เพื่อให้งานช่วยฝึกสอนของฝ่าหลุนต้าฝ่าดำเนินไปได้ดียิ่งขึ้น เพื่อตอบรับคำขอของสมาคมวิจัยและศูนย์ช่วยฝึกสอนแต่ละพื้นที่ ฝ่าที่ข้าพเจ้าได้บรรยายและฝ่าที่อธิบาย ณ
ที่ประชุมผู้ช่วยฝึกสอนผ่านการตรวจทานและเห็นชอบของข้าพเจ้าแล้ว เวลานี้ก็ได้ตีพิมพ์ออกมาอย่างเป็นทางการ
ผู้ที่เข้าร่วมประชุมในเวลานั้นยังมีผู้ช่วยฝึกสอนส่วนน้อยที่มาจากมณฑลอื่นและเมืองอื่น
หลังจากที่ข้าพเจ้าได้บรรยายฝ่าและอธิบายฝ่าแล้ว
บางคนได้เรียบเรียงจากเทปบันทึกเสียงเป็นตัวหนังสือ
ยิ่งกว่านั้นในบางพื้นที่ยังได้เวียนกันคัดลอกต่อ ๆ กัน
และถ่ายสำเนา เนื่องจากเวลาข้าพเจ้าบรรยายฝ่าและอธิบายฝ่า
ล้วนแต่บรรยายและอธิบายภายใต้สภาวะแวดล้อมที่พิเศษเฉพาะ เงื่อนไขพิเศษ และให้กับกลุ่มบุคคลเฉพาะ
หากไม่อยู่ในปัจจัยเหล่านี้
การเวียนกันคัดลอกจะเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนต่อต้าฝ่าที่ข้าพเจ้าบรรยาย และง่ายที่จะทำให้คนเข้าใจผิด ไม่เป็นประโยชน์ต่อการเผยแพร่ต้าฝ่า
การตีพิมพ์ «ฝ่าหลุนต้าฝ่าอี้เจี่ย» เพื่อให้ผู้ช่วยฝึกสอนอ่านกันภายใน
ผู้ช่วยฝึกสอนทุกคนเวลาเผยแพร่ฝ่าหลุนต้าฝ่าต้องรับผิดชอบต่อตัวเอง
รับผิดชอบต่อผู้ฝึก รับผิดชอบต่อสังคม รับผิดชอบต่อต้าฝ่า เวลาที่ทำการเผยแพร่และอธิบายปัญหาต้องขึ้นอยู่กับระดับความเข้าใจและความสามารถยอมรับของผู้รับต่อต้าฝ่า ไปเผยแพร่ต้าฝ่าให้เหมาะสม
หลี่หงจื้อ
คำนำ
การบรรยายฝ่าให้กับผู้ช่วยฝึกสอนฝ่าหลุนต้าฝ่าเมืองฉางชุน
ข้อเสนอแนะต่อที่ประชุมผู้ช่วยฝึกสอนฝ่าหลุนต้าฝ่าปักกิ่ง
การบรรยายฝ่าให้กับหัวหน้าศูนย์ช่วยฝึกสอนส่วนหนึ่งจากทั่วประเทศ
ณ กวางเจา
การประชุมผู้ช่วยฝึกสอนฝ่าหลุนต้าฝ่าปักกิ่งเกี่ยวกับความเห็นการเจิ้งฝ่า
คำพูดที่ตีพิมพ์อีกครั้ง
หลี่หงจื้อ
18-9-1994
นั่งอยู่ ณ
ที่นี้ล้วนเป็นผู้ช่วยฝึกสอนและแกนนำ ในการก่อตั้งฝ่าหลุนต้าฝ่า โดยเฉพาะการต่อตั้งฝ่าหลุนต้าฝ่าที่เมืองฉางชุนมีบทบาทสำคัญอย่างมาก ผู้ฝึกของศูนย์ฝึกกงมากมายถามปัญหามากมาย
ผู้ฝึกสอนหรือแกนนำของเราอธิบายปัญหาบางประการได้ไม่ดีหรืออธิบายไม่ได้ นี่มีสาเหตุสองประการ :
หนึ่งคือเข้าใจฝ่าไม่ถ่องแท้ ที่จริงพวกเราในการสอนในชั้นเรียน อะไร ๆ ล้วนบรรยายออกมาแล้ว เพียงแต่เข้าใจฝ่าให้ทะลุปรุโปร่ง อะไร ๆ ล้วนสามารถอธิบายได้ นี่คือสาเหตุหนึ่ง และเป็นสาเหตุที่สำคัญที่สุด อีกประการหนึ่งคือผู้ฝึกถามปัญหาบางอย่างที่เป็นรูปธรรมที่อธิบายยาก
เพราะผู้ฝึกสอนติดต่อกับผู้ฝึกโดยตรง หลายปัญหาที่เป็นรูปธรรมอธิบายยาก
ข้าพเจ้ารักษาท่าทีอย่างนี้เสมอมา
ฝ่าข้าพเจ้าก็ได้บรรยายอย่างครบถ้วนและสรุปรวบยอดให้แล้ว ปัญหาของการซิวเลี่ยนของตัวคุณเอง
ก็ต้องปฏิบัติตามฝ่านี้ ถ้าอะไร ๆ ก็พูดออกมาจนหมด ก็ไม่มีสิ่งที่ตัวคุณเองจะบำเพ็ญแล้ว ฉะนั้นข้าพเจ้าจึงไม่สามารถจะพูดมากไปกว่านี้อีกแล้ว ถ้าพูดอีกก็เท่ากับว่าข้าพเจ้ายกคุณขึ้นมาอย่างนั้น ที่เหลือก็คือปัญหาบางประการที่เป็นรูปธรรม แต่ผู้ฝึกบางคนก็ยังอยากจะถาม ก็คือวางใจไม่ได้ เขาถามข้าพเจ้าไม่ได้
ก็ยังจะถามผู้ฝึกสอนหรือศิษย์ของเราที่ฝึกกงมาเป็นเวลาค่อนข้างนาน แต่ปัญหาที่ผู้ช่วยฝึกสอนหรือศิษย์ที่ฝึกมานานไม่เคยประสบด้วยตัวเอง
ก็ให้คำตอบไม่ได้
ทำไมข้าพเจ้าให้ทุกคนฝึกกงด้วยกันเป็นกลุ่ม เวลาพบกับปัญหาสามารถแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน
ร่วมกันศึกษาพิจารณา ปัญหาเหล่านี้ก็จะสามารถแก้ไขได้ ฝึกกงเองคนเดียว พบกับปัญหาแล้วไม่เข้าใจ
จะเกิดความสับสน แต่อยู่ที่ศูนย์ฝึกกง ทุกคนร่วมกันศึกษาพิจารณา
ปัญหามากมายล้วนสามารถจะแก้ไขได้ ที่จริงการจัดการกับปัญหาหนึ่ง ๆ
ให้สำเร็จได้ ต้องค้นหาจากซินซิ่ง ปัญหาอะไรล้วนสามารถแก้ไขให้ลุล่วงได้ แต่ก็ยังมีปัญหาบางประการที่เป็นรูปธรรม มันยากเกินกว่าที่ผู้ช่วยฝึกสอนจะจัดการได้จริง ๆ เพื่อปัญหาเหล่านี้โดยเฉพาะ ข้าพเจ้าเปิดประชุมหนึ่งครั้งให้กับทุกคน นี่จัดเป็นกรณีพิเศษสำหรับผู้ช่วยฝึกสอนเมืองฉางชุน
พื้นที่อื่นยังไม่มีโอกาสเช่นนี้ การกลับมาครั้งนี้มีปัญหาหลายประการต้องจัดการ ผู้ฝึกทั้งหลายต่างก็รู้ ดังนั้นจึงพยายามไม่รบกวนข้าพเจ้า เป็นไปได้ว่า
เสียงโทรศัพท์เพียงกริ๊งเดียวก็จะรบกวนข้าพเจ้าอย่างรุนแรง ฉะนั้นผู้ฝึกหลายคนจึงไม่โทรศัพท์มาหา จุดนี้ข้าพเจ้าทราบ ที่เรียกทุกคนมาประชุมก็เพื่อจะตอบปัญหาบางประการให้กับทุกคน ศูนย์ใหญ่ได้ส่งบทความจากประสบการณ์ของผู้ฝึกบางส่วนมาให้
อีกทั้งปัญหาต่าง ๆ
ที่รวบรวมกันขึ้นมา ข้าพเจ้ายังไม่มีเวลาอ่านเลย เพราะข้าพเจ้ากำลังปรับแก้หนังสือเล่มที่สามอยู่
– «จ้วนฝ่าหลุน» และยังมีเรื่องต้องจัดการอีกมากมาย
วันนี้จะตอบปัญหาให้กับทุกคน โดยหลักคือเพื่อให้ทุกคนทำงานได้สะดวกหลังจากนี้ไป พูดถึงตรงนี้ข้าพเจ้ายังจะต้องพูดถึงปัญหาหนึ่ง :
ผู้ช่วยฝึกสอนทั้งหลายที่นั่งอยู่ ณ ที่นี้ ต้องรับผิดชอบขึ้นมา รับผิดชอบสอนแต่ท่าฝึกเพียงอย่างเดียวยังไม่ได้
ควรต้องเข้าใจฝ่าให้ถ่องแท้ ยึดกุมให้ได้อย่างแท้จริง ต้องอ่านหนังสือให้มาก ฟังเทปบันทึกเสียงให้มาก อย่างน้อยที่สุดต้องเข้าใจได้ชัดเจนมากกว่าผู้ฝึกทั่วไปจึงจะสามารถเป็นผู้ช่วยฝึกสอนได้ดีอย่างแท้จริง ความเข้าใจต่อฝ่าจะต้องเข้าใจให้แจ่มชัด ผู้ฝึกมีปัญหาอะไร
อย่างน้อยต้องตอบได้ในระดับทั่วไป ถึงแม้ไม่อาจจะพูดว่าเป็นประโยชน์ในการชี้นำ ในภาพรวมสามารถพูดได้ชัดเจน การถ่ายทอดกงไปสู่ระดับชั้นสูงอย่างแท้จริง นั่นก็คือการช่วยคน ก็คือการซิวเลี่ยนอย่างแท้จริง หากดูกันอย่างนี้แล้ว นั่นก็คือไม่มีอะไรแตกต่างจากการมุ่งซิวเลี่ยนเป็นหลักในวัดวาอารามหรือในป่าเขา
ฝ่าของเรานี้โดยหลักถ่ายทอดอยู่ในสังคมคนธรรมดาสามัญ
ส่วนใหญ่ซิวเลี่ยนอยู่ในหมู่คนธรรมดาสามัญ เช่นนั้นพวกเรากำหนดผู้ซิวเลี่ยน ในการซิวเลี่ยนอยู่ในหมู่คนธรรมดาสามัญ
โดยพื้นฐานสมควรแสดงออกเหมือนกับคนธรรมดาสามัญ พูดให้ชัด พวกเราผู้รับผิดชอบคนหนึ่งของศูนย์ฝึกกงก็เหมือนกับเจ้าอาวาส
พระสงฆ์เปรียญสูง ที่ซิวเลี่ยนอยู่ในวัด
ข้าพเจ้าเพียงแต่พูดเปรียบเทียบ ไม่มีใครแต่งตั้งหรือให้ตำแหน่ง พวกเราก็คือรูปแบบการซิวเลี่ยนอย่างนี้ คุณคิดดูนั่นไม่เหมือนกันหรอกหรือ การนำพาผู้ซิวเลี่ยนกลุ่มหนึ่งให้ดีเป็นเรื่องของคุณูปการและคุณธรรมที่หาที่สุดมิได้ นำพาไม่ดี ข้าพเจ้าว่าก็คือไม่ได้ปฏิบัติภาระหน้าที่อย่างเต็มที่ ด้วยจุดประสงค์นี้จึงเรียกทุกคนมาประชุม ผู้รับผิดชอบของศูนย์ใหญ่ต่างก็หารือปัญหานี้กับข้าพเจ้า : จะเปิดสอนอีกสักครั้งดีไหม ข้าพเจ้ารู้สึกว่าฝ่านี้บรรยายชัดเจนเกินไปก็ไม่เป็นประโยชน์กับการซิวเลี่ยนของทุกคน เช่นนั้นก็จะกลายเป็นหลักการของคนธรรมดาสามัญ พวกเราไม่ต้องพูดถึงปัญหาการซิวเลี่ยนกันอย่างไรอย่างไรในหมู่คนธรรมดาสามัญ อีกประเดี๋ยวข้าพเจ้าจะตอบปัญหาเหล่านี้ที่ส่งขึ้นมาให้กับทุกคน เวลาที่เหลือทุกคนมีปัญหาอะไรค่อยยกขึ้นมาถามอีก ที่คิดจะค้นหาความรู้อะไรคุณอย่าถาม ปัญหาที่เกี่ยวโยงถึงนโยบายประเทศก็อย่าถาม พวกเราอยู่ในขั้นตอนของการซิวเลี่ยน
ปัญหาที่พบเจอนั้นค่อนข้างจะเป็นแบบฉบับ โดยหลักจะตอบปัญหาเหล่านี้ ทุกคนสามารถหยิบยกขึ้นมาถาม
พวกเราแจ้งเฉพาะผู้ช่วยฝึกสอนและคนทำงานให้มาประชุม
หลังจากวันนี้ คนที่ไม่ได้รับแจ้ง อย่าได้พามาประชุมด้วยอย่างเด็ดขาด มีคนมากันมาก เรื่องบางอย่างจัดการไม่ได้
เพราะทั้งหมดเป็นผู้ช่วยฝึกสอน เดิมทีคิดจะพูดสูงสักหน่อย
เป็นรูปธรรมสักหน่อย เพื่อให้สะดวกต่อการทำงานของผู้ช่วยฝึกสอนจากนี้ไป แต่บางคนเป็นผู้ฝึกใหม่ เข้าเรียนในชั้นเพียงครั้งเดียว
ยิ่งกว่านั้นบางคนยังไม่เคยเข้าเรียนในชั้นเลย
ทันทีทันใดมาฟังสิ่งที่สูงและลึกซึ้งอย่างนี้
ยากมากจะยอมรับได้ ไม่ส่งผลดีต่อเขา อีกทั้งยังจะก่อเกิดอารมณ์ขัดแย้งในความคิดของเขาได้ง่าย ก็จะเป็นการทำลายคนคนนี้
ผู้ช่วยฝึกสอนต้องรับภาระหน้าที่อย่างจริง ๆ จัง ๆ ผู้ฝึกใหม่ที่ท่าฝึกทำไม่ถูกต้องต้องปรับแก้ให้ถูกต้องให้พวกเขา ผู้ฝึกเก่าบางคนที่ท่าฝึกใช้ได้แล้ว
คลาดเคลื่อนเพียงเล็กน้อย ก็ให้บอกเขาภายหลังการฝึกกง
จะได้ไม่รบกวนการเข้าสู่สมาธิ เวลาฝึกกง
อย่ารบกวนเขา ผู้ฝึกใหม่จะต้องช่วยฝึกสอน มีคนถามปัญหาต้องอดทน ค่อย ๆ อธิบาย
ผู้ฝึกทั้งหมดที่ศูนย์ฝึกกงของเรา ล้วนมีภาระหน้าที่นี้ ต้องช่วยเหลือสรรพชีวิตทั่วไป อะไรเรียกว่าช่วยเหลือสรรพชีวิตทั่วไป ให้สรรพชีวิตได้ฝ่าจึงจะเป็นการช่วยเหลือสรรพชีวิตทั่วไปอย่างแท้จริง คนเขามาถาม คุณไม่อธิบาย นั่นจะใช้ได้หรือ
ผู้ช่วยฝึกสอนฝึกกงจะต้องแน่วแน่หนึ่งเดียว สำหรับผู้ฝึกเหล่านั้นที่ไม่แน่วแน่หนึ่งเดียวในการฝึกกง
ต้องบอกเขา ช่วยเหลือเขา ไม่สามารถแน่วแน่จริง ๆ
เขาปล่อยวางสิ่งเหล่านั้นของเขาไม่ได้ ก็บอกให้เขาไปฝึกกงอื่น จะได้ไม่รบกวนพวกเราผู้ฝึก หากเขาไม่ยอมไปจริง ๆ นั่นก็ไม่มีวิธีอื่น เขาฝึกก็จะไม่ได้อะไร นี่คือจิตรับรู้ (อู้ซิ่ง[1]) ไม่ดี พวกเราสายพุทธ เริ่มจากความเมตตากรุณา บอกว่าจะลงโทษเขาสักหน่อย เช่นนั้นไม่ได้ ไม่บ่อนทำลายฝ่าที่ถูกต้องอย่างรุนแรง ไม่อาจจะลงมือตามใจชอบ
บางคนรักษาโรคให้คน
หรือบอกให้คนมารักษาโรคที่ศูนย์ฝึกกงของเรา ล้วนเป็นการบ่อนทำลายต้าฝ่า นี่เป็นปัญหาที่ร้ายแรงอย่างยิ่ง และไม่อนุญาตให้ใครทำอย่างนี้ ถ้าทำอย่างนี้ก็ไม่ใช่ศิษย์ของข้าพเจ้า ถ้าผู้ช่วยฝึกสอนทำอย่างนี้ละก็
ให้เปลี่ยนคนทันที ต้องไม่ให้มีปรากฏการณ์สองแบบนี้เกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด
ผู้ช่วยฝึกสอนต้องพยายามรับผิดชอบในงานอย่างสุดความสามารถ งานยากก็ต้องอาสาทำ ผู้ช่วยฝึกสอนบางคนอาจมีอายุมาก
มีความเข้าใจต่อฝ่าด้อยสักหน่อย ตัวเองรู้สึกว่าดีแต่อธิบายได้ไม่ชัดเจน
ก็สามารถหาคนมาช่วยทำงานของผู้ช่วยฝึกสอน ความรับผิดชอบต่อฝ่า ไม่ใช่การได้หรือเสียของตัวคุณ การได้หรือเสียของตัวคุณก็สัมพันธ์กับฝ่าอย่างแนบแน่นด้วย ในการสอนต้องไม่สอดแทรกความคิดของตัวเองเข้าไป ไม่เช่นนั้นก็จะส่งผลกระทบต่อการซิวเลี่ยนของตัวเองและของกลุ่ม ท่าฝึกของผู้ช่วยฝึกสอนต้องพยายามทำให้ถูกต้อง พยายามทำให้เหมือนกับในเทปบันทึกภาพ โดยภาพรวมต้องทำให้เหมือน สำหรับความแตกต่างเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็หลีกเลี่ยงได้ยาก จะให้เหมือนกันอย่างกับแกะออกมาจากแม่พิมพ์เดียวกันทั้งหมด
เป็นเรื่องที่ทำไม่ได้ โดยพื้นฐานดูไม่แตกต่างเป็นอันใช้ได้
แต่ถ้าแตกต่างกันมากนักละก็ไม่ได้ โดยเฉพาะคือผู้ช่วยฝึกสอน คุณสอนคนก็จะทำให้เพี้ยนไป
จากนี้ไปจะเริ่มตอบปัญหา
ศิษย์ : กายและจิตดับสลายพร้อมกัน (สิงเสินจวี้เมี้ยะ[2])
เป็นสภาวะแบบหนึ่งอย่างไร
อาจารย์ : สิงเสินจวี้เมี้ยะ เป็นคำศัพท์โบราณ พวกเราเรียกว่ากายและจิตดับสลายทั้งหมด (สิงเสินฉวนเมี้ยะ[3]) ตัวอักษรจวี้ ออกเสียงฟังไม่สู้ดี เมี้ยะก็คือกระจายทิ้งไป จวี้ (พรั่งพร้อม) และจวี้ (รวมตัว) ออกเสียงเหมือนกัน จวี้ (รวมตัว) คือจับเขารวมกันเข้ามา ดังนั้นต่อจากนี้ไปพวกเราเรียกเป็น
สิงเสินฉวนเมี้ยะ แน่ละ ในหนังสือยังเขียนว่า
สิงเสินจวี้เมี้ยะ หนังสือเล่มนี้จัดเป็นเอกสารสำหรับอ่านเฉพาะกาล
หนังสือเล่มที่หนึ่งของเรา
«จงกั๋วฝ่าหลุนกง» ตอนที่เขียนออกมานั้น
มีบางด้านคล้ายกับชี่กงในระดับต่ำ หนังสือเล่มที่สองก็คือ «จงกั๋วฝ่าหลุนกง (ฉบับปรับปรุง)»
มีระดับสูงกว่าชี่กงมากทีเดียว เวลานี้ข้าพเจ้ากำลังเรียบเรียงฝ่าทั้งหมดที่ข้าพเจ้าบรรยาย
ในอนาคตเมื่อเขียนออกมาเป็นต้าฝ่าเพื่อชี้นำให้พวกเราบำเพ็ญจริง
ในหนังสือใหม่ คำศัพท์มากมายล้วนต้องปรับแก้ให้ถูกต้องทั้งหมด
สิง[4]
หมายถึงร่างกายที่มีรูปลักษณ์ ไม่ใช่เพียงแค่หมายถึงร่างกายในมิติวัตถุนี้ที่เรามองเห็นได้ด้วยตาเนื้อเท่านั้น ทุกมิติล้วนมีร่างกายของคุณคงอยู่ ล้วนมีรูปลักษณ์ ล้วนเป็นสสารคงอยู่ เรื่อยไปจนถึงระดับจุลภาคมาก ๆ
ก็มีร่างกายคงอยู่ หมายความว่ามีมิติมากเท่าใด
คนก็มีร่างกายมากเท่านั้น สิงเสินฉวนเมี้ยะ ก็หมายถึงร่างกายเหล่านี้ล้วนไม่คงอยู่แล้ว
เสิน[5](จิต) หมายถึงเหวียนเสิน[6] (จิตต้นกำเนิดหรือจิตหลัก) ของคน จิตหลักก็ดี จิตรองก็ดี ร่างชีวิตทุกประเภทก็ดี เมื่อไปถึงสิงเสินฉวนเมี้ยะ นั่นเป็นเรื่องที่น่ากลัวอย่างยิ่ง ! ทั่วทั้งจักรวาลไม่มีอะไรที่น่ากลัวยิ่งกว่าเรื่องนี้แล้ว ก็คือดับสลายทั้งหมด อะไรก็ไม่มีแล้ว แน่ละ ยังมีสสารที่จุลภาคมาก ๆ คงอยู่ ข้าพเจ้าเคยพูดว่า สุญญากาศก็มีสสารคงอยู่ การค้นคว้าทางวิชาฟิสิกส์ของเราในปัจจุบันบรรลุได้ถึงนิวทริโนระดับชั้นนี้เท่านั้น สสารที่เล็กที่สุดคือนิวทริโน ยังห่างไกลมาก ไกลมาก ๆ จากสสารของสสารต้นกำเนิด จากชีวิตที่เล็กที่สุดของสสารต้นกำเนิด สสารที่จุลภาคมาก ๆ เมื่อถูกทำลายถึงสภาวะที่ดั้งเดิมที่สุด พวกเราเรียกว่าสิงเสินฉวนเมี้ยะ เพราะได้กลับไปสู่สภาวะที่ดั้งเดิมที่สุดอีกแล้ว มันจึงไม่คงอยู่แล้ว แม้แต่ผู้บรรลุธรรม ณ ระดับชั้นที่สูงมาก ๆ ล้วนมองไม่เห็นแล้ว ขณะเดียวกันก็ไม่มีความคิด ทั้งหมดเป็นรูปแบบของจุลภาคที่สุดที่กระจัดกระจายและยุ่งเหยิง ในอดีต ณ ระดับชั้นสูง เมื่อละเมิดต้าฝ่าจึงจัดการกันเช่นนี้ การทำลายมนุษย์ก็เป็นเช่นนี้ เพราะเขาได้ตกลงมาถึงระดับชั้นที่ต่ำที่สุดแล้ว เขาทำเรื่องไม่ดีจึงพบกับปัญหาอย่างนี้ หมายความว่ากำจัดเขาอย่างถึงที่สุดจากในจักรวาล ไม่มีความคิด แทบจะไม่มีสสาร ทำลายจนถึงสภาวะที่ดั้งเดิมที่สุด ดั้งเดิมที่สุด
ศิษย์ : เพศของพระพุทธชาย พระพุทธหญิงเป็นไปตามเพศของกายเนื้อของผู้ซิวเลี่ยน
หรือเป็นไปตามเพศของจิตหลัก (จู่เหวียนเสิน[7])
อาจารย์ : เมื่อคนซิวเลี่ยนจนถึงการซิวเลี่ยนฝ่านอกภพ
ก็เข้าสู่การซิวเลี่ยนมรรคผล (กั่วเว่ย[8]) อรหันต์ ก็คืออรหันต์ขั้นต้น เมื่อนั้นก็สามารถพูดได้ว่าเป็นพระพุทธแล้ว ที่จริงคุณก็คือซิวเลี่ยนร่างพระพุทธแล้ว อรหันต์แบ่งเป็นอรหันต์ขั้นต้น เจิ้งกั่วอรหันต์ และอรหันต์ใหญ่ แต่ละระดับชั้นล้วนห่างกันมาก และพระโพธิสัตว์ใหญ่ก็สามารถพูดว่าเป็นพระพุทธ เมื่อซิวเลี่ยนถึงกั่วเว่ยอรหันต์ รู้แจ้ง (ไคอู้[9]) ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง ล้วนจะแสดงรูปลักษณ์ชาย คุณกำลังซิวเลี่ยนในหมู่คนธรรมดาสามัญ
แต่เพศของกายเนื้อของคุณจะไม่เปลี่ยน กายเนื้อของคุณประเดี๋ยวเป็นชาย ประเดี๋ยวเป็นหญิง
อย่างนั้นจะเป็นอะไรล่ะ ! ในอดีตมีคนซิวเลี่ยนบรรลุถึงกั่วเว่ยอรหันต์และบำเพ็ญสำเร็จบริบูรณ์ (หยวนหมั่น[10]) หยวนหมั่นกับการบรรลุอาณาจักรเขตแดนเป็นคนละเรื่องกัน
ถ้าคนสามารถบำเพ็ญถึงกั่วเว่ยอรหันต์เท่านั้นและหยวนหมั่น
สูงขึ้นไปอีกเขาบำเพ็ญขึ้นไปไม่ได้แล้ว เริ่มที่จะคงที่แล้ว ครั้นเมื่อเขาเปิดกง (ไคกง[11]) แล้ว ไม่ว่าเดิมทีจะเป็นชายหรือหญิง ทั้งหมดจะแสดงรูปลักษณ์ชาย
เพราะร่างกายของเขาเป็นร่างพุทธที่เขาซิวเลี่ยนออกมา ณ กั่วเว่ยอรหันต์ล้วนแสดงร่างชาย
เหวียนเสินที่แท้จริง
อาจจะเป็นชายหรือหญิง ร่างกายนั้นของเขา
ไม่ว่าจะแปรผันจากสสารพลังงานสูงก็ดี หรือเป็นร่างที่ไม่เสื่อมสลายนั้นที่เขาบำเพ็ญสำเร็จก็ดี หรือ ณ เวลานิพพาน
พระพุทธให้ร่างพุทธนั้นแก่เขาก็ดี ณ กั่วเว่ยอรหันต์
ล้วนแต่แสดงรูปลักษณ์ในร่างชาย เมื่อถึงอาณาจักรเขตแดนพระโพธิสัตว์ล้วนแสดงรูปลักษณ์ในร่างหญิง แต่เพศของเหวียนเสินไม่เปลี่ยน เมื่อถึงอาณาจักรเขตแดนของพระพุทธ
เขายังมีร่างกาย เพียงแต่ร่างกายชนิดนี้ประกอบขึ้นจากสสารพลังงานสูง สูงยิ่งขึ้นไปอีกก็มีร่างกาย คือร่างกาย (ร่างพระพุทธ) ในมิติที่ต่างกัน เมื่อถึงอาณาจักรเขตแดนพระพุทธ เพศก็จะกลับคืนสู่เพศของจู่เหวียนเสิน พระพุทธชายก็คือพระพุทธชาย พระพุทธหญิงก็คือพระพุทธหญิงแล้ว
ศิษย์ : ความหมายของการบำเพ็ญร่างแท้[12] (เปิ๋นถี่) และร่างพุทธ
อาจารย์ : ในที่นี้เปิ๋นถี่ที่เราพูดถึงคือคำศัพท์โดยรวมของการซิวเลี่ยนในระดับชั้นต่ำ หมายถึงร่างกายของคุณในแต่ละมิติ กายเนื้อของคุณก็รวมอยู่ด้วย
ศิษย์ : ได้ฝ่าที่ถูกต้อง สำเร็จมรรคผล[13] (เจิ้งกั่ว) จัดว่าบรรลุหยวนหมั่น เช่นนั้นพวกเราบำเพ็ญถึงขั้นใดจึงจะบรรลุหยวนหมั่น
อาจารย์ : หยวนหมั่นกับกั่วเว่ยของพวกเราสูงหรือต่ำเป็นคนละเรื่องกัน นั่นคือคุณบำเพ็ญถึงกั่วเว่ยอรหันต์แล้ว คุณได้เข้าสู่การซิวเลี่ยนร่างพระพุทธแล้ว ที่ผ่านมามีเพียงพระยูไลจึงจะเรียกว่าพระพุทธ ปัจจุบันมีพระพุทธค่อนข้างมาก แบ่งแยกออกมา คือพระยูไลก็ดูแลพระพุทธจำนวนหนึ่ง พระพุทธเหล่านั้นที่ยังไม่บรรลุระดับชั้นพระยูไล สูงเลยพระโพธิสัตว์ก็เรียกเป็นพระพุทธ พระโพธิสัตว์ใหญ่ก็เรียกเป็นพระพุทธ กระทั่งพระอรหันต์ พระโพธิสัตว์ก็ได้รับการขนามนามว่าพระพุทธ เพราะล้วนคือสายพุทธ ดังนั้นข้าพเจ้าจะบอกทุกคน คุณบำเพ็ญถึงกั่วเว่ยอรหันต์ก็คือกำลังซิวเลี่ยนในร่างพระพุทธแล้ว เป็นความหมายอย่างนี้ แต่ถึงแม้คุณกำลังซิวเลี่ยนในร่างพระพุทธ ไม่แน่นอนเสมอไปว่าคุณจะหยวนหมั่น รากฐาน[14] (เกินจี) ของคนไม่เหมือนกัน ความสามารถแบกรับก็ไม่เหมือนกัน บางคนสามารถบำเพ็ญถึงกั่วเว่ยพระโพธิสัตว์ บางคนสามารถบำเพ็ญถึงกั่วเว่ยพระพุทธ บางคนสามารถบำเพ็ญสูงขึ้นไปอีก สูงเลยกั่วเว่ยพระยูไลขึ้นไป มีบางคนเพียงสามารถบรรลุถึงกั่วเว่ยอรหันต์เท่านั้น แต่ไม่ว่าจะบรรลุถึงระดับชั้นใด ล้วนแต่หลุดพ้นสามภพแล้ว ล้วนนับว่าได้กั่วเว่ยแล้ว หมายความว่าคุณได้เจิ้งกั่วแล้ว แต่ไม่แน่ว่าจะหยวนหมั่น สมมติว่าจัดวางให้คุณไคอู้ ณ กั่วเว่ยพระโพธิสัตว์ บำเพ็ญสำเร็จบรรลุหยวนหมั่น หากคุณบรรลุถึงกั่วเว่ยอรหันต์แล้ว แต่ยังไม่บรรลุถึงจุดหมายสุดท้ายของการซิวเลี่ยนของคุณ ก็ไม่หยวนหมั่น จึงเป็นความสัมพันธ์หนึ่งชั้นอย่างนี้ คุณทุ่มเทมากน้อยเพียงใด ซิวเลี่ยนมากน้อยเพียงใด ก็จะได้มากเท่านั้น ถึงแม้คุณซิวเลี่ยนยังไม่หยวนหมั่น แต่คุณได้กั่วเว่ยแล้ว อย่างไรก็ดีคุณยังซิวเลี่ยนไม่หยวนหมั่น ยังมีปัญหาของระดับชั้นประการหนึ่งคงอยู่ ยังไม่บรรลุถึงจุดหมายสุดท้ายของการซิวเลี่ยนของคุณ
ศิษย์ : ความสัมพันธ์ของการหวนกลับคืนสู่ดั้งเดิมแท้จริง[15] (ฝันเปิ่นกุยเจิน)
กับการได้เจิ้งกั่ว ? ความหมายของเปิ่นและเจิน ?
อาจารย์ : ฝันเปิ่นกุยเจิน
กับ การกลับสู่ความเรียบง่ายและความบริสุทธิ์[16]
(ฝันผู่กุยเจิน) ที่พูดกันในหมู่คนธรรมดาสามัญเป็นคนละเรื่องกัน ฝันเปิ่นกุยเจินที่เราพูดก็คือการกลับไปสู่คุณสมบัติดั้งเดิมก่อนกำเนิดของคุณ
การกลับไปสู่คุณสมบัติดั้งเดิมของคุณ
ธาตุแท้ของคุณ โฉมหน้าดั้งเดิมของคุณ คุณตกลงมาในสังคมคนธรรมดาสามัญ
โฉมหน้าดั้งเดิมของคุณถูกปกคลุมไป อยู่ในสังคมคนธรรมดาสามัญดำและขาวสลับกลับที่กัน
ถูกและผิดสลับกลับที่กัน คุณต้องกลับไป คืนสู่ดั้งเดิมแท้จริง (กุยเจิน) เป็นคำศัพท์ของสายเต๋า
เพราะสิ่งที่เราซิวเลี่ยนนั้นใหญ่มาก ๆ เลยล้ำขอบข่ายของตัวสายพุทธเองไปแล้ว
บางส่วนเป็นฝ่าที่พูดในสายเต๋า สายเต๋าบำเพ็ญสำเร็จแล้วก็คือผู้สำเร็จธรรมสายเต๋า[17]
(เจินเหยิน) ก็คือบำเพ็ญสำเร็จเป็นพระพุทธ
พวกเขาเรียกเจินเหยิน คนที่แท้จริง
ศิษย์ : ฉันตั้งปณิธานว่าจะบำเพ็ญตลอดไป
กับหนทางที่ท่านอาจารย์จัดวางให้เรานั้น สัมพันธ์กันอย่างไร
อาจารย์ : คุณตั้งปณิธานว่าจะบำเพ็ญตลอดไป คำว่าตลอดไปคงไม่เด็ดขาดแน่นอนหรอกนะ ไม่ได้เจิ้งกั่ว ไม่หยวนหมั่น บำเพ็ญเรื่อยไปนะหรือ การบำเพ็ญต้องมีเป้าหมาย บำเพ็ญถึงระดับชั้นสูง คือเป็นไปตามปณิธานที่ตัวคุณเองตั้งไว้ บวกกับถึงที่สุดแล้วคุณสามารถบำเพ็ญได้สูงเพียงใด
อาจารย์จึงจะจัดวางให้คุณ ล้วนเป็นอะไรที่วิทยาศาสตร์มาก ๆ เดิมคุณเป็นเหล็กกล้าชิ้นหนึ่ง จัดให้คุณเป็นเหล็กชิ้นหนึ่ง นั่นไม่ได้ คุณสามารถบำเพ็ญถึงกั่วเว่ยพระโพธิสัตว์ จัดให้คุณอยู่ ณ กั่วเว่ยอรหันต์ นี่ก็ไม่ได้ มองได้แม่นยำมาก จะอยู่ตรงไหนล้วนมองไม่ผิดแม้แต่น้อย
ศิษย์ : ในจักรวาลมีสิ่งที่เหมือนกันโดยสิ้นเชิงหรือไม่
อาจารย์ : วิธีซิวเลี่ยนเป็นวิธีซิวเลี่ยนหนึ่งที่พระพุทธใหญ่องค์หนึ่งควบคุม ที่ไหนล้วนเหมือนกัน แต่วิธีของการซิวเลี่ยนไม่เหมือนกัน กับสิ่งที่เหมือนฝ่าหลุนนี้ของเราในวันนี้ ไม่มี แต่ก็มีบางสิ่งที่หมุน โลกก็ยังหมุนอยู่ มี่จงใช้ความนึกคิด[18] (อี้เนี่ยน) ผลักวงล้อชนิดหนึ่งให้หมุน สิ่งของประเภทนี้ยังมี ฉางชุนมีอาจารย์ชี่กงนั้น ๆ ก็ฝึกโดยหมุนไท้จี๋ แต่ไม่เหมือนอันนี้ของเรา ของเขานั้นรับเข้าไม่ปล่อยออก ไม่เหมือนกับของเรา ดาวเคราะห์โคจรรอบดาวฤกษ์ อิเล็กตรอนหมุนรอบนิวเคลียสอะตอม ล้วนมีกลไกหมุนอยู่ แต่ความหมายที่ครอบคลุมนั้นแตกต่างกันนับพันลี้ สองสิ่งที่เหมือนอาจมีคงอยู่ แต่น้อยมาก น้อยมาก ๆ ข้าพเจ้ายังไม่เคยเห็น
ข้าพเจ้าจะบอกทุกคน เหล่าผู้บรรลุธรรมระดับสูงจัดวางเรื่องนี้ในวันนี้ เช่นนั้นในขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงของจักรวาล เรื่องราวทั้งหมดล้วนต้องเปิดทางให้กับเรื่องนี้ การก่อเกิดของจักรวาลในระยะแรก
ก็ได้จัดเตรียมงานใหญ่ที่อยู่ท้ายสุดไว้แล้ว
เช่นนั้นเรื่องราวมากมายล้วนอาจจัดวางไว้เพื่อถ่ายทอดฝ่าที่ถูกต้อง (เจิ้งฝ่า[19])
ครั้งสุดท้ายในวันนี้ซึ่งเป็นช่วงปลายกัลป์
ข้าพเจ้าว่าเหตุใดความนิยมชี่กงปรากฏออกมาในช่วงสมัยนี้
ศตวรรษนี้ อย่างไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ นั่นไม่ใช่บังเอิญ ทำไมจึงมีวิธีบำเพ็ญแบบนั้นแบบนี้ปรากฏออกมา
นี่ก็ไม่ใช่บังเอิญ ข้างในนี้ไม่ธรรมดาพื้น ๆ เหมือนที่คนธรรมดาสามัญคิด
ศิษย์ : ฝ่าหลุนและโลกฝ่าหลุนสัมพันธ์กันอย่างไร
อาจารย์ : โลกฝ่าหลุนเป็นโลกที่ใหญ่โต สวยงามวิเศษมาก ๆ ที่ควบคุมโดยพระยูไลของโลกฝ่าหลุน ฝ่าหลุนเป็นเพียงปรากฏการณ์ของฝ่าทางด้านกง เขายังมีปรากฏการณ์ทางด้านฝ่า ปรากฏการณ์ในด้านของฝ่านอกจากฝ่าที่ข้าพเจ้าบรรยาย ฝ่าที่สูงยิ่งขึ้นและรูปแบบของฝ่าเรายังไม่ได้เปิดเผย และไม่อนุญาตให้เปิดเผย สำหรับด้านของกง ข้าพเจ้าได้วาดรูปออกมาให้แล้ว แต่เขายังมีด้านของฝ่า ด้านของกงก็เป็นรูปแบบอย่างนี้ พวกเราผู้ฝึก ในอนาคตเมื่อได้เจิ้งกั่ว หลังจากบำเพ็ญจนได้กั่วเว่ย ตัวเองก็สามารถซิวเลี่ยนฝ่าหลุนออกมาได้แล้ว สามารถบำเพ็ญออกมาได้องค์เดียวเท่านั้น คุณบรรลุถึงระดับชั้นที่สูงมาก ๆ ก็มีฝ่าหลุนเพียงองค์เดียว นั่นเป็นปรากฏการณ์ของตัวคุณเอง เขาจะทดแทนฝ่าหลุนองค์นั้นที่ข้าพเจ้าให้คุณ ณ ตำแหน่งท้องน้อย นั่นคือความสำเร็จที่แท้จริงของคุณ แต่ฝ่าหลุนก็เป็นปรากฏการณ์ของฝ่าอีกด้วย เขาสามารถแบ่งตัวได้ เมื่อคุณใช้อิทธิฤทธิ์เพียงเล็กน้อย เขาสามารถจะแบ่งตัวได้ คุณยังสามารถปล่อยฝ่าหลุนบางส่วนออกมา แต่จะไม่มีร่างที่เป็นเอกเทศมากมายในรูปแบบชนิดนั้นอย่างที่ข้าพเจ้าบำเพ็ญในวันนี้
ทุกคนทราบ สิ่งนี้ใหญ่มาก ล้ำค่ามาก เป็นสิ่งที่จัดสร้างขึ้นมาโดยคนรุ่นแล้วรุ่นเล่า ในหนึ่งขั้นตอนของการซิวเลี่ยน คุณคิดจะบำเพ็ญสิ่งที่ใหญ่ขนาดนี้เหมือนอย่างที่ข้าพเจ้าบำเพ็ญออกมานั้น ไม่อาจจะทำได้ ทำไม่ได้อย่างแน่นอน พวกคุณสามารถบำเพ็ญฝ่าหลุนออกมาหนึ่งองค์ อันนี้แน่นอน ฝ่าหลุนองค์นี้มีอานุภาพใหญ่มาก ถ้าสามารถนำมาถึงมิตินี้ได้อย่างแท้จริง เวลาเขาขยับ จะกลายเป็นเรื่องใหญ่จริง ๆ นั่นเป็นสิ่งที่มีอานุภาพยิ่งใหญ่มาก แม้แต่ฝ่าหลุนองค์นั้นที่คุณซิวเลี่ยนออกมาในอนาคต หมุนอยู่ในมิตินี้ ข้าพเจ้าว่าจะหมุนเป็นพายุทอร์นาโด เขาเป็นสิ่งที่มีอานุภาพยิ่งใหญ่มาก ทำไมไม่ให้เขาปรากฏออกมาในสังคมคนธรรมดาสามัญ ทำไมไม่ให้เขาเข้ามาบังเกิดผลในมิตินี้ล่ะ ก็เพราะว่าอานุภาพของเขาใหญ่โตเหลือเกินจริง ๆ ถึงแม้เขาจะบังเกิดผลอยู่ในมิติอื่นก็เพียงพอที่จะปกป้องคุณ บังเกิดผลที่ใหญ่มาก
ศิษย์ : ฝ่าหลุนเป็นภาพย่อส่วนของจักรวาล
โลกฝ่าหลุนใหญ่เท่าจักรวาลหรือไม่
อาจารย์ : ไม่ใช่ โลกฝ่าหลุนคือโลกหนึ่งหน่วย อยู่ ณ ระดับชั้นสูงมาก ๆ ในจักรวาลของเรานี้ จักรวาลนั้นใหญ่มหึมา เนื่องจากบางส่วนเป็นผู้ฝึกใหม่
มีบางคำพูดข้าพเจ้าไม่อาจจะพูดได้ พวกเขาจะรับไม่ได้ ในจักรวาลอันใหญ่มหึมาของเรานี้
มีจักรวาลเล็กอยู่นับจำนวนไม่ถ้วน มนุษย์คงอยู่ในจักรวาลเล็กจักรวาลหนึ่ง และในจักรวาลเล็กเหล่านี้มีระบบทางช้างผือกนับจำนวนไม่ถ้วน พระพุทธของระดับชั้นยูไลมองดูจักรวาลเล็กจักรวาลหนึ่ง
มองไม่ถึงฝั่ง จักรวาลใหญ่นั้นใหญ่โตเพียงใด
ในอดีตไม่ให้คนรู้ มันช่างใหญ่มหึมาเหลือเกิน คนในระหว่างขั้นตอนของการซิวเลี่ยน ร่างกายจะขยายออกสู่ภายนอก หมายความว่าปริมาณความจุของร่างกายจะเพิ่มขึ้น ปริมาณความจุของร่างกายค่อย ๆ เปลี่ยนใหญ่ขึ้น ใจก็เปลี่ยนใหญ่ขึ้น ความคิดเลื่อนระดับขึ้นไป ยกระดับชั้นสูงขึ้น แต่ร่างกาย
ณ ฝั่งคนธรรมดาสามัญนี้จะมองไม่เห็นการเปลี่ยนแปลง เหมือนกับคนธรรมดาสามัญ นอกจากจะถึงเวลาหยวนหมั่น
เขาจึงจะรวมเข้าด้วยกัน ฉะนั้นในชั่วพริบตาที่จะรวมเข้าด้วยกัน
กระทั่งยังไม่ทันที่คุณจะสามารถสัมผัสถึงพลังของฝ่าในหมู่คนธรรมดาสามัญ ก็พาคุณไปแล้ว เพราะการรบกวนของเขาต่อคนธรรมดาสามัญจะใหญ่หลวงมาก ล้วนเป็นเช่นนี้ ข้าพเจ้าพูดเสมอว่า เต๋าแก่ซิวเลี่ยนอยู่ในป่าเขาเป็นเวลานานหลายปี ผู้คนเข้าใจว่าพวกเขามีความสามารถมาก ที่จริงความสามารถของพวกเขามีน้อยมาก จึงอนุญาตให้พวกเขาปล่อยอิทธิฤทธิ์อยู่ในโลก แต่ปัจจุบันแสดงให้คนเห็นน้อยมากแล้ว พวกเขาก็รู้ว่าไม่อาจจะบ่อนทำลายสังคมคนธรรมดาสามัญได้
ไม่เช่นนั้นตัวเขาเองก็เป็นอันจบสิ้น
ศิษย์ : ไม่ได้เข้าร่วมชั้นเรียนจะสามารถบำเพ็ญฝ่าหลุนออกมาได้หรือไม่
อาจารย์ : ปัญหานี้ข้าพเจ้าเคยพูดหลายครั้งแล้ว อ่านหนังสือก็เหมือนกัน เพียงแต่คุณบำเพ็ญโดยปฏิบัติตามต้าฝ่าอย่างแท้จริง ถึงแม้คุณจะอยู่ในที่ที่ห่างไกลเงียบเหงาที่สุด นั่นล้วนไม่มีปัญหา ในหนังสือของข้าพเจ้ามีฝ่าเซินของข้าพเจ้า มองดูจากระดับชั้นตื้นทุกตัวอักษรล้วนเป็นฝ่าหลุนที่ใหญ่ขนาดนี้ เพียงคุณคิด อะไรเขาล้วนรู้ เหมือนกัน สามารถบำเพ็ญอย่างแท้จริงก็จะได้ ตัวเองอ่านหนังสือและฝึก ไปศูนย์ฝึกกง ฝึกกับผู้ฝึกเก่าด้วยกัน ก็ได้ทั้งนั้น เพียงแต่คุณบำเพ็ญจริงก็จะได้ ทุกคนทราบ องค์ศากยมุนีจากไปแล้วสองพันกว่าปี ก่อนจะถึงธรรมะปลาย มีพระภิกษุซิวเลี่ยนออกมาเป็นจำนวนมากแล้ว บางคนบำเพ็ญถึงระดับชั้นที่สูงมาก ไม่ใช่ว่าคุณจะต้องอยู่ต่อหน้าอาจารย์ สอนด้วยตัวเองคุณจึงจะสามารถบำเพ็ญ
ศิษย์ : ฉันในมิตินี้บำเพ็ญไปถึงโลกฝ่าหลุนแล้ว ตัวของฉันมากมายในมิติอื่น ๆ ก็สามารถจะบำเพ็ญไปถึงโลกฝ่าหลุนด้วยไหม
อาจารย์ : นั่นไม่แน่นอน ถ้าพวกเขาบำเพ็ญสำเร็จแล้วและก่อรูปเป็นร่างเดียวกับคุณ สามารถคงอยู่เป็นผู้พิทักษ์ฝ่าของคุณ แต่คุณเป็นผู้สั่งการ เขาจะจัดเป็นผู้พิทักษ์ฝ่าและเป็นคล้ายกับจิตรอง (ฟู่เหวียนเสิน[20]) ถ้าเขาบำเพ็ญไม่สำเร็จ เขาก็จะเป็นร่างชีวิตที่เป็นเอกเทศ เขาก็ไม่ไหวแล้ว คุณบำเพ็ญ ก็เป็นคุณที่ได้ ใครบำเพ็ญใครได้
ศิษย์ : ฝ่าหลุนต้าฝ่าคือค่อย ๆ อู้ (เจี้ยนอู้[21]) พวกเราจะเข้าสู่สภาพเจี้ยนอู้เมื่อใด
อาจารย์ : ผู้ฝึกของเราจำนวนมากได้เข้าสู่สภาวะเจี้ยนอู้แล้ว ผู้ฝึกจำนวนมากบำเพ็ญได้ดีทีเทียว ไม่ออกเสียง ไม่พูด พวกเขาก็คือไม่พูด ข้าพเจ้าพูดเมื่อครั้งเปิดสอนอยู่ที่ฮาร์บิน : ข้าพเจ้าพูดว่า 4,000 กว่าคน ที่นั่งอยู่ ณ ที่นี้ จะมีคนสามารถบำเพ็ญออกมาได้มากน้อยเท่าใด ในอนาคตจะมีคนได้เต๋า[22](หลักธรรม) มากน้อยเท่าใด ข้าพเจ้าบอกว่า ข้าพเจ้าไม่มั่นใจ ต้องดูว่าทุกคนจะบำเพ็ญอย่างไร จะพูดได้อย่างไรว่า 4,000 กว่าคนนี้ ล้วนสำเร็จเป็นพระพุทธในทันที 4,000 กว่าคน ล้วนเข้าสู่สภาวะเจี้ยนอู้แล้ว นั่นเป็นไปไม่ได้ แม้แต่ที่ฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่าอยู่ที่ศูนย์ฝึกกง มีคนจำนวนมากน้อยเท่าใดที่เข้าสู่สภาวะเจี้ยนอู้แล้ว บำเพ็ญจริงอย่างแท้จริงแล้ว การเข้าสู่สภาวะเจี้ยนอู้ที่ต่างกัน ไม่ใช่ว่าพอคุณเข้าสู่สภาวะเจี้ยนอู้ อิทธิฤทธิ์ก็จะปรากฏออกมา
ณ
ที่นี้ข้าพเจ้าจะถือโอกาสพูดถึงปัญหาหนึ่ง พวกเราจำนวนมากได้เข้าสู่สภาวะเจี้ยนอู้แล้ว แต่เขาเกิดความกลัวอยู่เรื่อย กลัวอะไรนะหรือ เพราะปัจจุบันจิตยึดติดของสังคมมนุษย์ใหญ่เหลือเกิน
ข้าพเจ้าขอเน้นหนักทางด้านนี้
ข้าพเจ้าว่า เมื่อมีพลังความสามารถ (กงเหนิง[23]) ออกมาแล้วไม่ต้องไปสนใจมัน ตาทิพย์เปิดแล้วก็อย่าไปแสวงหา แต่ข้าพเจ้าขอบอกทุกคน : ตาทิพย์ของคุณเปิดแล้วอย่างแท้จริง คุณไม่มีจิตที่จะแสวงหาสิ่งใด
คุณไปดูก็ไม่เป็นไร คุณมีอิทธิฤทธิ์ออกมา อยู่ในที่ที่ไม่มีคน
จะลองใช้ดูก็ไม่มีปัญหา จุดนี้จะพูดชัดเจนกับทุกคน อย่าเห็นมันเป็นจิตยึดติด เป็นฝ่าของตัวคุณเอง คุณลองใช้ฝ่าของตัวคุณเอง นี้กับจิตยึดติดเป็นคนละเรื่อง เวลานี้มีคนเข้าสู่สภาวะเจี้ยนอู้แล้ว ตัวเขาเองเกิดความกลัว เขาจึงเก็บมันไว้อยู่ตลอด ไม่ใช้ก็ไม่ได้ ตาทิพย์ของหลายคนเปิดแล้ว เขารู้สึกอยู่เรื่อยว่าเป็นความรู้สึกลวง เป็นอย่างนี้ไม่ได้ เปิดแล้ว สามารถดูได้ก็ดู ไม่เป็นไร จิตยึดติดกับการเผชิญด้วยตัวเองเป็นคนละเรื่อง
ศิษย์ : ปัจจุบันมีคนบรรลุถึงดอกไม้สามดอกรวมอยู่บนศรีษะ (ซันฮวาจวี้ติ่ง[24]) หรือไม่ มีคนได้เจิ้งกั่วหรือไม่
อาจารย์ : ปัจจุบันมีคนจำนวนมากได้เลยพ้นซันฮวาจวี้ติ่งแล้ว ที่บรรลุหยวนหมั่น เวลานี้ยังไม่มี ล้วนกำลังบำเพ็ญอยู่ในกั่วเว่ย กำลังบำเพ็ญอยู่ในกัวเว่ย ณ ระดับชั้นที่ต่างกัน
ศิษย์ : พวกเราเริ่มฝึกกงและบำเพ็ญซินซิ่งอย่างมุมานะบากบั่นจากนี้ไป
ภายในเวลา 1 ปีครึ่ง จะสามารถบรรลุถึงการซิวเลี่ยนฝ่านอกภพไหม
อาจารย์ : ไม่มีการจำกัดเวลา บำเพ็ญหรือไม่เป็นปัญหาของตัวคุณ บำเพ็ญสูงเพียงใด มีความอดทนมากเพียงใด มีความสามารถแบกรับมากเพียงใด ก็เป็นปัญหาของตัวคุณ คุณบอกว่าอาจารย์กำหนดช่วงเวลาให้คุณบำเพ็ญออกไป จิตของคุณจะบรรลุถึงจุดนั้นได้ไหม ซินซิ่งสามารถจะเลื่อนระดับขึ้นไปได้ไหม การเข้าใจต่อฝ่าสามารถจะบรรลุได้สูงเพียงนั้นไหม จิตยึดติดในหมู่คนธรรมดาสามัญ คุณสามารถจะปล่อยวางลงได้ไหม
ต่อผลประโยชน์ส่วนตัวตรงหน้า
กับเรื่องที่ต่อสู้แย่งชิงกับคน คุณสามารถจะปล่อยวางได้ไหม ล้วนเป็นปัญหาของการบำเพ็ญแต่ละคน ไม่มีใครกำหนดให้คุณ
ไม่มีจำกัดเวลา คนเขาบำเพ็ญถึงกั่วเว่ยอรหันต์
อาจจะบำเพ็ญขึ้นไปได้อย่างรวดเร็ว ในขณะที่บางคนอาจจะต้องบำเพ็ญตลอดชีวิต ก็อยู่ที่ความสามารถแบกรับของตัวคุณเอง กำหนดตัวเองอย่างเข้มงวดหรือไม่ นี่ล้วนเป็นปัญหาของแต่ละคน
ศิษย์ : พวกเราบำเพ็ญจนถึงสามารถปกป้องตัวเองแล้ว
แต่พวกเรายังอยากบำเพ็ญขึ้นไป จะทำอย่างไร
อาจารย์ : เมื่อครู่ข้าพเจ้าพูดแล้วว่า
องค์ศากยมุนีไม่อยู่ในโลกแล้ว ศิษย์ของพระองค์ยังสามารถบำเพ็ญขึ้นไป
สมมติอาจารย์ไม่อยู่ในโลกแล้วจริง ๆ ฝ่าเซินของข้าพเจ้ายังอยู่ ข้าพเจ้าก็ไม่ใช่สูญหายไปจริง ๆ และก็ไม่ใช่กายและจิตดับสลายแล้ว
ศิษย์ : มีคนบางส่วนฝึกกงเพื่อหลีกเลี่ยงทุกข์ภัย
ผลสรุปสุดท้ายของพวกเขาจะเป็นอย่างไร
อาจารย์ : ผู้ที่มาฝึกกงโดยมีจิตแสวงหาใด ๆ ล้วนจะไม่ได้เจิ้งกั่ว แต่ในการเข้าใจฝ่าของคน คุณต้องอนุญาตให้คนเขามีขั้นตอนหนึ่งของการเข้าใจ
มีคนจำนวนมากเข้ามาฝึกกงเพื่อรักษาโรค ผ่านการค่อย ๆ เข้าใจจึงรู้ว่ามีสิ่งที่อยู่ในระดับชั้นสูง วันนี้พวกเรากำลังถ่ายทอดฝ่าอยู่ ณ ระดับชั้นสูง คนเขาเพิ่งจะเข้ามาร่วมเรียนในชั้น ยังไม่รู้ว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร ทันใดนั้นได้ยินว่าเป็นการถ่ายทอดกงไปสู่ระดับชั้นสูง ค่อย ๆ ผ่านการบรรยายฝ่าของเรา เขาเข้าใจได้แล้ว คุณให้เขามีขั้นตอนอย่างนี้ นี่เป็นเรื่องแน่นอน เขามีจิตอยากจะรักษาโรค มีจิตอยากจะหลีกเลี่ยงทุกข์ภัย ไม่ว่าเขาจะเข้ามาพร้อมกับจิตอะไรก็ตาม เขาต้องปล่อยวางจิตนั้น จึงจะสามารถบรรลุจุดประสงค์ของการซิวเลี่ยน แม้แต่เพื่อจะบรรลุจุดประสงค์ของการรักษาโรค
เสริมสร้างสุขภาพ เขาเข้ามาโดยมีความคิดเพื่อจะหลีกเลี่ยงทุกข์ภัยก็ไม่ได้
ทุกข์ภัยเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเนื่องจากตัวคนเอง เป็นสิ่งที่ตัวเองติดค้างไว้จากการทำเรื่องที่ไม่ดีในแต่ละภพแต่ละชาติ จึงต้องคืน คุณดูคุณอยู่ในขั้นตอนของการซิวเลี่ยน ทนทุกข์ นั่นล้วนเป็นกรรมที่ตัวคุณเองก่อขึ้นที่ขัดขวางคุณ แต่นั่นก็เป็นเรื่องที่ดี พวกเราใช้มันเป็นประโยชน์เพื่อยกระดับซินซิ่งของคุณ นั่นไม่ใช่เป็นเรื่องดีหรอกหรือ สามารถบำเพ็ญสำเร็จเป็นพระพุทธและสำเร็จเป็นมาร ก็คือหลักการนี้ มีกรรมคงอยู่ อยู่ท่ามกลางวังวน จึงสามารถให้คุณซิวเลี่ยน
ศิษย์ : ตัวฉันมากมายในมิติอื่นอยู่ ณ ระดับชั้นของมิติกายเนื้อไหม
อาจารย์ : ไม่ใช่ ในมิติของระดับชั้นอื่นพวกเรามองไม่เห็น ในมิติของระดับชั้นเดียวกัน
นอกจากพวกเรามนุษย์ที่มีร่างกายนี้แล้ว ยังมีมิติหนึ่งที่มีร่างกายคน คนของมิตินั้นเหนือกว่าพวกเราคนที่นี่มาก พวกเขาไม่มีชื่อเสียงและผลประโยชน์ แต่มีอารมณ์และความรู้สึกผูกพัน (ฉิง[25]) ดังนั้นเขาก็มีร่างกายที่เป็นวัตถุคงอยู่ รูปลักษณ์ภายนอกไม่แตกต่างจากพวกเรามากนัก ดูดีกว่าพวกเราหน่อยหนึ่ง แต่ร่างกายของพวกเขานั้นลอยได้ พวกเขาไม่เดิน ดังนั้นส่วนใหญ่แทบจะมองไม่เห็นขา ลอยมาลอยไป มีมิติอย่างนี้
นี่เป็นมิติในระดับชั้นเดียวกัน
ข้าพเจ้าจะอธิบายให้กับทุกคนเกี่ยวกับปัญหามิติอีกสักหน่อย นักวิทยาศาสตร์ของเราในปัจจุบันค้นคว้าวิจัยพบว่า อิเล็กตรอนหมุนรอบนิวเคลียสอะตอม การหมุนเวียนของมัน คล้ายกันหรือไม่กับการที่โลกของเราโคจรรอบดวงอาทิตย์ นั่นไม่ใช่เรื่องเดียวกันหรอกหรือ พวกเราเวลานี้ไม่มีกล้องจุลทรรศน์ที่จะสามารถมองเห็นว่ามีอะไรอยู่บนนั้น ถ้าคุณสามารถมองเห็น ไม่แน่ว่าคุณสามารถจะค้นพบว่าข้างบนนั้นมีร่างชีวิต ข้าพเจ้าพูดแล้วว่า สิ่งเหล่านี้ล้วนสอดคล้องกับความเข้าใจตามวิชาฟิสิกส์ของเราปัจจุบัน แต่วิธีการทางวิทยาศาสตร์ปัจจุบันของเรายังมีข้อจำกัดมาก ๆ
ศิษย์ : ผู้ฝึกจำนวนมากมีความรู้สึกไวต่อสภาพแวดล้อมโดยรอบ ชี่แห่งโรค ชี่สีดำอย่างมาก เป็นเพราะเหตุใด
อาจารย์ : ผู้ฝึกประเภทนี้ล้วนแต่กงใกล้จะออกแล้ว ยังไม่ก้าวพ้นจากระดับชั้นต่ำของการฝึกชี่ อยู่ในรูปแบบสูงสุดของการฝึกชี่ เมื่อเข้าสู่สภาวะร่างขาวน้ำนมแล้ว จะมีปรากฏการณ์เช่นนี้ แต่นั่นจะเป็นขั้นตอนที่สั้นมาก คุณไม่ต้องไปสนใจมัน อย่ากลัว ปล่อยไปตามสบาย คุณกลัวจนเกินเหตุก็เป็นจิตยึดติดแบบหนึ่ง ไม่ต้องสนใจมัน ให้ดูทุกสิ่งล้วนต้องเป็นไปตามนั้น ปล่อยไปตามธรรมชาติดีแล้ว เมื่อผ่านระดับชั้นนี้ไปแล้ว คุณก็จะไม่รู้สึกอีก หลังจากกงออกแล้ว ร่างกายของคุณจะถูกปกคลุมด้วยกง ชี่สีดำ ชี่แห่งโรคเหล่านี้ก็ไม่อาจจะเข้าสู่ร่างกายของคุณแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีความรู้สึกแล้ว
ศิษย์ : ผู้ฝึกบางคน ซินซิ่งยกระดับสูงขึ้นเรื่อย ๆ แต่ไม่สามารถนั่งขัดสมาธิสองขา จะใช้ของหนักกดทับ ใช้เชือกมัด ได้หรือไม่
อาจารย์ : ในอดีตพระภิกษุบางราย เวลานั่งสมาธิ ข้าพเจ้ารู้ว่าใช้ลูกกลิ้งหิน ฐานของโม่หินกดทับ แต่จะใช้ลูกกลิ้งหินหรือฐานของโม่หินก็ดี ล้วนแต่เป็นความสมัครใจของตน เขาบอกให้คนเขาทำอย่างนั้น แต่นักพรตเต๋าไม่ทำเช่นนั้น สายเต๋านำพาลูกศิษย์เพียงหนึ่งหรือสองคนเท่านั้น และหนึ่งในนั้นจะได้รับการถ่ายทอดอย่างแท้จริง เขาจะควบคุมดูแลลูกศิษย์อย่างเข้มงวด มีอะไรนิดอะไรหน่อยเขาก็จะตีลูกศิษย์ เขาไม่สนใจว่าคุณจะรับไหวหรือไม่ ก็จะต้องให้คุณผ่านข้ามไป ฉะนั้นโดยทั่วไปเขาก็จะใช้วิธีแข็งกร้าว มัดขาลูกศิษย์ มัดมือไพล่หลัง คุณแก้ออกด้วยตัวเองไม่ได้ นอนลงคุณก็แก้ออกไม่ได้ ดังนั้นบางคนเจ็บจนหมดสติไป ในอดีตมีทำกันอย่างนี้ ในเวลานั้นการซิวเลี่ยนเป็นเรื่องลำบากมาก
วันนี้เราไม่กำหนดเช่นนี้ เพราะวิชาของเรามุ่งเน้นการบำเพ็ญจิตของคนโดยตรง ฉะนั้นเราจัดการยกระดับซินซิ่งของคนเป็นเรื่องสำคัญที่สุด และจัดการซิวเลี่ยนร่างกายเป็นเรื่องรอง คุณต้องพยายามอดทน ยืดเวลานั่งขัดสมาธิของคุณให้นานขึ้น แต่ไม่อาจจะกำหนดเป็นกฎเกณฑ์ตายตัวได้ เพราะอะไร ทุกคนทราบ ในสมัยขององค์ศากยมุนีมีข้อบัญญัติของศีล เนื่องจากในช่วงที่องค์ศากยมุนียังทรงพระชนชีพอยู่ไม่มีพระสูตร ไม่ได้ทรงทิ้งลายลักษณ์อักษรไว้ข้างหลังแต่อย่างใด หลังจากองค์ศากยมุนีเสด็จปรินิพพาน คนรุ่นหลังหวนคิดถึงคำพูดที่องค์ศากยมุนีตรัสแล้วเรียบเรียงออกมาเป็นพระสูตร ในช่วงที่องค์ศากยมุนียังทรงพระชนชีพได้บัญญัติกฎเกณฑ์สำหรับซิวเลี่ยนเอาไว้มากมาย จัดไว้เป็นข้อบัญญัติของศีล นี่มีลายลักษณ์อักษรตกทอดสืบต่อมา แต่ของเราวันนี้มีฝ่าอยู่ ดังนั้นจึงไม่มีข้อบัญญัติของศีล จะบำเพ็ญหรือไม่ สามารถจะบำเพ็ญได้หรือไม่ ได้มาตรฐานหรือไม่ ล้วนแต่ประเมินโดยฝ่า ฉะนั้นการซิวเลี่ยนของเราไม่สามารถกำหนดให้เป็นแบบเดียวกันหมด ทุกคนคิดดู ถึงยุคปลายกัลป์ คนบางคนไม่ไหวแล้วจริง ๆ ไม่อยู่ในข่ายที่จะช่วยเหลือได้ แต่อยู่ในข่ายที่จะถูกทำลาย เวลาเปิดสอนในชั้น อาจมีคนอย่างนี้เข้ามาเรียน อาจเป็นเพราะถูกดึงเข้ามา เมื่อคุณปล่อยให้เขาทำอย่างนั้น ไม่แน่อาจจะกระดูกหัก ดังนั้นเราจึงไม่กำหนดเป็นกฎเกณฑ์ตายตัว ใช้วิธีสมัครใจ คุณสามารถจะอดทน ก็พยายามอดทน แต่ข้าพเจ้าจะบอกทุกคน คิดจะบำเพ็ญจริง ๆ คนที่รู้สึกถึงอานุภาพของฝ่าได้อย่างแท้จริงล้วนสามารถบำเพ็ญ คุณก็ลองพยายาม น่าจะลองดูสักหน่อย จะไม่เกิดปัญหา
ศิษย์ : จักรวาลมีขอบไหม
อาจารย์ : จักรวาลมีขอบ แต่อย่าได้ค้นหาสิ่งเหล่านี้ ขอบอันนี้ใหญ่เหลือเกิน ณ ระดับชั้นของพระยูไล
ขอบของจักรวาลที่หมายถึงล้วนเป็นขอบของจักรวาลเล็ก และจักรวาลเล็กอันนี้ อย่าว่าแต่มนุษย์ แม้แต่พระยูไลมองดูก็ไม่มีขอบไม่มีที่สิ้นสุด ไม่อาจจะวัดได้ มันใหญ่มหึมามาก ๆ
ศิษย์ : ในหนังสือ «เหวินอี้จือชวง (หน้าต่างศิลปะวรรณคดี)» เขียนไว้ว่ามีงูเหลือมใหญ่ นำทางให้อาจารย์หลี่ หงจื้อ จริงไหม
อาจารย์ : นี่เป็นงานเขียนในมุมของศิลปวรรณคดี ที่เขียนขึ้นโดยหนังสือ «เหวินอี้จือชวง» ผู้ฝึกคนนั้นมาฟังการบรรยายสองครั้ง เข้าใจไม่ลึกซึ้ง หลังจากฟังการบรรยายครั้งแรก เขาก็เริ่มเขียนแล้ว เขาตื่นเต้นมาก เขาเห็นว่าฝ่านี้ดีเหลือเกิน จึงลงมือเขียนทันที เมื่อมาฟังการบรรยายครั้งที่ 2 เขาฟังโดยตั้งใจจะเขียนบทความ ทุกคนทราบ การฟังด้วยจิตใจที่สงบเงียบเท่านั้นจึงจะเข้าใจ ดังนั้นเขายังไม่เข้าใจดี จึงเขียนออกมาในรูปแบบศิลปวรรณคดีที่พวกเราทุกคนได้อ่าน เรื่องบางอย่างเป็นการแต่งเติมทางศิลปะ ไม่มีเรื่องงูเหลือมใหญ่ บอกว่าพระโพธิสัตว์กวนอินเป็นอาจารย์ของข้าพเจ้า นั่นก็เป็นการแต่งเติมทางศิลปะที่ไม่คงอยู่ แต่เขามีจุดประสงค์ที่ดี คือคิดจะเผยแพร่ฝ่านี้ เป็นเจตนาที่ดี จุดนี้ต้องยืนยัน เนื่องจากความเข้าใจของเขามีจำกัด ฉะนั้นจึงเขียนออกมาเป็นผลงานเช่นนี้ เป็นผลงานทางศิลปะวรรณคดี เดิมทีเขาก็เขียนออกมาจากมุมมองของศิลปวรรณคดี เพราะนิยายสามารถเขียนให้เกินจริงได้ อาจมีความยืดหยุ่นได้มาก อย่านำมันมาเป็นสิ่งชี้นำการฝึกของพวกเราก็ใช้ได้แล้ว สำหรับที่กล่าวไว้ในหนังสือว่า ศีลห้า ความชั่วสิบประการ ความดีสิบประการ ล้วนแต่เป็นสิ่งที่อยู่ในพุทธศาสนาดั้งเดิม เราไม่พูดถึงศีล จะบำเพ็ญหรือไม่บำเพ็ญ มาตรฐานเราได้บรรยายให้ทุกคนฟังแล้วในฝ่า
ศิษย์ : “ฝ่าที่ลึกล้ำมหัศจรรย์ไปสู่ที่สุด (เสวียนฝ่าจื้อจี๋[26])” กับ “ฝ่าหมุนไปสู่ความว่างเปล่า (เสวียนฝ่าจื้อซวี[27])” มีความแตกต่างกันอย่างไร
อาจารย์ : เสวียนฝ่าจื้อจี๋ ที่พวกเราพูดถึงเป็นคำศัพท์โดยรวม นี่เป็นปัญหาของความเข้าใจของการถ่ายทอดฝ่าในระยะแรก ไม่ใช่ “เสวียน (ลึกล้ำมหัศจรรย์)” อักษรตัวนี้ ควรจะเป็น เสวียน (หมุน) ของคำว่า เสวียนจ้วน (หมุน) เดิมทีฝ่าของเราเป็นฝ่าที่ประสานกลมกลืน ฉะนั้นเขาจึงหมุน ฝ่าหลุนปรากฏในรูปแบบเหมือนกับวงล้อ เสวียนฝ่าจื้อจี๋ไม่ผิด สามารถบรรลุอาณาจักรเขตแดนที่สูงมาก ๆ บรรลุถึงจุดที่สุด คือความหมายนี้ เสวียนฝ่าจื้อซวี นี่เป็นศัพท์คำหนึ่งในระหว่างขั้นตอนซิวเลี่ยนของเรา และเป็นคำเคล็ดในกงของเรา
ทุกคนทราบ คำเคล็ดนั้นมันสามารถส่งผลในการอัญเชิญผู้บรรลุธรรม
หรือผู้บรรลุธรรมที่ซิวเลี่ยนในวิธีบำเพ็ญนี้ หรือผู้บรรลุธรรมที่สำเร็จในวิธีบำเพ็ญนี้ ให้มาพิทักษ์ฝ่าให้คุณ เสริมพลังให้คุณ มันสามารถส่งผลเพื่อการนี้ ในศาสนาคำเคล็ดก็ส่งผลเพื่อการนี้ การพูดว่า ท่องคำเคล็ดกงก็จะเพิ่มขึ้น
นั่นเป็นไปไม่ได้โดยแท้จริง มันแค่สามารถส่งผลเพื่อการนี้ จื้อซวี (ไปสู่ความว่างเปล่า) หมายถึงไปถึงระดับชั้นที่สูงมาก อาณาจักรเขตแดนที่ผู้คนมองไม่เห็นเรียกว่าเขตแดนที่ว่างเปล่า ก็คือความหมายเช่นนี้ ในศาสนาเต๋ามีคำศัพท์อย่างนี้ปรากฏอยู่เสมอ ก่อนการก่อเกิดเป็นไท้จี๋เรียกว่า ไท้ซวี
(ความว่างเปล่าที่ยิ่งใหญ่) ก็คือมันสูงมาก ดั้งเดิมมาก
ศิษย์ : เวลานั่งสมาธิ เพื่อจะยืดเวลานั่งให้นานขึ้น ท่องคำเคล็ดในใจซ้ำแล้วซ้ำอีก ท่องเป็นพันรอบ จะทำให้ฝ่าหลุนเปลี่ยนรูปหรือไม่
อาจารย์ : ท่องคำเคล็ดมีประโยชน์ ท่องเป็นพันรอบไม่ทำให้ฝ่าหลุนเปลี่ยนรูป แน่นอน เมื่อคุณไคกงไคอู้ คุณก็จะเข้าใจแล้ว ถึงระดับชั้นสูงมาก คุณจะท่องคำเคล็ดไม่ได้ การท่องของคุณ แรงสั่นสะเทือนยิ่งใหญ่มาก คุณท่องอยู่ตลอด สั่นสะเทือนจนคนเขาทนไม่ไหว เสียงดังโวง ๆ
ศิษย์ : ผู้ฝึกบางคนหลังจากฝึกกง ทำไมศีรษะเหมือนกับจะแยกออก
อาจารย์ : “แยกออก” ถูกต้องแล้ว พวกเราพูดว่าไคติ่ง (เปิดส่วนบนของศีรษะ) “แยกออก” ถูกต้องแล้ว บางคนเวลาแยกออกมีเสียงดังป้าบหนึ่งที ไม่รู้สึกอะไรมากนัก บางคนแยกออกอย่างช้า ๆ ทรมานมาก แต่เรื่องต้องดูจากทั้งสองด้าน บางคนไม่ปล่อยวางจิตยึดติด สิ่งที่ไม่ดีที่ตัวเองเอามาไม่ยอมทิ้ง เวลาฝึกกง ฝ่าจึงต้องชำระมันทิ้งไป มันก็ให้คุณปวดศีรษะ ไม่ให้คุณบำเพ็ญฝ่าที่ถูกต้อง ก็จะปรากฏสถานการณ์แบบนี้ ที่สำคัญคือจะดูว่าคุณสามารถจะบำเพ็ญได้หรือไม่ สามารถจะใช้ฝ่าประเมินได้หรือไม่ และละทิ้งสิ่งเหล่านั้น
ศิษย์ : บางคนฝึกกง อ่อนเพลีย เหงื่อออกที่ศีรษะ และมีอาการจะเป็นลม ควรจะทำอย่างไร
อาจารย์ : อาจมีปรากฏการณ์ประเภทนี้ ในการเปิดสอนของเราก็มีคนเช่นนี้ ในการเปิดสอนทุกครั้งก็มีปรากฏ ทำไมหรือ เพราะเวลาจะชำระร่างกายและขจัดโรคภัย ปฏิกิริยาการตอบสนองล้วนรุนแรงมาก แต่อยู่ที่ศูนย์ฝึกกงโดยทั่วไปจะไม่รุนแรงเช่นนี้ เพราะมันจะขจัดออกไปอย่างช้า ๆ ถ้าคนคนนี้เป็นคนดี ข้าพเจ้าคิดว่าเป็นเรื่องปกติ ถ้าคนคนนี้ไม่เข้มงวดกับตัวเอง เขาทำตัววุ่นวาย ประเดี๋ยวฝึกกงนี้ ประเดี๋ยวฝึกกงนั้น ไม่มั่นคง ซินซิ่งไม่สูง ก็อาจจะเป็นปัญหา สามารถจะบอกกล่าวให้เขาพักผ่อนชั่วคราว ถามเขาดูว่าเคยฝึกกงอะไรมา หรือเคยทำอะไรผิด ผ่านช่วงนั้นไปแล้วค่อยลองฝึกดู เพราะเวลานี้คนที่มาฝึกกง ไม่อาจจะรับประกันได้ว่าล้วนคือคนที่ซิวเลี่ยนอย่างแท้จริง
ศิษย์ : จุดลมปราณนวดได้ไหม
อาจารย์ : พวกเราไม่ทำเรื่องการนวดจุดลมปราณ การซิวเลี่ยนฝ่าในภพไม่ให้รักษาโรคให้ผู้อื่น ไม่มีสิ่งนี้ คนที่บำเพ็ญจริง ๆ ไม่มีโรค ฝ่าเซินของข้าพเจ้าจะขจัดทิ้งให้ทั้งหมด สิ่งที่ควรทำจะทำให้ทั้งหมด ไม่มีเรื่องการนวดจุดลมปราณ กรรมของผู้ซิวเลี่ยนจะนวดทิ้งไปได้หรือ คุณนวดให้คนอื่น มีกงติดอยู่ เราไม่แนะนำ ถ้าเป็นแพทย์นั่นไม่มีปัญหา เพราะนั่นเป็นอาชีพของคุณในหมู่คนธรรมดาสามัญ
ศิษย์ : จิตสำนึกรอง (ฟู่อี้ซื่อ[28]) ของคนติดตามคนชั่วชีวิต เขามีบทบาทอะไร
อาจารย์ : ฟู่อี้ซื่อของคนโดยหลักคือทำให้คนไม่ทำเรื่องไม่ดีในสภาพที่ไม่ได้ตั้งใจ เวลาที่จิตสำนึกหลัก (จู่อี้ซื่อ[29]) ของคนแข็งแกร่งมาก ๆ เขาก็คุมไม่อยู่
ศิษย์ : ฉันนั่งสมาธิ บางเวลาสามารถขัดสมาธิได้เป็นเวลานาน บางเวลาสามารถขัดสมาธิได้เพียงสิบนาที เป็นเพราะเหตุใด
อาจารย์ : นั่นคือปกติ การขัดสมาธิก็เป็นการชำระกรรม ทุกข์ทรมานจิตใจ เหนื่อยล้ากำลังกาย พวกเราเหนื่อยล้ากำลังกายอย่างไรหนา ก็คือเพิ่มเวลาฝึกกงให้นานขึ้นอีกหน่อย ทนทรมานขัดสมาธิต่อไปอีกหน่อย โดยหลักคือสะท้อนออกมาสองด้านนี้ การเหนื่อยล้ากำลังกายโดยตัวเองก็เป็นขั้นตอนการชำระกรรมและยกระดับ การขัดสมาธิไม่ใช่เป็นการชำระกรรมหรือ พูดถึงกรรม ไม่ใช่ว่าจะผลักไปที่ขาทั้งหมดในทันที มันเป็นกลุ่ม เป็นกลุ่ม ขึ้นมาหนึ่งก้อน ปวดจนทนไม่ไหว สลายไป รู้สึกสบาย การขัดสมาธิมักจะทรมานพักหนึ่ง เบาสบายพักหนึ่ง แล้วทรมานอีก ล้วนเป็นเช่นนี้ กรรมก้อนนี้ คุณชำระมันทิ้งไปแล้ว เวลาของการขัดสมาธิครั้งนี้ก็จะนาน แต่เวลาที่กรรมขึ้นมา คุณเพิ่งจะเอาขาขึ้นมา ก็อาจจะทรมานมาก แต่เมื่อคุณสามารถอดทน เวลาของการขัดสมาธินั้นเหมือนกัน เดิมทีสามารถขัดสมาธิได้นานเพียงใด ยังสามารถขัดสมาธิได้นานเพียงนั้น เพียงแต่เจ็บปวดทรมาน
ศิษย์ : การดื่มเหล้าสามารถทำให้ชีวิตที่ฝึกออกมาของผู้ฝึกกงออกจากร่างกายไปไหม
อาจารย์ : ใช่ การสูบบุหรี่ก็จะส่งผลอย่างนี้ด้วย สิ่งนั้นของคุณพอถูกรมด้วยควัน
เขาก็ไม่อยู่ในร่างกายคุณ นั่นจะไม่ใช่อะไรเลย คนอื่นมองดูร่างกายของคุณไม่มีกง เราพูดแล้วว่า หากคิดจะซิวเลี่ยนอย่างแท้จริง
จิตยึดติดจุดนี้ก็ปล่อยวางไม่ได้หรือ ไม่อาจจะถือเอาการซิวเลี่ยนเป็นเรื่องเล่น ๆ นี่เป็นปัญหาหนึ่งที่เข้มงวดมาก เราไม่พูดว่ามนุษย์ประสบกับเรื่องยุ่งยากที่ใหญ่อะไรแล้ว
เพื่อจะรักษาชีวิตจึงบำเพ็ญ เราไม่พูดสิ่งนี้
และไม่ใช้สิ่งนี้มาเป็นแรงกระตุ้นชนิดหนึ่งมาผลักดันให้คุณซิวเลี่ยน เราพูดว่าการซิวเลี่ยนอย่างแท้จริงนั้น
ไม่ใช่เป็นการแก้ปัญหาส่วนบุคคลของคุณตลอดไปหรอกหรือ
ในพุทธศาสนาคนเขาพูดถึงการเวียนว่ายตายเกิดหกทาง บอกว่าในสังคมมนุษย์ คุณรู้สึกว่าเวลายาวนาน แต่อยู่ในมิติที่เวลายาวนานยิ่งกว่ามองดู
เวลาของมนุษย์ผ่านไปรวดเร็วอย่างยิ่ง คนสองคนพูดคุยอยู่ตรงนั้น พอหันกลับไปคุณมาเกิดแล้ว พูดอีกสองประโยค หันกลับไปดู คุณแก่เฒ่าเสียชีวิตไปแล้ว ทำไมคนไม่อยู่ในขั้นตอนที่มีร่างคนนี้ เร่งซิวเลี่ยนเพื่อรักษาไว้ซึ่งร่างของคนเล่า ในพุทธศาสนากล่าวว่า ครั้นเมื่อเข้าสู่การเวียนว่ายตายเกิดหกทาง บอกไม่ได้ว่าคุณจะหมุนเวียนมาเกิดเป็นอะไร หมุนเวียนมาเกิดเป็นสัตว์ ต้องหลายร้อยปีหลายพันปีจึงจะสามารถได้ร่างคนสักครั้ง หากหมุนเวียนมาเกิดเป็นก้อนหิน
ก้อนหินก้อนนั้นไม่ผุกร่อน คุณยังจะออกมาไม่ได้ หมื่นปีก็ออกมาไม่ได้ สัตว์ ไม่ให้มันบำเพ็ญ แต่ตัวมันเองมีปัจจัยที่ติดตัวมาแต่กำเนิดนั้นสามารถบำเพ็ญ
นี่เกิดขึ้นจากสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ
แต่ไม่อนุญาตให้มันเกิดกงสูง เกิดกงสูงแล้ว มันก็คือมาร เพราะมันไม่เพียบพร้อมด้วยคุณสมบัติดั้งเดิมของคน ฉะนั้นจึงต้องฆ่ามัน สัตว์ บำเพ็ญสูงแล้วก็ต้องฆ่ามัน ฟ้าผ่ามัน ทำไมมันต้องสิงร่าง
(ฟู่ถี่[30]) มันต้องการร่างคนสักร่าง ได้ร่างคนก็สามารถบำเพ็ญต่อไปอย่างสง่าผ่าเผยแล้ว ในอดีตเป็นอย่างนี้ มันมีร่างคนแล้วก็อนุญาตให้มันบำเพ็ญ ปัจจุบันมีร่างคน ก็ไม่ได้ ถ้าคุณคิดจะบำเพ็ญ คิดจะได้ฝ่า คุณก็ต้องถูกล้างสมองมาได้รับในหมู่คนธรรมดาสามัญ
ปัจจุบันนี่เป็นกฎตายตัวแล้ว มาอยู่ในหมู่คนธรรมดาสามัญโดยเข้าใจแจ่มแจ้งล้วนไม่ได้ ล้างสมองแล้วไปบำเพ็ญท่ามกลางการรับรู้ (อู้[31]) อะไรล้วนรู้หมด ใครจะไม่ไปบำเพ็ญล่ะ พระพุทธองค์นั้นยังคิดจะยกระดับชั้นให้สูงขึ้น
มาทนทุกข์ในหมู่คนธรรมดาสามัญ ก็ต้องถูกล้างสมอง เช่นนั้นอะไร ๆ ก็มองเห็นชัดเจนแล้ว อะไรล้วนรู้หมดแล้ว เช่นนั้นใครจะไม่บำเพ็ญล่ะ ก็ไม่มีปัญหาของการยกระดับคงอยู่แล้ว ความหมายนี้เป็นการบอกทุกคนว่า การซิวเลี่ยนเป็นเรื่องที่เข้มงวดมาก การยึดติดใด ๆ ล้วนส่งผลกระทบต่อการซิวเลี่ยน
ศิษย์ : สตรีสูงอายุเข้าสู่วัยทองแล้ว ไม่มีประจำเดือนมา จะบำเพ็ญได้หรือไม่
อาจารย์ : สตรีสูงอายุเข้าสู่วัยทองแล้ว ไม่มีประจำเดือนมา ในการซิวเลี่ยนอาจจะช้าสักหน่อย สตรีสูงวัยบางคนจำเป็นต้องรีบเร่งจริง ๆ พวกเธอบางคนไม่รีบเร่งก็จะทำไม่ได้ พอบอกว่าให้รีบเร่ง ก็โหมฝึกท่าเคลื่อนไหว ควรจะเข้าใจการบำเพ็ญซินซิ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด คนส่วนน้อยมากทางด้านนี้จะมาช้าสักหน่อย แต่ที่เดินตามปกติล้วนสมควรมี
ศิษย์ : ทำไมผู้ฝึกรู้สึกปวดส่วนนั้นส่วนนี้ ปวดศีรษะ ปวดท้อง.....
อาจารย์ : ในการฝึกกง ปฏิกิริยาชนิดต่าง ๆ ล้วนเป็นปกติ
สลายกรรมไม่มีการไม่ทุกข์ทรมาน การขจัดโรคภัยยังต้องเจ็บปวดทุกข์ทรมาน ผู้ฝึกบางคนจะเกิดกง กงนี้อยู่ในร่างกายของคุณ กงเหนิงยังมากกว่าหมื่นชนิด แต่ละกงล้วนเป็นพลังงานที่ใหญ่มาก มีความหนาแน่นสูงมาก เป็นมวลสสารพลังงานสูงที่มีอานุภาพแข็งแกร่งมาก เคลื่อนไหวไปมาอยู่ในร่างกายของคุณ คุณล้วนจะทรมาน ยิ่งกว่านั้นกงที่รูปแบบต่างกัน กงเหนิงที่รูปแบบต่างกัน สิ่งที่เป็นศาสตร์ที่รูปแบบต่างกัน
อยู่ในร่างกายของคุณจะปรากฏออกมา มันเคลื่อนไหวไปมาคุณล้วนทรมาน คุณก็จะบอกว่ามันคือโรค คุณว่าอย่างนี้คุณยังจะบำเพ็ญอย่างไร คุณบำเพ็ญไปตามฝ่าอย่างแท้จริง คุณจะพบว่าทั้งหมดล้วนเป็นปกติ
ที่ผ่านมามีคนคนหนึ่งในร่างกายมีฟู่ถี่ มีอาจารย์ชี่กงคนหนึ่งบอกเขาว่า : ร่างกายของคุณมีฟู่ถี่งูเหลือมใหญ่ เขาก็รู้สึกว่ามีฟู่ถี่งูเหลือมใหญ่อยู่เสมอ ข้าพเจ้าบอกเขาว่าเวลานี้คุณไม่มีแล้ว เขายังไม่ยอมเชื่อ เขายังคิดว่ายังเคลื่อนไหวไปมาอยู่ข้างในร่างกายเขา ดี คุณเข้าใจว่าเป็นฟู่ถี่ สภาพเมื่อตอนที่งูเหลือมใหญ่นั้นอยู่ก็มีปฏิกิริยาสะท้อนออกมาในร่างกายเขา เมื่อไรก็ตามที่ไม่ขจัดจิตนี้ทิ้งไป มันจะไม่หยุด ก็คือเพื่อจะให้คุณขจัดจิตนั้นทิ้งไปหนา ถ้าทำให้มันกลายเป็นจิตยึดติดชนิดหนึ่ง นั่นก็ขจัดทิ้งไปยาก เป็นเวลานานมากคนนั้นถึงขจัดทิ้งไปได้
ศิษย์ : จะปฏิบัติต่อกงเหนิงอย่างไร เช่น ตาทิพย์มองเห็นสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ และแสง จะดูหรือไม่ดู
อาจารย์ : สามารถมองเห็นก็ดูได้ เวลาฝึกกง มองดูเงียบ ๆ อย่างนี้ไม่ถือว่ายึดติด
ศิษย์ : ผู้ฝึกบางคนตาทิพย์เปิดแล้วมองเห็นปรากฏการณ์บางอย่าง ผู้ช่วยฝึกสอนไม่มีกงเหนิงมองไม่เห็น
อาจารย์ : มองเห็น มองไม่เห็นขึ้นอยู่กับแต่ละคนที่ซิวเลี่ยนอยู่ ณ
ระดับชั้นที่ต่างกันของเจี้ยนอู้
ถึงแม้จะบรรลุเจี้ยนอู้ ก็ไม่แน่เสมอไปว่ากงของคุณสูงมาก
ก็เปิดให้คุณสูงมาก เขามีกงต่ำมากก็เปิดให้ต่ำมาก ไม่เหมือนกัน เพราะระดับชั้นของตาทิพย์สูงหรือต่ำไม่อาจกำหนดระดับชั้นของกงของคนสูงหรือต่ำ ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบของตัวเอง เงื่อนไข
เหตุผลหลาย ๆ ด้านที่กำหนดให้คุณมองเห็นได้ชัดหรือไม่ชัด
หรือมองเห็นและมองไม่เห็น นี่กำหนดจากเหตุผลหลาย ๆ ด้าน มันไม่สามารถอธิบายได้ว่าคนคนหนึ่งซิวเลี่ยนได้ดีหรือไม่ดี
จะต้องระวังจุดนี้ บอกว่าตาทิพย์ฉันเปิดแล้ว กงฉันสูงกว่าคนอื่น นี่เป็นความเข้าใจที่ผิด
พวกเราที่ฉางชุนไม่ใช่มีคนหนึ่งอย่างนี้หรือ ตาทิพย์ของเขาเปิดแล้ว รู้สึกว่าฝึกได้เหนือกว่าใคร บอกว่าคนนี้ในตัวมีฟู่ถี่ คนนั้นก็มีอะไร
ล้วนคือตัวเขาเองคิดออกมา ทำจนที่ศูนย์ฝึกกงของเรายุ่งเหยิงไปหมด สุดท้ายไม่ว่าใครเขาก็ไม่เลื่อมใสแล้ว เขาบอกว่ายังสูงกว่าข้าพเจ้า ฉะนั้นพวกเราอย่าใช้การเปิดตาทิพย์แล้วมาประเมินว่าใครบำเพ็ญถึงระดับชั้นสูงเพียงใด
ภายใต้สถานการณ์ปกติคือตามขึ้นมาโดยเสริมซึ่งกันและกัน พวกเราผู้ฝึกที่ดีเป็นพิเศษยังจะไม่ให้เขามองเห็น รอจนซิวเลี่ยนได้สูงพอสมควรแล้วจึงจะให้เขามองเห็น ฉะนั้นอย่าใช้สิ่งนี้มาประเมินว่าดีหรือไม่ดี
หลังจากนี้ไปทุกคนสามารถพบเห็นข้าพเจ้าก็ดี
ไม่ได้พบเห็นข้าพเจ้าก็ดี ก็เหมือนกับมีคนถามเมื่อครู่ว่า
อาจารย์ไม่อยู่แล้วพวกเราจะทำอย่างไร องค์ศากยมุนีเมื่อครั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ในโลกก็มีคนถามว่า : ท่านอาจารย์ ท่านไม่อยู่แล้ว จะยึดใครเป็นอาจารย์ องค์ศากยมุนีตรัสว่า : ให้ยึดศีลเป็นอาจารย์ พวกเรายึดฝ่าเป็นอาจารย์ ต้องใช้ซินซิ่งสูงหรือต่ำเป็นมาตรฐานในการประเมินว่าซิวเลี่ยนได้ดีหรือไม่ดี
ไม่อาจจะใช้กงเหนิงมากหรือน้อยเป็นมาตรฐาน
ไม่เช่นนั้นนั่นมิล้วนพากันแสวงหากงเหนิงแล้วหรือ กงเหนิงเป็นสิ่งที่พ่วงออกมาในขั้นตอนการซิวเลี่ยนของคุณ อยู่ในฝ่าในภพกงเหนิงที่ซิวเลี่ยนออกมาล้วนเป็นความสามารถเดิม (เปิ่นเหนิง[32]) ของคน ตามที่ความคิดของคนซับซ้อน ก็ค่อย ๆ เสื่อมถอยลงแล้ว
ตามไปกับเวลาที่คุณซิวเลี่ยน มันก็จะออกมาโดยธรรมชาติ เมื่อคุณกลับสู่ต้นกำเนิด หวนกลับไป จึงจะสามารถคืนสู่คุณสมบัติดั้งเดิมของคน ต่อให้เขามองเห็นได้ชัดเจนเพียงไรก็มองไม่เห็นระดับชั้นที่ข้าพเจ้ามองเห็น
ต่อให้เขามองเห็นได้ชัดเจนเพียงไรก็ยังห่างกันไกลมากกับสัจธรรมสูงสุดของจักรวาล
ที่เขามองเห็นเป็นเพียงปรากฏการณ์ของระดับชั้นนั้น
อย่านำมันมาตั้งเป็นสัจธรรม
คนอยู่ในขั้นตอนของการซิวเลี่ยน ใช้ระดับชั้นใดมาเป็นมาตรฐานในการประเมินคือไม่ถูกต้อง
ที่พูดว่า “ฝ่า
ไม่มีฝ่าที่แน่นอนตายตัว” ก็คือหลักการนี้ อย่านำปรากฏการณ์ของระดับชั้นใดมาตั้งเป็นสัจธรรม ฝ่า ไม่มีฝ่าที่แน่นอนตายตัว ฝ่าในระดับชั้นใดจะบังเกิดผลในระดับชั้นนั้นเท่านั้น ฉะนั้นสิ่งที่เขามองเห็นในระดับชั้นใด
สภาพในระดับชั้นนั้น หากมองเห็นได้ชัดเจนแล้วก็จะกระหยิ่มยิ้มย่อง
นั้นเป็นสิ่งที่อยู่ในระดับชั้นที่ตื้นเขินมาก จะต้องจดจำจุดนี้เอาไว้
ศิษย์ : เด็กซิวเลี่ยน กงทั้ง 5 ชุด จำเป็นต้องฝึกทั้งหมดใช่หรือไม่
อาจารย์ : เด็กสามารถฝึกมากก็ฝึกมาก สามารถฝึกน้อยก็ฝึกน้อย เป้าหมายสำคัญของการซิวเลี่ยนคือการยกระดับซินซิ่งของคน ฉะนั้นสำหรับเด็กการพูดถึงสิ่งที่เกี่ยวข้องกับด้านซินซิ่งจะเป็นประโยชน์ต่อเขา
ข้าพเจ้าในวัยเด็กไม่สามารถฝึกสิ่งที่เป็นรูปลักษณ์ภายนอกแต่อย่างใด
โดยหลักคือบำเพ็ญด้านซินซิ่ง ปัจจุบันเด็กบางคน คุณอย่าเห็นว่าเป็นเด็กทั่ว ๆ ไป เด็กบางคนยอดเยี่ยมมากจริง ๆ เพราะในครั้งแรกที่กำหนดให้พวกเราทำเรื่องนี้
ก็มีคนในระดับชั้นสูงมาก ๆ
ตามลงมา เมื่อตอนที่ข้าพเจ้ามา
ในแต่ละระดับชั้นล้วนมีคนตามลงมา พวกเขาคาดเดาถึงเรื่องที่ข้าพเจ้าจะทำ โดยเฉพาะเมื่อถึงยุคใกล้ ๆ นี้ ในจักรวาลเล็กของเรานี้และระบบทางช้างเผือกมากันมากเป็นพิเศษ เพราะก่อนหน้านี้สักหน่อย พวกเขาคาดเดาไม่ออก มีเพียงก่อนหน้าที่ข้าพเจ้าจะออกมาถ่ายทอดช่วงเวลานั้น
พวกเขารู้แล้ว มองเห็นแล้วว่าจะเกิดเรื่องอะไร จึงตามลงมาไม่น้อย มาทำอะไรหรือ มาได้ฝ่า เขารู้ว่าฝ่าของอดีตได้ถูกบ่อนทำลายแล้ว มาเพื่อหล่อหลอมฝึกฝนใหม่อีกครั้ง คุณอย่าดูพวกเขาเป็นคนทั่ว ๆ ไป พวกเขาล้วนแต่ไม่เลวทีเดียว
แต่ก็ไม่ใช่ว่าลูกของคนทุกคนเป็นเช่นนี้กันทั้งหมด เด็กบางส่วนไม่เลวทีเดียว
ศิษย์ : จะทราบได้อย่างไรว่าตัวเองฝึกถึงระดับชั้นอะไร
อาจารย์ : พวกเราผู้ฝึกบางคนได้บรรลุถึงสภาวะเจี้ยนอู้แล้ว
ผู้ฝึกบางคนจะค่อย ๆ
บรรลุสภาวะเจี้ยนอู้ ที่บรรลุถึงหรือยังไม่บรรลุถึง หรือมองเห็นได้ชัดเจนก็ดี มองเห็นได้ไม่ชัดเจนก็ดี อยู่ที่ศูนย์ฝึกกง หลังจากฝึกกงเสร็จแล้ว เวลาศึกษาและแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน สามารถพูดให้ทุกคนฟัง ไม่เป็นไร คุณไปพูดโดยไม่มีจิตโอ้อวด จะเป็นประโยชน์ต่อการซิวเลี่ยนโดยรวมของพวกเรา บางคนบอกว่าสิ่งที่มองเห็นผ่านตาทิพย์พูดไม่ได้ ถ้าพูดตาทิพย์ก็จะปิดลง อันนี้ในการฝึกกงในอดีต
ได้กลายเป็นเรื่องที่คนเข้าใจโดยทั่วไปแล้ว ไม่ใช่เพราะเขาพูดตาทิพย์ก็ไม่มีแล้ว ทุกคนคิดดู ความแพร่หลายของชี่กง ในเวลานั้นคนที่ฝึกกงมีใครที่เน้นกุศลมาก ๆ ที่ซิวเลี่ยนอย่างแท้จริงมีน้อยมาก เขาไม่รู้จักเน้นกุศล มองเห็นเรื่องอะไรเขาก็พูด มีจิตยึดติดของตัวเขาเองอยู่ด้วย มีจิตโอ้อวดของตัวเขาเองอยู่ด้วย ตาทิพย์ย่อมปิดไปอย่างแน่นอน
มีบางคน
สิ่งที่ควรพูดหรือไม่ควรพูดเขาก็พูด ดังนั้นตาทิพย์ของเขาจึงต้องปิดทิ้งไป ก็คือเหตุผลนี้ หากเพื่อเป็นการยกระดับความเข้าใจต่อฝ่า ศึกษาพิจารณาซึ่งกันและกัน ข้าพเจ้าว่าปัญหาอะไรล้วนไม่มี จุดนี้ต้องแยกแยะให้ชัดเจน ถ้าหากตาทิพย์ของเขาถูกปิดทิ้ง บาดเจ็บ เป็นเพราะเขาได้พูดสิ่งที่ไม่ควรพูดกับคนธรรมดาสามัญ
หรือมีจิตโอ้อวด จิตโอ้อวดของผู้ฝึกกง นั่นไม่ใช่การแสดงจิตยึดติดให้เห็นหรือ ดังนั้นจึงต้องปิดทิ้ง ในระยะแรกเมื่อตาทิพย์ของบางคนถูกปิดทิ้ง ก็ให้โอกาสแก่เขา ในเวลาที่เขามองเห็นได้ชัดหรือมองเห็นไม่ชัด บางเวลามองเห็น บางเวลามองไม่เห็น ก็คือกำลังเตือนสติเขา แต่คนเหล่านั้นไม่อู้สุดท้ายก็ปิดทิ้งอย่างสิ้นเชิง บางคนก็บาดเจ็บเลย บาดเจ็บอย่างรุนแรงมาก
ศิษย์ : ได้เจิ้งกั่วกับหยวนหมั่น คือระดับชั้นอะไร
อาจารย์ : ปัญหานี้ข้าพเจ้าได้พูดไปแล้ว ได้เจิ้งกั่ว บรรลุกั่วเว่ยอรหันต์ ก็คือได้เจิ้งกั่วแล้ว หยวนหมั่น นั่นคือซิวเลี่ยนสิ้นสุด โดยทั่วไปหมายถึงได้เจิ้งกั่วและไคกงแล้ว ก็คือทั้งสองส่วนซิวเลี่ยนสิ้นสุดในเวลาเดียวกันคือหยวนหมั่น
ศิษย์ : หลังจากนั้นจะซิวเลี่ยนอย่างไร มีอะไรแตกต่างกับคนธรรมดาสามัญ
อาจารย์ : ยังต้องอยู่ในหมู่คนธรรมดาสามัญ ทนทุกข์ทนลำบากเหมือนกับคนธรรมดาสามัญ คุณได้กั่วเว่ยอรหันต์แล้ว
ในคนธรรมดาสามัญ เด็กเกเรในหมู่คนธรรมดาสามัญก็ด่าว่าคุณ เพราะคุณยังซิวเลี่ยนอยู่ในหมู่คนธรรมดาสามัญ ยังต้องละทิ้งจิตยึดติดของคุณต่อไป มีบางคน คนที่มีเกินจีสูงคนนั้น ละทิ้งจิตยึดติดของเขาได้ดีมากแล้ว
แต่ยังต้องวกกลับมาให้คุณอีกรอบ การซิวเลี่ยนทั่ว ๆ ไป การซิวเลี่ยนปกติ หนึ่งขั้นตอนก็หยวนหมั่นแล้ว มีบางคนจะปรากฏกลับไปกลับมา วกกลับไปกลับมาให้คุณสองรอบ ถ้าคุณบำเพ็ญไปสู่ระดับสูง วกกลับไปกลับมาสามรอบ ก็บำเพ็ญข้ามไปแล้ว กลับมาให้คุณบำเพ็ญอีก บำเพ็ญไปสู่ระดับสูงยิ่งขึ้น ก็จะปรากฏปัญหานี้ ดังนั้นคุณยังต้องบำเพ็ญอยู่ในหมู่คนธรรมดาสามัญ สมมติว่าคุณบำเพ็ญสำเร็จกั่วเว่ยอรหันต์แล้ว
ไม่มีคนก่อความยุ่งยากแก่คุณแล้ว ในหมู่คนธรรมดาสามัญใครก็ไม่ก่อความยุ่งยากแก่คุณแล้ว คุณออกห่างจากสภาพแวดล้อมนี้ จะบำเพ็ญอย่างไรล่ะ ถ้าที่ก่อความยุ่งยากแก่คุณไม่ใช่คนธรรมดาสามัญ ในหมู่คนธรรมดาสามัญ มีปรากฏพระพุทธเอย
พระโพธิสัตว์ พระอรหันต์ สร้างความยุ่งยากให้คุณขจัดจิตยึดติดของคุณ นั่นจะเป็นไปได้หรือ ถึงแม้เป็นอาจารย์ที่จัดสร้างเรื่องเหล่านี้ให้คุณ จัดวางเรื่องเหล่านี้ จัดวางทุกข์ภัยทั้งหมด ก็ล้วนแต่ใช้คนธรรมดาสามัญมาทำ คนธรรมดาสามัญมารบกวนคุณ ยกระดับสูงขึ้นในสภาพแวดล้อมของคนธรรมดาสามัญ
ศิษย์ : ผู้ฝึกบางคนหลังจากมาร่วมชั้นเรียน ยังไปร่วมเรียนวิธีบำเพ็ญอื่น แต่ยังคิดจะซิวเลี่ยนฝ่าหลุนต้าฝ่าต่อไป จะทำอย่างไร
อาจารย์ : คนประเภทนี้ส่วนใหญ่อู้ซิ่งของเขาค่อนข้างด้อย แต่เราพูดว่าการซิวเลี่ยนต้องขึ้นอยู่กับวาสนา คนเขาอยากจะได้ เขาก็มาเรียนฝ่าหลุนต้าฝ่า ไม่มีใครให้เขามาเรียน เขารู้สึกว่าฝ่าหลุนต้าฝ่าไม่ดีแล้ว เขาก็ไม่เรียน ภายหลังเขาก็รู้สึกว่าฝ่าหลุนต้าฝ่าดีแล้ว เขาก็คิดจะมาเรียนอีก เช่นนั้นคุณสามารถเรียนได้คุณก็มาเรียนก็แล้วกันนะ จะบำเพ็ญได้ดีหรือไม่เป็นปัญหาของตัวเขา สำหรับว่าจะสามารถเข้ามาเป็นศิษย์ที่บำเพ็ญจริงในกลุ่มของพวกเราฝ่าหลุนต้าฝ่าได้หรือไม่ เช่นนั้นพวกเราก็ต้องพูดกับเขาอย่างจริง ๆ จัง ๆ : คุณบำเพ็ญอยู่ที่ตรงนี้ของพวกเรา ก็ต้องซิวเลี่ยนยึดมั่นหนึ่งเดียว มุ่งมั่นตั้งใจซิวเลี่ยนฝ่าหลุนต้าฝ่า ไม่เช่นนั้นอะไรคุณก็จะไม่ได้ คุณอยู่ตรงนี้ฝึกอะไรเลอะเทอะโดยไม่ยึดมั่นวิชาเดียวก็ไม่มีประโยชน์ พวกเราสามารถพูดกับเขาด้วยความหวังดี อย่าพูด : คุณไม่อาจจะฝึกกงอยู่ตรงนี้ของพวกเรา พวกเราก็ไม่มีอำนาจอะไร ไม่มีคุณสมบัติที่จะออกคำสั่งคน ได้แต่เตือนคนเขา เตือนด้วยความเมตตา เตือนด้วยความเมตตาหนา
ศิษย์ : สถานการณ์การจัดสอนในแต่ละพื้นที่ ฝ่าหลุนต้าฝ่าทั่วประเทศมีสภาพเป็นอย่างไร
อาจารย์ : ณ ปัจจุบันนี้การจัดสอนฝ่าหลุนต้าฝ่าได้เลื่อนออกไปทั้งหมดเป็นการชั่วคราวแล้ว เหตุผลของการเลื่อนออกไปก็คือ เวลานี้ข้าพเจ้ามีเรื่องต้องจัดการมากมาย เรื่องด้านต่าง ๆ ล้วนต้องจัดการ พูดถึงว่าต่อไปจะจัดการอย่างไร เวลานี้ยังไม่ได้คิด รอให้จัดการเสร็จแล้ว ค่อยตัดสินตามสถานการณ์การจัดการ พูดถึงสถานการณ์การพัฒนาของฝ่าหลุนต้าฝ่า ข้าพเจ้าสามารถบอกทุกคน : ปัจจุบันพวกเราฝ่าหลุนต้าฝ่าเป็นการถ่ายทอดคนต่อคน ผู้ฝึกที่เรียนฝ่าหลุนต้าฝ่ามีจำนวนคนค่อนข้างมากแล้ว ข้าพเจ้าว่ามีหลายแสนคนแล้ว เพราะเมื่อข้าพเข้าไปจัดการสอนทุก ๆ เมือง ล้วนมีคนจากแต่ละเมือง แต่ละอำเภอ เรียกว่าทุก ๆ อำเภอไม่มีขาด เช่นนี้ พอกลับไปพวกเขาก็ถ่ายทอดต่อ ๆ กัน ถ่ายทอดต่อ ๆ กันเช่นนี้ ดังนั้นจึงพัฒนาได้อย่างรวดเร็วมาก มีจำนวนคนมากแล้ว ที่หูเป่ย์มีอำเภอหนึ่ง ระยะเริ่มแรกมีคนเรียนสองคน ปัจจุบันพัฒนาถึงพันคน มีตัวอย่างเช่นนี้มากมาย บางคนไปฝึกที่ศูนย์ฝึกกง บางคนไม่ไปฝึกที่ศูนย์ฝึกกง ยากที่จะรวมยอดตัวเลขที่แน่นอน
ศิษย์ : คนที่เคยป่วยเป็นโรคประสาทและโรคลมบ้าหมูจะฝึกกงได้หรือไม่
อาจารย์ : ข้าพเจ้าขอเตือนทุกคน อย่าได้พาคนอย่างนี้มาที่ศูนย์ฝึกกงของเรา หรือมายังชั้นเรียนของเรา ทำไม่ดีคุณก็คือมาบ่อนทำลายฝ่าของเราแล้ว ถ้าหากเขาอาการกำเริบขึ้นมาในชั้นเรียนหรือที่ศูนย์ฝึกกงของเรา คนเขาก็จะพูดว่าเป็นเพราะฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่า คุณมิทำลายฝ่าของเราหรือ เพราะเรามีหลักเกณฑ์ข้อหนึ่งว่า : ไม่สามารถรักษาโรคให้คน แต่เรามีเงื่อนไขข้อหนึ่ง คนที่ซิวเลี่ยนอย่างแท้จริง โรคเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเขา ก็อาจจะจัดการให้เขาในขณะนั้น คนที่เป็นโรคหนัก คนที่ในร่างกายมีสิ่งที่ไม่ดีมาก ๆ มีเพียงเขาเปลี่ยนแปลงความคิด จึงจะสามารถจัดการให้ได้ เขาคิดจะซิวเลี่ยนจึงจะสามารถขจัดกรรมให้เขา แน่นอน บางคนยังไม่มีความคิดจะซิวเลี่ยน ก็จัดการให้เขาแล้ว พออ่านหนังสือก็จัดการให้เขาแล้ว ทำไมหรือ เพราะเกินจีของเขาดีมาก เขาจึงสมควรได้รับ อันนี้ไม่อาจจะดูกันเป็นสูตรตายตัว ในครอบครัวมีคนป่วยอย่างนี้ รู้สึกว่าต้าฝ่าดี ก็ให้เขาฝึก คุณอาจบอกให้เขาฝึกอยู่ที่บ้าน พวกเราขอพูดไว้ก่อน ข้าพเจ้าก็ไม่อาจจะแก้ไขปัญหาเหล่านี้ของคนธรรมดาสามัญตามใจชอบ เขาจะบำเพ็ญได้หรือไม่ ต้องดูที่ตัวเขาเอง เขาไม่สามารถบำเพ็ญ คุณก็อย่าบอกให้เขาบำเพ็ญ ถ้าเกิดปัญหาขึ้นมาก็จะทำลายต้าฝ่า ข้าพเจ้าจะแก้ไขปัญหาเหล่านี้ของคนธรรมดาสามัญได้อย่างไรล่ะ ข้าพเจ้าไม่รักษาให้เขา เขาไปกระพือข่าวยังที่ต่าง ๆ ว่าฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่าจนเป็นโรคประสาทแล้ว อาจารย์ไม่รักษาให้ เขายังจะทำให้ข้าพเจ้าเสื่อมเสีย อย่างไรก็ตามพวกเราขอบอกไว้ก่อน ไม่รับเข้าชั้นเรียน และก็ไม่ให้เขามาที่ศูนย์ฝึกกง คนที่ป่วยเป็นโรคลมบ้าหมูโดยทั่วไปไม่มีปัญหา ในชั้นเรียนพวกเราไม่ได้กำหนดอย่างชัดเจนว่าไม่ให้คนที่ป่วยเป็นโรคลมบ้าหมูร่วมชั้นเรียน แต่โดยทั่วไปพวกเราคนทำงานล้วนไม่ยินดีให้เขาเข้ามา เพราะก่อนที่ความคิดของเขาจะเปลี่ยนแปลง อาการของโรคจะกำเริบขึ้นมาง่าย เมื่ออาการกำเริบจะส่งผลกระทบให้กับพวกเราได้ง่าย ผู้ที่ป่วยเป็นโรคลมบ้าหมูไม่เหมือนกับผู้ป่วยเป็นโรคประสาท เพราะสำหรับเขาเป็นปัญหาเฉพาะ เพียงแต่ว่าข้างในสมองของเขามีของสิ่งหนึ่ง ของสิ่งนั้นที่ไม่ดีเอาออกมาก็หายแล้ว โดยทั่วไปเป็นอย่างนี้
ศิษย์ : ยกระดับทั่วทั้งร่างจะเข้าใจอย่างไร
อาจารย์ : ยกระดับทั่วทั้งร่างก็คือยกระดับอย่างครบถ้วน พวกเราในระหว่างขั้นตอนซิวเลี่ยน ร่างกายของคุณ บรรดาร่างชีวิตในร่างกายคุณ และร่างชีวิตที่คุณซิวเลี่ยน ล้วนจะยกระดับตามขึ้นไปพร้อมกับคุณ การปรับทั่วทั้งร่างที่พวกเราพูดถึง ปรับร่างกายทั่วทั้งร่างให้ทุกคน และปรับร่างกายให้ผู้ฝึก การยกระดับทั่วทั้งร่างโดยหลักหมายถึงซินซิ่งของคุณขึ้นไปแล้ว กงของคุณก็จะตามขึ้นไป ก็เหมือนอย่างที่ข้าพเจ้าพูดไปเมื่อครู่ มีคนถามว่า ทำไมประจำเดือนไม่มาล่ะ ซินซิ่งของคุณขึ้นไปแล้ว กงก็ตามขึ้นไปแล้ว คนที่มีกรรมมากเหลือเกิน ปรับร่างกาย ส่วนหนึ่งตามขึ้นไปไม่ได้ เป็นไปได้ที่เขาจะรั้งท้าย ก็คือการยกระดับขึ้นมาทั่วทั้งร่าง เงื่อนไขที่จำเป็นอันดับแรกก่อนอื่น คือการยกระดับซินซิ่ง บอกว่าฉันคิดจะเปลี่ยนแปลงร่างกาย ก็คือฉันคิดจะขอหลบหลีกทุกข์ภัย อย่างนั้นไม่ได้ เพราะการซิวเลี่ยนคิดจะเปลี่ยนแปลงคุณ จำเป็นต้องเริ่มจากการบำเพ็ญซินซิ่ง ไม่มีกงที่จะกำหนดระดับชั้นสูงต่ำ ก็คือซินซิ่งสูงต่ำของคุณสิ่งนี้ เช่นนั้นทุกสิ่งล้วนเป็นการวางแผนบนแผ่นกระดาษ
ศิษย์ : ผู้ฝึกบางคนถาม จะปฏิบัติอย่างไรกับการรบกวนต่อต้าฝ่าของมาร
อาจารย์ : จะบอกกับทุกคน พวกเราถ่ายทอดฝ่าที่ถูกต้อง ถ้าไม่มีคนมาต่อต้าน นั่นจึงจะเป็นเรื่องแปลกนะ ทุกคนคิดดู
วันนี้ถ้าข้าพเจ้าไม่ทำเรื่องนี้ ข้าพเจ้าจะสบายที่สุด เนื่องจากข้าพเจ้าทำเรื่องนี้ให้กับทุกคน
ความยุ่งยากที่ข้าพเจ้าประสบตรงนี้ และความยุ่งยากที่พวกคุณประสบ
ล้วนแต่ขัดขวางฝ่านี้ ไม่ให้คนได้ฝ่า คนมาถึงขั้นนี้แล้ว
จะได้ฝ่า มารนั้นจึงไม่ยอม มันต้องขัดขวางคุณ มันคิด : คุณติดค้างฉัน ฉันมาหาให้คุณชดใช้ คุณได้ฝ่า
หนี้ที่ติดค้างฉันจะทำอย่างไร มันยังแค้นคุณ ปัจจัยแต่ละด้านล้วนมีผลในการขัดขวางแบบหนึ่ง
พูดให้ชัด ก็ล้วนคือเกิดขึ้นจากตัวของผู้คนเอง คนล้วนมีกรรม ในอดีตพระเยซูกล่าวว่า : คนเอย คุณมีบาป เขากล่าวว่าคนมีบาป พูดว่ากรรมเป็นบาป ในความเป็นจริงเป็นเช่นนี้ ก็คือเพราะกรรมที่ก่อขึ้นจากตัวคนเองทำเรื่องที่ไม่ดี นั่นไม่ใช่บาปหรือ มันจะก่อผลในการขัดขวางทุก ๆ ด้าน คุณได้ฝ่าที่ถูกต้องแล้ว แน่นอนจะรบกวนคุณ ก็คือสาเหตุนี้ ฉะนั้นพวกเราประสบกับเรื่องเหล่านี้ล้วนเป็นการทดสอบซินซิ่งของเรา
บางคนจะพูดว่า ฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่าไม่ดีอย่างไรอย่างไร
หรือเป็นอย่างไรอย่างไร ก็คือดูว่าคุณสามารถจะมีความตั้งใจที่เด็ดเดี่ยวแน่วแน่ได้หรือไม่
จะสามารถเข้าใจฝ่านี้โดยธาตุแท้ได้หรือไม่ โดยธาตุแท้คุณยังไม่เข้าใจฝ่านี้ คุณยังจะบำเพ็ญอย่างไร ก่อนที่คุณจะไคอู้ ล้วนมีทัศนคติอย่างนี้ที่จะสามารถเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ต่อฝ่าโดยตลอดได้หรือไม่ อยู่ในวิธีบำเพ็ญใดก็ล้วนเป็นเช่นนี้ สิ่งที่เป็นธาตุแท้คุณยังไม่สามารถเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ เช่นนั้นคุณยังจะบำเพ็ญอะไร ดังนั้นเขาจะมีการทดสอบและการรบกวนทางด้านนี้
คุณดูในทันทีที่ข้าพเจ้าเปิดสอนชั้นเรียน รับรองว่าก็จะมีชี่กงต่าง ๆ เปิดสอนในเวลาเดียวกัน หากข้าพเจ้าไม่จัดสอนที่ใดเลยก็ไม่มีเรื่องต่าง ๆ มากอย่างนี้ ทันทีที่ข้าพเจ้าเปิดชั้นเรียน ก็จะมีกงนอกรีตต่าง ๆ มากมายพากันเปิดชั้นเรียน ทำไมหรือ ก็คือคุณจะทำเรื่องนี้ เสริมซึ่งกันและกันก็จะมีมารจำนวนหนึ่งตามขึ้นมา และเป็นการจัดวางเช่นนี้ ก็จะดูว่าคนคนนี้จะเข้าประตูไหน ได้ฝ่าที่ถูกต้องหรือได้ฝ่านอกรีต คุณคิดจะเข้าประตูไหน ก็ดูคุณ ไม่ใช่พูดแล้วหรือ คนบำเพ็ญได้ยากมาก ๆ ก็คือสมควรเป็นเช่นนี้ ก็สมควรที่จะยากมาก ๆ เพราะทุกสิ่งของพวกเราล้วนแต่เกิดจากตัวเอง แต่ทุกข์ภัยนี้ จากข้างในนั้นก็สะท้อนให้เห็นถึงซินซิ่งและอู้ของคนว่าสามารถจะยกระดับขึ้นไปได้หรือไม่ และสาเหตุอื่น ๆ เป็นต้น มันเสริมซึ่งกันและกัน ปฏิบัติกับเรื่องเหล่านี้อย่างแยกแยะและวิเคราะห์ ฉะนั้นเขาจะมีการรบกวนเหล่านี้
ก็เหมือนพวกเราที่ฉางชุนมีคนหนึ่ง เขาพูดว่า : ฉันก็คือพระพุทธแล้ว คุณไม่ต้องเรียนกับคนอื่นแล้ว ฉันอย่างนั้นอย่างนี้แล้ว รบกวนกันทุก ๆ ด้าน แม้แต่การทำลายชื่อเสียงของข้าพเจ้าก็ล้วนมี ฉะนั้นจะดูว่าคุณจะฟังหรือไม่ คุณจะเชื่อหรือไม่ คุณจะทำอย่างไร มันจะใช้วิธีการต่าง ๆ มาทำลาย ก็คือทำให้ใจของคุณหวั่นไหว ดูว่าคุณจะมั่นคงหรือไม่
บางคนพูดว่าฉันตัดสินใจเด็ดขาดจะบำเพ็ญฝ่าที่ถูกต้อง ฉันไม่เชื่อเรื่องเหล่านั้นของคุณ ที่จริงพวกเราผู้ฝึกจำนวนมากได้สัมผัสถึงอานุภาพของฝ่า และการเปลี่ยนแปลงของร่างกายตัวเองอย่างมาก และเข้าใจแจ่มแจ้งถึงหลักการนี้ที่ข้าพเจ้าพูดออกมา เขายังไม่มั่นคง นั่นไม่ใช่ปัญหาอู้ซิ่งหรือ ก็คืออู้ซิ่งต่ำมาก ก็คือหลักการนี้ ฉะนั้นการรบกวนเหล่านี้ ข้าพเจ้าว่าก็คือปกติ ซิวเลี่ยนก็คือการชะล้างทรายในคลื่นใหญ่ ทรายถูกร่อนออกไป ที่เหลืออยู่นั่นจึงเป็นทองคำ สามารถเหลือทองคำอยู่มากน้อยเพียงไร นั่นก็ดูว่าทุกคนจะบำเพ็ญตัวเองอย่างไร
ศิษย์ : เกี่ยวกับเอกสารเผยแพร่ฝ่าหลุนต้าฝ่าควรออกมามากสักหน่อย
จะได้เผยแพร่ที่ศูนย์ฝึกกง
อาจารย์
: การเผยแพร่ฝ่าหลุนต้าฝ่าของเรา วิธีถ่ายทอดกงทั้งหมด
ล้วนไม่เหมือนกับวิธีเผยแพร่ของชี่กงในปัจจุบัน ทุกคนอาจเห็นแล้ว
พวกเราไม่ได้นำเรื่องใดไปพูดขยายความจนเกินจริง และไม่ได้นำเรื่องอะไรออกมาโอ้อวด ไม่มีเรื่องอย่างนี้ อาจารย์ชี่กงอื่นหากรักษาโรคให้คนป่วยคนหนึ่งหาย
เขาก็จะโฆษณาแล้วโฆษณาอีกจนกว่าจะไม่มีคนฟังเขาอีกต่อไป พวกเราไม่มีเรื่องอย่างนี้ พวกเราผู้ฝึกนับพันนับหมื่นคน พวกเขาล้วนแต่ไม่มีโรคแล้ว พวกเราก็ไม่เคยพูดอะไร ไม่พูดถึงเรื่องเหล่านี้ แน่นอนในระยะแรก ทุกคนอาจได้อ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์บ้าง
ทำไมหรือ เพราะในระยะแรก
พวกเราเปิดตัวออกมาด้วยรูปแบบของชี่กงทั่วไป พอขึ้นมาก็พูดสูงขนาดนั้น ผู้คนยอมรับไม่ได้ ดังนั้นพวกเราได้เดินผ่านขั้นตอนแรกของการให้คนรับรู้และเข้าใจอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ทุกคนทราบ เมื่อตอนที่พวกเราเปิดชั้นเรียนที่ฉางชุนในระยะแรก
ข้าพเจ้าได้บรรยายในระดับที่สูงมาก แต่ก็เอ่ยถึงชี่กงอยู่โดยตลอด พวกเราวันนี้ล่ะ
เนื่องจากเป็นการถ่ายทอดไปสู่ระดับชั้นสูงแล้ว จึงไม่พูดถึงพวกนี้แล้ว นี่ก็คือขั้นตอนหนึ่งของการบอกให้คนเข้าใจอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ศิษย์ : นิคมรถยนต์เป็นที่ทำงานของพนักงานแสนกว่าคน ดำเนินการไม่ดีจะทำอย่างไร
อาจารย์ : ฝ่าหลุนต้าฝ่าของเรานี้ที่โรงงานรถยนต์เดิมทีดำเนินการได้ค่อนข้างดี
ทุกคนอาจจะรู้เกี่ยวกับมารเหล่านั้น พวกเขารบกวนอย่างรุนแรงมาก นั่นก็คือมาร แต่พวกเราพูดแล้วว่า เรื่องเหล่านี้ล้วนเสริมซึ่งกันและกัน
มีคนจำนวนเท่าใดสามารถบำเพ็ญ มีคนจำนวนเท่าใดไม่สามารถบำเพ็ญ นั่นก็ต้องดูแต่ละคน บอกว่าไม่มีการรบกวนจะเป็นไปได้อย่างไรล่ะ บอกว่าไม่มีคนรบกวน เช่นนั้นคุณมิบำเพ็ญได้ง่ายเกินไปแล้วหรือ ! เต๋าใหญ่ราบรื่นอย่างนี้
บำเพ็ญขึ้นไป ทุกข์ภัยอะไรก็ไม่มี นี่เป็นการซิวเลี่ยนที่ไหนล่ะ เป็นเช่นนี้หรือไม่
มีการทนทุกข์จึงจะสามารถมองเห็นว่าคนจะบำเพ็ญได้หรือไม่ จึงจะสามารถขจัดจิตยึดติดแต่ละชนิดของคนทิ้งไปได้
แต่มารนี้ใหญ่มากจริง ๆ
มันได้ก่อผลในการทำลายที่ใหญ่พอควรชนิดหนึ่ง
ได้ทำลายคนกลุ่มใหญ่ไปกลุ่มหนึ่ง ผลที่ก่อเกินเลยกว่าผลของมารทั่วไปแล้ว ระดับชั้นสูงมากล้วนรู้เรื่องเหล่านี้ ชีวิตชั้นสูงต่างก็รู้ จะจัดการอย่างไรล่ะ เพราะเรื่องบางอย่างต้องได้รับการยินยอมจากข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าชอบที่จะให้โอกาสแก่คนเขาอีกครั้ง
แต่ดูแล้วโอกาสนี้ไม่สามารถให้ได้แล้ว ในอนาคตที่โรงงานรถยนต์
คนที่ศึกษาต้าฝ่าจะมีมากขึ้นอย่างแน่นอน
ศิษย์ : ผู้ฝึกบางคนเตรียมจะมาร่วมชั้นเรียน
แต่จนแล้วจนรอดก็มาร่วมไม่ได้ ผู้ฝึกที่ฝึกช่วงเช้าและเย็นที่ศูนย์ฝึกกงจะทำอย่างไร
อาจารย์ : ผู้ฝึกบางคนเตรียมจะมาร่วมชั้นเรียน ชั้นเรียนนี้ถึงแม้ข้าพเจ้าจะจัดตลอดไป จัดอีกสิบปี ก็ยังมีคนเตรียมที่จะมาร่วม พวกเรามีผู้ฝึกเก่ามากขนาดนี้ ยังมีหนังสือของข้าพเจ้า เทปบันทึกเสียง และเทปบันทึกภาพ ทั้งหมดล้วนสามารถส่งผลในการเผยแพร่ฝ่าและช่วยคนได้ ที่จริงทุกคนได้บังเกิดผลของกองกำลังหลัก โดยเฉพาะคือในช่วงเวลานี้ รับรองว่าคุณเป็นกำลังหลักแล้ว ไม่ต้องให้ข้าพเจ้าถ่ายทอดโดยตรงก็สามารถจะได้รับ เป็นเช่นนี้ใช่หรือไม่ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าพเจ้าคิดว่าพวกเราทุกคนก็ทำด้านนี้ให้มากสักหน่อย ช่วยเหลือช่วยเหลือคนอื่น โดยเฉพาะคนในครอบครัวให้มาฝึกที่ศูนย์ฝึกกง ข้าพเจ้าว่าผู้ช่วยฝึกสอนยิ่งสมควรจะรับภาระหน้าที่นี้ ภาระหน้าที่ของคุณไม่เล็กเลย อย่าเห็นมันเป็นแค่การรวบรวมคนเท่านั้น ต้องพยายามเข้าใจฝ่าให้มาก ศึกษาฝ่าให้มาก ยึดกุมสิ่งต่าง ๆ ให้มาก
ยังมีจุดหนึ่งข้าพเจ้าต้องพูดเป็นพิเศษ ที่ศูนย์ฝึกกงของเรา เมื่อปรากฏเรื่องยุ่งยาก คนประเภทนี้ที่ออกนอกลู่นอกทาง สติเลอะเลือน ล้วนแต่ได้ฝึกกงอย่างอื่นแล้ว ไม่ปล่อยวางการแสวงหาอย่างอื่น นี่เป็นเรื่องแน่นอน ไม่ผิดแม้แต่น้อยอย่างแน่นอน คนอย่างนี้ร้อยทั้งร้อยคือได้ฝึกสิ่งอื่น หรือเขากราบไหว้บูชาสิ่งอื่นไว้ในบ้าน ไม่ได้ปล่อยวาง นี่คือประการหนึ่ง อีกประการหนึ่งคือฝ่าหลุนได้เปลี่ยนรูปไปแล้ว ก็คือได้ปะปนวิธีบำเพ็ญอย่างอื่นในการฝึกแล้ว หรือปะปนเข้าไปในจิตสำนึกแล้ว สถานการณ์สองแบบนี้ข้าพเจ้าสามารถบอกทุกคน รับรองว่าเกิดจากสถานการณ์แบบนี้ มีแต่สถานการณ์สองแบบนี้ที่ฝ่าเซินของข้าพเจ้าโดยปกติจะไม่ดูแล เพราะเขาฝึกกงอื่น เขาฝึกปะปนกัน เขาไม่ใช่คนของฝ่าหลุนต้าฝ่าของเรา ฝ่าเซินของข้าพเจ้าจะไม่ดูแลเขา และไม่ให้ฝ่าแก่เขา มารยุ่งเหยิงเหล่านั้นเห็นเขามาฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่า แน่นอนจะต้องจัดการเขา ทำร้ายเขา เขาสติเลอะเลือน ยังจะทำลายฝ่าหลุนต้าฝ่า จะเกิดปัญหานี้ มีบางคนตั้งใจจะฝึกแต่ฝ่าหลุนต้าฝ่า แต่ในอี้เนี่ยนของเขาหรือในท่าเคลื่อนไหว มักจะคิดอยากให้ตัวเองสัมผัสความรู้สึก เติมสิ่งอื่นเข้าไปสักหน่อย ที่ผ่านมาเคยฝึกกงอื่นแล้วมีความรู้สึก ครั้งนี้มาฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่าแล้ว ไม่มีความรู้สึกแบบนั้นแล้ว เขายังต้องการจะรู้สึก นั่นไม่ใช่แสวงหาการยึดติดหรือ พอเขาเติมสิ่งของที่เป็นของเดิมของเขา ฝ่าหลุนก็เปลี่ยนรูป ฝ่าก็จะเกิดปัญหา รับรองจะเป็นเช่นนี้
ศิษย์ : ความหมายที่แท้จริงของชีวิตคนคือเพื่อจะมีชีวิตที่ดียิ่งขึ้น
ใช่หรือไม่
อาจารย์ : บางคนยังมีความคิดเช่นนี้ บอกว่าฉันจะบำเพ็ญสำเร็จเป็นพระพุทธเพื่ออะไร แสดงว่ามีความเข้าใจต่อพระพุทธแย่มาก บอกว่าถ้าเขาบำเพ็ญจะมีประโยชน์อะไร คุณอย่าเพิ่งหัวเราะ เขาไม่รู้จริง ๆ บำเพ็ญพระพุทธเพื่ออะไรหรือ หนึ่งคือสามารถรักษาร่างคนไว้ตลอดไป สองคือสามารถไม่ต้องทนทุกข์ตลอดไป มีแต่ความดีงามตลอดไป ชั่วชีวิตหนึ่งของคนนั้นสั้นมาก คงรักษาไว้ซึ่งร่างคนคือด้านหนึ่ง นอกจากนี้เขาจะไม่ต้องทนทุกข์ สถานที่ที่ก่อเกิดชีวิตของคุณอยู่ในมิติจักรวาลที่สูงมาก มาจากมิติของจักรวาล คุณสมบัติดั้งเดิมคือดีงาม เป็นเพราะตัวเองเปลี่ยนไม่ดีแล้ว ตกลงมาถึงตรงนี้ทีละขั้นทีละขั้นแล้ว รอคอยที่จะถูกดับสลายแล้ว เขาเป็นขั้นตอนเช่นนี้ ถ้าบอกว่ากลับไปทำไมล่ะ สถานที่ที่คุณก่อเกิดอย่างแท้จริงอยู่ท่ามกลางมิติชั้นที่สูงมาก นั่นจึงจะเป็นที่ที่ดีงามที่สุด สถานที่ที่คุณสมควรอยู่
พูดด้วยคำพูดของผู้สำเร็จธรรมชั้นสูงก็เหมือนคนตกลงมาในบ่อโคลนแล้ว
ล้วนกำลังเล่นน้ำโคลนอยู่ตรงนี้ แต่เวลาที่คนมาล้วนเป็นเช่นนี้
ยังรู้สึกว่าดีทีเดียว คนล้วนรู้สึกว่าดีมาก คลุกเคล้าไปมาอยู่ในน้ำโคลน เขายังรู้สึกสบายดี ดีทีเดียว เราจะยกตัวอย่างหนึ่ง แต่ไม่ใช่จะด่าว่าคน พูดถึงหมูตัวนั้น นอนอยู่ในคอกหมู ทั้งอุจจาระทั้งปัสสาวะคลุกเคล้าอยู่ในดินโคลน ความรู้สึกในเขตแดนของมัน มันรู้สึกดีมาก คนอยู่ท่ามกลางเขตแดนนั้น
เมื่อเขาเลื่อนระดับขึ้นมา หันกลับไปดู
เขาไม่อาจจะทนดูได้แล้ว ก็คือหลักการนั้น คนเขาพูดว่าคนอยู่ในหมู่คนธรรมดาสามัญก็คือคลุกเคล้าดินโคลน
ทุก ๆ ที่ล้วนคือสกปรกมาก ก็คือความหมายนี้ อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่สะอาดนี้
เขายังรู้สึกว่าตัวเองสะอาดกว่าคนอื่นนิดหนึ่ง ก็ดีกว่านิดหนึ่งแล้ว ในความเป็นจริงก็เป็นเพียงใช้น้ำโคลนไปล้างร่างกายที่แปดเปื้อนเต็มไปด้วยโคลนเลนเท่านั้นเอง
ข้าพเจ้าว่าก็ไม่สะอาดสักเท่าใด
ศิษย์ : ความหมายที่แท้จริงของชีวิตคนคือซิวเลี่ยนสำเร็จ กลายเป็นพระพุทธ ใช่หรือไม่
อาจารย์ : ไม่ใช่กลายเป็นพระพุทธ คือฝันเปิ่นกุยเจิน ซิวเลี่ยนสำเร็จกลับไป นี่คือความหมายที่แท้จริง ชีวิตชั้นสูงมองกันเช่นนี้ แต่คุณอยู่ในหมู่คนธรรมดาสามัญ ถามอาจารย์ในโรงเรียนของคุณในหมู่คนธรรมดาสามัญ เขาจะไม่บอกคุณเช่นนี้ เพราะคนธรรมดาสามัญเห็นเรื่องในหมู่คนธรรมดาสามัญสำคัญมากเกินไป เพราะเขามองไม่เห็นความจริงของจักรวาลเหล่านั้น มนุษย์ในปัจจุบันถูกความรู้ที่ถ่ายทอดมาจากทางตะวันตก ครอบงำอย่างสมบูรณ์ทุกรูปแบบ ทำให้คนกลายเป็นวัตถุนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว ใช้ทฤษฏีที่มีอยู่ในปัจจุบันมาประเมินทุกสิ่ง มนุษย์ตกอยู่ท่ามกลางหล่มของคนธรรมดาสามัญนี้รุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ
ศิษย์ : ในฝันเที่ยวหาห้องน้ำไปทั่วทุกที่จนพบอยู่ที่หนึ่ง ตื่นขึ้นมาได้หลั่งไปแล้ว
อาจารย์ : จะยกตัวอย่างหนึ่งให้ทุกคนฟัง เจินอู่ก็คือเสวียนอู่ ภูเขาอู่ตังเป็นสถานที่ซิวเลี่ยนของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่เสวียนอู่ที่สายเต๋าพูดถึง ที่ภูเขาอู่ตังได้อ่านนิทานเกี่ยวกับการซิวเลี่ยนของเสวียนอู่เรื่องหนึ่ง กล่าวถึงขั้นตอนการซิวเลี่ยนของเขา ข้างในนั้นได้บรรยายเรื่องของเขาไว้ตอนหนึ่ง เขาซิวเลี่ยนเป็นเวลานานหลายปี ประมาณ 40 กว่าปี เขาซิวเลี่ยนถึงระดับชั้นที่สูงมากแล้ว มีวันหนึ่งในความฝัน ในดินแดนแห่งความฝันมารมารบกวนเขา ก็คือแปลงเป็นสาวงาม และไม่มีอาภรณ์ติดตัวสักชิ้น สุดท้ายในชั่วขณะที่เขาเคลิบเคลิ้มคุมไม่อยู่ เขาเกิดหวั่นไหวในอารมณ์ หลังจากนั้นเขาโกรธตัวเองมาก เขาเสียใจมาก เขาคิด การซิวเลี่ยนของฉันยังจะมีความหวังหรือ บำเพ็ญมาหลายปีอย่างนี้ยังไม่สำเร็จสักเรื่องหนึ่ง ยังควบคุมจิตใจตัวเองไม่อยู่ ในใจคิดว่าไม่ไหวแล้ว ด้วยความโกรธจึงลงเขาไป ลงเขาลงมาถึงครึ่งทางเห็นหญิงชราคนหนึ่งกำลังฝนเข็มอยู่ตรงนั้น ใช้แท่งเหล็กฝนให้เป็นเข็ม บางทีคนโบราณในสมัยนั้นต่างก็ฝนเข็มด้วยวิธีนี้
เฮ้อ เขาก็ถามหญิงชราคนนี้ : ทำไมคุณใช้แท่งเหล็กที่หนาขนาดนี้ฝนให้เป็นเข็มล่ะ หญิงชราบอกเขาว่า : เวลานานเข้าย่อมจะฝนจนเป็นเข็ม เจินอู่เข้าใจทันที หญิงชราคนนี้ฝนเข็มไปพลางก็เทน้ำใส่ชามไปพลาง น้ำเทเต็มแล้ว เธอก็ยังคงเทลงอีก เขาจึงพูดกับหญิงชราว่า : น้ำไหลออกมาแล้ว เธอพูดว่า : เต็มแล้วก็จะไหลออกโดยธรรมชาติ ในความเป็นจริงเธอกำลังบอกเป็นนัยแก่เขา ความหมายของเธอบอกเขาว่า : คนคนหนึ่งอยู่ในขั้นตอนของการซิวเลี่ยน คุณต้องไม่เห็นมันสำคัญจนเกินไป ครั้งหนึ่งทำได้ไม่ดี ครั้งต่อไปก็จะทำให้ดี เป็นเพราะร่างกายคนล้วนมีสัญชาตญาณ เต็มแล้วมันก็จะระบาย เธอบอกเป็นนัยแก่เขาความหมายนี้ แต่ในนี้ได้เล่านิทานไว้เช่นนี้ ก็ไม่สมบูรณ์นัก ดูเหมือนยังไม่ค่อยตรงประเด็นเสียทีเดียว แต่ข้าพเจ้าจะบอกทุกคน เรื่องก็อาจเป็นเช่นนี้ ก็เหมือนอย่างคำถามเมื่อครู่ อาจเป็นเรื่องเช่นนี้ก็ได้
ศิษย์ : ทุกครั้งที่ฝึกท่าจั้นจวง (ท่ายืนสมาธิ) หรือนั่งขัดสมาธิ พอเข้าสู่สภาวะการฝึกกง
ทันทีก็ไม่อยากฝึกแล้ว หลังจากหยุดลงมาก็นึกเสียใจ
อาจารย์ : นั่นก็คือการรบกวนของมารที่เกิดจากใจตัวเอง ใจของคนธรรมดาสามัญก็สามารถเกิดมารได้
(การรบกวนของกรรมแห่งความคิด) ทำไมหรือ
เพราะสสารความคิดที่ไม่ดีเหล่านั้นซึ่งก่อเกิดขึ้นมาในจิตใจ ในความคิดของคุณในอดีตล้วนแต่ส่งผลของการต่อต้าน
คุณบำเพ็ญได้ดีแล้วสสารที่ไม่ดีชนิดนี้ก็จะสลายไป ดังนั้นมันไม่ยอม มันจึงไม่ให้คุณฝึก ทำไมเวลาคุณฝึกกงจึงวอกแวกอยู่เรื่อยล่ะ
ในความคิดคิดว่า : ไม่ฝึกแล้ว ลำบากอะไรอย่างนี้ ข้าพเจ้าจะบอกคุณนะ ความคิดนั้นมีสาเหตุ ไม่มีมารภายนอกรบกวน ก็มีมารในตัวเองรบกวน เพราะเป็นผลที่เกิดจากสสารที่ไม่ดีเหล่านั้น
สสารใด ๆ ในมิติอื่นล้วนเป็นร่างวิญญาณ (หลิงถี่[33])
ข้าพเจ้าเคยพูดเช่นนี้ไม่ใช่หรือ ถ้าคุณจะบำเพ็ญให้ดี ก็ต้องสลายมันไป สลายมัน คุณจึงจะสามารถบำเพ็ญได้ดี คุณจึงจะสามารถขจัดความคิดที่ไม่ดีนั้นทิ้งไป บางคนนั่งสมาธิไม่สามารถเข้าสู่ความสงบ ความคิดผุดออกมาอยู่เรื่อย ก็เป็นเพราะคุณมีสสารเหล่านี้คงอยู่ มันก็มีชีวิต มันก็คือสิ่งที่ก่อเกิดขึ้นมาในความคิดในอดีต ดังนั้นมันกำลังส่งผลรบกวน คุณบำเพ็ญได้ดีแล้ว มันก็จะถูกดับสลาย ยิ่งสลายยิ่งน้อยลง สุดท้ายดับสลายไปทั้งหมด มันจะยอมหรือ คุณซิวเลี่ยน มันก็จะรบกวน
บางคนในความคิดยังจะด่าอาจารย์
ด่าต้าฝ่าของเรา แต่จะต้องแยกแยะให้ชัดเจน
นั่นไม่ใช่จู่อี้ซี่อของตัวคุณเองที่ต้องการด่า แต่เกิดจากกรรมแห่งความคิด สสารไม่ดีชนิดนี้ที่สะท้อนเข้าไปในความคิดของคุณ เมื่อใดที่มีปัญหานี้ปรากฏ ต้องยับยั้งมันทันที จู่อี้ซี่อจะต้องเข้มแข็ง
ไม่ให้บำเพ็ญ
ฉันก็จะบำเพ็ญ ขจัดมันไป เมื่อเป็นเช่นนี้ ฝ่าเซินของข้าพเจ้ามองเห็นว่าความคิดของคุณแน่วแน่มาก ก็จะช่วยคุณสลายส่วนใหญ่ทิ้งไป ฉะนั้นคุณจะมีประสบการณ์เช่นนี้
ศิษย์ : ระดับชั้นของการฝึกกงได้กำหนดไว้แล้ว แต่ต้าฝ่าไร้ขอบเขต ยังสามารถบำเพ็ญสำเร็จเป็นพระพุทธใหญ่ระดับสูงนั้น
หมายถึงระดับชั้นที่ตัวเองบำเพ็ญถึงใช่หรือไม่
เช่นหลังจากบรรลุถึงอรหันต์แล้วตั้งปณิธานบำเพ็ญใหม่อีก
อาจารย์ : คนคนหนึ่งบำเพ็ญถึงกั่วเว่ยอรหันต์แล้ว
เดิมทีกำหนดให้หยวนหมั่นที่กั่วเว่ยอรหันต์ บอกไม่ได้ ฉันยังคิดจะบำเพ็ญสู่ระดับสูง ถ้าคุณมีความสามารถนั้นจริง ๆ คุณตั้งปณิธานใหม่อีก ยังสามารถบำเพ็ญสู่ระดับสูง ในอดีตมีเช่นนี้ แต่พบเห็นไม่มาก ทำไมพบเห็นไม่มากล่ะ เพราะโดยมากเมื่อจัดวางให้คนซิวเลี่ยน ระดับชั้นที่จัดวางให้นั้นก็จัดวางตามสภาพของตัวเขาเอง สสารแต่ละชนิดจะมากหรือน้อยคือกำหนดตามความสามารถแบกรับของตัวเอง
ฉะนั้นโดยทั่วไปมีความคลาดเคลื่อนไม่มากนัก แต่ก็มีบางคนที่ดีเป็นพิเศษ สิ่งของบางชนิดของเขานั้นถูกปิดซ่อนไว้ ในระดับชั้นที่กำหนดจะมองไม่เห็น บางคนพบว่า หลังจากที่ซิวเลี่ยนถึงระดับชั้นที่กำหนด อาจารย์คนนั้นมองดูเห็นว่าไม่อาจจะดูแลได้แล้ว เขาก็ถอยออกไปเอง ก็มีคนอื่นมารับดูแลต่อ ก็มีสถานการณ์นี้ การนำพาไปสู่ระดับชั้นสูง ก็ไม่ต้องให้ตัวเองพูด เขาก็จะนำพาคุณไปสู่ระดับชั้นสูงแล้ว
ศิษย์ : มีวันหนึ่งฝันว่าได้พบอาจารย์หลี่ในฝัน อาจารย์พูดว่า สถานการณ์ของคุณค่อนข้างพิเศษ ความหมายดูเหมือนว่า ฉันมีบางด้านที่อาจจะใช้ไม่ได้ หลังจากนั้นอาจารย์หลี่ปรับร่างกายให้ฉัน ฉันก็รู้สึกว่าที่ท้องน้อย กลางฝ่าเท้า ซวบหนึ่งที.....
อาจารย์ : นี่คือธรรมดามาก นี่ไม่ได้พูดว่าคุณไม่สามารถบำเพ็ญ คือในขั้นตอนการบำเพ็ญของคุณยังมีสาเหตุอื่นอีก โดยทั่วไปฝ่าเซินสามารถแก้ไขได้ สภาพชนิดนี้ไม่ใช่ฝัน ชัดแจ้งมาก ล้วนแต่สัมผัสได้ เนื่องจากกลางวันคุณมีสมาธิไม่เพียงพอ ขณะอยู่ในสมาธิคุณไม่สามารถมองเห็น ดังนั้นที่มองเห็นในฝันไม่เป็นไร การได้พบกับข้าพเจ้าในฝันเป็นเรื่องปกติ
ศิษย์ : เพื่อจะซิวเลี่ยนให้ดียิ่งขึ้น ในชีวิตประจำวันท่อง เจิน ซั่น เหยิ่น อยู่ในใจ ทำได้ไหม
อาจารย์ : ในชีวิตประจำวันท่อง เจิน ซั่น เหยิ่น อยู่ในใจ ไม่มีอะไรไม่ดี ไม่มีปัญหา เวลาฝึกกงก็อย่าคิดสิ่งใด
ศิษย์ : «ฉางชุนหว่านเป้า (หนังสือพิมพ์ฉางชุนฉบับเย็น)» รายงานว่า ฤดูร้อนปีนี้ xxx ของทิเบตบรรยายพระสูตร มีพระพุทธที่ยังมีชีวิตใหญ่น้อยสองร้อยกว่ารูปเข้าร่วม มองเรื่องนี้อย่างไร
อาจารย์ : พระสงฆ์ พระลามะ ก็เป็นคน พวกเขาชอบทำอะไรก็ทำอะไร เรื่องที่พวกเขาทำไม่ใช่ที่พระพุทธทำ และไม่ใช่ที่พระพุทธบอกให้ทำ คนธรรมดาสามัญให้ความสำคัญกับเรื่องเหล่านี้มาก ผู้ซิวเลี่ยนจึงควรเข้าใจให้แจ่มแจ้ง บรรยายพระสูตรก็เช่นเดียวกัน เป็นเพียงกิจกรรมทางศาสนาประเภทหนึ่งของผู้บำเพ็ญเท่านั้นเอง นอกจากนี้ ยุคธรรมะปลายไม่มีอะไรจะบรรยายได้แล้ว จะพูดถึงอีกปัญหาหนึ่ง ทุกคนทราบ พระสงฆ์ก็ดี พระลามะก็ดี คือไม่สามารถยุ่งเกี่ยวกับการเมืองและกฎหมายของประเทศ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องในหมู่คนธรรมดาสามัญ การเดินขบวน ก่อตั้งกระบวนการเป็นอิสระอะไรเอย ทุกคนคิดดู การเป็นผู้ซิวเลี่ยนคนหนึ่ง เขาทำเรื่องเช่นนี้ไหม นี่ไม่ใช่จิตยึดติดในหมู่คนธรรมดาสามัญหรอกหรือ ให้ความสำคัญกับเรื่องของคนธรรมดาสามัญมากเกินไปแล้วไหม ก็พูดเรื่องเหล่านี้ มันไม่ใช่จิตยึดติดที่ผู้ซิวเลี่ยนต้องขจัดทิ้งไปหรอกหรือ ข้าพเจ้าว่าฝ่าหลุนต้าฝ่าของเรานี้เป็นดินแดนบริสุทธิ์ ข้าพเจ้ากล้าพูดเช่นนี้ ผู้ฝึกของเรามีข้อกำหนดซินซิ่งที่สูงมากนะ พวกเรากำหนดให้ผู้ฝึกเน้นหนักการซิวเลี่ยนซินซิ่ง ข้าพเจ้าว่าไม่ว่าจะเป็นวีรบุรุษ บุคคลตัวอย่างก็ดี ถึงอย่างไรเขาก็คือวีรบุรุษ บุคคลตัวอย่างในหมู่คนธรรมดาสามัญ พวกเรากำหนดให้คุณเป็นคนที่เหนือสามัญวิสัยคนหนึ่งโดยสิ้นเชิง ละทิ้งผลประโยชน์ของตัวเองโดยสิ้นเชิง ทำเพื่อคนอื่นโดยสิ้นเชิง ผู้สำเร็จธรรมชั้นสูงคนนั้นเขาทำเพื่ออะไร เขาทำเพื่อผู้อื่นโดยสิ้นเชิง จึงพูดว่า ข้อกำหนดของข้าพเจ้าต่อผู้ฝึกก็สูงมาก ผู้ฝึกก็ยกระดับสูงขึ้นได้รวดเร็วมาก
พวกเราจะยกตัวอย่างให้ฟัง คำพูดของข้าพเจ้าเมื่อครู่ไม่ได้โอ้อวดเกินจริง ในพื้นที่ทุกแห่งทั่วประเทศ ไม่ว่าการประชุมระดับใหญ่ที่จัดโดยองค์กรการค้าหรืออุตสาหกรรม เวลามีของหายยากที่คุณจะหาพบ แน่ละ บางคนที่เป็นคนดียังคงมีอยู่ แต่เขาเป็นจำนวนส่วนน้อย ในชั้นเรียนฝ่าหลุนต้าฝ่าของเรา มีของอะไรหายล้วนสามารถหาพบ ชั้นเรียนทุกชั้นล้วนเป็นเช่นนี้ ชั้นเรียนที่มีจำนวนคนหลายพันคน นาฬิกาเอย สร้อยทองเอย แหวนเอย เงินเอย ที่เก็บได้ในทุกชั้นเรียน ตั้งแต่มากถึงน้อย เงินมากหรือน้อยก็มี เป็นพันหยวนก็มี เก็บได้ก็ส่งขึ้นมา ข้าพเจ้าประกาศอยู่ตรงนั้น เจ้าของก็มารับ คนเขา ผู้ฝึกก็พูดว่า สถานการณ์เช่นนี้ เคยเห็นในยุคที่เลียนแบบเหลยฟง ปัจจุบันไม่เคยเห็นมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว หลังจากจบชั้นเรียน ผู้ฝึกล้วนสามารถกำหนดซินซิ่งด้วยตัวเอง รับผิดชอบเพื่อผู้อื่น เพื่อสังคม กำหนดตัวเองอย่างเข้มงวด ข้าพเจ้าว่าพวกเราตรงนี้เป็นดินแดนบริสุทธิ์ไม่ถูกต้องหรือ
ศิษย์ : มีผู้ฝึกลองพลิกหนังสือชี่กงที่เรียกว่ากงธรรมชาติอะไรสักอย่าง ในหนังสือโต้แย้งคนอื่นยกยอกงของตัวเอง ดูแคลนฝ่าหลุนต้าฝ่า ผู้ฝึกดังกล่าวหลังจากอ่านได้สองหน้า ในกงมีเงาของสัตว์ของกงดังกล่าวเคลื่อนไหวอยู่ รบกวนการเข้าสู่ความสงบ
อาจารย์ : เราพูดแล้วว่า สิ่งเหล่านี้อ่านไม่ได้ คุณอ่านมันทำไมล่ะ ศิษย์ที่บำเพ็ญจริงต่างก็นำสิ่งที่ปลอม สิ่งที่ชั่วร้ายเหล่านี้ไปเผาทิ้งหมดแล้ว แต่คุณยังอ่าน นี่ไม่แตกต่างกันมากหรือ คุณอ่านมันไม่ใช่มีจิตแสวงหาหรือ อย่าอ่านสิ่งที่เลอะเทอะยุ่งเหยิง วิธีบำเพ็ญที่แท้จริง คนเขาไม่ออกมาถ่ายทอด และไม่ดูแลเรื่องเหล่านั้นของคุณแล้ว อาจารย์ชี่กงที่เผยแพร่ชี่กงให้แพร่หลาย คนเขาได้ทำเรื่องนี้เสร็จแล้ว เวลานี้ วันนี้ มีกงอะไรออกมา พรุ่งนี้มีกงอะไรออกมา ชี่กงเหล่านั้นโดยหลักล้วนเป็นของปลอม มันอยู่ข้างนอกก่อกวนและบ่อนทำลายฝ่าที่ถูกต้อง
อาจารย์ชี่กงที่แจ่มแจ้งต่างก็ไม่ถ่ายทอดกันแล้ว คุณถ่ายทอดอีก คุณมิรบกวนฝ่าหรือ เรื่องที่ควรทำก็ได้ทำแล้ว ได้สร้างคุณความดีที่ใหญ่แล้ว คุณทำอีกก็คือการรบกวน ฉะนั้นโดยพื้นฐานอาจารย์ชี่กงปลอมที่ทำเพื่อเงิน เพื่อชื่อเสียง เพื่อผลประโยชน์ ล้วนคือมาร ตัวเขาเองไม่รู้ว่าตัวเองเป็นมาร แต่ในชั้นเรียนพวกเราไม่ได้พูดให้เด็ดขาด โดยหลักคือกลัวว่าบางคนอาจจะยอมรับไม่ได้ ที่จริงโดยพื้นฐานล้วนเป็นมารที่กำลังรบกวน
ศิษย์ : ผู้ฝึกขณะเข้าสู่สมาธิ ฝึกกง มักจะมีความคิดที่ไม่ดีออกมา
อาจารย์ : ใช่ นี่ก็คือที่ข้าพเจ้ากล่าวไปเมื่อครู่ เนื่องจากในอดีตตัวเองได้ทำเรื่องที่ไม่ดีและได้ก่อเกิดความคิดแต่ละชนิด สสารเหล่านั้นล้วนแต่คงอยู่ สิ่งเหล่านั้นล้วนเกิดผล คุณนั่งอยู่ตรงนั้นเวลาฝึกกง ความคิดที่ไม่ดีเหล่านั้นอาจจะคิดด่าคน ยังคิดเรื่องไม่ดี บังคับคุณให้คิด ก็คือสสารที่ไม่ดีซึ่งก่อเกิดในความคิดในอดีตยังบังเกิดผลอยู่ ยิ่งกว่านั้นยังจะด่าอาจารย์ คุณไม่ต้องเป็นกังวล ให้คุณพยายามยับยั้งมัน ปฏิเสธมัน มันก็จะสลายไป จะต้องปฏิเสธความคิดที่ไม่ดีชนิดนี้อย่างแน่นอน เมื่อปรากฏออกมาก็ไม่ต้องกังวล นั่นไม่ใช่คุณต้องการด่าอาจารย์ แต่เป็นกรรมแห่งความคิดที่สะท้อนอยู่ในสมองของคุณ
ศิษย์ : เวลาที่ผู้ฝึกกงอยู่ในสมาธิ มักจะมีผู้ฝึกกับคนอื่นพูดถึงกงนั้น ๆ เป็นกงของฟู่ถี่พังพอน ตกกลางคืนผู้ฝึกดังกล่าวฝันว่ามีคนสอนเขาจุดธูป
อาจารย์ : ต่อไปคำพูดเหล่านี้ไม่ควรพูดกับคนที่ฝึกพลังกงเลอะเทอะยุ่งเหยิงเหล่านั้นโดยตรง ผู้ฝึกบางคนของเรามีเพื่อนที่สนิทมาก เขาฝึกกงที่มีฟู่ถี่ชนิดนั้น คุณสามารถพูดกับเขาได้ไม่เป็นไร ดีที่สุดอย่าพูดตรง ๆ คุณไปพูดกับคนที่ไม่รู้จักและคนที่ฝึกว่ากงชนิดนั้นไม่ดีอย่างไร แน่นอนเขาจะโจมตีคุณ รุมโจมตีคุณ กระทั่งพูดคำพูดที่ไม่ดี พวกเราต้องหลีกเลี่ยงเรื่องยุ่งยากเหล่านี้ พวกเราเตือนด้วยความหวังดี เขาสามารถเข้าใจเขาก็จะเข้าใจ แต่พวกเราต้องพยายามหลีกเลี่ยงเรื่องเหล่านี้ การเข้าไปสำนักของกงชนิดนั้นอย่างแท้จริง คนเหล่านั้นที่อยู่ข้างในก็ไม่อยากออกมา เขาได้เข้าสู่สำนักนอกรีตและหนทางชั่วร้ายแล้ว คุณสมบัติดั้งเดิมของเขาหลงทางและสูญหายไปแล้ว อย่างน้อยที่สุดคืออู้ซิ่งไม่ดี คนเหล่านั้นหันกลับมา ย่อมดี ไม่หันกลับมา คุณพยายามเตือนก็ทำไม่ได้ อย่างไรก็ตามให้ระมัดระวังกลยุทธ์และวิธีการสักหน่อย ระมัดระวังเรื่องเหล่านี้สักหน่อยเป็นใช้ได้ สิ่งชั่วร้ายจะไม่ทำร้ายคุณ
ศิษย์ : บางคนถ่ายรูปจากปฏิทินขายให้ผู้ฝึกตามราคาทุน ไม่ทำกำไร ทำได้ไหม
อาจารย์ : เรื่องเหล่านี้ข้าพเจ้าคิดเช่นนี้ บอกว่าผู้ฝึกคนนี้ของเราดีมาก ทำเรื่องนี้ให้กับทุกคน โดยหลักการก็ไม่ได้ฝ่าฝืนอะไร แต่ตรงนี้มีปัญหาของการแลกเปลี่ยนเงิน ถึงแม้เป็นราคาทุนก็เกี่ยวพันกับเงินแล้ว ข้าพเจ้าคิดว่าพยายามหลีกเลี่ยงเรื่องเหล่านี้ อย่าแตะต้องเงิน เพราะถ้าคุณแตะต้องเงินแล้ว ทำไม่ดีนาน ๆ เข้า ในใจจะสูญเสียความสมดุล ทำเรื่องเหล่านี้เรื่อย ๆ ก็จะมีความคิด : นี่ฉันก็ยังไม่คิด ค่าเดินทางของฉันจะคิดจากในนี้ดีหรือไม่ บอกว่าฉันเข้าเนื้อตรงนี้นิดหน่อย ควรจะบวกเข้าไปดีไหมนะ มันจะส่งเสริมจิตยึดติดแต่ละชนิดของคน อย่างช้า ๆ ก็จะควบคุมสิ่งนี้ไม่อยู่ ฉะนั้นต้องระมัดระวังเรื่องเหล่านี้
ทุกคนทราบไหมทำไมพวกเราไม่ให้ทุกคนแตะต้องเงิน องค์ศากยมุนีเมื่อสองพันห้าร้อยปีก่อนเพื่อไม่ให้คนแตะต้องเงินและสิ่งของ นำพาทุกคนเข้าป่าไปซิวเลี่ยน มีเพียงบาตรหนึ่งใบ ยังบรรยายฝ่าครั้งหนึ่งเฉพาะเจาะจงกับบาตรใบนี้ แม้แต่บาตรก็ล้วนยึดติดไม่ได้ สิ่งเหล่านี้ถ้าจัดการได้ไม่ดีก็จะรบกวนคนอย่างร้ายแรง
ส่งผลกระทบต่อการซิวเลี่ยนของคน ฉะนั้นเรื่องนี้ต้องระวังให้ดี คุณว่าพระเยซูในปีนั้นก็ไม่ใช่นำพาคนเขาไปถึงที่ใดก็หารับประทานที่นั่นไม่แตะต้องเงินหรือ ข้าพเจ้าก็พูดถึงเรื่องนี้เป็นการยกตัวอย่าง พวกคุณอาจไม่สามารถเข้าใจลึกซึ้งเช่นนั้น ข้าพเจ้าจำเป็นต้องเดินให้ถูกต้องเที่ยงตรง ข้าพเจ้าก็ไม่อาจจะสอนให้คุณทำเช่นนี้ได้
ผ่านไปหลายปีในภายหน้าคนเขาจะพูดว่า ในช่วงเวลาของหลี่หงจื้อ ก็มีคนทำเช่นนี้แล้ว เช่นนั้นฝ่านี้ยังจะสามารถถ่ายทอดได้หรือ มันก็จบลงนานแล้ว ผ่านไปไม่นานก็จะจบลงแล้ว มีคนอยากได้รูปถ่าย อยากได้ คุณเอาไปถ่ายเอง คุณเอาไปล้างเองดีแล้ว แต่พวกเราพยายามรักษาไว้ในหมู่ผู้ฝึก ในอนาคตสิ่งเหล่านี้ พวกเราอาจพิมพ์ออกจำหน่ายอย่างเปิดเผยในสังคม เพราะแม้แต่ปฏิทินของข้าพเจ้าก็มีเลขมาตรฐานสากลประจำหนังสือ (ISBN) แล้ว ในอนาคตพวกเราต้องจัดการเรื่องเหล่านี้ให้เป็นเอกภาพ
อย่าได้ตัดสินใจเองเป็นอันขาด จัดการไม่ดียังจะบ่อนทำลายต้าฝ่า
จะขายอย่างไรล่ะ ขายเท่าทุนก็ไม่ได้ อย่าได้เกิดจิตยึดติดใด ๆ ชนิดนี้อย่างเด็ดขาด ไม่มีประโยชน์ ซิวเลี่ยนและยกระดับตัวเอง ช่วยเหลือผู้อื่น ไม่จำเป็นต้องใช้รูปแบบนี้เสมอไป บอกให้ทุกคนรู้เกี่ยวกับฝ่า พูดกับทุกคนเกี่ยวกับฝ่าสักเล็กน้อยจะดีกว่าสิ่งอื่น ซินซิ่งของคนยกระดับสูงขึ้นดีกว่าสิ่งที่เป็นรูปแบบภายนอกอย่างมาก สิ่งเหล่านี้ให้สมาคมค้นคว้าวิจัยฝ่าหลุนกงจัดการดูแลอย่างเป็นเอกภาพ ศูนย์ใหญ่ ศูนย์สาขา ศูนย์ช่วยฝึกสอน ล้วนไม่อนุญาตให้แตะต้องเงิน พวกเราสมาคมค้นคว้าวิจัยฝ่าหลุนกงจะทำเรื่องอะไรก็ต้องได้รับความยินยอมจากข้าพเจ้าก่อนพวกเขาจึงจะทำ ที่ใช้ชื่อต่าง ๆ ไปทำส่วนตัว ล้วนทำไม่ได้ เป็นการละเมิดสิทธิ์ กฎหมายของสังคมก็ไม่อนุญาต
ศิษย์ : มีคนคิดจะซิวเลี่ยนซินซิ่งให้ดี ๆ แต่ในชีวิตประจำวันไม่มีสิ่งที่กระทบถึงจิตใจของเขา และไม่เคยฝัน กังวลว่าอาจารย์ไม่ดูแลเขาแล้ว
อาจารย์ : อันนี้ไม่ใช่ เพราะแต่ละคน สิ่งที่เขามีติดตัวและสภาวะของตัวเขาล้วนต่างกัน สิ่งที่เขามีติดตัวอาจจะมีความซับซ้อน แน่นอนข้าพเจ้าสามารถยกตัวอย่างให้ทุกคน ไม่ใช่พูดถึงใครคนใดคนหนึ่ง คนบางคนมาจากระดับชั้นที่ค่อนข้างสูง เขาไม่จำเป็นต้องทนทุกข์ เขามาเพื่อหล่อหลอมกับฝ่านี้ เมื่อหล่อหลอมเสร็จแล้วก็นับว่าจบเรื่องของเขาแล้ว และมีส่วนหนึ่งคือคนเช่นนี้เป็นส่วนที่น้อยมาก ๆ แต่อาจจะไม่ใช่สถานการณ์แบบที่คุณพูดถึง ข้าพเจ้าพูดในความหมายนี้ มีคนจำนวนมากอาจมีองค์ประกอบแต่ละชนิดคงอยู่ แต่ไม่ว่าคุณต้องทนทุกข์หรือไม่ก็ตาม การหล่อหลอมกับฝ่านี้ ศึกษาฝ่านี้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
ศิษย์ : มีผู้ฝึกไม่น้อยฝันเห็นอาจารย์สอนกงที่ไม่ใช่อยู่ในกงฝ่าห้าชุด ควรทำอย่างไร
อาจารย์ : ไม่ใช่ท่าเคลื่อนไหวจากกงฝ่าห้าชุด นั่นก็คือมารมาสอนคุณ นั่นล้วนเป็นของปลอม ไม่ใช่ข้าพเจ้าที่สอนคุณอย่างแน่นอน ที่ข้าพเจ้าถ่ายทอดให้ทุกคนในวันนี้ก็คือกงฝ่าห้าชุดนี้ เหล่านี้เพียงพอที่จะเปลี่ยนแปลงร่างกายของคุณ และฝึกสิ่งที่เป็นศาสตร์กับสิ่งที่มีรูปลักษณ์ทั้งหมดออกมา กงอันนั้นที่กำหนดระดับชั้นสูงต่ำของคุณอย่างแท้จริง เพราะไม่ใช่ฝึกออกมา มันเพียงพอที่จะใช้แล้ว ฝึกกงในฝัน ในสมองถ้าสะท้อนข้ามมาก็อย่าฝึกแล้ว ฝึกนี่คือซินซิ่งยังไม่ค่อยแน่นแฟ้น ถ้าแน่นแฟ้นเพียงแต่คิดเท่านั้นก็สะท้อนข้ามมาแล้ว
ศิษย์ : ถ้าแม้มีคนเสียชีวิตไปโดยที่ยังไม่หยวนหมั่นจะทำอย่างไร
อาจารย์ : บำเพ็ญไม่หยวนหมั่น ไม่บรรลุหยวนหมั่น เขาอยู่ ณ กั่วเว่ยนั้น ได้กั่วเว่ยแล้ว เขาก็บำเพ็ญสำเร็จแล้ว แต่ว่าแม้แต่ฝ่าในภพก็ยังออกไปไม่ได้ เช่นนั้นก็แย่มาก แต่ยังไม่ออกจากฝ่าในภพ เขาสามารถมีที่ไปของเขาในมิติที่แตกต่างกันภายในตรีภูมิ เขาบำเพ็ญถึงระดับชั้นใดก็อยู่ ณ ระดับชั้นนั้น ก็ดีเหมือนกัน ถ้าเขาบอกว่า : เช่นนั้นไม่ได้ ฉันยังบำเพ็ญได้ไม่ดี ฉันตั้งปณิธานจะบำเพ็ญต่อในชาติหน้า เช่นนั้นก็สามารถให้เขาเข้าสู่สภาพของการบำเพ็ญจริง ๆ ในชาติหน้า ยังจะบำเพ็ญต่อไป แต่มีจุดหนึ่ง ถ้ายึดกุมไม่ดีเป็นเรื่องอันตรายมาก บำเพ็ญได้ไม่ดีอีก ยังจะตกลงไปเช่นเดิม ยังจะแย่กว่าเดิมอีก ถ้าบำเพ็ญได้ดี ก็จะดีกว่าเดิม เขาล้วนมีความสัมพันธ์เช่นนี้คงอยู่
ศิษย์ : ในขั้นตอนของการซิวเลี่ยนซินซิ่ง กลัวว่าตัวเองจะทำผิดอยู่ทุกเวลานาที ใช้ฝ่าประเมินอยู่เสมอ ยังคงมีเรื่อง ไม่ทราบว่าถูกต้องหรือไม่
อาจารย์ : ทำแต่ละเรื่องล้วนกังวลมาก ข้าพเจ้าคิดว่าอย่าได้ยึดติดขนาดนั้น เป็นการยากที่จะจัดความสัมพันธ์นี้ คิดมากไปเป็นความยึดติด คิดน้อยไปล่ะ ดูเหมือนว่าพวกเรากลัวทำเรื่องอะไรผิด ข้าพเจ้าคิดว่าก็ไม่ต้องถึงกับทำให้ความคิดเกิดความตึงเครียดอย่างนั้น ฉะนั้นเวลาที่พวกเราทำเรื่องอะไร เรื่องทั่ว ๆ ไป พอทำก็รู้แล้วว่าดีหรือไม่ดี และคุณก็ไม่ควรมีเรื่องอะไรมากมายเช่นนั้น ปล่อยวางเรื่องนี้แล้วก็มีเรื่องนั้น ข้าพเจ้าคิดว่าเรื่องต่าง ๆ ในหมู่คนธรรมดาสามัญ ไม่ต้องคิดก็รู้แล้วว่ามันเป็นเรื่องดีหรือไม่ดี เรื่องบางเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วน พวกเราต้องไตร่ตรอง ไตร่ตรองว่านี่เป็นเรื่องดีหรือเรื่องไม่ดี คิดอย่างนั้นอยู่ตลอดเวลา ทุกครั้งที่ทำเรื่องอะไรก็คิดอยู่อย่างนั้น เรื่องเล็ก ๆ ก็คิด ข้าพเจ้าว่านั่นก็คือจิตใจยึดติดเกินไปแล้ว ให้ซิวเลี่ยนอย่างสง่าผ่าเผย มองไปที่เรื่องใหญ่ ๆ แน่นอนข้างในนี้ในขั้นตอนของการซิวเลี่ยน เรื่องที่ฉันยังไม่เข้าใจ ทำผิดไปแล้ว ยึดกุมได้ไม่ดี ข้าพเจ้าคิดว่านั่นคือคุณยังซิวเลี่ยนไม่ถึงตรงนั้น เรื่องบางอย่างคุณยังไม่ตระหนัก คุณก็อย่ายึดติดจนเกินไป ถึงเวลาที่ควรขจัดจิตนี้ไป มันก็จะสะท้อนออกมาโดยอัตโนมัติ
ศิษย์ : บำเพ็ญจิตและชีวิตควบคู่กันรวมเข้ากับหยวนอิง ถูกต้องไหม
อาจารย์ : ก็คือคุณบำเพ็ญจิตและชีวิตควบคู่กัน การเปลี่ยนแปลงของเปิ๋นถี่และหยวนอิงที่ซิวเลี่ยน เมื่อถึงเวลาก็จะรวมเข้ากับเหวียนเสินของคุณ รวมเป็นร่างเดียวกัน
ศิษย์ : รับประทานเนื้อสัตว์มีกรรมไหม
อาจารย์ : รับประทานเนื้อสัตว์โดยตัวเองมันไม่มีกรรม และไม่มีแนวคิดของการฆ่าชีวิตคงอยู่ รับประทานเนื้อสัตว์โดยตัวเองไม่ใช่จิตยึดติด รับประทานเนื้อสัตว์สามารถส่งเสริมให้คนมีจิตยึดติดต่อความอร่อยของเนื้อสัตว์
ศิษย์ : ทุกคนในร่างกายมีกุศล (เต๋อ[34]) อยู่จำกัด การบำเพ็ญกงไปสู่ระดับสูงเป็นสิ่งที่กำหนดไว้ หลังจากไคกงไคอู้แล้ว ยังสามารถสะสมเต๋อ ยกระดับสูงได้อีกไหม
อาจารย์ : เต๋อนั้นมีจำกัด หลังจากไคกงไคอู้แล้วไม่สามารถยกระดับให้สูงขึ้นอีกอย่างแน่นอนแล้ว เพราะหลังจากไคกงแล้ว อะไรคนคนนี้ล้วนมองเห็นแล้ว
อะไรล้วนสัมผัสได้แล้ว อะไรล้วนเข้าใจแล้ว จึงไม่มีอู้ซิ่งคงอยู่แล้ว เข้าใจแจ่มแจ้งไปทนทุกข์ สามารถบำเพ็ญได้สูง
เช่นนั้นใครจะไม่ทำล่ะ พระพุทธองค์นั้นบำเพ็ญต่อขึ้นไป ทำไมเขาจึงบำเพ็ญได้ช้ามากแล้ว ก็คือเขาแทบจะไม่มีวิธีทนทุกข์แล้ว เขาได้แต่ต้องทุ่มเทอุทิศเป็นพิเศษ
เขาจึงจะยกระดับสูงขึ้นได้เล็กน้อยเท่านั้น
ข้างในนี้มีความสัมพันธ์ชั้นหนึ่งเช่นนี้ บอกว่าเต๋อมีไม่พอแล้ว
เต๋อไม่พอยังมีกรรมนี่นะ หลังจากทนทุกข์แล้ว กรรมยังสามารถแปรผันนี่ แปรผันเป็นเต๋อ ถ้ายังสามารถบำเพ็ญต่อไปอีกจริง ๆ บอกว่าฉันยังสามารถบำเพ็ญ ยังคิดจะบำเพ็ญ ไปรับเอากรรมของญาติสนิทมิตรสหายมา คุณสลายไปแล้วยังสามารถเปลี่ยนเป็นเต๋อ
อย่างไรก็ตามยากมาก เพราะมันกับปริมาณที่รับได้ของซินซิ่งและจิตใจของคนนั้นประกอบเสริมซึ่งกันและกัน
ฉะนั้นเมื่อถึงขั้นนั้นบรรจุเต็มแล้ว
บรรจุไม่เข้าแล้ว มันมีปรากฏการณ์เช่นนี้ คนที่ทนทุกข์ต่อไปอีกก็อาจเนื่องจากปริมาณที่รับได้ไม่พอแล้วเปลี่ยนไม่ดี ตกลงไป บำเพ็ญสูญเปล่า
ศิษย์ : องค์ศากยมุนีไคกงแล้ว ทำไมใช้เวลาถ่ายทอดฝ่าถึงสี่สิบเก้าปีจึงบรรลุระดับยูไล
อาจารย์ : คนที่มาจากระดับชั้นที่สูงมาก ๆ คนหนึ่ง เหนือกว่าระดับยูไลหลาย ๆ เท่า ถ้าเขาจะบำเพ็ญ บางทีหลังจากไคกงอาจไม่ต้องใช้เวลาสี่สิบเก้าปี ใช้เวลาครึ่งหนึ่งของขั้นตอน หรือขั้นตอนที่สั้นกว่านั้นก็สามารถบรรลุเขตแดนที่สูงมาก นี่เกี่ยวข้องกับเกินจีของเขา และเกี่ยวข้องโดยตรงกับระดับชั้นที่เขาอยู่ และเกี่ยวข้องอย่างมากกับระดับชั้นที่เขาอยู่ในชาติก่อน แต่ละคนล้วนไม่อาจถือเป็นสูตรตายตัว
ศิษย์ : องค์ศากยมุนีใช้เวลาสี่สิบเก้าปีบรรลุระดับชั้นยูไล
ใครแปรผันกงให้พระองค์ พระองค์จัดเป็นประเภทอู้อย่างฉับพลันทันที (ตุ้นอู้[35])
หรือเป็นเจี้ยนอู้
อาจารย์ : พระองค์จัดเป็นประเภทตุ้นอู้ พระองค์มาเพื่อช่วยเหลือคน ไม่ใช่มาซิวเลี่ยน ใครแปรผันกงให้พระองค์นะหรือ ไม่มีใครแปรผันกงให้พระองค์ ใครก็ตามที่ลงมาทำเรื่องเช่นนี้ ก่อนจะลงมา ต้องถกเรื่องนี้ร่วมกับผู้สำเร็จธรรมชั้นสูงมากมาย ตัวพระองค์เองตัดสินใจเรื่องที่พระองค์เองจะต้องทำในภายหลัง เมื่อกำหนดแล้ว ก็ดำเนินการตามแผน เมื่อใดไคกง เมื่อใดหยวนหมั่น เมื่อใดเสร็จสิ้นภารกิจ นี่ล้วนแต่กำหนดไว้แล้ว พระองค์ก็ไม่ใช่ไคกงไคอู้อย่างที่พวกเราพูดกัน คุณอาจยังไม่ค่อยเข้าใจ ก็คือในทันทีทันใดความทรงจำของพระองค์ก็เปิดออกแล้ว พระองค์จึงระลึกถึงสิ่งของที่พระองค์ซิวเลี่ยนในอดีต พระองค์จึงนำออกมาถ่ายทอดให้แก่คน ข้าพเจ้าว่าฝ่าที่องค์ศากยมุนีถ่ายทอดในเวลานั้น ฝ่าของศาสนา ฝ่าของพุทธศาสนานั้นไม่สูง ตรงนี้ไม่ใช่จะพูดว่าองค์ศากยมุนีไม่สูง เพราะองค์ศากยมุนีก็ไม่ได้นำสิ่งของทั้งหมดของพระองค์ออกมาถ่ายทอดทั้งหมด พระองค์ถ่ายทอดโดยมีเป้าหมายต่อคนที่เพิ่งออกจากสังคมดึกดำบรรพ์ คนประเภทนี้เมื่อสองพันห้าร้อยปีก่อน นั่นไม่ใช่ฝ่าทั้งหมดของพระองค์
ศิษย์ : กงจะแปรผันในขณะนั่งสมาธิเท่านั้นหรือ หรือในเวลาเดียวกับการยกระดับของซินซิ่ง
อาจารย์ : ขณะนั่งสมาธิ ขณะฝึกกง ขณะทนทุกข์ ขณะประสบทุกข์ภัย
ล้วนกำลังแปรผันกง ขั้นตอนของการยกระดับซินซิ่งก็กำลังเพิ่มกงที่กำหนดระดับชั้นสูงหรือต่ำของกงนี้
ศิษย์ : มีคนบอกว่ากวนซื่ออิน สำเร็จเป็นพระพุทธแล้ว
อาจารย์ : อย่าเชื่อคำพูดเลอะเทอะที่คนอื่นพูด ข้าพเจ้าจะบอกกับทุกคน สังคมมนุษย์ที่ได้มาถึงยุคธรรมะปลาย เหล่าผู้สำเร็จธรรมต่างวางมือไม่ดูแลแล้ว และไม่อนุญาตให้พวกเขาดูแลแล้ว ไม่เพียงแต่วางมือไม่ดูแลสังคมมนุษย์แล้ว ยิ่งกว่านั้นในช่วงปลายกัลป์พวกเขาก็ตกอยู่ในสภาวะที่ลำบากมากแล้ว จะช่วยตัวเองยังไม่ไหวเลย เนื่องจากสิ่งเหล่านี้ ในระดับชั้นที่พวกเขาอยู่ก็เกิดปัญหาแล้ว ข้าพเจ้าเคยพูดกับทุกคนเมื่อก่อน ข้าพเจ้าว่าปัจจุบันไม่มีคนดูแลแล้ว ข้าพเจ้าไม่ใช่พูดเรื่องเกินจริง ข้าพเจ้าจะบอกทุกคน เรื่องเหล่านี้ถูกต้องอย่างยิ่ง คุณกราบไหว้พระพุทธก็ดี คุณกราบไหว้รูปลักษณ์ของศาสนาก็ดี บนนั้นอะไรก็ไม่มี บางรูปอาจมีเงาคงอยู่ตรงนั้น แต่นอกจากจะสามารถพูดแล้ว เขาทำอะไรไม่ได้แล้ว นี่คือช่วงปลายกัลป์แล้ว ถึงช่วงเวลานี้ก็เป็นเช่นนี้
ปัจจุบันพระโพธิสัตว์กวนอินที่คนรู้จักคือพระโพธิสัตว์กวนอินที่คนกราบไหว้เมื่อหลายปีก่อน กงของพระโพธิสัตว์กวนกินที่แท้ยังสูงกว่าพระพุทธยูไล เทียบกับพระพุทธอาหนีถอฝอ (อมิตตพุทธ) ยังสูงกว่าเล็กน้อย เพราะพระโพธิสัตว์ใหญ่โดยตัวพระองค์เองก็คือพระพุทธแล้ว แต่พระองค์ยังบรรลุไม่ถึงเขตแดนของพระยูไล แต่พระองค์มีกงบางส่วนที่สูงเลยพระยูไล เพราะที่พระองค์บำเพ็ญคือพระโพธิสัตว์ พระองค์ทำในเรื่องของพระองค์ ข้างในนี้มีหลักการที่ลึกซึ้งมากมายที่ไม่อาจจะพูดได้แล้ว เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่สมควรให้มนุษย์ล่วงรู้ ไม่เหมือนอย่างที่พวกเราคิด และไม่เหมือนความสัมพันธ์ของระดับชั้นแบบนั้นของคนธรรมดาสามัญ นี่เป็นคนละเรื่องกัน
ศิษย์ : มีคนบอกว่าพระอรหันต์
พระโพธิสัตว์ในโลกของฝ่าหลุน มีบางองค์กระทั่งสูงกว่าพระพุทธของโลกอื่น ๆ เป็นเช่นนี้หรือ
อาจารย์ : นี่สามารถะพูดเช่นนี้ได้ พระพุทธในโลกบางแห่งอาจสูงกว่าพระพุทธในโลกบางแห่ง ซึ่งถูกต้อง เพราะระดับชั้นก็กำหนดตำแหน่งของโลกของพระพุทธด้วย พระพุทธในระดับชั้นของยูไล ถ้านำพาคนจำนวนมากบรรลุกั่วเว่ยพระพุทธด้วยแล้ว คนเหล่านี้ก็มีทั้งระดับสูงและต่ำ ในโลกของฝ่าหลุนโดยรวมก็มีปรากฏการณ์ชนิดนี้คงอยู่เช่นกัน พูดกันว่าพระอรหันต์ พระโพธิสัตว์ในโลกของฝ่าหลุนสูงกว่าพระพุทธในโลกอื่น ระดับชั้นของโลกฝ่าหลุนนั้นสูงมาก ๆ ฝ่าที่พวกเราถ่ายทอดวันนี้นั้นใหญ่มาก ไม่ได้จำกัดให้ถ่ายทอดอยู่แต่ในโลกของฝ่าหลุน ที่ข้าพเจ้าให้คนเขาสมควรรู้คือโลกของฝ่าหลุน แต่สิ่งที่สูงเลยจากโลกของฝ่าหลุนก็ไม่สามารถบอกให้คนรู้ เพราะไม่อนุญาตให้คนรู้ ข้าพเจ้าว่าคนจำนวนมากรู้สึกได้แล้วว่าฝ่านี้เป็นสิ่งที่ใหญ่โตมาก ๆ ผู้สำเร็จธรรมจำนวนมาก ล้วนมาหล่อหลอมกับฝ่านี้ เขาไม่ใช่ฝ่าทั่ว ๆ ไป เขานำพาให้คนบำเพ็ญได้สูงมาก จุดนี้ยืนยันได้ ไม่ใช่ว่าการซิวเลี่ยนของแต่ละคนล้วนจำกัดอยู่ในโลกของฝ่าหลุน นี่ก็คือแน่นอน องค์ศากยมุนี พระพุทธอาหนีถอฝอก็ไม่ได้บอกว่าใครที่ซิวเลี่ยนอยู่ในวิชาของพระองค์ก็ล้วนจะไปยังที่ของพระองค์ทั้งหมด หรือไปที่ใด สูงเลยจากอาณาเขตของพระองค์แล้ว ก็อาจจะไปที่อื่น
ศิษย์ : เมื่อบรรลุถึงอรหันต์
ความสูงของกงมีมาตรฐานไหม
อรหันต์ขั้นต้นคือกำหนดโดยซินซิ่งกับความสูงของกงใช่ไหม
อาจารย์ : ระดับชั้นของอรหันต์เป็นมาตรฐานที่ไม่เปลี่ยนแปลงซึ่งกำหนดโดยพระพุทธของโลกต่าง ๆ
ระดับซินซิ่งของผู้ฝึกสูงหรือต่ำและรูปแบบการแปรผันของกงทั้งหมดของเขานั้นเหมือนกัน ล้วนต้องบรรลุขึ้นมาถึงขั้นนี้ ทั้งหมดจะถูกทดแทนด้วยสสารพลังงานสูง มันเสริมและประกอบซึ่งกันและกัน เหล่านี้ข้าพเจ้าได้เน้นย้ำอย่างหนักแน่นแล้ว ปัญหาเหล่านี้ผู้ช่วยฝึกสอนล้วนสมควรสามารถอธิบายได้แล้ว การเดินสู่การซิวเลี่ยนฝ่านอกภพมิใช่การซิวเลี่ยนร่างพระพุทธหรอกหรือ การซิวเลี่ยนฝ่านอกภพ คุณมีร่างพระพุทธแล้ว ร่างพระพุทธเป็นร่างกายที่ถูกทดแทนด้วยสสารพลังงานสูงโดยสิ้นเชิง การเดินสู่ฝ่านอกภพเข้าสู่ร่างขาวบริสุทธิ์มิใช่ร่างโปร่งใสที่ทั่วทั้งร่างถูกสสารพลังงานสูงทดแทนแล้วหรือ บำเพ็ญต่อไปอีกนั่นมิใช่ร่างพุทธแล้วหรือ และมิใช่เข้าสู่อรหันต์ขั้นต้นแล้วหรือ ก็เป็นเช่นนี้
ศิษย์ : ร่างชีวิตที่ก่อเกิดในร่างกาย เช่น มังกร เป็นต้น อยู่ภายในวัฏสงสารหกทางไหม
อาจารย์ : ภายในวัฏสงสารก็มีสิ่งมีชีวิตบางส่วน ภายนอกวัฏสงสารหกทางก็มีสัตว์คงอยู่ ในระดับชั้นที่สูงขึ้นไปอีกก็มี โดยทั่วไปมันไม่สามารถบำเพ็ญขึ้นไป มันก่อเกิดอยู่ในสภาพแวดล้อมธรรมชาตินั้น คนที่ซิวเลี่ยนอยู่ในระดับชั้นสูง ร่างชีวิตที่ร่างกายก่อเกิด เช่น มังกร เป็นต้น แน่นอนเป็นของคุณ และก็จะตามคุณขึ้นไปสู่ระดับชั้นสูงพร้อมกับที่คุณหยวนหมั่น
ศิษย์ : ร่างชีวิตที่ก่อเกิดในร่างกายมีลิขิตหรือไม่ว่าจะบำเพ็ญเส้นทางใด ผู้บำเพ็ญเต๋าถ้าหากยึดมั่นบำเพ็ญหนึ่งเดียว สามารถจะบำเพ็ญพุทธไหม
อาจารย์ : อันนี้ไม่มีกำหนดไว้อย่างเจาะจง บอกว่าคุณนั้นบำเพ็ญพุทธแล้วคุณก็บำเพ็ญเต๋า นี่ก็ไม่มีปัญหา เพียงแต่ว่าอาจารย์ในวิชานั้นในระยะแรกจะไม่ปล่อยคุณ เมื่อไม่ไหวแล้วจริง ๆ เขาก็จะไม่ดูแลคุณแล้ว บอกว่าคุณตัดสินใจแน่วแน่แล้วจะบำเพ็ญให้จงได้ เขาก็จะไม่ดูแลคุณแล้ว ถ้าบำเพ็ญโดยเหยียบเรือสองแคม เป็นเช่นนั้นไม่ได้ อาจารย์ข้างไหนก็จะไม่ดูแลคุณ นี่คือปัญหาของซินซิ่ง นี่คือปัญหาการบ่อนทำลายวิธีบำเพ็ญทั้งสอง
ศิษย์ : มีหรือไม่ที่ถูกลิขิตให้บำเพ็ญหนทางชั่ว
อาจารย์ : มี มีคนเจาะจงออกมาในช่วงธรรมะปลายเพื่อบ่อนทำลายฝ่า ล้วนมีการใช้รูปแบบต่าง ๆ จากภายนอกอาจโจมตีฝ่าหลุนต้าฝ่าอย่างเปิดเผย โจมตีข้าพเจ้าอย่างเปิดเผย พวกเราผู้ฝึกล้วนสามารถแยกแยะได้ มารชนิดนี้มันไม่น่ากลัว ชี่กงปลอมก็ไม่น่ากลัว พวกเราผู้ฝึกสามารถวินิจฉัยแยกแยะได้แล้ว เวลานี้อย่างน้อยที่สุดทุกคนล้วนสามารถสงบจิตใจลงมา ตรึกตรองว่ามันคือของจริงหรือปลอม หลังจากเข้าใจแล้ว ก็จะไม่ไปเรียนแบบหลับหูหลับตาเหมือนที่ผ่านมา
ที่แยกแยะได้ลำบากที่สุดก็คือมารชนิดนี้ มันมีกำลังบ่อนทำลายที่ใหญ่มาก มันก็มาศึกษาฝ่าหลุนต้าฝ่า และพูดว่าฝ่าหลุนต้าฝ่าดี พูดอย่างตื่นเต้นยิ่งกว่าคนอื่นเสียอีก มีความรู้สึกแรงยิ่งกว่าคนอื่น ยังมองเห็นรูปลักษณ์อะไรบางอย่าง หลังจากนั้นอยู่ ๆ เขาก็ตายไป หรืออยู่ ๆ เขาเดินไปยังหนทางตรงกันข้ามและบ่อนทำลายฝ่าหลุนต้าฝ่า ก็คือคนประเภทนี้ที่แยกแยะได้ลำบากที่สุด ด้วยเหตุที่แยกแยะได้ลำบาก จึงเป็นการบ่อนทำลายที่ใหญ่ที่สุด รูปแบบการบ่อนทำลายของมันก็คือจัดวางอย่างนี้ไว้แล้ว ก็ลิขิตให้เขาทำอย่างนี้ เขาจะทำทุกสิ่งที่จะก่อปัญหาความยุ่งยากให้ใหญ่โต มารที่มีความสามารถบ่อนทำลายใหญ่ ที่ข้าพเจ้าพูดไปเมื่อครู่ก็จัดอยู่ในประเภทนี้
ศิษย์ : พระโพธิสัตว์ตี้จ้างสามารถบำเพ็ญสำเร็จพระพุทธไหม
อาจารย์ : พระโพธิสัตว์ใหญ่ก็สามารถเรียกว่าเป็นพระพุทธได้แล้ว พระโพธิสัตว์ใหญ่ คุณพูดถึงอ๋องตี้จ้างหรือพระโพธิสัตว์ตี้จ้าง คนเขาก็เรียกพระองค์เป็นพระพุทธ คือความหมายนี้ แต่พระองค์ทำเรื่องประเภทนั้นของพระองค์
ศิษย์ : เหวียนเสินของคนมาอย่างไร
อาจารย์ : นี่ข้าพเจ้าก็พูดไปแล้ว ชีวิตดั้งเดิมก่อเกิดขึ้นจากผลของการเคลื่อนไหวของสสารที่ใหญ่มหึมาแต่ละชนิดในจักรวาล
ศิษย์ : มีคนพูดข้อมูลทางสายเล็ก
อาจารย์ : อย่าฟังข้อมูลทางสายเล็กเหล่านี้ของคนเขา โดยเฉพาะคือส่งผลกระทบต่อฝ่าของข้าพเจ้า
บ่อนทำลายภาพลักษณ์ของฝ่าของพวกเรา ทุกคนล้วนอย่าเผยแพร่ มาถึงคุณก็หยุดเลย ทุกคนต่างทำอย่างนี้ มันก็ไม่มีที่จะเผยแพร่แล้ว
ศิษย์ : การวิจารณ์ความสำเร็จและความผิดพลาดของคนอื่นเป็นการก่อกรรมหรือไม่
อาจารย์ : ความดีกับความไม่ดี ความสำเร็จกับความผิดพลาดในหมู่คนธรรมดาสามัญ ข้าพเจ้าคิดว่าการเป็นผู้ฝึกกงคนหนึ่งควรปล่อยวางให้เบาบางสักหน่อย เรื่องราวของคนธรรมดาสามัญคุณอย่าได้พูดคุยกันอย่างสนุกสนานเช่นนั้น คุณสนใจและยึดติดกับสิ่งเหล่านี้ หรือคุณอยากจะซิวเลี่ยนล่ะ ในหมู่คนธรรมดาสามัญก็มีเรื่องราวเพียงเท่านี้ ข้าพเจ้าพูดแล้วไม่ใช่หรือว่า เรื่องราวในหมู่คนธรรมดาสามัญก็เป็นเพียงเรื่องราวเหล่านั้น พูดไปพูดมา นั่นมิเท่ากับคนธรรมดาสามัญกำลังพูดเกี่ยวกับคนธรรมดาสามัญหรือ
ศิษย์ : หลังจากคนไคอู้แล้วก็ไม่สามารถบำเพ็ญสูงขึ้นแล้ว แต่องค์ศากยมุนีไคอู้ใต้ต้นโพธิ์ ทำไมยังสามารถบำเพ็ญสูงขึ้นล่ะ
อาจารย์ : คนหยวนหมั่นแล้วก็ไม่อาจจะบำเพ็ญสูงขึ้น ไคอู้ก็คือหยวนหมั่นแล้ว องค์ศากยมุนีในเวลานั้นพระองค์อยู่ในสภาวะกึ่งไคอู้ แต่ความทรงจำบางส่วนของพระองค์เปิดแล้ว แต่ยังมีอีกมากมาย มากมายที่ยังไม่เปิด ยังมีอีกมากมายที่พระองค์ไม่รู้ พระองค์จึงสามารถบำเพ็ญขึ้นไปได้ อะไรพระองค์ล้วนรู้แล้ว พระองค์จึงบำเพ็ญขึ้นไปไม่ได้แล้ว พระองค์ใช้เวลาสี่สิบเก้าปีถ่ายทอดฝ่า คือซิวเลี่ยนบรรรลุถึงระดับชั้นยูไลแล้ว และเกิดขึ้นเพราะสภาวะกึ่งไคอู้ของพระองค์บรรลุถึงระดับที่สูงมาก กึ่งไคอู้ของพวกเราจะไม่บรรลุระดับที่สูงเช่นนั้น เนื่องจากองค์ศากยมุนีมาเพื่อช่วยคน แต่สำหรับคนบางคน ข้าพเจ้ายังคงเน้นย้ำ คนบางคนอาจจะสูงมาก เนื่องจากสถานการณ์ของแต่ละคนล้วนต่างกัน
ศิษย์ : หลังจากที่คนตายไป ความสัมพันธ์ทางญาติก็ไม่คงอยู่แล้ว เหวียนเสินไปคนละทาง ทำไมเต๋อและกรรมของบรรพบุรุษสามารถสะสมไปยังรุ่นลูกหลาน
อาจารย์ : ใช่ จักรวาลนี้มีหลักการเช่นนี้ มันก็เป็นหลักการของการควบคุมคน คุณก่อกรรมแล้ว คุณตายไป รุ่นหลังของคุณจะต้องชดใช้กรรม ฉะนั้นจะสร้างความผาสุกให้แก่คนรุ่นหลัง เขาอยากจะหาเงินเป็นจำนวนเท่านั้นเท่านี้ ตัวเองรู้ว่าใช้ได้ไม่มาก เหลือให้คนรุ่นหลังได้เสวยสุข เขาเห็นเรื่องต่าง ๆ ในโลกเป็นเรื่องสำคัญ เห็นครึ่งหลังของชีวิตของเขาเป็นเรื่องสำคัญ กระทั่งชื่อเสียงหลังจากเขาตายไปล้วนเห็นว่าสำคัญมาก ตัวไม่อยู่แล้วเหลือแต่ชื่อ เขาล้วนเห็นว่าสำคัญมาก เขามีเหตุปัจจัยอันนี้ ดังนั้นเขาจะสะสมกรรม สะสมกรรมไปยังรุ่นหลัง
ศิษย์ : กล่าวกันว่าคนคนหนึ่งสำเร็จเป็นพระพุทธ
บรรพบุรุษเก้ารุ่นจะขึ้นสวรรค์
อาจารย์ : พวกเราบางคนได้ทำสิ่งที่เป็นกุศลใหญ่
หรือบำเพ็ญได้ดี พ่อแม่อาจสบโอกาสได้รับการช่วยเหลือให้ขึ้นไปเลย แต่จะได้รับการช่วยเหลือขึ้นไปถึงระดับชั้นไหน
นั่นต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์แต่เดิมของพ่อแม่เขา นอกจากนี้สถานการณ์การซิวเลี่ยนของพวกเราล้วนส่งผลกระทบต่อพวกเขา บรรพบุรุษสะสมเต๋อย่อมได้บุญวาสนาตอบแทน คนพูดว่าคนหนึ่งฝึกกง บรรพบุรุษสะสมเต๋อ บอกว่าคุณบำเพ็ญสำเร็จเป็นพระพุทธแล้ว
พ่อแม่ของคุณจะสะสมเต๋อที่ยิ่งใหญ่ แต่มีน้อยมากที่ออกพ้นสามภพ เขาเพียงแต่ได้สะสมเต๋อ ได้ทำเรื่องที่ดี มีลูกชายคนหนึ่งอย่างคุณเช่นนี้ มีลูกสาวคนหนึ่งอย่างคุณเช่นนี้ เขาก็นับว่าได้สะสมเต๋อแล้ว เนื่องจากมีเหตุปัจจัยเช่นนี้คงอยู่ แต่บอกว่าพ่อแม่ก็จะสำเร็จเป็นพระพุทธด้วยเหตุนี้
นั่นเป็นไม่ได้ นั่นต้องบำเพ็ญ เขาเป็นได้แต่เพียงคนบนสวรรค์ที่เสวยสุขในระดับชั้นที่ต่างกัน ไม่มีเรื่องบรรพบุรุษเก้ารุ่นขึ้นสวรรค์ นี่เป็นการพูดเรื่อยเปื่อย
ศิษย์ : มีอยู่คืนหนึ่งนอนหลับฝันเห็นพ่อและแม่ซิวเลี่ยน โดยฉีกใบกระดาษต่าง ๆ ที่กราบไหว้ในบ้าน กระดาษเหล่านั้นเกิดไหม้ขึ้นมาเอง เนื่องจากคนในครอบครัวไม่ฟังคำเตือน ฉันอยากจะหาท่านอาจารย์ และแล้วก็เห็นท่านอาจารย์เดินมา จึงเรียนสถานการณ์ให้ทราบ พ่อและแม่จุดไฟเผากระดาษใบหนึ่งซึ่งกระดาษใบนั้นก็ไหม้ ภายหลังคนคนนั้นที่เห็นก็ไม่ใช่อาจารย์แล้ว ใส่เสื้อผ้าของคนฆ่าสัตว์ ยืนอยู่ที่ตลาดขายเนื้อ มือถือไมโครโฟน ฉันจึงร้องไห้
อาจารย์ : นี่เป็นมารอย่างแน่นอน บอกเป็นนัยว่ากำลังด่าคน ป้ายชื่อของมารตนนี้ถูกเผาไป ถูกฆ่าตายไป ความหมายนั้นก็คือคนฆ่าสัตว์ฆ่าคน ก็คือความหมายนี้ เพราะมันก็มีความสามารถบ้าง ดังนั้นมันสามารถแปรผันสิ่งเหล่านี้เพื่อทำให้คนสับสน ทำไมวันนี้มารเหล่านี้ต้องชำระสะสางให้หมดจด ทุกคนคิดดู ก็เหมือนที่ข้าพเจ้ายกตัวอย่างผลแอปเปิ้ล สังคมมนุษย์มาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่เพียงแต่มนุษย์ สสารและสัตว์เหล่านั้น ล้วนนำกรรมติดตัวไปสู่วัฏสงสาร มันล้วนมีกรรมและใหญ่มาก คุณอย่าเห็นว่ามันรู้จักซิวเลี่ยน เป็นต้น เรื่องของมนุษย์ไม่สามารถจะให้สัตว์เหล่านี้รบกวนและควบคุมอย่างเด็ดขาด พวกมันส่งผลกระทบเช่นนี้ นี่ก็เป็นการฝ่าฝืนหลักการสวรรค์แล้ว มารใหญ่ผู้ทรยศก็สมควรฆ่าให้ตาย นี่ก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ในยุคธรรมะปลาย มันซิวเลี่ยนมีกงสูงขึ้นสักเล็กน้อยก็ควรฆ่าแล้ว ปัจจุบันยุ่งเหยิงสับสนโดยแท้
ข้าพเจ้าเคยพูด ที่คนเข้าใจว่าเป็นหลักการ เมื่อถึงระดับชั้นสูงมองดูล้วนแต่ผิด ผู้สำเร็จธรรมชั้นสูงมองจากระดับชั้นสูง ในสังคมมนุษย์พวกมารเหล่านี้ล้วนวิ่งออกมาแล้ว คนไหนคิดจะเอาสิ่งของในร่างกายคนก็เอา คิดจะดูแลคนก็ดูแล มันยังรู้สึกว่าได้ทำความดี รักษาโรคให้คน รักษาโรคอะไร มันรักษาโรค ไม่ใช่เอาสิ่งหล่านั้นของมันใส่เข้าไปในร่างกายคนหรือ พูดได้ว่านั่นก็เป็นการทำเรื่องไม่ดีแล้ว
ศิษย์ : เกี่ยวกับที่ผ่านมา สัตว์ในยุคโบราณเหล่านั้นที่พวกเราค้นพบ
อาจารย์ : บอกว่าสัตว์ในวันนี้มาจากการวิวัฒนาการ ข้าพเจ้าว่าไม่ใช่อย่างแท้จริง จากการปรับเปลี่ยนของผืนแผ่นดินใหญ่ และการแปรผันของวงจรการวิวัฒนาการของยุคสมัยที่ต่างกัน พันธุ์ของสิ่งมีชีวิตได้เปลี่ยนไป ถ้าผืนแผ่นดินใหญ่ของเราในวันนี้จมลงไป และผืนแผ่นดินใหญ่ต่าง ๆ ข้างใต้มหาสมุทรแปซิฟิค มหาสมุทรอินเดีย มหาสมุทรแอตแลนติก โผล่ขึ้นมา จะมีสิ่งมีชีวิตพันธุ์ใหม่ ๆ เกิดขึ้น จะมีพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตก่อเกิด เช่นนั้นถ้ามันจมลงไปอีก ก็ยังจะก่อเกิดสิ่งมีชีวิตพันธุ์ใหม่ ๆ แผ่นดินผืนนี้ถ้าเปลี่ยนเป็นแผ่นดินผืนนั้นอีกครั้ง ผ่านเวลาไปหลาย ๆ ปี แล้วเปลี่ยนแผ่นดินผืนนี้ขึ้นมาใหม่ เช่นนั้นมันก็ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตพันธุ์ดั้งเดิม มันยังจะก่อเกิดสิ่งมีชีวิตพันธุ์ที่ใหม่กว่า ฉะนั้นเมื่อมันเป็นเช่นนี้ คนเขาจึงพูดว่าเป็นวิวัฒนาการมา โดยแท้จริงไม่ใช่ปัญหานั้น เช่นนั้นทำไมคุณค้นไม่พบสิ่งที่อยู่ขั้นตอนตรงกลางนั้นในขั้นตอนของการวิวัฒนาการล่ะ ล้วนแต่มองเห็นพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตในสองรูปแบบที่คงอยู่ต่างกัน ในขณะที่รูปแบบระหว่างกลางไม่มีคงอยู่
ศิษย์ : ผู้ซิวเลี่ยนหลังจากสำเร็จเป็นพระพุทธ ร่างกายใดที่สำเร็จเป็นพระพุทธ คือร่างแท้ หรือคือที่อาจารย์ให้
อาจารย์ : ในอดีตผู้ซิวเลี่ยนในนิกายจิ้งถู่ เขาไม่เน้นการซิวเลี่ยนร่างกาย พูดแต่การบำเพ็ญซินซิ่งเท่านั้น โดยเฉพาะคือในวิชาที่ไม่นั่งสมาธิบำเพ็ญจริงเหล่านั้น เช่นนั้นร่างพระพุทธของเขานั้นจะผันแปรให้โดยพระพุทธที่รับและนำพาเขา เวลาที่มารับและนำพาเขาก็จะให้ร่างพระพุทธหนึ่งร่างแก่เขาโดยตรง แต่คนที่นั่งสมาธิบำเพ็ญจริงอย่างแท้จริงเหล่านั้น เขาสามารถบำเพ็ญหยวนอิงออกมาด้วยตัวเอง นอกจากนี้ในวิธีซิวเลี่ยนที่พิเศษเฉพาะของสายเต๋าและสายพุทธบางวิธี สามารถเปลี่ยนแปลงร่างกายตัวเอง ให้บรรลุถึงการบำเพ็ญจิตและชีวิตควบคู่กัน และยังสามารถบำเพ็ญสิ่งอื่น ๆ ออกมา โดยจู่เหวียนเสินของตัวเองควบคุมทุกสิ่ง
ศิษย์ : เหวียนเสินเป็นสสารพลังงานสูงใช่ไหม
อาจารย์ : ไม่สามารถเข้าใจกันเช่นนี้ เหวียนเสินของคุณนั้นประกอบขึ้นจากสสารที่จุลทรรศน์ที่สุด และเล็กที่สุด และประกอบขึ้นจากสสารที่ดั้งเดิมที่สุด อุปนิสัยของคุณ เอกลักษณ์ของคุณได้กำหนดไว้แน่นอนแล้วในสสารดั้งเดิม ฉะนั้นไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี ชาติแล้วชาติเล่าล้วนยากมากที่จะเปลี่ยนแปลง แต่คุณสมบัติดั้งเดิมนั้นดีงาม
ศิษย์ : พระคริสต์มาเพื่อช่วยโปรดคนที่มาจากโลกบนสวรรค์ของพระองค์หรือ
อาจารย์ : เป็นคำพูดที่ไม่ผิด เพราะชนชาติยุโรป ชนชาติที่ดั้งเดิมที่สุดล้วนมาจากมิติที่พิเศษเฉพาะตรงนั้นของพวกเขา ที่ตรงนั้นของเขามีสถานการณ์ที่พิเศษเฉพาะของเขาตรงนั้น
ศิษย์ : ก่อนที่ฉันจะเรียนฝ่าหลุนต้าฝ่า ได้พบท่านในฝัน
เรื่องเป็นอย่างไร
อาจารย์ : ก่อนเรียนต้าฝ่า มีคนจำนวนมากที่เห็นข้าพเจ้า หลายปี หลายสิบปีที่แล้ว ก็มีคนรู้จักข้าพเจ้าแล้ว ก็มีคนเห็นข้าพเจ้าในฝัน นี่ก็มีจำนวนมาก ยังมีคนที่ทำนายดวงชะตาบอกกล่าวไว้เมื่อหลายปีก่อน เป็นต้น นี่เป็นการสะท้อนของมิติเวลาที่ต่างกัน
ศิษย์ : ลูกของฉันบอกว่าเคยเห็นท่าน และรู้จักท่าน
อาจารย์ : เกินจีของเด็กคนนี้ไม่เลวทีเดียว เด็กพูดไม่ผิด เด็กบางคนนั้นมีที่มาที่ไม่ธรรมดาและมาเพื่อได้ฝ่า
ศิษย์ : เต๋อ กง และเจิน ซั่น เหยิ่น เป็นสสารประเภทเดียวกันใช่หรือไม่
อาจารย์ : เจิน ซั่น เหยิ่น ไม่สามารถจะเข้าใจว่าเป็นสสารทั่ว ๆ ไป ไม่ใช่แนวคิดเดียวกัน แต่สิ่งใด ๆ ล้วนประกอบขึ้นจากสสาร แต่มันไม่ใช่แนวคิดอย่างนี้ มันก็เหมือนกับเหวียนเสินของคนเรา คุณบอกว่ามันกับร่างกายของคนเราประกอบขึ้นจากสสารอะไร ก็เหมือนคำถามที่ข้าพเจ้าหยิบยกขึ้นมาเมื่อครู่ มันไม่ถูกต้อง แต่สสารใด ๆ ล้วนเป็นวัตถุ ที่คงอยู่อย่างแท้จริงคือคุณสมบัติพิเศษชนิดนี้ และเป็นปรากฏการณ์ของฝ่า ขณะที่เต๋อและกงก็ปรากฏในรูปแบบของสสาร แต่ล้วนไม่ใช่สสารประเภทเดียวกัน แต่ก็ล้วนหล่อหลอมเข้ากับคุณสมบัติพิเศษของจักรวาล เจิน ซั่น เหยิ่น
ศิษย์ : ต้นหอม ขิง กระเทียม สามารถกินได้หรือไม่
อาจารย์ : วันนี้พวกเราซิวเลี่ยนอยู่ในหมู่คนธรรมดาสามัญไม่ได้กำหนดปัญหานี้เป็นพิเศษ แต่ในการมุ่งซิวเลี่ยนเป็นอาชีพของพวกเรา พระสงฆ์ในอนาคตต้องงดสิ่งนี้ คนที่ต้องนั่งสมาธิบำเพ็ญจริงเป็นกลุ่มกับทุกคนก็กินไม่ได้ ในอดีตเพราะมันเคยรบกวนผู้ซิวเลี่ยน ดังนั้นจึงยกปัญหานี้ขึ้นมา ต้นหอม ขิง กระเทียมสามารถกระตุ้นประสาทของคน ดังนั้นกินบ่อย ๆ ก็จะติด ไม่กินก็อยาก สามารถเกิดจิตยึดติดได้ สิ่งเหล่านี้ต้องปล่อยวางให้เบาบาง พูดถึงว่าทำสุกแล้วนั่นไม่มีปัญหา มันไม่มีกลิ่น ต้นหอมสับ พวกเราดูจากความหมายในทางปฏิบัติ เพราะในปีนั้นองค์ศากยมุนีไม่ให้กิน ก็เพราะมันรบกวนผู้ซิวเลี่ยน กลิ่นที่โชยออกมาแสบจมูกคนมาก เข้าสู่สมาธิไม่ได้ ในเวลานั้นพระสงฆ์สิบคน แปดคน นั่งล้อมเป็นวง นั่งสมาธิเข้าสู่ความสงบ เมื่อกลิ่นนี้โชยออกมา ทุกคนใครก็ไม่สามารถเข้าสู่ความสงบ เพราะการนั่งสมาธิบำเพ็ญจริงถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ดังนั้นการงดสิ่งเหล่านี้จึงถือเป็นเรื่องที่เข้มงวด
ศิษย์ : เต๋อ กง กับ เจิน ซั่น เหยิ่น เป็นสสารประเภทเดียวกันไหม
อาจารย์ : เต๋อเป็นสสารสีขาวชนิดหนึ่ง เป็นสสารที่พิเศษชนิดหนึ่ง กรรมก็เป็นสสารที่พิเศษชนิดหนึ่ง สำหรับกง นั่นเป็นสสารชนิดหนึ่งที่เลื่อนระดับขึ้นจากเต๋อ และยังก่อเกิดขึ้นโดยได้ผสมผสานกับสสารอื่นของจักรวาล เจิน ซั่น เหยิ่น คือฝ่า คือคุณสมบัติพิเศษชนิดหนึ่ง ไม่สามารถเข้าใจด้วยแนวคิดที่เป็นสสารทั่ว ๆ ไป เป็นสิ่งที่เหนือสสาร
ศิษย์ : ร่างที่ไม่เสื่อมถอยจะเข้าใจอย่างไร
อาจารย์ : ออกพ้นฝ่าในภพแล้วก็คือร่างที่ไม่เสื่อมถอย ร่างพระพุทธจะเสื่อมถอยได้หรือ เขาประกอบขึ้นจากสสารที่ดีที่สุดและอุดมสมบูรณ์ที่สุดในจักรวาล จักรวาลไม่เสื่อมถอย เขาก็ไม่เสื่อมถอย
ศิษย์ : คนที่ซิวเลี่ยนฝ่าหลุนต้าฝ่า สุดท้ายล้วนไปโลกฝ่าหลุนทั้งหมดหรือไม่
อาจารย์ : โลกฝ่าหลุนของข้าพเจ้าไม่อาจจะบรรจุได้ทั้งหมดหรอกนะ มีแต่คนที่ได้เจิ้งกั่วและหยวนหมั่นอย่างแท้จริงเท่านั้นจึงจะไปได้ บอกว่าซิวเลี่ยนฝ่าหลุนต้าฝ่าแล้วก็ไปโลกฝ่าหลุน ปัจจุบันมีคนเป็นหลายร้อยล้านคนนะ ในอนาคตจะศึกษาต้าฝ่ากันมากยิ่งขึ้น คนชาติแล้วชาติเล่ายังจะบำเพ็ญสืบเนื่องไป ล้วนไปโลกฝ่าหลุนกันทั้งหมดคงจะบรรจุได้ไม่หมด ที่บำเพ็ญไม่หยวนหมั่นก็จะไปมิติชั้นสูงดีงามด้วย ในหมู่ผู้ฝึกของเรา มีคนส่วนใหญ่มาจากระดับชั้นต่าง ๆ กัน หลังจากได้ฝ่าแล้วก็จะกลับไปยังโลกเดิมของตัวเอง
ศิษย์ : หลานสาวดิฉันห้าขวบเข้าร่วมชั้นเรียนสองครั้ง ขึ้นมาฝึกกงในฝันบ่อย ๆ ผู้ใหญ่พูดกับเธอ เธอไม่สนใจ เป็นปกติหรือไม่ เธอยังเห็นท่านอาจารย์สอนให้รู้จักตัวหนังสือ สอนวาดภาพบ่อย ๆ และเห็นท่านอาจารย์อยู่ในอวกาศและบนเมฆหลากสี
อาจารย์ : ที่ฝึกคือฝ่าหลุนต้าฝ่า ก็คือปกติ เป็นเด็กที่มีเกินจีดี อย่าให้เด็กฝึกกงที่เลอะเทอะต่าง ๆ
เป็นอันขาด อย่าทำลายเด็ก เด็กประเภทนี้ล้วนมาเพื่อได้ฝ่า อย่าให้เด็กทำเรื่องที่ไม่ดีเป็นอันขาด ทั่วประเทศมีเด็กอย่างนี้เป็นจำนวนมาก
ศิษย์ : การรับผู้ฝึกใหม่ มีมาตรฐานอย่างไร
อาจารย์ : ไม่มี สามารถฝึกก็ฝึกได้ แน่นอนควรจะบอกให้รู้ว่ามีโรคสองชนิดที่ไม่สามารถจะบำเพ็ญ นี่คือที่ข้าพเจ้ากำหนด : ผู้ป่วยด้วยโรคที่รุนแรงนั้นมีกรรมหนักมาก
และไม่สามารถซิวเลี่ยน ผู้ป่วยด้วยโรคประสาทมีกรรมแห่งความคิดมาก จู่เหวียนเสินไม่แจ่มชัดไม่สามารถซิวเลี่ยน
ศิษย์ : การซิวเลี่ยนในหมู่คนธรรมดาสามัญ องค์ประกอบของโมเลกุลในร่างกายไม่เปลี่ยนแปลง เช่นนั้นพวกเราออกจากฝ่าในภพ องค์ประกอบของโมเลกุลในร่างกายก็เปลี่ยนแปลงแล้ว ใช่หรือไม่
อาจารย์ : ในระหว่างซิวเลี่ยนคุณไม่เปลี่ยนแปลง หลังจากออกจากฝ่าในภพแล้ว เช่นนั้นคุณยังจะเปลี่ยนแปลงอย่างไรล่ะ อยู่ในช่วงฝ่าในภพ ก็เริ่มเปลี่ยนแปลง และยกระดับสูงขึ้นทีละขั้น ทีละขั้น เมื่อเดินออกจากฝ่าในภพ
โดยหลักก็เปลี่ยนแปลงเสร็จสิ้นทั้งหมดแล้ว
ศิษย์ : ในทีวีมีการแสดง “นิทานตั๊กม้อ” บอกผู้ฝึกไม่ให้ดู
ถูกต้องหรือไม่
อาจารย์ : นี่ไม่เป็นไร ผู้ฝึกจะดูมันเป็นนิทาน จะไม่ลอกเลียนแบบ คนในปัจจุบันคุณไม่สอนฝ่าให้เขา เขาก็จะไม่เรียนอย่างแน่นอน แม้แต่พระสงฆ์รูปนั้นในพุทธศาสนานั่งอยู่ตรงนี้ จะพูดอย่างไรเขาก็จะไม่เรียน นี่ไม่เป็นไร เพราะตอนเปิดชั้นเรียนพวกเราก็เคยเน้นแล้ว นิกายฉันจงก็ไม่คงอยู่แล้ว ไม่เพียงแต่ปัจจุบันไม่คงอยู่แล้วเท่านั้น ถึงผู้นำรุ่นหกฮุ่ยเหนิงก็ไม่มีแล้ว ภายในไม่กี่ร้อยปีมันก็ไม่มีแล้ว ที่เหลือสืบทอดมาคือประวัติศาสตร์ คุณดูพระสงฆ์ของฉันจงปัจจุบันดูอะไรล่ะ พระสูตรของพระอาหนีถอฝอเขาก็เอาออกมาอ่าน สิ่งที่เป็นของฉันจงไม่มีเหลือแล้ว ฝ่าของฉันจงไม่มีเหลืออยู่ในโลกแล้ว ที่จริงยุคธรรมะปลายอะไรก็ไม่เหลือแล้ว ไม่เพียงแต่ฝ่าของฉันจงเท่านั้น
ศิษย์ : บางคนไม่เคยเข้าร่วมชั้นเรียนแต่ร่วมฝึกกง ซื้อหนังสือและเหรียญฝ่าหลุน ต่อมาภายหลังก็ไม่ฝึกแล้ว หนังสือ เหรียญฝ่าหลุน ควรจะนำคืนมาหรือไม่
อาจารย์ : เขาซื้อไปแล้วก็ซื้อไปแล้ว แก้ไขไม่ได้ เพราะเขาจ่ายเงินแล้ว พวกเราก็ไม่มีวิธีการบริหารจัดการใด ๆ ในระยะแรกข้าพเจ้าไม่เห็นด้วยที่นำสิ่งเหล่านี้ออกมา ที่นำออกมาในเวลานี้เนื่องจากผู้ฝึกและศิษย์ร้องขอ ได้แต่เป็นเช่นนี้
ศิษย์ : เวลาทำ “โถวติ่งเป้าหลุน (อุ้มหลุนบนศีรษะ)” รู้สึกว่าศีรษะหนักมาก เงยศีรษะไม่ขึ้นเป็นเพราะอะไร
อาจารย์ : ไม่ต้องไปสนใจมัน ศีรษะหนักไม่ใช่เป็นเรื่องไม่ดีเสมอไป บำเพ็ญกงจู้ออกมา แล้วก็มีน้ำหนัก ก็มีความรู้สึก ถ้าข้างบนมีลูกบอลแสงลูกใหญ่ออกมา มันก็จะกดทับคุณ ถ้าข้างบนมีพระพุทธนั่งอยู่ก็จะยิ่งกดทับคุณ อย่าไปสนใจว่าข้างบนนั้นมีสิ่งของอะไร การฝึกกงก็เป็นเช่นนี้ ล้วนเป็นเรื่องดี ส่วนบนสุดของศีรษะของคนจะมีสิ่งต่าง ๆ มากมายปรากฏออกมา การฝึกชี่ยังจะมีเสาชี่ใหญ่อันหนึ่งปรากฏออกมา
ศิษย์ : เวลาถูกทดสอบในฝัน จะตอบสนองได้ดีกว่าเวลาตื่น เป็นฟู่เหวียนเสินหรือไม่
อาจารย์ : แน่นอนทำได้ดีทีเดียวแล้ว ไม่ใช่ฟู่เหวียนเสิน ฟู่เหวียนเสินทำเรื่องไม่ให้คุณเห็น คุณก็จะไม่รู้ด้วย นั่นคือตัวคุณเอง
ศิษย์ : เมื่อซิวเลี่ยนถึงระดับชั้นร่างขาวบริสุทธิ์ขึ้นไป ร่างกายจะไม่ตอบสนองต่อความเย็น ร้อน ชา บวม เป็นต้น ใช่หรือไม่
อาจารย์ : ก็จะมีบ้าง เพราะสิ่งนั้นเป็นสิ่งต่าง ๆ ของระดับชั้นที่ต่างกันซึ่งปรากฏออกมาในร่างกายของคุณ สภาวะของความรู้สึกไม่สบายเหมือนป่วยเป็นโรคจะน้อยลงเรื่อย ๆ
แต่ไม่ใช่ว่าอะไรก็ล้วนไม่มีเลย ข้าพเจ้าจะบอกพวกคุณ ไถ้ซั่งเหล่าจวินมีคำพูดประโยคหนึ่งอย่างนี้ ในหนังสือของสายเต๋าก็มีคำพูดประโยคหนึ่งอย่างนี้ : ไม่ว่าจะบำเพ็ญสูงเพียงใด ทำไมทรมานอย่างนี้ เพียงเพราะยังอยู่ในหมู่คนธรรมดาสามัญ
ศิษย์ : ฝ่าหลุนต้าฝ่ากับศาสนาขัดแย้งกันหรือไม่
อาจารย์ : ในประวัติศาสตร์พวกเราไม่เคยเดินเข้าสู่ศาสนา ปัจจุบันพวกเราส่วนใหญ่ซิวเลี่ยนอยู่ในหมู่คนธรรมดาสามัญ เขาก็ไม่ใช่ศาสนา จุดประสงค์ของศาสนา : หนึ่งคือซิวเลี่ยน หนึ่งคือช่วยเหลือคน
บอกให้คนทำเรื่องดี ให้ศีลธรรมคงอยู่ในโลกมนุษย์อย่างยั่งยืน นี่คือสองเรื่องที่เขาทำ พวกเราซิวเลี่ยนอยู่ในหมู่คนธรรมดาสามัญก็สามารถบังเกิดผลเช่นนี้
แต่พวกเราไม่มีรูปแบบประเภทนี้ของศาสนา ในอนาคตจะมีศิษย์ที่มุ่งบำเพ็ญฝ่าหลุนต้าฝ่าเป็นหลัก
แต่ปัจจุบันพวกเรายังไปไม่ถึงขั้นนี้ จะปฏิบัติกับปัญหานี้อย่างไร ปัจจุบันก็มีพระสงฆ์ซิวเลี่ยนต้าฝ่าแล้ว ไม่ว่าจะอย่างไร ฝ่าของพวกเรานี้มีประโยชน์ต่อสังคม มีประโยชน์ต่อคน พวกเราไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองของสังคม ไม่ฝ่าฝืนนโยบายของรัฐบาล พวกเราไม่ทำเรื่องเหล่านี้ ไม่มีผลร้ายต่อประเทศชาติ ต่อคนธรรมดาในสังคม และต่อเรื่องใด ๆ มีแต่ผลดีเท่านั้น
ศิษย์ : เวลาที่ฉันนั่งสมาธิบ่อยครั้งเหมือนนั่งลิฟต์เลื่อนลงไป ตัวเองเปลี่ยนจนเล็กมาก ๆ ไม่ทราบเพราะอะไร
อาจารย์ : นี่ก็ปกติ เพราะเหวียนเสินนั้นเล็กมาก ๆ
และก็อาจจะเปลี่ยนจนใหญ่มาก ๆ ฉะนั้นเวลาคนฝึกกง ร่างกายจะขยายออกสู่ภายนอก ฉะนั้นบางคนจะรู้สึกว่าสูงเทียมฟ้ายืนอยู่บนดิน บางคนรู้สึกว่าเปลี่ยนเป็นเล็กมาก ล้วนคือปกติ แต่มีจุดหนึ่ง ผู้ซิวเลี่ยนเมื่อทำเรื่องที่ไม่ค่อยดีนักก็จะมีความรู้สึกตกลงสู่เบื้องล่าง นั่นคือระดับชั้นตกลงมาแล้ว ปริมาณความจุของร่างกายก็หดเล็กลง
ศิษย์ : หลายเดือนมานี้ มักจะฝันว่าฉันกับญาติ ๆ ที่อยู่รอบตัวบางคนกำลังทำงานยุ่งอยู่ด้วยกันในที่ที่เฉอะแฉะเต็มไปด้วยโคลนเลนและลื่นมาก
อาจารย์ : นี่ก็คือคนที่อยู่ในหมู่คนธรรมดาสามัญ คนเขามองว่ามนุษย์นั้นคลุกอยู่กับดินโคลนน่ะ
ศิษย์ : ซิวเลี่ยนฝ่าหลุนต้าฝ่าจนได้มรรคผล จะต้องนำพาเปิ๋นถี่ใช่หรือไม่
อาจารย์ : วิธีบำเพ็ญของเรานี้กำหนดให้หยวนหมั่นคือนำพาเปิ๋นถี่ นำพาเปิ๋นถี่ไม่ได้ ร่างกายนี้บรรลุไม่ถึงรูปแบบชนิดนี้ นั่นก็อาจจะไม่ได้ ทำไมหรือ เพราะพวกเราล้วนสามารถบรรลุถึง ซิวเลี่ยนอย่างแท้จริงส่วนใหญ่ล้วนสามารถบรรลุถึง เพียงแต่คุณเข้าสู่กั่วเว่ย และเดินสู่การซิวเลี่ยนฝ่านอกภพ ร่างกายคุณก็สำเร็จแล้ว มีคนจำนวนมากที่บรรลุถึงขั้นนี้แล้วตัวเองไม่รู้ เพราะร่างกายส่วนหนึ่งถูกล็อกไว้และถูกพันธนาการไว้บางส่วน ดังนั้นจึงไม่รู้สึก ตามการซิวเลี่ยนของคุณ จะชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ แต่ต้องอธิบายปัญหาหนึ่งให้เข้าใจ บางคนอาจถูกจำกัดด้วยสาเหตุหลายด้าน บรรลุไม่ถึงหยวนหมั่น เป็นได้แต่ชาวสวรรค์ (เทพ เซียน) ในระดับชั้นที่ต่างกันเท่านั้น ฉะนั้นร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงน้อยมาก ที่จริงในสายตาของคนทั่วไปแล้วก็เป็นบุญวาสนาใหญ่หลวงที่สูงจนเอื้อมไม่ถึง และสวยงามเกินกว่าจะขอได้ เป็นชี่กงทั่วไป และกงที่มีฟู่ถี่ ฝ่าชั่วร้าย ไม่สามารถจะบรรลุได้โดยแท้จริง
ใบคำถามหมดแล้ว ปัญหาเหล่านี้ที่ข้าพเจ้าตอบให้ในวันนี้ ข้าพเจ้าคิดว่าโดยหลักเป็นการอธิบายในประเด็นที่ผู้ช่วยฝึกสอนและผู้ฝึกที่เป็นแกนหลักหยิบยกขึ้นมาโดยเฉพาะ แน่นอน ผู้ฝึกบางคนของเราแม้แต่คนที่ยังไม่เคยเข้าร่วมชั้นเรียน หรือที่เคยเข้าร่วมชั้นเรียนเพียงครั้งเดียว ที่ไม่ควรมาก็มาแล้ว ไม่ใช่ว่าคุณไม่ควรฟังฝ่านี้ และไม่ใช่ว่าคุณไม่สามารถบำเพ็ญ หมายความว่าคุณยังรับสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ มันเกี่ยวโยงถึงปัญหาที่ใหญ่มาก ไม่ให้คุณเข้ามาคุณอาจจะมีความคิดบางอย่าง ซินซิ่งยังไม่สูง อาจจะพูดอะไรต่าง ๆ นานา มาแล้วก็กลัวว่าคุณจะรับไม่ได้ เกิดความสงสัยแล้วทำลายอนาคตของคุณ ไม่ว่าจะอย่างไร เมื่อฟังแล้วไม่เชื่อก็ถือว่าฟังนิทานและอย่าได้เกิดอารมณ์ต่อต้านขึ้นมาเป็นอันขาด
ฝ่าเหล่านี้ที่อธิบายโดยหลักคือพูดให้กับผู้ช่วยฝึกสอน ผู้ฝึกที่เป็นแกนหลักเหล่านี้ของเรา ซึ่งจะเป็นประโยชน์สำหรับการทำงานของพวกคุณจากนี้ไป บางปัญหาที่มีลักษณะคล้ายกัน ผู้ฝึกถามขึ้นมาแล้วตอบไม่ได้ อย่างน้อยที่สุดให้พวกเราสามารถรู้บางสิ่งบางอย่าง ที่จริงข้าพเจ้ากล่าวแล้วว่า ไม่จัดประชุมผู้ช่วยฝึกสอนครั้งนี้ก็ทำได้ เป็นต้นว่า เมื่อครั้งข้าพเจ้าบรรยายจบในชั้นเรียนที่จี้หนานและจะกลับ ผู้สำเร็จธรรมชั้นสูงหลาย ๆ ท่านกล่าวกับข้าพเจ้าว่า : บรรยายทั้งหมดแล้วในชั้นเรียนครั้งนี้ ความหมายคือที่ควรให้คนธรรมดาสามัญรู้ล้วนบรรยายออกมาแล้ว ข้าพเจ้าบอกให้ศึกษาโดยปฏิบัติตามฝ่านี้ เพียงแต่ศึกษาให้ถ่องแท้ไม่มีปัญหาอะไรที่แก้ไขไม่ได้ ฝ่านี้ที่ข้าพเจ้าบรรยายนั้น ไม่เพียงแต่เป็นสิ่งที่อยู่ในวิชาของข้าพเจ้าเท่านั้น ฉะนั้นจึงพูดว่าเขาเป็นสิ่งที่ใหญ่มาก ๆ แน่นอนเรื่องที่พวกเราทำในวันนี้กับกงที่ถ่ายทอดในอดีตนั้น เรื่องที่ทำนั้นไม่เหมือนกัน การช่วยเหลือสรรพชีวิตที่คนเขากล่าวนั้น องค์ศากยมุนีได้รวมสัตว์ไว้ด้วย การช่วยเหลือสรรพชีวิตที่องค์ศากยมุนีกล่าวนั้น พระองค์สามารถช่วยเหลือสรรพชีวิต พระองค์ทรงต้องการจะเมตตาต่อชีวิตทั้งหมด ทำไมพวกเราไม่ทำเช่นนี้ในวันนี้นะหรือ พวกเราช่วยเหลือคนยังจะต้องเลือกล่ะ เข้ามาร่วมชั้นเรียนของเรา ยังจะต้องมีเงื่อนไขในการเลือกสรรล่ะ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแตกต่างจากในระยะแรกแล้ว บางคนเลวทรามเสียจนไม่ไหวแล้ว ก็ต้องชำระสะสาง บางคนจะคงเหลือไว้ บางคนอาจจะซิวเลี่ยนขึ้นไปได้ จึงปรากฏปัญหาอย่างนี้
ดีแล้ว
ข้าพเจ้าคิดว่าพวกเราจะปฏิบัติอย่างไรต่อการประชุมครั้งนี้นะ หลังจากนี้จะทำอย่างไรในสิ่งที่ควรพูดและไม่ควรพูด พวกเราทุกคนล้วนรู้ว่าควรจะทำอย่างไร ข้าพเจ้าก็จะไม่เน้นปัญหานี้มากไปกว่านี้ มีแต่คำพูดประโยคเดียว : ให้ยึดมั่นในความรับผิดชอบต่อฝ่าของเรานี้ รับผิดชอบต่อตัวคุณเอง คุณก็จะรู้ว่าควรจะทำอย่างไรแล้ว ก็พูดเพียงเท่านี้
...... พวกเราหลังจากพูดคุยหารือกันแล้ว อาจจะเข้าใจต้าฝ่าลึกซึ้งมากขึ้นอีกขั้นหนึ่ง และช่วยให้ความเข้าใจของพวกเราเป็นเอกภาพมากขึ้น ในอนาคตการตอบปัญหาในบางเรื่องของผู้ฝึก ข้าพเจ้าคิดว่าก็จะทำได้ดี นี่เป็นประการหนึ่ง อีกประการหนึ่งข้าพเจ้ายังไม่ได้พูดเรื่องนี้กับผู้รับผิดชอบหลายคนของเรา ก็คือให้พวกเราเป็นผู้ริเริ่มที่บ้านเกิดของข้าพเจ้าได้หรือไม่ จัดกลุ่ม พวกเราไม่อาจจะเพียงแต่ฝึกกงเป็นกลุ่มเท่านั้น พวกเราจัดเวลาสำหรับการศึกษาฝ่าด้วยกันได้หรือไม่ ทีละบททีละตอน ทุกคนอ่าน และพูดคุยหารือกัน การจัดเวลาศึกษาให้กำหนดแน่นอนเหมือนการฝึกกงเป็นกลุ่ม ข้าพเจ้าคิดว่าการทำเช่นนี้จะมีประโยชน์ มีจุดมุ่งหมายมากยิ่งขึ้น การทำเช่นนี้ในอนาคตเวลาพวกเราประสบกับปัญหาจริง ๆ ก็จะมีฝ่าให้ปฏิบัติตามได้ ให้พวกเราเป็นผู้ริเริ่มโดยให้ศูนย์ฝึกกงแต่ละสถานที่ทั่วประเทศสามารถมีบทบาทในการนำได้ดี หลังจากนั้นพื้นที่อื่น ๆ ทั่วประเทศสามารถปฏิบัติตามแบบอย่าง การทำเช่นนี้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการยกระดับความเข้าใจของพวกเรา นี่เป็นข้อเสนอ
บันทึกเสียงโดยฝ่าหลุนต้าฝ่า ศูนย์ใหญ่เมืองฉางชุน
หลี่หงจื้อ
17-12-1994
ข้าพเจ้าจะยืนพูด ทุกคนจะได้มองเห็นได้ชัดเจน
เป็นเวลานานมากที่ไม่ได้พบกับทุกคน เนื่องจากมีเรื่องมากยมายที่ต้องจัดการเกี่ยวกับการถ่ายทอดกง ล้วนเป็นเรื่องที่คนธรรมดาสามัญยังไม่ค่อยเข้าใจ และไม่สามารถเข้าใจนัก ดังนั้นจึงได้หยุดจัดการสอน ในช่วงระยะนี้จึงจัดการกับปัญหาเหล่านี้อยู่ เวลานี้โดยพื้นฐานปัญหาเหล่านี้ก็จัดการใกล้จะแล้วเสร็จ เดิมทีหลังจากจัดการเสร็จ จัดการเรื่องเหล่านี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ข้าพเจ้าจะออกมาอีกครั้งเพื่อจัดวางเรื่องการถ่ายทอดกงอย่างไรต่อไป แต่การเปิดสอนจัดขึ้นที่กวางเจาครั้งนี้ เนื่องจากในตอนนั้นกำหนดอย่างเร่งรีบ ลงประกาศทั้งในหนังสือพิมพ์และลงโฆษณา แล้วยังเก็บค่าเล่าเรียนไว้มากมาย ดังนั้นข้าพเจ้าจึงต้องออกมากลางคัน จึงถือโอกาสมาเตรียมงานบางอย่างที่ปักกิ่งก่อนที่จะเปิดการสอนที่กวางเจา จึงถือโอกาสนี้พบกับทุกคน ข้าพเจ้าดีใจมากที่ได้พบกับทุกคน
เมื่อก่อนข้าพเจ้าเคยพูดเช่นนี้ : ข้าพเจ้าว่าคนในปัจจุบันมาตรฐานศีลธรรมตกต่ำมากแล้ว ในทุกสาขาอาชีพ จะหาดินแดนที่บริสุทธิ์สักแห่งหนึ่งเป็นเรื่องที่ยากมาก แต่พอมาถึงที่ตรงนี้ ข้าพเจ้ามองเห็นสนามของเรานี้สงบและสมัครสมานอย่างยิ่ง ฝ่าหลุนต้าฝ่า ที่ตรงนี้ของเรา ข้าพเจ้ากล้าพูดว่ามันเป็นดินแดนบริสุทธิ์ (เสียงปรบมือ) ในเวลาเดียวกัน ข้าพเจ้าก็มองเห็นการซิวเลี่ยนของพวกเราทุกคนบรรลุผลสำเร็จเป็นที่น่ายินดีอย่างยิ่ง ทุกคนล้วนต้องการยกระดับจิตไปสู่ความเมตตา น่ายินดีอย่างยิ่ง ดังนั้นบรรยากาศนี้และสภาวะจิตอย่างนี้ก็เหมือนกันโดยสิ้นเชิง พูดอีกนัยหนึ่ง ไม่ได้ศึกษาต้าฝ่าโดยเปล่าประโยชน์ ล้วนได้รับผลสำเร็จในระดับหนึ่ง ข้าพเจ้าก็ไม่ได้ถ่ายทอดต้าฝ่านี้โดยเสียแรงเปล่า นี่เป็นเรื่องที่ทำให้ข้าพเจ้าปลื้มปิติ ในช่วงแรกที่ข้าพเจ้ามาปักกิ่งบรรยายฝ่าและถ่ายทอดกงใหม่ ๆ การเปิดชั้นเรียนครั้งแรกก็มีคนเท่านี้ แต่หลังจากพวกเราผ่านเวลาไปช่วงหนึ่ง มาถึงเวลานี้ก็เพียงสองปี ที่จริงข้าพเจ้าถ่ายทอดฝ่านี้อย่างเป็นทางการก็เพียงปีเดียว เมื่อตอนเริ่มต้นถ่ายทอดฝ่าด้วยรูปแบบของชี่กงระดับต่ำ พวกเราในวันนี้ ที่ปักกิ่งตรงนี้ ผู้ช่วยฝึกสอนก็มีจำนวนมากเท่านี้แล้ว แปลว่าต้าฝ่าของเรานี้ได้เป็นที่รู้จักของผู้คนที่มีจิตใจดีงามมากยิ่งขึ้น สามารถยกระดับอยู่ในฝ่านี้ ซิวเลี่ยนตัวเอง นี่เป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง ปัจจุบันจะคำนวณจำนวนผู้ซิวเลี่ยนฝ่าหลุนต้าฝ่าของเราว่ามีจำนวนเท่าใดนั้น คำนวณได้ยากมากแล้ว ถ่ายทอดแบบคนต่อคน นับจำนวนนับไม่ถ้วน ในบางพื้นที่ อำเภอหนึ่งหรือเมืองหนึ่งมีคนเรียนกันคนหรือสองคน ผลปรากฏว่าเพิ่มจำนวนนับเป็นพันคน หลาย ๆ พื้นที่ล้วนมีสภาพแบบนี้ ขยายตัวอย่างรวดเร็ว
ทำไมจึงเป็นเช่นนี้นะหรือ เพราะข้าพเจ้าพูดแล้วว่า ฝ่าหลุนต้าฝ่าของเรา เป็นการซิวเลี่ยนซินซิ่งของคน กำหนดให้คนยกระดับมาตรฐานศีลธรรมให้สูงขึ้น และชี้ให้รู้ถึงสาเหตุมูลฐานที่แท้จริงว่าพวกเราซิวเลี่ยนแล้วทำไมกงจึงสูงขึ้นไปไม่ได้ ชี้ให้เห็นถึงปัญหานี้ ฉะนั้นพวกเราได้กล่าวถึงปัญหาที่แท้จริง ที่ผ่านมาข้าพเจ้าเคยพูด บางคนได้พูดกับข้าพเจ้าในที่ประชุมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ บอกว่าหลังจากที่อาจารย์ถ่ายทอดฝ่านี้ออกมา มีประโยชน์อย่างมากต่อการพัฒนาอารยธรรมด้านจิตใจของสังคมของเรา แน่นอนข้าพเจ้าพูดแล้วว่า นี่ยังไม่ใช่จุดประสงค์หลัก ข้าพเจ้าต้องการจะมอบฝ่านี้ไว้ให้กับผู้คน นำเขาถ่ายทอดออกมาเพื่อให้คนจำนวนมากได้รับประโยชน์ สามารถได้รับการยกระดับอย่างแท้จริง ใช้คำพูดของสายพุทธของเราพูด ก็คือสามารถเลื่อนระดับสูงขึ้นอย่างแท้จริง บรรลุหยวนหมั่น แต่เขาจะนำมาซึ่งผลเช่นนี้ ทำให้มาตรฐานศีลธรรมของคนยกระดับสูงขึ้น เพราะข้อกำหนดของวิธีบำเพ็ญชุดนี้ของเรา ข้าพเจ้าว่าเราได้ชี้ถึงประเด็นที่แท้จริง กำหนดให้คนเห็นความสำคัญของการซิวเลี่ยนซินซิ่ง ทำไมคนจำนวนมาก รวมทั้งพระภิกษุมากมาย ผู้ซิวเลี่ยนเต๋าเป็นหลักก็เช่นเดียวกัน เขาไม่รู้ว่าจะยกระดับสูงขึ้นอย่างไรแล้ว เขาเห็นความสำคัญแต่เพียงสิ่งที่เป็นรูปแบบ แต่ไม่เห็นความสำคัญกับสิ่งที่เป็นแก่นแท้จริง
ถ้าซินซิ่งของคนไม่สามารถเลื่อนระดับขึ้นไป ข้าพเจ้าว่านั่นคือโดยมูลฐานเป็นไปไม่ได้ที่จะยกระดับสูงขึ้น เพราะคุณสมบัติพิเศษของจักรวาลนี้เขาไม่อนุญาตให้ซินซิ่งไม่สูงแต่เลื่อนระดับขึ้นไป ถ้าคนสามารถบรรลุถึงระดับหนึ่งเช่นนี้ ก็คือได้ยกระดับสูงขึ้น ณ ระดับที่ต่างกัน ข้าพเจ้าว่าคนคนนี้ถึงแม้จะไม่หยวนหมั่น เขาก็จะมีประโยชน์ต่อสังคม เขาจะไม่ไปทำเรื่องที่ไม่ดีโดยมีสติแจ่มแจ้ง เขารู้ว่าการทำเรื่องที่ไม่ดีจะนำมาซึ่งผลพวงที่ไม่ดีเหล่านั้นมาสู่ตัวเขาเอง เช่นนี้เขาก็จะสร้างอารยธรรมด้านจิตใจให้แก่สังคม ต่อมาตรฐานศีลธรรมของมนุษย์ ล้วนมีการยกระดับที่สอดคล้องกัน จุดนี้แน่นอน พวกเราถ่ายทอดกงนี้ด้วยความรับผิดชอบต่อคนและต่อสังคม ดังนั้นพวกเราก็ทำได้ถึงจุดนี้ ผลสะท้อนที่เกิดขึ้นในหมู่ประชาชน ในหมู่ผู้ซิวเลี่ยนนั้นค่อนข้างดี ตลอดมาพวกเราก็ทำเช่นนี้โดยปฏิบัติตามฝ่านี้อย่างเคร่งครัด กงของเรานี้ก็ไม่ออกนอกลู่นอกทาง คงสภาพการซิวเลี่ยนที่สะอาดและบริสุทธิ์เช่นนี้ตลอดมา
ตามสถานการณ์ของเราในปัจจุบัน ข้าพเจ้าคิดว่าเป็นไปได้ว่ากงนี้จะถ่ายทอดได้กว้างขวางมากยิ่งขึ้นในอนาคต อีกไม่นาน คงจะเป็นปีหน้า อาจจะถ่ายทอดกงในต่างประเทศมากสักหน่อย เมื่อเป็นเช่นนี้ผลกระทบไม่เพียงแต่เกิดขึ้นในประเทศของเรา อันที่จริงผลกระทบในต่างประเทศก็ใหญ่มาก คนที่กลับจากต่างประเทศเคยพูดกับข้าพเจ้าว่า เมื่อพวกเขารับประทานอาหารอยู่ในภัตตาคารแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา ได้เห็นเอกสารแนะนำสถานการณ์ของฝ่าหลุนกงแขวนอยู่ในภัตตาคารแห่งนั้น เขารู้สึกแปลกใจ จากนั้นจึงถามคนเขา นี่เป็นเรื่องที่พวกเราไม่รู้ ยังไม่มีข้อมูล อาจเป็นกระแสที่พัฒนาอย่างรวดเร็วมาก สาเหตุที่แท้จริงเป็นเพราะพวกเราเห็นความสำคัญของการยกระดับซินซิ่งของคนให้สูงขึ้น ต่อสังคมก็ดี คนในระดับชั้นต่าง ๆ ก็ดี หรือคนที่มีความคิดต่างกันก็ดี ล้วนสามารถยอมรับฝ่าหลุนต้าฝ่า นี่คือที่ข้าพเจ้าพูดไปเมื่อครู่ เพียงแต่พูดให้ฟังสั้น ๆ ถึงสถานการณ์การพัฒนาของฝ่าหลุนต้าฝ่าที่เป็นอยู่เช่นนี้ในปัจจุบัน
เนื่องจากนี่เป็นการประชุมผู้ช่วยฝึกสอน ข้าพเจ้าจึงพูดเกี่ยวกับเรื่องทางด้านนี้ ดูสถานการณ์การพัฒนาของฝ่าหลุนต้าฝ่าในพื้นที่แต่ละแห่ง ล้วนมีจุดแข็งที่ต่างกัน และได้จัดทำข้อสรุปประสบการณ์ขึ้นมาไม่น้อย เกี่ยวกับการศึกษาต้าฝ่า ในการซิวเลี่ยนก็มีประสบการณ์ที่ดีไม่น้อย เนื่องจากในช่วงเวลานี้ข้าพเจ้าอยู่บ้าน อยู่ที่ฉางชุนตลอด ดังนั้นจึงรู้สถานการณ์ของฉางชุนค่อนข้างมากสักหน่อย เป็นต้นว่าปัจจุบันมีการเปิดกระแสนิยมศึกษาฝ่าเกิดขึ้นที่ฉางชุน เป็นกระแสนิยมศึกษาฝ่าเช่นไรหรือ ปัจจุบันในพื้นที่อื่น จัดเรื่องการฝึกท่าเคลื่อนไหวเป็นเรื่องสำคัญมาก แน่นอนมันเป็นเรื่องที่สำคัญมาก วิธีบำเพ็ญจิตและชีวิตควบคู่กัน แน่นอนย่อมขาดไม่ได้ แต่ที่ฉางชุน พวกเขาจัดเรื่องการศึกษาฝ่านี้ไว้ ณ ตำแหน่งที่สำคัญยิ่งกว่า ดังนั้นทุกวันพวกเขายืนหยัดหลังจากฝึกกงเสร็จแล้ว นั่งอยู่ตรงนั้นก็เริ่มอ่านหนังสือกัน เริ่มศึกษาฝ่า หลังจากศึกษาแล้วทุกคนยังแสดงความคิดเห็น แสดงความคิดเห็นทีละตอน ทีละตอน ต่อมาภายหลัง พวกเขายังพัฒนาไปสู่การท่องหนังสือ พวกเรารู้สึกว่านี่เป็นสิ่งที่ดี (แน่นอนนี่เป็นคำพูดของผู้ฝึก ไม่ใช่เป็นคำพูดของข้าพเจ้า) ในอดีตมีพระสูตรมากมายที่บรรยายไว้ไม่ชัดเจนมาก ล้วนบรรยายไว้อย่างคลุมเครือมาก ผู้คนก็ยังท่องจำกัน แน่นอนยังมีการพูดแบบอื่น ๆ ข้าพเจ้าก็พูดในความหมายนี้ บอกว่าสิ่งที่ดีเช่นนี้พวกเราทำไมไม่ท่องเขาให้ได้ล่ะ กำหนดให้พวกเราสามารถปฏิบัติตนเป็นคนดีอยู่ในหมู่คนธรรมดาสามัญทุกเวลานาที สามารถพัฒนายกระดับให้สูงขึ้น คุณท่องจำได้มิยิ่งดีกว่าหรือ จะได้มีไว้เปรียบเทียบอ้างอิงทุกเวลานาที เมื่อเป็นเช่นนี้กระแสนิยมการท่องหนังสือจึงเกิดขึ้น
ปัจจุบันที่ฉางชุนมีคนท่องหนังสือนับหมื่นคน ปัจจุบันการศึกษาฝ่าของพวกเขาพัฒนาเป็นสถานการณ์อย่างไรหรือ ก็คือนั่งอยู่ตรงนั้นเริ่มศึกษา ไม่ต้องใช้หนังสือ เขาเริ่มท่องหนังสือจากเริ่มต้น พอหยุด อีกคนก็ท่องต่อ ไม่มีผิดพลาดแม้แต่น้อย ท่องต่อ ๆ กันหนังสือไม่มีผิดแม้แต่ตัวเ