สารบัญ

 

บรรยายธรรม ณ ที่ประชุมฝ่าฮุ่ยนานาชาติ อเมริกาฝั่งตะวันตก.. 1

บรรยายธรรม ณ ฝ่าฮุ่ยเมืองชิคาโก.. 41

บรรยายธรรม ณ ที่ประชุมฝ่าฮุ่ยแคนาดา ปี ค.ศ. 2006. 47

บรรยายธรรม ณ ที่ประชุมฝ่าฮุ่ย เมืองหลวงสหรัฐอเมริกา. 59


บรรยายธรรม ณ ที่ประชุมฝ่าฮุ่ยนานาชาติ อเมริกาฝั่งตะวันตก

หลี่ หงจื้อ

26  กุมภาพันธ์  ค.ศ. 2005

 

(เสียงปรบมือของที่ประชุมดังกึกก้องยาวนาน)  สวัสดีทุกท่าน  ทุกท่านลำบากกันแล้ว

ฤดูหนาวได้ผ่านไปแล้ว  ฤดูใบไม้ผลิได้มาถึงแล้ว  ประวัติศาสตร์ก็เหมือนกับ ฤดูใบไม้ผลิ  ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง      ฤดูหนาว  ที่มีการแปรเปลี่ยนเรื่อยไปในกระแสธารประวัติศาสตร์ของมนุษย์อันยาวนาน มีเรื่องราวต่างๆนานาเกิดขึ้นไม่หยุดหย่อน  เพื่อวางรากฐานและสร้างสรรค์วัฒนธรรมสุดท้ายที่จำเป็นแก่มนุษย์ ในประวัติศาสตร์  ก็เคยปรากฏผู้บำเพ็ญออกมามากมาย  มีรูปแบบวิธีการบำเพ็ญมากมาย  และรูปแบบวิธีการบำเพ็ญเหล่านี้ล้วน ไม่เหมือนกันเลย  โดยเฉพาะเมื่อมาถึง ช่วงสองพันปีก่อนและหลัง  ได้เกิดศาสนาของความเชื่อที่ถูกต้อง หลายศาสนา   แม้สิ่งที่เชื่อถือกันในศาสนาเหล่านี้ ล้วนเป็นเทพ   แต่วิธีการบำเพ็ญก็ไม่เหมือนกัน  กระทั่งผลักไส ไม่ยอมรับซึ่งกันและกัน   แน่ละ ในการผลักไสซึ่งกันและกันนั้น ย่อมมีจุดมุ่งหมายของพวกเขาอยู่  เช่นนี้จึงสามารถปกป้องวิธีการบำเพ็ญของพวกเขาให้มั่นคง ไม่เปลี่ยนแปลง   หรือกล่าวได้ว่า รูปแบบความเชื่อที่ถูกต้องต่อเทพนั้นไม่เหมือนกัน   ก่อนฝ่าปรับโลกมนุษย์ นั้น รูปแบบการบำเพ็ญใดๆ ต่างก็ไม่ใช่สิ่งที่กำหนดไว้โดยเฉพาะของจักรวาล  ที่จะต้องทำให้เป็นรูปแบบที่เป็นเอกภาพ อันคงที่แน่นอน  ซึ่งการเชื่อในเทพของชาวโลกจะต้องทำตามกันไปตามเส้นทางนี้เท่านั้น   นี่เป็นสิ่งที่ไม่เคยมีอยู่ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา   ทุกท่านได้มองเห็นแล้วว่า  รูปแบบการบำเพ็ญของศิษย์ต้าฝ่าในวันนี้นั้น  ไม่เหมือนกับของศาสนาอื่น  และรูปแบบการบำเพ็ญชนิดต่างๆในแต่ละยุคของประวัติศาสตร์   ไม่เพียงไม่เหมือนกัน   แต่มองดูแล้วยังต่างกันอย่างมาก   เพราะในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา   เหล่าเทพต่างมองเห็นปัญหาหนึ่ง  นั่นคือ  รู้สึกว่า การที่ผู้บำเพ็ญ  บำเพ็ญอยู่ในโลกียโลก ไม่ออกไปจากสังคมคนธรรมดาสามัญ นั้นจะบำเพ็ญไม่สำเร็จ   เพราะ สำหรับคนธรรมดาสามัญนั้น ผลประโยชน์ที่จับต้องได้  การรบกวนของจิตมนุษย์นานาชนิดต่อผู้บำเพ็ญ  ทำให้ผู้บำเพ็ญยกระดับขึ้นได้ยากมาก   ผู้ที่มาช่วยเหลือคนก็รู้สึกว่าความสามารถไม่อำนวยให้    ไม่มีใครกล้าที่จะเดินไปบนเส้นทางเช่นนี้      โดยเฉพาะคือการช่วยเหลือคนอย่างกว้างขวาง  พอเผชิญกับผู้บำเพ็ญมากมาย  พอผู้บำเพ็ญเข้าไปปะปนอยู่ในสังคมคนธรรมดาสามัญ   ก็จะรู้สึกว่าไม่มีทางที่จะดูแลได้  ไม่มีทางที่จะช่วยเหลือได้   ดังนั้น รูปแบบการบำเพ็ญ  รูปแบบการช่วยเหลือคน ชนิดต่างๆในอดีต จึงไม่กล้าแม้แต่จะคิดอย่างนี้   ก็ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงว่าผู้บำเพ็ญจะไปปฏิบัติจริงๆในโลกียโลก

เส้นทางนี้ที่ศิษย์ต้าฝ่าเดินไปในวันนี้ไม่เคยมีมาก่อนเลยในประวัติศาสตร์    ในสมองของชาวโลกจำนวนมากได้ก่อเกิดทัศนคติดั้งเดิมชนิดหนึ่งขึ้นมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นความเชื่อถือศรัทธาของศาสนาก็ดี หรือจะกล่าวในฐานะตัวผู้บำเพ็ญเองก็ดี  หากไม่ออกบวช ไม่ไปจากโลกียโลก ย่อมเป็นไปไม่ได้ ฉะนั้นกล่าวสำหรับรูปแบบการบำเพ็ญชนิดนี้ของศิษย์ต้าฝ่า   คือสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์   ไม่มีแบบอย่าง   ที่ผ่านมาข้าพเจ้าพูดมาโดยตลอดว่า ในการบำเพ็ญของศิษย์ต้าฝ่านั้น เป็นสิ่งที่ไม่มีแบบอย่าง ไม่เพียงแต่เส้นทางของการบำเพ็ญส่วนบุคคลของพวกท่าน  ที่ต้องเดินกันไปเอง แม้แต่รูปแบบการบำเพ็ญที่ข้าพเจ้าถ่ายทอดให้กับพวกท่านก็ล้วนเป็นสิ่งที่ไม่มีตัวอย่าง   เส้นทางนี้ทุกท่านต้องเดินกันออกมาเอง    เพราะอะไรละ ในท่ามกลางการบำเพ็ญที่ผ่านมา ทุกท่านอาจจะเคยรับรู้ได้แล้ว ในสภาพแวดล้อมที่ต่างกัน ข้าพเจ้าก็คือบรรยายฝ่าอย่างนี้ เนื่องจากภาระรับผิดชอบที่ประวัติ ศาสตร์มอบให้กับศิษย์ต้าฝ่านั้น หนักเหลือเกิน  ต้องเผชิญกับสรรพชีวิตมากเหลือเกิน  มีข้อกำหนดต่อศิษย์ต้าฝ่า สูงอย่างยิ่ง  และรากฐานของจิตหลักของสรรพชีวิตในโลกวันนี้ ก็ใหญ่มาก  ผู้คนรู้ไหมว่าพวกท่านเป็นศิษย์ต้าฝ่า เป็นศิษย์ต้าฝ่าในยุคเจิ้งฝ่า  ความรับผิดชอบของ“ศิษย์ต้าฝ่าในยุคเจิ้งฝ่า”จึงยิ่งใหญ่มาก ความนัยของชื่อเรียกนี้ ช่างยิ่งใหญ่เหลือเกิน ทำอย่างไรศิษย์ต้าฝ่า จึงจะสามารถบรรลุถึงธรรมานุภาพ ที่ยิ่งใหญ่เช่นนั้น   นี้จึงกำหนดรูปแบบการบำเพ็ญที่พิเศษของพวกท่าน ถ้าพวกท่านไม่เลือกรูปแบบการบำเพ็ญชนิดนี้ หรือเลือกรูปแบบการบำเพ็ญ ชนิดหนึ่งชนิดใดในอดีต ศิษย์ต้าฝ่าในยุคเจิ้งฝ่าล้วนจะไม่อาจบรรลุเป้าหมายของการบำเพ็ญได้   ไม่อาจทำให้ภารกิจอันยิ่งใหญ่ที่รับผิดชอบ สมบูรณ์ได้   ยิ่งไม่อาจบรรลุระดับ ชั้นที่ต้องการ และสำเร็จมรรคผลไม่ได้

ดังนั้นจึงปรากฏปัญหาหนึ่งออกมา  คือ คนๆหนึ่งจะก้าวออกมาจากโลกียโลก  บำเพ็ญออกมาจากในหมู่มนุษย์ นั้นเป็นสิ่งที่ยากอย่างยิ่ง  และประวัตศาสตร์ก็ไม่มีตัวอย่างใดๆเหลือเอาไว้ให้   ถ้าหากจะบำเพ็ญตามศาสนาเมื่อก่อน หรือ ศาสนาในปัจจุบัน ย่อมไม่ได้  คนรู้กันแล้วว่า พระสงฆ์บำเพ็ญกันอย่างไร นักพรตเต๋าบำเพ็ญอย่างไร  นักบวชของศาสนาคริสต์  ศาสนาโรมันคาทอลิก บำเพ็ญกันอย่างไร   ชาวโลกเชื่อถือเทพกันอย่างไร แน่ละการเชื่อถือเทพ กับ การบำเพ็ญของผู้บำเพ็ญเองนั้น ไม่เหมือนกัน เพราะการเชื่อถือเทพนั้นอย่างมากก็คือ เทพจะเอาใจใส่ดูแลคในระดับหนึ่ง  ให้โชคลาภแก่ท่าน  หรือ คนที่ดีเป็นพิเศษนั้นจะสามารถขึ้นไปเป็นสรรพชีวิตในโลกของเทพ  แต่ว่าพวกนั้นล้วนแต่ไม่มีมรรคผล การเชื่อถือแบบทั่วไปนั้นไม่นับว่าเป็นการบำเพ็ญ  ส่วนการบำเพ็ญนั้นต้องสำเร็จมรรคผล หรือพูดว่า  ผู้ที่มีมรรคผลนั้นเขาก็จะไม่ใช่สรรพชีวิตโดยทั่วไปของสวรรค์แล้ว เขาจะมีตำแหน่งของเทพ  และศิษย์ต้าฝ่านั้นกำหนดให้มีมรรคผลยิ่งใหญ่เพราะความรับผิดชอบสูง จึงผลักให้ผู้บำเพ็ญไปถึงตรงนั้นได้ ซึ่งจำเป็นต้องแบกรับภาระที่หนักเช่นนั้น     ดังนั้นระดับความยากลำบากที่ปรากฏออกมาจึงหนักหนามาก  นี่ข้าพเจ้าไม่ได้พูดถึงความยากลำบากชนิดนี้ที่อิทธิพลเก่ายัดเยียดให้ แต่เป็นระดับความยากลำบากของรูปแบบการบำเพ็ญในตัวมันเอง ในทางปฏิบัติพวกท่านเองก็เคยรู้สึกได้ถึงความทุกข์ยากกับความลำบากยากเข็ญที่ได้รับ ของการบำเพ็ญชนิดนี้  ก้าวออกมาจากความลำบากของคน  ในขั้นตอนของการบำเพ็ญ  พวกท่านล้วนตกอยู่ในท่ามกลางการซัดสาดของทัศนคติต่างๆ  ผลประโยชน์นานา  จิตมนุษย์นานาชนิด จากนั้นก็ตกลงไปในฉิง และวังวน ทำให้ขาดสติ ใจคนที่ไม่แจ่มชัด จึงยากจะตัดได้ ในสภาพที่เป็นจริงของ ครอบครัว สังคม  การงาน  การบำเพ็ญ และการประทุษร้ายจากภายนอกที่เสริมเข้ามา  ทำให้เกิด แรงกดดันและความยากลำบากด้านต่างๆของการประทุษร้ายครั้งนี้ต่อ  ศิษย์ต้าฝ่า   ที่จริงนี่คือส่วนที่พวกท่านสามารถรู้สึกได้   ยังมีส่วนที่ไม่อาจรู้สึกได้   ดูไปแล้วเรื่องที่พวกท่านทำนั้น ดูธรรมดามาก  ดูไปแล้วเรื่องที่พวกท่านทำนั้น เหมือนกันมากกับเรื่องการทนทุกข์  ที่คนธรรมดาสามัญก็ทำได้    แต่มันไม่เหมือนกันหรอก  เรื่องเดียวกันที่ศิษย์ต้าฝ่าทำ กับที่คนธรรมดาสามัญทำนั้นต่างกัน  ความรับผิดชอบ นั้นต่างกัน

ดูอย่างผิวเผินนั้น เงื่อนไขไม่ต่างกัน  ที่จริงไม่เหมือนกันเลย   เพราะเหตุใดละ   ข้าพเจ้าขอยกตัวอย่างหนึ่ง  ณ ที่ต่างๆบนโลก มีผู้นับถือศาสนาคริสต์มากมาย  พอถึงวันที่คล้ายวันที่พระเยซูทนทุกขเวทนา พวกเขาก็จะจัดกิจกรรมอย่างหนึ่งขึ้นมา   บางคนใช้ตะปูตอกตรึงตนเองไว้กับไม้กางเขน เป้าหมายของพวกเขาอาจเป็นว่า ต้องการให้เทพได้เห็น ว่าฉันก็รับความทุกข์ยากแบบเดียวกัน   ซึ่งย่อมไม่เหมือนกับการทนทุกขเวทนาของพระเยซูแม้แต่น้อย   ทำไมไม่เหมือนกันละ   เวลาที่พระเยซูถูกตรึงบนไม้กางเขนนั้น คนมองไม่เห็นว่า พระองค์กำลังไถ่บาปแทนคน   บาปกรรมใหญ่หลวงของชาวโลกมากมายล้วนกดลงบนตัวของพระองค์  มากมายเหลือเกิน  หนักหนาเหลือเกิน ระดับความเข้มข้นนั้นสูงมาก  นี่จึงก่อให้เกิดความเจ็บปวดทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสต่อพระองค์   ในขณะนั้นแม้พระองค์ไม่ต้องรับโทษทัณฑ์  ก็แทบจะยืนไม่ไหวแล้ว แบกรับไว้หนักหนาเหลือเกิน ทำให้พระองค์หายใจอย่างลำบากยากเย็น ความเจ็บปวดทุกข์ทรมานที่สะท้อนออกมา  จากแรงกดดัน ของบาปกรรมของสรรพชีวิตอย่างมหาศาลชนิดนั้น  การเสียดแทงอย่างน่ากลัวในความนึกคิด ก่อให้เกิดผลสะท้อนของการเข่นฆ่าทำร้ายต่อเซลล์แต่ละเซลล์ในร่างกาย  นั่นไม่ใช่สิ่งที่คนจะสามารถทนรับไหว นี่ไม่ใช่สิ่งที่ชาวโลกทั่วไป จะสามารถทนได้เลย ในสภาพของความเจ็บปวดทุกข์ทรมานชนิดนี้ ยังถูกตรึงอยู่บนไม้กางเขนอีก ลองคิดดูซิว่ามันเป็นรสชาดอย่างไรกัน   เรื่องอย่างเดียวกัน ไม่ใช่เหมือนกับที่คนธรรมดาสามัญคิดกัน ดูไปเหมือนกับเรื่องของคนธรรมดาสามัญมาก  ที่จริงสภาพการณ์ที่อยู่เบื้องหลังนั้นต่างกันโดยสิ้นเชิง  ต่างกันนับพันลี้

แม้อาจารย์ จะตัดทอนกรรมหนักและมากมายที่มีมาแต่เดิมของศิษย์ต้าฝ่าแล้ว แต่ความรับผิดชอบที่ศิษย์ต้าฝ่าแบกเอาไว้นั้นหนักหนามาก ในการบำเพ็ญของศิษย์ต้าฝ่า นอกจากการแบกรับความยากลำบาก ที่มาพร้อมกับกรรมที่แน่นอนจำนวนหนึ่งแล้ว โดยพื้นฐานแล้ว ล้วนแต่เป็นความทุกข์ยาก ที่สะท้อนออกมาจากการที่ต้องยกระดับซินซิ่ง    การประทุษร้ายครั้งนี้ คือสิ่งที่อิทธิพลเก่ายัดเยียดเพิ่มเข้ามาให้   ไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นในการเจิ้งฝ่า แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ ทุกท่านก็ได้ก้าวข้ามมาแล้ว    เส้นทางนี้ไม่ว่าจะยากลำบากอย่างไร  ทุกข์ยากอย่างไร  เมื่อเผชิญกับความลำบากเหล่านี้ ทุกท่านไม่ได้ถดถอย   ยังคงเดินต่อไปบนเส้นทางของเทพโดยตลอด   แน่ละบางคนก็เดินล้มคว่ำไป ทางซ้ายที  ทางขวาที  บางคนเดินได้ค่อนข้างดี  ค่อนข้างแน่วแน่มั่นคง ไม่ว่าจะอย่างไร  สภาพการณ์โดยรวมของการบำเพ็ญของศิษย์ต้าฝ่า กับสภาพการณ์ยืนยันความถูกต้องของฝ่าของศิษย์ต้าฝ่า นั้นมั่นคงและสุขุม   ในสายตาของเทพนั้น สภาพการณ์บำเพ็ญของศิษย์ต้าฝ่า ไม่อาจจะขวางกั้นได้   หรือกล่าวว่า ไม่ว่าเส้นทางนี้จะเดินได้อย่างลำบากเพียงไร แม้ในประวัติศาสตร์ ไม่เคยมีรูปแบบการบำเพ็ญเช่นนี้  ศิษย์ต้าฝ่าก็ทะลวงข้ามมาได้แล้ว  ดูไปแล้วในการยืนยันความถูกต้องของฝ่าของพวกท่านนั้น มีหลายๆอย่างคล้ายกันกับรูปแบบของคนธรรมดาสามัญมาก เหมือนกันมาก  แต่องค์ประกอบที่อยู่เบื้องหลัง   จุดหมายปลายทางของเรื่องที่ทำ ความรับผิดชอบที่แบกรับอยู่ เป้าหมายที่จะบรรลุนั้น  ไม่เหมือนกับของคนธรรมดาสามัญอย่างสิ้นเชิง

ในขณะนี้ เนื่องมาจากองค์ประกอบของอิทธิพลเก่ากับองค์ประกอบของจักรวาลเก่า ที่ก่อให้เกิดฉากกั้นและการรบกวนในสังคมมนุษย์ เทพจึงไม่อาจปรากฏออกมาที่นี่อย่างเปิดเผย ไม่อาจให้สรรพชีวิตมองเห็นปรากฏการณ์ของมารที่มารบกวน กับพวกที่ถูกตีตกสลายไป  สภาพที่ต่างกันโดยสิ้นเชิงระหว่างผู้บำเพ็ญ กับคนธรรมดาสามัญก็ถูกฉากกั้น ขวางกั้นไว้โดยตลอด   ก่อนที่ฝ่าปรับโลกมนุษย์จะมาถึง  พวกชั่วร้ายก็จะทำเรื่องชั่วร้ายเรื่อยไป การเจิ้งฝ่าที่ทำกันที่นี่ ก็ไม่ใช่เพื่อทำให้ศิษย์ต้าฝ่า กับการเจิ้งฝ่าเองตกอยู่ในวังวนจริงๆ การสร้างสภาพแวดล้อมของตรีภูมิขึ้นมา ก็เพื่อใช้ในการเจิ้งฝ่า   จุดประสงค์คือทำให้ที่นี่เป็นสถานที่ของการเจิ้งฝ่า ไม่รบกวนต่อโลกของเทพ ดังนั้นจึงได้อาศัยสภาพแวดล้อมชนิดนี้ อาศัยรูปแบบชนิดนี้ของคนมาใช้ในการยืนยันความถูกต้องของฝ่า    แต่ไม่ถือว่า เป็นการเห็นด้วยกับการรบกวนการเจิ้งฝ่า ของอิทธิพลเก่า ทว่าเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปตามข้อกำหนดของต้าฝ่า   ในการช่วยเหลือสรรพชีวิต  ไม่ถือว่าเป็นการเห็นพ้องกับการจัดวางชุดนั้นของพวกมัน   สังคมมนุษย์ล้วนอยู่ในวังวน  ผู้คนมองไม่เห็นภาพที่แท้จริงของจักรวาล  มองไม่เห็นสภาพที่แท้จริงของชีวิต นี่คือสภาพการณ์ของชีวิตในระดับชั้นนี้    แต่สถานการณ์ในระหว่างการเจิ้งฝ่านั้น เป็นไปตามการควบคุมของต้าฝ่า   คือสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปตามข้อกำหนดของต้าฝ่าในการช่วยเหลือสรรพชีวิต  ที่จริงในเวลานี้เป็นสิ่งจำเป็นในการทำเรื่องของเทพของศิษย์ต้าฝ่า เพราะการบำเพ็ญส่วนบุคคลของศิษย์ต้าฝ่าไม่ใช่เรื่องอันดับหนึ่ง   การช่วยเหลือสรรพชีวิตในระหว่างการเจิ้งฝ่า   ก่อตั้งนภาใหญ่จึงจะเป็นเป้าหมาย   เรื่องของการเจิ้งฝ่า  การช่วยเหลือสรรพชีวิตนั้นคือสิ่งจะต้องทำ ดังนั้นจึงต้องทำลายอุปสรรคของสภาพแวดล้อมชนิดนี้   ยืนยันความถูกต้องของฝ่า  ในสภาพอย่างนี้ที่ไม่อาจมองเห็นการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงของตนเองในระหว่างการบำเพ็ญ อย่างที่เทพเห็นทั้งหมด แต่ในท่ามกลางการรบกวน กับ ในความทุกข์ยากระหว่างการข้ามด่านที่ต้องตัดจิตยึดติดทิ้งไปนั้น  กลับอาศัยเจิ้งเนี่ยน  ที่เกิดจากการศึกษาต้าฝ่าอย่างต่อเนื่อง ก้าวหน้าเรื่อยไป ยากเหลือเกินที่จะสามารถข้ามมาได้ แต่ศิษย์ต้าฝ่าโดยรวมได้ข้ามมาได้แล้ว   โดยเฉพาะในช่วงหลายปีของการประทุษร้ายต่อศิษย์ต้าฝ่าที่อิทธิพลเก่าจัดวางเอาไว้ ยังสามารถก้าวข้ามมาได้นั้น ยอดเยี่ยมมาก ศิษย์ต้าฝ่าโดยรวมได้ก้าวข้ามมาได้แล้วอย่างแท้จริง    ไม่ว่าในระหว่างนี้ได้เกิดเรื่องอะไรกับพวกท่าน  ไหนเลยจะกลัวว่าได้เกิดเรื่องที่ไม่สมควรขึ้นหลายอย่าง   เกิดเรื่องหลายอย่างที่ทำให้ทุกท่านไม่พอใจ   แต่โดยสรุปแล้วนับว่าดีมาก  กำลังก้าวรุดหน้าไปโดยรวม

หนทางนั้น ยังเดินไปไม่ถึงที่สุด   การประทุษร้ายครั้งนี้ยังไม่จบสิ้น  ดังนั้นหนทางของพวกท่าน ยังจะต้องมุ่งหน้าเดินต่อไป   ทางที่เหลืออยู่นั้น ข้าพเจ้าคิดว่า ทุกท่านก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไรได้ดีแล้ว   ในเวลานี้พวกเหล่านั้นที่ทำร้ายศิษย์ต้าฝ่า กับพวกชั่วร้ายมากมายที่ รบกวนการเจิ้งฝ่า ล้วนไม่มีใครที่ไม่รู้สึกสำนึกเสียใจ ว่า ตอนแรกทำไมต้องประทุษร้ายฝ่าหลุนกงด้วยละ    ถ้าไม่ประทุษร้ายฝ่าหลุนกง ไหนเลยจะลงเอยแบบนี้ หรือพูดได้ว่า อนาคตกับทางที่ทอดอยู่ข้างหน้าของศิษย์ต้าฝ่านั้น สว่างรุ่งโรจน์ ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ  จุดนี้ทุกท่านก็มองเห็นได้เองแล้ว การเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ การเจิ้งฝ่าทั้งหมดของจักรวาลนั้นรวดเร็วมาก  เพราะการเจิ้งฝ่า รุดหน้าไปโดยอยู่เหนือกาลเวลาทั้งหมด ใกล้เข้ามาสู่มิติที่จับต้องได้นี้มากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ใกล้เข้ามาสู่ขอบเขตที่ตามนุษย์สามารถมองเห็นได้ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ มุ่งเข้ามาใกล้ชั้นผิวยิ่งขึ้น จากระดับจุลทรรศน์ ขอบเขตทั้งหมดที่เหลืออยู่ก็เล็กมากแล้ว แน่ละ ขอบเขตที่เหลืออยู่ของมิติชั้นผิวของมนุษย์นั้นเล็กลงแล้ว แต่ทุกท่านทราบว่า องค์ประกอบสุดท้ายนั้นยิ่งสูงมาก พื้นที่องค์ประกอบของฉากกั้นยิ่งกว้างใหญ่  ดังนั้นในขณะนี้ หลังจากวิญญาณชั้นต่ำของพวกปีศาจร้ายลดน้อยลง จุดอ่อนของพวกชั่วร้ายกลับถูกองค์ประกอบของฉากกั้นชดเชยให้แล้ว แม้ว่ากำลังเพิ่มพูนระดับความเร็วของการรุดหน้าไป  แต่ว่ายังคงมีแรงต้านทานอยู่   ไม่ว่าจะอย่างไร   ในขณะนี้เหมือนกับ ฝ่ายดีกับฝ่ายชั่วกำลังยืนอยู่บนปลายทั้งสองของคานชั่ง พวกชั่วร้ายนั้นได้เสียสมดุลไปจนหมดแล้ว  น้ำหนักเปรียบเทียบทางฝั่งนี้ของศิษย์ต้าฝ่า  ได้กดด้านนี้ลงไปจนสุดแล้ว หรือกล่าวได้ว่าการเจิ้งฝ่า กับ การบำเพ็ญของศิษย์ต้าฝ่า ล้วนต้องสำเร็จ เป็นจริงอย่างแท้จริง เรื่องสุดท้ายยังทำไม่จบ  กล่าวสำหรับผู้บำเพ็ญ  แต่ละก้าวอาจจะเป็นจุดเป็นจุดตายของการหยวนหมั่นได้หรือไม่ ของศิษย์ต้าฝ่าแต่ละคน  ข้าพเจ้าคิดว่าไม่ว่าจะไปถึงระดับไหนในท้ายที่สุด จะมีการรบกวนมากแค่ไหน หรือในการเจิ้งฝ่าจะทำให้พวกท่านเองเข้าใจได้ทั้งหมดแล้ว   ก็ต้องบำเพ็ญอย่างสง่างาม  อย่าได้ถูกทั้งเรื่องบวก และเรื่องลบ รบกวน อย่างไรเสียอย่าได้ถูกความเปลี่ยนแปลงที่สถานการณ์ ชักนำมา หรือ การเกิดสถานการณ์อะไรขึ้นมา รบกวนได้

ที่จริงมาถึงวันนี้แล้ว ทุกท่านต่างก็สุขุมรอบคอบมากแล้ว มีเรื่องมากมายที่ทุกท่านสามารถปฏิบัติต่อมันโดยใช้เจิ้งเนี่ยน ใคร่ครวญด้วยความสุขุมรอบคอบภายใต้บทบาทของเจิ้งเนี่ยน จึงมีพลังในการทำให้สถานการณ์การยืนยันความถูกต้องของฝ่าของศิษย์ต้าฝ่าโดยรวมมีความมั่นคง เพราะทุกท่านสุกงอมกันแล้ว  เข้าใจเรื่องต่างๆมากมายได้แล้ว  เช่นนี้จึงทำให้คลื่นลมของการรบกวนใดๆไม่สามารถเกิดขึ้นได้ เช่นนี้ จึงไม่มีช่องว่างให้องค์ประกอบของสิ่งชั่วร้ายเจาะเข้ามาได้   พอมีจิตอะไรของมนุษย์ที่สะท้อนออกมาในหมู่ศิษย์ต้าฝ่า  นั่นคือที่ๆสิ่งชั่วร้ายจะเจาะเข้ามาได้   สิ่งชั่วร้ายจึงอาศัยเรื่องพวกนี้ ทำเรื่องชั่วที่พวกมันต้องการทำ  เมื่อศิษย์ต้าฝ่ามีจิตมนุษย์น้อยลงแล้ว  เจิ้งเนี่ยนเข้มแข็งแล้ว  ล้วนจะสุขุมรอบคอบมาก   ล้วนจะแน่วแน่มั่นคงมาก   ฉะนั้นสิ่งชั่วร้ายก็ไม่มีโอกาสจะใช้ประโยชน์ได้   จึงทำให้สถานการณ์การยืนยันความถูกต้องของฝ่าของศิษย์ต้าฝ่าเพิ่มความมั่นคงยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในช่วงไม่นานมานี้ เรื่องว้าวุ่นอะไรภายในหมู่ศิษย์ต้าฝ่าก็เกิดขึ้นน้อยมากแล้ว  ข้าพเจ้าไม่เพียงพูดถึงแต่เฉพาะนอกประเทศจีน   ศิษย์ต้าฝ่าในประเทศจีนก็เป็นอย่างนี้ด้วย  มีความมั่นคงยิ่งขึ้นเรื่อยๆ

แน่ละ  เป็นการบำเพ็ญใช่ไหม   ย่อมจะต้องมีจิตยึดติดของมนุษย์บางอย่าง สะท้อนออกมาอย่างแน่นอน   เพราะเป็นคนที่บำเพ็ญ ไม่ใช่เทพที่บำเพ็ญ   ในเมื่อเป็น คน ที่บำเพ็ญอยู่  จึงมีจิตมนุษย์แสดงออกมาในระหว่างการบำเพ็ญ ดังนั้นจึงพบเห็นปรากฏการณ์ของความไม่ก้าวหน้าจำนวนหนึ่ง โดยเฉพาะคือมีผู้ฝึกบางคนที่หุนหันพลันแล่นได้ง่าย และมีผู้ฝึกบางคนที่เจิ้งเนี่ยนค่อนข้างบกพร่อง  จึงถูกสิ่งชั่วร้ายอาศัยใช้ทำเรื่องไม่ดี ได้ผ่านบทเรียนเหล่านี้แล้ว ต่อไปทุกท่านต้องระวังในระหว่างการยืนยันความถูกต้องของฝ่า อย่าถูกองค์ประกอบของสิ่งชั่วร้ายใช้ประโยชน์อีก โดยเฉพาะพวกผู้ฝึกที่ไม่ศึกษาฝ่า   เจิ้งเนี่ยนไม่เข้มแข็ง และมีความคิดของคนมากเกินไป   ทำเรื่องที่ไม่ดีอยู่เสมอ   ข้าพเจ้าขอบอกพวกท่าน  โอกาสที่อยู่ข้างหน้าท่าน ลดน้อยลงเรื่อยๆแล้ว    ข้าพเจ้าทราบว่า แม้พวกท่านได้ทำเรื่องที่น่าละอายต่อต้าฝ่ามากมาย  ท่านก็ยังไม่คิดจะจากต้าฝ่าไปจริงๆ  แต่เมื่อถึงเวลาที่ทุกสิ่งจบสิ้นลง  ในเวลาที่ศิษย์ต้าฝ่าหยวนหมั่นกันหมด  ท่านจะทำอย่างไรกัน   และก่อนหน้าเวลานี้ ยังจะเกิดการกวาดล้างมนุษย์ครั้งใหญ่    ต่อหน้าการกวาดล้างใหญ่ครั้งนี้  ท่านจะทำอย่างไรกัน   อะไรๆอาจารย์ก็รู้หมด   และข้าพเจ้าก็จะไม่พูดอะไรทั้งนั้น   ในระหว่างความถูก-ผิด พวกท่านพยายามแสดงตัวตนของพวกท่านเองออกมา  ท่านจะทำตัวให้สมกับเป็นศิษย์ต้าฝ่าคนหนึ่ง หรือว่าท่านจะยึดติดกับด้านของคน   ในหมู่คนธรรมดาสามัญท่านอาจมีชีวิตอยู่เพื่อแสวงหาเป้าหมายต่างๆของคน และอาจซ่อนอยู่ในมุมมืดเพราะจิตหวาดกลัว   แต่ในเมื่อเดินเข้ามาสู่ต้าฝ่าแล้ว  ข้าพเจ้าก็หวังว่าท่านจะมีโอกาสได้รับการช่วยเหลือ    ดังนั้นข้าพเจ้าจึงให้โอกาสท่าน ตลอดมา   ให้โอกาส   ข้าพเจ้าสามารถให้โอกาสท่านเรื่อยไป   แต่ท่านจะสามารถเป็นศิษย์ต้าฝ่า  ท่านจะรับโอกาสนี้หรือไม่  ท่านจะสามารถมีสติขึ้นมา ดำเนินชีวิตเพื่อตัวของตัวเอง หรือไม่  จนถึงวันนี้แล้ว  ก็ไม่มีโอกาสที่จะต่อออกไปได้อีก    ก็คือท่านต้องเริ่มต้นชดเชยให้กับทุกสิ่ง  ไล่กวดขึ้นมา และมีเพียงโอกาสที่น้อยมากแล้ว  พอผ่านไปอีกระยะหนึ่ง  ข้าพเจ้าว่าแม้แต่โอกาสอันน้อยนิดนี้ก็จะหมดสิ้นไปแล้ว

ในขณะนี้เรื่องต่างๆที่ศิษย์ต้าฝ่าทำขึ้นมาในระหว่างการคัดค้านการประทุษร้ายนั้น  ทำให้ชาวโลกหวั่นไหวอย่างมาก  ผู้คนมองเห็นกันหมดแล้วถึงความแข็งแกร่งทรหดของศิษย์ต้าฝ่า  ในขณะถูกปราบปรามอย่างบ้าคลั่ง  คนมากมายล้วนพูดกันว่า  ผู้ฝึกฝ่าหลุนกง ยอดเยี่ยมมาก แข็งแกร่งอะไรเช่นนั้น ต้านทานความชั่วร้ายอย่างนั้นเอาไว้ได้ พรรคมารที่ชั่วร้ายที่สุดซึ่งควบคุมรัฐบาลทำการปราบปรามอย่างสุดกำลัง สร้างเรื่องเท็จหลอกลวงมวลชน  แบบมืดฟ้ามัวดิน ด้วยเครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อทั้งหมดของประเทศ แทบจะทำให้ประชาชนทั้งหมดเข้าร่วมกับการประทุษร้าย  ในท่ามกลางการปราบปรามที่ชั่วร้ายที่สุดครั้งนี้ และความน่ากลัวแบบการปฏิวัติที่โหดเหี้ยมอำมหิตอย่างนั้น เหล่าศิษย์ต้าฝ่าสามารถต้านทานเอาไว้ และก้าวผ่านมาได้   นี่คือสิ่งที่ชาวโลกวันนี้ต่างมองด้วยสายตาที่ทึ่งแล้ว  ที่จริงชาวโลกเห็นเพียงด้านที่คงอยู่ทางภววิสัยเท่านั้น  พวกเขาไม่อาจเข้าใจ เนื้อแท้ของศิษย์ต้าฝ่ากับความนัยของต้าฝ่า   ไม่อาจเข้าใจสภาพการณ์ในฐานะผู้บำเพ็ญของศิษย์ต้าฝ่า   แต่ภววิสัยที่ปรากฏออกมานี้ก็เพียงพอที่จะทำให้คนเหล่านั้นที่เป็นพวกเดียวกับสิ่งชั่วร้าย   คนที่มีสติสัมปชัญญะไม่แจ่มชัด ได้สติขึ้นมาแล้ว เหตุใดศิษย์ต้าฝ่าสามารถทำได้ยอดเยี่ยมเช่นนี้   เหตุใดเจิ้งเนี่ยนจึงแน่วแน่อย่างนี้ได้ ในท่ามกลางการประทุษร้ายครั้งนี้  เหตุใดจึงสามารถทำให้พวกชั่วร้าย ในขณะที่ประทุษร้ายศิษย์ต้าฝ่า พังทลายไปได้  เพราะนี่คือชีวิตของเทพที่ถูกต้อง แห่งหลักธรรมที่ถูกต้องซึ่งต้าฝ่าสร้างขึ้นมา   มีรากฐานที่แข็งแกร่งแน่นหนา  คือศิษย์ของต้าฝ่า ที่แบกภารกิจเดินอยู่บนหนทางของเทพ  อันที่จริงนี่กำลังอยู่ในช่วงก่อนที่พลังยิ่งใหญ่ของการเจิ้งฝ่าจะมาถึง ก็ได้ทำให้สถานการณ์ในโลกนี้เปลี่ยนแปลงได้แล้ว  และทุกสิ่งที่แสดงออกมาของ เจิ้งเนี่ยนเจิ้งสิง (ความคิดและการกระทำที่ถูกต้อง)  และวางสนามของต้าฝ่าลงในมิติภววิสัยนี้แล้ว สนามนี้สามารถก่อบทบาททางบวกได้แล้ว เพราะทุกท่านยังคงอยู่ในระหว่างขั้นตอนการบำเพ็ญ  หากเปลี่ยนเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง  การปรากฏของสนามนี้ก็จะแสดงบทบาทนำเป็นหลักได้แล้ว ถ้าหากไม่ใช่เพราะพวกท่านกำลังอยู่บนเส้นทางการบำเพ็ญ ยังมีทางที่ยังเดินไปไม่จบ ดังนั้นสนามที่ถูกต้องนี้ของต้าฝ่า ก็จะสามารถทำให้องค์ประกอบใดๆของสิ่งชั่วร้ายกับ องค์ประกอบที่ไม่ถูกต้องในอดีตทั้งหมด สลายตัวไปได้  หรือ ขจัดทิ้ง หรือ พ้นจากตำแหน่ง ทุกท่านมองเห็นกันแล้ว ว่าสิ่งชั่วร้ายกำลังประทุษร้ายฝ่าหลุนกง เริ่มแรกนั้นมีความรุนแรง  ชั่วร้ายเพียงไร เดี๋ยวนี้ทำไมมันจึงแสดงออกมาไม่เหมือนกันแล้วละเพราะสิ่งชั่วร้ายเหล่านั้น กับ องค์ประกอบที่ควบคุมคนชั่วอยู่  และสนามที่พวกมันเคยสร้างเอาไว้ถูกดับสลายไปแล้ว  และองค์ประกอบอันมหึมาที่ ต้าฝ่าปรับให้ถูกต้องแล้ว ได้ควบคุมและดับสลายสิ่งชั่วร้ายเหล่านั้นแล้ว คนชั่วได้กลายเป็น บ่าวที่ไร้นายไปแล้ว

หรือกล่าวได้ว่า ในท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงอย่างมโหฬารนี้ ยังมีบางคนที่ไม่ได้สติสัมปชัญญะ  ก็สมควรได้สติแล้ว  ต้องเข้าใจว่าตนเองกำลังทำอะไรอยู่ หลักการ  ที่ข้าพเจ้าหลี่ หงจื้อ บรรยายออกมานั้น  เป็นหลักการที่ นับแสน นับล้านๆปี  ไม่ว่าใครเป็นผู้มาช่วยเหลือคน  ไม่ว่าจะมีผู้รู้แจ้งสักเท่าไรลงมาสู่โลก  ไม่ว่าจะมีเทพเซียนสักเท่าไรที่รับรู้อย่างแจ่มแจ้งในหลักการที่ถูกต้อง  ต่างก็ไม่เคยพูดกันออกมาก่อน (เสียงปรบมือ) นี่ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาสามัญจะสามารถทำได้   บรรดา การบำเพ็ญของศิษย์ต้าฝ่า และขั้นตอนการบำเพ็ญที่ปรากฏออกมา แสดงออกมา  และสิ่งที่ตนเองสามารถประจักษ์แจ้งได้นั้น  นี่ล้วนไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาสามัญจะสามารถรับรู้ได้ และก็ไม่ใช่สิ่งที่สภาพการณ์ในการบำเพ็ญในอดีตจะมาเปรียบเทียบได้ โดยเฉพาะคือการช่วยเหลือคนอย่างกว้างขวางเช่นนี้ กับรูปแบบที่ไม่รวมศูนย์อย่างนี้ของการบำเพ็ญ และในสภาพการณ์ของการดูแลจัดการอย่างหลวมๆ นั้นสภาพการณ์ ในการบำเพ็ญของคน  ที่ปรากฏออกมา นี่ ล้วนเป็นสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อน   เป็นประวัติการณ์    ก็คือว่าไม่ว่าจะมองจากด้านไหน ก็ควรที่จะทำให้ท่านสงบอกสงบใจ  ใคร่ครวญด้วยตัวเองอย่างแท้จริง  รับรู้อย่างมีสติสักหน่อย เกี่ยวกับสถานการณ์ของการถ่ายทอดต้าฝ่านี้

นับจาก 20 กรกฎาคม ค.ศ.1999 เป็นต้นมา จนถึงวันนี้  สถานการณ์กำลังเปลี่ยนแปลงเรื่อยไป  ทุกท่านมองเห็นแล้ว  การเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์การเจิ้งฝ่าในจักรวาลของต้าฝ่านั้นเร็วยิ่งขึ้นเรื่อยๆ และยิ่งปรากฏออกมาถึงภววิสัยของคนนี้ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ แต่ว่า ตลอดมานั้นมีผู้ฝึกบางคน  แน่ละที่ข้าพเจ้าพูดก็รวมถึงผู้ฝึกในจีนแผ่นดินใหญ่ด้วย  ก็คือว่า  ปากกำลังพูดว่า “พวกเราจะต้องตามให้ทันการพัฒนาของการเจิ้งฝ่า  อาจารย์บอกอย่างไร  พวกเราก็ทำอย่างนั้น”  ที่จริงเวลาที่จำเป็นต้องทำอะไรนั้น  ข้าพเจ้าไม่แน่ว่าจะพูดชัดๆว่า  นี่เป็นสถานการณ์ใหม่  ทุกท่านต่างทราบว่า  ในระหว่างการยืนยัน ความถูกต้องของฝ่านั้นมีการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์หนึ่งจริงๆนี่เป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นแน่ ตอนที่อาจารย์กำลังเจิ้งฝ่า กับ ก่อนที่ยังไม่ได้เจิ้งฝ่า นั้นย่อมไม่เหมือนกัน เรื่องราวใดๆ จะทำหรือไม่ทำ  กระทั่งว่ากำลังอยู่ในขั้นตอนการทำ  ล้วนจะค่อยๆเกิดการเปลี่ยนแปลง  เรื่องที่กินขอบเขตกว้างขวาง  ก็จะมีการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์อย่างหนึ่ง

หรือกล่าวได้ว่า ทุกท่านต่างพูดถึงการตามให้ทันช่วงวิถีของการเจิ้งฝ่า  แต่หลังจาก “จิ่วผิง(เก้าบทวิจารณ์)”ออกมาแล้ว  ผู้ฝึกมากมายยังคงไม่เข้าใจ  ต่อมา ข้าพเจ้าได้เขียนบทความสั้นๆสองหน้า คือ หมุนหลุนสู่โลกมนุษย์ ในเวลานี้ดูเหมือนทุกท่านจะเข้าใจได้ในทันที  อ้อ อาจารย์ทำอย่างนี้แล้ว   ฉะนั้นพวกเราก็ควรทำอย่างนี้ด้วย   ที่จริงเวลาที่ศิษย์ต้าฝ่าไม่ใช้จิตมนุษย์  ไตร่ตรองด้วยใจที่สงบย่อมเข้าใจได้ในทันที   ทุกท่านสามารถหยวนหมั่นโดยนำพาการรับรู้ ต่อความเชื่อถือในคอมมิวนิสต์จีน กับ (ความคิดที่ว่า) “คอมมิวนิสต์จีนที่ปราบปรามศิษย์ต้าฝ่านั้นดี” ไปด้วยได้หรือไม่   ไม่ได้อย่างเด็ดขาดใช่ไหม    โดยเฉพาะ “จิ่วผิง” ศิษย์ต้าฝ่าเราล้วนอ่านกันแล้ว  ในเมื่อมันเป็นสิ่งของประเภทนี้  มีชาวโลกตั้งเท่าไรถูกมันหลอกให้งงงัน ไม่เชื่อถือเทพ มีคนตั้งเท่าไรทำบาปต่อต้าฝ่าไปด้วย ในขณะที่มันประทุษร้ายศิษย์ต้าฝ่า จะไม่ช่วยเหลือคนส่วนนี้ได้หรือ จะคล้อยตามมันได้หรือ   ดังนั้นข้าพเจ้าเห็นว่าผู้ฝึกบางคนยังใช้จิตมนุษย์ขัดขวางตัวเอง ยังมีเจิ้งเนี่ยนไม่พอ  เข้าใจว่านี่คือการยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ด้วยเหตุนี้ข้าพเจ้าจึงเขียนบทความสั้นๆสองหน้านั้น   แม้จะเป็นเช่นนี้   ข้าพเจ้าทราบว่าในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ ยังมีผู้ฝึกกลุ่มหนึ่ง ใจคน(ของเขา)กำลังก่อเหตุอยู่   ไม่คิดจะเข้าใจ  ที่จริงยังไม่ใช่เกิดจากจิตหวาดกลัว กับ จิตยึดติดต่อผลประโยชน์ที่วางไม่ลง นั่นคือ   ในระหว่างให้การช่วยเหลือ ก็ได้เปิดประตูที่ใหญ่ที่สะดวกที่สุดให้แล้ว   ไม่ใช่พูดไปแล้วหรือว่า จะใช้ชื่อสมมติในการประกาศ(ลาออกจากพรรคฯ)ก็ได้มิใช่หรือ จะใช้ชื่ออะไรก็ได้ทั้งนั้น  สิ่งที่เทพดูนั้น คือใจคน  คนนั้นมีความคิดอะไรออกมา  ทำเรื่องอะไร  เทพสามารถมองเห็นได้   ที่มีมูลเหตุทางภววิสัย(เหตุแวดล้อมจำกัด) จะใช้ชื่ออะไรก็ได้ทั้งนั้น   เดิมทีชื่อบนโลกของคนนั้น บนสวรรค์ เขาไม่เรียกกัน คนบนโลกตั้งชื่อให้คน  เทพก็จะเรียกตามด้วยหรือ ไม่ได้ และชื่อซ้ำกันก็มีมากมาย  คนบนโลกนั้นมีเลขประจำตัว  พวกเขาเรียกเลขประจำตัว (ที่ประชุมหัวเราะ)

เรื่องเหล่านี้ ไม่ใช่จะบอกว่าผู้ฝึกบางคนตามสถานการณ์ไม่ทัน และก็ไม่ใช่ความคิดเชื่องช้า แต่คือจิตสำนึกของคนบางคนถูกองค์ประกอบของพรรคมารรบกวนอยู่   คือมีองค์ประกอบของพรรคมารกำลังก่อผลอยู่  ถูกวัฒนธรรมพรรคที่สิ่งชั่วร้ายสร้างขึ้นมา ทำให้หลักเหตุผลที่กระจ่างชัดของเขาไขว้เขว  วัฒนธรรมที่บิดเบือนชนิดนี้เริ่มตั้งแต่ชั้นประถม มัธยม  เป็นปีๆ จนกระทั่งตั้งแต่เมื่อท่านเริ่มจำความได้ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นโดยมีเป้าหมายที่จะกรอกเข้าไปตลอดทางที่ก้าวผ่านมา  หรือพูดว่า ปัจจุบันคนที่อยู่ในจีนแผ่นดินใหญ่ทั้งหมดล้วนใช้ความคิดของวัฒนธรรมพรรคมารกัน แน่ละในระหว่างการเจิ้งฝ่า ถ้าหากพรรคมารไม่ประทุษร้ายฝ่าหลุนกง  เช่นนั้นก็จะไม่มีปัญหาอะไรแล้ว   เพราะหลักเหตุผลและวัฒนธรรมที่คลุมเครือ(ไม่กระจ่างชัด)มากมายล้วนจะฟื้นคืนสู่ความถูกต้องไปเอง ในระหว่างการเจิ้งฝ่า    ด้านนี้ก็ไม่จำเป็นต้องให้ผู้บำเพ็ญไปทำอะไร   ในฐานะที่เป็นวิญญาณชั่วของพรรคนั้นก็จะถูกปรับให้ถูกต้อง และได้รับการช่วยเหลือ   ฉะนั้นพอมันประทุษร้ายฝ่าหลุนกง  ในการยืนยันความถูกต้องของฝ่าของศิษย์ต้าฝ่า กับการเจิ้งฝ่า มันจึงกลายเป็นวิญญาณที่ชั่วร้ายที่สุด  ดังนั้นศิษย์ต้าฝ่าต้องรับรู้มันอย่างกระจ่างแจ้ง  ชาวโลกที่ถูกมันอ้างเป็นตัวแทนก็จะต้องแสดงท่าทีที่ชัดเจนออกมา  ว่าจะเดินไปกับมารร้ายนี้หรือจะเลือกทางที่สว่างไสวและมีชีวิตนิรันดร ต่อเรื่องนี้จะต้องรับรู้ได้อย่างมีสติแจ่มชัดแล้ว  เทพนั้นจะกวาดล้างมันจากหมู่มนุษย์  และในหลายปีมานี้มันกำลังประทุษร้ายศิษย์ต้าฝ่าอย่างชั่วร้ายอย่างยิ่งจริงๆ  รบกวนการเจิ้งฝ่า  เช่นนั้นเหตุใดชาวโลกต้องแสดงท่าทีละ  เพราะคนเคยพูดไว้ว่าจะเดินไปพร้อมกับมัน  ในเวลาที่คนประกาศปฏิญาณเข้าสู่พรรค องค์กร  สันนิบาต  ล้วนแต่ชูกำปั้นขึ้นปฏิญาณว่าจะต่อสู้เพื่อลัทธิมารร้ายคอมมิวนิสต์ชั่วชีวิต  อุทิศชีวิตเพื่อพรรคมาร  วิญญาณพรรคมารก็จะยึดกุมจุดนี้ประทุษร้ายคนจนตาย  วิญญาณชั่วพูดว่าเขาได้ให้คำมั่นไว้แต่แรก  เขาพูดว่าเขาได้มอบชีวิตของเขาให้มันแล้ว   มันจึงอาศัยจุดนี้มาประทุษร้ายคน  และองค์ประกอบของพรรคมารก็จะดำรงอยู่ในร่างกายของเขา  ในขณะที่ความคิดของเขาไม่รับรู้อย่างแจ่มชัด  ดังนั้นจะไม่รับรู้มันอย่างแจ่มชัดจะได้ไหม  จึงต้องขจัดมันไปหลังจากรับรู้แจ่มชัดได้แล้ว

แน่ละ  ที่ผ่านมาข้าพเจ้าไม่ได้ยกปัญหาของพรรคมารนี้ขึ้นมาพูดอย่างชัดแจ้ง เพราะว่าเวลานั้นกำลังให้โอกาสสรรพชีวิตอยู่โดยตลอด รวมถึงวิญญาณชั่วของพรรคมารนี้ ยังมีอีกเหตุผลหนึ่งคือ ในเวลาที่องค์ประกอบของสิ่งชั่วร้ายมากมายที่มาจากภายนอก เข้าร่วมการรบกวน เจิ้งฝ่า  ประทุษร้ายศิษย์ต้าฝ่า   เมื่อเผชิญกับชีวิตชั่วร้ายนานาชนิดจำนวนมหาศาล ที่กดเข้ามาในตรีภูมินั้น   วิธีที่ดีที่สุด คือรวมศูนย์พลังงานไปกำจัดสิ่งเหล่านี้   กวาดล้างให้หมดไป  ก็ต้องจับออกมาให้ได้ว่าใครที่เป็นผู้ชักนำมารร้ายเหล่านี้เข้ามา ใครที่อยู่ในโลกปลุกระดมการประทุษร้ายฝ่าหลุนกง  และมีบทบาทชี้นำมาโดยตลอด นั่นก็คือพรรคของสิ่งชั่วร้ายนี้กับเจ้าตัวตลกชาติชั่วในหมู่คน เจ้าตัวตลกหัวหน้ามารคือหัวหน้าของพรรคนั้นใช่ไหม  ความอิจฉาริษยาทำให้มันนำการทำชั่วต่อศิษย์ต้าฝ่าในโลกมนุษย์   วิญญาณชั้นต่ำที่จุติเข้าไปในท้องคนนั้น  โดยตัวมันเองไม่ใช่อะไรทั้งนั้น   ความอิจฉาริษยาของมันพอดีถูกวิญญาณชั่วของพรรคมารใช้ประโยชน์  คนชั่วกับวิญญาณร้ายคบคิดกัน   โดยคนชั่วออกนำ  วิญญาณร้ายของพรรคมารนั้นเข้าสิงร่างคน  ประทุษร้ายศิษย์ต้าฝ่าอย่างชั่วร้ายจริงๆ องค์ประกอบของสิ่งชั่วร้ายทั้งหมด ที่มาจากนอกตรีภูมิยังใช้วิญญาณชั่วของพรรคมารร่วมกันในการประทุษร้ายศิษย์ต้าฝ่า  ในขณะที่ประทุษร้ายสิ่งชั่วร้ายทั้งหมดก็แทรกอยู่ในนั้นหมดแล้ว   สิ่งเหล่านี้ที่ข้าพเจ้าบรรยายทุกท่านต่างรับรู้กันหมดแล้ว  “จิ่วผิง”แจกออกไปนานเพียงนี้แล้ว  ผู้ฝึกมากมายก็แจ่มแจ้งอย่างมากกันแล้ว

ในระหว่างการเจิ้งฝ่าสถานการณ์ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดอย่างแน่นอน มีคนถามข้าพเจ้าว่า “ท่านอาจารย์  ตอนนี้พวกเราควรจะเข้าสู่สถานการณ์อะไรแล้ว” ข้าพเจ้าตอบว่า “พวกท่านก็ทำเรื่องที่พวกท่านทำอยู่เดี๋ยวนี้” การเจิ้งฝ่าของจักรวาลนั้นไม่อาจเป็นไปตามคำพูดว่า เปลี่ยนก็จะเปลี่ยน (ที่ประชุมหัวเราะ)  เวลาที่การเจิ้งฝ่าจำเป็นต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงนั้น ย่อมต้องมีสถานการณ์อย่างหนึ่งปรากฏออกมา  แต่เมื่อสถานการณ์ใหม่เกิดขึ้นแล้ว  ก็จะกระทบต่อจิตยึดติดของใจคนจำนวนหนึ่ง  เพราะคือ คนที่กำลังบำเพ็ญ  จิตยึดติดที่ยังไม่ทิ้งไปย่อมจะส่งผลได้   ดังนั้นในใจบางคนจึงมีการสะท้อนความรู้สึกที่ไม่ถูกต้องอย่างหนึ่งออกมา กระทั่งปะปนกับความรับรู้ของคนธรรมดาสามัญ      หลังจาก “จิ่วผิง” ออกมาช่วยเหลือ จึงมีผู้ฝึกที่ไม่เข้าใจพูดว่า พวกเรายุ่งเกี่ยวกับการเมืองแล้วใช่หรือไม่ เป็นต้น  ที่จริงเรื่องใดๆล้วนแต่จะถูกคนชั่วที่ประทุษร้ายท่านกล่าวหาว่า “เล่นการเมือง”  ไม่ว่าเรื่องอะไรที่ท่านทำล้วนแต่จะถูกบิดเบือนเพราะว่ามันนั้นต้องการจะประทุษร้ายท่าน  มันก็ต้องการจะพาลใส่ท่าน  ดังนั้นท่านพูดอะไร  มันก็จะพลิกกลับมาใช้ป้ายสีท่าน  ท่านทำเรื่องที่ดีอย่างไรมันก็จะพูดว่าท่านทำเรื่องเลว ในเวลาที่เปิดโปงการประทุษร้ายของมัน  มันก็จะพูดว่าท่านยุ่งเกี่ยวการเมือง  นำมาใช้ยั่วยุใจคน  หาเหตุในการประทุษร้าย   อย่าถูกชักนำเวลาที่คนชั่วพูดอะไร  คนธรรมดาสามัญชักนำผู้บำเพ็ญไม่ได้   ผู้บำเพ็ญนั้นไม่อาจถูกคนธรรมดาสามัญชักนำได้ พวกท่านได้ผ่านสิ่งเหล่านี้มาแล้ว มีสติยิ่งขึ้นแล้ว  ไม่ว่าอะไรที่คิดจะรบกวนต้าฝ่า องค์ประกอบที่ประทุษร้ายต่อสภาพการณ์การยืนยันความถูกต้องของฝ่า ช่วยเหลือสรรพชีวิตของศิษย์ต้าฝ่า ข้าพเจ้าคิดว่าจากนี้เป็นต้นไป ล้วนแต่ไม่อาจทำให้ศิษย์ต้าฝ่าหวั่นไหวได้แล้ว   โดยเฉพาะในช่วงเวลาใกล้ๆนี้ มีเรื่องมากมายที่ศิษย์ต้าฝ่าทำนั้น  โดยพื้นฐานข้าพเจ้าก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยว  และพูดน้อยมาก    เพราะว่าจะทำอะไร พวกท่านก็ทราบว่าควรทำอย่างไรกันแล้ว   ทุกท่านทำไปตามช่วงวิถีของการเจิ้งฝ่าเถิด

แต่ละคนต่างมีเส้นทางการยืนยันความถูกต้องของฝ่าของตนเอง   ผู้ฝึกมากมายร่วมกันจัดทำสื่อนานาชนิด มีผู้ฝึกหลายคนได้ก่อตั้งรูปแบบการยืนยันความถูกต้องของฝ่าอย่างนี้  รูปแบบการคัดค้านการประทุษร้ายอย่างนั้น  เช่นนั้นก็ไปทำเถอะ  ข้าพเจ้าทราบว่าเมื่อเร็วๆนี้ ทุกท่านล้วนทำได้ดีมาก  และดียิ่งขึ้นเรื่อยๆ อาจารย์รู้สึกดีใจจริงๆ  บางครั้งดูบนเว็บไซด์  อ่านหนังสือพิมพ์  ดูทีวี  ฟังๆ ดูๆ เรื่องเหล่านี้ที่พวกท่านทำ รู้สึกซาบซึ้งใจมาก เมื่อก่อนข้าพเจ้ามีความรู้สึกเช่นนี้น้อยมาก เนื่องจากขณะนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปเร็วมาก  ศิษย์ต้าฝ่าล้วนสุกงอมกันแล้ว  ด้านที่ถูกต้องที่แสดงออกมานั้นยอดเยี่ยมจริงๆโดยเฉพาะผู้ฝึกที่อธิบายความจริงอยู่ในแมนฮัตตันใน สภาพอากาศที่หนาวเหน็บในสภาพแวดล้อมที่ทุกข์ทรมาน  ในสภาพการณ์ที่เงื่อนไขและเงินทุน ไม่เพียงพอ  ศิษย์ต้าฝ่าเอาชนะความยากลำบากนานาชนิด ทำเรื่องยืนยันความถูกต้องของฝ่า อธิบายความจริง ช่วยเหลือสรรพชีวิต  ปณิธานอันเด็ดเดี่ยวที่แสดงออกมานั้น สะท้านฟ้าสะเทือนดิน  ล้วนอยู่ในสายตาเหล่าเทพแล้ว  ยอดเยี่ยม  ยอดเยี่ยมจริงๆ  แน่ละ  สภาพแวดล้อมอื่นๆก็เหมือนกัน  อยู่หน้าสถานกงสุล  อธิบายความจริงยืนยันความถูกต้องของต้าฝ่าในสภาพแวดล้อมต่างๆ  โดยตลอด  ศิษย์ต้าฝ่าอยู่ที่ไหนล้วนเป็นดั่งทองเปล่งประกาย  ล้วนก่อผลในการยืนยันความถูกต้องของฝ่า

ข้าพเจ้าไม่ขอพูดมากแล้ว   เวลาที่เหลืออยู่ ทุกท่านอยากจะถามอะไร  ก็ทำตามวิธีการแบบเดิม (เสียงปรบมือ) ทุกท่านสามารถเขียนคำถามส่งขึ้นมา  ข้าพเจ้าจะตอบให้  แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าในขณะนี้  ทุกท่านมีปัญหาอะไร ก็ส่งขึ้นมาได้

ศิษย์            เรียนเชิญท่านอาจารย์ให้ความกระจ่างเกี่ยวกับ “พระศักดิ์สิทธิ์ผู้หมุนธรรมจักร”(ที่ประชุมหัวเราะ ปรบมือ)

อาจารย์       แต่ก่อนผู้ฝึกที่เคยอ่านคัมภีร์ของพุทธศาสนาคงจะทราบ  ในปีนั้นที่องค์ศากยมุนีทรงแสดงธรรม ได้ทรงตรัสไว้ว่า “พระศักดิ์สิทธิ์ผู้หมุนธรรมจักร”  “พระศักดิ์สิทธิ์ผู้หมุนธรรมจักร”วิธีเรียกนี้ ใช้เรียกกันในโลกมนุษย์มีค่อนข้างมาก  “พระศักดิ์สิทธิ์ผู้หมุนธรรมจักร” เป็นชื่อเรียกตามศักดิ์ ชื่อหนึ่งบนสวรรค์

ในเวลาที่องค์ศากยมุนีทรงเรียก“พระศักดิ์สิทธิ์ผู้หมุนธรรมจักร” คือพระยูไลองค์หนึ่งที่มีความสามารถที่สุด มีอิทธิฤทธิ์ยิ่งใหญ่ที่สุด   พระยูไลพุทธ  ก็คือธรรมราชา   ราชาแห่งโลกพระพุทธก็คือพระยูไลพุทธ  พวกเราเรียกพระยูไลพุทธนั้น ก็เรียกไปตามหลักคิดจากการบำเพ็ญ กับการประจักษ์แจ้ง   พระยูไลพุทธนั้นหมายถึง ผู้ที่มาพร้อมกับสัจธรรมแห่งความสมปรารถนา ดังนั้นโลกจึงเรียกธรรมราชาทั้งหมดว่า พระยูไล  ฉะนั้นหากใช้แนวคิดนี้ไปทำความเข้าใจก็ถูกต้อง   เพราะพวกเขาคือผู้ที่ยึดกุมสัจธรรมที่แท้จริงของระดับชั้นนั้นเขาคือผู้ที่สูงที่สุดภายในขอบเขตของสรรพชีวิตของเขา         ยึดกุมสัจธรรมที่สูงที่สุดในระดับชั้นนั้น  ดังนั้นเขาจึงเป็นธรรมราชา   ก็คือราชาของระดับชั้นนั้น หรือ สรรพชีวิตส่วนนั้น   มีธรรมราชามากมาย  แน่ละ กล่าวสำหรับคนแล้ว พระยูไลนั้นมีนับไม่ถ้วน   “พระศักดิ์สิทธิ์ผู้หมุนธรรมจักร”นั้นก็คือหนึ่งในนั้น   เหตุใดองค์ศากยมุนีทรงตรัสถึง “พระศักดิ์สิทธิ์ผู้หมุนธรรมจักร” ขึ้นมาโดยเฉพาะละ   เพราะ“พระศักดิ์สิทธิ์ผู้หมุนธรรมจักร”จะลงมาสู่โลกถ่ายทอดหลักธรรมช่วยเหลือคน   แน่ละทุกท่านยังเคยได้ยินว่า  องค์ศากยมุนีก็เคยตรัสว่า มีเล่อ(พระศรีอริยเมตไตรย์)จะลงมาสู่โลกช่วยเหลือคน  ที่จริง “มีเล่อ”คือพระนาม ส่วน“พระศักดิ์สิทธิ์ผู้หมุนธรรมจักร”  คือชื่อตำแหน่งขององค์ราชา  ใช้คำพูดของคนก็คือ ชื่อตำแหน่งหน้าที่  (อาจารย์หัวเราะ)

ที่ผ่านมาข้าพเจ้าเคยพูดกับทุกท่านว่า  เทพแต่ละชั้นที่อยู่ใกล้ตรีภูมิ   พอถึงระยะเวลาที่แน่นอนหนึ่ง พวกเขาต้องมีการเปลี่ยนใหม่  ดังนั้นการเปลี่ยนใหม่จึงนำมาซึ่งปัญหาหนึ่ง  คือว่า  สรรพชีวิตที่ลงมาสู่โลกนั้น สำหรับเขา เทพก็ควรจะเป็นสิ่งนิรันดร์  ดังนั้นไม่อาจพูดว่า เทพองค์นี้ไปแล้ว  เทพองค์นี้ไปไหนแล้วคนก็ไม่รู้ ใครก็ไม่รู้แล้ว   ดังนั้นการเปลี่ยนใหม่เรื่อยไปแบบนี้  กล่าวสำหรับชีวิตภายในตรีภูมิแล้ว  ก็จะทำให้เกิดความวุ่นวายชนิดหนึ่ง  คือสรรพชีวิตที่ลงมาสู่โลกนั้นมีฉิง  จึงรู้สึกถึงความงงงวย   สรรพชีวิตจะคิดกันว่า  เทพที่ฉันเชื่อถือไปไหนแล้วละ อ้อ  เขาจากไปแล้ว  เขาจากไปแล้วใครจะมาดูแลฉันละ  จึงอาจเกิดปัญหานี้ได้   ดังนั้นคนที่เทพองค์ก่อนจะช่วยเหลือ  เทพองค์ถัดมาที่จะมารับช่วงก็จะดูแลเขาต่อ   เพราะเขามารับช่วงต่อจากองค์ก่อน  ดังนั้นในเวลาที่เขารับช่วงต่อจากองค์ก่อน เขาก็จะรับช่วงต่อจากชื่อบรรดาศักดิ์ขององค์ก่อนพร้อมกันไปด้วย  กระทั่งรูปลักษณ์ด้วย รูปลักษณ์นั้นไม่ใช่จะเหมือนกันทุกประการ แต่เหมือนกันโดยพื้นฐาน จะคล้ายกันมาก กล่าวโดยแท้จริงแล้ว ที่รับช่วงต่อ จากนั้นเป็นชื่อบรรดาศักดิ์ของพระพุทธ เทพ   คนล้วนรู้จักพระโพธิสัตว์กวนอิน  พระโพธิสัตว์กวนอินมีเท่าไรแล้ว  มีอยู่เต็มไปหมด  วา!  มากเสียจนต้องใช้เวลานานมาก กว่าจะนับได้หมด  แล้วองค์ศากยมุนีพุทธนี้มีเท่าไรแล้ว  ก็มีกันมากมายเหลือเกิน  2500 ปีก็มีมากมายหลายพันองค์   พระอาหนีถอฝอมีเท่า ไรแล้ว   พระเยซูมีเท่าไรแล้ว  พระแม่มารีมีเท่าไรแล้ว  องค์ปฐมแห่งเทพมีเท่าไรแล้ว   ก็มากเสียจนมองไปก็จะเห็นเต็มแน่นไปหมด   ที่พูดนี่ไม่ใช่ฝ่าเซิน หรือ เฟินเซิน  (ร่างที่แบ่งออกมา)    เพราะพวกเขาอยู่ใกล้ตรีภูมิมากเกิน ไป  การอยู่ใกล้ตรีภูมินะ  ฉิงนี้ภายในตรีภูมิและการแสดงออกต่างๆของสรรพชีวิตในตรีภูมิ  องค์ประกอบของทัศนคติชนิดต่างๆของชาวโลกที่สะท้อนออกมา  จะถูกพวกเขามองเห็นได้โดยตรง สามารถสะท้อนไปถึงพวกเขาที่นั่นโดยตรง  และสามารถรบกวนพวกเขาได้   พวกเขาเป็นเทพนอกตรีภูมิ  ไม่เหมือนกับสรรพชีวิตในตรีภูมิ  แต่นานๆไป ก็เป็นการรบกวนต่อพวกเขา

ทุกท่านทราบว่า ที่ผ่านมาข้าพเจ้าเคยพูดเหตุผลหนึ่งให้พวกท่านฟัง  คือคนๆนี้ ไม่ว่าเขาได้มองเห็นอะไรแล้ว  ก็ล้วนแต่กรอกเข้าไปในสมองของเขา   สิ่งที่ดีกรอกเข้าไปมากแล้ว เขาก็คือคนดี   สิ่งที่ไม่ดีกรอกเข้าไปมากแล้ว เขาก็คือคนเลว  ศิษย์ต้าฝ่าอ่านหนังสือของต้าฝ่าอยู่เสมอ  เขาก็เป็นชีวิตของหลักธรรมที่ถูกต้อง  เมื่อบำเพ็ญสำเร็จเป็นเทพ เขาก็คือ ธรรมราชา เทพอยู่ที่สูงมองดูการแสดงออกของสรรพชีวิตในตรีภูมิ  แม้ว่าพวกเขาเป็นเทพ  แต่พอเวลานานเข้า ก็จะเป็นการรบกวนต่อพวกเขา แม้สรรพชีวิตในตรีภูมิแตกต่างจากพวกเขามาก แต่ก็สามารถรบกวน  เขาได้   ดังนั้น เทพนอกตรีภูมิ พอถึงช่วงเวลาที่แน่นอนหนึ่ง พวกเขาก็ต้องมีการเปลี่ยนตัว  ก็ต้องไป ก็ต้องจากไป พูดว่าจากไปแล้ว  คนที่รับการช่วยเหลืออยู่ข้างล่าง เขายังคงอยู่ตรงนั้นคิดถึงพระเยซูเอย องค์ศากยมุนีเอย  พระโพธิสัตว์กวนอิน แต่เทพไปแล้ว จะทำอย่างไรดีละ   เขาจะช่วยคนๆหนึ่งขึ้นมารับช่วงต่อจากเขา   ให้พลังแห่งธรรมอย่างเดียวกันแก่เขา  หล่อหลอมรูปร่างอย่างเดียวกันออกมาให้เขา  ซึ่งก็เรียกว่าร่างของเทพ   รูปลักษณ์ล้วนเหมือนกัน  เพราะเป็นรูปลักษณ์ที่เทพองค์ก่อนหล่อหลอมให้กับเขา  ดังนั้นจึงเหมือนกับรูปลักษณ์ของเทพองค์ก่อนมาก  และใส่องค์ประกอบของเขาเข้าไปให้อีก  มีความแตกต่างกัน แต่คล้ายกันมาก  และโดยพื้นฐานของธรรมานุภาพ และความเมตตา  พลังธรรมของ เทพนั้น ไม่ต่างกันสักเท่าไร   เพราะผู้ที่ได้รับการเปลี่ยนนั้นต้องบรรลุถึงระดับชั้นนี้  หลังจากนั้นจึงรับช่วงต่อจากเขาได้  ไม่อาจพูดได้ว่า เธอชื่อ จางซัน  เขาชื่อ หลี่ ซื่อ  เมื่อท่านขึ้นไปแล้ว  ถามว่า ท่านคือใคร  ท่านบอกว่าท่านชื่อจางซัน ไม่ใช่ หลี่ซื่อ  นั่นใช้ไม่ได้   ท่านต้องเป็นพระโพธิสัตว์กวนอิน  ท่านต้องเป็นเยซู  ท่านต้องเป็นองค์ศากยมุนี  ท่านต้องเป็นองค์ปฐมแห่งเทพ  ชื่อนั้นบนโลก ไม่อาจนำมาเรียกได้แล้ว  หรือพูดว่า  พอถึงช่วงระยะเวลาที่แน่นอนหนึ่ง จะเกิดการเปลี่ยนเทพองค์ใหม่ทว่าตำแหน่งของเทพ  ชื่อและฉายานามของเทพ  ธรรมานุภาพของเทพ ไม่อาจเปลี่ยน

เช่นนั้นมีเล่อฝอนั้น  ทุกท่านทราบว่าในโลกนี้มี มีเล่อฝอมากเท่าใด แต่ก่อนมีพระปู้ไต้(พระสังฆจาย)บำเพ็ญสำเร็จเป็นมีเล่อฝอ ตอนที่ยังอยู่บนโลกมักจะถือย่ามใบหนึ่ง คือในเวลาที่บิณฑบาต ก็จะใส่อาหารที่ได้ไว้ในย่าม  สะพายอยู่ด้านหลัง   พระปู้ไต้มักจะอาศัยอยู่ที่เมืองหังโจวบ่อยๆ ฤดูร้อนในเจียงหนานอากาศค่อนข้างร้อน  ดังนั้นเขาจึงมักจะเปิดอกเสื้อออก  เผยหน้าท้อง ป่องๆ   ดังนั้น  จากนั้นเป็นต้นมา จึงปรากฏรูปลักษณ์อย่างนี้ของมีเล่อฝอในแดนฮั่นประเทศจีน    เพราะเวลาที่เขาละสังขาร เขาเคยเขียนกลอนบทหนึ่ง พูดว่าตนเองคือมีเล่อ  “มีเล่อ มีเล่อ มีเล่อจริง” ชาวโลกในเวลานั้น  เหล่าผู้ออกบวชต่างไม่เข้าใจว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร  ผู้คนล้วนเข้าใจว่า คือมีเล่อกลับชาติมาเกิด  อ้อ พระปู้ไต้นั้นเดิมทีคือ มีเล่อกลับชาติมาเกิดนั่นเอง  ที่จริงไม่ใช่ มีเล่อ กลับชาติมาเกิด   คือเขาบำเพ็ญสำเร็จเป็นมีเล่อ  ในศาสนาพุทธวัชรยาน(ทิเบต)  กำหนดให้ลามะบำเพ็ญมุ่งสู่เทพที่เลือกเอาไว้  ก็คือจุดมุ่งหมายนี้   ที่แท้เพราะเหตุใด พวกเขาไม่กระจ่างชัด  ที่จริงก็คือจุดมุ่งหมายเช่นนี้   พอบำเพ็ญสำเร็จกลายเป็นเทพที่รับช่วงต่อจากเทพองค์นั้น  แต่ว่าล้วนแต่เป็นจิตรองที่บำเพ็ญ  จิตรองที่รับช่วงต่อ

ในประวัติศาสตร์ มีผู้บำเพ็ญขึ้นไปเป็นมีเล่อฝอมากมาย  ที่จริงล้วนเป็นการคัดเลือกจากโลกสวรรค์  จัดให้ลงมาบำเพ็ญ   มีเล่อเป็นตำแหน่งพระพุทธ佛乘  เป็นตำแหน่งทางธรรมของพระพุทธ    ในหมู่ศิษย์ ในสมัยขององค์ศากยมุนี มีคนหนึ่งจะสำเร็จเป็นมีเล่อ   ด้วยเหตุนี้องค์ศากยมุนีพุทธจึง ตรัสถึงเรื่อง ที่มีเล่อจะลงสู่โลกในยุคธรรมะปลาย   ที่จริงหาใช่ หมายถึง มีเล่อในเวลานั้น    ที่พระองค์ตรัสคือตำแหน่งของพระพุทธนี้ กับ มีเล่อองค์หนึ่งที่จะลงมาสู่โลกในอนาคต  หรือพูดว่าในเมื่อเป็นชื่อบรรดาศักดิ์ของพระพุทธแล้ว ดังนั้นผู้ที่มารับช่วงต่อเป็นใคร จึงไม่ให้ชาวโลกรู้ได้แล้ว  ชื่อเดิมก็ไม่สำคัญแล้ว  แต่พอถึงประวัติศาสตร์ในปัจจุบัน  สรรพชีวิตต่างก็รู้เรื่องเล่าเกี่ยวกับ การลงมาของ พระศักดิ์สิทธิ์ผู้หมุนธรรมจักร กับ มีเล่อฝอ   เช่นนั้นที่แท้พวกเขามีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร จึงกลายเป็นเรื่องสำคัญมากแล้ว   มีเล่อที่มาในครั้งนี้ ที่แท้เขาคือใคร  จึงกลายเป็นปัญหาที่สรรพชีวิตให้ความสนใจกัน  ในอดีต กล่าวสำหรับคนแล้ว  ไม่อาจให้คนร้ได้ว่ามีเรื่องการรับช่วงต่อตำแหน่งพระพุทธ  ยิ่งไม่อาจให้คนรู้ว่าเทพในกลุ่มนั้นคือใคร   แต่เมื่อพูดกันภายในเขตแดนของเทพเซียน  ในหมู่ศิษย์ต้าฝ่า นั่นก็ไม่เป็นไร

เช่นนั้นก็พูดได้ว่า  บรรดามีเล่อ ที่องค์ศากยมุนีตรัสนั้น  ที่จริงก็อยู่ในยุคปลาย  คือมีเล่อฝอที่ลงมาสู่โลกช่วยเหลือคนในช่วงสุดท้ายของมนุษยชาติ  ที่จริงเรื่องนี้ในโลกก็มีบางคนรู้  ไม่เพียงแต่ในฝั่งบูรพา  ในสังคมตะวันตกก็มีบางคนรู้  ผู้ที่จะมาจริงๆคือมีเล่อ   เนื่องจากในเวลาที่ว่านี้ เทพที่อยู่ในหมู่พระพุทธ  เป็นผู้ช่วยเหลือเพียงหนึ่งเดียวของสรรพชีวิตในจักรวาล เป็นราชาที่สูงที่สุดในบรรดาราชาแห่งสวรรค์  อาศัยตำแหน่งพระพุทธมีเล่อ มาช่วยเหลือสรรพชีวิตของจักรวาล    ในเมื่ออาศัยตำแหน่งมีเล่อฝอ  เช่นนั้น ก่อนที่จะลงมาสู่โลก เขาคือใครกันละ   คือผู้ที่ลงมาจากที่สูงกว่า  เป็นผู้ที่เคยจุติลงมาในระดับชั้นมากมายที่ต่างกันทั้งหมดนั้น  ในขณะที่ก้าวลงมาทีละชั้นๆ ก็เคยเป็นเทพในแต่ละชั้นนั้น  ล้วนมีตำแหน่งทางธรรมของระดับชั้นที่ต่างกันในเวลานั้น  เมื่อลงมาถึงโลกแห่งธรรม ก็เป็นพระผู้ศักดิ์สิทธิ์ฝ่าหลุนหรือเรียกอีกอย่างว่าพระผู้ศักดิ์ผู้หมุนธรรมจักร (เสียงปรบมือ)

ในสภาพการณ์ทั่วไป ผู้ที่ลงมาโดยตรงจากระดับชั้นสูงข้างบน มารับช่วงต่อจากเทพองค์หนึ่งองค์ใดเลยนั้น  เรื่องอย่างนี้มีปรากฏน้อยมาก  แต่เทพที่เกิดอยู่ในระดับชั้นเดียวกัน นั้นเป็นเรื่องปกติ  ไม่จำเป็นว่าต้องบำเพ็ญขึ้นมาจากข้างล่างทั้งหมด    หรือพูดว่า ที่เกิดอยู่บนสวรรค์ตามปกตินั้นมีมาก   ที่จัดให้ลงไปบำเพ็ญจากข้างล่างขึ้นมานั้น นับจากมีตรีภูมิเป็นต้นมา ก็มีไม่น้อย ดังนั้นต่อมาภายหลัง ผู้ที่สืบต่อตำแหน่งของพระพุทธ หรือ เทพองค์นั้น ก็เป็นวิธีการที่ปรากฏทั่วไปแล้ว  พระศักดิ์สิทธิ์ฝ่าหลุนก็คือ มีเล่อที่ลงมาสู่โลกช่วยคนในยุคนี้ และมีเล่อก็เป็นชื่อตำแหน่งหนึ่งของพระพุทธไปแล้ว องค์ศากยมุนีตรัสว่า มีเล่อที่อยู่ในหมู่ศิษย์ของพระองค์ในปีนั้น ขณะนั้นมีมรรคผลพระโพธิสัตว์ สิ่งนี้ในความคิดของผู้คน โดยเฉพาะคือในศาสนาจึงเข้าใจกันว่า ก่อนที่มีเล่อยังไม่ลงมาสู่โลกนั้น ทรงมีมรรคผลพระโพธิสัตว์  พอลงมาสู่โลกช่วยคน เวลาที่หยวนหมั่นก็พอดีได้มรรคผลพระยูไล   หรือคือมรรคผลสุดท้ายของพุทธะ  นี่คือหลักการปกติโดยทั่วไปที่องค์ศากยมุนีพุทธทรงตรัส ไม่ใช่สภาพการณ์ทั้งหมดของมีเล่อ หรือรูปธรรมของสภาพการณ์ ของมีเล่อองค์ไหน ที่จริงในปีนั้นเรื่องพระศักดิ์สิทธิ์ฝ่าหลุน ที่องค์ศากยมุนี ทรงตรัสถึงนั้น ตรัสไว้อย่างละเอียดมาก มากมายอย่างยิ่ง  ทุกท่านทราบว่าคัมภีร์พุทธศาสนานั้นจัดทำขึ้น หลังจากองค์ศากยมุนีไม่ทรงอยู่ในโลก ได้ 500 ปีแล้ว   ฉะนั้นกล่าวสำหรับคนรุ่นหลัง ในระหว่างการเล่าสืบต่อๆกันมานั้น คำพูดที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ก็ค่อยๆสูญหายไปมากมาย  เมื่อเขียนลงในคัมภีร์พุทธศาสนา คำพูดจำนวนมากก็ไม่ใช่คำพูดเดิมขององค์ศากยมุนีพุทธแล้ว  โดยเฉพาะไม่สามารถจะสะท้อนคำพูดที่องค์ศากยมุนีทรงตรัสไว้ในขณะบรรยายธรรมนั้น ออกมาได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น สภาพแวดล้อมเอย  เวลาและสถานที่เอย  ทั้งหลายทั้งปวงที่ทรงเจาะจง ได้อย่างถูกต้องแม่นยำ  ดังนั้นจึงไม่ได้บันทึกเรื่องสภาพการณ์ทั้งหมดที่พระผู้ศักดิ์สิทธิ์ฝ่าหลุน ลงมาสู่โลก เอาไว้

ตรงนี้ ข้าพเจ้าไม่ใช่จะพูดว่า คัมภีร์พุทธศาสนาไม่ดี  ในอดีตคัมภีร์พุทธของเขานั้นสามารถใช้บำเพ็ญได้  มีพระพุทธดูแลอยู่  แต่เพราะชาวโลกนั้นตกอยู่โลกที่ชั่วร้ายด้วยเบญจพิษ   ดังนั้นสวรรค์จึงกำหนดไว้ว่าหลักธรรมที่จะเหลือทิ้งไว้ให้คนนั้น ไม่สามารถเหลือ เป็นคัมภีร์ที่แท้จริงทั้งหมดไว้ให้ได้  ดังนั้นคำพูดเดิมมากมายที่องค์ศากยมุนีทรงบรรยายไว้จึงไม่สามารถ บันทึกไว้ได้ในเวลานั้น  กล่าวตามคำพูดของคนนี่ก็คือเจตนารมณ์ของสวรรค์  กล่าวตามคำพูดของเทพ คือความต้องการของการเจิ้งฝ่า     เหตุใดคำพูดเดิมของพระเยซูที่ทรงบรรยายไว้ จึงถูกจัดทำโดยการหวนระลึกของคนรุ่นหลัง  เหตุใดธรรมะเต๋าที่เหลาจื่อบรรยายไว้ชั่วชีวิตจึงเหลือไว้เพียง 5000 คำละ  ก็เพราะไม่อาจเหลือคัมภีร์ที่แท้จริงทั้งหมดไว้ให้โลกที่ชั่วร้ายได้   เทพชั้นสูงมากไม่อนุญาตให้เหลือคัมภีร์ที่แท้จริงทั้งหมดให้มนุษย์  ที่จริง การที่ไม่เหลือคัมภีร์ที่แท้จริงไว้ให้คน ประการหนึ่งเป็นเพราะสังคมมนุษย์ไม่ใช่สังคมของเทพ ตรีภูมิควรจะเป็นโลกของหลักการที่กลับกัน การเหลือคัมภีร์ที่แท้จริงเป็นการลบหลู่อย่างหนึ่งต่อเทพ มีเพียงดินแดนแห่งธรรมะกับดินแดนต่างๆ   ที่สูงกว่า  จึงจะมีหลักธรรมที่แท้จริง กับคัมภีร์ที่แท้จริงของโลกพระพุทธ-เทพ   มีอีกสาเหตุหนึ่งคือ  เทพนั้น ไม่ว่าจะทำเรื่องอะไร  ไม่อาจจะแสดงออกมาอย่างง่ายๆเพียงเพื่อจุดมุ่งหมายหนึ่ง  ดังนั้นเขาจะมีองค์ประกอบมากมายอยู่ในนั้น  พวกเขาทราบว่าการสร้างตรีภูมิกับมนุษยชาติ และจุดมุ่งหมายของการดำรงอยู่ที่แท้จริงนั้น คือเพื่อจุดมุ่งหมายที่จะใช้ในการเจิ้งฝ่า   พวกเขาไม่คิดจะเหลือหลักธรรมที่ตนเคยพูดเอาไว้ ไปรบกวนต่อต้าฝ่าที่แท้จริงของจักรวาลที่สุดท้ายจะถ่ายทอดในระหว่างการเจิ้งฝ่า    นี่คือมูลเหตุที่แท้จริง    แต่ไม่ว่าคนรุ่นหลังจะรำลึกขึ้นมาก็ดี  จัดทำขึ้นมาเป็นคัมภีร์ก็ดี  นั่นคือการที่คน มุ่งสู่ความดีงาม  คนกำลังแสวงหาเทพ   นั่นก็เป็นคนละเรื่องแล้ว

ศิษย์            ในจ้วนฝ่าหลุน ที่ท่านอาจารย์พูดถึงข้อกำหนดของการห้ามดื่มเหล้านั้น รวมถึงอาหารและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ผสมอยู่ด้วยใช่หรือไม่  อย่างเช่น  ในเวลากินข้าว ดื่มเบียร์สักแก้วแทนเครื่องดื่ม (ที่ประชุมหัวเราะ) มื้อเช้าทานโจ๊กชามหนึ่ง  เหล้าข้าวเหนียว  หรือในเวลาปกติ บางครั้งทานช้อกโกเลตผสมแอลกอฮอล์สักแท่ง     (ที่ประชุมหัวเราะ) ถือว่าเป็นการละเมิดข้อกำหนดหรือไม่

อาจารย์       ถ้ารับรู้ได้จริงว่า บำเพ็ญเพื่ออะไร  เรื่องพวกนี้ล้วนสามารถเข้าใจได้   เพียงแต่ว่าสังคมยุคนี้ทำอะไรเสียจนยุ่งเหยิงไปหมดแล้ว  ท่านไม่ดื่มเหล้า  ก็ผสมองค์ประกอบของเหล้าเข้าไป  ท่านไม่ได้ดื่มเหล้า แต่ในท้องท่านก็อาจมีเหล้าอยู่แล้ว  เพราะสังคมนี้ได้กลายเป็นอย่างนี้ไปแล้ว  และไม่ใช่ว่าเมื่อเป็นเช่นนี้ ทุกท่านก็ไม่ทานอาหารแล้ว  และการดำเนินชีวิตในสังคมตะวันตก ก็เคยชินกับปัญหานี้แล้ว  โดยเฉพาะชาวฝรั่งเศส เวลาทานข้าวก็ดื่มเหล้าหนึ่งแก้ว เป็นส่วนหนึ่งของเครื่องดื่ม  ผู้คนต่างทำเช่นนี้กันหมด  ตัวเองไม่ทำเช่นนี้  คนในบ้านจะรู้สึกแปลกประหลาด   ดังนั้นในเวลาที่ถ่ายทอดฝ่าในปีนั้น ข้าพเจ้าจึงพูดว่า  ถ้าเป็นสภาพการณ์อย่างนี้  ผู้ฝึกใหม่ท่านก็ดื่มถ้วยเล็กๆสักถ้วยก็ไม่เป็นไร   การบำเพ็ญใช่ไหม  ที่ดูก็คือใจคน  แต่กล่าวสำหรับผู้บำเพ็ญ ถ้าจะก้าวหน้าก็ต้องปฏิบัติต่อการบำเพ็ญอย่างเข้มงวด   ถ้าหากสามารถกำหนดต่อตัวเองอย่างเข้มงวดได้จริง  เช่นนั้นทุกท่านก็จะสามารถทำด้านนี้ได้ดีหน่อย หากตนเองรู้สึกไม่เห็นความสำคัญกับด้านนี้ก็จะย่อหย่อนไปหน่อย   จะมีความแตกต่างกันเช่นนี้

พูดถึงตรงนี้นะ  ข้าพเจ้าจะขอพูดถึงตัวเองสักเล็กน้อย   พวกท่านล้วนทราบว่าหลายปีก่อน อาจารย์มักจะไม่อยู่ประจำที่หนึ่งๆ  เพราะในท่ามกลางการประทุษร้ายนั้น  สิ่งชั่วร้ายจำนวนมหาศาลของอีกมิติ พากันตระเวนหาข้าพเจ้าไปทั่ว  ในตอนนั้นองค์ประกอบของสิ่งชั่วร้ายมีมากมายเหลือเกิน  เต็มไปหมดในมิติต่างๆของตรีภูมิ  พวกมันก็สามารถควบคุมคนชั่วค้นหาข้าพเจ้าจนพบได้  แล้วรบกวนข้าพเจ้าในการรวมพลังเจิ้งฝ่า กับการกวาดล้างสิ่งชั่วร้ายเหล่านี้ ดังนั้นข้าพเจ้าจึงย้ายสถานที่อยู่เสมอ  ในเวลานั้น โดยพื้นฐานแล้ว ก็อยู่ในรถยนต์ทั้งวัน  เดินทางอยู่ทุกวัน  บทกลอนที่ข้าพเจ้าเขียนไว้ว่า “รถวิ่งนับแสนลี้” ที่แท้ก็คือสภาพการณ์ในเวลานั้น  เคลื่อนย้ายอยู่เสมอ ร่วมกับการป้องกันของเทพและพลังกงที่ยิ่งใหญ่  ซึ่งกล่าวสำหรับสิ่งชั่วร้ายแล้ว คือการซ่อนอำพรางตัวทั้งหมด  สิ่งชั่วร้ายก็ตรวจไม่พบว่าข้าพเจ้าอยู่ที่ไหน  โดยพื้นฐานแล้วไม่มีใครรู้ว่าข้าพเจ้าอยู่ที่ไหน  จุดประสงค์คือข้าพเจ้าต้องการกวาดล้างองค์ประกอบของสิ่งชั่วร้ายโดยเร็ว  เพิ่มความเร็วของวิถีการเจิ้งฝ่า  ยังมีอีกคือ เพื่อไม่ให้การจัดการเรื่องต่างๆของการเจิ้งฝ่า ถูกรบกวน  ในขณะเดียวกันข้าพเจ้าก็ดูว่าผู้ฝึกทำกันอย่างไรบ้าง  เช่นนี้แล้วก็จะมีปัญหาของการกินอยู่ ในการเดินทางใช่ว่าไปถึงไหนก็จะมีร้านอาหารจีนอยู่ (ที่ประชุมหัวเราะ)  บ่อยครั้งไปทานอาหารอเมริกัน    อาหารญี่ปุ่น  อาหารเกาหลี  อาหารยุโรป  อะไรๆข้าพเจ้าก็ทานได้   แต่มีร้านอาหารหลายๆแห่ง  ท่านเข้ามาทานแต่อาหาร  ไม่ดื่มเครื่องดื่ม  เจ้าของร้านก็ไม่ค่อยพอใจ   (หัวเราะ)  โดยเฉพาะเมื่อคนรอคิวกันมาก  เพราะร้านอาหารจำนวนมากหารายได้จากเครื่องดื่มเป็นหลัก  ข้าพเจ้าจึงคิดวิธีการหนึ่ง  เดี๋ยวนี้มีเบียร์ที่ไม่มีแอลกอฮอล์   ข้าพเจ้าจึงเอาเบียร์ที่ไม่มีแอลกอฮอล์  ยอมจ่ายสักหน่อย   เมื่อพูด ก็ต้องพูดกันอย่างนี้  แต่ไม่ใช่บอกให้พวกท่านเลียนแบบข้าพเจ้า

พูดถึงตรงนี้  ข้าพเจ้านึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้  หลายปีมานี้ข้าพเจ้าไม่ได้บรรยายฝ่าเรื่องหนึ่งให้กับทุกท่าน   เมื่อตอนที่การประทุษร้ายรุนแรงมาก โดยเฉพาะในปีค.ศ.2000  ในขณะที่ผู้ฝึกจีนแผ่นดินใหญ่เปิดโปง การกุข่าวเท็จโฆษณาชวนเชื่อเกี่ยวกับข้าพเจ้าของพวกชั่วร้ายนั้น  มีผู้ฝึกคนหนึ่งพูดออกมาประโยคหนึ่งทำให้ข้าพเจ้าประทับใจอย่างลึกซึ้ง  และต้องแก้การรับรู้ให้ถูกต้อง  หัวหน้ามารกับคอมมิวนิสต์จีนกุข่าวเท็จกับผู้ฝึกว่า อาจารย์ของพวกท่าน มีเงินอย่างนั้น อย่างนี้   พักอยู่ในห้องพักหรูหราที่ปักกิ่ง กับ ฉางชุน  ใช้ชีวิตอย่างหรูหราฟุ่มเฟือยอย่างไรบ้าง  ในเวลานั้น ที่ข้าพเจ้าถ่ายทอดฝ่าอยู่ในประเทศจีน การดำรงชีพของข้าพเจ้านั้นเรียบง่ายมาก   ผู้ฝึกจีนแผ่นดินใหญ่คนหนึ่งพูดว่า  อาจารย์ของพวกเรานั้นดีที่สุด  ไม่ใช่เป็นอย่างนี้  ถ้าหากอาจารย์ของพวกเราเป็นเช่นว่านั้น ฉันก็ไม่เอาแล้ว    ในใจข้าพเจ้าเวลานั้นยากจะรับได้  ข้าพเจ้ารู้สึกเห็นใจและเข้าใจได้ถึงความทุกข์ยากของเทพที่เคยลงมาช่วยคนในปีนั้นยิ่งขึ้น  การบำเพ็ญนั้นคือ การบำเพ็ญตนเอง  ทำไมต้องดูคนอื่นด้วยละ

ข้าพเจ้าสอนทุกท่านบำเพ็ญ  แต่ไม่เท่ากับว่าข้าพเจ้าก็เหมือนพวกท่านที่กำลังบำเพ็ญ  หากเป็นเช่นนี้  พวกเราไม่ดีแล้ว  พวกท่านก็ไม่บำเพ็ญกันแล้ว  ใช่เช่นนี้ไหม  ในฝ่าที่ข้าพเจ้าถ่ายทอดให้พวกท่าน  ไม่อาจพูดว่าผู้เป็นอาจารย์ต้องบำเพ็ญอย่างทุกข์ยากเหมือนกับคนที่บำเพ็ญ เพราะข้าพเจ้านั้นกำลังรับทุกข์แทนสรรพชีวิตจึงถูกสิ่งชั่วร้ายโจมตี   โดยเฉพาะการบำเพ็ญต้าฝ่านั้น บำเพ็ญโดยไม่ออกจากโลกียโลก มีศิษย์ทุกระดับชั้นในสังคม จะสามารถเหมือนกับศิษย์ทั้งหมดได้อย่างไร และทำไมจะต้องเอาแต่ดำเนินชีวิตเหมือนกับผู้ฝึกที่มีกรรมหนักที่สุดหรือยากลำบากที่สุด  ถ้าหากสิ่งที่อาจารย์ทำไม่เหมือนกันกับท่านก็ไม่ได้  ก็ไม่บำเพ็ญแล้วใช่ไหม   อาจารย์ที่ช่วยเหลือพวกท่านก็ต้องเหมือนกับศิษย์   นี่ไม่ใช่พิษร้ายของวัฒนธรรมพรรคของคอมมิวนิสต์จีนหรือ คน คิดที่จะให้อาจารย์ที่มาช่วยเหลือ ทนทุกข์พร้อมกับคนด้วยจริงๆจึงจะยอมรับอย่างนั้นหรือ   ที่จริงสิ่งที่ข้าพเจ้าจะบุกเบิก  ปัญหาที่ข้าพเจ้าจะแก้ไข  ในระหว่างการเจิ้งฝ่า  ก็รวมถึงปัญหาที่เทพซึ่งลงมาช่วยคน จะไม่ถูกสรรพชีวิตในตรีภูมิทำร้าย นับจากนี้เป็นต้นไป    เทพที่ช่วยเหลือคนนั้นมาช่วยคน  ไม่อาจจะเหมือนกับคนได้   ในอดีตการแสดงออกของพวกเขานั้นยากลำบากเหมือนกับคน กระทั่งยังทุกข์ยากกว่าคนเสียอีก  เพราะว่าคนนั้นช่วยเหลือได้ยาก  เทพเองช่วยแบกรับบาปกรรมแทนคน  และเพื่อสอนคนด้วยการกระทำ  บอกให้คนศึกษา  มีเจตนาทำเช่นนี้ให้คน  บอกให้คนทำดี   เทพนั้นไม่มีบาปกรรมจะทุกข์ยากได้อย่างไรกัน  แต่ถูกกระทำเพราะกรรมของคน

อันที่จริงเทพที่มาช่วยคน ไม่อาจจะเหมือนกับผู้ที่ถูกช่วยเหลือ   คนๆหนึ่งตกลงไปในบ่อโคลน  แล้วบอกว่า ฉันอยู่บนฝั่งดึงท่านขึ้นมา ท่านจะไม่ยอม  ท่านพูดว่า คุณต้องกระโดดลงมา เป็นเหมือนกับฉัน จึงจะช่วยฉันได้  ใช่อย่างนี้หรือไม่  ไม่มีเหตุผลเช่นนี้  ในระหว่างการประทุษร้ายของสิ่งชั่วร้ายครั้งนี้ มีผู้ฝึกเท่าไรที่มีจิตใจอย่างนี้ ก็มองเห็นได้แล้ว  หลังจากได้ยินข่าวโฆษณาชวนเชื่อเกี่ยวกับอาจารย์ ก็ตกลงไป   ที่ผ่านมาในการบรรยายธรรมข้าพเจ้าเคยพูดถึงเหตุผลหนึ่ง อย่างเช่น มีวิธีพูดอย่างหนึ่งในวัฒนธรรมพรรคของคอมมิวนิสต์จีน ว่าเวลาที่จะบอกให้คนอื่นทำดี ตนเองต้องทำดีก่อน   เช่นนั้นในขณะที่มีคนกำลังทำเรื่องไม่ดี พอถูกคนอื่นชี้ออกมาแล้ว ก็จะพูดว่า  คุณยังทำดีไม่ได้ คุณอย่ามายุ่งกับฉัน  คุณจะยุ่งกับฉัน ก่อนอื่นคุณต้องทำดีก่อน นี่เป็นหลักการที่บิดเบือนแบบเดียวกับการรับรู้ข้างต้น อาจารย์ที่มาช่วยคน ไม่มีปัญหาการทำไม่ดี  มันเป็นหลักการที่เลวของวัฒนธรรมที่บิดเบือนของพรรคมาร             หรือพูดว่า  เทพไม่สนใจว่าจะใช้รูปแบบอะไรมาช่วยคน  ดังนั้นเทพองค์นี้ก็ต้องเหมือนกับคน  เช่นนี้ก็ไม่ใช่หลักการที่แท้จริง  แต่เทพก็สามารถจะเลือกใช้คำพูดหรือการกระทำในการสั่งสอนคน  นั่นเป็นความเมตตาของเทพ  และหาใช่ว่าเทพสมควรต้องเป็นเช่นนั้น  จุดนี้  ทุกท่านต้องเข้าใจให้ชัดเจน   (เสียงปรบมือ)  องค์ศากยมุนีก็ดี  พระเยซูก็ดี นั้นทรงทนทุกข์อย่างมากอยู่ในโลกก็เพื่อคน   ที่จริงพวกเขาไม่จำเป็นต้องเป็นเช่นนั้นเลยแม้แต่น้อย  แต่เนื่องจากการแบกรับกรรมแทนคนมากเหลือเกิน  ขณะเดียวกัน ในด้านนี้ ยังมีเหตุที่เกิดจากหลักธรรมเก่าของจักรวาลที่ไม่สามารถ หยวนหรง(ปรับแก้อย่างสมบูรณ์แบบ)สภาพการณ์ชนิดนี้ได้   ทำให้พวกเขาต้องภิกขาจารในหมู่คน และถูกคนประทุษร้าย   ล้วนแต่ทุกข์ยากมากตราบชั่วชีวิต  ในจุดนี้ทุกท่านต้องกระจ่างชัด

ต่อจากเรื่องที่ข้าพเจ้าพูดเมื่อครู่    ในอาหารที่มีองค์ประกอบของเหล้าอยู่นั้น ในช้อกโกเลตมีแอลกอฮอล์อยู่  พวกนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร  แต่ผู้ที่กำหนดตัวเองอย่างเข้มงวดได้ ก็จะทำได้ดีหน่อย  สำหรับผู้ฝึกใหม่ หรือผู้ฝึกที่ศึกษาฝ่าไม่มาก ก็ไม่ใช่เพราะว่าเรื่องเหล่านี้ ก็เข้าใจว่าเขาทำได้แย่มาก   ยึดกุมให้ดีด้วยตัวเองเถิด  ฝ่านั้นก็บรรยายกันได้เช่นนี้  อาจารย์บอกให้พวกท่านบำเพ็ญโดยสอดคล้องกับสภาพของคนธรรมดาสามัญมากที่สุดแต่โดยสรุปแล้วต้องเรียกร้องตนเองให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้นไป เรียกร้องตนเองให้สูงยิ่งขึ้นอีก  นี่ก็มีความแตกต่างกัน  ในฐานะผู้บำเพ็ญต้าฝ่า  หากพูดว่าฉันต้องดื่มเหล้า  นั่นก็คือจิตยึดติด

ศิษย์            จักรวาลทั้งหมดได้ทำไปจนถึงที่สุดแล้วในการเจิ้งฝ่า ประวัติศาสตร์กำลังจะเข้าสู่ ช่วงเวลาใหม่แล้ว  แต่คำพูดที่ใช้แสดงความเคารพต่ออาจารย์ ยังไม่เป็นเอกภาพ (ที่ประชุมหัวเราะ)

อาจารย์       จะปฏิบัติอย่างไรต่ออาจารย์หรือ  ที่จริงนับตั้งแต่ข้าพเจ้าเริ่มถ่ายทอดฝ่า  ก็ได้พูดอย่างชัดเจนแล้ว   ผู้คนจะเรียกข้าพเจ้าว่าอะไรก็ได้ทั้งนั้น  ท่านเรียกชื่อของข้าพเจ้า   เรียกข้าพเจ้าว่าอาจารย์  อะไรก็ได้  อาจารย์ไม่เกี่ยง  แต่ว่า ถ้าท่านเป็นศิษย์ต้าฝ่าจริงๆ  ท่านจะเรียกชื่ออาจารย์โดยตรงนั้น ไม่ถูก   คนธรรมดาสามัญเรียกชื่อข้าพเจ้าไม่เป็นไร  เขาเรียกอะไรก็ได้  ศิษย์ต้าฝ่าต้องเรียกอาจารย์  เรียกครู  ได้ทั้งนั้น  ท่านอยากจะเรียกอะไรพวกท่านก็เรียกอย่างนั้น แต่อย่าได้เรียกว่า พระพุทธ เพราะไม่ว่าอย่างไร  อาจารย์ก็ใช้ร่างกายคน บรรยายฝ่า  กำลังช่วยเหลือพวกท่านโดยใช้รูปแบบของร่างกายคน เมื่ออยู่ในโลก ก็ปรากฏออกมาโดยอาศัยร่างกายคน   ร่างคนนี้ไม่อาจเรียกเป็นพระพุทธได้   ถ้าเรียกร่างคนว่าพระพุทธ ก็เป็นการลบหลู่พระพุทธ   เช่นนั้นผู้ฝึกบางคนคิดในใจว่า  ในใจฉันรู้ว่าท่านคือใคร   นั่นคือท่านรู้อยู่ในใจ ( ที่ประชุมหัวเราะ ,ปรบมือ) ในใจท่านจะเรียกอะไรก็ไม่มีปัญหา (อาจารย์หัวเราะ)

ศิษย์            ศิษย์ต้าฝ่าเขตหนานชงเมืองเฉิงตู มณฑลเสฉวน ขอส่งความคารวะอย่างสูงมายังท่านอาจารย์  ฝากสวัสดีท่านอาจารย์ ท่านอาจารย์ คนที่อยู่ไกลบนเขตภูเขานั้นไม่อาจได้รับข่าวสาร จะทำอย่างไรดี

อาจารย์       ขอบใจศิษย์ต้าฝ่า เขตหนานชง  ไม่เป็นไร  ทุกท่านอย่าได้ร้อนใจ เรื่องมากมาย ไม่ใช่มีฝ่าเซินของอาจารย์ทำอยู่หรือ ยังมีเหล่าเทพที่แสดงบทบาทที่ถูกต้องกำลังช่วยเหลืออยู่อีก   และในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่มีศิษย์ต้าฝ่า มากมายอย่างนั้น เรื่องมากมายพวกเขาล้วนสามารถไปทำได้    หากพวกเขาไม่ได้ยินจริงๆ  เช่นนั้นก็มีวิธีที่จะทำได้  หากตกหล่นไปจริงๆก็สามารถจัดการได้  ที่จริงไม่อาจตกหล่นได้   ทุกท่านทราบไหมว่า หลังจากที่ “จิ่วผิง” ออกมา  เพียงแค่หนึ่งเดือนทั่วประเทศจีนก็รู้กันแล้ว  นี่คือสิ่งที่ให้กับคน โดยเฉพาะคนจีน ต้องให้ทุกๆคนได้มีโอกาส (เสียงปรบมือ)  ในชนบทที่ห่างไกลนั้น มีบางแห่งค่อนข้างห่างไกลข่าวสาร(ไกลปืนเที่ยง)  เทพต่างกำลังช่วยถ่ายทอดให้  ส่งต่อไป  ไม่ช้าก็ล้วนจะทราบกัน  เพราะทุกๆคนต่างต้องแสดงท่าที ในช่วงที่สำคัญที่สุดนี้

ศิษย์            การพูดกับชาวจีนแผ่นดินใหญ่มากมาย โดย เฉพาะคือสมาชิก60 ล้านคนของคอมมิวนิสต์จีน  ให้สามารถกระจ่างในธาตุแท้ของพรรคมารได้ จนแตกหักกับมันได้อย่างถึงที่สุดนั้น จำเป็นต้องมีขั้นตอนหนึ่ง(ระยะเวลาหนึ่ง) ถ้าหากในวันที่เริ่มต้นการคิดบัญชีกับพรรคชั่ว  คนเหล่านี้ที่ถูกตีตราประทับจะเป็นอย่างไรบ้าง

อาจารย์      เรื่องที่เทพจะทำนั้นย่อมจะละเอียดรอบคอบอย่างแน่นอน

                   โอกาสที่ให้กับแต่ละคนนั้นเท่าเทียมกัน  ในอนาคตพวกท่านจะเห็นได้หมด  หากในการเจิ้งฝ่าครั้งนี้  พูดว่าไม่ได้ถ่ายทอดไปถึงหูใคร  จะเป็นไปได้หรือ   ขณะ ที่ชาวโลกกำลังหลบหลีกการประทุษร้ายแล้วพูดว่า ไม่ได้ยินต้าฝ่ามาก่อน  นั้นไม่จริง  แน่ละการบำเพ็ญของศิษย์ต้าฝ่าในระหว่างการเจิ้งฝ่านั้นจะไม่เหมือนกัน ไม่ใช่ว่าคนทั้งหมดจะสามารถเป็นศิษย์ต้าฝ่าได้  แต่นี่เกี่ยวข้องกับเรื่องใหญ่ของการคงอยู่หรือดับสูญของสรรพชีวิต  การคงอยู่ของตรีภูมิล้วนแต่เพื่อการเจิ้งฝ่าครั้งนี้   สุดท้ายเรื่องใหญ่อย่างนี้ของการช่วยเหลือสรรพชีวิต จะไม่ถ่ายทอดให้คนหนึ่งคนใด ไม่ถ่ายทอดให้สรรพชีวิต  ข้าพเจ้าผู้ทำการเจิ้งฝ่าย่อมจะไม่ให้อภัยพวกเขา (เสียงปรบมือ)  คนนั้นล้วนจะทราบกันหมด  สักคนเดียวก็ไม่อาจให้ตกหล่น  จะเลือกอะไรนั่นเป็นเรื่องของพวกเขาเอง  นี่เป็นปัญหาที่สำคัญที่สุด  ทั่วทั้งตรีภูมิ  สรรพชีวิตในตรีภูมินั้น ล้วนสร้างขึ้นมาเพื่อเรื่องนี้   กลับจะตกหล่นคนในวันนี้ได้หรือ  นั่นย่อมไม่ได้   ข้าพเจ้าคิดว่านี่ไม่ควรมีปัญหานะ

ศิษย์            ขอเรียนถามท่านปรมาจารย์  เร็วๆนี้มีผู้ฝึกส่วนหนึ่งรู้สึกว่า ถูกสสารอีกมิติบีบรัด รุนแรงมาก  นี่มีอะไรเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ เจิ้งฝ่าหรือไม่

อาจารย์       ช่วงก่อนหน้านี้ มีผู้ฝึกบางคนไอ ผู้ฝึกบางคนเกิดอาการแพ้ที่ไม่ปกติบางอย่าง  โดยเฉพาะคือ หลังจาก “จิ่วผิง”ออกมาได้ช่วงหนึ่งแล้ว  ก็คือการกระทำต่อองค์ประกอบในร่างกายของคนโดยวิญญาณร้ายของพรรคชั่ว   ขณะที่ทุกท่านฟาเจิ้งเนี่ยน ต้องกำจัดมันทิ้งไป  สำหรับศิษย์ต้าฝ่า มันไม่สามารถส่งผลได้มากนัก  แต่มันสามารถรบกวนได้  เมื่อไม่นานมานี้  รวมถึงบรรดาการรบกวนที่เกิดขึ้นในด้านอื่น  โดยพื้นฐานล้วนเป็นการกระทำขององค์ประกอบของสิ่งชั่วร้ายเหล่านี้

โดยพื้นฐานแล้ว องค์ประกอบของสิ่งชั่วร้ายเหล่านั้น  ทั้งในและนอกตรีภูมิ ที่กดอัดลงมาเมื่อ วันที่ 20 กรกฎาคม 99 นั้นถูกกวาดล้างไป ไม่เหลืออะไรแล้ว  คือก่อนที่พลังยิ่งใหญ่ของการเจิ้งฝ่า ยังมาไม่ถึงชั้นผิวนอกของมิตินี้ ที่นี่ยังจะมีองค์ประกอบที่อิทธิพลเก่าเคยสร้างเอาไว้อยู่  บวกกับองค์ประกอบของวิญญาณร้ายของพรรคชั่ว ซึ่งจะยังคงทำชั่วกันอยู่   เพราะว่าในมิตินี้ก็มีพลังกงที่ข้าพเจ้าเหลือไว้ตั้งนานมาแล้ว  ยังมีเหล่าเทพถูกต้องอีกจำนวนหนึ่ง กับศิษย์ต้าฝ่า และองค์ประกอบที่ถูกต้องของศิษย์ต้าฝ่า ซึ่งได้กวาดล้างองค์ประกอบของสิ่งชั่วร้ายที่ประทุษร้ายศิษย์ต้าฝ่าไปจนเหลือไม่ถึง หนึ่งในร้อยล้านส่วน ของที่ผ่านมา  สิ่งชั่วร้ายจำนวนมากมายล้วนถูกกวาดล้างไปแล้ว   ในปัจจุบันมิติชั้นผิวนอกมีอยู่เพียง ร้อยละ 8-9 (เสียงปรบมือ)  และองค์ประกอบของวิญญาณร้ายของพรรคชั่ว ก็กำลังถูกดับสลายเป็นบริเวณกว้างใหญ่แล้ว โดยเฉพาะช่วงเร็วๆนี้  กวาดล้างไปอย่างรวดเร็วมาก  มิติอื่นที่เจิ้งฝ่าเสร็จแล้ว ล้วนแต่สลายไปแล้ว ขณะนี้ในมิติชั้นผิวนอกมีเพียงไม่ถึง 1 ใน หมื่นของยอดรวมในอดีต ประมาณว่าเหลืออยู่ในมิติชั้นผิวนอกเพียงร้อยละ7 สนามที่ต้าฝ่าวาง(แผ่คลุม)ลงไปในโลกที่ ครอบครองมิตินี้  ควรจะกระจายไปได้ถึงร้อยละ 45   เมื่อดูจากสัดส่วนนี้  องค์ประกอบของอิทธิพลเก่าที่เหลือไว้ในมิติชั้นผิวนอก กับพวกปีศาจทราม บวกกับองค์ประกอบของวิญญาณร้ายของพรรคชั่ว  รวมกันแล้วเป็นร้อยละ 15   สนามที่ต้าฝ่าวางลงมาในมิตินี้ ครอบครอง ร้อยละ 45 นี่ยังไม่ได้นับรวม ผลกระทบของศิษย์ต้าฝ่าเองเข้าไปด้วย  เมื่อข้าพเจ้านับรวมองค์ประกอบของสิ่งชั่วร้ายที่ประทุษร้ายศิษย์ต้าฝ่าเข้าด้วย ก็มีเพียงร้อยละ 15  นี่ข้าพเจ้าพูดถึง ก่อนที่พลังเจิ้งฝ่าที่ยิ่งใหญ่จะมาถึง ชั้นผิวนอก ขณะนี้สนามมิติชั้นผิวนอกของมนุษย์นั้น  องค์ประกอบของต้าฝ่าได้ครอบครองสนามไว้ร้อยละ 45 แล้ว  ยังไม่นับตัวศิษย์ต้าฝ่าเองเข้าไป

ศิษย์            เรียนถามว่าควรแบ่งแยกการงานกับ การบำเพ็ญอย่างไรดี ปัจจุบันโครงการมากมายของพวกเรามีปัญหาการจัดการอยู่

อาจารย์       ถ้าเป็นเรื่องการยืนยันความถูกต้องของฝ่าของศิษย์ต้าฝ่า ที่แท้โดยตัวมันเองก็คือ การบำเพ็ญ  แต่ไม่อาจพูดว่า เมื่อทำเรื่องของต้าฝ่าแล้ว ก็ แทนการศึกษาฝ่าได้แล้ว  นั่นไม่ถูก  ข้าพเจ้าพูดแล้วมิใช่หรือว่า   ทั้งสามเรื่องล้วนต้องทำ  ทั้งสามเรื่องล้วนต้องทำให้ดี ใช่ไหม

นอกประเทศจีนแผ่นดินใหญ่  ผู้ฝึกบางคนได้ก่อตั้งรูปแบบวิธีการของสื่อ หลายๆอย่างขึ้นมา  หรือรูปแบบอื่นในลักษณะของบริษัทในการยืนยันความถูกต้องของฝ่า  บริหารจัดการตามรูปแบบบริษัทของคนธรรมดาสามัญ   นี่ไม่ผิด  ทุกท่านอย่าเข้าใจว่านี่ ผิด  หากเรื่องใดไม่สามารถจัดการมันอย่างได้มาตรฐาน  ไม่แน่ว่าจะเป็นประโยชน์ต่อการยืนยันความถูกต้องของต้าฝ่า  ทำสื่อก็ดี  ก่อตั้งบริษัทก็ดี  นี่ล้วนเป็นรูปแบบของสังคมมนุษย์  คนที่นี้ มันมีรูปแบบการจัดการชุดหนึ่ง  ศิษย์ต้าฝ่าสามารถถือเป็นกระจกสะท้อนได้  ไม่อาจพูดว่ามันผิด   แต่เมื่อถึงระยะหนึ่งแล้ว  บริษัทยังไม่สามารถเดินได้บนทางที่เที่ยงตรง  ก็จะมีความยากลำบากระดับหนึ่ง แต่จะต้องค่อยๆทำให้ได้เช่นเดียวกับการจัดการบริษัท  ยิ่งมีผลกระทบต่อการยืนยันความถูกต้องของฝ่าทั้งทางตรงและทางอ้อมได้  ข้าพเจ้าคิดว่าทุกท่านก็พยายามร่วมมือกันให้ดี   สิ่งที่มีผลดีต่อการยืนยันความถูกต้องของฝ่า ก็พยายามทำมันให้ดี

ศิษย์            หลังจาก “จิ่วผิง”ออกมาแล้ว คนในบ้านที่ไม่บำเพ็ญบางคนไม่เข้าใจ  ตรงนี้คือการสะท้อนว่าเมื่อก่อนการบำเพ็ญของศิษย์ไม่ดีพอ จะขจัดการรบกวนชนิดนี้ได้อย่างไร

อาจารย์       คนในบ้าน แต่ก่อนแม้จะเข้าใจ  แต่ก็ตื้นเขินมาก  ท่านไม่ได้ให้เขาเข้าใจความจริง อย่างแท้จริง

หลังจาก “จิ่วผิง”ออกมา ได้เกิดสถานการณ์อย่างหนึ่ง  คือการประกาศลาออกแทนคนในบ้าน  คนในบ้านบางคนไม่ยอม  “ไม่ทำไม่ได้” ฉันลาออกแทนให้คุณแล้ว (ที่ประชุมหัวเราะ) ที่จริงเขาไม่ยอม ก็ไม่ถูกจริงๆ     สามารถทำแทนผู้อื่นได้ แต่เขาต้องเห็นชอบด้วย  เขาไม่เห็นชอบด้วย ก็ทำไม่ได้  เทพล้วนมองที่การเลือกของคน  เรื่องนี้สะท้อนว่าผู้ฝึกหลายคนนั้น อธิบายความจริงกับคนในบ้านได้ไม่ดี  ไม่เพียงพอ  หรือทำไม่ชัดเจน   พวกท่านทราบไหมว่าสาเหตุที่สำคัญที่สุดคืออะไร   ก็คือท่านรู้สึกว่า เขาเป็นญาติฉัน ท่านไม่ได้ถือว่าเขาเป็นสรรพชีวิตหนึ่ง  ท่านไม่ได้ถือเขาเหมือนกับ ชีวิตที่เป็นเอกเทศทั้งหลาย  ท่านต้องไปอธิบายกับคนในบ้านอย่างละเอียดจริงๆจังๆเหมือนกับที่อธิบายกับชาวโลก   เมื่อท่านถือว่าเขาเป็นญาติของตัวเองแล้ว  แสดงออกมาอย่างไม่เห็นความสำคัญแล้ว  ก็บรรลุผลที่ดีมากไม่ได้  กระทั่งท่านรู้สึกว่าเขาเป็นญาติฉัน  ฉันสามารถทำแทนเขา  นั่นล้วนไม่ถูก  องค์ประกอบของตรีภูมินั้น ล้วนแต่เพื่อการเจิ้งฝ่าวันนี้   เรื่องที่ใหญ่อย่างนี้จะทำแบบขอไปทีนั้นไม่ได้  ชีวิตหนึ่งๆนั้น ไหนเลยจะสั้นๆง่ายๆ   ในเวลาวิกฤตชีวิตไหนจะสามารถถูกผู้อื่นแทนได้  ชีวิตหนึ่งชีวิตใด จะไม่ให้โอกาสเขา ในการเลือกอนาคตของตัวเองได้ไหม   ในเวลาวิกฤต ชีวิต ต้องยืนยันความเป็นจริงให้กับตนเอง ดังนั้นทุกท่าน ที่ในบ้านมีสถานการณ์เช่นนี้  ล้วนแต่ต้องอธิบายความจริงอย่างรอบคอบ  จะทำแทนเรื่องอะไรของคนธรรมดาสามัญในบ้าน ก็สามารถทำได้   แต่เรื่องใหญ่เกี่ยวกับอนาคตของชีวิตหนึ่งนั้น จะทำแทนไม่ได้  ถ้าท่านคิดจะช่วยเหลือญาติจริงๆ  เช่นนั้นท่านก็ไปอธิบายกับเขา เหมือนกับการอธิบายความจริงกับคนอื่น  เพราะด้านนั้นที่เข้าใจของคน ต่างทราบดี   ชาตินี้ฉันเป็นญาติของคุณ  ชาติต่อมาไม่แน่ว่าจะเป็นญาติของใคร   พวกเรานั้น มีวาสนาต่อกันชาติเดียว  ก็เหมือนกับอยู่โรงเตี๊ยม  น้อยหน่อยก็คืนหนึ่ง  รุ่งขึ้นต่างแยกย้ายกันไป  ใครจะแทนใครได้ละ  ที่จริงก็เป็นเช่นนี้

ศิษย์            ควรจะผลักดันเรื่องการฟ้องร้องคนชั่วอย่างไร ในอัฟริกา  สถานการณ์ปัจจุบันมักมีการรบกวน  บทบาทของการฟ้องร้องเจียงในระหว่างการเจิ้งฝ่าเป็นอย่างไร

อาจารย์       เรื่องเหล่านี้ที่ทุกท่านทำกัน ข้าพเจ้าล้วนแต่ยอมรับ  และทำได้ดีมาก  สามารถพูดว่า ได้ทำหลายเรื่องที่งดงาม  สร้างความหวาดหวั่นให้สิ่งชั่วร้ายกับคนชั่วได้  ทำให้ชาวโลกรับรู้ต่อสิ่งชั่วร้ายได้แล้ว และกำลังช่วยเหลือสรรพชีวิต ล้วนแต่ก่อผลที่ดีมากในด้านต่างๆ  สมควรทำ  และไม่ได้ทำโดยสูญเปล่า  พูดถึงว่าจะทำให้ดียิ่งขึ้นได้อย่างไรนั้น  จะผลักดันกันอย่างไร  อันนี้ต้องให้พวกท่านทำเอง  ทำได้ระดับไหนก็ต้องดูพวกท่าน ที่จริงสำหรับการบำเพ็ญของแต่ละคน  นั่นคือพวกท่านกำลังเดินบนเส้นทางของตัวเอง เรื่องเหล่านี้ทำได้ดีมาก  บางครั้งได้เห็นเรื่องเหล่านี้ที่พวกท่านทำ  ข้าพเจ้านั้นร้องเชียร์พวกท่านอยู่จริงๆ

ศิษย์            ผมมีญาติคนหนึ่งเป็นสมาชิกพรรค  ในจีนแผ่นดินใหญ่  ตัวเขาเองไม่อยากลาออกจากพรรค  พอผมแนะให้ทำ ก็ไม่ฟัง  เมื่อถึงเวลากวาดทิ้ง จะเสียชีวิตหรือไม่

อาจารย์       (หัวเราะ) กวาดทิ้ง หรือไม่กวาดทิ้ง  เหลือรอดหรือไม่  นี่เป็นเรื่องในวันหน้า  ขณะนี้ได้แต่คิดช่วยเหลือคน  ยึดติดกับอนาคตก็ไม่มีประโยชน์  เพราะเจิ้งฝ่ามาถึงที่นี่ ก็จะมีมาตรฐานอยู่  แต่มีจุดหนึ่งที่แน่นอน  ไม่ว่าพวกเราจะทำกันอย่างไร  มีคนส่วนมากจำนวนหนึ่งซึ่ง จะช่วยเหลือไม่ได้แล้ว ในนี้อาจรวมถึงพวกที่ไม่อยากฟังความจริงเหล่านั้น   ต่อความจริงไม่อยากรับฟัง คนที่ไม่อยากอ่าน “จิ่วผิง” นั่นก็เป็นการเลือกของพวกเขาเอง สิ่งที่ทุกท่านควรทำก็ทำไปหมดแล้ว  ในระหว่างถูกประทุษร้าย ศิษย์ต้าฝ่ายังต้องช่วยเหลือสรรพชีวิต  ฟันฝ่าความยากลำบากนานาชนิดไปบอกความจริงกับคน  คนบางคนกลับไม่อยากฟัง  และศิษย์ต้าฝ่านั้นช่วยเหลือคนในขณะถูกประทุษร้าย  ไม่อยากฟัง  ไม่อยากอ่านนั่นก็เป็นวิธีการเลือกอย่างหนึ่งของคน  ไม่อยากจะได้รับการช่วยเหลือ ก็ได้แต่ตามพรรคมารไปแล้ว

ศิษย์            ก่อนบำเพ็ญและหลังบำเพ็ญ ไม่ได้ออกไปทำงานตลอดมา  หลังบำเพ็ญ อยู่ในบ้านยิ่งมีเรื่องการเผยแพร่ฝ่ามากยิ่งขึ้น เช่นนี้นับว่าสอดคล้องกับรูปแบบสังคมของคนธรรมดาสามัญหรือไม่  หรือว่าตอนนี้ต้องออกไปหางานทำ

อาจารย์       ถ้าหากด้านเศรษฐกิจของครอบครัวไม่ลำบาก  ไม่มีภาระ  จะทำงานหรือไม่ทำงาน นั่นขึ้นอยู่กับท่านเอง  ไม่มีปัญหาสอดคล้องกับรูปแบบการบำเพ็ญ  ข้าพเจ้าทราบว่ามีผู้ฝึกบางคนยืมเงินไว้มากมาย  ตัวเองไม่ไปทำงาน  บอกว่าตัวเองยืนยันความถูกต้องของฝ่าไม่มีเวลาทำงาน  เงินที่ยืมก็ชดใช้ไม่ได้  นี่จึงเป็นปัญหา  พวกท่านเคยคิดหรือไม่  ในหลักการของฝ่า อาจารย์เคยพูดไว้ว่า  ติดหนี้ต้องชดใช้  บำเพ็ญแล้วหรือหยวนหมั่นแล้ว  หนี้อะไรก็ไม่ชดใช้ทั้งนั้นก็ไปแล้ว  หยวนหมั่นเป็นเทพไปแล้ว  หนี้ที่ติดค้าง ใครจะชดใช้ละ  ต่อให้ติดค้างศิษย์ต้าฝ่าด้วยกันก็ไม่ถูกต้อง  แน่ละผู้ฝึกบางคนบอกว่าไม่เอา  ฉันให้เธอ  นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง  นั่นคือการมอบให้  เป็นคนละเรื่องกับการติดค้าง  อย่าเดินสุดขั้ว  ในใจนั้นกำลังคิดว่าเรื่องการยืนยันความถูกต้องของฝ่านี้กำลังจะจบสิ้นแล้ว  ฉันติดค้างเธอ ฉันก็ไม่ต้องชดใช้แล้ว  พอถึงเวลาที่สิ้นสุด ก็จบกันแล้ว  (ที่ประชุมหัวเราะ)  นี่จะใช้ได้หรือ  ความคิดนี้ถูกต้องไหม  นั่นคือไม่รับผิดชอบ  ข้าพเจ้าไม่ใช่พูดแล้วหรือว่า  ศิษย์ต้าฝ่าอยู่ตรงไหนก็ต้องเป็นคนดีใช่ไหม  เพราะศิษย์ต้าฝ่าจำนวนมากต่างก็ทำงานไปพลาง ยืนยันความถูกต้องของฝ่าไปพลาง   แน่ละ  หากพูดว่าฉันไม่จำเป็นต้องทำงาน  การเงินไม่มีปัญหา ฉันก็จากครอบครัวไปได้  นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง  ทุกท่านต่างก็มีครอบครัว  มีเรื่องทางสังคมต้องทำ  ต่างก็บำเพ็ญอยู่ในสังคมมนุษย์  ยืนยันความถูกต้องของฝ่าอยู่ในโลกียโลก  เหตุใดจึงจงใจไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดของฝ่าละ  แน่ละ คนเขาบอกว่าไม่ต้องการเงิน  บ้านของพวกเราไม่ต้องการให้เราทำงาน  นั่นเป็นคนละเรื่อง นั่นก็ไม่มีปัญหา

ศิษย์            ขอเชิญท่านอาจารย์ให้ความกระจ่าง ในความหมายที่ลึกซึ้ง ของ  “หมุนหลุนสู่โลกมนุษย์”

อาจารย์       “หมุนหลุนสู่โลกมนุษย์” หมุนหลุนอะไรหรือ  แน่ละ คือฝ่าหลุน  (เสียงปรบมือ) ฝ่าหลุน หมุนสู่โลก นั่นมิใช่เจิ้งฝ่าสู่โลกหรือ  คือความหมายนี้

ศิษย์            หลังจากที่จิงเหวิน “หมุนหลุนสู่โลกมนุษย์”ของท่านอาจารย์ ตีพิมพ์ออกมา  ศิษย์บางคนรู้สึกว่า จิงเหวินนี้ให้ลูกศิษย์อ่าน  ศิษย์บางคน รู้สึกว่าควรตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ให้คนธรรมดาสามัญอ่าน  ศิษย์ยึดกุมได้ไม่ดี

อาจารย์       ให้คนธรรมดาสามัญอ่านก็ได้ ในหมู่คนธรรมดาสามัญมีบางคนสามารถอ่านเข้าใจได้  แต่ก็มีคนมากมายที่เลอะเลือน ก็จะอ่านไม่เข้าใจ  และอาจก่อให้เกิดผลที่ไม่ดี ขณะนี้สังคมมนุษย์ก็เป็นเช่นนี้กันแล้ว  ดังนั้นรูปธรรมของเรื่องเหล่านี้ พวกท่านหารือกันเองเถิด  ก็เหมือนกับภาพถ่ายของอาจารย์ที่ ใส่ไว้ในหนังสือพิมพ์  ในเมื่ออาจารย์บอกว่าทำได้  พวกท่านก็ทำกันแล้ว  ไม่มีปัญหา แต่อย่านำสิ่งที่ข้าพเจ้าเขียน หรือพูด พิมพ์เป็นใบปลิวแจก เรื่องเหล่านี้ทุกท่าน ต้องพยายามทำอย่างมีสติ  รับผิดชอบต่อฝ่า  รับผิดชอบต่อการช่วยเหลือสรรพชีวิต  และก็คือรับผิดชอบต่อตนเอง

ศิษย์            ในสังคมตะวันตก มีคนธรรมดาสามัญบางคน โดยเฉพาะปัญญาชนนักวิชาการ กระตือรือร้นในการค้นคว้าลัทธิพรรคคอมมิวนิสต์ชั่ว กับลัทธิมาร์กชั่ว   แต่คนธรรมดาสามัญเหล่านี้ หาใช่สมาชิกพรรคมารของประเทศจีน  เรียนถามท่านอาจารย์  สำหรับคนธรรมดาสามัญเหล่านี้  พวกเราควรช่วยเหลืออย่างไรได้บ้าง

อาจารย์       ให้เขาลองอ่าน “จิ่วผิง”ซิ  ท่านบอกเขาว่า ลองดูซิว่า การค้นคว้าของเรา เปรียบกับการค้นคว้าของพวกคุณ เป็นอย่างไรบ้าง    พวกเราออกมาจากสังคมนั้น   การค้นคว้าของพวกเรานั้นได้ผ่านประสบการณ์มาด้วยตัวเอง   คุณลองดูซิว่าการค้นคว้าของใครทำได้ชัดเจน  เรามาถกกันดู (หัวเราะ)(เสียงปรบมือ)

ศิษย์            ศิษย์ได้ฝ่าเมื่อเดือนพฤษภาคม ปีที่แล้ว ขอขอบพระคุณการช่วยเหลือด้วยความเมตตาของท่านอาจารย์   หลังได้ฝ่าศิษย์รีบเข้าร่วมงานของต้าฝ่า  บางครั้งยุ่งเสียจนไม่มีเวลาฝึกพลัง  รู้สึกร้อนใจมาก  เรียนเชิญท่านอาจารย์กรุณาพูดอีกครั้งว่า จะเดินไปให้ดีบนเส้นทางการยืนยันความถูกต้องของฝ่า กับการบำเพ็ญส่วนบุคคลได้อย่างไร

อาจารย์       กล่าวสำหรับผู้ฝึกนั้น  ไม่มีทางลัดของการบำเพ็ญ  ผู้ฝึกใหม่ก็เช่นกัน   คือบำเพ็ญไป  อย่างจริงๆจังๆ  ทำสามสิ่งที่ศิษย์ต้าฝ่าควรทำให้ดี   ดูคล้ายธรรมดาๆ   ธรรมานุภาพทั้งปวง ทุกสิ่งของการหยวนหมั่นในอนาคตของศิษย์ต้าฝ่า  ล้วนแต่มาจากสิ่งเหล่านี้   อย่าร้อนใจ  และอย่าทำเรื่องที่เดินสุดขั้ว   ก็คือให้ทำเป็นปกติ อย่างมีสติ  รูปแบบการบำเพ็ญของพวกท่านก็คือเช่นนี้  ผู้มีใจเด็ดเดี่ยวแน่วแน่  สุดท้ายย่อมสำเร็จ

ศิษย์            ผู้ฝึกชาวตะวันตกควรปฏิบัติอย่างไร ต่อเรื่องการลาออกจากพรรคคอมมิวนิสต์ ผู้ฝึกชาวตะวันตกที่เคยอยู่ในประเทศจีน ก็ได้รับผลกระทบจากวิญญาณคอมมิวนิสต์จีนด้วยไหม

อาจารย์       บางคนนั้นได้รับผลกระทบ บางคนไม่ได้รับผลกระทบ  เนื่องจากชาวตะวันตกมากมายไปประเทศจีน ไม่แน่ว่าจะกลืนเข้าไปอยู่ในแวดวงของคนจีน  มีจำนวนมากที่ไม่ได้รับผลกระทบ  แต่ก็มีบางรายที่คิดจะมุดเข้าไปในพรรคมาร  กล่าวสำหรับศิษย์ต้าฝ่า  ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็ไม่มีปัญหา

ศิษย์            สวัสดีท่านอาจารย์  ผมลาออกจากพรรคแล้ว  แต่ค่าสมาชิกพรรคนั้น จ่ายโดยผ่านการหักจากเงินเดือน  ทำอย่างไรดีครับ

อาจารย์       งั้นก็ถือเสียว่าถูกลัทธิมารฉกเอาไปก็แล้วกัน( ที่ประชุมหัวเราะ ปรบมือ ) ไม่เป็นไร

ศิษย์            ผู้ฝึกบางคนคิดจะลาออกแทนญาติที่เสียชีวิตไปแล้ว  จำเป็นหรือไม่

อาจารย์       ได้  ไม่มีปัญหา  เพราะว่าเสียชีวิตไปแล้ว  เขาไม่สามารถวิ่งมาฝั่งนี้ ค้นหาต้าจี้หยวนลงประกาศทางหนังสือพิมพ์ หรือเว็บไซด์ใช่ไหม (หัวเราะ) (เสียงปรบมือ) ได้  จะเกิดประโยชน์หรือไม่ละ  เกิดประโยชน์(เสียงปรบมือ)

ศิษย์            ศิษย์โพ้นทะเล ใช้ชื่อสมมติลาออกจากพรรคคอมมิวนิสต์ในหลักความเชื่อที่ถูกต้อง  ความคิดที่ถูกต้อง การกระทำที่ถูกต้อง กับการลาออกจากพรรคคอมมิวนิสต์โดยใช้ชื่อจริง เหมือนกันหรือไม่

อาจารย์       เมื่อครู่ข้าพเจ้าพูดไปแล้วใช้ชื่อสมมติไม่เป็นไร  เพราะเทพดูที่ใจคน แต่สำหรับคนในสังคมมนุษย์ รูปแบบก็ให้ความสว่างทางปัญญาได้  และเป็นสิ่งจำเป็นในการช่วยเหลือคน

ศิษย์            ผมควรพลิกแพลงใช้ประโยชน์ของสื่อภาพยนตร์ และ ทีวีสอดแทรกเข้าในกระแสหลักของสังคมให้ดียิ่งขึ้น ด้วยปัญญาได้อย่างไร

อาจารย์       ถ้ามีความสามารถทางด้านนี้ก็ทำเถอะ อาศัยรูปแบบเหล่านี้ยืนยันความถูกต้องของฝ่า เปิดโปงการประทุษร้าย  ช่วยเหลือสรรพชีวิต  นั่นยิ่งจะดีอย่างแน่นอน สอดแทรกเข้าไปในกระแสหลักของสังคม   เพียงสามารถแก้ ไขได้นิดหน่อยก็ใช้ได้   ก็คือถ้าสามารถถ่ายทำสิ่งที่ดีออก มาได้จริง  ไม่เกินไปกว่าเงื่อนไขทางเศรษฐกิจ ก็ต้องเพิ่มเข้าไป สื่อมวลชนก็เช่นเดียวกัน  ทำกันได้ดีจริงๆ  และต้องสามารถเข้าสู่กระแสหลักของสังคม เข้าสู่กระแสหลัก ของสื่อมวลชนได้   นี่ล้วนดีมากแน่ๆ  ข้าพเจ้าทราบว่ามีเรื่องมากมาย ทุกท่านก็ล้วนขยันขันแข็งกันจริงๆ  และจะทำได้ดีทั้งหมด  ข้าพเจ้าเชื่อว่าจะต้องมีวันหนึ่ง  ที่สามารถทำได้แน่นอน อย่างค่อยเป็นค่อยไป (เสียงปรบมือ)  ข้าพเจ้ายังจะขอพูดประโยคนั้น  ไม่เพียงแต่จะทำได้ดี  ในอนาคตจะต้องเป็นสื่อที่ใหญ่ที่สุดด้วย  (เสียงปรบมือ) เมื่อมนุษย์สามารถเข้าใจทั้งหมดนี้ได้   ข้าพเจ้าว่ามนุษย์ต่างก็จะไม่อาจมีความสนใจต่อ อะไรๆมากมายอย่างนั้นแล้ว  มีเพียงเสียงเสนอข่าวการได้ฝ่าเท่านั้น การเลือกอนาคตที่งดงามให้กับตนเองจะเป็นเรื่องอันดับหนึ่ง (เสียงปรบมือ)

ศิษย์            เนื่องจากผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในประเทศจีนนั้นเผยแพร่ในอเมริกา  เงินทุนย่อมจะไหลเข้าไปในประเทศจีน และถูกใช้ในการประทุษร้ายผู้ฝึกฝ่าหลุนกง  ดังนั้นผมจึงไม่ซื้อหาผลิตภัณฑ์ที่ทำในจีนอีก  วิธีคิดของผมเช่นนี้ถูกหรือไม่

อาจารย์       แน่นอน ไม่ผิด  ผู้ฝึกเรามากมาย ก็ไม่ซื้อกันมิใช่หรือ (หัวเราะ) แต่ว่า มีแต่ผู้ฝึกที่ไม่ซื้อ ดูเหมือนว่าส่งผลกระทบได้ไม่มาก        (หัวเราะ)  และอย่าทำให้การดำรงชีพยากลำบากด้วยเหตุนี้ หากในการดำรงชีพ จำเป็น ต้องซื้อก็ไม่เป็นไร  ถ้าชาวโลกล้วนรับรู้ทั้งหมดนี้ได้   กล่าวสำหรับสิ่งชั่วร้าย นั่นก็น่ากลัวมากแล้ว

ศิษย์            หากชาวโลกมีท่าทีที่ถูกต้องต่อต้าฝ่า แต่ยังรับรู้ ต่อพรรคมารวิญญาณชั่ว ได้ไม่ถูกต้อง  ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร

อาจารย์       เช่นนั้นก็ต้องดูสภาพการณ์ของเขาแล้ว  เพราะท่าทีต่อต้าฝ่านั้นเป็นเรื่องอันดับหนึ่ง  ถ้าหากโดยรากเหง้าของเขา นั้นคือ สนับสนุนพรรคมาร  ยอมรับพรรคมาร  เช่นนั้นกล่าวสำหรับเขาแล้ว ก็อันตรายจริงๆ

ศิษย์            ผู้ฝึกจีนแผ่นดินใหญ่อยากเรียนถามท่านอาจารย์  คนธรรมดาสามัญมากมายนั้น เมื่อก่อนเป็น ทหารแดงน้อย  สมาชิกสันนิบาตยุวชน  เรียนถามว่า ต้องลาออกด้วยหรือไม่

อาจารย์       การสลัดทิ้งตราประทับของสิ่งชั่วร้ายนั้นเป็นเรื่องจำเป็น แม้การประกาศลาออกจะเป็นรูปแบบหนึ่ง  แต่หากคนสามารถออกมาประกาศตัว  ก็พูดได้ว่าเขาสามารถก้าวออกมาจากก้าวนี้ได้  โดยผ่านเรื่องนี้ ใจคนก็จะเปลี่ยน  ดังนั้นองค์ประกอบเหล่านั้นในร่างกายคน  ก็จะถูกกวาดทิ้งไป  บางคนพูดว่าฉันไม่ต้องเขียนหรอก  ใจฉันลาออกไปแล้ว   นั่นยังไม่อาจบรรลุถึงการกวาดล้างองค์ประกอบของพิษร้ายในร่างกายอย่างแน่นอนจริงๆ เทพก็กำลังดูว่าคนนั้นยืนหยัดจริงหรือไม่    เพราะมูลเหตุของความคิดนึกของคนนั้น สลับซับซ้อนมาก  ดังนั้นพฤติกรรมของคน จึงเป็นการแสดงออกที่แม่นยำถูกต้องที่สุด

ศิษย์            ยังมีคนธรรมดาสามัญจำนวนมากพูดว่า ตนเอง ไม่ได้จ่ายค่าสมาชิกพรรคหรือสันนิบาตตั้งนานมาแล้ว  ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคตั้งนานมาแล้ว ไม่ต้องทำตามรูปแบบการลาออกจากพรรคคอมมิวนิสต์ก็ได้แล้ว  จะมองปัญหานี้อย่างไรดี

อาจารย์       ก็ยังคงเป็นประเด็นนั้น  มันไม่ใช่เพียงเป็นปัญหาของรูปแบบของการเข้าสู่พรรค  มันได้ตีตราลัทธิมารให้กับคนแล้วจริงๆ  เข้าเป็นสมาชิกของพวกมันแล้ว  ตราประทับนี้ต้องลบทิ้งไป   ตราประทับชนิดนี้ไม่ได้ปรากฏออกมาในโลกมนุษย์ ส่วนที่บังเกิดผลนั้นยังมีองค์ประกอบในร่างกายคน  เพราะคนเคยปฏิญาณต่อหน้าธงสีเลือดนั้น  ได้มอบชีวิตให้มันแล้ว  ท่านพูดว่าท่านไม่ประกาศลาออกมา เพียงแต่คิดอยู่ในใจ ก็นับว่าใช้ได้ละหรือ ที่จริงพูดไปแล้วพรรคมารนี้ มันช่างชั่วร้ายอย่างสุดยอดจริงๆ  มันเรียกให้คนปฏิญาณต่อธงสีเลือด  อุทิศชีวิตให้กับพรรคมาร  มอบอุทิศชีวิตให้กับพรรคมารนั้น ทำตามต้องการ  แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยมีพรรคการเมืองใด  หรือองค์กรอะไรของมนุษย์ที่โหดเหี้ยมอำมหิตถึงระดับนี้

ศิษย์            ผู้ฝึกชาวตะวันตกบางคน เข้าใจว่า ท่วงทำนองการพูดของ “จิ่วผิง” ไม่ง่ายสำหรับสังคมตะวันตกที่จะยอมรับได้ เมื่อพวกเราแนะนำ “จิ่วผิง” ให้แก่สังคมตะวันตกนั้น ควรระวังอะไรบ้าง

อาจารย์       ไม่ใช่อย่างนี้  ทำไปตามแบบเดิม ไม่เป็นไร อย่าเน้นย้ำเรื่องเหล่านี้  วิธีคิดของตะวันออก-ตะวันตกนั้นต่างกัน  แต่เบื้องหลังของ “จิ่วผิง”นั้นมีองค์ประกอบของเทพอยู่ จะส่งผลในทางที่ถูกต้องต่อคน  ไม่ว่าชาวตะวันออก หรือ ชาวตะวันตก  องค์ประกอบหลายอย่างของอิทธิพลเก่าที่ทิ้งเอาไว้  ไม่ยอมให้เขายุ่งเกี่ยวกับต้าฝ่า เป็นการชั่วคราว อาจจะควบคุมเขาอยู่ ต้องดูสภาพการณ์รูปธรรม  ชาวตะวันตกมากมายไม่ได้รับพิษร้ายของพรรคมาร  ดังนั้นกล่าวสำหรับคนๆนั้น  อาจเป็นว่าเขาจะแสดงออกมาแบบเย็นชา  นี่ไม่เป็นไร  พูดถึง “จิ่วผิง” ณ ขณะนี้กล่าวสำหรับมนุษย์แล้ว ก็เป็นก้าวสำคัญก้าวหนึ่งในการช่วยเหลือชาวโลก  ก้าวต่อไป นั้นบางทีในเร็วๆนี้ ทุกๆคนบนโลก ต่างจะต้องแสดงท่าที ต่อปัญหาที่ว่าจะเอาหรือไม่เอาพรรคมาร   แต่ละคนต่างต้องเลือกอนาคต  ไม่ใช่ประเทศของพรรคมาร แต่ที่แท้ก็เป็นคอมมิวนิสต์พวกหนึ่งด้วย  ในคำพยากรณ์ไม่ใช่  กล่าวไว้หรือว่า ผู้นั้นๆๆ ปกครองใต้ฟ้า (โลก) หรอกหรือ

และมีบางคนพูดว่า “จิ่วผิง”นั้นยาวเกินไป  จะย่อให้สั้นหน่อยได้หรือไม่ ไม่ได้   ร้อยกว่าปีมานี้ กลุ่มอันธพาลคอมมิวนิสต์ ต่อสู้กับสังคมเสรีไม่หยุดหย่อน  แต่ไม่มีใครเคยพูดให้กระจ่างว่า พรรคมารคืออะไร  สาธารณรัฐจีนก็ต่อสู้กับคอมมิวนิสต์จีนอยู่หลายสิบปี เขียนบทความออกมาไม่หยุดหย่อน  แต่ก็ไม่ได้พูดให้กระจ่างว่าพรรคมารคืออะไรเช่นเดียวกัน พวกเราพูดมันออกมาอย่างชัดเจนเป็นครั้งแรก  แล้วจะย่อให้สั้นได้อย่างไรกันละ  ยังจะทำเหมือนบทความสั้นๆ ที่ไม่สลักสำคัญอะไรเหมือนเมื่อก่อนได้หรือ เช่นนั้นจะสามารถบังเกิดผลและความรับผิดชอบ ที่ยิ่งใหญ่อย่างนี้  ที่ประวัติศาสตร์มอบให้ได้หรือ เป้าหมายที่พวกเราพูดถึงพรรคมารอย่างชัดแจ้งนั้นคือ เปิดโปงธาตุแท้ของพรรคมาร  ให้คนได้เห็นมันอย่างชัดแจ้ง  จากนั้นก็ช่วยเหลือชาวโลก และให้ชาวโลกเข้าใจมันว่า เหตุใดมันจึงประทุษร้ายศิษย์ต้าฝ่าอย่างบ้าคลั่งเช่นนี้ พวกเราไม่ได้เล่นการเมือง และนี่ก็ไม่ใช่สิ่งที่การเมืองจะสามารถทำได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ปณิธานยิ่ง ใหญ่ในใจของข้าพเจ้าคือการช่วยเหลือสรรพชีวิต ไม่จำเป็นต้อง รับรองอะไรกับชีวิตที่มีความคิดไม่เที่ยงตรง  ประวัติศาสตร์สามารถจะปรับแก้ทุกสิ่งให้ถูกต้อง   สำหรับพรรคมารนี้ ข้าพเจ้าก็ได้ให้โอกาสมันหลายครั้งแล้ว  ในวาระสุดท้ายของสิ่งชั่วร้ายนี้ ข้าพเจ้าก็ยังจะเตือนอีกครั้ง  ข้าพเจ้า หลี่ หงจื้อ นั้นอะไรก็รู้หมด  อะไรๆก็สามารถพูดกระจ่างได้หมด  แต่เพราะสิ่งชั่วร้ายบ้าคลั่งจนเสียสติไปแล้ว  ตราบจนขณะนี้พวกมันก็ยังประทุษร้ายศิษย์ต้าฝ่า โดยไม่มีสติแจ่มชัดรอดูตอนจบละกัน

ศิษย์            ยังมีคนธรรมดาสามัญที่เข้าใจว่า “จิ่วผิง”ดีมาก แต่ไม่ยอมรับต้าฝ่า

อาจารย์       ความคิดของคนธรรมดาสามัญนั้น บ่อยครั้งเป็นผลจากทัศนคติ ไม่ใช่คำพูดที่ผ่านการไตร่ตรองอย่างแท้จริง  มักไม่ใช่ออกมาจากใจจริง  คล้ายจะใช่แต่ไม่ใช่   สภาพการณ์เช่นนี้ก็ต้องบอกให้เขามีสติขึ้นมา  ท่านไม่ยอมรับต้าฝ่านั้น หมายถึงอะไรละ  พูดว่าเขาไม่เรียน  ไม่เรียนก็ไม่เรียน  ไม่มีใครรบเร้าให้ท่านเรียน  มีแต่ลัทธิมารที่รบเร้าจะให้คนเรียนให้ได้  และท่านคิดจะลาออกก็ไม่ยอม   ต้าฝ่าไม่สนใจเรื่องเหล่านี้  ท่านอยากเรียนก็เรียน  ท่านไม่เรียนก็ไม่ต้องเรียน  สิ่งที่ข้าพเจ้าพูดกับคนในวันนี้ ก็คือบอกความจริงกับคน ข้าพเจ้าบอกให้ท่านเข้าใจว่าต้าฝ่าคืออะไร เหตุใดพรรคมารต้องการประทุษร้าย  เป็นการช่วยคนขจัดพิษร้ายในสมอง   พูดถึงว่าท่านคิดจะเรียนหรือไม่  นั่นเป็นเรื่องของท่าน  หากท่านไม่เห็นด้วยกับต้าฝ่าจริงๆ  นั่นคือการเลือกอนาคตแล้ว

ศิษย์            นับตั้งแต่ “จิ่วผิง”ออกมา  ตัวเองกระตือรือร้นมากกับการเขียนบทความเปิดโปงพรรคมาร  แต่กลับย่อหย่อนในการศึกษาฝ่า ควรปรับสมดุลอย่างไร

อาจารย์       นี่กลับไม่ใช่การรบกวนอะไรอย่างแน่นอน  ก็คือต้องหาเวลาศึกษาฝ่า  ศึกษาฝ่าอย่างจริงจัง  อย่าทำแบบขอไปที  ทั้งสามเรื่องล้วนต้องทำใช่ไหม  การเขียนบทความก็เป็นการยืนยันความถูกต้องของฝ่าด้านหนึ่ง  แต่ไม่สามารถแทนอีกสองเรื่อง

ศิษย์            มีเพื่อนผู้บำเพ็ญในจีนแผ่นดินใหญ่เข้าใจว่า บทบรรณาธิการบางบทของหมิงฮุ่ย ไม่ได้ปฏิบัติตามเจตจำนงของต้าฝ่า  จะพูดเกลี้ยกล่อมเพื่อนผู้บำเพ็ญในจีนแผ่นดินใหญ่เหล่านี้ได้อย่างไร

อาจารย์       อันนี้ไม่เป็นไร ที่พูดว่าหมิงฮุ่ยมีปัญหา เช่นนั้นก็ส่งผลให้เกิดการกระตุ้น ต่อการบำเพ็ญของศิษย์ต้าฝ่าหมิงฮุ่ยใช่หรือไม่  และก็จะเกิดผลทางบวก  เช่นนั้นพวกเราก็แก้ไขตัวเองมากๆหน่อย  ผิดไปแล้วพวกเราก็แก้ไข  ถ้าไม่มีความผิดก็ต้องยืนหยัด  ไม่ถูกชักนำโดยผู้ฝึกที่มีจิตของคนธรรมดาสามัญ  แต่หาใช่ว่า ผู้ฝึกล้วนแต่มีจิตของคนธรรมดาสามัญ  แต่อาจเป็นว่าวิธีทำงาน จะมีวิธีการที่ดียิ่งขึ้น  กล่าวโดยสรุป  หมิงฮุ่ยนั้นยิ่งทำยิ่งดี  ทางที่เดินนั้นถูกต้องเที่ยงตรง สภาพการณ์ของประเทศจีนแผ่นดินใหญ่นั้นสลับซับซ้อน  ผู้ฝึกบางคน จิตของคนธรรมดาสามัญของเขานั้นยึดติดอย่างรุนแรง  องค์ประกอบที่รบกวนของพรรคมารก็กำลังแสดงบทบาทอยู่  และมีคนชั่วจำนวนหนึ่งที่กำลังแสร้งทำเป็นผู้ฝึก  นี่ล้วน ไม่เป็นไร  รบกวนหมิงฮุ่ยไม่ได้แล้ว

ศิษย์            ในระยะแรกที่ท่านอาจารย์บรรยายธรรม ได้พูดถึงการช่วยเหลือพระสงฆ์กับชีว่ากำหนดเอาไว้หลังสุด  ใช่ไหมว่าการอธิบายความจริงกับพวกเขาจัดเป็นลำดับรอง

อาจารย์       การช่วยเหลือสำหรับคนในศาสนาอื่นได้วางไว้ท้ายสุดแล้ว  ก้าวต่อไปจึงจะทำ  มีคนพูดว่าทำไมศิษย์ต้าฝ่าจึงพิเศษเช่นนี้ละ พิเศษยิ่งกว่าคนในศาสนาอีกละ  ทำไมไม่ช่วยเหลือพวกเขาเป็นศิษย์ต้าฝ่าก่อน  กลับช่วยคนเหล่านี้ในปัจจุบันเป็นศิษย์ต้าฝ่าละ เวลาคนดูคน มักจะดูที่ชาตินี้ภพนี้ ที่แท้ภายในของคนเหล่านี้ในปัจจุบัน   ประวัติศาสตร์ที่ผ่านไป หลายๆคนล้วนเคยเป็นศาสนิกชนกลุ่มแรกในศาสนาใหญ่ที่ถูกต้องหลายศาสนา ของทั้งตะวันออกและตะวันตก เป็นคนที่เคยได้ฟังธรรมของพระเยซูและองค์ศากยมุนี ด้วยตัวเอง   ศิษย์ต้าฝ่าจึงเป็นผู้ศรัทธา ที่ยืนหยัดในความเชื่อที่ถูกต้อง อย่างแท้จริง  (เสียงปรบมือ) และในประวัติศาสตร์คนเหล่านั้นที่เป็นศิษย์นักปราชญ์ที่มีชื่อเสียง  พระสงฆ์ที่มีชื่อเสียง  นักพรตเต๋าที่มีชื่อเสียง  คริสต์ชนที่มีชื่อเสียง นั้นก็กำลังอยู่ในหมู่ศิษย์ต้าฝ่า(เสียงปรบมือ)

ศิษย์            มีพุทธศาสนิกชนหลายคนไม่เข้าใจ บทที่เจ็ดในจ้วนฝ่าหลุน ที่ท่านอาจารย์บรรยายถึง เรื่องขององค์ศากยมุนี  บอกว่าตรวจดูในคัมภีร์วัชรยาน ทั้งหมดก็ไม่พบ  ด้วยเหตุนี้ทำให้กระทบต่อความเข้าใจต้าฝ่าของพวกเขา

อาจารย์       ถูกละ  ข้าพเจ้าสามารถบรรยายหลักธรรมทั้งปวงออกมาได้  ข้าพเจ้าสามารถบรรยายถึงพระพุทธบนสวรรค์ทั้งหมด  เทพทั้งหมด ออกมาได้  ข้าพเจ้าสามารถบรรยายเรื่องที่ผ่านมาขององค์ศากยมุนี  เรื่องปัจจุบันกับอนาคต  ซึ่งล้วนแต่ไม่มีอยู่ในคัมภีร์  ข้าพเจ้ายังสามารถพูดถึงอดีตของจักรวาล  ปัจจุบันและอนาคต  กับเรื่องราวต่างๆทั้งปวง กับสรรพชีวิตทั้งปวง  เทพที่องค์ศากยมุนีไม่ได้ตรัสถึง ข้าพเจ้าล้วนสามารถพูดออกมาได้ทั้งหมด รวมถึงความเป็นมาของพวกเขา  สภาพการณ์ที่กว้างใหญ่จนถึงที่สุดของจักรวาล  สวรรค์ที่ต่างกันเป็นอย่างไร  แน่ละสวรรค์ของระดับชั้นที่ต่างกัน ก็เป็นเทพด้วย  ร่างนภาที่ต่างระดับชั้นกัน เกิดขึ้นมาได้อย่างไร  รากเหง้าของสิ่งทั้งหลายทั้งปวง  มีเพียงข้าพเจ้าที่สามารถพูดเขาออกมาได้  (เสียงปรบมือ)  รวมทั้งประวัติศาสตร์ทั้งหมดของมนุษย์ในตรีภูมิ รวมถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในประวัตศาสตร์ ทั้งเรื่องที่เล็ก จนถึงเรื่องที่ใหญ่ที่สุด  ข้าพเจ้าล้วนสามารถพูดมันออกมาได้   คัมภีร์พุทธศาสนาจะสามารถบันทึกทั้งหมดนี้ลงไปในนั้นได้อย่างไรกัน ในขณะที่องค์ศากยมุนีทรงอยู่ในโลกได้ตรัสไว้มากมาย  คัมภีร์นั้นก็ยังไม่ได้บันทึกเอาไว้   องค์ศากยมุนีพุทธทรงบรรยายธรรมอยู่ 49 ปี นั้นคือแค่ในหนังสือไม่กี่เล่มหรือ  เป็นไปไม่ได้กระมัง  คนเอยคน  เอาแต่ใช้ทัศนคติของตนขวางกั้นตนเองไว้ อย่าไปสนใจวิธีพูดของคนธรรมดาสามัญเหล่านั้น  ใครคือผู้บำเพ็ญ ใครคือผู้ที่กำลังเดินบนเส้นทางของเทพอย่างแท้จริง   ใครคือผู้ที่สามารถบำเพ็ญได้สำเร็จ นับแต่มีประวัติศาสตร์มา  ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน  มีเพียงพวกท่าน (เสียงปรบมือ)

เมื่อก่อนข้าพเจ้าเคยพูดว่า  การบำเพ็ญในอดีต  ศาสนาในอดีต  เทพที่ลงมาช่วยคนในอดีต  พวกเขาช่วยคนได้จริงๆหรือ ที่จริงบทบาทที่แท้จริงของพวกเขาคือ การวางรากฐานวัฒนธรรมให้กับตรีภูมิ  วางรากฐานวัฒนธรรมให้กับมนุษย์  ปูทางให้กับการเจิ้งฝ่าครั้งนี้ของจักรวาลในยุคสุดท้าย และคนที่ช่วยเหลือในเวลานั้นคือจิตรองของคนทั้งสิ้น  หาใช่ตัวคนเองที่แท้จริง  แม้จะเป็นเช่นนี้  จิตรองพวกนั้นที่ได้รับการช่วยเหลือ  ก็เป็นชีวิตที่ถูกจัดวางลงมาเป็นพิเศษ มูลเหตุคือหลังจากตรีภูมิถูกสร้างขึ้นมาแล้ว  มีร่างนภาที่อยู่ใกล้ตรีภูมิเกินไป  ดังนั้นเหล่าเทพที่อยู่ใกล้ตรีภูมิจึงสามารถมองเห็น กระทั่งสัมผัสได้ถึงตรีภูมิ   เช่นนี้แล้วเทพที่อยู่ใกล้ตรีภูมิ จึงถูกแปดเปื้อนได้ง่าย และตกลงมาด้วยเหตุนี้  ในตรีภูมินั้นมีฉิง  หลักการของสรรพชีวิตก็กลับตาลปัตร  สภาพแวดล้อมก็ทุกข์ยาก  คนยังยึดติดอย่างรุนแรง  แต่ทว่าเทพที่ถูกต้องนั้นมีเมตตา ง่ายที่จะถูกรบกวนจากสรรพชีวิตที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ทุกข์ยากของตรีภูมิ   ดังนั้นเทพที่อยู่ใกล้ตรีภูมิจึงต้องเปลี่ยนบ่อยๆ  คำนวณโดยใช้เวลาของคนคือประมาณ ไม่เกินสิบปี ต้องเปลี่ยนอย่างแน่นอน  จึงเกิดปัญหาหนึ่งอย่างนี้   เช่นนั้นจึงเกิดการใช้ประโยชน์จากรูปแบบนี้ของสังคมคนธรรมดาสามัญในตรีภูมิ บำเพ็ญอย่างทุกข์ยาก  เกิดสภาพการณ์ที่ จิตรองของคนนั้นหลังจากหยวนหมั่น ก็จะรับช่วงต่อจากเทพที่จะเปลี่ยนใหม่   บางชีวิตของโลกเทพสวรรค์ที่จัดวางลงมา  ให้เขาเป็นจิตรองของคนบำเพ็ญอยู่ในโลก ที่จริงยังมีที่จุติลงมาเป็นสิ่งมีชีวิตอื่น  หลังจากหยวนหมั่นจะกลับไปเป็นเทพที่เขาจะรับช่วงต่อ หลังจากมีตรีภูมิ สภาพการณ์ชนิดนี้จึงปรากฏขึ้น  ก่อนหน้านี้ ยังไม่มีเรื่องการเปลี่ยนตัวเทพแบบนี้  แต่นี่ไม่ใช่จุดประสงค์ในการสร้างตรีภูมิขึ้นมา  แต่เป็นปรากฏการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้น หลังจากสร้างตรีภูมิออกมาแล้ว และเป็นวิธีจัดการกับการรบกวนเทพ  จุดประสงค์ที่แท้จริงของการสร้างตรีภูมิ ก็คือเพื่อใช้ในการเจิ้งฝ่า ทุกสิ่งที่เทพทำให้กับตรีภูมิในระหว่างนี้  กับทุกสิ่งที่ปรากฏออกมาบนโลก  ก็ล้วนแต่เป็นการวางรากฐานวัฒนธรรมให้กับคน  เป็นขั้นตอนพื้นฐานของการวางรากฐานแก่คนในอนาคตที่จะเข้าใจฝ่า

ภาษาที่ข้าพเจ้านำมาใช้ในวันนี้ พูดขึ้นมาแล้วสบายๆ พวกท่านเองได้ฟังก็สบายๆ  การรับรู้และเข้าใจก็สบาย  เวลา  มิติ  ประวัติศาสตร์   สรรพสิ่ง  ฟ้าดิน  สรรพชีวิต  เรื่องราวทั้งปวง   การบำเพ็ญ   อินหยาง   ทุกข์สุข  รวมทั้งคนกับเทพ  ข้าพเจ้าพูดออกมาอย่างสบายๆ   พวกท่านทราบไหม  แนวคิดของแต่ละคำ  ความนัยของมัน   ล้วนเป็นการแสดงออกมาโดยผ่านประวัติศาสตร์นับสิบล้านปี จึงก้าวข้ามมา   ในขั้นตอนของประวัติศาสตร์ได้ฟูมฟักความนัยของภาษาไว้แล้ว  ที่สำคัญคือภาษาจีน  วัตถุทั้งหลายที่มนุษย์รู้จัก  แต่ละเรื่องล้วนสามารถใช้คำศัพท์ในภาษาคนไปสรุปมัน  อธิบายมัน  แสดงมันออกมา  นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆของการสร้างตัวหนังสือขึ้นมาตัวหนึ่ง ก็จะสามารถจัดการได้  คือสิ่งที่จำเป็นต้องมีขั้นตอนหนึ่งที่ลึกซึ้งมาก  ที่คนสามารถรู้สึกได้จริงๆ   เคยเข้าใจได้ด้วยตนเอง  และเป็นขั้นตอนที่ลุ่มลึกและสร้างขึ้นมาโดยผ่านประสบการณ์เช่นนั้นจริงๆ จึงสามารถทำให้คนเข้าใจบรรดาความหมายที่แสดงออกมาของอักษรตัวนี้  คำๆนี้ คำศัพท์นี้ อย่างแท้จริง   ฝ่าที่บรรยายในวันนี้ พอพูดออกมา ทุกท่านก็ฟังเข้าใจได้ในทันที  หากไม่มีขั้นตอนนี้  วันนี้สิ่งที่ข้าพเจ้าบรรยายคืออะไร ทุกท่านอาจจะไม่ทราบเลย

อะไรคือศัพท์คำว่า  “การบำเพ็ญ”   เหตุใดจึงเรียกว่าการบำเพ็ญ   การบำเพ็ญ  บำเพ็ญกันอย่างไร  รูปแบบการบำเพ็ญปรากฏออกมาอย่างไร  ผู้บำเพ็ญคืออย่างไร  ทั้งหมดนี้ ถ้าคนไม่เข้าใจเลยนั่นก็เป็นเรื่องยุ่งยากแล้ว   องค์ศากยมุนีพุทธเอย  เหลาจื่อเอย  พระเยซูเอย  เทพเหล่านี้จึงต้องลงมาสู่โลก  จึงต้องมาแสดงให้เห็นจริงๆสักครั้งอย่างนี้   เหลือวัฒนธรรมเหล่านี้ไว้ให้คน  สอนคนให้รู้ความนัยของเขา  เข้าใจได้ว่านี่คืออะไร  รวมทั้งขั้นตอนที่ผู้บำเพ็ญ ผ่านการบำเพ็ญที่ทุกข์ยาก กับการมีความเชื่อที่ถูกต้องจวบจนหยวนหมั่น  อย่างนั้นอย่างนี้ เป็นต้น  พระพุทธ  เต๋า  เทพก็ล้วนได้เหลือขั้นตอนของการยกระดับ โดยมีความเชื่อที่ถูกต้อง  การบำเพ็ญที่ถูกต้องจนได้มรรคผล ไว้ให้แล้ว    ผู้คนจึงเข้าใจได้ว่า เขา(การบำเพ็ญ) คืออะไร  แม้จะเป็นเช่นนี้   ทุกสิ่งนั้นก็ยังไม่ตรงกับรูปแบบการบำเพ็ญในวันนี้ของศิษย์ต้าฝ่า    ดังนั้นข้าพเจ้าจึงบอกว่า การบำเพ็ญของศิษย์ต้าฝ่านั้นไม่มีแบบอย่าง  ทางนั้นพวกท่านต้องเดินกันออกมาเอง

ศิษย์            หน่วยช่วยชีวิต กำลังอยู่ในระหว่างขั้นตอนการอธิบายความจริงช่วยเหลือเด็กกำพร้า  พบว่านี่คือรูปแบบขั้นตอนการอธิบายความจริงที่ดีมาก กับสังคมระดับต่างๆในแวดวงรัฐบาล  การเงิน การธนาคาร ในขณะเดียวกันก็รับรู้ได้ถึงว่านี่คือ  ขั้นตอนของการประสานงานร่วมมือที่ดียิ่งขึ้นด้านหนึ่ง ในการอธิบายความจริงของหน่วยงานเล็กๆ จะลดความซ้ำซ้อนของการทำงานและควรใช้ทรัพยากรชนิดต่างๆที่จำกัดของศิษย์ต้าฝ่าในขณะนี้ ในการทำงานช่วยเหลือเด็กกำพร้าให้ดียิ่งขึ้นได้อย่างไร   ขอเชิญท่านอาจารย์ให้ความกระจ่าง

อาจารย์       เรื่องนี้ทุกท่านต่างกำลังเตรียมการอยู่ หรือล้วนกำลังอยู่ในขั้นตอนการทำงาน การทำเช่นนี้ ถูกต้อง  สมควรทำ  เพราะเรื่องเหล่านี้  จะเกี่ยวข้องกับด้านต่างๆมากมายของสังคม รวมทั้งรัฐบาลสหรัฐ  ดังนั้นเรื่องเหล่านี้ต้องทำจริงจังจึงจะเกิดผล   สิ่งที่เป็นรูปธรรมไปกว่านี้ข้าพเจ้ายังไม่พูดนะ   เพราะรูปธรรมนั้นต้องให้พวกท่านทำกัน  แต่เรื่องนี้จำเป็นต้องทำ  ลูกของศิษย์ต้าฝ่า  ลูกที่สูญเสียญาติสนิทไป  พวกเราไม่อาจ ไม่ดูแล  นั่นเป็นศิษย์น้อยๆของข้าพเจ้า เพื่อนผู้บำเพ็ญน้อยๆของพวกท่าน  ข้าพเจ้าในฐานะอาจารย์ คิดถึงเรื่องนี้อยู่เสมอ  ข้าพเจ้าคิดจะนำพวกเขาขึ้นไปบนเขา รวมกลุ่มกัน ตั้งโรงเรียนให้พวกเขา  รวบรวมเข้ามาโอบอุ้มเลี้ยงดู (เสียงปรบมือ)

ศิษย์            ขณะนี้มีผู้ฝึกบางคนยังเข้าใจว่า การล้างกรรมทางร่างกายจนลุกไม่ขึ้นนั้น เกิดจากกรรมของตนเอง  เนื่องจากมาถึงช่วงสุดท้ายแล้ว ต้องล้างกรรมออกไป  เรียนถามว่าความคิดชนิดนี้ถูกหรือไม่

อาจารย์       ไม่ใช่ทั้งหมดเพราะคนมีชีวิตอยู่ย่อมจะก่อกรรมได้  ในการบำเพ็ญของทุกท่าน ก็เป็นขั้นตอนของการชำระกรรมอย่างไม่หยุดหย่อน  ตราบที่ยังอยู่ในโลก ก็จะเกิดกรรม ดังนั้นในขั้นตอนการบำเพ็ญ ก็คืออยู่ในระหว่างขจัดมันไปอย่างต่อเนื่อง เพราะศิษย์ต้าฝ่านั้นอยู่ในท่ามกลางการเจิ้งฝ่าใช่ไหมเปรียบกับคนธรรมดาสามัญนั้น ก็น้อยมากๆแล้ว จะล้างกรรมชนิดนี้ ก็ไม่ใช่ปัญหาแล้ว   เมื่อก่อนข้าพเจ้า มิใช่พูดว่า ได้จัดวางให้กับผู้บำเพ็ญทีละก้าวๆหรือ คือจัดวางทีละก้าวๆ มาจนถึงก้าวนี้    ยังมีกรรมที่เกิดขึ้นใหม่ จำนวนน้อยมาก  แต่สิ่งเหล่านี้ล้วนสามารถเกิดผลในทางบวกต่อศิษย์ต้าฝ่า หลังจากที่สามารถปฏิบัติต่อมันได้อย่างถูกต้อง   มันไม่พอที่จะรบกวนการยืนยันความถูกต้องของฝ่าของศิษย์ต้าฝ่า  เมื่อมาถึงก้าวนี้  เรื่องนี้ก็ลดน้อยเบาบางลงไปมากโดยพื้นฐานแล้ว เพราะไม่อาจรบกวนการยืนยันความถูกต้องของฝ่าของศิษย์ต้าฝ่า

เช่นนั้นเหตุใดจึงเกิดพวกที่ปัญหาค่อนข้างหนักเหล่านั้นละ ข้าพเจ้าได้บอกทุกท่านแล้ว  องค์ประกอบชนิดต่างๆของสิ่งชั่วร้าย ล้วนสามารถเจาะช่องว่างที่ยังมีการยึดติดของศิษย์ต้าฝ่า และในเวลาที่ไม่รู้เท่าทันจิตของคนธรรมดาสามัญของตนเอง ฉะนั้นเมื่อก่อน การรบกวนที่ใหญ่ที่สุด ชัดแจ้งที่สุดนั้นล้วนเกิดจากบทบาทของวิญญาณชั่วของพรรคมาร โดยเฉพาะคือในปัจจุบัน  ในสภาพการณ์ที่สิ่งชั่วร้ายอย่างอื่นถูกดับสลายจนไม่มีอะไรแล้ว สิ่งที่แสดงออกมาอย่างชัดแจ้งก็คือ บทบาทขององค์ ประกอบชั่วร้ายเหล่านั้นของพรรคมาร  การประทุษร้าย และการรบกวนต่างๆนานาในขณะนี้  ก็มาจากสาเหตุนี้    ดังนั้นต้องมีท่าทีที่เข้มงวด ขจัดมันไป    คนธรรมดาสามัญไม่เชื่อว่าพรรคมารมีปีศาจทรามวิญญาณชั่ว ศิษย์ต้าฝ่ารู้ เพราะมีสนามนั้นของวิญญาณชั่วอยู่ พรรคมารจึงสามารถยืนหยัดอยู่ได้ในโลก หนึ่งร้อยกว่าปีมานับตั้งแต่ คอมมูนปารีส   เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน  วิญญาณชั่วได้วางสนามที่ใหญ่มากลงในมิติของมนุษย์ในอดีตระดับความเข้มของสนามนี้สูงมาก แม้สังคมตะวันตกจะต่อต้านพรรคของทฤษฎีชั่วนี้แต่ที่จริงสังคมตะวันตกก็กำลังใช้ลัทธิชั่วคอมมิวนิสต์  ของวิญญาณชั่วของพรรคมารกันอยู่ ปัจจุบันการจัดเก็บภาษีขั้นสูงของสังคมตะวันตก  จัดสวัสดิการนั้นเหมือนกัน กับสิ่งที่พรรคมารเสนอในเวลานั้น   พรรคมารนั้นเพียงแต่ใช้ความรุนแรงบีบบังคับเอาของๆผู้อื่น   ส่วนในสังคมตะวันตก เพียงแต่เลือกใช้วิธีการทางกฎหมาย ในการทำเช่นนี้   ที่แท้ล้วนคือการใช้ของๆลัทธิชั่วร้ายคอมมิวนิสต์  ไม่ใช่รูปแบบการเคลื่อนไหวตามปกติของสังคมมนุษย์ที่แท้จริง   สังคมตะวันตกต่อต้านทฤษฎีชั่วคอมมิวนิสต์  แล้วทำไมยังเกิดสภาพการณ์เช่นนี้อีกละ  ก็เพราะเป็นผลจากองค์ประกอบของสิ่งชั่วร้ายในอีกมิติ   ประเทศจีนนั้น โดยรูปแบบเป็นการใช้ลัทธิชั่วร้ายคอมมิวนิสต์  ที่แท้ มันคือแก๊งอันธพาลลัทธิมาร  ส่วนในสังคมตะวันตก โดยรูปแบบแล้วมันต่อต้านลัทธิชั่วร้ายคอมมิวนิสต์ ที่จริงกลับกำลังใช้ลัทธิชั่วร้ายคอมมิวนิสต์อยู่

ศิษย์            ในระยะนี้ต้าจี้หยวนตีพิมพ์ คำพยากรณ์มากมายเกี่ยวกับ การใกล้จะดับสูญของพรรคมาร  เรียนท่านอาจารย์ ให้ความกระจ่าง

อาจารย์       นี่คือสิ่งที่เทพระดับชั้นต่างๆที่ลงมาสู่โลก ได้เหลือเอาไว้ให้คนดู  พวกเราศิษย์ต้าฝ่านั้นเดินบนเส้นทางของตนเอง

ศิษย์            ท่านพูดถึง ทางช้างเผือก แยกตัวออกมาจากจักรวาล เพื่อชำระล้างตรีภูมิ อันนี้หมายความว่าตรีภูมิอยู่ในระบบทางช้างเผือก ไม่ใช่อยู่ในระบบสุริยะจักรวาล ใช่หรือไม่

อาจารย์       ถูกละ   ที่ผ่านมาข้าพเจ้าไม่ใช่พูดอย่างนี้หรือ  ที่จริงตำแหน่งที่ถูกต้องของตรีภูมิ นั้นไม่อาจรับรู้โดยใช้เรื่องเกี่ยวกับขอบเขตที่แน่นอนของคนได้  ในการรับรู้เกี่ยวกับทิศทางวัตถุของมนุษย์ยุคนี้  ระบบสุริยะจักรวาล ก็คือขอบของตรีภูมิ ในระดับชั้นนี้  ทว่าส่วนต่างๆที่ประกอบขึ้นมาจากอนุภาคขนาดต่างๆกันในระดับจุลทรรศน์ และยังสอดคล้องกับมิติที่กว้างใหญ่ยิ่งกว่าในระดับต่างๆ ซึ่งตามนุษย์มองไม่เห็นนั้น  ในชั้นผิวชั้นหนึ่งที่คนอาศัยอยู่ที่สอดคล้องกับสุริยะจักรวาล  ในขอบเขตของระดับชั้นจุลทรรศน์ที่แน่นอนหนึ่งที่สอดคล้องกับสุริยะจักรวาลและระดับชั้นจุลทรรศน์ที่เล็กลงไปอีก  ซึ่งสอดคล้องกับขอบเขตที่ใหญ่ยิ่งขึ้นอีก ที่ประกอบกันขึ้น  เป็นตรีภูมินั้นคือการรวมตัวกันของบรรดาอนุภาคจำนวนมหาศาล ตั้งแต่ระดับจุลทรรศน์ จนถึงระดับที่ใหญ่กว่า อนุภาคขนาดต่างกันประกอบขึ้นเป็นเขตแดนที่ต่างกัน   ขอบเขตที่ต่างกัน   ที่จริงนี่ก็เป็นส่วนที่สามารถ แสดงออกมาโดยการใช้ความนึกคิด และภาษา ของคน   นี่เป็นเพียงมิติที่ต่างกันที่ประกอบขึ้นมาจากอนุภาค ซึ่งสอดคล้องกับความสามารถในการเห็นได้ของตาคน  และเป็นขอบเขตที่สามารถจะบรรยายออกมาได้ ที่จริงขอบเขตของตรีภูมิที่ใหญ่กว่านั้น กลับสอดคล้องกับจักรวาลน้อยทั้งหมด ในเรื่องเล่าเกี่ยวกับผานกู่นั้น ที่แท้ก็คือการแยกสวรรค์และโลกออกจากกันในส่วนนี้ พูดถึงขอบเขตนี้กันอย่างนี้ ก็ไม่ถูกต้องเสียทีเดียว  เพราะในขอบเขตนี้ก็สอดคล้องเช่นเดียวกัน กับส่วนข้างในที่เป็นเขตแดนนอกตรีภูมิ    ภาษาคนนั้นมีขีดจำกัด   ใช้รูปแบบความนึกคิดของคนบรรยายฝ่านั้น  ไม่อาจจะพูดให้รับรู้ได้พร้อมกัน  โดยใช้ทิศทางทั้งหมด กับหลักการของระดับชั้นต่างๆ  หรือใช้ภาษาของความนึกคิดกับทิศทางทั้งหมดในการบรรยายฝ่า   การที่ทางช้างเผือกกับร่างนภาข้างนอกแยกออกจากกันนั้น  ดูไปก็คือ ขอบเขตนี้แยกออกจากกันแล้ว   เมื่ออยู่นอกทางช้างเผือกก็จะไม่เห็นร่างนภาอีกแล้ว   ต่อให้ตาเนื้อของคน และกล้องโทรทัศน์มีความสามารถมากไปกว่านี้  ก็มองไม่เห็นแล้ว    ที่จริงเขตแดนที่ต่างกัน ซึ่งประกอบกันเป็นตรีภูมินั้น มีสภาพการณ์ที่ไม่เหมือนกัน   แต่ฝ่าที่บรรยายให้กับผู้ที่กำลังบำเพ็ญ นั้นเป็นภาษาที่มีความยากมาก และสลับซับซ้อน สามารถทำให้คนมากมายบำเพ็ญได้ลำบาก  ผู้ที่สามารถบำเพ็ญหยวนหมั่นได้ จึงจะสามารถมองเห็นสภาพการณ์ที่แท้จริงของจักรวาล   ต้องผ่านช่วงเวลาหลังฝ่าปรับโลกมนุษย์แล้ว  โลกและตรีภูมิบรรลุการชำระล้างทั้งหมดแล้ว จึงสามารถกลับไปได้

ศิษย์            ศิษย์รู้สึกว่า  เรื่องที่ทำไม่ดีไว้เมื่อก่อน ต่อมาได้ทำชดเชยแล้ว   สถานการณ์การเจิ้งฝ่าทั้งหมดจึงสามารถผ่านไปได้เร็วมาก   เมื่อศิษย์ต้าฝ่าในที่ต่างๆ ทำได้ไม่ดี   จะกระทบต่อจังหวะก้าวของการเจิ้งฝ่าทั้งหมดได้หรือไม่

อาจารย์       จังหวะก้าวของการเจิ้งฝ่าไม่ได้รับการกระทบ แต่กระทบต่อเรื่องการยืนยันความถูกต้องของฝ่านี้ของศิษย์ต้าฝ่า  จะถ่วง(หน่วงรั้ง)ได้ เพราะที่อื่นๆล้วนกวาดล้างหมดเกลี้ยงแล้ว แต่มีบางแห่ง สิ่งชั่วร้ายยังแสดงบทบาทอยู่ การประทุษร้ายจบลงไม่ได้ ขจัดสิ่งชั่วร้ายไม่หมด   พวกท่านทราบว่า ปัจจุบันคน ตกต่ำลงเร็วยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ศีลธรรมของมนุษย์เสื่อมทรามจนน่ากลัวมาก  หากยังไม่ยอมหยุด  คนๆนี้ คิดจะเอาไว้ก็ ไม่อาจจะเอาไว้ได้แล้ว

ศิษย์            ต้าจี้หยวนเป็นสื่อหนึ่งของมหาชน  ปัจจุบันมีเพียงผู้ฝึกจำนวนเล็กน้อย เข้าร่วมการวางแผนจัดการด้านโฆษณา    เมื่อเร็วๆนี้มีผู้รับผิดชอบสมาคมศึกษาพุทธ เข้าร่วมอย่างกระตือรือร้น  แต่มีผู้ฝึกบางคนไม่เข้าใจ  เรียนถามท่านอาจารย์ จะทำอย่างไรให้ผู้ฝึกเข้าร่วมมากขึ้น

อาจารย์       ถูกละ  ผู้รับผิดชอบเข้าร่วม ทำเรื่องของต้าจี้หยวน นั้นเป็นเรื่องดี ผู้รับผิดชอบที่จริงเป็นคนประสานงาน   หากสามารถเรียกให้คนที่มีความสามารถเข้าร่วมได้  นี่จึงจะเป็นสิ่งสำคัญ   ท่านเองคนเดียวจะสามารถ มีบทบาทได้สักเท่าไร   ทั่วทั้งหมดล้วนสามารถมีบทบาท นั่นจึงจะนับว่าผู้รับผิดชอบทำได้ดี   ผู้รับผิดชอบเองทำได้ดีมาก  ท่านทำได้ดีมาก ก็เป็นเพียง การทำดีของผู้ฝึกคนหนึ่ง  เช่นนั้นก็เป็นผู้ฝึกทั่วไปก็พอแล้ว ที่สำคัญคือ ความรับผิดชอบของผู้รับผิดชอบนั้น  ต้องบังเกิดผลเช่นนี้ให้ได้    ขอพูดอีกปัญหาหนึ่ง  ผู้รับผิดชอบในแต่ละแห่ง ควรปล่อยมือจากท่วงทำนองที่ยุ่งเกี่ยวไปหมด ทั้งเรื่องใหญ่ เรื่องเล็ก แต่ละแห่งที่ผู้ฝึกมีความพร้อมในการริเริ่มทำงานยืนยันความถูกต้องของฝ่าได้ ก็ควรสนับสนุน  อย่ากีดกัน  นอกเสียจากมีการเดินสุดขั้วบ่อยๆ   ศิษย์ต้าฝ่าเก่าๆล้วนแต่สุกงอมกันแล้ว  พวกเขาล้วนกำลังเดินบนเส้นทางสู่การหยวนหมั่นของตนเอง   ต้องแจ่มชัด

ศิษย์            ผู้ฝึกยุโรปตะวันออก ควรลาออกจากพรรคและสันนิบาตคอมมิวนิสต์หรือไม่

อาจารย์       ชาวโลกล้วนต้องแสดงท่าทีต่อสิ่งนี้  แต่ขณะนี้ไม่ใช่เรื่องสำคัญ พรรคมารในยุโรปตะวันออกนั้นดับสลายไปหมดแล้ว หากที่นั่นมีคนที่ยังยืนหยัดเป็นสาวกพรรคมารอยู่ในปัจจุบัน  นั่นก็จะถูกกวาดล้างเช่นเดียวกัน  คอมมิวนิสต์จีนเป็นร่างหลักสุดท้ายของวิญญาณชั่วพรรคมาร การช่วยเหลือคนจีนก็คือการดับสลายวิญญาณชั่วของพรรคมาร

ศิษย์            ผมรู้สึกว่าผู้ฝึกชาวตะวันตก เข้าใจว่า “จิ่วผิง” เป็นเรื่องของผู้ฝึกชาวจีนโพ้นทะเล ท่านจะกรุณาให้ความกระจ่างในเรื่องนี้ได้หรือไม่

อาจารย์       โดยหลักคือผู้ฝึกชาวจีนโพ้นทะเล นี่ไม่มีปัญหา  แต่ชาวโลกล้วนต้องแสดงท่าทีออกมา   และในฝั่งตะวันตกมีคนจำนวนมากรับรู้ไม่แจ่มชัด ต่อพรรคมารของคอมมิวนิสต์จีนนี้

ชาวโลกพูดว่าฝ่าหลุนกง ยอดเยี่ยมนั้น  ยังครอบคลุมความนัยหลายชั้นอยู่ข้างใน   ประเด็นหนึ่งที่อยู่ในนั้นคือ  หลายร้อยปีมานี้  กลุ่มสังคมคอมมิวนิสต์ และสังคมเสรี ได้ต่อสู้กันมาโดยตลอด  และรุนแรงตลอดมา  ยุคสงครามเย็น ดูเหมือนจะมีอันตรายของสงครามปรมาณูอยู่ทุกเวลา แต่ไม่มีใครพูดได้ชัดว่าพรรคมารคืออะไร ใครพูดได้ชัดละ ได้แต่ด่าทอกันไปมา มีองค์กรและผู้วิจัยพรรคมารนี้ตั้งมากมาย  แต่ก็ไม่มีใครวิจัยออกมาได้ชัดเจนว่ามันคืออะไรกัน   พรรคก๊กมินตั๋ง ต่อสู้กับคอมมิวนิสต์จีน มาหลายสิบปี  ก็ไม่ได้พูดให้ชัดว่าพรรคมารคอมมิวนิสต์จีนคืออะไร   ฝ่าหลุนกง กลับพูดมันออก มาได้ชัดแล้ว นี่ไม่ยอดเยี่ยมมากหรือ  นี่ไม่ใช่สิ่งที่ชาวโลก ในวันนี้ เบิ่งตามองกันและกันอยู่หรือ  เหตุใดสังคมคนธรรมดาสามัญ มีคนมากมายยกย่องศิษย์ต้าฝ่าละ  เรื่องมากมายของมนุษย์นั้นคนธรรมดาสามัญไม่อาจพูดได้ชัดเจน   ศิษย์ต้าฝ่าสามารถพูดมันได้ชัดเจน  นี่คือความยอดเยี่ยม

ไม่เพียงแต่สังคมตะวันตกคนทั้งโลกล้วนไม่รู้ชัดว่าพรรคมารคืออะไร   ขณะนี้สิ่งที่ทุกท่านกำลังรีบจัดการคือ การช่วยเหลือชาวจีนที่ถูกพิษร้าย  บอกให้ชาวจีนรู้ชัดในพรรคมารคอมมิวนิสต์จีน   แต่ทางตะวันตกก็มีหลายคนไม่รู้ชัดเกี่ยวกับพรรคมาร และมีคนจำนวนน้อยมาก ถึงกับปกป้องพรรคมาร  เช่นนั้นกล่าวสำหรับพวกเขา มันไม่อันตรายด้วยหรอกหรือ เพียงแต่ขณะนี้ กำลังรีบแก้ปัญหาของชาวจีนจำนวนมากที่ล้วนถูกพิษร้ายของมัน   ดังนั้นจึงไม่ได้วางเรื่องที่ชนชาติอื่นถูกพิษร้าย ซึ่งไม่หนักหนา ไว้เป็นลำดับแรก  กล่าวสำหรับในขณะนี้ พื้นที่อื่นที่ถูกพิษร้ายนั้นมีจำนวนน้อยมาก   คนจำนวนมากล้วนไม่เชื่อพรรคมารคอมมิวนิสต์  และรังเกียจมัน    แต่คนจีนนั้นต่างกัน คนจีนอยู่ภายใต้การสั่งสอนของวัฒนธรรมของพรรคมารหลายสิบปี  จะมีสักกี่คนที่สามารถรู้ชัดในพรรคมารนี้   ก่อนที่ “จิ่วผิง”จะออกมา  ชาวจีนแต่ละคน ล้วนพูดได้ไม่ชัด รับรู้ไม่ชัดในพรรคมารนี้  ที่ด่ามัน ก็ด่าโดยอยู่ในวัฒนธรรมที่มันสร้างขึ้นมา   ถูกมันมอมพิษจนไม่มีสติแล้ว   กระทั่งในการประกาศลาออกจากพรรค  ก็ล้วนใช้คำที่ พรรคมารสร้างขึ้นมา เช่น “ฉันคือ คนที่เกิดอยู่ในประเทศจีน “ใหม่” “ฉันคือผู้ที่เติบโตในยุคใต้ร่มธงแดง”  “ฉันทำเพื่อ “พรรค”มาชั่วชีวิต” เป็นต้น

ศิษย์            ศิษย์บัลแกเรียนฝากความคิดถึงท่านอาจารย์  พวกเรากำลังแปล จ้วนฝ่าหลุน เป็นภาษาบัลกาเรียน      ท่านจะกรุณากล่าวแนะอะไรสักหน่อยได้ไหมครับ

อาจารย์       (หัวเราะ) ถ้าสามารถแปลหนังสือต้าฝ่าออกมาให้ดี  ที่จริงก็เป็นขั้นตอนของการบำเพ็ญของตนเอง  อย่าใช้การรับรู้ในระดับชั้นสูงของผู้บำเพ็ญที่รับรู้ได้ไปแปลทั้งหมด  เพราะระดับชั้นของการบำเพ็ญของพวกท่านแต่ละคน สูงต่ำ ไม่เท่ากัน  ความเข้าใจฝ่าในประโยคเดียวกัน ของทุกท่านไม่เหมือนกัน   ดังนั้นจะเกิดเรื่องถกเถียงไม่จบ เพียงแต่ความหมายของคำนี้ ประโยคนี้สอดคล้องกับความหมายชั้นผิวของวัฒนธรรมของคนก็ใช้ได้แล้ว   เพราะความนัยชั้นสูงเป็นการแสดงออกของฝ่า ดังนั้นความนัยนั้นเป็นสิ่งที่แปลออกมาไม่ได้  รูปแบบความนึกคิดของชาวตะวันออก กับชาวตะวันตกนั้นมีความต่างกัน  ขั้นแรกของการรับรู้ฝ่านั้นมี ความไม่คุ้นเคยอยู่สักหน่อย   แต่ถ้าหาก ไปอ่าน ไปศึกษาจริงๆ ก็จะไม่มีผลกระทบ  เพราะเทพเป็นผู้ทำให้บังเกิดผล

ศิษย์            ขอเรียนถามถึง ความเป็นมาของพรรคมาร กับลัทธิชั่วคอมมิวนิสต์  ว่าแตกต่างกันหรือไม่

อาจารย์       นี่ก็คือการพูดหลอกคนที่ลัทธิชั่วคอมมิวนิสต์สร้างขึ้นเพื่อพรรคมาร ไม่มีอะไรต่างกัน เป็นเรื่องเดียวกันทั้งหมด สมาชิกของพรรคมาร คือคนแต่ละคน    สมาชิกกลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่ง ก็คือ ศูนย์รวมของพรรคนั้น  ศูนย์รวมนี้มันมีวิธีคิดหลอกคนอย่างหนึ่งคือ “จะสร้างสวรรค์บนโลก” ก็คือลัทธิชั่วคอมมิวนิสต์ตามที่พูดกัน  โลกมนุษย์จะเป็นสวรรค์ไปได้อย่างไร  เมื่อตอนที่เทพสร้างตรีภูมิ  ก็ไม่ได้คิดจะเปลี่ยนให้มันกลายเป็นสวรรค์   คือสร้างเพื่อใช้ในการเจิ้งฝ่า (หัวเราะ)  ถ้าหากในอนาคตตรีภูมิยังคงอยู่ รูปแบบสังคมมนุษย์ ก็จะเป็นสังคมของคนชั่วนิรันดร์   เพราะนี่คือความต้องการของจักรวาล จะเปลี่ยนเป็นสวรรค์อะไรกัน สวรรค์นั้น มีอยู่ทุกหนแห่งทั่วไปหมดทั้งจักรวาล สวรรค์นั้น มีมากกว่ามนุษย์มากมายนัก   เมื่อออกไปจากมิติชั้นผิวแล้ว ล้วนแต่เป็นโลกของเทพสวรรค์ ในจักรวาลล้วนเป็นสวรรค์

ศิษย์            คลื่นทะเลยักษ์ในเอเชียอาคเนย์ คือเรื่องอะไรกัน

อาจารย์       กรรมของมนุษย์มากแล้วก็จะเกิดปัญหาขึ้น  แต่ทุกท่านสามารถมองเห็นได้จาก เรื่องต่างๆ เรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นกับมนุษย์ในวันนี้  ล้วนเป็นการกระทำขององค์ประกอบของอิทธิพลเก่า  ซึ่งไม่ได้เป็นผลดีอะไรกับคน  เมื่อเกิดเรื่องอะไรเรื่องหนึ่งขึ้นกับมนุษย์ ต้องเป็นบทเรียนด้านบวกต่อมนุษย์  นั่นจึงจะสามารถทำให้คนเข้าใจได้อย่างแท้จริงว่านั่นคือ เทพกำลังลงโทษคน จากนั้นจึงจะช่วยคนได้มากยิ่งขึ้น หากเพียงแต่ลงโทษ เพื่อการลงโทษเท่านั้น คนก็จะยิ่งไม่เชื่อถือเทพ  องค์ประกอบของอิทธิพลเก่าทำเรื่องเหล่านี้แล้ว ไม่เป็นผลด้านบวกต่อมนุษย์   คนไม่ดีแล้วก็กวาดทิ้งไป  การเกิดคลื่นทะเลยักษ์ในเวลานี้ทำให้คนหวาดกลัว  คน 3 แสนหายไปในไม่กี่วินาที   แผ่นดินไหวที่ถังซานในปีนั้น  ไม่ใช่ชั่วครู่เดียวคนหลายแสนก็หายไปหมดแล้วหรือ        คอมมิวนิสต์จีนบอกว่ามีทหารกี่สิบล้านคน ถ้าท่านเกิดชั่วร้ายขึ้นมาจริงๆ ไม่แน่ว่าชั่วครู่เดียวก็จะหายไปหมดแล้ว (หัวเราะ) (เสียงปรบมือ)      องค์ประกอบของอิทธิพลเก่านั้น  ไม่นับว่าคนเป็นอะไร  มีแต่ศิษย์ต้าฝ่าที่ช่วยเหลือคน

ศิษย์            ในแผ่นดินใหญ่ ผู้ฝึกเก่ากลุ่มหนึ่ง ยึดกุมช่วงเวลาสุดท้าย ลุกขึ้นมายืนยันความถูกต้องของฝ่า  บางคนใช้ชื่อจริงลาออก  พวกเขาฝากความคิดถึงท่านอาจารย์ที่เคารพ   ศิษย์ต้าฝ่าที่ทำงานในองค์กรของรัฐ  ฝากความคิดถึงท่านอาจารย์

อาจารย์       ขอบใจทุกท่านนะ(เสียงปรบมือ) ผู้ฝึกกลุ่มหนึ่งที่ถูกพวกชั่วร้ายประทุษร้ายอย่างรุนแรง  ก็เพราะเกิดจากจิตยึดติด เนื่องจากจิตยึดติดนั้น เกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า   ภายใต้แรงกดดัน  วันนี้เขียนหนังสือสำนึกผิดแล้ว   พอออกมาได้แล้วก็รู้สึกเสียใจภายหลัง จึงประกาศชื่อ(ลาออก)  รุ่งขึ้นถูกพวกชั่วร้ายจับเข้าไปอีก  เจิ้งเนี่ยนไม่พอ  ก่อให้เกิดการประทุษร้ายอย่างรุนแรง   เขาก็เขียน “หนังสือสำนึกผิด” อีกแล้ว  หลังจากนั้นเขาก็ประกาศชื่อลาออกอีก   ผู้ที่ถูกประทุษร้ายรุนแรงที่สุด ก็คือผู้ฝึกกลุ่มนี้  และมีผู้ฝึกบางคนที่เจิ้งเนี่ยนเข้มแข็ง  ทำได้ดีมากจริงๆ  เนื่องจากการรายงานข่าวของหมิงฮุ่ยนั้น ทำเพื่อเปิดโปงการประทุษร้าย    ศิษย์ต้าฝ่าที่ทำได้ดีมากนั้น(หมิงฮุ่ย)ไม่ได้ทำการรวบรวม(สถิติ)เป็นจุดหลัก     ที่จริงผู้ที่แสดงออกมาได้ดีนั้น  มีมากมายเหลือเกิน

ศิษย์            ผู้ฝึกใหม่ที่เพิ่งก้าวเข้ามาในต้าฝ่าได้ไม่กี่เดือน  ควรยึดกุมสัดส่วนเวลาในการศึกษาจ้วนฝ่าหลุน จิงเหวินใหม่กับจิงเหวินในอดีตจำนวนมากมายอย่างไรดี เพราะพวกเราพอดีได้ฝ่าในช่วงเจิ้งฝ่านี้ ดังนั้นอยากจะทำให้ชัดเจนว่าอันไหนควรทำก่อน

อาจารย์       กล่าวสำหรับผู้ฝึกใหม่นั้น ที่สำคัญคือศึกษา จ้วนฝ่าหลุน หลังจากนั้นค่อยอ่านหนังสืออื่นๆ ของต้าฝ่าเสริม  ไม่ว่าจะเป็นหนังสือในช่วงไหน รวมทั้ง “จิงจิ้นเย่าจื่อ” หากมีเวลาก็สามารถอ่านได้   และอย่ามีความคิดว่าต้องอ่านให้หมดทั้งๆที่มีเวลาน้อย ไม่ใช่อย่างนี้ ผู้ฝึกใหม่สามารถทำเรื่องที่ศิษย์ต้าฝ่าควรทำนั้น  ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ   ที่สำคัญที่สุดคือต้องอ่านจ้วนฝ่าหลุน  อย่างอื่นให้อ่านเสริม   มีเวลาอ่านก็อ่าน  ไม่มีเวลาอ่านก็อ่านแต่ จ้วนฝ่าหลุน ก็ใช้ได้แล้ว

ศิษย์            ท่านกรุณาพูดถึง ความสำคัญของงานแสดง(ศิลปะต่างๆ) สักหน่อยได้หรือไม่

อาจารย์       งานราตรีปีใหม่ที่ทุกท่านทำนั้น   เวลาที่จัดรายการแสดงอยู่นั้นลำบากกันมาก  ดำเนินรายการได้ดีมาก  แสดงเพียงครั้งเดียวก็จบแล้ว  มีบางคนที่ไม่อยากวางมือจริงๆ เดินทางไปหลายเมือง  หมุนเวียนแสดงให้คนได้ดูมากยิ่งขึ้น   นี่ไม่ใช่เรื่องที่ดีมากเรื่องหนึ่งหรือ  แต่มีจุดหนึ่งที่พึงระวัง  คือต้องมีเงื่อนไขทำได้  ใครเดินสุดขั้วก็ไม่ถูก ใครๆก็อย่าได้ทำลายรูปแบบการบำเพ็ญของตนเอง ทำลายสภาพแวดล้อมของการบำเพ็ญของตน  ข้าพเจ้าพูดถึง  “ผู้ที่มีเงื่อนไข”  ถ้าไม่มีเงื่อนไขทำก็ไม่ถูก   ไม่อาจเลิกเรียน  พักการเรียน  เงื่อนไขทางเศรษฐกิจไม่เพียงพอ  และไม่ทำงาน  จะมาเป็นนักแสดงไม่ได้ โดยเฉพาะต้องการเพียงช่วงระยะปีใหม่นั้น  ระยะเวลาไม่นาน อย่าพักการเรียน ลาออกจากหน้าที่การงาน อย่าเดินสุดขั้ว  ถ้าเดินสุดขั้วจะนำความยุ่งยากมาได้มากมาย

ศิษย์            ในเวลาที่ฝ่าปรับโลกมนุษย์ คอมมิวนิสต์จีนบนโลกก็จะดับสลายหมด  เกิดโรคระบาดใหญ่ สังคมวุ่นวายเป็นต้น  ในนี้องค์ประกอบไหนสำคัญที่สุด

อาจารย์       ดูเหมือนจะไม่วุ่นวายกระมัง  สังคมมนุษย์นั้น  เทพ ควบคุมอยู่  เทพให้สังคมของคนวุ่นวาย  มันไม่วุ่นวายก็ไม่ได้  เทพจะให้มันมั่นคง  มันไม่มั่นคง  ก็ต้องมั่นคง  ใช่หรือไม่  อย่าว่าแต่เรื่องใหญ่อย่างนั้น ล้วนจัดวางไว้เพื่อการเจิ้งฝ่า  เช่นนั้นสถานการณ์นี้ ไม่ควบคุมจะได้ไหม

ศิษย์            ศิษย์คิดจะอยู่ในไต้หวันทำงานในหมู่ศิษย์ที่เป็นครู  จัดตั้งโครงการใหม่  เตรียมวัสดุการสอนภาษาจีนชุดหนึ่ง จากระดับปีที่ 1 จนถึงปีที่ 12  โครงการใหม่นี้มีปริมาณงานมากอย่างยิ่ง   จะกระทบต่องานยืนยันความถูกต้องของฝ่าอื่นๆที่สำคัญหรือไม่

อาจารย์       หากเรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกับการยืนยันความถูกต้องของฝ่าท่านก็ทำได้   ถ้าไม่เกี่ยวกับการยืนยันความถูกต้องของฝ่า เช่นนั้นก็ไม่อาจไปยุ่งเกี่ยวกับกำลังของผู้ฝึก   ถ้าสามารถส่งผลให้ศีลธรรมมนุษย์ฟื้นคืนขึ้นมาได้ก็ทำได้  ลองทำ ทำดู

ศิษย์            ผู้ฝึกบางคนนั้นทำการค้า แต่สินค้านั้นมาจากจีนแผ่นดินใหญ่  การค้าอย่างนี้ไม่ควรทำหรือไม่

อาจารย์       การค้าเล็กน้อยนี้ของพวกท่านไม่นับว่าเป็นอะไรได้   กลุ่มทุนใหญ่นานาชาติเหล่านั้นกำลังถ่ายเลือดเข้าไปไม่หยุดหย่อน    เนื่องจากผู้ฝึกก็ต้องดำรงชีพ  ยังต้องยืนยันความถูกต้องของฝ่า ยังต้องมีสภาพแวดล้อมของการยืนยันความถูกต้องของฝ่า  สิ่งเหล่านี้ไม่เป็นปัญหาใหญ่   ถ้ากลุ่มการเงินขนาดใหญ่เหล่านั้นไม่ทำทั้งหมด   การค้าเล็กน้อยของท่านนั้นช่วยชีวิตคอมมิวนิสต์จีนไม่ได้หรอก    และศิษย์ต้าฝ่าทำอะไร ล้วนแต่มีองค์ประกอบของการยืนยันความถูกต้องของฝ่าของศิษย์ต้าฝ่าอยู่ด้วย

ศิษย์            คนที่อยู่ในแผ่นดินใหญ่ เมื่อใช้ชื่อสมมติลาออกจากพรรคแล้ว คอมมิวนิสต์จีนก็ยังจะบังคับให้ศึกษาเรื่องของพรรค กำหนดให้สมาชิกพรรคศึกษา จดบันทึก  ผู้ที่ใช้ชื่อสมมติลาออกจากพรรคนั้น หากถูกบังคับเข้าร่วมการศึกษา  ใช่ไหมว่าก็จะถูกตีตราอีก

อาจารย์       ลาออกแล้วก็คือลาออกแล้ว ในใจเขามีความเข้าใจ พอเขาประกาศชื่อลาออกแล้ว ก็จะมีชีวิตที่คอยดูแลเขา (เสียงปรบมือ)

ศิษย์            มีศิษย์ที่อยู่ในเมืองการพนัน ทำงานแจกไพ่  จะเป็นการเพิ่มกรรมได้หรือไม่ ไม่ควรทำงานส่วนนี้ใช่ไหม

อาจารย์       ทำงานใช่ไหม ก็คืองานแล้ว   สังคมมนุษย์ก้าวมาถึงก้าวนี้แล้ว  บอกว่างานนั้นในเมืองการพนันไม่ดี  ที่แท้งานชนิดไหนในสังคมมนุษย์ปัจจุบัน คือ งานของมนุษย์ที่แท้จริงละ  มาถึงรูปแบบของสังคมชนิดนี้ในวันนี้  ทุกสิ่งล้วนกำลังเปลี่ยนไปตามรูปแบบของสังคม   ดังนั้นจึงเป็นเพียงงานอย่างหนึ่ง  ถ้าหากมีงานอย่างอื่นท่านก็เปลี่ยนเสีย  ถ้าไม่มีงานอื่น ท่านก็ทำไป   เพราะสังคมปัจจุบัน ก็คือสังคมอย่างนี้แล้ว

พูดถึงตรงนี้  ข้าพเจ้าจึงคิดจะพูดถึงสถานการณ์หนึ่ง  ชาวตะวันตกมากมายไปที่เมืองการพนัน   ที่จริงนั้น เขาไปเที่ยวกัน  ไปหาความบันเทิง  ทว่าคนจีน และมีชาวตะวันออกประเทศอื่นบางคน เขาไปเล่นพนันจริงๆ  กระทั่งพนันแบบหมดกระเป๋า  จุดมุ่งหมายไม่เหมือนกัน

ศิษย์            ท่านบอกว่าศิษย์ต้าฝ่าไม่อาจหยวนหมั่นโดยติดค้างหนี้สิน แต่ผมซื้อบ้านไว้แล้ว กู้เงินธนาคารไว้ 5 หมื่น  ต้องใช้เวลา 30 ปีจึงจะชดใช้หมด (ที่ประชุมหัวเราะ)  ผมควรจัดการปัญหานี้อย่างไรดี

อาจารย์       เรื่องหนึ่งเรื่องใดของมนุษย์ล้วนไม่ใช่บังเอิญ หากท่านบอกว่ากู้เงินธนาคารไว้แล้ว  หลายสิบปีกว่าจะใช้คืนหมด  แต่ศิษย์ต้าฝ่าจะหยวนหมั่นกันหมด   จะรอหลายสิบปีได้อย่างไรกันละ   เช่นนั้นเรื่องนี้จะทำอย่างไรดี เรื่องเหล่านี้เกี่ยวพันกับมนุษยชาติในก้าวต่อไป เมื่อเกี่ยวพันกับมนุษยชาติในก้าวต่อไป   และแบบแผนของสังคมมนุษย์ รูปแบบสังคมมนุษย์ล้วนเปลี่ยนไปหมดแล้ว  ยังมี  เมื่อศิษย์ต้าฝ่าถึงเวลาหยวนหมั่นจริงๆ  เรื่องทั้งหมดที่ท่านมีอยู่ อาจารย์ก็ต้องจัดการให้ท่าน  ที่จริงในเวลานั้นท่านก็จะมีความสามารถที่จะจัดการได้แล้ว (เสียงปรบมือ)    นี่ไม่เหมือนกับปัญหาที่ข้าพเจ้าเพิ่งพูดไปเมื่อครู่  นี่เป็นเรื่องการดำรงชีพตามปกติ   ผู้ฝึกบางคน ในสมองอาจกำลังคิดว่า  ฉันยืมเงินแล้ว ก็ไม่ต้องคืน  พอไปแล้วระหว่างเราก็จบเรื่องแล้ว(ที่ประชุมหัวเราะ)  จุดมุ่งหมายนั้นต่างกัน จุดมุ่งหมายที่ไม่ดีนั้นย่อมไม่ถูกต้อง

ศิษย์            (คำถามแปล) ผมฝึกพลังได้ ปีกว่าแล้ว  ผมได้รับประโยชน์ดีมาก  ผมรู้สึกขอบพระคุณท่านจากก้นบึ้งหัวใจ

อาจารย์       ล้วนคือสิ่งที่มาจากการประจักษ์แจ้งของพวกท่าน   อาจารย์เพียงแต่ช่วยเหลือพวกท่าน ถ้าพวกท่านสามารถก้าวอย่างแน่วแน่ ไปจนถึงที่สุดได้ ไม่ถูกสั่นคลอน  แม้จะพบการรบกวนอย่างนี้  การรบกวนอย่างนั้น  พวกท่านยังสามารถยืนหยัดเดินต่อไปได้  ท่านก็ไม่ต้องขอบใจข้าพเจ้า  เทพทั้งจักรวาล ต่างก็จะสรรเสริญท่าน(เสียงปรบมือ)

ศิษย์            ศิษย์ต้าฝ่า แห่ง ซานตง  เมืองฉางซา มณฑลหูหนาน  เสิ่นหยาง  กว่างตงฝอซาน  เหอหยวน  กว่างโจว  เม่าหมิง  เมืองจงซาน  ตงหว่าน  เซินเจิ้น ไห่หนาน  ซันซี  เฉิงตู   หลูโจว กุ้ยหยาง เจียมู่ซือ  ฝู่ซุ่น ไท่หยวน อานซัน  เป่ยจิง  เป่ยจิงเขตเฟิงไถ เขตส่งเหวิน  เป่ยต้า(มหาวิทยาลัยเป่ยจิง)  มหาวิทยาลัยชิงหวา  ถังซัน  สือเจียจวง  เชิงเต๋อ  เทียนจิน   จั้นเจียง  ต้าเหลียน  เยียนไถ  เปิ่นซี  เกาะฉินหวาง  ซั่งไห่(เซี่ยงไฮ้)  คุนหมิง  ซินเจียง  ฟู้โจว  หูเป่ย  หูหนาน  ฮาปา  ฮาเอ่อปิง  ไคอัน ซันซี  หนานจิง       เหลียวหนิง  มองโกเลียใน(เน่ยเหมิงกู่)   ฮู มากมายเหลือเกิน  (ที่ประชุมหัวเราะ)  ฮอลแลนด์  ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ ฝรั่งเศส  เยอรมัน  อินโดนีเซีย  สิงคโปร์  อังกฤษ  ออสเตรเลีย  เดนมาร์ก  เนปาล  ไต้หวัน  มาเก๊า  สวีเดน  โตรอนโต   ซานฟรานซิสโกรัฐแคลิฟอร์เนีย โอ๊คแลนด์  ซานโฮเซ่ คูเปอร์ติโน มาเลเซีย  อาร์เจนติน่า  ฮ่องกง  อินเดีย  ตุรกี คาริเบียน  เวียดนาม  21 ประเทศ 6 เขตพื้นที่   ฝากสวัสดีท่านปรมาจารย์

อาจารย์       ขอบใจทุกท่าน (เสียงปรบมือกึกก้องยาวนาน)

ข้าพเจ้าได้ตอบคำถามให้หมดแล้ว  ไม่ว่าข้าพเจ้าจะพูดมากเพียงไร  เส้นทางการบำเพ็ญนี้ ต้องให้พวกท่านเดินกันเอง  ทำอย่างไรจึงจะเดินให้ดีบนเส้นทางนี้   เดินจนถึงที่สุด  นั่นจึงจะยอดเยี่ยม  เพราะระหว่างขั้นตอนการเดินบนเส้นทางนี้ของท่าน ย่อมมีความยากลำบาก   ย่อมมีการทดสอบอย่างนี้อย่างนั้น  ย่อมมีอุปสรรคที่ท่านคาดคิดไม่ถึง   ย่อมมีการรบกวนของจิตยึดติดและฉิงนานาชนิดที่ท่านคาดคิดไม่ถึง   การรบกวนชนิดนี้ มีที่มาจาก ครอบครัว  สังคม  ญาติสนิทมิตรสหาย  กระทั่งเพื่อนผู้บำเพ็ญของพวกท่านเอง  และยังมีการรบกวนของสถานการณ์นานาชนิดของสังคมมนุษย์   การรบกวนของทัศนคติที่เกิดขึ้นจากการที่มนุษย์อยู่ในสังคม   ทั้งหลายทั้งปวงนี้ล้วนสามารถฉุดท่านกลับไปยังหมู่คนธรรมดาสามัญได้   หากท่านสามารถทะลวงทั้งหมดนี้ได้   ท่านจึงจะสามารถเดินไปสู่ความเป็นเทพ  ดังนั้นกล่าวในฐานะผู้บำเพ็ญ   หากสามารถยืนหยัดด้วยตนเอง  สามารถมีเจิ้งเนี่ยนอันแน่วแน่ที่ไม่มีอะไรจะสั่นคลอนได้   นั่นจึงจะยอดเยี่ยมจริง  เหมือนกับวัชร   แกร่งดุจหินผา  ใครก็แตะต้องไม่ได้   สิ่งชั่วร้ายเห็นแล้ว ต่างก็หวาดกลัว   หากความคิดถูกต้องเที่ยงตรงได้จริงเมื่อเผชิญกับความยากลำบาก  เผชิญกับการประทุษร้ายของพวกชั่วร้าย  เผชิญกับการรบกวน    เมื่อท่านพูดออกไปประโยคหนึ่งด้วยเจิ้งเนี่ยนที่แน่วแน่  ก็จะสามารถทำให้สิ่งชั่วร้ายดับสลายได้ในทันที (เสียงปรบมือ)  ก็จะทำให้คนที่ถูกสิ่งชั่วร้ายใช้ประโยชน์ คอตกหนีไป  ใครที่สามารถรักษาเจิ้งเนี่ยนไว้ได้  ใครที่สามารถก้าวไปจนถึงที่สุด  ผู้นั้นจึงจะเป็นเทพผู้ยิ่งใหญ่ที่ต้าฝ่าสร้างขึ้นได้ (เสียงปรบมือยาวนาน)   ข้าพเจ้ายังจะรอคอยข่าวดีของพวกท่าน (เสียงปรบมือดังกึกก้อง)   ในกม  ไ่ยจิซานตง  เท่านก็มีพลัง

 


บรรยายธรรม ณ ฝ่าฮุ่ยเมืองชิคาโก

หลี่ หงจื้อ

26 มิถุนายน ค.ศ. 2005

 

สวัสดีทุกท่าน  ( สวัสดีท่านอาจารย์  ลูกศิษย์ทักทายตอบ)  ทุกท่านต่างลำบากกันแล้ว

ในช่วงระยะนี้ โดยมาก ข้าพเจ้ามักจะไปยังที่ประชุมเสมอ  ทุกท่านทราบว่า การเจิ้งฝ่านั้นย่อมจะมีการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์เกิดขึ้นเสมอ อย่างเช่นว่า ในขณะนี้อยู่ในระหว่างการช่วยเหลือสรรพชีวิต  เป็นการแก้ไขปัญหาการรับรู้ต่อคอมมิวนิสต์จีนในความคิดของคน ด้วยเหตุนี้ทุกท่านต่างกำลังทำเรื่อง “จิ่วผิง”นี้อยู่   ในเวลานี้การพูดเนื้อหาของเรื่องอื่นมากเกินไป อาจทำให้เรื่องที่พวกท่านกำลังทำอยู่จืดจางได้ ดังนั้นข้าพเจ้าจึงไม่อยากจะพูดอะไรมาก หลังจากที่ข้าพเจ้ามาชิคาโกแล้ว ข้าพเจ้าจึงใคร่ครวญโดยตลอดว่าจะมาที่ประชุมหรือไม่ (หัวเราะ)  ต่อมาคิดๆดู  มาก็แล้วกันนะ  เพราะในฝ่าฮุ่ยแต่ละครั้งมักมีผู้ฝึกที่เพิ่งก้าวออกมาใหม่ กับ ผู้ฝึกจีนแผ่นดินใหญ่ที่ออกมา แน่ละ ผู้ฝึกก็อยากจะพบอาจารย์  ก็มาพบกับทุกท่านก็แล้วกัน ( เสียงปรบมือกึกก้อง)

ขอถือโอกาสพูดเรื่องหนึ่งกับทุกท่าน  ทุกท่านทราบว่า  ในฐานะที่เป็นผู้บำเพ็ญในยุคเจิ้งฝ่า  ภารกิจทางประวัติศาสตร์ที่แบกเอาไว้  ภาระที่หนักนี้ใหญ่หลวงมากจริงๆ   สิ่งที่พวกท่านเผชิญอยู่นั้น ไม่ใช่เพียงการบำเพ็ญของแต่ละคน  และไม่ใช่ปัญหาการช่วยเหลือคนไม่กี่คน    มนุษยชาติทั้งหมดล้วนวางอยู่ต่อหน้าพวกท่าน  โดยเฉพาะคนจีน    แน่ละ  สถานการณ์ในภายหน้าจะเกิดการเปลี่ยนแปลง  การทำงานก็จะไม่ลำบากเช่นนี้แล้ว  แต่ว่าสถานการณ์ในขณะนี้   การช่วยเหลือชาวจีนนั้นยากลำบากมาก   มีความยากลำบากมาก  ดังนั้นทุกท่านจึงคิดวิธีการต่างนานาออกมา  ส่งผลในการสยบพวกคนชั่ว  เป็นผลดีมากต่อการอธิบายความจริงช่วยเหลือสรรพชีวิต   สิ่งเหล่านี้ที่ทุกท่านทำกันนั้น ล้วนดีมาก  แต่ว่าบางครั้งก็อาจหุนหันพลันแล่นเกินไป

ทุกท่านคงจะเคยได้ยินว่าเรื่องการฟ้องร้องคอมมิวนิสต์จีนนี้จะเพลาลง   ที่จริงข้าพเจ้ามีความคิดอย่างหนึ่ง  ข้าพเจ้าเคยพูดกับพวกท่านมานานแล้วว่า  กล่าวในฐานะศิษย์ต้าฝ่า กล่าวในฐานะผู้บำเพ็ญคนหนึ่ง  ข้าพเจ้าว่าผู้บำเพ็ญนั้นไม่มีศัตรู  พวกท่านมีแต่การช่วยเหลือคน   ไม่ใช้วิธีการของคน  หรือใช้หลักการของคนไปลงโทษคนและตัดสินคน  นี่เป็นปัญหาหนึ่งอย่างแท้จริง

แต่ว่า  เพื่อยับยั้งพวกชั่วร้ายเหล่านั้น  พวกคนเหล่านั้นที่ไม่อาจรับการช่วยเหลือได้แล้ว   พวกที่แนบแน่นกับคอมมิวนิสต์จีนเหล่านั้น   ทุกท่านจัดกิจกรรมหลายอย่างขึ้นมา  ทำเรื่องบางอย่างนั้น ก็จำเป็น  แต่มีบางเรื่องที่ควรให้คนธรรมดาสามัญทำ   โดยเฉพาะในสังคม มีหลายคนกำลังทำเรื่องการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตยเอย  ทำเรื่องพรรคการเมืองต่างๆ  พวกเขามีการร้องเรียนทางการเมือง  พวกเขาคิดจะเรียกร้องรูปแบบการปกครองอะไรของประเทศจีน  พวกเขาจะทำอย่างไรก็ตาม  นี่ล้วนแต่เป็นเรื่องของคน  แต่สำหรับการเปิดโปงธาตุแท้ของคอมมิวนิสต์จีนนั้น  พวกเขาทำให้เกิดผลกระทบที่ใหญ่มากจริงๆ ในด้านนี้ สื่อที่ศิษย์ต้าฝ่าทำนั้น ก็นับเป็นสื่อของสังคม จึงพร้อมที่จะตีพิมพ์ให้ได้   สนับสนุนบรรดาสิ่งที่พวกเขาทำเพื่อเปิดโปงคอมมิวนิสต์จีนที่ชั่วร้าย   ซึ่งจะเกิดผลกระทบที่แน่นอนระดับหนึ่ง ต่อการรับรู้ธาตุแท้ของพรรคชั่วคอมมิวนิสต์จีน ของชาวจีน  และการช่วยเหลือชาวจีน   อันนี้ไม่มีปัญหา  แต่ว่า หากพวกเราไปทำโดยตรงเหมือนกับคนธรรมดาสามัญ  หรือพวกเราอาศัย ฐานะของศิษย์ต้าฝ่าไปทำเรื่องนี้โดยตรงก็ไม่ค่อยเหมาะสม แต่วิธีการนี้ที่พวกท่านคิดออกมา ทำกันออกมาในรูปแบบนี้  อาจารย์ก็ให้การรับรองพวกท่าน  ไม่มีอะไรผิด

อนาคตของมนุษยชาตินั้น  สำหรับพวกที่เลวที่สุดเหล่านั้น  ต้องดำเนินคดี  นอกจากจัดการดำเนินคดีแล้ว มนุษย์ยังต้องมีกฎหมายที่เที่ยงธรรมในการพิพากษาตัดสิน  สามารถไปทำเช่นนี้ได้    จากสิ่งเหล่านี้ก็สามารถส่งผลต่อการเปิดโปง  ยับยั้งพวกชั่วร้ายได้  แต่หากการดำเนินคดีจะกระทบต่อ คนที่ควรช่วยเหลือ นั่นก็ไม่ถูก ทุกท่านคิดดู  บางท่านที่นั่งอยู่ ก่อนที่จะศึกษาต้าฝ่า ก็ล้วนแต่เคยถูกพรรคมารหลอกให้เป็นสมาชิกพรรคมาก่อน พวกท่านจะไปดำเนินคดีกับสมาชิกพรรคเหล่านั้นที่ถูกพวกชั่วร้ายหลอกจริงๆหรือ  พวกท่านต้องทราบว่า ตอนแรกพวกเขาก็เคยถูกพรรคมารคอมมิวนิสต์จีนหลอกมาก่อน  นั่นคือสรรพชีวิตที่พวกท่านต้องช่วยเหลือ   จุดนี้ต้องแยกให้ชัดเจน  มีเพียงเฉพาะราย  คนชั่วที่ไม่ดีมากๆเหล่านั้น  จึงจะทำเช่นนี้กับเขา  แน่ละเมื่อครู่ข้าพเจ้าบอกแล้วว่า  เรื่องนี้ไม่มีอะไรผิด  ส่งผลสยบพวกชั่วร้ายไว้ได้ ในอนาคตมนุษย์จะไม่ยอมปล่อยคนชั่วพวกนั้นอย่างแน่นอน   แต่ว่าอย่าได้หุนหันพลันแล่น  ถ้าพวกท่านเองจะไปทำเรื่องนี้  นั่นก็ยังไม่เหมาะสม  ปัญหาที่ข้าพเจ้าเพิ่งพูดไป  ทุกท่านได้ยินชัดเจนแล้วหรือไม่  ( เสียงปรบมือ )

ก็คือว่า ทุกท่านใช้วิธีการทางกฎหมายยับยั้งการประทุษร้ายของพวกชั่วร้ายนั้น ไม่ได้ทำผิดอะไร   แต่ว่าวิธีที่ทำ กับการรับรู้ต่อเรื่องนี้ จะต้องมีสติแจ่มชัด  เรื่องนี้ เมื่อครู่ข้าพเจ้าพูดไปแล้ว  ก็คือไปรับรู้กันอย่างนี้   วิธีการต่างๆนานาที่ทุกท่านคิดขึ้นมา ดับสลายพวกชั่วร้ายนั้น ล้วนแต่ดีมาก  ทั้งเปิดโปงการประทุษร้าย และยังช่วยเหลือสรรพชีวิตได้ด้วย  นี่ก็จะทำให้คน มากยิ่งขึ้นออกห่างจากสิ่งชั่วร้าย  ทำให้สิ่งชั่วร้ายดับสลายไปในท่ามกลางการประทุษร้าย นับตั้งแต่คอมมิวนิสต์จีนปกครองหลายสิบปีมา  ชาวจีนยุคนี้ ถูกมันล้างสมองหมดแล้ว คำศัพท์ที่คนจีนแผ่นดินใหญ่ใช้พูดกัน  วิธีคิด  วิธีการรับรู้ต่อเรื่องราวทางภววิสัย  ล้วนเป็นสิ่งที่คอมมิวนิสต์จีนกรอกเข้าไปให้ทั้งนั้น   หลังจากคนจีนแผ่นดินใหญ่ ได้มาอยู่ในสังคมตะวันตกได้ระยะหนึ่ง  จึงค่อยเข้าใจว่าตนเองถูกคอมมิวนิสต์ทำให้กลายเป็นอะไรไปแล้ว   ทุกท่านล้วนเข้าใจกันแล้วในขณะนี้   ล้วนทราบถึงความน่าสงสารของชาวจีน  หวนคิดขึ้นมา คอมมิวนิสต์จีนนั้นช่างชั่วร้ายจริงๆ ขณะนี้ยังมีชาวจีนแผ่นดินใหญ่หลายคน ที่รับรู้สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ มองไม่เห็นทั้งหมดนี้ พวกเขาเคยชินกับทั้งหมดนี้แล้ว  ตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่ พวกเขาก็โตกันมาแบบนี้   พวกเขารู้สึกว่าสภาพความเป็นจริงของสังคมมนุษย์ตามปกติก็เป็นเช่นนี้    หลักเหตุผลในหมู่คน ก็คงจะเป็นเช่นนี้ด้วย   ดังนั้น พอพรรคชั่วคอมมิวนิสต์จีนบอกอะไร โดยพื้นฐานแล้วพวกเขาก็จะไม่ใช้สมองคิด   มันบอกว่าดี ก็คือดี  มันบอกว่าไม่ดี ก็คือไม่ดี  มันบอกว่า ฝ่าหลุนกงไม่ดี  ฉะนั้นฝ่าหลุนกงของท่านก็คงจะเป็นเช่นนั้น   ท่านอธิบายความจริงกับเขา เขาก็ไม่ฟัง   สภาพการณ์เช่นนี้จะให้พวกเราทำอย่างไรละ   ศิษย์ต้าฝ่าแบกรับภารกิจในการช่วยเหลือพวกเขาไว้   ดังนั้นพวกเราจึงนำความเป็นอันธพาลของพรรคชั่วร้ายนี้ออกมาเปิดโปง   จากประวัติศาสตร์ จนถึงปัจจุบัน   ให้ชาวโลกดูว่าที่แท้มันเป็นอะไรกันแน่   คุณยังจะเชื่อมันหรือไม่   ในความเป็นจริงหลังจากผู้คนได้รู้เรื่องนี้กันแล้ว  ในทางกลับกัน เมื่อพวกเราไปบอกความจริงกับเขาอีก เขาก็จะเข้าใจอะไรๆได้หมดแล้ว  และอยากฟังแล้ว  นี่ก็คือบรรดาผลกระทบที่เกิดขึ้นจาก “จิ่วผิง”ในขณะนี้

มองจากสถานการณ์ การลาออกจากพรรค กับ สถานการณ์การเปลี่ยนแปลงในจีนแผ่นดินใหญ่ขณะนี้   ทุกท่านล้วนมองเห็นแล้วว่า  ทุกสิ่งที่พวกท่านทำอยู่ในขณะนี้  ทำให้สภาพการณ์ในโลก เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก อย่าเห็นว่าพวกชั่วร้ายมีพลังอำนาจมากเพียงใด   ตอนแรกที่สองปรปักษ์ใหญ่ในสังคมมนุษย์นี้ แข่งขันอำนาจกัน   ค่ายฝ่ายพรรคมารแข็งแกร่งเพียงใด   สังคมตะวันตกไม่มีทางสู้มันได้จริงๆ  แต่เมื่อเทพให้มันล่มสลาย  ในชั่วเวลาเดียวก็ล่มสลาย   ไม่ต้องการมันแล้ว  จึงไม่ให้มันคงอยู่ต่อไป

ร่างหลักของศิษย์ต้าฝ่ากำลังบำเพ็ญอยู่ในสังคมประเทศจีน ฝึกฝนอยู่ในสังคมประเทศจีน  ดังนั้นสถานการณ์ทางการเมืองในสังคมประเทศจีนนี้ การคงอยู่ของพรรคมารคอมมิวนิสต์จีน มันจะเป็นความบังเอิญได้หรือ ค่ายสังคมนิยมของพรรคชั่วทั้งหมดล้วนล่มสลายแล้ว  แต่ทำไมมันไม่ล่มสลายละ   นั่นไม่ใช่การจัดเตรียมให้กับศิษย์ต้าฝ่า ของอิทธิพลเก่าหรือ   ดังนั้นทั้งหมดนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ   แม้พวกเราจะคัดค้านอิทธิพลเก่า  พวกเราไม่ยอมรับการประทุษร้ายครั้งนี้  และพวกเราก็ไม่ยอมรับสิ่งเหล่านี้ ที่มันยัดเยียดให้กับพวกเรา   แต่เรื่องเหล่านี้มันกำลังส่งผลในทางทำลายอยู่จริงๆ   ในขณะที่เรากำลังปฏิเสธเรื่องเหล่านี้  เราก็เดินบนหนทางของเราเองอย่างถูกต้อง   ในเวลาเดียวกันก็กำลังใช้ทุกวิธีการ คิดหาทางช่วยเหลือสรรพชีวิต  ช่วยเหลือชาวโลก  ช่วยเหลือชาวจีน

ชาวโลกมากมายในวันนี้ ล้วนแต่ไม่ธรรมดา   โดยเฉพาะชาวจีน  ข้าพเจ้าเคยพูดไว้นานแล้ว  ในตัวคนจีนนั้นมีมากมายที่เป็นชนชาติต่างๆในโลก จักรพรรดิของยุคสมัยต่างๆ  กลับชาติไปเกิดที่ประเทศจีน  แน่ละไม่ใช่เพียงแค่จักรพรรดิเท่านั้นนะ   เกือบจะทั้งราชวงศ์นั้นล้วนกลับชาติไปเกิดที่ประเทศจีนแล้ว   แน่ละ คน ไม่เพียงมีความเป็นมาของเขา เฉพาะแต่ในสังคมมนุษย์   ยังมีความเป็นมาที่แท้จริงของชีวิตคน  ล้วนไม่ธรรมดา   ดังนั้นผู้ที่ศิษย์ต้าฝ่าจะช่วยเหลือนั้นจึงไม่ใช่ชีวิตทั่วๆไป

ผู้บำเพ็ญในอดีตพูดถึงการช่วยเหลือสรรพชีวิต ที่แท้ใครที่ช่วยเหลือสรรพชีวิตละ  นอกจากองค์ศากยมุนี  พระเยซู ซึ่งเป็นผู้รู้แจ้ง ที่ถูกต้องยิ่งใหญ่ ยังมีใครบ้างที่ช่วยเหลือสรรพชีวิต ไม่มีใครช่วยเหลือสรรพชีวิต  สรรพชีวิตที่องค์ศากยมุนี และพระเยซูช่วยเหลือนั้น  ที่จริงก็เป็นการจัดวางไว้ให้พวกเขา   และเป็นการวางรากฐานทางวัฒนธรรมในประวัติศาสตร์ให้กับต้าฝ่า ในขณะเดียวกัน ก็ได้เห็นว่ามีปัญหาอะไรบ้างที่เทพต้องเผชิญและประสบ บนเส้นทางนี้ ซึ่งล้วนแต่ปรากฏอยู่ในประวัติศาสตร์ให้คนในวันนี้ได้เห็น แน่ละพวกมันก็ต้องการให้ข้าพเจ้าดูด้วย  ก็เป็นเช่นนี้เอง   คนที่พวกเขาเผชิญอยู่ในเวลานั้น คือมนุษย์ที่บริสุทธิ์ในยุคแรก   คือโครงสร้างของร่างกายมนุษย์ในยุคแรก   ทว่าคน ที่พวกท่านเผชิญอยู่นั้น  โดยผิวเผินคือ เปลือกนอกของคน กับรูปลักษณ์ของร่างกายคนนี้  แต่ที่แท้ ชีวิตที่อยู่ข้างใน ไม่ใช่ธรรมดาเลย

ต้าฝ่าช่วยเหลือคนประเภทไหนกันละ  ศิษย์ต้าฝ่าไปช่วยเหลือคนประเภทไหน  นี่ล้วนไม่ใช่เรื่องธรรมดาอย่างแน่นอน   ภายใต้สภาพการณ์ที่พวกเราถูกประทุษร้ายอย่างรุนแรงนี้  เหตุใดต้องช่วยเหลือสรรพชีวิตละ  เหตุใดในท่ามกลางการประทุษร้ายอย่างทารุณเช่นนี้  พวกเรายังคิดถึงผู้อื่นละ   นี่คือสิ่งที่ประวัติศาสตร์มอบหมายให้กับพวกท่าน   เพราะคนเหล่านี้หนา   พวกเขาก็เป็นตัวแทนของกลุ่มชีวิตอันมหึมา   ดังนั้นจึงไม่ใช่เป็นแค่คน   แต่เป็นสรรพชีวิตในจักรวาลที่เฝ้ารอคอยพวกท่าน   เป็นการเฝ้ารอคอยต่อรูปแบบชนิดนี้ของการถ่ายทอดต้าฝ่าบนโลกในวันนี้   นี่เป็นโอกาสแห่งวาสนา  ในฐานะชีวิตๆหนึ่ง   การพลาดโอกาสแห่งวาสนาครั้งนี้   อาจเป็นการพลาดไปตลอดกาลของเขา

ดูเหมือนว่า ตรีภูมินั้นเล็กมาก  ดูเหมือนสังคมมนุษย์ ช่างเล็กกระจิดริด เมื่อเปรียบกับชีวิตชั้นสูงนั้น  แต่ที่นี่กลับเป็นจุดศูนย์รวมของการเจิ้งฝ่า  เหตุใดจึงถ่ายทอดฝ่าอยู่ที่นี่   ที่ผ่านมาข้าพเจ้าเคยพูดกับทุกท่านแล้ว   ดังนั้นการถ่ายทอดฝ่าอยู่ที่นี่  สภาพแวดล้อมโดยรอบ   สรรพชีวิตที่มาที่นี่ กับทุกสิ่งที่พวกท่านประสบ จะเป็นเรื่องธรรมดาง่ายๆหรือ  ไม่ใช่ธรรมดาอย่างเด็ดขาด  แต่ปรากฏการณ์ที่แสดงออกมา ไม่มีอะไรต่างกัน กับสังคมคนธรรมดาสามัญ และสภาพการณ์ของมนุษย์ในประวัติศาสตร์   คนก็ยังเป็นคน  ไม่อาจเกิดปาฏิหาริย์ขึ้นมาได้   ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันก็เป็นการสร้างรูปแบบเช่นนี้ขึ้นมา   สร้างพฤติกรรมชนิดนี้ของคนในปัจจุบัน รวมทั้งความนึกคิดของคนเอย รูปลักษณ์เอย รูปแบบการใช้ชีวิตเอย ก็เป็นเช่นนี้ จึงถ่ายทอดฝ่าอยู่ในสภาพแวดล้อมอย่างนี้  ช่วยเหลือคน  ช่วยเหลือสรรพชีวิต   แม้ว่าในนั้นมีองค์ประกอบมากมายที่ยัดเยียดให้กับข้าพเจ้า กับศิษย์ต้าฝ่า  เป็นสิ่งที่องค์ประกอบของอิทธิพลเก่าของจักรวาลทำไว้ และปะปนอยู่ในนั้น พวกท่านยากจะแยกแยะได้ชัดเจน พวกเราไม่ยอมรับการจัดวางทั้งหมดของสิ่งเก่า พวกเราจะเดินบนหนทางของตนเอง   เพื่อที่จะไม่เกิดปัญหา กล่าวสำหรับศิษย์ต้าฝ่า ที่ผ่านมา ข้าพเจ้ามักบอกพวกท่านบ่อยๆให้ศึกษาฝ่ามากๆ รักษาเจิ้งเนี่ยนเอาไว้ ในสภาพการณ์เช่นนี้ พวกท่านจึงจะสามารถเดินได้อย่างถูกต้องบนเส้นทางของตนเอง จึงจะสามารถทำเรื่องที่ศิษย์ต้าฝ่าต้องการทำได้ดี ไม่ว่างานจะยุ่งแค่ไหน ทุกท่านยังต้องศึกษาฝ่า ต้องศึกษาฝ่าให้ได้

ทางข้างหน้า สถานการณ์นี้อาจจะเปลี่ยนแปลงเร็วยิ่งๆขึ้น แต่ในการบรรยายฝ่าที่ผ่านมา ข้าพเจ้าเคยพูดถึงปัญหานี้แล้ว ไม่ว่าสถานการณ์ในสังคม จะเกิดสถานการณ์ด้านลบ หรือสถานการณ์ด้านบวก หรือพูดว่า ไม่ว่าจะเกิดสถานการณ์ไม่ดี หรือสถานการณ์ที่ดี กล่าวสำหรับศิษย์ต้าฝ่าล้วนเป็นการทดสอบ ไม่อาจจะกระหยิ่มใจ หากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงดีแล้วจริง ก็เป็นการทดสอบอีกชนิดหนึ่งต่อท่าน ก็ไม่อาจกระหยิ่มใจจะต้องรักษาเจิ้งเนี่ยน  ไปทำเรื่องที่ศิษย์ต้าฝ่าสมควรทำ

ข้าพเจ้าจะขอพูดเพียงเท่านี้ล่ะ ศิษย์ต้าฝ่าในขณะนี้ทำเรื่องของต้าฝ่า มีบางคน บนตัวพ่วงไว้หลายเรื่อง  เรื่องครอบครัว เรื่องของต้าฝ่า เรื่องการงาน ยังมีเรื่องทางสังคม ทำให้ทุกท่านค่อนข้างวุ่นวาย อันนี้ข้าพเจ้าก็ทราบ ไม่ว่าจะอย่างไร ทุกท่านสามารถคิดว่า เรื่องของต้าฝ่าสำคัญที่สุด ในเวลาที่สำคัญ คิดได้ว่าตนเองเป็นศิษย์ต้าฝ่า ต้องทำให้ดีในเรื่องนั้นๆ มองจากจุดนี้นั้น ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ ไม่ว่าจะอย่างไร อาจารย์ล้วนเห็นอยู่ในใจแล้ว แต่ประวัติศาสตร์นั้น ไม่ว่าได้ผ่านระยะเวลามานานเพียงใด      ตรีภูมิได้สร้างมานานเพียงใด สรรพชีวิตที่นี่มีมากแค่ไหนแล้ว  ก็ล้วนแต่ฝากความหวังไว้กับช่วงเวลานี้ในประวัติศาสตร์อันยาวนาน ชั่วพริบตานี้ มีค่าดังทองนับหมื่นพัน เดินให้ดีบนเส้นทางช่วงนี้ นั่นคือสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุด ดังนั้นในช่วงเวลานี้ แม้ว่าเวลาของทุกท่านจะรัดตัว เหน็ดเหนื่อยมาก พักผ่อนน้อย แต่ผู้ฝึกมากมายล้วนสามารถทำได้ดี อาจารย์มองเห็นแล้วรู้สึกปลื้มใจ ด้วยเหตุนี้ข้าพเจ้าขอขอบใจทุกท่าน (เสียงปรบมือกึกก้องยาวนาน)

มีหลายคนพูดว่าเรายุ่งเกี่ยวกับการเมือง ผู้ฝึกบางคน  ที่ศึกษาฝ่าไม่ก้าวหน้า  จึงเลอะเลือน  และพูดว่า “จิ่วผิง”นี้ ไม่ใช่การยุ่งเกี่ยวกับการเมืองแล้วหรือ สังคมมนุษย์ล้วนคงอยู่เพื่อต้าฝ่า ทุกท่านทราบ ประวัติศาสตร์นั้นเป็นการจัดวางไว้  ที่จริงผู้ศักดิ์สิทธิ์ในยุคโบราณ ผู้รู้แจ้งที่ถูกต้องเหล่านั้น ก็สามารถนำมาศึกษา และปฏิบัติตาม สิ่งผิวเผินที่สุดที่เหลาจื่อกล่าวไว้ใน 5,000 คำนั้น ล้วนแต่เป็นเรื่องของการเป็นจักรพรรดิได้อย่างไร ปกครองประเทศอย่างไร  หากใช้การรับรู้ของคน นั่นไม่ใช่การเมืองหรือ   แต่มันไม่ใช่การเมือง แน่ล่ะยังมีหลายอย่างที่สามารถดูได้จากประวัติศาสตร์ ทุกท่านเคยคิดหรือไม่ สิ่งที่พรรคชั่วคอมมิวนิสต์ทำคือ ลัทธิการเมืองแบบผูกขาดของลัทธิมาร จากนั้นก็ลากชาวจีนทั้งหมดเข้าไปสู่การเมือง เราบอกให้คนออกห่าง และรู้ชัดในพรรคชั่วคอมมิวนิสต์จีนนั้น ไม่ใช่ให้คนออกห่างจากการเมืองหรือ (เสียงปรบมือ) ที่จริงนั้นจุดประสงค์ที่แท้ของเราไม่ใช่การล้มคว่ำพรรคชั่วคอมมิวนิสต์จีนของท่าน ข้าพเจ้าก็ไม่ได้ต่อสู้กับท่าน ท่านก็ไม่คู่ควร (เสียงปรบมือ) ผู้ที่เดินบนเส้นทางของเทพ จะต่อสู้กับคนได้อย่างไรกันล่ะ แม้ว่าพรรคชั่วคอมมิวนิสต์จีน จะเป็นผีร้ายวิญญาณชั่ว มันก็ไม่คู่ควร เจิ้งฝ่าคือเจิ้งฝ่า ในการช่วยเหลือสรรพชีวิตของศิษย์ต้าฝ่านั้น คือต้องการดับสลายสิ่งชั่วร้ายทั้งหมดที่ขวางกั้นชาวโลกไว้ไม่ให้ได้รับการช่วยเหลือ

พวกเรานั้น เพื่อที่จะช่วยเหลือสรรพชีวิต ช่วยเหลือชาวโลกทุกวันนี้ จึงได้บอกให้คนรู้ชัดในพรรคชั่วคอมมิวนิสต์ว่าเป็นอย่างไร แน่ล่ะ ไม่ว่าคอมมิวนิสต์นั้นจะปกปิดหน้าตาที่ชั่วร้ายของพรรคชั่วอันธพาลนั้นไว้อย่างไร เมื่อชาวโลกรับรู้ต่อท่านได้แล้ว ก็จะรู้ว่าท่านนั้นคือสิ่งชั่วร้าย ก็จะไม่ร่วมมือกับท่านอีก แล้วก็จะทิ้งท่าน ท่านก็จะอยู่ไม่ได้แล้ว แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่เราจะทำ  จุดประสงค์ของเราคือการช่วยเหลือสรรพชีวิต มีเรื่องมากมายบนโลก  เมื่ออยู่ในวังวนนี้ ก็ไม่ง่ายที่จะแยกให้ชัด นั่นก็ดูว่าคนจะไปรับรู้อย่างไร

แน่ล่ะ ในฐานะศิษย์ต้าฝ่า โดยเฉพาะผู้ฝึกที่ศึกษาฝ่าค่อนข้างจริงจัง ล้วนสามารถเข้าใจจุดนี้ได้  ในขณะอธิบายความจริง  ทุกท่านได้ยกตัวอย่างในด้านนี้ไว้มากมายแล้ว พูดได้ชัดแจ้งยิ่งขึ้น ดังนั้น เส้นทางที่เราเดินทั้งหมดนั้นไม่ได้เดินผิด เพียงแต่จะเดินให้ดียิ่งขึ้นได้อย่างไร ข้าพเจ้าก็ขอพูดเพียงเท่านี้ ขอบใจทุกท่าน (เสียงปรบมือกึกก้องยาวนาน)

อาจารย์จะรอฟังพวกท่าน   ฟังข่าวดีของพวกท่าน (เสียงปรบมือกึกก้อง)

 

 


บรรยายธรรม ณ ที่ประชุมฝ่าฮุ่ยแคนาดา ปี ค.ศ. 2006

หลี่ หง จื้อ

28 พฤษภาคม ค.ศ. 2006 ณ เมืองโตรอนโต

 

ทุกท่านต่างลำบากกันแล้ว (ที่ประชุมปรบมือดังกึกก้อง   และตอบพร้อมกัน  สวัสดีท่านอาจารย์  ท่านอาจารย์ลำบากแล้ว)

การประชุมฝ่าฮุ่ยขนาดใหญ่หลายครั้ง  ล้วนเป็นการประชุมที่คึกคักของศิษย์ต้าฝ่านอกประเทศจีนแผ่นดินใหญ่  ฝ่าฮุ่ยขนาดใหญ่แต่ละครั้ง ล้วนมีผู้ฝึกใหม่และผู้ฝึกที่อยู่ไกลมาก มาร่วมประชุม  ดังนั้นฝ่าฮุ่ยแต่ละครั้ง นอกเหนือจากโครงการอื่นๆที่ต้องทำแล้ว   ฝ่าฮุ่ยต้องบังเกิดผลในการยกระดับการบำเพ็ญ สามารถบรรลุผลได้อย่างแท้จริง    เช่นนี้จึงจะไม่ทำให้ผู้ฝึกใหม่และผู้ฝึกที่เดินทางมาไกลเสียเวลาไปเปล่าๆที่เดินทางมาครั้งนี้  ดังนั้นฝ่าฮุ่ยของศิษย์ต้าฝ่า ไม่ใช่แค่เพียงพิธีการที่ต้องทำในแต่ละปี  แต่เพื่อการบำเพ็ญที่แท้จริงจึงเปิดการประชุม  นี่ก็เป็นสภาพแวดล้อม มีขอบเขตที่ใหญ่ชนิดหนึ่ง เพียงหนึ่งเดียว ซึ่งศิษย์ต้าฝ่าสามารถแลกเปลี่ยนประสบการณ์ซึ่งกันและกันได้ที่ข้าพเจ้าเหลือไว้ให้ในปีนั้น   ดังนั้นจะต้องทำให้มันเกิดประโยชน์จริง  เป็นผลดีต่อการยกระดับการบำเพ็ญอย่างแท้จริง  เช่นนี้จึงจะมีความหมาย

ทุกท่านทราบแล้วว่า รูปแบบการบำเพ็ญชนิดนี้ในปัจจุบันนั้น เป็นที่กระจ่างชัดมากแล้วสำหรับศิษย์ต้าฝ่า ต่อข้อกำหนดของรูปแบบการบำเพ็ญของศิษย์ต้าฝ่า  ข้าพเจ้าคิดว่า โดยพื้นฐานผู้ที่กำลังนั่งอยู่นี้ ล้วนทำกันได้แล้ว  รูปแบบการบำเพ็ญของต้าฝ่าในหมู่คนธรรมดาสามัญ  ได้บุกเบิกการบำเพ็ญในสังคมคนธรรมดาสามัญที่ไม่เคยมีมาก่อน นี่คือนับตั้งแต่วันนั้นที่ข้าพเจ้าเริ่มต้นถ่ายทอดฝ่า ก็ได้กำหนดรูปแบบชนิดนี้ไว้เรียบร้อยแล้ว  รูปแบบชนิดนี้ นับแต่อดีตจนถึงวันนี้  ซึ่งล้วนไม่เคยมีมาก่อน

เนื่องจากการบรรยายธรรมของข้าพเจ้านั้น  ต้องบรรยายจากระดับต่ำไปสู่ระดับสูง   เริ่มบรรยายจากพื้นฐาน  ต้องให้คนทั้งหลายสามารถฟังเข้าใจกันได้ทั้งหมด  ดังนั้นจึงไม่ได้บรรยายให้สูงตั้งแต่ต้น ที่จริงการสร้างสรรค์ตรีภูมิทั้งหมดนั้น  ก็ทำขึ้นมาเพื่อเรื่องการถ่ายทอดต้าฝ่าในวันนี้  จักรวาลในอดีตนั้นไม่มีตรีภูมิอยู่ และไม่มีมนุษย์อยู่ด้วย มนุษย์นั้นเป็นสิ่งที่เทพสร้างขึ้นมา  นี่เป็นเรื่องจริงแท้แน่นอน  เหตุใดมนุษย์ต่างดาวจึงมุ่งแต่จะมาอยู่บนโลกนี้  มันมีเป้าหมายหลายอย่าง  นอกจากนี้แล้ว  การที่พวกมันรู้สึกตื่นตะลึงกับร่างกายมนุษย์คือเป็นโลกทรรศน์ที่แต่ไหนแต่ไรมา พวกมันไม่เคยพบเห็นมาก่อน   เนื่องจากสภาพแวดล้อมนี้ของจักรวาลในอดีต หรือพูดได้ว่า ปัจจุบันในท่ามกลางมิติเหล่านี้ที่ตรีภูมิดำรงอยู่  ในอดีตล้วนแต่เป็นชีวิตระดับต่ำนานาชนิดที่อยู่ที่นี่  รวมทั้งบรรดามนุษย์ต่างดาวทั้งหลาย   ที่จริงพวกมันยึดกุมเทคโนโลยีของชีวิตระดับต่ำอยู่ ในฉับพลันร่างนภานี้ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมหึมา มีมนุษย์ปรากฏขึ้นมาในระหว่างที่สร้างโลก  ปรากฏชีวิตชนิดหนึ่งอย่างคนนี้ขึ้นมา และโครงสร้างของร่างกายคนนี้   จากมุมมองด้านเทคโนโลยีของพวกชีวิตเหล่านั้น รู้สึกว่า กลไกทั้งหมดของร่างกายมนุษย์นั้น ช่างสมบูรณ์พร้อมยิ่งนัก  แน่ละ เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ละ เพราะเป็นสิ่งที่เทพสร้างขึ้นมา  สิ่งนี้ เมื่อเปรียบกับชีวิตที่พื้นๆพวกนั้น  และชีวิตระดับต่ำของมิตินี้ในอดีตนั้น  แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

เพราะว่าคน คือสิ่งที่เทพสร้างขึ้นมา  ดังนั้นจึงมีรูปลักษณ์ภายนอกของเทพ  กระทั่งมีโครงสร้างภายในอย่างของเทพ  เพียงแต่ปรากฏออกมาไม่มีความสามารถแบบเทพเท่านั้น   และมิตินี้โดยตัวมันเอง ยังทำให้ชีวิตใดๆไม่สามารถมองเห็นความจริง  ทำให้สิ่งมีชีวิตของมิตินี้อยู่ในสภาพแวดล้อมชนิดหนึ่งที่สร้างและกำหนดขึ้นเป็นพิเศษ ซึ่งร่วมกันสร้างขึ้นมาโดยเหล่าเทพแต่ละชนิดที่ผดุง(ค้ำจุน)การดำรงอยู่ของคน   สภาพแวดล้อมนี้ทำให้คนในมิตินี้ มองเห็นได้แต่เพียงวัตถุในมิตินี้  มองไม่เห็นวัตถุที่อยู่นอกมิตินี้   กระทั่งมองไม่เห็นวัตถุที่ดำรงอยู่ในลักษณะพิเศษในมิตินี้  แต่ก็มีคนที่มีรากฐานดีจำนวนน้อยนิดที่สามารถมองเห็นหรือสัมผัสได้ อันนี้จึงยิ่งเสริมให้คนจำนวนมาก เชื่ออย่างจริงๆจังๆว่า  ในจักรวาลนี้มีแต่ชีวิตอย่าง “คน” ชนิดนี้อยู่  กระทั่งเข้าใจว่า เงื่อนไขการดำรงชีวิตอยู่ที่นี่ เป็นเงื่อนไขเพียงประการเดียวของการดำรงอยู่ของบรรดาชีวิตทั้งหมดในจักรวาลนี้  เช่นนี้แล้ว  คนจึงยิ่งเพิ่มการปิดล้อมตนเอง  ดังนั้นนะ ไม่ว่าคนจะค้นคว้าวิจัยอย่างไร ไม่ว่าคนจะรับรู้อย่างไรก็ไม่อาจมองเห็นความจริงของจักรวาลได้  ที่จริงสภาพการณ์แบบนี้ ก็เป็นเรื่องปกติ  เพราะนี่เป็นสิ่งที่เทพจำกัดเอาไว้  คนก็อยู่ในระดับชั้นนี้ ก็ดำรงชีพอยู่ในเขตแดนชนิดนี้  หรือพูดได้ว่า  หากใช้วิธีการของคน  ไม่ว่าจะสำรวจจักรวาลกันอย่างไร  ก็ไม่อาจมองเห็นความจริงของจักรวาลได้ตลอดไป  นี่ก็เป็นสิ่งที่เทพกำหนดเอาไว้

เช่นนั้นแล้วจุดมุ่งหมายทั้งหมดนี้คืออะไรละ   ก็คือก่อนการถ่ายทอดต้าฝ่า ให้คนคงสภาพการณ์ชนิดนี้เอาไว้  สภาพการณ์ที่มั่นคง   รอจนถึงวันนั้นที่เริ่มต้นถ่ายทอดต้าฝ่า   ดังนั้นในแต่ละขั้นตอนของประวัติศาสตร์  นับแต่การสร้างตรีภูมิกับมนุษย์ขึ้นมาแล้ว  เรื่องราวนานาชนิดที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์โลก  รวมทั้งสภาพการณ์เมื่อเริ่มแรกหลังจากมนุษย์ได้ปรากฏขึ้น เรื่อยมาจนถึงในระยะหลายพันปีใกล้ๆนี้ หลังจากปรากฏวัฒนธรรมดั้งเดิมของมนุษย์ขึ้นมา   อาทิเช่นในประวัติศาสตร์ปรากฏบรรดาผู้มีชื่อเสียงเอย  เรื่องราวที่ใหญ่โตเอย  ที่แท้ นี่ก็คือการวางรากฐานวัฒนธรรมให้กับมนุษย์   วางรากฐานความคิด วางรากฐานด้านอุดมคติของคน ให้คนสามารถรับรู้ฝ่าได้ในวันนั้นของการถ่ายทอดต้าฝ่า   รับรู้วัฒนธรรมของการบำเพ็ญที่แท้จริง ถ้าหากไม่มีการวางรากฐานเหล่านี้ไว้ก่อนในประวัติศาสตร์ เช่นนั้นศิษย์ต้าฝ่าทั้งหมดที่นั่งกันอยู่ในวันนี้  ย่อมจะจัดเป็นคนที่อยู่ในสภาพการณ์แรกเริ่มชนิดนั้นที่เทพเพิ่งสร้างขึ้นมา  จัดอยู่ในสภาพที่ไม่อาจเข้าใจอะไรได้ทั้งนั้น  เช่นนั้นก็ไม่มีทางจะถ่ายทอดฝ่าได้   และไม่อาจที่จะเข้าใจฝ่า  อะไรคือการบำเพ็ญหรือ  ไม่เข้าใจ พูดอย่างง่ายๆคือ  ก็เหมือนคนปัจจุบันที่ไม่มีวัฒนธรรม  วันนี้จะบรรยายฝ่านี้ได้อย่างไรกัน  ก็ไม่มีทางจะบรรยายได้   ดังนั้นทุกสิ่งทุกอย่างนับแต่โบราณมาจนถึงทุกวันนี้   ก็เป็นเพียงการวางรากฐานทางวัฒนธรรมเพื่อการถ่ายทอดต้าฝ่าในเรื่องนี้

ฉะนั้นเรื่องนี้ข้าพเจ้ายังแบ่งทำเป็น 2 ช่วง   ช่วงหนึ่งก็คืออยู่ในระหว่างการเจิ้งฝ่า   ศิษย์ต้าฝ่ากลุ่มนี้ที่ก้าวข้ามมา ตามการบำเพ็ญเจิ้งฝ่า ก็จัดเป็นศิษย์ต้าฝ่าในยุคเจิ้งฝ่า  เช่นนั้นหลังจากนี้ยังมีอีก  ก็คือก้าวต่อมาของผู้บำเพ็ญในยุคฝ่าปรับโลกมนุษย์   เวลานั้น  ทั่วทั้งจักรวาล นอกเหนือจากมนุษย์แล้ว ก็ได้ทำจนเสร็จทั้งหมดแล้ว  ข้าพเจ้ามักพูดว่า องค์ประกอบของจักรวาลเก่า  อิทธิพลเก่า  ชีวิตในระดับชั้นสูงที่ไม่ดี ซึ่งแตกต่างกันนานาชนิด ที่รบกวนการเจิ้งฝ่า ในเวลานั้น นอกจากสิ่งที่อยู่ในระดับชั้นต่ำ ที่คงเหลือไว้ให้ผู้บำเพ็ญในอนาคตใช้ในการยกระดับแล้ว ล้วนแต่ไม่คงอยู่แล้ว หลังจากไม่มีองค์ประกอบของระดับชั้นสูงรบกวนแล้ว เช่นนั้นแล้ว ฝ่าปรับโลกมนุษย์จะเป็นอย่างไรละ  ทุกท่านคิดดูเมื่อไม่มีองค์ประกอบใดๆของอิทธิพลเก่าในระดับชั้นสูงที่สามารถต่อต้านอยู่อีกแล้ว คนนั้นเดิมทีก็อ่อนแอมาก  ชีวิตของมิติในระดับชั้นต่ำของจักรวาล กับ ชีวิตของมิติในตรีภูมินั้น เดิมทีก็ไม่มีความสามารถมากมายอะไร ในเวลานั้นฝ่าปรับโลกมนุษย์ก็จะเป็นอีกสภาพการณ์หนึ่งอย่างแน่นอนแล้ว ขณะนี้คนกำลังคาดคิดว่า  หลังจากไม่มีพรรคชั่วแล้วจะทำอย่างไรละ  นั่นจะเป็นสภาพอย่างไรกัน   รัฐบาลในอนาคตของประเทศจีนจะเป็นอย่างไร  ไม่ต้องไปคิด และไม่ต้องไปใส่ใจ  แน่ละ  ในระหว่างที่ทุกท่านยืนยันความถูกต้องของฝ่า  ในระหว่างการอธิบายความจริง  ทุกท่านอาจจะใช้การรับรู้ในขณะนี้ไปอธิบาย  นี่ล้วนไม่มีปัญหา   เพราะการอธิบายไปตามความคิดของคนตามปกติ  ตามความเข้าใจของคนปกตินั้นไม่มีปัญหา  แต่ว่าผลจะเป็นอย่างไรนั้น ไม่ใช่จะเป็นไปตามสิ่งที่คนพูด / หรือคนตัดสิน   และก็ไม่ใช่อย่างนั้น ที่คนคิดกันในขณะนี้ ในเวลานั้นสังคมมนุษย์จะเปลี่ยนแปลงทั้งหมด สภาพการณ์ล้วนแต่เปลี่ยนแปลงหมด  โครงสร้างสังคมล้วนเปลี่ยนแปลงหมดแล้ว

เช่นนั้นในช่วงเวลานี้  โดยเฉพาะคือการยืนยันความถูกต้องของฝ่าของศิษย์ต้าฝ่ากับการเจิ้งฝ่านั้นคงอยู่พร้อมกันในช่วงเวลา เดียวกัน  ดังนั้นกล่าวสำหรับผู้บำเพ็ญกลุ่มนี้แล้ว  ข้อกำหนดจึงต้องสูงเป็นพิเศษ  เพราะเขาอยู่พร้อมกับการเจิ้งฝ่า สิ่งที่แบกรับจึงมีมาก  ความรับผิดชอบจึงมาก  ไม่ว่าอาจารย์จะมีฝ่าเซินมากมายเพียงไร  จะมีความสามารถมากแค่ไหนในจักรวาล  ร่างหลักที่อยู่ในระหว่างช่องว่างของจักรวาลเก่าแต่ละชั้นนั้น กำลังกำกับทุกสิ่งของการเจิ้งฝ่าอยู่ในโลก  มนุษย์กับตรีภูมินั้นสร้างสรรค์ขึ้นมาตามความต้องการของการเจิ้งฝ่า ร่างหลักของอาจารย์ก็อยู่ที่นี่  ดังนั้นศูนย์กลางของการรบกวนการเจิ้งฝ่าของสิ่งชั่วร้ายจึงอยู่ที่นี่ด้วย ศิษย์ต้าฝ่าอยู่ที่นี่ยืนยันความถูกต้องของฝ่า ปกป้องฝ่า พร้อมกับการบำเพ็ญตนเอง  ภาระรับผิดชอบย่อมต้องหนักมาก  และยังต้องช่วยเหลือสรรพชีวิตที่นี่ กล่าวสำหรับศิษย์ต้าฝ่า  ความรับผิดชอบนี้ก็หนักมากอย่างยิ่ง  ดังนั้นศิษย์ต้าฝ่าในยุคเจิ้งฝ่าจึงยิ่งไม่ใช่ธรรมดาๆ

ข้าพเจ้าบอกแล้วว่า  ไม่ว่าในประวัติศาสตร์จะมีการบำเพ็ญอย่างนี้   การบำเพ็ญอย่างนั้น  ก็เป็นเพียงการวางรากฐานทางวัฒนธรรม  อะไรคือการบำเพ็ญ    วันนี้จึงจะเป็นการบำเพ็ญที่แท้จริง  (เสียงปรบมือ) รูปแบบของวันนี้จึงจะได้รับการยอมรับจากบรรดาเทพในจักรวาลว่าเป็นการบำเพ็ญที่แท้จริง(เสียงปรบมือ) ที่ผ่านมานั้น ล้วนเป็นการวางรากฐานทางวัฒนธรรม    คนที่มาอยู่ในตรีภูมิ นั้น  แต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่เคยออกไปได้   ไม่เคยมีชีวิตใดๆจากจักรวาลที่มาที่นี่ของคน ที่สามารถกลับไปสู่สวรรค์ได้   ที่ผ่านมาพูดกันถึงการบำเพ็ญ  การบำเพ็ญ  ใครก็ไม่เคยบำเพ็ญสำเร็จ   พูดถึงการขึ้นสวรรค์  ขึ้นสวรรค์  ใครก็ไม่เคยขึ้นไปได้  ทุกท่านทราบกันว่ามีจิตรอง   มีจิตรองที่ใช้ร่างกายคนเป็นสื่อกลางในการบำเพ็ญที่ขึ้นสวรรค์ได้   เนื่องจากเมื่อจิตรองใช้ร่างกายคนเป็นสื่อกลางแล้ว ก็จะมีรูปลักษณ์ภายนอกของคน   ดังนั้นจึงเคยมีคนเห็นว่า ในรูปแบบการบำเพ็ญที่ผ่านมานั้น มีใครๆขึ้นสวรรค์ไปแล้ว  หรือพูดว่าเวลาที่คนๆนี้จากโลกไปนั้น มองเห็นว่าบางคนได้ขึ้นสวรรค์ไป   แต่ผู้ที่ขึ้นสวรรค์ไปนั้นไม่ใช่จิตหลักของเขา ไม่ใช่คนๆนี้จริงๆ  ดังนั้นที่ผ่านมา ชีวิตที่มาอยู่ในตรีภูมินั้น ไม่เคยกลับไปได้เลย  ล้วนแต่เป็นจิตรอง  และแต่ไหนแต่ไรมา จิตรองไม่เคยเห็นความสำคัญของร่างหลักว่าจะเป็นอย่างไร   เทพองค์ไหนๆ แต่ไหนแต่ไรมา ล้วนไม่เคยเห็นความสำคัญของคน

ที่ผ่านมาข้าพเจ้าเคยบอกว่า เทพนั้นถูกสร้างขึ้นมา (บำเพ็ญ)สำเร็จขึ้นมา ในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน สำหรับความจริงของจักรวาล กระทั่งประวัติศาสตร์ของตรีภูมิ  เป้าหมายของการดำรงอยู่  สิ่งเหล่านี้ เทพที่สามารถอยู่ใกล้ที่นี่  พวกเขาล้วนไม่กระจ่างชัด  โดยเฉพาะคือเทพเหล่านั้นที่สามารถสัมผัสติดต่อกับคนได้   ล้วนอยู่ในระดับชั้นต่ำ  พวกเขาล้วนไม่กระจ่างชัดต่อสิ่งเหล่านี้  พวกเขาไม่กระจ่างชัดในสิ่งเหล่านี้อย่างแท้จริง   ความหมายของการดำรงอยู่ของคนนั้น พวกเขาก็ล้วนไม่ทราบ  ดังนั้นจึงทำให้พวกเขาไม่เห็นความสำคัญของคนเลยจริงๆ  ในปีที่ข้าพเจ้ากำลังถ่ายทอดฝ่าอยู่   มีเทพจำนวนมากต่างพูดกันว่า คนก็เป็นอย่างนี้ไปหมดแล้ว ท่านยังจะถ่ายทอดต้าฝ่า  ยังถ่ายทอดฝ่าที่ดีเช่นนี้ให้คน เขาจะสามารถทราบถึงความหมายที่แท้จริงของการดำรงอยู่ของคนได้อย่างไรกันนะ  แน่ละตอนนี้ก็เข้าใจได้หมดแล้ว และรู้หมดแล้ว ในระหว่างที่การเจิ้งฝ่าก้าวข้ามมาทีละก้าวทีละก้าว เมื่อความจริงปรากฏออกมาเรื่อยๆ เทพที่ก่อผลลบบางส่วนรู้ว่าผิดไปแล้ว ค่อยๆมองเห็นความจริง ทีละก้าว  ละก้าว  และเข้าใจหมดแล้ว  ยังมีปัญหาขั้นพื้นฐานที่สุดอยู่  อิทธิพลเก่านั้นได้ถูกปฏิเสธทั้งหมดแล้วอย่างแท้จริง  จุดนี้พวกมันยังไม่สามารถยอมรับได้ในท้ายที่สุดโดยสิ้นเชิง ยังมองไม่เห็นความจริงนี้    พอถึงก้าวสุดท้ายเมื่อพวกมันมองเห็นความจริงนี้ได้แล้ว  นั่นก็จบสิ้นกันแล้ว  กล่าวสำหรับพวกมันแล้วก็น่ากลัวอย่างยิ่ง

เนื่องจากเรื่องนี้แบ่งเป็นสองจังหวะก้าว ไม่ว่าสังคมมนุษย์ที่มองเห็นศิษย์ต้าฝ่าถูกประทุษร้ายแล้วจะมีความรู้สึกเย็นชาอย่างไรก็ตาม การแสดงออกต่างๆนานาของสังคมมนุษย์ ในสังคมคนธรรมดาสามัญนั้น ดูเหมือนจะไม่ได้ถูกกระทบมากมายอะไรเช่นนั้น   คนในอาชีพต่างๆ ล้วนทำไปตามความเคยชิน  กลไกส่วนนี้ของสังคมมนุษย์ยังคงเดินต่อไป   ยังคงหมุนเคลื่อนไปตามปกติ   เนื่องจากเมื่อถึงเวลาฝ่าปรับโลกมนุษย์จึงค่อยทำเรื่องของคน ในขณะนี้โดยพื้นฐาน ข้าพเจ้าไม่ได้ทำเรื่องของคน  ในระหว่างการช่วยเหลือชาวโลก ทุกท่านก็เพียงแต่ชี้ความสว่างในสำนึกต่อความผิดชอบชั่วดี และรากเหง้าที่ดีงาม  ในระหว่างที่พวกชั่วร้ายทำร้ายศิษย์ต้าฝ่า เพื่อจะประทุษร้ายศิษย์ต้าฝ่า สิ่งชั่วร้ายมีการพูดแบบหนึ่ง อยากจะให้ชาวโลกมาต่อต้านศิษย์ต้าฝ่าและต้าฝ่ากันทั้งหมด  ไม่ให้ศิษย์ต้าฝ่ามีที่ยืนบนโลก   ดังนั้น จึงกุคำลวงมากมายขึ้นในสังคมมนุษย์ อาศัยเครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อทั้งประเทศสร้างความสับสนอลหม่าน และพยายามอย่างเหนื่อยเปล่าในการทำให้คนทั้งโลกมาเชื่อคำลวงของพวกชั่วร้าย เข้าร่วมการประทุษร้ายศิษย์ต้าฝ่า  ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ จึงทำให้สรรพชีวิตมากมายที่ไม่แจ่มชัดในความจริง  ทำให้ชาวโลกมากมายถูกพิษร้าย หรือพูดได้ว่า  เป้าหมายการอธิบายความจริงของศิษย์ต้าฝ่าในช่วงเวลานี้ก็คือเพื่อการช่วยเหลือคน   ทำลายองค์ประกอบเก่าเหล่านั้น  และวิญญาณชั่วพรรคมารที่วางยาพิษคนเพราะในระหว่างการเจิ้งฝ่า อิทธิพลเก่าเหล่านี้จะต้องถูกกวาดทิ้งไป  พรรคมารกับวิญญาณชั่วก็ต้องถูกกวาดทิ้งไปด้วย ผู้ที่เป็นพวกเดียวกับมันก็จะถูกกวาดทิ้งไปทั้งหมด นี่คือหลักการที่กำหนดเอาไว้ในระหว่างการเจิ้งฝ่า  ก็จะต้องทำเช่นนี้  หากพวกเราไม่ไปช่วยคนๆนั้น  คนๆนี้ก็จะถูกประวัติศาสตร์กวาดทิ้งตามสิ่งชั่วร้ายไปด้วย

ชีวิตที่ถูกกวาดทิ้งไปจริงๆนั้น เป็นเรื่องที่น่ากลัว  ผู้คนมองเห็นการตายของคนนั้น ไม่น่ากลัว  นั่นไม่ใช่การตายของชีวิต  คนตายแล้วก็เพียงสลัดทิ้งเปลือกนอกชั้นหนึ่งที่ประกอบขึ้นมาจากมิติวัตถุที่อยู่ชั้นผิวนอกสุด  ก็เหมือนการถอดเสื้อผ้าชุดหนึ่งทิ้งไป  แต่ชีวิตที่แท้จริงกลับเข้าไปเวียนว่ายตายเกิดในวัฏจักรหกทาง  แน่ละ ในการบำเพ็ญ ร้อยปีให้หลังของชีวิตคน(เมื่อคนตายไป)  ในนั้นมีบางคนที่บำเพ็ญได้ดี  มีจิตรองหนึ่งถูกรับไปแล้ว  แต่นั่นก็ไม่ใช่คนๆนี้  นี่คือปรากฏการณ์อย่างหนึ่งเมื่อคนร้อยปีให้หลัง(เมื่อคนตายไป) มีแต่การการบำเพ็ญที่ต้าฝ่าบุกเบิกให้ จึงจะสามารถทำให้คนสำเร็จได้  จุดมุ่งหมายที่คนมา  จุดมุ่งหมายที่คนดำรงอยู่   ในประวัติศาสตร์แต่ไหนแต่ไรมาล้วนเป็นสิ่งที่อยู่ในวังวน(ไม่มีใครรู้)  ก็เพราะมันอยู่ในวังวน  บรรดาเทพจึงไม่ทราบ   และก็มีพลังในการรักษาความมั่นคงของมนุษยชาติ ความมั่นคงของตรีภูมิ กับความปลอดภัยของคน

ข้อเท็จจริงเหล่านี้ของวังวน จนถึงปัจจุบัน  ทั้งหมดก็ค่อยๆทยอยเปิดเผยออกมาแล้ว  เทพ  ชีวิตบนสวรรค์ก็ค่อยๆเข้าใจได้แล้ว  รู้ความจริงกันแล้ว  ว่าเหตุใดต้องถ่ายทอดต้าฝ่า  เหตุใดจึงถ่ายทอดฝ่าที่ใหญ่อย่างนี้ในหมู่มนุษย์   เหตุใดคนจึงมีโชคลาภใหญ่ถึงเพียงนั้น   เทพเหล่านั้นยังมักพูดกับข้าพเจ้าว่า  ท่านนั้นเห็นความสำคัญของคน  ความหมายนอกเหนือจากนี้คือ ท่านไม่เห็นความสำคัญของพวกเรา  ในการเจิ้งฝ่าก็ปฏิบัติต่อเราอย่างเข้มงวดถึงเพียงนั้น  ท่านปฏิบัติต่อคน ผ่อนคลายถึงเพียงนั้น   ครั้งนี้มันไม่พูดคำนี้  ไม่พูดคำนี้แล้ว  หรือพูดได้ว่า ตรีภูมิ  โลก  มนุษย์  ทั้งหมดนี้เกี่ยวข้องกับทั่วทั้งจักรวาล  เกี่ยวพันสรรพชีวิตนับไม่ถ้วนของทั่วทั้งจักรวาลที่จะได้รับการช่วยเหลือ  ในนั้น ชีวิตระดับชั้นสูง  ชีวิตระดับชั้นสูงมากๆมีนับไม่ถ้วน  เรื่องนี้ไม่สำคัญมากหรือ  แต่กล่าวสำหรับคน  ในสภาพที่อยู่ในวังวนอย่างยาวนาน  การอยู่ในตรีภูมิโดยตัวมันเองก็มองไม่เห็นความจริง  มองไม่เห็นความจริง   การอยู่ในตรีภูมินั้นต้องรักษาสภาพการณ์ชนิดหนึ่งไว้ให้คนสามารถดำรงชีพอยู่ได้   ดังนั้นในสภาพวังวน คนจึงต้องจมเข้าไปอยู่ในสภาพการณ์ชนิดนี้ และสามารถชักนำให้คนทำร้ายซึ่งกันและกันเพื่อการคงอยู่  ต่อสู้แย่งชิงกันเพื่อผลประโยชน์  ปรากฏการณ์ที่แสดงออกมาจะดูสงบก็ดี  หรือรุนแรงก็ดี   แต่ก็ล้วนเป็นไปเพื่อผลประโยชน์เฉพาะคน ล้วนเพื่อเป้าหมายส่วนตัว แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม ในการจัดวางสภาพการณ์เช่นนี้ให้กับคนนั้น  ขอเพียงอยู่ในสภาพการณ์ที่จำกัด ก็ไม่ถือสาความผิดของคน  การอยู่ในสภาพแวดล้อมนี้เป็นเวลายาวนาน  ในสภาพการณ์ของวังวนนี้   พอเริ่มถ่ายทอดต้าฝ่า ก็จะต้องมีปัญหาว่า จะสามารถรับรู้ฝ่าได้ไหม   จะสามารถทำลายเปลือกนี้ที่คนถูกปิดล้อมไว้เป็นเวลายาวนานได้ไหม  นี่กล่าวสำหรับคนแล้ว ก็กลายเป็นปัญหาที่สำคัญมาก  เรื่องนี้กล่าวสำหรับคนนั้น  ดูไปราวกับว่าไม่ยุติธรรม  แต่ที่จริงนั้นยุติธรรม  ยุติธรรมอย่างแท้จริง

เมื่อคนมาอยู่ในหมู่คน ในสภาพแวดล้อมนี้  ใครที่เกินเลยจากสภาพแวดล้อมที่จำกัดไว้   ในระหว่างการดำรงชีวิตยังคงทำร้ายผู้อื่นอย่างร้ายแรงไม่หยุดหย่อน ทำเรื่องไม่ดี  ใครคนนั้นก็กำลังทำลายสภาพแวดล้อมนี้อยู่  กำลังทำลายสภาพการณ์นี้ของคนอยู่  ใครคนนั้นก็กำลังทำบาปต่อเรื่องที่สำคัญยิ่งนี้ โดยตัวมันเอง   ฉะนั้นในระหว่างการถ่ายทอดต้าฝ่า  ในระหว่างขั้นตอนการบำเพ็ญของศิษย์ต้าฝ่า  จะสามารถได้ฝ่าหรือไม่  จะสามารถบำเพ็ญจนถึงที่สุดหรือไม่ ในประวัติศาสตร์ คนๆนั้นเคยก่อกรรมไว้มากน้อยเพียงไร ย่อมทำให้ คนกับผู้บำเพ็ญเกิดความลำบากขึ้นในระดับที่ต่างกันอย่างแน่นอน  พูดให้ชัดแล้ว จะสามารถได้ฝ่าหรือไม่  จะสามารถบำเพ็ญจนถึงที่สุดได้หรือไม่  การรบกวนที่มีต่อคนที่ต่างกัน(แต่ละคน)จะไม่เท่ากัน  ความยุ่งยากนั้นล้วนเกิดจากสิ่งที่ตนเองเคยทำไว้ในอดีต  ใครก็อย่าได้โกรธแค้น     ใครสามารถจะได้ฝ่าละ  ใครที่จะสามารถกะเทาะเปลือกหุ้มนี้ได้  ใครที่จะสามารถรับรู้ฝ่านี้ได้อย่างเป็นเหตุเป็นผลโดยแท้จริง   กล่าวสำหรับสรรพชีวิตแล้ว มองจากจุดนี้ก็คือ ยุติธรรม

เรื่องใหญ่เรื่องหนึ่งที่สำคัญมากเช่นนี้   จะใช้ท่าทีอะไรไปปฏิบัติต่อมัน  เรื่องนี้กล่าวสำหรับคนแล้ว สำคัญอย่างยิ่ง  ดังนั้นวังวนนี้มันจึงมีผลกระทบต่อคนประการหนึ่งอย่างนี้   ท่านสามารถบำเพ็ญได้หรือไม่ ท่านสามารถมองเห็นสัจธรรมได้หรือไม่ ท่านสามารถมองเห็นความจริงได้หรือไม่ ท่านสามารถสัมผัสได้ถึงฝ่าชุดนี้หรือไม่  นี้กล่าวสำหรับสรรพชีวิตแล้ว การอยู่ในวังวน ที่จริงล้วนแต่ก่อให้เกิดความยากลำบากอย่างมาก  ดังนั้นศิษย์ต้าฝ่า  ที่นั่งอยู่ที่นี่ในวันนี้ จึงไม่ใช่บรรดาคนทั้งหมดที่มีอยู่ในมนุษยชาติ  แน่ละ ข้าพเจ้าพูดแล้วว่า  การถ่ายทอดต้าฝ่า นั้นเท่าเทียมกันสำหรับสรรพชีวิต  ไม่มองระดับชนชั้น ไม่มองตำแหน่งในสังคม  ดูแต่ใจคน  ดูเพียงท่าทีที่มีต่อต้าฝ่า  ที่จริงในระหว่างการเจิ้งฝ่าทั้งหมด ก็ล้วนแต่ทำโดยวิธีการที่โอบอ้อมอารีที่สุด เมตตาที่สุดเช่นนี้   ไม่สนใจความเป็นมาของชีวิตในอดีต  ท่านเคยทำความบาปหนักหนาเพียงไรในประวัติศาสตร์  มีความผิดมากเพียงไร  จะไม่ดูทั้งหมด  จะดูก็แต่ท่าทีต่อต้าฝ่าในวันนี้    ดูการรับรู้ต่อต้าฝ่า  ก็เป็นเพียงเรื่องอย่างนี้เรื่องเดียว   หากพูดว่าฉันยอมรับต้าฝ่าไม่ได้  เช่นนั้นท่านก็สูญเสียโอกาสแห่งวาสนาแล้ว  ฉันไม่ยอมรับต้าฝ่า  ท่านไม่ยอมรับต้าฝ่า   ท่านก็เท่ากับไม่ยอมรับอนาคต  เพราะอนาคตก็คือสิ่งที่ฝ่าชุดนี้เนรมิตขึ้นมา

ในระหว่างการเจิ้งฝ่า  ทั่วทั้งจักรวาลจวนจะทำเสร็จแล้วโดยพื้นฐาน  ที่ผ่านมาข้าพเจ้าเคยพูดไว้  ข้าพเจ้าว่า มันเหมือนกับคานตาชั่ง  ระหว่างจักรวาลเก่ากับจักรวาลใหม่ จักรวาลใหม่นั้นสัดส่วนเปรียบเทียบยิ่งหนักมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนที่ปรับฝ่าเสร็จแล้วยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ  เหมือนคานตาชั่งที่กดต่ำลงไปแล้ว ขณะนี้ไม่ใช่ประเด็นนี้แล้ว โดยพื้นฐานจักรวาลใหม่ได้สร้างจนจวนจะสำเร็จครบถ้วนหมดแล้ว (เสียงปรบมือดังกึกก้อง) เรื่องที่เหลือล้วนแต่เป็นองค์ประกอบสุดท้าย  สิ่งเหล่านี้เมื่อจัดการเสร็จสิ้นแล้ว  การเจิ้งฝ่าช่วงสุดท้ายก็จบสิ้นแล้ว  เมื่อเจิ้งฝ่าจบสิ้นแล้ว  ประวัติศาสตร์ของจักรวาลใหม่ก็จะเริ่มต้นขึ้น  สุดท้ายก็มีเพียงโลกมนุษย์เท่านั้นแล้ว  ก็จะทำการโอบล้อม ปิดล้อมโลกของมนุษย์นี้ และขอบเขตของตรีภูมิเอาไว้ และแยกมันห่างออกมาจากจักรวาลใหม่ กับจักรวาลใหญ่  ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์มิใช่ค้นพบแล้วหรือว่า ทางช้างเผือกกับจักรวาลนั้นยิ่งห่างไกลจากกันเรื่อยๆ  กำลังแยกห่างจากกันอย่างรวดเร็ว    ที่จริงก็เป็นขั้นตอนหนึ่งของการเคลื่อนออกไป  เพราะหลังจากปรับจักรวาลใหม่เสร็จแล้ว  ผลกระทบทั้งหลายของบรรดาชีวิตทั้งหมดในตรีภูมิจะก่อให้เกิดการปนเปื้อนชนิดหนึ่งต่อจักรวาลใหม่  ดังนั้นต้องแยกออกไป  ปิดล้อมเอาไว้ดำเนินการเป็นเอกเทศ  นั่นก็คือ ฝ่าปรับโลกมนุษย์

ศิษย์ต้าฝ่าบำเพ็ญอยู่ในช่วงเวลานี้  ภาระที่แบกรับจึงมากเช่นนี้  จึงหนักอย่างนี้  ทุกท่านฟังเข้าใจแล้ว  ที่แท้จุดมุ่งหมายของการดำรงอยู่ของมนุษยชาติ กับสภาพการณ์บำเพ็ญของศิษย์ต้าฝ่านั้นเป็นเช่นนี้   ดังนั้นทุกท่านก็ควรแจ่มชัดยิ่งขึ้นต่อรูปแบบชนิดนี้ของการบำเพ็ญอยู่ในโลก เพราะนี่จึงจะเป็นการบำเพ็ญ  นี่จึงจะเป็นการบำเพ็ญที่จัดวางไว้ให้ชีวิตในตรีภูมิอย่างแท้จริง  ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อก่อนล้วนเป็นการวางรากฐานวัฒนธรรมให้กับมนุษยชาติ  นี่จึงจะเป็นการเริ่มต้นของการหวนคืนกลับไปอย่างแท้จริงของคนในที่สุด   ดังนั้นข้อกำหนดต่อผู้บำเพ็ญในระหว่างการบำเพ็ญจึงไม่เหมือนกัน   สามเรื่องที่อาจารย์บอกให้ทุกท่านทำให้ดีในระหว่างการถ่ายทอดฝ่านั้น  ดูไปแล้วธรรมดาๆ  แต่จะก้าวหน้าได้หรือไม่ ล้วนแต่อยู่ในนั้น   จะสำเร็จมรรคผลอะไรก็ล้วนอยู่ในนั้น  ต้าฝ่าเผยแพร่อยู่ในสังคมคนธรรมดาสามัญ  รูปแบบการบำเพ็ญชนิดนี้ที่สอดคล้องกับสังคมคนธรรมดาสามัญมากที่สุด   หลายคนต่างเข้าใจว่านี่ก็เพื่อความสะดวกสบายและผ่อนคลายในการบำเพ็ญของเรา  ผู้ฝึกเหล่านั้นที่ก้าวหน้ากลับไม่เข้าใจเช่นนี้   แต่นี่เป็นเส้นทางที่ศิษย์ต้าฝ่าจะต้องเดินไปในระหว่างการบำเพ็ญ   ดังนั้นแต่ละเรื่องที่ท่านทำ   ไหนเลยจะกลัวว่าท่านอยู่ในหมู่คนธรรมดาสามัญ จัดสมดุลความสัมพันธ์ในครอบครัวได้ดี  จัดสมดุลของความสัมพันธ์ในสังคมได้ดี  การแสดงออกของท่านในที่ทำงาน ในสังคม นั้นไม่ใช่แค่สักแต่ทำไปก็ใช้ได้แล้ว  ทั้งหมดนี้ก็คือรูปแบบการบำเพ็ญของท่าน  ซึ่งเป็นสิ่งที่เข้มงวด

ผู้ฝึกจำนวนมากเพียงทราบว่า การฝึกพลังและศึกษาฝ่าก็คือการบำเพ็ญ  ใช่  นั่นเป็นการสัมผัสโดยตรงกับฝ่าในด้านนั้น แต่ในเวลาที่ท่านบำเพ็ญตนเอง สังคมทั้งหมดที่ท่านได้สัมผัสนั้นคือสภาพแวดล้อมของการบำเพ็ญของท่าน สภาพแวดล้อมในการทำงาน และในบ้าน  ทั้งหมดที่ท่านได้สัมผัสล้วนเป็นสภาพแวดล้อมในการบำเพ็ญของท่าน  ล้วนเป็นเส้นทางที่ท่านต้องเดินไป   ต้องเผชิญด้วยความถูกต้องเที่ยงตรง ไม่ว่าเรื่องใดก็ไม่อาจสักแต่ทำอย่างขอไปที สุดท้ายก้าวข้ามมาแล้ว อาจารย์จัดวางหนทางเช่นนี้ให้แก่ท่าน พวกท่านจะก้าวข้ามมาได้อย่างไร  ทั้งหมดนี้ ท้ายที่สุดแล้วไม่อาจไม่ดู   ในระหว่างขั้นตอนของการบำเพ็ญ การปฏิบัติต่อสิ่งเหล่านี้ ก็ไม่อาจไม่ดู ดังนั้นไม่ว่าเรื่องอะไรล้วนไม่อาจมองข้าม  พูดถึงความสะดวกนั้น  ก็คือ คนสามารถจะไม่ต้องออกบวช  ไม่ต้องเข้าไปอยู่ในป่าเขา  ไม่ต้องออกไปจากสังคมโลก  แต่หากพูดจากอีกด้านหนึ่ง    ทั้งหมดนี้กลับก่อให้เกิดความยากลำบากอีกแบบหนึ่ง  คือท่านต้องทำทั้งหมดนั้นให้ดี  ต้องทำให้ดีไม่ว่าด้านไหนๆ  ท่านจึงจะสามารถเดินออกมา

แน่ละ พอข้าพเจ้าพูดอย่างนี้   ต่างคนล้วนมีการรับรู้สูง-ต่ำต่อฝ่าไม่เท่ากัน  ยังมีผู้ฝึกใหม่   อาจจะมีบางคนคิดว่าฉันจัดการเรื่องในบ้านให้ดีได้แล้วก็เป็นการบำเพ็ญแล้ว พ่อแม่พี่น้องเอย พวกเราเพิ่มความสนิทสนมยิ่งขึ้นก็ใช้ได้แล้ว งั้นท่านก็เดินเข้าสู่การยึดติดอย่างใหม่  เดินสู่สุดขั้ว   ทุกสิ่งบรรดามี จะต้องทำให้ดีทั้งหมด ไม่ใช่ทำจนเกินเลย  หากเกินเลยก็คือยึดติดอีก  และท่าทีต่อต้าฝ่าต้องจัดวางให้ถูกต้อง  ถือตนเองเป็นผู้บำเพ็ญที่แท้จริง  จะก้าวหน้าได้อย่างไร  จะปฏิบัติต่อฝ่าอย่างไร  จะบำเพ็ญอย่างไร  รวมทั้งสัดส่วนความสั้นยาวของช่วงเวลาที่อ่านหนังสือ  ล้วนไม่อาจมองข้าม  และยังสำคัญยิ่งขึ้น  เพราะนี่คือเส้นทางของพวกท่าน  เส้นทางที่พวกท่านต้องเดินไป  พวกท่านนั้นต้องเดินออกมาจากสังคมคนธรรมดาสามัญ พวกท่านก็อยู่พร้อมกับการเจิ้งฝ่า รับผิดชอบต่อสรรพชีวิต  ดังนั้นจึงต้องบำเพ็ญกันอย่างนี้

ที่ผ่านมาข้าพเจ้าเคยพูดไว้  ข้าพเจ้าว่า หากล้วนเข้าไปในป่าเขา ล้วนบำเพ็ญอยู่ในวัด  ท่านก็ไม่อาจจะสัมผัสกับสังคมได้ในวงกว้าง   ท่านก็ไม่อาจจะมีพลังมากมายเช่นนั้นในการไปช่วยเหลือสรรพชีวิตในวงกว้างยิ่งขึ้นอีก ใช่อย่างนี้หรือไม่ ดังนั้นนี่มิใช่เป็นการบอกให้ทุกท่านทำกันเช่นนี้อย่างมีเป้าหมายหรอกหรือ   เช่นนี้จึงจะมีเงื่อนไขที่สะดวกยิ่งขึ้นในการไปช่วยเหลือสรรพชีวิตใช่ไหม  แน่ละในระหว่างขั้นตอนของการบำเพ็ญ  เนื่องจากท่านต้องยกระดับขึ้น แน่นอนว่า กล่าวสำหรับท่าน  กล่าวสำหรับผู้บำเพ็ญแล้ว ย่อมจะต้องมีการทดสอบ  หากทำไม่ดีย่อมจะมีความยุ่งยากเกิดขึ้นไม่หยุดหย่อน  หากทำได้ดี ก็จะเกิดการทดสอบอย่างต่อเนื่องในระหว่างการบำเพ็ญเช่นกัน   พวกท่านต่างถือว่ามันเป็นการรบกวนไปเสียทั้งหมด  คิดจะจัดการกับความยุ่งยากนี้เพียงเพื่อจะจัดการกับความยุ่งยากนี้ ท่านก็จะจัดการไม่ได้  เพราะมันเกิดขึ้นเพื่อการยกระดับของท่าน  ท่านต้องปฏิบัติต่อมันด้วยเจิ้งเนี่ยน  โดยผ่านความยุ่งยากนี้ ฉันจะปฏิบัติต่อทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการรบกวนเรื่องนี้ให้ถูกต้องได้อย่างไร ด้วยจุดมุ่งหมายในการช่วยเหลือสรรพชีวิตจัดสมดุลให้ดี  ฉันจะรับผิดชอบต่อสรรพชีวิตได้อย่างไร ถือเรื่องเหล่านี้ที่เกิดขึ้นเป็นจุดเปลี่ยนพลิก(สถานการณ์)สำหรับการอธิบายความจริง  เป็นโอกาสอันดีในการอธิบายความจริง  ในเวลาปกติท่านจะไปหาคนเพื่ออธิบายความจริง ก็ไม่มีเหตุ(ข้ออ้าง)  จะไปหาใครโดยไม่มีต้นสายปลายเหตุ เขาก็ไม่ยินดีจะพบท่าน  ฉะนั้นการรบกวนนั้น มิใช่พอดีทำให้ท่านมีโอกาสไปติดต่อคนแล้วหรือ ไม่ใช่โอกาสประจวบเหมาะให้ท่านไปอธิบายความจริงได้หรอกหรือ ศิษย์ต้าฝ่านอกเหนือจากการบำเพ็ญของตนเองแล้ว หน้าที่ที่ใหญ่ที่สุดของพวกท่านก็คือต้องช่วยเหลือสรรพชีวิต  เรื่องนี้ไม่ทำได้หรือ  ไม่ทำให้ดีได้หรือ  ดังนั้นอย่าได้ถือว่าบรรดาปัญหาที่เกิดขึ้นล้วนเป็นการรบกวนการทำเรื่องที่ถูกต้องของท่าน  รบกวนการศึกษาฝ่าของตนเอง  รบกวนการอธิบายความจริงของตนเอง  ไม่ใช่  ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือโอกาสในการอธิบายความจริง

ข้าพเจ้ามิใช่พูดว่า การอยู่ในตรีภูมิมองปัญหานั้น ล้วนแต่กลับตาลปัตรหรอกหรือ  สิ่งที่มนุษย์เห็นว่าไม่ดี  หลายสิ่งนั้นล้วนแต่ดี   สิ่งที่มนุษย์มองว่าดี  หลายสิ่งล้วนแต่ไม่ดี  หลักการของโลกไม่ใช่กลับตาลปัตรหรือ  คนรู้สึกว่าการที่ตนเองต้องทนทุกข์นั้นไม่ดี  กล่าวสำหรับคนธรรมดาสามัญ การทนทุกข์นั้นสามารถลดทอนกรรม ลดทอนบาปได้เช่นเดียวกัน ชั่วชีวิตหนึ่งต้องทนทุกข์มากมาย  ชาติหน้าจะได้โชคลาภตอบแทน  ชาติหน้าจะมีเงินทอง  ได้เป็นข้าราชการผู้ใหญ่  เป็นเพราะบุญกุศลที่ท่านได้สะสมไว้จากการทำความดีในชาติก่อน หากคนทำแต่ความชั่ว บุญกุศลสักนิดก็จะไม่มี  สะสมกรรมเอาไว้มากมาย  ชาติหน้าไม่เพียงแต่ไม่มีโชคลาภตอบสนอง ไม่มีความสุขสบาย  แต่ยังต้องชดใช้กรรมเหล่านั้นอีก  ดังนั้นในช่วงชีวิตนี้ จึงต้องหิวโหย เหน็บหนาว  ยังถูกคนดูแคลน  กระทั่งรู้สึกว่าสังคมนี้ไม่ยุติธรรมกับเขา  ที่แท้ล้วนเป็นการชดใช้หนี้ที่ติดค้างไว้ในชาติก่อน   นี่คือการพูดจากที่ของคนที่นี่   หากพูดสำหรับผู้บำเพ็ญแล้ว สภาพแวดล้อมนี้ มิใช่เป็นการให้โอกาสอันประจวบเหมาะกับผู้บำเพ็ญ ในการยกระดับหรอกหรือ ศิษย์ต้าฝ่าล้วนเข้าใจกันว่าการทนทุกข์นั้นคือการชำระล้างกรรม  ขณะเดียวกันก็สร้างโอกาสในการยกระดับของตนเอง สามารถรับรู้มันได้อย่างถูกต้อง  นอกเหนือจากการชดใช้กรรมแล้ว  ยังสามารถอาศัยโอกาสนี้ ไปทำสิ่งที่สมควรทำ  แม้ว่าจะมีความยากลำบาก  แต่นั่นเป็นด่านที่ตนเองจะต้องข้าม  หากสามารถวางใจของตนได้ถูกต้อง  วางตนเองกับความสัมพันธ์ต่อความขัดแย้งนี้ได้ถูกต้อง    สามารถก้าวข้ามมาได้อย่างถูกต้องเที่ยงตรง   เช่นนั้นท่านก็สามารถทะลวงข้ามด่านนี้ไปได้แล้ว  ระดับชั้นของท่านก็ยกระดับขึ้นแล้ว   เขตแดนก็ยกระดับขึ้นแล้ว  พลังของท่านก็เพิ่มขึ้นแล้ว  ใช่หรือไม่  ขั้นตอนการบำเพ็ญเจิ้งฝ่าทั้งหมดนั้น มิใช่เช่นนี้หรือ

จำไว้  หลักการของคนนั้นกลับกัน  ดังนั้นเรื่องยุ่งยากที่ประสบในระหว่างการบำเพ็ญ   อย่าได้ถือว่ามันเป็นความขัดแย้ง ที่มารบกวนเรื่องที่ถูกต้องของตนเอง หรือโจมตีเรื่องที่ถูกต้องของตนเอง  เรื่องนี้ของฉันสำคัญ  เรื่องนั้นสำคัญ  ที่จริงเรื่องมากมาย ไม่แน่ว่าจะเหมือนกับที่ตนเองมอง การยกระดับของพวกท่านนั้น ถือเป็นเรื่องอันดับหนึ่งเสมอ  การบำเพ็ญตนเองเพื่อหยวนหมั่นของพวกท่านเป็นเรื่องอันดับหนึ่งเสมอ  แต่ท่านไม่อาจเข้าใจเช่นนี้  ท่านบอกว่าการบำเพ็ญยกระดับของฉันนั้นสำคัญที่สุด  ใครก็ไม่อาจรบกวน เช่นนั้นท่านก็ผิดไปแล้ว  การรบกวนไม่ใช่โอกาสในการยกระดับหรือ  กล่าวในฐานะที่ข้าพเจ้าเป็นอาจารย์ ข้าพเจ้าสามารถเข้าใจเช่นนี้ได้ ว่าการยกระดับของพวกท่านเป็นเรื่องสำคัญที่สุด  แต่ในเวลาที่ท่านยกระดับ กลับไม่ใช่เพื่อให้ท่านเดินขึ้นไปบนทางที่ราบเรียบ  นำกรรมที่เต็มไปทั้งตัวขึ้นสวรรค์ไป  ลากห่อของสกปรกกองโตขึ้นสวรรค์ไป (ผู้ฟังหัวเราะ) เช่นนี้จะใช้ได้หรือ  ข้าพเจ้าต้องจัดวางด่านจำนวนหนึ่งไว้ให้ท่าน ให้ท่านปล่อยวางจิตใจเหล่านั้น  ปล่อยวางห่อของสกปรกเหล่านั้น  แต่ละด่านๆ นั้นให้ท่านปล่อยวางจิตยึดติดกับใจคนลงอย่างต่อเนื่อง  สิ่งเหล่านั้นที่อยู่ในด่านต่างๆกัน ท่านจะนำเข้าไปไม่ได้ ดังนั้นพอด่านมาถึงแล้ว  ท่านอาจจะบอกว่าความยุ่งยากมาแล้ว  กระทั่งมีบางคนเที่ยวหาอาจารย์  แล้วพูดว่า โอ้ ฉันจะจัดการอย่างไรดีนะ  ข้าพเจ้าจะจัดการให้ท่านได้อย่างไรละ  ถ้าข้าพเจ้าจัดการให้แล้ว ด่านนี้ท่านก็ผ่านไปไม่ได้  รื้อด่านนี้ทิ้งไปแล้ว ท่านยังจะลากห่อของสกปรกเดินต่อไปข้างหน้าอีกละหรือ  ดังนั้นข้าพเจ้าไม่อาจจะขจัดด่านนั้นทิ้งให้ได้  (หัวเราะ) เป็นเช่นนี้ใช่หรือไม่ ดังนั้นข้าพเจ้าจึงบอกว่าการบำเพ็ญหนา  ทุกท่านจะต้องรับรู้ให้ได้จริงๆว่าอะไรคือการบำเพ็ญ  รับผิดชอบต่อการบำเพ็ญของตนเองอย่างเป็นเหตุเป็นผลให้ได้จริงๆ  ต้องใช้เจิ้งเนี่ยนไปพิจารณาทุกเรื่องราวที่พวกท่านประสบ เจิ้งเนี่ยนต้องเข้มแข็ง

คราวก่อนในการประชุมฝ่าฮุ่ยภาคตะวันตก ข้าพเจ้ามิใช่พูดแล้วหรือว่า ศิษย์ต้าฝ่าจำนวนมากต่างกลัวคนต่อว่า  ต่อว่าไม่ได้  พอพูดก็จะระเบิด   ก็ไม่พอใจ  ก็จะเกิดขัดแย้งกับคนเขา  ชอบฟังสิ่งที่น่าฟัง   ใช่หรือไม่ว่าท่านอยากแต่จะเดินทางที่ราบเรียบ  ลากห่อของสกปรกห่อใหญ่ขึ้นสวรรค์ไป  ไม่ใช่เป็นความหมายเช่นนี้หรือ  จิตทั้งหลายที่ไม่ดีของคนธรรมดาสามัญ  จิตยึดติดนานาชนิดของท่าน   ท่านต้องทิ้งไปให้หมด   การกลัวคนต่อว่า  ใช่จิตยึดติดหรือไม่  คิดแต่จะฟังแต่เรื่องที่น่าฟัง   นี่จะได้อย่างไรละ  ก็คือจะต้องพูดสิ่งที่ท่านไม่อยากฟังบ้างสักหน่อย  ดูซิว่าใจท่านจะหวั่นไหวหรือไม่  คนจะพูดว่าเทพอะไร  เทพจะไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย  ท่านไม่สามารถทำให้เขาหวั่นไหวได้  เขาจะไม่รู้สึกเลยว่าเรื่องที่ท่านทำมีอะไรเกี่ยวข้องกับเขา  ไม่ใส่ใจอย่างแท้จริง  เพราะท่านไม่สามารถทำให้เขาหวั่นไหวได้   เทพมีแต่ควบคุมใจคน  ชักนำให้คนทำอะไรบ้าง  คนคิดจะชักนำเทพจะได้หรือ  ดังนั้นเมื่อท่านคิดจะเป็นเทพ  ท่านไม่ควรจะต้องเป็นเช่นนี้ด้วยหรือ  ท่านไม่ต้องทิ้งจิตยึดติดเหล่านั้นหรือ  จิตที่สามารถถูกคนชักนำ มิต้องทิ้งไปให้หมดหรอกหรือ

แม้จะเป็นศิษย์ต้าฝ่า ที่สร้างความยุ่งยากให้กับท่านก็เหมือนกัน  ท่านบอกว่านี่ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากที่คนธรรมดาสามัญสร้างให้กับฉัน  ดังนั้นจึงข้ามยาก  แน่นอนละ  ศิษย์ต้าฝ่า นั้นไม่ใช่เทพที่กำลังบำเพ็ญอยู่ ทว่าเป็นคนที่บำเพ็ญอยู่ คนกำลังบำเพ็ญจึงต้องมีจิตของคนนานาชนิดกลับออกมา ดังนั้นในสภาพแวดล้อมนี้ของการบำเพ็ญ จึงพูดได้แต่เพียงว่า ชีวิตกำลังเดินขึ้นไปไม่หยุดหย่อน ในสภาพแวดล้อมอย่างนี้จะให้บริสุทธิ์เหมือนกับเทพเลยทั้งหมด  นั่นก็ทำไม่ได้  สภาพแวดล้อมนี้ย่อมต้องดีกว่าสภาพแวดล้อมของคนธรรมดาสามัญมาก  ก็เป็นได้เพียงแค่นี้  และจะดียิ่งขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นในสภาพแวดล้อมนี้ของศิษย์ต้าฝ่า ย่อมจะเกิดการแสดงออกของจิตนานาชนิดของคน  กระทั่งแสดงออกมาไม่ดีอย่างมาก  ตลอดทางที่พวกท่านเดินผ่านมาไม่ใช่มองเห็นสิ่งเหล่านี้แล้วหรือ  นี่ล้วนเป็นเรื่องปกติ

ใช่ละ  มีหลายคนรู้สึกร้อนใจเมื่อต้าฝ่าประสบกับผลกระทบที่ไม่ดี  รู้สึกว่า ทำไมเพื่อนผู้บำเพ็ญทำไม่ดีอย่างนั้นนะ   ใช่ หากทุกท่านต่างคิดเช่นนี้   จึงจะสามารถรักษาสภาพแวดล้อมนี้ไว้ได้  จึงสามารถทำให้สภาพแวดล้อมนี้บริสุทธิ์ขึ้นเรื่อยๆ แต่ยังจะเกิดปัญหาขึ้น  จิตของคนยังจะปรากฏออกมาได้   ข้าพเจ้ากำลังดูภาพรวมทั้งหมด ข้าพเจ้าทราบว่านั่นเป็นสิ่งที่จะต้องเกิดขึ้นในสภาพแวดล้อมของการบำเพ็ญ  แต่ข้าพเจ้าก็ทราบว่าในขั้นตอนของการบำเพ็ญ ก็จะค่อยๆทิ้งสิ่งเหล่านั้นไปได้อย่างแน่นอน  การบำเพ็ญใช่ไหม  สุดท้ายทุกท่านล้วนจะสามารถยกระดับสูงขึ้นได้ นี่ก็เป็นสิ่งที่ข้าพเจ้าทราบ  บำเพ็ญอยู่ในสภาพแวดล้อมนี้ย่อมจะเป็นอย่างนี้  แต่ว่าทุกคนไม่อาจปล่อยปละตนเอง  และไม่อาจไม่รู้สึกรู้ร้อนรู้หนาว เมื่อเห็นคนอื่นทำให้ต้าฝ่าเสื่อมเสียชื่อเสียง นี่คือข้อกำหนดต่อพวกท่าน  กล่าวสำหรับศิษย์ต้าฝ่า ทุกท่านมิใช่กำลังปกป้องฝ่า  ยืนยันความถูกต้องของฝ่าอยู่หรอกหรือ นี่ก็คือภาระรับผิดชอบของพวกท่าน   ดังนั้นระหว่างขั้นตอนของการบำเพ็ญนั้น  ไม่ใช่จะเหมือนกับที่ตนเองคิดแค่นั้น   นอกจากการบำเพ็ญแล้ว นี่ก็คือสิ่งสำคัญ  และไม่อาจเข้าใจว่าเรื่องอื่นๆล้วนไม่สำคัญ  เช่นเรื่องครอบครัวไม่สำคัญ  สังคมไม่สำคัญ  อะไรก็ไม่สำคัญ    ให้จัดความสัมพันธ์เหล่านั้นให้ดี  นี่คือเส้นทางที่พวกท่านเดินอยู่ ข้าพเจ้าบอกว่าพยายามบำเพ็ญให้สอดคล้องกับรูปแบบสังคมคนธรรมดาสามัญให้มากที่สุด  แน่ละ คนชนิดไหนล้วนมีทั้งนั้น ผู้ที่ทำลายฝ่ายังคงพูดกับผู้ฝึกที่กำลังถูกล้างสมองอยู่ในค่ายกักกันแรงงานว่า อาจารย์มิใช่บอกว่าให้บำเพ็ญให้สอดคล้องกับสังคมคนธรรมดาสามัญให้มากที่สุดหรือ  ท่านกลับไปในหมู่คนธรรมดาสามัญ ไม่ต้องศึกษาอีกแล้ว  มอบหนังสือออกมา  ถูกละ คนชนิดไหนๆก็มีทั้งนั้น     แน่ละโดยพื้นฐานที่สุดนั้นท่านเป็นผู้บำเพ็ญหรือไม่ละ  แม้แต่ฝ่า ท่านก็ยังออกห่างไปแล้ว  ท่านจะบำเพ็ญอะไรละ   คนธรรมดาสามัญจำนวนมากก็เรียกข้าพเจ้าว่าอาจารย์  แต่เขาไม่ใช่ผู้บำเพ็ญ  นั่นก็พูดได้ว่า  ไม่ใช่ว่าเมื่อเรียกข้าพเจ้าว่าอาจารย์ก็จะเป็นผู้บำเพ็ญทั้งหมด  ท่านต้องบำเพ็ญอย่างแท้จริง  ปฏิบัติต่อตนเองในฐานะผู้บำเพ็ญคนหนึ่งอย่างแท้จริง

เมื่อครู่พูดไปมากมายเช่นนี้  ฝ่าฮุ่ยนี้ของพวกท่านยังต้องดำเนินให้บังเกิดผลที่เป็นจริง  เมื่อครู่ข้าพเจ้าได้ฟังผู้ฝึกพูด  การประชุมของทุกท่านทำได้คึกคักมาก  ดีมาก ดังนั้นข้าพเจ้าจึงดีใจมาก  จะไม่ขอใช้เวลาของทุกท่านมากเกินไป  ก็คือมาดูๆทุกท่าน  แต่ละครั้งที่มานั้น ประการหนึ่ง คือเพื่อแก้ไขปัญหาเล็กน้อยบางอย่าง  อีกประการคือมาพบหน้าทุกท่าน  บางคนมิใช่พูดว่ามีอาจารย์อยู่ มีฝ่าอยู่หรอกหรือ  เช่นนั้นทุกท่านก็ทำสิ่งที่ตนเองสมควรทำให้ดีเถิด  ขอบใจทุกท่าน (เสียงปรบมือดังกึกก้อง)

 

 


บรรยายธรรม ณ ที่ประชุมฝ่าฮุ่ย เมืองหลวงสหรัฐอเมริกา

หลี่ หงจื้อ

22 กรกฎาคม ค.ศ. 2006

 

(เสียงปรบเมืองกึกก้อง)

สวัสดีทุกคน (ศิษย์ทั้งหลาย : สวัสดีท่านอาจารย์)

การประชุมครั้งนี้มีคนมาร่วมประชุมค่อนข้างมาก ผู้ฝึกมาจากพื้นที่ต่างๆ ก็มาด้วย ห้องประชุมหนึ่งห้องไม่พอใช้ จึงต้องเพิ่มห้องประชุมเป็นหลายห้อง ศิษย์ต้าฝ่าบำเพ็ญปฏิบัติมาจนถึงวันนี้ ทำให้ทุกท่านเข้าใจชัดเจนมากยิ่งขึ้นแล้วว่าต้าฝ่าชุดนี้ที่ตัวเองบำเพ็ญนั้นคืออะไร เข้าใจชัดเจนมากยิ่งขึ้น ถึงภาระ หน้าที่ของศิษย์ต้าฝ่า เข้าใจชัดเจนมากยิ่งขึ้นถึงความสำคัญในทุกสิ่งที่ศิษย์ต้าฝ่าทำในทุกวันนี้ ดังนั้นในระหว่างขั้นตอนของการช่วยเหลือสรรพชีวิต ระหว่างขั้นตอนของการบำเพ็ญส่วนบุคคล ระหว่างการยืนยันความถูกต้องของฝ่า ศิษย์ต้าฝ่าแห่งช่วงเวลาเจิ้งฝ่านับวันก็ยิ่งสุกงอมเป็นผู้ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ สิ่งที่ทำก็ทำได้ดียิ่งขึ้นเรื่อยๆ จากการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ในปัจจุบันก็มองเห็นจุดนี้ได้ชัดเจนอย่างยิ่ง

พูดถึงสถานการณ์ในปัจจุบัน กับในปีนั้นเมื่อมารร้ายเริ่มทำการการประทุษร้าย สถานการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิงแล้ว การประทุษร้ายฝ่าหลุนกงของมารร้ายไม่ได้ทำให้ฝ่าหลุนกงล้มคว่ำลง พวกมันเองกลับล้มคว่ำไปเอง (เสียงปรบมือ) นี่ไม่ใช่เป็นการประทุษร้ายแบบธรรมดาๆ ต่อประชาชนกลุ่มหนึ่งของสังคมคนธรรมดาสามัญ ไม่ใช่เป็นเพียงการประทุษร้ายแบบธรรมดาๆ ต่อกลุ่มผู้บำเพ็ญเท่านั้น นี่เป็นการประลองฝีมือ(ต่อสู้)กันระหว่างความถูกต้องและความชั่วร้าย(ธรรมะและอธรรม)ในจักรวาล  นี่ก็เป็น การประชันกันระหว่างชีวิตเหล่านั้นที่เบี่ยงเบนไป ซึ่งทำเพื่อตัวเอง เพื่อตัวฉัน กับการดำเนินการของการเจิ้งฝ่า สิ่งต่างๆที่มีปฏิสัมพันธ์ต่อกันในระหว่างขั้นตอนของการเจิ้งฝ่า ข้าพเจ้าเคยพูดก่อนหน้านี้แล้วว่า การเจิ้งฝ่าเรื่องนี้ต้องสำเร็จ ใครก็ไม่อาจจะขัดขวางได้ (เสียงปรบมือ) นี่ไม่ใช่เป็นปัญหาในเรื่องการบำเพ็ญที่ธรรมดาๆ นี่ไม่ใช่เป็นเพียงปัญหาในเรื่องการแสดงออกของฝ่าหลุนกงในสังคมคนธรรมดาสามัญ ในรูปแบบของกลุ่มคนที่มีจิตใจดีงามมากๆ เท่านั้น นี่เป็นภาพย่อส่วนของการเจิ้งฝ่าแห่งจักรวาลในสังคมคนธรรมดาสามัญ นี่เป็นทุกสิ่งของจักรวาลซึ่งปรากฏรวมศูนย์อยู่ในสังคมธรรมดาสามัญ  จากปรากฏการณ์ในสังคมคนธรรมดาสามัญ พวกเราก็สามารถมองเห็นสถานการณ์ของการเจิ้งฝ่าแห่งจักรวาลทั้งหมด แม้ว่ามันจะไม่กว้างใหญ่ ไม่สะเทือนเลื่อนลั่นอย่างอกสั่นขวัญหาย เหมือนจักรวาล นั่นเป็นปรากฏการณ์ของการประลองฝีมือ(ต่อสู้)กันระหว่างความถูกต้องและความชั่วร้าย(ธรรมะและอธรรม)ชนิดนี้ที่ย่อส่วนมาถึงสังคมมนุษย์ การรบกวนที่ก่อผลโดยชีวิตที่เบี่ยงเบนไปในขั้นตอนของการเจิ้งฝ่าเป็นสิ่งที่สามารถมองเห็นได้

ที่ผ่านมาข้าพเจ้าเคยพูดประโยคหนึ่ง ข้าพเจ้าพูดว่า : “สวรรค์จะเปลี่ยนแปลง ใครก็ไม่อาจจะขัดขวาง” (เสียงปรบมือ) นับประสาอะไรกับเจ้าพรรคมารเล็กๆล่ะ อะไรก็ไม่ใช่ ถ้าวันนี้การบำเพ็ญของศิษย์ต้าฝ่าสิ้นสุดแล้ว จะช่วยเหลือคนจำนวนมากเท่านี้ คนในโลกที่จะช่วยก็มีจำนวนมากเท่านี้แล้ว ทั้งหมดสิ้นสุดลง ณ ตรงนี้ เช่นนั้น ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งวัน พรรคมารก็ล่มสลาย (เสียงปรบมือ) เพราะจุดประสงค์ที่มันดำรงอยู่  ประวัติศาสตร์จัดสร้างมันขึ้นมาในระยะแรก ตลอดจนขั้นตอนในการค้ำจุน(มัน) ล้วนเพื่อให้ศิษย์ต้าฝ่าได้ใช้เพื่อยืนยันความถูกต้องของฝ่าในวันนี้ นี่คือสิ่งที่อิทธิพลเก่าจัดเตรียมเอาไว้ เมื่อไม่มีประโยชน์แล้วยังจะต้องการมันเอาไว้เพื่ออะไร อยู่ในจักรวาลมันไม่ใช่อะไรเลย มีแต่การบำเพ็ญของศิษย์ต้าฝ่า การช่วยเหลือสรรพชีวิต นี่เป็นสิ่งที่จริงแท้แน่นอน มีแต่การยกระดับของศิษย์ต้าฝ่า มีแต่การก่อตั้งธรรมานุภาพของศิษย์ต้าฝ่าในขั้นตอนอันนี้ นั่นเป็นเรื่องจริงแท้ตลอดกาล นั่นเป็นการทำเพื่ออนาคต นอกนั้นนับเป็นอะไรไม่ได้  ไม่ใช่อะไรทั้งสิ้น ในช่วงเวลานี้ทุกสิ่งที่ก่อผลในการรบกวน ล้วนจะต้องดับสลายไปทั้งหมดในระหว่างการชดใช้

แน่นอนในระหว่างขั้นตอนของการบำเพ็ญ ระหว่างขั้นตอนของการยืนยันความถูกต้องของฝ่า ทุกสิ่งที่ศิษย์ต้าฝ่าแสดงออกมา นั่นก็กล่าวได้แต่เพียงว่าเป็นพฤติกรรมในสภาพการณ์ของการบำเพ็ญ ในระหว่างขั้นตอนนี้ มันย่อมมีบางคนที่ทำได้ดี บางคนที่ทำด้อยไปสักหน่อย บางคนที่หวั่นไหวไม่มั่นคง แน่นอนก็มีบางคนที่แน่วแน่อย่างยิ่ง ดีมากๆ นี่ล้วนเป็นการแสดงออกในระหว่างขั้นตอนนี้ การบำเพ็ญก็เป็นเช่นนี้ กับรูปแบบการบำเพ็ญในอดีตเหล่านั้น การทดสอบซินซิ่งของบุคคลนี่ก็แตกต่างกัน  รูปแบบการบำเพ็ญเหล่านั้นในอดีต ทุกท่านล้วนทราบดี ไม่ว่าจะอย่างไร ในระหว่างการบำเพ็ญ การทดสอบซินซิ่งของพวกเรา นั่นล้วนเป็นปัญหาของแต่ละคน ปัจจุบันแตกต่างกัน ฝ่านั้นใหญ่ จุดประสงค์ที่สำคัญคือการเจิ้งฝ่าแห่งจักรวาล สภาพการบำเพ็ญของศิษย์ต้าฝ่าที่แสดงออกมา กับการบำเพ็ญในอดีตที่มีเป้าหมายอยู่ที่การหยวนหมั่นของบุคคลชนิดนั้น เป็นเรื่องที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง

ข้าพเจ้าเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้นานแล้ว ข้าพเจ้าพูดว่าการบำเพ็ญของศิษย์ต้าฝ่า ก็คือรูปแบบการบำเพ็ญชนิดนี้ที่ต้องให้สอดคล้องกับสังคมคนธรรมดาสามัญให้มากที่สุด และเป็นการบำเพ็ญที่สอดคล้องกับรูปแบบของคนธรรมดาสามัญให้มากที่สุดด้วย เช่นนั้นการบำเพ็ญที่สอดคล้องกับรูปแบบของคนธรรมดาสามัญชนิดนี้ ย่อมนำมาซึ่งสภาพของการบำเพ็ญอย่างนี้ สภาพของการบำเพ็ญอันนี้ ล้วนแตกต่างกับรูปแบบของการบำเพ็ญ สภาพของการบำเพ็ญชนิดใดๆ ในประวัติศาสตร์ จะอ้างอิงรูปแบบการบำเพ็ญชนิดใดๆ วิธีการบำเพ็ญชนิดใดๆ ก็ไม่อาจจะอ้างอิงได้ เพราะในประวัติศาสตร์ล้วนไม่เคยมีมาก่อน และไม่เคยมีการเจิ้งฝ่า เรื่องที่ใหญ่ขนาดนี้มาก่อน และไม่เคยทำได้สำเร็จมาก่อนในการสร้างสรรค์กลุ่มชีวิตที่มากมายขนาดนี้และเรื่องของมรรคผลที่สูง ขนาดนี้ ยิ่งกว่านั้นเรื่องที่สำคัญที่สุดคือ  ไม่เคยมีคนบำเพ็ญได้สำเร็จมาก่อน ที่บำเพ็ญสำเร็จเหล่านั้นล้วนแต่เป็นจิตรอง แต่เรื่องที่คนจะบำเพ็ญสำเร็จเป็นเทพนั้น ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ ดังนั้นการใช้รูปแบบการบำเพ็ญชนิดใดๆ ในอดีตล้วนไม่อาจจะเทียบเคียงได้  สภาพแวดล้อมอันนี้ที่ศิษย์ต้าฝ่าอยู่ ในขั้นตอนการบำเพ็ญ ก็จะมีเรื่องที่พวกเราที่ร่วมมือประสานงานซึ่งกันและกันได้ดี ร่วมมือประสานงานซึ่งกันและกันได้ไม่ดี บางครั้งมีสภาพของความขัดแย้งปรากฏออกมาไม่หยุดหย่อน และในหมู่ศิษย์ต้าฝ่าด้วยกัน การยกระดับซึ่งกันและกันก็สามารถแก้ไขกันได้ แต่ความขัดแย้งยังมีปรากฏออกมาอย่างต่อเนื่อง บางเวลาแสดงออกมารุนแรงมาก บางเวลาแสดงออกมาไม่รุนแรง บางครั้งในขั้นตอนของการบำเพ็ญ หลังจากดำเนินต่อเนื่องได้ช่วงเวลาหนึ่งแล้วก็กลับปรากฏขึ้นมาอีก กลับไปกลับมาเอาแน่ไม่ได้ปรากฏขึ้นมาใหม่อีก ปรากฏความขัดแย้งขึ้นมาใหม่อีก กระทั่งปรากฏเด่นชัดยิ่งกว่าเมื่อก่อน ดังนั้นก็จะมีบางคนคิด : โอ้ บำเพ็ญไปบำเพ็ญมาทำไมความขัดแย้งยังรุนแรงขนาดนี้ บำเพ็ญไปบำเพ็ญมาทำไมยังมีความขัดแย้งอีก บำเพ็ญไปบำเพ็ญมาดูเหมือนยังแย่กว่าเมื่อก่อนนี้อีก บำเพ็ญไปบำเพ็ญมาทำไมไม่เห็นจะยกระดับสูงขึ้นเลย หลายๆ คนมีความคิดแบบนี้ ที่จริงเป็นความเข้าใจที่ผิดแบบหนึ่ง นี่เป็นความไม่เข้าใจอย่างแท้จริงต่อรูปแบบการบำเพ็ญของศิษย์ต้าฝ่า

ข้าพเจ้ากำหนดให้ศิษย์ต้าฝ่าบำเพ็ญปฏิบัติอยู่ในสังคมคนธรรมดาสามัญ เรื่องนี้แม้จะเปิดทางที่สะดวกที่สุด บำเพ็ญสำเร็จเป็นเทพ เป็นพุทธะโดยไม่ต้องตัดขาดจากสังคมโลก แต่ทุกท่านทราบ การแสดงออกแต่ละชนิดเมื่อจิตมนุษย์(จิตยึดติด)ของสังคมคนธรรมดาสามัญนี้  เกิดขัดแย้งซึ่งกันและกัน ในสภาพที่มนุษย์อยู่ท่ามกลางสภาพความเป็นจริงของสังคม ท่ามกลางความตกต่ำสูญสิ้นของคุณธรรม ก่อเกิดเป็นความยากลำบากที่ใหญ่มาก ไม่เพียงสิ่งเหล่านี้ มองดูในสายตาของเทพ ที่นี่น่าหวาดกลัว อันตรายและสกปรก ทั่วทุกที่เต็มไปด้วยกรรม บนร่างกายคน มีกรรมมากเสียจนกระทั่งร่วงหล่นลงมาเวลาก้าวเดินไปบนถนน มารร้ายแห่งความรักความผูกพัน(ฉิง) ผีชั่วร้ายก็อยู่เต็มโลกมนุษย์ ล้วนแต่เป็นสสารชั้นต่ำที่สุดซึ่งเบี่ยงเบนไป เช่นนั้นสภาพแวดล้อมอย่างนี้กล่าวสำหรับการบำเพ็ญปฏิบัติ ไม่เพียงแต่เป็นการทดสอบว่าท่านจะสามารถยกระดับได้หรือไม่ในสภาพแวดล้อมที่ท่านอยู่นี้เท่านั้น (สภาพแวดล้อมนี้)ก็จะทำให้ส่วนนั้นที่ท่านบำเพ็ญสำเร็จแล้วหลังจากที่ท่านได้ยกระดับสูงขึ้นแล้ว ปนเปื้อนอย่างหนัก นี่เป็นสิ่งที่ไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้อย่างแท้จริง เช่นนั้นจะบำเพ็ญอย่างไร บำเพ็ญต่อไปเรื่อยๆ ปนเปื้อนกันไปเรื่อยๆ ต่อไป บำเพ็ญต่อไปเรื่อยๆ ปนเปื้อนกันไปเรื่อยๆ ต่อไป เช่นนี้จะบำเพ็ญสำเร็จได้ไหม ไม่อาจบำเพ็ญสำเร็จได้ ดังนั้นเมื่อครั้งที่ข้าพเจ้ากำหนดวิธีบำเพ็ญปฏิบัติแบบนี้ก็ได้คำนึงถึงจุดนี้ ในระหว่างขั้นตอนของการบำเพ็ญ เพียงแต่ผู้บำเพ็ญ  บำเพ็ญเสร็จแล้วส่วนหนึ่ง เขตแดนของเขายกระดับสูงขึ้นมาแล้ว ข้ามด่านนั้นไปแล้ว (ส่วนนั้น)ก็จะแยกออกไปทันทีโดยไม่ถูกจำกัดด้วยเวลา (เสียงปรบมือ) ไม่ติดต่อสัมพันธ์กับโลกมนุษย์อีกต่อไป ถูกแยกออกไปแล้วโดยมิติและเวลาอันมหึมา เช่นแยกออกไปอยู่นับร้อยๆ ล้านปี พันๆ ล้านปีภายหลังแล้ว ท่านจะปนเปื้อนเขาอย่างไร โดยมูลฐานไม่อาจแตะต้องถึงเขาได้ มันอาจจะใกล้แค่ลัดนิ้วเดียว แต่ความเหลื่อมล้ำของเวลาและมิติอันมหึมาทำให้มิตินี้ไม่สามารถรบกวนส่วนที่ศิษย์ต้าฝ่าบำเพ็ญเสร็จ แล้วแม้แต่น้อยได้อีกเลย ข้าพเจ้าก็อธิบายในความหมายอย่างนี้    จะแยกออกไป ดังนั้นเมื่อมีส่วนที่บำเพ็ญเสร็จแล้วเรื่อยๆ ก็จะแยกออกไปเรื่อยๆ มีส่วนที่บำเพ็ญเสร็จแล้วเรื่อยๆ ก็จะแยกออกไปเรื่อยๆ ขณะที่ส่วนนี้ที่บำเพ็ญยังไม่เสร็จ ก็กำลังบำเพ็ญอยู่โดยตลอด บำเพ็ญจนกระทั่งสุดท้ายไม่มีอะไรเหลือเลย บำเพ็ญสำเร็จทั้งหมด นี่ก็คือเส้นทางการบำเพ็ญที่พวกท่านต้องเดิน

เช่นนั้นในขั้นตอนอย่างนี้ ทุกท่านลองคิดดู การแสดงออกของท่านในสังคมคนธรรมดาสามัญ ส่วนที่บำเพ็ญยังไม่สำเร็จยังคงเป็นคนที่กำลังบำเพ็ญอยู่ ใช่หรือไม่ คนกำลังบำเพ็ญอยู่ก็จะมีความคิดและพฤติกรรมของมนุษย์ คนกำลังบำเพ็ญอยู่ ก็จะมีความคิดที่ไม่ดีต่างๆ ของมนุษย์ หรือเป็นสิ่งที่บ่มเพาะจากกาลเวลา หรือเกิดจากการปนเปื้อนใหม่ๆ ที่ได้รับในสังคม เช่นนั้นกล่าวสำหรับผู้บำเพ็ญ อย่างไรจึงจะนับว่าเป็นการบำเพ็ญ สามารถทำในสิ่งที่ศิษย์ต้าฝ่าควรทำ เช่นงานเกี่ยวกับการยืนยันความถูกต้องของฝ่า การช่วยเหลือสรรพชีวิตเป็นต้น นี้อยู่ในส่วนของความรับผิดชอบ นี้เป็นส่วนหนึ่งของการก่อตั้งธรรมมานุภาพ ในขณะที่การยกระดับตัวเองให้สูงขึ้นจึงจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เพราะถ้าท่านไม่ยกระดับตัวเองให้สูงขึ้น งานเหล่านั้นท่านก็จะทำได้ไม่ดี ดังนั้นท่านต้องเข้มงวดกวดขันต่อตัวเอง ค้นหาความบกพร่องของตัวเอง กำจัดมันทิ้งไปอย่างต่อเนื่อง เช่นนี้ท่านก็คือกำลังบำเพ็ญอยู่ ในการข้ามด่านท่านสามารถเข้าใจสิ่งหนึ่ง ท่านเข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว ทำได้ดีแล้ว ท่านก็เลื่อนระดับแล้ว เลื่อนระดับก็แยกออกไป เลื่อนระดับอีกก็แยกออกไปอีก แต่ส่วนที่เหลืออยู่ก็คือส่วนที่บำเพ็ญได้ไม่ดี และเป็นส่วนที่บำเพ็ญยังไม่เสร็จ ดังนั้นส่วนนี้ยังคงอยู่โลกมนุษย์ ทุกท่านลองคิดดู ดูจากภายนอก ดูเหมือนคนคนนี้กำลังบำเพ็ญอยู่ตลอด ใช่หรือไม่ บำเพ็ญกันอย่างไร มองไม่เห็นเขาก้าวหน้ามากขึ้นเลยละ ทำไมจึงไม่สามารถสำแดงความเป็นเทพออกมาละ คนที่บำเพ็ญได้ดี จากภายนอกเห็นเพียงแต่ว่าคนคนนี้ค่อนข้างก้าวหน้ามุมานะ ก้าวหน้ามุมานะนั่นกล่าวได้ว่า เขาสามารถระมัดระวังคำพูดและการกระทำของตัวเองทุกเวลานาที สนใจกับการสะท้อนทางความคิดของตัวเอง สามารถเข้มงวดกับตัวเอง สามารถเข้มงวดกับตัวเองอยู่เสมอ นี่ก็คือคนที่ค่อนข้างก้าวหน้ามุมานะในการบำเพ็ญส่วนบุคคล เพียงแต่ยังกำลังบำเพ็ญอยู่ ด้านนั้นที่เป็นเทพก็ไม่อาจข้ามมาได้ ท่านจึงมองไม่เห็นเทพสำแดงออกมาจริงๆ ในสังคมมนุษย์ การบำเพ็ญปฏิบัติเช่นนี้ เป็นการรับประกันว่าส่วนที่บำเพ็ญเสร็จแล้วฝั่งนั้นไม่ถูกปนเปื้อนอีก และเป็นการรับประกันว่าการอยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมแห่งวังวน(โลกมนุษย์) มองไม่เห็นความเป็นจริง ยังสามารถบำเพ็ญต่อไปได้ เป็นการรับประกันว่าศิษย์ต้าฝ่าสามารถยืนยันและบรรลุมรรคผลที่ใหญ่ยิ่งขึ้น ในเวลาเดียวกัน ยังเป็นการรับประกันว่าในช่วงเวลานี้ จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงโลกมนุษย์เพราะการชนกระแทกจากด้านนั้นของเทพ เมื่อคนสามารถยืนหยัดไม่ย่อท้ออย่างนี้ ไม่ย่อหย่อน อยู่ท่ามกลางการประทุษร้าย อยู่ภายใต้สภาพแวดล้อมที่ทารุณโหดร้าย สามารถบำเพ็ญ สามารถก้าวหน้ามุมานะ กระทั่งสามารถช่วยเหลือสรรพชีวิต ทำได้ดียิ่งขึ้น นี่ไม่ใช่ยอดเยี่ยมหรอกหรือ

นี่ก็คือสิ่งที่ศิษย์ต้าฝ่าเผชิญในวันนี้ อีกทั้งเป็นรูปแบบการบำเพ็ญปฏิบัติซึ่งเกิดขึ้นจากการรบกวนโดยอิทธิพลเก่าเป็นต้น ดังนั้นระหว่างขั้นตอนของการบำเพ็ญของท่าน เพียงแต่ด้านนั้นที่บำเพ็ญเสร็จแล้วข้ามไปแล้ว แยกออกไปแล้ว ทุกสิ่งที่ท่านบำเพ็ญได้ไม่ดียังจะสะท้อนออกมา จิตยึดติดยังจะสะท้อนออกมาอีก องค์ประกอบที่ไม่ดี ยังจะสะท้อนออกมา เมื่อความขัดแย้งปรากฏ ไม่อาจจะพูดว่าศิษย์ต้าฝ่าบำเพ็ญได้ไม่ดี และไม่อาจจะพูดว่ากลุ่มผู้บำเพ็ญเป็นอย่างไรอย่างไร และไม่อาจจะพูดว่าแต่ละคนไม่ก้าวหน้ามุมานะ ด้านนั้นที่บำเพ็ญเสร็จแล้วของเขา ท่านก็จะมองไม่เห็นตลอดไป ด้านนั้นเป็นเทพแล้ว ส่วนที่บำเพ็ญได้ไม่ดีฝั่งนี้ จึงจะมีการสะท้อนออกมา แต่คนเหล่านี้กำลังบำเพ็ญอยู่จริงๆ ไม่เพียงแต่บำเพ็ญ พวกเขาได้สถาปนามรรคผลอันยิ่งใหญ่ของตนเองตลอดจนการเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่หลวงในทั่วทั้งร่าง กาย หลายๆ ส่วนของร่างกายสำเร็จเป็นเทพแล้ว คนธรรมดาสามัญสามารถเปรียบเทียบกับศิษย์ต้าฝ่าเหล่านี้ได้หรือ ไม่อาจจะเปรียบเทียบได้

พูดถึงแต่สภาพการณ์ของความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเพียงอย่างเดียว ก็แตกต่างจากความขัดแย้งในสังคมคนธรรมดาสามัญ ศิษย์ต้าฝ่า เนื่องเพราะเพื่อการบำเพ็ญ จึงมีความขัดแย้งปรากฏ เนื่องเพราะเพื่อการยืนยันความถูกต้องของฝ่าจึงเกิดความขัดแย้ง ถึงแม้ข้างในจะมีจิตยึดติด จิตโอ้อวด จิตยึดติดของแต่ละคน องค์ประกอบเหล่านั้นของมนุษย์ที่จะยืนยันตัวเอง แต่พวกเขาก็รู้ ทันทีที่ค้นพบ พวกเขาก็จะแก้ไข นี้แตกต่างจากคนธรรมดาสามัญโดยสิ้นเชิง ดังนั้นในหมู่ศิษย์ต้าฝ่าจะมีความขัดแย้ง และความขัดแย้งชนิดนี้ก็กำลังก่อผลอีกแบบหนึ่ง ก็คือเมื่อความขัดแย้งเรื่องนี้เกิดขึ้น ก็จะกระทบถึงคนอื่น และคนอื่นก็จะสังเกตเห็น ก็จะทำให้ความขัดแย้งเรื่องนี้รุนแรงมากขึ้น ก็จะทำให้ตัวผู้บำเพ็ญสนใจ ท่ามกลางความขัดแย้ง ขอแต่เพียงสามารถค้นหาที่ตัวเองก็จะสามารถค้นพบความบกพร่องของตัวเอง หากไม่มีความขัดแย้งเกิดขึ้น ความขัดแย้งเรื่องนี้ไม่ปรากฏขึ้นมา ท่านก็ไม่อาจจะค้นพบจิตยึดติดของท่านได้ มองไม่เห็นจิตยึดติดของท่าน ทุกสิ่งทุกอย่างสงบราบเรียบ เช่นนั้นสามารถจะบำเพ็ญได้หรือ

ปัจจุบันมีองค์กรศาสนาหลายๆ องค์กรกล่าวว่า โอ้ ดูซิที่ตรงนี้ของเราดีแค่ไหน พวกเราต่างรักและห่วงใยซึ่งกันและกัน รักอะไรหรือ (ที่ประชุมหัวเราะ) รักความยึดติด รักความสุขสบายในโลกมนุษย์ รักที่จะคงรักษาความนุ่มนวลอ่อนโยนในแบบของมนุษย์ระหว่างคนด้วยกัน นั่นเป็นการบำเพ็ญปฏิบัติหรือ ไม่ใช่ ไม่ใช่อย่างแน่นอน นั่นเป็นได้แต่ร่มที่ปกป้องกำบังจิตยึดติด ข้าพเจ้าหวังว่าความขัดแย้งระหว่างศิษย์ต้าฝ่า – ยิ่งมีน้อยยิ่งดี ความขัดแย้งประเภทนั้นยิ่งมีน้อยยิ่งดี คือเพราะพวกเราต่างสามารถค้นหาจากภายใน เมื่อความขัดแย้งเกิดขึ้นก็รู้สึกได้ และแล้วปรากฏเป็นสภาวะแวดล้อม ข้าพเจ้าหวังเช่นนี้ สามารถทำเช่นนี้ได้ทั้งหมดเป็นการดีที่สุด แล้วถ้าทำไม่ได้ล่ะ ทำไม่ได้ก็คือกำลังบำเพ็ญอยู่ เพียงแต่ว่าในสภาวะแวดล้อมนี้ (พวกเขา)ยังก้าวหน้ามุมานะไม่เพียงพอ แต่พวกเขาก็กำลังบำเพ็ญอยู่ นี่ก็คือสภาวะของการบำเพ็ญสภาพแวดล้อม ณ ขั้นตอนปัจจุบัน ข้าพเจ้าขอบอกพวกท่านอีกครั้ง มีความขัดแย้งปรากฏไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว บำเพ็ญให้ดีเป็นใช้ได้ แม้แต่คนเหล่านั้นในจีนแผ่นดินใหญ่ที่ทำได้ไม่ดี หรือทำได้ไม่ดีพอ กระทั่งได้ทำในเรื่องที่ไม่ดี ก่อนที่เรื่องนี้จะสิ้นสุดลง ล้วนเป็นการสะท้อนแบบหนึ่งของการบำเพ็ญส่วนบุคคล แต่เวลาไม่คอยใคร โอกาสนับวันมีแต่จะน้อยลง

คนจะบำเพ็ญสำเร็จเป็นเทพ ในขั้นตอนนี้ของการกำจัดจิตยึดติดชนิดคว้านหัวใจและทะลวงให้เข้าไปถึงกระดูก ทุกท่านลองคิดๆ ดู คนจะแสดงอะไรออกมาบ้าง อะไร(เขา)ก็อาจจะแสดงออกมาได้ สำนึกได้แล้ว สามารถแก้ไข ทำไมจึงสามารถแก้ไข ไม่ใช่สามารถจะแก้ไขเพื่อให้คนธรรมดาสามัญเป็นคนดี แต่แก้ไขเพื่อให้บำเพ็ญหยวนหมั่น (เสียงปรบมือ) นั่นก็คือความศักดิ์สิทธิ์ นั่นก็คือกำลังก้าวเดินอยู่บนหนทางแห่งเทพ นี้แตกต่างจากความขัดแย้งใดๆ ของคนธรรมดาสามัญ รูปแบบภายนอกไม่แตกต่างกัน แต่จุดเริ่มต้น กับเป้าหมายล้วนแตกต่างกัน กระทั่งการแสดงออกในระหว่างขั้นตอน สภาพ ก็ไม่เหมือนกันทีเดียว ดังนั้นพวกเราจะต้องมองให้ถึงจุดนี้ ในเมื่อวันนี้ข้าพเจ้ากำลังจะอธิบายรูปแบบของการบำเพ็ญ และสภาพของการบำเพ็ญให้พวกท่านเข้าใจขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว ในการร่วมมือระหว่างผู้ฝึกด้วยกัน พวกท่านก็อย่าได้มีจิตระแวดระวังผู้อื่น (เสียงปรบมือ) การกล่าวโทษซึ่งกันและกัน การผลักไสซึ่งกันและกันด้วยจิตยึดติด สภาวะจิตต่างๆ ข้าพเจ้าขอบอกพวกท่าน ล้วนเป็นจิตยึดติดที่เกิดขึ้นใหม่จากการไม่เข้าใจในสภาพของการบำเพ็ญ จิตยึดติดนี้โดยตัวมันเองก็คืออุปสรรคอันมหึมาต่อการบำเพ็ญก้าวหน้าของท่าน ดังนั้นจิตยึดติดชนิดนี้ก็ต้องกำจัดทิ้งไป

ในการบำเพ็ญของผู้ฝึกจะมีความขัดแย้งเกิดขึ้นมากมาย จิตยึดติดต่างๆ นานา ที่ปล่อยวางไม่ได้ สภาพแวดล้อม(การบำเพ็ญ) สภาวะก็จะไม่ดี ในทางตรงกันข้ามก็จะดีอย่างยิ่ง เมื่อปัญหาเอย ความขัดแย้งเอย สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น ตัวเองไม่ไปค้นหาจากภายใน ความขัดแย้งจะทวีความรุนแรง นั่นเป็นเพราะจิตยึดติดของตัวเองทำให้ความขัดแย้งทวีความรุนแรง บางปัญหาทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ แท้จริงแล้วเป็นเพราะตัวเองไม่บำเพ็ญให้ดี จนกระทั่งไม่อาจจะแก้ไขได้แล้ว ตัวเองก็ถูกสภาวะนี้รบกวน จะทำอย่างไร ไปหาอาจารย์กัน แต่ละครั้งล้วนแต่ทำกันจนไม่ไหวแล้วก็ไปหาอาจารย์ ทุกครั้งล้วนแต่แก้ไขไม่ได้แล้ว หรือไม่อยากจะสะสางแล้วก็ไปหาอาจารย์ พวกท่านกำลังช่วยอาจารย์บำเพ็ญอยู่หรือ (อาจารย์หัวเราะ) (ที่ประชุมหัวเราะ) หรือตัวเองกำลังบำเพ็ญอยู่ (เสียงปรบมือ)

การบำเพ็ญปฏิบัติคือการบำเพ็ญตนเอง ไม่ว่าจะปรากฏสภาวะอะไรล้วนต้องใคร่ครวญที่ตัวเอง ข้าพเจ้าขอบอกทุกท่าน กล่าวสำหรับคนธรรมดาสามัญ เมื่อประสบกับปัญหาเขาสามารถจะใคร่ครวญที่ตัวเอง คนคนนี้จะคือนักปราชญ์ของคนธรรมดาสามัญ เมื่อศิษย์ต้าฝ่าทำสิ่งใดและประสบกับความยากลำบากจำเป็นต้องคิดไตร่ตรอง ต้องเริ่มค้นหาจากที่ตัวเอง สอดประสานกับสภาวะแวดล้อมตามความต้องการของศิษย์ต้าฝ่าและการเจิ้งฝ่า ปัญหาเกิดขึ้นเป็นเพราะตัวเองเกิดปีนเกลียวกับหลักการของฝ่า ลองค้นหาต้นตอของปัญหา แล้วคลายเกลียวออก จัดให้คล้อยตามในทิศทางเดียวกัน วิธีที่ดีที่สุดคือเมื่อประสบกับเรื่องอะไรอย่ามุ่งชนไปข้างหน้า แย่งชิงที่จะล้ำหน้า รีบเร่งหาข้อสรุป ให้ปล่อยวางจิตใจ ถอยหลังมาหนึ่งก้าว แล้วไปแก้ไข(เสียงปรบมือ) พอเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็จะต้องหาว่าท่านถูกหรือฉันถูก นี่เป็นปัญหาของท่าน นี่เป็นปัญหาของเขา ฉันจัดการอย่างไรอย่างไร มองดูแล้วเหมือนกำลังแก้ไขความขัดแย้ง แท้จริงแล้วไม่ใช่แม้แต่น้อย มองดูมีเหตุมีผล ที่จริงไม่มีเหตุผลแม้แต่น้อย ท่านไม่ได้ก้าวถอยมาหนึ่งก้าว ไม่ได้ปล่อยวางจิตใจลงมาไตร่ตรองปัญหาแต่อย่างใด การมองดูความขัดแย้งโดยการถอยออกมาจากความขัดแย้งอย่างสุขุมเยือกเย็นและจิตสงบ นั่นจึงจะสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างแท้จริง

เมื่อประสบกับเรื่องอะไรก็สามารถปฏิบัติเช่นนี้แล้ว อย่างน้อยที่สุดท่านก็สามารถค้นพบหนทางในการแก้ไขปัญหา ไม่เช่นนั้นท่านจะแก้ไขอย่างไรล่ะ มุ่งแต่ชนไปข้างหน้า ยิ่งคิดอยากจะแก้ไข  ก็ยิ่งไม่อาจจะแก้ไขได้ แท้จริงแล้วท่านไม่ได้ปล่อยวางจิตใจดวงนั้นของท่านลงมาเลย แย่งชิงที่จะล้ำหน้า จะต้องแจกแจงว่าใครถูกใครผิดให้จงได้ ถึงแม้ตัวเองผิดก็จะต้องหาความผิดของผู้อื่นออกมาให้จงได้ ดังนั้นปัญหาจึงแก้ไขไม่ได้ หลายต่อหลายเรื่องล้วนเป็นเช่นนี้ เมื่อไม่อาจจะแก้ไขได้แล้วก็จะต้องไปหาอาจารย์ หลายๆ ครั้งข้าพเจ้าไม่อยากจะพบหน้าผู้ฝึกเพราะมีมูลเหตุ ที่จริงข้าพเจ้ายินดีที่จะอยู่กับพวกท่านอย่างยิ่ง (เสียงปรบมือ) ในสังคมเช่นทุกวันนี้ ทุกท่านมองเห็นแล้ว คนในสังคมนี้เปลี่ยนเป็นเช่นไรแล้ว โดยแท้จริงข้าพเจ้าไม่อยากจะเห็นจิตใจและพฤติกรรมอันสกปรกของพวกเขาเลย ข้าพเจ้าอยากจะติดต่อกับศิษย์ต้าฝ่ามากกว่า แต่พอข้าพเจ้าติดต่อกับพวกท่าน พวกท่านก็นำเอาปัญหาต่างๆ นานาขึ้นมา (ที่ประชุมหัวเราะ) ผลักสิ่งต่างๆ ที่พวกท่านสมควรต้องบำเพ็ญในขั้นตอนการบำเพ็ญปฏิบัติทั้งหมดมาให้ข้าพเจ้า จึงหมดปัญญาและก็ไม่กล้าพบหน้าพวกท่าน (ที่ประชุมหัวเราะ)

ถ้าพวกท่านต่างสามารถค้นหาจากภายใน หลายๆ ปัญหาก็ล้วนสามารถจะแก้ไข และก็จะไม่มีความขัดแย้งมากมายเช่นนั้น และจะไม่มีเรื่องราวสะท้อนออกมารุนแรงขนาดนั้น แต่อาจารย์ก็ได้แต่พูดอย่างนี้ ถึงอย่างไรยังคงเป็นคนที่กำลังบำเพ็ญอยู่ แม้ว่าศิษย์ต้าฝ่าก้าวผ่านหนทางที่ยาวไกลขนาดนี้มา บำเพ็ญมาถึงทุกวันนี้ แต่ถึงอย่างไรยังคงเป็นคนที่กำลังบำเพ็ญอยู่ บำเพ็ญเสร็จแล้วส่วนนั้นเป็นเทพไปแล้ว แยกออกไปแล้ว ดังนั้นยังคงมีจิตมนุษย์แสดงออกมาอีก กระทั่งมีผู้ฝึกบางคนถามข้าพเจ้าว่า อาจารย์ ฉันบำเพ็ญมาเป็นเวลานานขนาดนี้แล้ว ความคิดที่ไม่ดีของฉันทำไมยังคงรุนแรงเช่นนี้ล่ะ ยังขจัดทิ้งไปไม่ได้ล่ะ ใช่ เมื่อท่านยังบำเพ็ญไม่เสร็จ ท่านก็อยู่ท่ามกลางมลภาวะนี้ เมื่อท่านยังบำเพ็ญไม่เสร็จ องค์ประกอบเก่าของท่านยังกำจัดทิ้งไปไม่หมดสิ้น ท่านก็จะสะท้อนออกมา เมื่อหมดสิ้นทั้งหมดแล้ว จึงจะไม่มีปัญหา ถึงแม้ข้าพเจ้าจะพูดเช่นนี้ ใครก็อย่าได้มีจิตใจที่ผ่อนปรนนะ รู้สึกว่า อ้อ ที่แท้เป็นอย่างนี้นี่เอง เช่นนั้นฉันไม่กลัวแล้ว (ที่ประชุมหัวเราะ) เช่นนั้นมันจะสะท้อนออกมาก็ปล่อยให้มันสะท้อนออกมาเลย ฉันไม่สนใจแล้ว ปล่อยให้เป็นเช่นนั้นไม่ได้! การบำเพ็ญปฏิบัติเป็นเรื่องสำคัญอันดับแรก เมื่อครู่ข้าพเจ้าพูดแล้วว่า ถ้าท่านไม่สามารถยับยั้งมัน ไม่ค้นหาจากภายใน เมื่อพบกับความขัดแย้งไม่ค้นหาสาเหตุที่ตัวเอง ท่านไม่แก้ไขให้ถูกต้อง ไม่กำจัดจิตยึดติด ท่านก็จะไม่มีส่วนที่บำเพ็ญเสร็จ ส่วนที่สำเร็จเป็นเทพส่วนนั้น ก็ไม่ถือว่าท่านบำเพ็ญปฏิบัติ ดังนั้นท่านต้องบำเพ็ญส่วนที่ยังบำเพ็ญไม่เสร็จต่อไป บำเพ็ญส่วนนั้นให้สำเร็จเป็นเทพ บำเพ็ญให้ดี เข้มงวดกวดขันกับตัวเอง นี่จึงจะเป็นการบำเพ็ญปฏิบัติ ไม่เช่นนั้นบำเพ็ญปฏิบัติเพื่ออะไร

ทุกท่านทราบ มีศาสนาต่างๆ มากมายเดินมาถึงช่วงธรรมะปลาย ไม่ใช่มนุษย์อยากจะทำเช่นนี้จริงๆ เป็นเพราะมนุษย์สับสนไปแล้ว มนุษย์ถือเอาการทำงานเป็นการบำเพ็ญ มนุษย์ถือเอาการปกป้องรูปแบบของศาสนาเป็นการบำเพ็ญ ที่จริงโดยมูลฐานเทพไม่เห็นความสำคัญในสิ่งเหล่านี้เลย เห็นการยกระดับจิตของคนเป็นเรื่องที่สำคัญเท่านั้น นั่นจึงจะเป็นการยกระดับอย่างแท้จริง ในขณะที่สภาพแวดล้อมเป็นเพียงสถานการณ์แบบหนึ่งที่จะอำนวยให้ผู้บำเพ็ญและคนที่เชื่อถือพระพุทธ เชื่อถือเทพสามารถยกระดับร่วมกัน สามารถเรียนรู้ซึ่งกันและกันแบบหนึ่ง เหมือนกับศิษย์ต้าฝ่าจัดประชุมฝ่าฮุ่ยอยู่ด้วยกัน ศิษย์ต้าฝ่าศึกษาฝ่า แลกเปลี่ยนประสบการณ์ ฝึกพลังกงอยู่ด้วยกัน ศิษย์ต้าฝ่ามีสภาพแวดล้อม(โอกาส)อย่างนี้ค่อนข้างน้อย แต่นี่ก็เป็นโอกาสเพียงหนึ่งเดียวที่จะสามารถศึกษาและแก้ไขข้อบกพร่องซึ่งกันและกันด้วยกันได้ โอกาสและเวลาที่ใช้อยู่ในสังคมจะมีมากกว่า และความขัดแย้งที่ประสบโดยมากก็แสดงออกมาในแบบของสังคมคนธรรมดาสามัญ ก็เป็นรูปแบบของการบำเพ็ญแบบหนึ่งเช่นนี้ นี่ไม่อาจจะบอกว่าพวกท่านบำเพ็ญได้ไม่ดี และไม่อาจจะพูดว่าศิษย์ต้าฝ่าไม่ก้าวหน้ามุมานะ ความขัดแย้งย่อมมี สิ่งสำคัญคือจะจัดการกับมันอย่างไร

เมื่อครู่ ได้อธิบายเรื่องนี้ให้กับพวกท่านละเอียดเพิ่มขึ้นอีกขั้นหนึ่ง ที่จริงฝ่าทั้งหมดที่ข้าพเจ้าได้บรรยายล้วนเป็นฝ่าชุดนี้ ให้พวกท่านไปอ่าน “จ้วนฝ่าหลุน” ให้ละเอียด หลังจากออกหนังสือเล่มนี้มาแล้ว ฝ่าทั้งหลายที่ข้าพเจ้าบรรยายล้วนเป็นการอธิบาย  “จ้วนฝ่าหลุน”    ไม่เชื่อให้พวกท่านไปลองอ่านดู บำเพ็ญไปตาม “จ้วนฝ่าหลุน” หนังสือเล่มนี้ ก็สามารถบำเพ็ญสำเร็จ (เสียงปรบมือ)

ถือโอกาสนี้พูดอีกสักหน่อย ศิษย์ต้าฝ่าเวลาทำงานด้วยกัน พวกท่านต้องร่วมมือซึ่งกันและให้ดี สถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลงใหญ่มาก พวกท่านก็มองเห็นแล้ว ปัจจุบันเรื่องบางเรื่องยังมีอุปสรรคมากมาย และทันทีที่อุปสรรคทั้งหมดกำจัดหมดไปแล้ว เรื่องนี้ก็จะจบลง เป็นเพราะสิ่งเหล่านั้นยังกำจัดไปไม่หมด ยังมีคนอีกมากมายที่ยังหลงอยู่ในคำโกหกหลอกลวง ยังมีคนอีกมากมายไม่ยอมที่จะเข้าใจความจริง จึงประกอบเป็นสภาพการณ์ในทุกวันนี้  และสภาพการณ์ชนิดนี้ก็เหมือนน้ำแข็งที่ละลายที่กำลังละลายอยู่อย่างต่อเนื่อง เมื่อละลายหมดแล้วทั้งหมด สภาพแวดล้อมก็จะไม่มีแล้ว คนที่คิดจะบำเพ็ญ คิดจะยกระดับ สภาพแวดล้อมก็ไม่มีแล้ว คิดจะช่วยเหลือสรรพชีวิต คนต่างก็เข้าใจกันแล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นต้องไปทำอีกแล้ว หมายความว่า เมื่อถึงขั้นนั้นจริงๆ ก็ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว เป็นเพราะเวลานี้มีสิ่งต่างๆ มากมายจำเป็นต้องทำ ยังมีคนอีกมากมายไม่เข้าใจ จึงปรากฏสภาพการณ์ในปัจจุบันออกมา จึงจำเป็นให้พวกท่านไปทำ แต่การเปลี่ยนแปลงของสภาพการณ์นี้ กับทุกสิ่งที่ศิษย์ต้าฝ่าได้ทุ่มเทในการอธิบายความจริง ในการช่วยเหลือสรรพชีวิตนั้นเป็นเรื่องที่ไม่อาจจะแยกจากกันได้  แน่นอนข้างในนี้มีผลจากสถานการณ์ของการเจิ้งฝ่ารวมอยู่ด้วย แต่ถ้าศิษย์ต้าฝ่าแต่ละคนไม่ไปอธิบายความจริงกับคน กับผู้คนละก็ ไม่ไปอธิบายความจริงกับสังคมละก็ เช่นนั้นขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงความคิดของคน ณ ชั้นพื้นผิว เทพจะไม่ทำให้พวกเขาแต่ละคน ดังนั้นสิ่งของ ณ ชั้นพื้นผิวของคน ศิษย์ต้าฝ่าต้องไปทำ

ฝ่าเซินของอาจารย์ก็ดี เทพที่ถูกต้องก็ดี สนามอันมหึมาที่ต้าฝ่าปูไว้ในโลกมนุษย์ก็ดี สามารถนำพาผู้มีบุญวาสนา สามารถนำพาคนที่สามารถช่วยเหลือได้มาอยู่ต่อหน้าท่านโดยใช้สภาพแวดล้อมต่างๆ มอบโอกาสให้เขาได้รับรู้ความจริง แต่พวกท่านต้องไปทำ มันจะเป็นไปไม่ได้ถ้าพวกท่านไม่ไปทำ สถานการณ์แม้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก แต่แรงกดดันที่อยู่ตรงหน้าทุกท่านนั้นไม่เล็กเลย การช่วยเหลือคนเป็นเรื่องที่เร่งด่วนมากในเวลานี้ แต่คนที่ไม่เข้าใจความจริงยังมีอีกมาก รวมถึงพฤติกรรมของรัฐบาลต่างๆ ก็มีสภาพการณ์เหมือนกับคนธรรมดาสามัญ ไม่ว่าพวกเขาจะเข้าใจถูกต้องบ้าง เข้าใจไม่ถูกต้องบ้าง ไม่ว่าพวกเขาจะคิดอย่างไร ต่อข้อเท็จจริงที่อยู่ตรงหน้า พวกเขาก็ต้องยอมจำนน ต่อข้อเท็จจริงที่อยู่ตรงหน้า พวกเขาจะต้องกล้าเผชิญ การบำเพ็ญปฏิบัติก็ดี การช่วยเหลือสรรพชีวิตก็ดี ล้วนพุ่งตรงไปที่ใจคน ไม่มุ่งไปที่องค์กร ไม่ใช่กำหนดว่าชนชาตินี้เอาไว้ ชนชาตินั้นไม่เอาไว้ ไม่มีเรื่องแบบนี้ ไม่ว่าท่านจะเป็นคนชนชาติใด ท่านจะอยู่ ณ มุมใดบนโลกนี้ มีแต่พุ่งตรงไปที่ใจคน ไม่มุ่งไปที่องค์กร

มีศิษย์ต้าฝ่ามากมายมองเห็นภาพจริงบางประการของอนาคต นั่นล้วนไม่ใช่ของปลอม มันใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ทีละก้าว ทีละก้าว ตามกาลเวลาที่แปรเปลี่ยนไป ดังนั้นศิษย์ต้าฝ่าต้องทำเรื่องที่ควรทำให้ดี ไม่ต้องสนใจว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร สิ่งที่ตัวเองทำนั้น ในใจรับรู้เป็นใช้ได้ มีฝ่าอยู่ในใจ ควรทำอะไรก็ให้ทำอย่างนั้น เป็นความต้องการของต้าฝ่า อยากให้ทำอะไรก็ทำอย่างนั้น (เสียงปรบมือ)  ไม่ว่าเรื่องอะไรก็อย่าได้เดินสุดขั้ว    ให้ทำอย่างมีสติสัมปชัญญะ ทำอย่างมีสติแจ่มแจ้ง นั่นเป็นธรรมานุภาพของศิษย์ต้าฝ่า ใครที่สามารถคงรักษาสภาวะที่มั่นคงในการบำเพ็ญ ซึ่งอยู่ในรูปแบบของสังคมธรรมดาสามัญอย่างนี้ไว้ได้ นั่นก็คือทำได้ดีที่สุดในรูปแบบของการบำเพ็ญนี้อย่างแท้จริง อยู่ท่ามกลางรูปแบบนี้ ถ้าใครมีการกระทำที่เกินเลยจากรูปแบบนี้ หรือไม่สอดคล้องกับรูปแบบชนิดนี้ นั่นอาจเป็นไปได้ว่าทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร ในเมื่อการบำเพ็ญปฏิบัติของศิษย์ต้าฝ่า ก็บำเพ็ญกันในรูปแบบชนิดนี้ รูปแบบนี้สามารถหล่อหลอมศิษย์ต้าฝ่า รูปแบบนี้สามารถบรรลุมรรคผลอันยิ่งใหญ่ของอนาคต การออกนอกรูปแบบนี้ หรือปฏิบัติไม่สอดคล้องกับรูปแบบนี้จะเป็นอุปสรรคสำหรับการบำเพ็ญปฏิบัติของท่าน ที่จริงนั่นล้วนเกิดจากจิตยึดติดทั้งสิ้น

สิ่งเหล่านี้ที่ข้าพเจ้าพูด เรื่องเหล่านี้ที่พูดกับทุกท่านในวันนี้ เป็นเพราะ ณ ขณะนี้มีเรื่องต่างๆ มากมายที่ทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร มีปัญหาปรากฏออกมามากมาย มีสภาพการณ์ไม่เป็นที่น่าพอใจบางประการปรากฏออกมาในการร่วมมือซึ่งกันและกัน ต่อกรณีเหล่านี้ อาจารย์จึงได้พูดตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น วันนี้โดยหลักคือมาพบกับทุกท่าน การประชุมฝ่าฮุ่ยก็เป็นโอกาสอันดีที่ให้พวกท่านได้ศึกษาและแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน อาจารย์จะไม่พูดมากไปกว่านี้ ก็จะพูดเพียงเท่านี้ ขอบใจทุกคน (เสียงปรบมือกึกก้อง)

ดีใจจริงๆ ที่ได้พบหน้าพวกท่าน (เสียงปรบมือ) ทุกครั้งที่พบกับพวกท่าน สถานการณ์และสภาพการณ์โดยรวมล้วนมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเด่นชัด ทุกครั้งก็เป็นเช่นนี้ ดังนั้นข้าพเจ้าจึงพูดว่าสภาพแวดล้อมนี้ของศิษย์ต้าฝ่าสามารถหล่อหลอมคน ศิษย์ต้าฝ่าอยู่ในสังคม ไม่ว่าท่านจะอยู่สภาพแวดล้อมอย่างไร มุมใดของสังคม ท่านล้วนกำลังส่งผลในด้านบวก ไม่ว่าท่านจะอธิบายความจริงก็ดี ยืนยันความถูกต้องของฝ่าก็ดี หรือไม่ได้กำลังทำงานของต้าฝ่าโดยตรงก็ดี ท่านก็กำลังช่วยเหลือสรรพชีวิต ก็กำลังส่งผลกระทบที่ใหญ่มาก (เสียงปรบมือ) เพราะความคิดที่ถูกต้อง(เจิ้งเนี่ยน)และสนามพลังแห่งความเมตตากรุณาของท่านก็กำลังส่งผลในด้าน บวก หวังว่าหลังจากวันนี้ไปทุกท่านจะทำได้ดียิ่งขึ้น (เสียงปรบมือ) ทุกสิ่งที่ศิษย์ต้าฝ่าสร้างสรรค์กำลังจะปรากฏเป็นที่ประจักษ์ในเร็ววัน ขอบใจทุกท่าน (เสียงปรบมือ)