการเจิ้งฝ่ามากขึ้นเรื่อยๆ ผมจึงค่อยๆ
รับรู้เข้าใจต่อปัญหานี้ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้นตามลำดับ ประการที่หนึ่ง
อาจเป็นได้ว่าคนเหล่านั้นได้นำความกระตือรือร้นในการทำงานของคนธรรมดาสามัญ
ความสามารถในการทำงาน จิตใจในการทุ่มเทตลอดจนวิธีทำงานของคนธรรมดาสามัญ ปะปนเข้ากับบทบาทของตัวเองในการบำเพ็ญต้าฝ่าโดยไม่รู้ตัว
โดยนึกไม่ถึงว่าตัวเองยังมีจิตยึดติดมูลฐานอยู่
เมื่อพบกับปรากฏการณ์ของความขัดแย้งต่างๆ ซึ่งเกิดขึ้นจากปัญหาซินซิ่งของตัวเอง ก็ไม่บำเพ็ญตัวเองอย่างจริงจัง
กลับรู้สึกว่าเป็น สิทธิพิเศษ
ของตนตามความเคยชิน โดยไม่คิดว่าตัวเองกำลังแย่งชิงหรือแสวงหาอะไร ประการที่สอง
ในจำนวนนั้นบางคนจัดวางโดยอิทธิพลเก่ามาตั้งแต่ต้น
โดยมีเป้าหมายเพื่อทดสอบและคัดผู้ฝึกที่มีจิตของคนธรรมดาสามัญหนักมากเหล่านั้นออกไป
บางคนถึงกับก่อผลทางด้านลบเมื่อถึงห้วงเวลาที่สำคัญ
ไม่ใช่เพราะว่าเขามีซินซิ่งดีกว่าคนอื่นจึงได้ทำงานเหล่านั้น
แต่อาจารย์ต้องการช่วยเหลือสรรพชีวิตทั้งมวล ดังนั้นเรื่องต่างๆ
ก็จะมีการซ้อนกลไปมา เพื่อไปแก้ไขเนื้อแท้ของเรื่องราว
ทำลายการจัดวางของอิทธิพลเก่า ภายใต้การจัดวางเช่นนั้น ประการที่สาม
เมื่อทำอะไรต่างๆ ในแวดวงของผู้บำเพ็ญ
ก็จะถูกรบกวนจากจิตที่อยากมีชื่อเสียงและผลประโยชน์ ไม่สามารถควบคุมตัวเองให้ดีด้วยมีจิตสำนึกที่แข็งแกร่ง
กลับมีและส่งเสริมจิตใฝ่ชื่อเสียงและผลประโยชน์ จิตแก่งแย่งชิงดี จิตอิจฉา
และแล้วนำปัญหาใหม่ๆ มาสู่การงานและการบำเพ็ญ
แต่แล้ว การบำเพ็ญเจิ้งฝ่าได้ดำเนินมาเป็นเวลา 4 ปีแล้ว เพื่อนผู้บำเพ็ญในจีนแผ่นดินใหญ่ทั้งหมดต่างทำการยืนยันความเป็นจริงให้ต้าฝ่า
ช่วยเหลือสรรพชีวิต ด้วยรูปแบบของเต๋าใหญ่(หลักธรรมใหญ่)ไร้รูปชนิดหนึ่ง
ทุกคนล้วนรับผิดชอบต่อการบำเพ็ญของตัวเองและงานของต้าฝ่า
รู้จักประสานงานซึ่งกันและกันด้วยตัวเอง อาจจะกล่าวได้ว่าแท้จริงแล้วทุกๆ
คนอยู่ในระหว่างการบำเพ็ญเจิ้งฝ่าต่างก็กลายเป็นผู้รับผิดชอบ ในต่างประเทศแม้จะมีฝอเซียะฮุ่ย
มีศูนย์ช่วยฝึกสอน และยังมีทีมงานโครงการต่างๆ มีผู้รับผิดชอบใหม่เกิดขึ้นมากมาย
แต่สิ่งที่มีรูปแบบเหล่านี้ก็เพื่อจะให้สอดคล้องกับรูปแบบของสังคมคนธรรมดาสามัญ
ในขณะที่การบำเพ็ญเจิ้งฝ่าอย่างแท้จริงนั้น ก็เป็นการที่ตัวศิษย์ต้าฝ่าทุกคนรับผิดชอบต่อตัวเอง
รับผิดชอบต่ออาจารย์และต่อฝ่า รับผิดชอบต่อสรรพชีวิต ในระหว่างขั้นตอนนี้ ผมคิดว่า
ผู้รับผิดชอบ ทั้งเก่าและใหม่ทั้งหมดของเราสมควรต้องซึมซับบทเรียนที่กล่าวมาข้างต้นให้เต็มที่
ไม่ถูกกระทบจากจิตยึดติดต่อชื่อเสียงและผลประโยชน์ การรบกวนจากทัศนคติของคนธรรมดาสามัญที่มีต่อบุคคลที่มีชื่อเสียง
ระดับชั้น และไม่ด่วนสรุปว่าตัวเองกำลังบำเพ็ญอยู่อย่างแน่นอนเนื่องจากมุ่งทำงาน(ต้าฝ่า) มีแต่เพียงการมีฝ่าอยู่ในใจตลอดเวลา
ทุกที่ทุกกรณี ประเมินตัวเองอย่างไม่หยุดยั้งอย่างแท้จริง คิดหาหนทางที่จะรับผิดชอบต่อฝ่า
รับผิดชอบต่อสรรพชีวิต รับผิดชอบต่อการบำเพ็ญของตัวเองอย่างไรเท่านั้น ผู้รับผิดชอบ ของเราทุกคนจึงจะสามารถก้าวเดินได้ดี ก้าวเดินได้ถูกต้องในทุกๆก้าว
นิทานเรื่องที่สอง ทำให้ผมคิดถึง
คนธรรมดาสามัญฆ่าตัวตายเป็นการก่อกรรมที่ใหญ่มาก ก่อเกิดผลร้ายที่สลับซับซ้อน
ในขณะที่ผู้บำเพ็ญฆ่าตัวตาย จะมีบาปหนักเทียบกับการฆ่าพระพุทธ
ผลร้ายที่ก่อจะสลับซับซ้อนและรุนแรงมากยิ่งขึ้น ในนิทานเรื่องการบำเพ็ญของพระพุทธหมีเล่อยื่อปา
มีท่อนหนึ่งกล่าวไว้เช่นนี้ : ในช่วงที่หมีเล่อยื่อปาแสวงหาเจิ้งฝ่า(หลักธรรมที่ถูกต้องเที่ยงธรรม)
หลังจากที่ได้รับความเจ็บปวดทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสทั้งร่างกายและจิตใจแล้ว
ท่านรู้สึกว่าตัวเองอาจจะมีอุปสรรค์แห่งบาปกรรมที่ใหญ่มาก ไม่สามารถได้รับเจิ้งฝ่าในชาตินี้แล้ว
ในความเจ็บปวดทุกข์ทรมานอย่างที่สุด ท่านคิดจะฆ่าตัวตาย ครั้นแล้วท่านจึงพูดว่า บาปกรรมของข้าหนักนัก
ท่านอาจารย์และอาจารย์หญิงได้รับความทุกข์เพื่อข้าเช่นนี้
ชาตินี้ภพนี้ไม่อาจบำเพ็ญฝ่าให้สำเร็จได้ เช่นนั้นสู้ฆ่าตัวตายไปเสียเถอะ! จึงดึงเอามีดเล็กออกมาหมายจะฆ่าตัวตาย(มีดเล็กที่คนธิเบตพกติดตัว)
ในยามนั้นมีพระลามะรูปหนึ่งนามว่าเอ๋อปาอุ้มท่านเอาไว้ น้ำตาหลายพรากบอกท่านว่า : ...จงอย่าทำเช่นนั้นเลย !...
สิ่งที่สั่งสม เขตแดน อาศัยอยู่ในตัวก็คือพุทธะ ในเวลาที่อายุขัยยังไม่สิ้นสุด
แม้แต่การปฏิบัติจ้วนสื่อฝ่า (จ้วนสื่อฝ่า -- หนึ่งในหกประเภทหลักธรรมแห่งความสำเร็จ
เพื่ออำนวยความสะดวกให้มี่จงบำเพ็ญสู่ดินแดนบริสุทธิ์ หลักธรรมแห่งความสำเร็จนี้อาจมีชีวิตหรือตายตามแต่ใจ)
ล้วนแต่มีบาปของการฆ่าพระพุทธ ในโลกนี้ไม่มีบาปใดๆ
ที่จะหนักกว่าการฆ่าตัวตายอีกแล้ว
แม้แต่การสอนที่สอนโดยเปิดเผย(ตามประเพณี)ก็มีกล่าวไว้ว่า :
ไม่มีบาปใดที่จะหนักกว่าการตัดชีวิตตนเอง ท่านลองคิดดูให้ดีดื
ล้มเลิกความคิดที่จะฆ่าตัวตายเถิด !... นี่ยังมุ่งตรงต่อสภาพการณ์ของตัวผู้บำเพ็ญเอง ในช่วงของการบำเพ็ญส่วนบุคคล
พูดจากอีกมุมหนึ่ง การบำเพ็ญเจิ้งฝ่ากำหนดให้เราคำนึงถึงผู้อื่นในทุกๆด้าน
บำเพ็ญจนบรรลุเป็นผู้รู้แจ้งที่ไร้ซึ่งความเห็นแก่ตัว ไร้ซึ่งตัวฉัน
คำนึงถึงผู้อื่นก่อนตัวเอง
ยิ่งกว่านั้นศิษย์เจิ้งฝ่ามีภารกิจแห่งประวัติศาสตร์ที่พิเศษเฉพาะ
เช่นนั้นในขณะที่ตัวเองตกอยู่ท่ามกลางมารผจญ แบกรับความเจ็บปวดทุกข์ทรมาน
พวกเราเคยคิดถึงสิ่งที่ท่านอาจารย์แบกรับ ความทุกข์ใจของอาจารย์ และความคาดหวังของสรรพชีวิตบ้างไหม?
เหมือนอย่างเพื่อนผู้บำเพ็ญต้าฝ่าท่านนั้นที่เขียนไว้ในบทความ ท่ามกลางการถูกประทุษร้าย ศิษย์มากมายถูกบีบให้ต้องออกร่อนเร่
ถูกออกจากงาน การมองโดยคนธรรมดาสามัญ คนเหล่านี้ไม่สำเร็จในหน้าที่การงาน
ไม่มีความโดดเด่นจากผู้อื่น แต่ในมุมมองของผู้บำเพ็ญและเหล่าเทพ
คนเหล่านี้ได้ทำในสิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด
ยืนยันความเป็นจริงให้ต้าฝ่าและช่วยเหลือสรรพชีวิตด้วยความยิ่งใหญ่ที่สุด
ในช่วงประวัติศาสตร์สุดท้ายของการเจิ้งฝ่าแห่งจักรวาล
พวกเราไม่สามารถจะให้เกิดจิตใดๆ ของคนธรรมดาสามัญ หรือเป็นเพราะมองไม่เห็นมรรคผลของการบำเพ็ญของตนเอง
ทำให้บำเพ็ญไม่ก้าวหน้าเท่าที่ควร กระทั่งละทิ้งการบำเพ็ญ
สุดท้ายสูญสลายไปทั้งหมดในชั่วข้ามคืน
ในการศึกษาฝ่า
ผมรับรู้ได้ว่ายังมีความหมายอีกหนึ่งชั้น นั่นก็คือที่จริงการบำเพ็ญเจิ้งฝ่า
ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ว่าพวกเราทุ่มเทอะไรเพื่อต้าฝ่า หรือพวกเรายินดีทำอะไรเพื่อต้าฝ่า
หรือทำมากน้อยเพียงไร
แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าพวกเราสามารถจะรับรู้เข้าใจความหมายอันยิ่งใหญ่ของการเจิ้งฝ่าอย่างแท้จริงได้หรือไม่
รู้ซึ้งหรือไม่ถึงคุณค่าและยอมรับอนาคตที่อาจารย์จัดวางให้พวกเราด้วยความถ่อมตัวและมีมารยาท
ไม่มีอาจารย์ก็จะไม่มีการเจิ้งฝ่าที่แท้จริง ไม่มีการเจิ้งฝ่าของอาจารย์
ในจักรวาลเก่าสรรพชีวิตทั้งมวลล้วนไม่มีอนาคต
ในขณะที่การเจิ้งฝ่านั้นมีความเมตตาอย่างไร้ขีดจำกัด
และมีความศักดิ์สิทธิ์และเข้มงวดอย่างไม่อาจเปรียบเทียบ
การเจิ้งฝ่าไม่อาจที่จะให้ชีวิตใดๆ จิตมนุษย์ใดๆ ใช้เป็นประโยชน์ได้
(ศิษย์ต้าฝ่าสหรัฐอเมริกา เจิ้งเอี๋ยน)
(ภาษาอังกฤษ: https://en.minghui.org/html/articles/2003/11/2/41918.html
©
Copyright 2011 Falun Dafa Association