การบรรยายฝ่าในฝ่าฮุ่ยภาคกลางสหรัฐอเมริกา

 

หลี่  หง จื้อ

26 มิถุนายน ค.ศ. 1999  เมืองชิคาโก

 

            สวัสดีทุกท่าน  (เสียงปรบมือ)  ก็มีช่วงเวลาหนึ่งแล้วที่ไม่ได้พบหน้าทุกท่าน   โดยเฉพาะพวกเราที่นั่งอยู่มีส่วนหนึ่งเป็นผู้ฝึกใหม่  ฝ่าฮุ่ยอย่างนี้กล่าวสำหรับผู้ฝึกใหม่นั้นยากที่จะได้รับ  ซึ่งจำเป็นมากต่อการยกระดับของพวกเขา  และเป็นประโยชน์มากในการกระตุ้นพวกเขา   ดังนั้นพวกเราจึงจัดการประชุมฝ่าฮุ่ย  หลังจากฝ่าฮุ่ยที่ชิคาโกครั้งนี้ ก็ให้ถือชิคาโกเป็นศูนย์กลาง ในการจัดตั้งการศึกษาฝ่าขึ้นมาในภาคกลาง ซึ่งข้าพเจ้าคิดว่าจำเป็นมาก   ในเวลาเดียวกันข้าพเจ้าก็ถือโอกาสนี้พบปะกับทุกท่าน   ในขั้นตอนของการบำเพ็ญช่วงนี้ของทุกท่าน  มีการยกระดับอย่างไร มีการรับรู้อย่างไร ในการพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของพวกท่าน  ข้าพเจ้าก็อยากจะฟังสักหน่อย  เมื่อวานนี้มีนักข่าวถามข้าพเจ้าว่า  ชั่วชีวิตท่านมีเรื่องอะไรที่รู้สึกดีใจที่สุด  แน่ละชั่วชีวิตข้าพเจ้านั้นก็กำลังทำเรื่องนี้อยู่  สำหรับของที่เป็นของคนธรรมดาสามัญ ข้าพเจ้าว่าข้าพเจ้าไม่มีอะไรที่ดีใจที่สุด   ในเวลาที่ข้าพเจ้าได้ยินหรือได้เห็นผู้ฝึกพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์นั้น ข้าพเจ้ารู้สึกสบายใจที่สุด (เสียงปรบมือ)  การยกระดับขึ้นแต่ละก้าวของผู้ฝึก  ล้วนไม่ง่ายเลย  ต้องทนทุกข์มากมาย   ในสังคมที่ถือผลประโยชน์เฉพาะหน้านี้  ในท่ามกลางฉิงของชาวโลก  หากสามารถปล่อยวางจิตใจลงมา   สามารถที่จะปฏิบัติต่อความขัดแย้งไม่เหมือนกับคนธรรมดาสามัญ  นี่ไม่ใช่เรื่องที่จะพูดแต่ปากว่าทำได้   ในการทำจริงๆนั้นยากมาก  ไม่หวั่นไหวต่อผลประโยชน์เฉพาะหน้าเหล่านี้ในโลก   ในขณะอยู่ต่อหน้าความโกรธเกลียดยังยิ้มได้ในการปฏิบัติต่อทุกสิ่ง   ในความขัดแย้งยังสามารถค้นหาสาเหตุที่ตัวเราเองได้     นี่เป็นเรื่องที่คนธรรมดาสามัญทำไม่ได้   ในความเป็นจริงนั้นขณะที่ข้ามด่านก็เป็นทุกข์อย่างยิ่ง

          ดังนั้นเมื่อข้าพเจ้าได้เห็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของพวกท่าน  หรือเวลาที่ได้ฟังพวกท่านพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์  ข้าพเจ้าล้วนสามารถทราบช่วงวิถีที่พวกท่านก้าวผ่านมาทั้งหมด   ขั้นตอนการบำเพ็ญของแต่ละคนล้วนสามารถเขียนเป็นหนังสือเล่มหนึ่งได้เลยทีเดียว   มีบางสิ่งที่พวกท่านเองรู้ได้  มีบางสิ่งที่พวกท่านยังไม่แจ่มชัด  ไม่รู้  และยังมีสาเหตุของปัจจัยอื่นที่อยู่เบื้องหลัง   รอจนพวกท่านหยวนหมั่นแล้ว   พวกท่านจะมองเห็นขั้นตอนการบำเพ็ญของแต่ละคนนั้น คือขั้นตอนของการสถาปนาธรรมานุภาพของพวกท่านเอง  ในเวลานั้นจึงจะสามารถมองเห็นความยิ่งใหญ่ของชีวิตหนึ่ง(เสียงปรบมือ) ในประวัติศาสตร์มีกี่คนที่สามารถบำเพ็ญออกมา   มีไม่กี่คน  เรื่องราวของผู้บำเพ็ญบางคนที่เล่าสืบต่อกันลงมาจากประวัติศาสตร์   เทพนิยายที่เล่าขานกัน ที่พวกท่านทราบบ้าง  ในโลกมีคนมากมายอย่างนี้  ทำไมคนจำนวนมากจึงบำเพ็ญไม่ได้   ทำไมไม่มีคนมากยิ่งขึ้นบำเพ็ญสำเร็จ   ก็คือ คนนั้นปล่อยวางความเป็นคนไม่ลง  คนมักจะใช้หลักการของคนมาประเมินทุกสิ่ง  รวมทั้งคนยุคปัจจุบันที่รับรู้ต่อวิทยาศาสตร์  แต่สิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นในวงการบำเพ็ญ หรือ การเคารพบูชาต่อความศรัทธาของผู้คนในศาสนา   คนมักจะประเมินทุกสิ่งนี้โดยใช้มาตรฐานของคน  ใช้เขตแดนของคน และความเคยชินกับรูปแบบการนึกคิดที่พัฒนาขึ้นหลังกำเนิดของคน ซึ่งไม่มีวันที่จะประเมินได้ชัดเจน   คนอยู่ในผลประโยชน์เฉพาะหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ  คนจึงปล่อยวางความเป็นคนไม่ลง  ดังนั้นในประวัติศาสตร์จึงมีไม่กี่คนที่บำเพ็ญออกมาได้   แน่นอนวันนี้ข้าพเจ้าได้นำฝ่าที่แท้จริงของจักรวาลนี้บรรยายให้กับทุกท่าน และด้านหนึ่งของฝ่าที่มีความสามารถอย่างไร้ขีดจำกัดก็ได้ปรากฏออกมาแล้ว นอกจากนี้ โดยแท้จริงแล้วในเวลานี้ มีคนมากมายสามารถบำเพ็ญได้จริงๆ  และสามารถบำเพ็ญขึ้นมาได้จริงๆ  จึงมีศิษย์ต้าฝ่ามากมายอย่างนี้  จึงมีคนมากมายอย่างนี้กำลังก้าวหน้าอยู่  จึงมีคนมากมายอย่างนั้นที่จะหยวนหมั่นในอนาคต(เสียงปรบมือ)

            นักข่าวมักจะถามข้าพเจ้าว่า  ทำไมมีคนมากมายอย่างนั้นเรียนกัน   ในสายตาของพวกเขานั้นนึกไม่ถึง   คนมากมายบนโลก ซึ่งไม่ใช่แค่นักข่าวต่างกำลังอ่านหนังสือต้าฝ่าโดยมีทัศนคติอย่างนี้เพื่อแสวงหาว่าเพราะอะไร   เวลาที่หยิบ“จ้วนฝ่าหลุน”ขึ้นมา เขาก็ยังค้นหาอยู่ว่า ทำไมมีคนมากมายอย่างนี้มาศึกษา ที่แท้แล้วข้างในมีอะไร  ผลลัพธ์คือ พลิกไปพลิกมาก็ไม่เห็นอะไรเลย (หัวเราะ) เพราะจิตใจชนิดนี้โดยตัวมันเองก็คืออุปสรรคอันหนึ่งที่ใหญ่มาก  ไม่แสวงหาแล้วจะได้เอง  เรื่องราวใดๆในสังคมมนุษย์ล้วนสามารถได้มาโดยผ่านความพยายามและการต่อสู้แย่งชิง  เว้นแต่เรื่องที่เหนือคนธรรมดาสามัญ ซึ่งไม่อาจได้มาโดยผ่านความพยายามและการต่อสู้แย่งชิงตามที่คนเข้าใจ    ตรงกันข้ามท่านต้องปล่อยวางจิตยึดติดชนิดนั้น  ที่จะแสวงหาอะไร  จึงจะได้รับหลักการของฝ่า  นี่กลับตาลปัตรโดยสิ้นเชิงกับการรับรู้ของมนุษย์   ดังนั้นคนมากมายที่ล้วนปฏิบัติต่อทุกสิ่งโดยใช้การรับรู้ของคน  จึงจะไม่มีวันเห็นได้ชัดเจน   พวกเราทำไมจึงมีคนมากมายอย่างนี้มาศึกษา  เพราะมีคนมากมายอย่างนั้นมองเห็นหลักการของฝ่าของจักรวาล   ก็ง่ายๆอย่างนี้  แล้วทำไมมีคนมากมายอย่างนั้นมองไม่เห็นหลักการของฝ่าของจักรวาล   นั่นก็คือปัญหาการรับรู้ของคน บางคนก็เพราะเขาใช้ทัศนคติของคน  จิตยึดติดของคนในการประเมินทุกสิ่ง   แต่บางคนเขาไม่มีทัศนคติใดๆ  เขาจึงสามารถมองเห็นการคงอยู่ของฝ่า  เขาจึงสามารถมองเห็นแก่นแท้ของฝ่า (เสียงปรบมือ) ยิ่งกว่านั้นมีบางคนไม่ว่าจะอย่างไรก็ล้วนปล่อยวางความคิดที่เกิดขึ้นหลังกำเนิดของเขาไม่ลง  เขาใช้ ความคิดที่มีทัศนคติปฏิบัติต่อทุกเรื่องราว วิธีการชนิดนั้น มาปฏิบัติต่อต้าฝ่า   พอดูอะไร ก็ใช้ทัศนคติที่ก่อเกิดในหมู่คนธรรมดาสามัญมาประเมิน   แล้วทัศนคติของเขาโดยตัวมันเองนั้นถูกหรือผิดละ  เป็นสัจธรรมหรือไม่  เขาเองกลับไม่ไปลองคิดอย่างจริงๆจังๆ นี่ก็คือสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนจำนวนมากไม่ได้ฝ่า  เมื่อผ่านการบำเพ็ญในช่วงนี้  มีผู้ฝึกมากมายยกระดับขึ้นมากอย่างแท้จริง   โดยเฉพาะคือผู้ฝึกเก่า  ล้วนสามารถรับรู้ฝ่าจากในฝ่า   แสดงให้เห็นอย่างแท้จริงซึ่งเขตแดนและการแสดงออกของผู้บำเพ็ญที่ไม่เหมือนกับคนธรรมดาสามัญ  ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ

            ในระหว่างการบำเพ็ญผู้ฝึกบางคนมักถามข้าพเจ้าว่า   ทำไมบำเพ็ญนานอย่างนี้แล้ว ยังมีความคิดที่ไม่ดีมากมายของคนธรรมดาสามัญ และยังสะท้อนออกมาบ่อยๆ   ยิ่งกว่านั้นบางความคิด สะท้อนออกมาไม่ดีอย่างมาก   ปัญหานี้ข้าพเจ้าเคยพูดกับทุกท่านหลายครั้งแล้ว    ผู้บำเพ็ญจะทิ้งจิตยึดติดของคนไปได้จริงๆนั้นยากมาก    แต่ไม่ใช่ว่าในระหว่างการบำเพ็ญยังมีจิตยึดติดก็บำเพ็ญได้ไม่ดีแล้ว    พวกท่านรู้สึกว่าตนเองมีจิตยึดติด  โดยตัวมันเองก็คือการแสดงออกหลังจากการยกระดับแล้ว    ที่จริงจิตยึดติดที่แสดงออกมาของผู้บำเพ็ญนั้นเป็นการแสดงออกหลังจากที่ได้ลดทอนให้น้อยลงแล้ว   บางครั้งความคิดที่สะท้อนออกมาไม่ดีอย่างมาก   เป็นเพราะมันไม่ดีอย่างนั้นนั่นเอง   นั่นคือสิ่งที่ก่อเกิดขึ้นในหมู่คนธรรมดาสามัญเมื่อก่อนที่ยังไม่ได้บำเพ็ญ   คนธรรมดาสามัญก็เป็นเช่นนั้น  ดังนั้นในหมู่คนก็ตรวจไม่พบว่ามันไม่ดี   ตามการบำเพ็ญที่ยกระดับขึ้นเรื่อยๆ  ก็จะยิ่งน้อยลงตามลำดับ   แต่ก่อนที่จะทิ้งไปทั้งหมด แม้ว่ามันจะน้อยลงเรื่อยๆ  แต่ที่แสดงออกมามันก็ยังไม่ดีอยู่อย่างนั้น  ดังนั้นผู้ฝึกบางคนที่บำเพ็ญหลายปีแล้ว พบว่ายังมีจิตยึดติดที่ไม่ดีอย่างนั้นอยู่  ก็คือสาเหตุนี้   

อีกอย่าง ผู้บำเพ็ญในอดีตล้วนไม่ได้ละทิ้งจิตยึดได้อย่างแท้จริง   เพียงแต่ระงับเอาไว้หรือควบคุมจิตที่ไม่ดี ความคิดที่ไม่ดีเหล่านั้นไว้  มีแต่ศิษย์ที่บำเพ็ญต้าฝ่าที่กำลังละทิ้งจิตยึดติดทั้งหมดได้ถึงที่สุดอย่างแท้จริง   เพราะมีแต่ต้าฝ่าจึงสามารถทำได้

            เนื่องจากจิตยึดติดกับความคิดที่ไม่ดีของผู้บำเพ็ญลดน้อยลงอย่างต่อเนื่อง   การปรากฎออกมาของจิตยึดติดกับความคิดที่ไม่ดียิ่งอ่อนลงเรื่อยๆ  ดังนั้นการแสดงออกของผู้บำเพ็ญกับคนธรรมดาสามัญความแตกต่างจึงมากขึ้นเรื่อยๆ    ในฐานะผู้บำเพ็ญ ซินซิ่งสูงเพียงใด พลังของเขาก็จะสูงเพียงนั้น   เพราะท่านเป็นผู้บำเพ็ญคนหนึ่ง  เมื่อจิตยึดติดกับความคิดที่ไม่ดีในระหว่างการบำเพ็ญของท่านน้อยลงแล้ว  มองปัญหาต่างจากคนธรรมดาสามัญแล้ว  เขตแดนความคิดของท่านสูงขึ้นแล้ว  เช่นนั้นพลังของท่านก็จะสูงขึ้นมาด้วย  ถ้าเขตแดนความคิดไม่สูงขึ้น พลังนี้ก็สูงขึ้นไม่ได้  ไม่ใช่เหมือนอย่างที่คนเข้าใจกันว่า เมื่อพลังสูงแล้ว  มีอิทธิฤทธิ์แล้ว กลัวว่าหลังจากได้หลักธรรมแล้วจะทำเรื่องไม่ดี   ดังนั้นจึงเน้นเรื่องกุศล       เช่นนั้นคล้ายกับว่าการไม่เน้นเรื่องกุศล สำหรับตัวผู้บำเพ็ญเองก็ไม่เป็นไร   ไม่ใช่เรื่องอย่างนั้น   คือหากท่านไม่เน้นเรื่องกุศลก็จะบำเพ็ญขึ้นไปไม่ได้อย่างแท้จริง   ข้าพเจ้าเคยพูดเรื่องสสารกับจิตเป็นคุณสมบัติเดียวกัน    สสารทั้งหมดของจักรวาล ล้วนสร้างขึ้นมาโดย เจิน ซั่น เหริ่น – หลักการของจักรวาล สสารทั้งหมด  องค์ประกอบของชีวิตทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นโดยคุณสมบัติพิเศษ เจิน ซั่น เหริ่น  ท่านไม่สอดคล้องกับเขา ท่านก็ขึ้นไปไม่ได้   จิตใจกับสสารเป็นสิ่งเดียวกัน  วันนี้ไม่คิดจะพูดมากเกินไป    เนื่องจากฝ่าฮุ่ยมีเพียงวันเดียว  หลายๆคนจะพูดประสบการณ์   เช่นนี้พวกเรายังคงดำเนินการตามประเพณีปฏิบัติ ช่วงเช้าทุกท่านแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของตัวเอง  ผู้ที่ยังไม่ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ของตัวเองให้ดำเนินการต่อในช่วงบ่าย เวลาที่เหลือ   ข้าพเจ้าจะตอบปัญหาในการบำเพ็ญของพวกท่าน  หลังจากนั้นทุกท่านสามารถถามคำถามได้  ตอนนี้ข้าพเจ้าก็พูดเพียงเท่านี้ (เสียงปรบมือ)

ตลอดช่วงเช้าและยังมีช่วงเวลาหนึ่งในตอนบ่าย ผู้ฝึกล้วนกำลังพูดคุย แลกเปลี่ยนประสบการณ์  ซึ่งพูดได้ดีมาก   และผู้ฝึกบางคนมีการรับรู้ที่สูงมากต่อฝ่า  นี่ช่างดีมาก  หรือพูดได้ว่าฝ่าฮุ่ยของพวกเรานี้บรรลุถึงเป้าหมายแล้ว   ผ่านการพูดคุยประสบการณ์ แลกเปลี่ยนระหว่างกันของผู้ฝึก  มีคนมากยิ่งขึ้นสามารถค้นพบข้อบกพร่องและข้อด้อยของตนเองในระหว่างการบำเพ็ญ   ดูว่าคนเขาบำเพ็ญอย่างไรกัน  พวกเราควรทำอย่างไรให้ตามขึ้นมาได้ทัน  ที่จริงก็ต้องการให้บังเกิดผลอย่างนี้   ไม่อาจให้การบำเพ็ญส่วนบุคคลกลายเป็นรูปแบบหนึ่ง   หากต้องให้บังเกิดผลอย่างแท้จริงที่จะทำให้ผู้ฝึกยกระดับขึ้นได้   ข้าพเจ้ารู้สึกว่าฝ่าฮุ่ยของเรานี้ทำได้ดีมาก  ต่อจากนี้ข้าพเจ้าก็จะใช้เวลาตอนบ่ายนี้ตอบปัญหาให้กับทุกท่าน

ศิษย์        มีคนมากมายที่เหมือนกับผม ซึ่งไม่ทราบว่าในขณะที่พวกเราฝึกพลังอยู่  นอกเหนือจากชุดที่สอง ชุดที่ห้า            ใช่หรือไม่ว่าสามารถฝึกได้กี่รอบก็ฝึกกี่รอบ    สามารถฝึกเก้ารอบได้ไหม                                                         อาจารย์        ข้าพเจ้าคิดว่าไม่มีปัญหา  ในสภาพการณ์พิเศษ พวกท่านก็ฝึกมากหน่อย  ถ้าไม่มีเวลาท่านก็ฝึกน้อยหน่อย   แต่ตามปกติทุกท่านก็ฝึกตามจำนวนรอบที่การฝึกพลังนี้กำหนดไว้ในขณะนี้  เช่นนั้นโดยพื้นฐานก็จะสามารถรับรองว่าท่านได้บำเพ็ญแล้ว   โดยเฉพาะในเวลาที่ฝึกพลังร่วมกันจะต้องเป็นเอกภาพ  แน่ละ  ในการบำเพ็ญหากท่านมีเวลาสามารถฝึกมากอีกหน่อยก็จะยิ่งดีอย่างแน่นอน   โดยหลักคือการพิจารณาถึงรูปแบบการบำเพ็ญของต้าฝ่าในวันนี้ซึ่งเป็นการบำเพ็ญอยู่ในหมู่คนธรรมดาสามัญ    การบำเพ็ญของพวกท่านจะต้องประสานเข้ากับรูปแบบชนิดนี้ของสังคมคนธรรมดาสามัญ ดังนั้นการกำหนดให้ฝึกพลังมากเกินไป ย่อมกระทบต่อการทำงาน  กระทบการเรียน  เช่นนี้แล้วก็ไม่อาจจะจัดความสัมพันธ์นี้ให้ดีได้   ดังนั้นเพื่อให้การบำเพ็ญบรรลุถึงเป้าหมาย ข้าพเจ้าก็ได้พิจารณาถึงจุดนี้อย่างพอเพียงแล้ว   ฝึกตามจำนวนรอบที่กำหนดไว้ก็จะสามารถบรรลุเป้าหมายได้แล้ว  แต่ถ้าท่านฝึกจำนวนรอบมากขึ้น  ก็ไม่มีปัญหา  เพราะข้าพเจ้าพูดแล้วว่าหากการงานยุ่งขึ้นมา  ท่านฝึกน้อยหน่อย  ภายหลังเมื่อมีโอกาส ก็ฝึกให้มากเพื่อชดเชยก็ได้   ในการฝึกพลังสามารถปรับตามเวลาของตนเอง  แต่ในการยกระดับซินซิ่ง ในการศึกษาฝ่านั้น อย่าได้ทำแบบสุกเอาเผากิน   แม้ไม่มีเวลาก็ต้องเจียดเวลาไปอ่านหนังสือ         ด้านนี้จะต้องระวังไว้ให้มาก

ศิษย์          พูดอีกอย่างหนึ่ง สำหรับหลักพลังทั้งห้าชุด  แต่ละชุดที่ต่างกัน ควรฝึกกี่รอบในแต่ละชุด

อาจารย์        เรื่องนี้ทำตามข้อกำหนดในหนังสือของข้าพเจ้าก็พอแล้ว   ถ้าท่านมีเวลา สามารถฝึกมากหน่อย  ฝึกตามเวลาในเทปก็พอแล้ว               ก็บรรลุตามข้อกำหนดแล้ว

ศิษย์     ท่านพูดในฝ่าฮุ่ยที่แคนาดาว่า  ความรักของแม่ต่อลูกไม่อาจกลายเป็นจิตยึดติดของผู้บำเพ็ญ  ขอบพระคุณท่าน ดิฉันก็คือแม่คนนั้น      ดิฉันซื้อหนังสือ“ฝ่าหลุนกง”ให้ลูกชายดิฉันแล้ว                  อาจารย์         แม่รักลูกอย่างทะนุถนอม   ความรักของแม่เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในโลก  แต่ในฐานะผู้บำเพ็ญ  พวกเราต้องเปลี่ยนความรักนี้ให้สูงส่งยิ่งขึ้น  กว้างใหญ่ยิ่งขึ้น  ทำให้คนมากยิ่งขึ้นรู้สึกถึงความเมตตา  ทำให้เด็กทั้งปวงล้วนรู้สึกถึงความเมตตาของศิษย์ต้าฝ่า  ทำให้ใจของพวกเรานี้ขยายใหญ่จนมีเมตตาต่อคนทั้งหมด   นั่นจะยิ่งดี   ในเวลาเดียวกันในระหว่างการบำเพ็ญทุกท่านต้องระวังปัญหาหนึ่ง   ศิษย์ต้าฝ่าบำเพ็ญอยู่ในหมู่คนธรรมดาสามัญ จะต้องจัดการความสัมพันธ์ในครอบครัวกับญาติมิตรให้ดี  ต้องดีงาม  ต้องเมตตา  ไม่อาจตั้งใจเย็นชาต่อใคร  นี่ไม่ถูก  หากผู้บำเพ็ญบรรลุการปล่อยวางต่อการยึดติดในฉิงได้จริงๆนั้น   จะไม่เหมือนกับที่พวกท่านเองคิดแต่จะทำเช่นนี้ให้ได้  ดังนั้นการยกระดับจึงเป็นขั้นตอนที่ค่อยๆก้าวหน้า  ที่สะท้อนออกมาในสภาพการณ์ที่ต่างกัน   เช่นนั้นในขั้นตอนการบำเพ็ญ   ท่านสามารถรักทะนุถนอมบุตรธิดาของท่าน  รักทะนุถนอมผู้อาวุโส   นี่ไม่ผิด  กล่าวในฐานะผู้บำเพ็ญก็ไม่ผิด   ที่สำคัญคืออย่ายึดติดเกินไป   เพราะผู้บำเพ็ญนั้นกลัวการยึดติด  หากมีเชือกเส้นใดที่ผูกมัดท่านไว้  ท่านก็จะจากไปไม่ได้เลย

ศิษย์         โลกที่สวยงามนี้กำลังถูกความป่าเถื่อนของมนุษย์  และมลภาวะทางอุตสาหกรรมทำลายอย่างรุนแรง   (๑) โลกที่อ่อนแอและอ่อนไหวนี้จะสามารถรักษาไว้ได้นานเท่าไร  
อาจารย์         ขณะนี้ข้าพเจ้าไม่ไปพูดเรื่องเหล่านี้จะดีกว่า   หากแม้นข้าพเจ้านำสถานการณ์ที่แท้จริงของมันพูดออกมา   คนก็ไม่อาจเชื่อในทันที  พูดถึงว่าสำหรับผู้บำเพ็ญเรา  โลกจะยังสามารถรักษาไว้ได้นานเท่าไร  นี่ล้วนไม่ต้องไปสนใจมัน    เพราะจะรักษามันไว้ได้นานเท่าไร ก็ไม่เกี่ยวข้องกับการบำเพ็ญของตัวท่าน  เพราะท่านจะอยู่เหนือคนธรรมดาสามัญ   ท่านต้องบรรลุถึงสภาวะที่อยู่เหนือคนธรรมดาสามัญโดยสิ้นเชิง   กำลังหวนคืนกลับสู่ความจริงแท้ดั้งเดิม  กำลังอยู่ในระหว่างการบำเพ็ญ   ท่านนั้นกำลังค่อยๆหลุดพ้นจากสภาพของคนธรรมดาสามัญแล้ว   ภัยพิบัติใดๆทางธรรมชาติหรือจากน้ำมือมนุษย์ล้วนไม่เกี่ยวข้องกับท่านเลย  ดังนั้นไม่ไปสนใจมันจะดีกว่า

ศิษย์    (๒)  ในฐานะผู้บำเพ็ญฝ่าหลุนต้าฝ่า ความเมตตาของผมควรจะขยายออกไปถึงโลกและสิ่งมีชีวิตนานาชนิดหรือไม่  
อาจารย์        ความเมตตาของผู้บำเพ็ญนั้นกว้างใหญ่มาก   พวกเราสามารถเมตตาต่อสรรพชีวิตทั้งปวง  เพราะสรรพชีวิตทั้งปวงล้วนอยู่ในความทุกข์ยาก  แต่  พวกเราอย่าได้ปฏิบัติต่อสัตว์เท่าเทียมกับคน    เพราะอะไรละ   ข้าพเจ้าขอบอกสภาพการณ์ที่เป็นจริงอย่างหนึ่งกับพวกท่าน   ความเจริญรุ่งเรืองบนโลกนั้นสร้างขึ้นเพื่อมนุษยชาติ   สิ่งมีชีวิตทั้งปวง  รวมทั้งพืชและสัตว์นั้นล้วนคงอยู่เพื่อคน   ดังนั้นอย่านำพวกมันมาปะปนเข้ากับคนอย่างเด็ดขาด   สำหรับความเมตตากับความรักทะนุถนอมต่อสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น  จะต้องไม่เหนือไปกว่าการรักและทะนุถนอมระหว่างคนกับคน   ท่านสามารถมองว่าสรรพชีวิตทั้งปวงล้วนทุกข์ยาก   สามารถเมตตาต่อพวกมัน       แต่อย่าได้ปฏิบัติต่ออย่างเท่าเทียมกันโดยเด็ดขาด

ศิษย์         โลกสามารถคุ้มครองตัวเองโดยผ่านวิธีการของภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่นโรคระบาด  ภูเขาไฟระเบิดได้ไหม
อาจารย์
  ทุกสิ่งบนโลกล้วนไม่ใช่คงอยู่ด้วยความบังเอิญ   เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นบนโลกล้วนไม่บังเอิญ  ล้วนมีสาเหตุ  แต่ไม่เหมือนการรับรู้อย่างนี้ของท่าน   หากเป็นเทพที่รักษาหลักการของฝ่ากับชีวิตในระดับชั้นนี้   หายนะภัยทางธรรมชาติ  โรคระบาดเป็นต้น มีต้นเหตุมาจากมนุษย์  และก็คือเกิดจากกรรมของมนุษย์ที่ใหญ่มาก   ถ้าใจคนเปลี่ยนแย่ลงมากๆ  ดินนั้นก็จะแห้งแล้ง  น้ำจะขาดแคลน  หายนะภัยทางธรรมชาติก็จะมาก  ภูเขาไฟระเบิด แผ่นดินไหวอะไรจะมีได้ทั้งนั้น    เพราะทุกสิ่งนี้สร้างขึ้นมาเพื่อคน  ถ้าคนดีทุกสิ่งก็จะดีหมด   ถ้าคนไม่ดีทุกสิ่งก็ล้วนไม่ดี

ศิษย์     มนุษย์จะเป็นพลเมืองที่ดียิ่งขึ้นของโลกได้อย่างไร  
อาจารย์          ยกระดับศีลธรรมขึ้น  ถ้ามนุษย์สามารถเลื่อนระดับศีลธรรมขึ้นถึงสภาวะที่ดีที่สุดของเขา  ข้าพเจ้าคิดว่าจะลดทอนภัยทางธรรมชาติและโรคภัยนานาชนิดที่คุกคามมนุษย์  รวมทั้งสงครามได้อย่างแน่นอน    หากศีลธรรมของมนุษย์เลื่อนสูงขึ้นมาไม่ได้  ย่อมจะเกิดทุกสิ่ง  ที่จริง ที่ทุกสิ่งไม่ดีก็เพราะใจคนไม่ดีแล้ว        เมื่อครู่ข้าพเจ้าได้พูดประโยคหนึ่งกับทุกท่าน  ข้าพเจ้าบอกว่าโลกนี้สร้างขึ้นมาเพื่อคน  ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อคน  เช่นนั้นเมื่อคนใช้ไม่ได้แล้ว  ทุกสิ่งก็จะแย่ตามไปด้วย

ศิษย์         หลายครั้งที่ผมได้เห็นหรือได้ยินคนอื่นหรือตัวเอง เกิดเรื่องแปลกประหลาดในร่างกาย     ผมรู้ว่าเมื่อก่อนก็เคยเกิดขึ้น  แต่ผมนึกรายละเอียดไม่ออก แต่ผมแน่ใจร้อยทั้งร้อยว่า เมื่อก่อนเคยได้เห็นหรือได้ยินสิ่งต่างๆที่ผมเห็นหรือได้ยิน   แต่กลับจำไม่ได้           จนกระทั่งมันเกิดขึ้นอีกนี่เป็นเพราะอะไร                                     

อาจารย์      นี่เป็นความสามารถในการรู้อันเกิดจากประสาทสัมผัสชนิดหนึ่ง       รู้ได้จากประสาทสัมผัสถึงเรื่องบางอย่างในอดีตหรืออนาคต   โครงสร้างของจักรวาลนี้ก็มีกาลเวลาที่ต่างกันคงอยู่  มีมิติที่ต่างกันคงอยู่    เรื่องนี้ข้าพเจ้าเคยพูดถึงแล้วใน “ฝ่าหลุนกง”และ “จ้วนฝ่าหลุน”  อีกอย่าง ทุกสิ่งของมิตินี้ของเราล้วนประกอบขึ้นจากโมเลกุล  อากาศเอย  เหล็กเอย  รวมทั้งไมโครโฟนนี้  รวมทั้งร่างกายคนเอย  ดวงตาของคนเอย  ดังนั้นสิ่งที่คนเห็นก็คือโลกที่ประกอบขึ้นจากโมเลกุล  แต่โมเลกุลไม่ใช่อนุภาคเพียงชนิดเดียวของจักรวาล   มัน(โมเลกุล)ประกอบขึ้นจากอนุภาคที่จุลทรรศน์ยิ่งกว่า   โมเลกุลสามารถประกอบขึ้นเป็นสภาพแวดล้อมเช่นนี้ที่มนุษย์อาศัยอยู่ ที่พวกเราคนในปัจจุบันมองเห็นได้   เช่นนั้นโลกที่ประกอบขึ้นจากอนุภาคที่จุลทรรศน์ยิ่งกว่าโมเลกุลนี้ที่มนุษย์สามารถมองเห็นได้นั้น  ดวงตานี้ของคนก็มองไม่เห็นแล้ว    ดังนั้นคนจำเป็นต้องมีดวงตาอย่างนั้น  และเป็นดวงตาที่ประกอบขึ้นจากอนุภาคที่จุลทรรศน์อย่างนั้น   จึงสามารถมองเห็นระดับชั้นนั้น    ผู้บำเพ็ญสามารถมองเห็นได้เป็นเพราะในระหว่างการบำเพ็ญได้เปิดดวงตาที่จุลทรรศน์ยิ่งกว่าให้  ที่จริงอนุภาคระดับจุลทรรศน์ก็ประกอบขึ้นจากอนุภาคที่จุลทรรศน์ยิ่งกว่า ดังนั้นแต่ละระดับชั้นของอนุภาคจึงล้วนมีรูปแบบการคงอยู่ของดวงตา   ผู้บำเพ็ญนั้นคือทำให้ดวงตานั้นสามารถบังเกิดประโยชน์ได้  สามารถบังเกิดผลในการเชื่อมต่อกับคนที่ฝั่งนี้   ท่านจึงมองเห็นได้   นี่ก็เป็นการพูดถึงตาทิพย์จากอีกแง่มุมหนึ่งแล้ว

ศิษย์         ผมได้พูดประสบการณ์ในฝ่าฮุ่ยที่โตรอนโต  มีหลายคนได้ขอบทความที่ผมพูด   พวกเขาบอกว่ามีประโยชน์ต่อการเผยแพร่ฝ่ากับชาวตะวันตก  เช่นนั้นผมจะแจกบทความประสบการณ์ของผมได้หรือไม่

อาจารย์        ถ้าผู้ฝึกเรามีจุดประสงค์ที่จะใช้ในการเผยแพร่ฝ่าก็ทำได้   ให้ก็ให้ไป  แต่เมื่อใช้แล้วก็อย่าทำเป็นสิ่งที่ใช้ในการศึกษาหรือให้ทุกคนเผยแพร่มาอ่านกันทั้งหมด   อย่ากระทบต่อฝ่า   อย่าไปจัดตั้งเพื่อแจกจ่าย  ในสถานการณ์เฉพาะของการเผยแพร่ฝ่าที่จำเป็นต้องใช้  เมื่อให้ก็ให้ไป  นั่นก็เป็นคนละเรื่องแล้ว

ศิษย์         เราได้รับคำฝากทักทายถึงท่านอาจารย์หลี่ ด้วยความนอบน้อมและจริงใจจากพื้นที่ต่างๆมากมายอย่างต่อเนื่อง   เนื่องจากมีมากเหลือเกิน  จึงจัดการให้เป็นกลุ่มๆดังนี้    คำกล่าวทักทายจากจีนแผ่นดินใหญ่  รวมทั้งพื้นที่ดังต่อไปนี้   มณฑลเหลียวหนิง เมืองหูหลูเต่า   เวยไห่  เสิ่นหยาง  กว่างโจว คุนหมิง  เจิ้นโจว  ฉงชิ่ง   หนิงปอ  ผานจิ่น  เป่าติ้ง   สือเยี่ยน  หนานจิง  ฮาเอ่อปิน  เทียนจิน   เหลียวหนิงอิ๋งโขว่   ผิงติ่งซาน  กว่างตงจงซาน  ฉินหวงเต่า  สือเจียจวาง  เป่ยจิง  เยียนไถ  เซียงถาน   พวกเขาทั้งหมดคิดถึงท่านอาจารย์มาก   และยังขอให้ท่านอาจารย์วางใจ  ไม่ว่าจะพบกับการรบกวนหรือการทดสอบมากเพียงไร ก็ไม่อาจสั่นคลอนความเด็ดเดี่ยวและความศรัทธาในการบำเพ็ญต้าฝ่าอย่างแน่วแน่ของพวกเขา  และขอมอบคำตอบที่ได้มาตรฐานแก่ท่านอาจารย์ (เสียงปรบมือ)     ศิษย์ในเขตวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา  มิชิแกน  ฮุสตัน  ฟลอริด้า  โอ๊คแลนด์  ชิคาโก  สิงคโปร์  แคนาดา  โตรอนโต  อินโดนีเซีย   ขอแสดงความคารวะอย่างสูงสุดต่อท่านอาจารย์                                               อาจารย์              ขอบใจทุกท่าน         (เสียงปรบมือ)

ศิษย์        พวกเขาล้วนแสดงความแน่วแน่ในการบำเพ็ญต้าฝ่า ก้าวหน้าไปอย่างกล้าหาญ  จนกระทั่งหยวนหมั่น

อาจารย์          ผู้ฝึกแสดงออกมาดีมาก   สามารถรับรู้ต้าฝ่าได้อย่างนี้    ที่จริงเป็นความเข้าใจอย่างลึกซึ้งต่อต้าฝ่าในระหว่างการบำเพ็ญของพวกเขากับการรับรู้ของพวกเขาต่อการบำเพ็ญ โดยตัวมันเองจึงสามารถทำได้

ศิษย์            เรียนถามท่านอาจารย์      ในเวลาที่พระเยซูจะถูกตรึงบนไม้กางเขน  ศิษย์ของพระองค์ล้วนกำลังทำอะไรอยู่ ขอท่านอาจารย์ประกาศต่อชาวโลกและสวรรค์   พวกเราศิษย์ต้าฝ่าจะไม่ยอมให้เรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด

อาจารย์         (เสียงปรบมือกึกก้อง)  ขอบใจทุกท่าน  ผู้บำเพ็ญจะไม่ถูกความคิดของคนธรรมดาสามัญชักนำ   ทุกท่านเป็นผู้บำเพ็ญ  ข้าพเจ้าขอบใจทุกท่านที่มีจิตใจเช่นนี้ต่อต้าฝ่า  ต่ออาจารย์ ข้าพเจ้าล้วนทราบดี

ศิษย์        เวลาที่ร่างกายของศิษย์กำลังสลายกรรมอยู่   ตนเองยิ่งรู้สึกทรมานก็จะยิ่งลำบากใจแทนท่าน  ไม่รู้ว่าอาจารย์ต้องแบกรับมากเท่าไร                                                                                                                                       อาจารย์               อย่าได้คิดถึงอาจารย์มากเกินไป       อย่าคิดเรื่องเหล่านี้

ศิษย์         คนป่วยเป็นโรคเส้นเลือดสมองแตกคนหนึ่ง  ท่านก็ถูกกรอกยาพิษหนึ่งชาม เช่นนั้นคนที่ป่วยเป็นมะเร็งละ  แล้วคนที่ถูกพิพากษาประหารชีวิตละ  ศิษย์ต้าฝ่านับร้อยล้านท่านต้องแบกรับมากเท่าไร
อาจารย์         ข้าพเจ้าขอบอกทุกท่าน    เพราะผู้ที่นั่งอยู่ล้วนเป็นผู้บำเพ็ญ  จึงสามารถรู้สึกได้ถึงสภาพการณ์บางอย่างของอาจารย์  ที่จริงเรื่องของข้าพเจ้านั้นไม่อาจจะบรรยายได้ง่ายๆ   และข้าพเจ้ารู้สึกว่ายิ่งไม่อาจบรรยายออกมาในสังคมคนธรรมดาสามัญมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว  คนนับวันก็ยิ่งไม่อาจยอมรับได้  คนก็ไม่สามารถเข้าใจ   ในอนาคตพวกท่านล้วนจะทราบ  เพียงท่านหยวนหมั่น  ในเวลานั้นท่านจะพบว่าความยิ่งใหญ่ของตนเองและอาจารย์ของท่านก็ไม่ได้ทำให้พวกท่านผิดหวัง (เสียงปรบมือ)

ศิษย์         สถานการณ์ของต้าฝ่าในจีนนั้นดิฉันเข้าใจดี    เป็นการทดสอบใหญ่ครั้งหนึ่งที่มุ่งสู่การหยวนหมั่นของศิษย์ที่บำเพ็ญแต่ละคนในประเทศจีน    แต่ศิษย์ในต่างประเทศยังบำเพ็ญอย่างสบายในสถานการณ์ที่ไม่มีแรงกดดัน            พวกเราจะหยวนหมั่นได้อย่างไรละ
อาจารย์        ไม่สามารถมองปัญหากันอย่างนี้   ศิษย์ต้าฝ่าเป็นร่างรวมเดียวกัน  ต่างประเทศมีสภาพการณ์ของต่างประเทศ   ทุกท่านลองคิดดู   ผู้ฝึกของเราบางคนหนา แม้แต่การมีข้าวกินก็เป็นปัญหา  แต่เขาก็ยังยืนหยัดบำเพ็ญต้าฝ่า  ไม่ได้กินข้าวก็ไม่ยอมละทิ้ง  ผู้ฝึกแต่ละคนจากประเทศจีนมาอเมริกา มีคนมากมายล้วนแต่ผ่านการทำงานในร้านอาหาร  กระทั่งทำงานที่ต่ำมากจึงสามารถประคองตัวผ่านมาได้    บางครั้ง  เผชิญกับการทดสอบที่หนักมาก  กระทั่งกระทบต่อหนทางข้างหน้า และอนาคตของท่าน  แต่ก็ไม่หวั่นไหวทั้งสิ้น  นั่นก็เพียงพอแล้ว  ไม่ใช่ว่าแต่ละคนจะต้องพบกับปัญหาเหมือนกันทั้งหมด  ที่จริงข้าพเจ้าคิดว่า  ทุกข์ภัยที่ใหญ่มากนี้   หาได้มุ่งต่อตัวผู้ฝึกโดยเฉพาะไม่  มันมุ่งต่อต้าฝ่าโดยรวม    ในความยากลำบากอย่างนี้ที่เผชิญอยู่ หากสามารถเดินได้เที่ยงตรง  นี่คือสิ่งสำคัญยิ่ง   ความยิ่งใหญ่ของฝ่าสามารถทำให้ความยิ่งใหญ่ของผู้บำเพ็ญปรากฏออกมาให้เห็น   เพราะสมาชิกแต่ละคนในต้าฝ่าล้วนสำคัญอย่างยิ่งต่อปรากฏการณ์ของต้าฝ่า ณ ระดับชั้นนี้ในโลก ที่แสดงออกซึ่งความแข็งแกร่งดุจเพชรที่ไม่อาจทำลายได้     ในท่ามกลางความทุกข์ยากมากมายหลายครั้ง  ข้าพเจ้าเห็นพวกท่านต่างก้าวข้ามมาได้           ต้าฝ่าเคยผ่านการทดสอบมาแล้ว(เสียงปรบมือ)

ศิษย์        ผู้ฝึกบางคนกลับไปประเทศเพื่อสะท้อนสถานการณ์

อาจารย์        เรื่องเหล่านี้พวกเราอย่าไปทำเป็นการส่วนตัว   ที่จริงข้าพเจ้าคิดว่า   รัฐบาลจีนเข้าใจสถานการณ์ของพวกเราดีมากแล้ว   พวกมันรู้หมดว่าคนเหล่านี้เป็นคนดี    พูดถึงว่าในอนาคตจะปฏิบัติต่อพวกเราอย่างไร  ข้าพเจ้ากับทุกท่านก็ล้วนกำลังตรวจสอบอยู่ ก็คืออย่างนี้

ศิษย์         ศิษย์ต้าฝ่าที่ทำงานต้าฝ่า   บางคนงานยุ่งอยู่ตลอดเวลา   มีเวลาศึกษาฝ่า  ฝึกพลังน้อย  และยากที่จะสงบใจลงมา                    สภาพการณ์อย่างนี้ควรจะปฏิบัติอย่างไร 
อาจารย์       ไม่ว่าจะยุ่งอย่างไร   ไหนเลยจะเกรงว่าทำงานของต้าฝ่า   ก็ต้องถือการศึกษาฝ่าเป็นอันดับแรก  ได้แต่เป็นอย่างนี้  กล่าวสำหรับผู้ฝึก  แต่ละคนมีงานของตนเอง   มีเรื่องของครอบครัว  มีเรื่องของสังคม  ยังต้องศึกษาฝ่าฝึกพลัง  ซึ่งยากมาก  ที่ยากคงเป็นเพราะกำลังเดินอยู่บนทางสู่การเป็นผู้รู้แจ้งสถาปนาธรรมานุภาพ   ขอพูดอีกปัญหาหนึ่ง   ศิษย์ต้าฝ่าแทบทุกคนในระยะแรกที่ได้ฝ่านั้นล้วนไม่ใช่ง่าย   ไม่ใช่ว่ามีคนเฝ้าขวางอยู่ตรงหน้าประตูไม่ยอมให้ท่านเข้ามา   มักจะปรากฏออกมาเป็นการทดสอบทางซินซิ่ง  ดูใจท่านว่าจะคิดอย่างไร    ในปัญหาว่าจะได้ฝ่าหรือไม่ได้ฝ่า  ดูว่าใจของท่านคิดและปฏิบัติอย่างไร  บางคนก็สามารถก้าวข้ามมาได้  ที่ผ่านมาผู้ฝึกหลายคนล้วนทราบว่าในเวลาที่ข้าพเจ้าเปิดสอนอยู่ในประเทศจีนนั้น   เพียงข้าพเจ้าเปิดชั้นเรียนอยู่ที่นั่น  ห่างจากข้าพเจ้าไปไม่ถึงร้อยเมตร  รับรองว่าจะมีชี่กงปลอมอีกคนก็เปิดชั้นเรียนอยู่ที่นั่นด้วย   พวกชั่วร้ายไม่ให้คนได้ฝ่าที่ถูกต้อง  พูดว่าเป็นการทดสอบคน  ดูว่าท่านจะเข้าประตูไหน   มักจะเป็นเช่นนี้   ในปีนั้นที่องค์ศากยมุนีถ่ายทอดฝ่า  ทุกท่านทราบว่าในเวลานั้นมีพวกนอกรีตนอกลู่นอกทางกำลังจ้องทำลาย  ในการจ้องทำลายอย่างนี้ก็ได้แต่ดูว่าท่านจะเอาแนวทางไหน    มีแต่ตัวท่านเองเท่านั้นที่ต้องเลือก  ในเวลาที่เหลา จื่อ ถ่ายทอดฝ่า  ก็เกิดทฤษฎีนานาชนิดของบรรดานักปราชญ์นักคิดสำนักต่างๆ   ในเวลานั้นได้แต่ดูว่าท่านจะเข้าประตูไหน   ในยุคใดก็ตาม เพียงเมื่อมีการถ่ายทอดฝ่าที่ถูกต้อง  รับรองว่าจะต้องเป็นอย่างนี้  สำหรับเป็นแต่เพียงการบำเพ็ญอย่างเดียวนั้น   สามารถจัดวางอย่างนี้ได้   แต่กล่าวสำหรับการปรับฝ่าให้ถูกต้องในวันนี้  การจัดวางอย่างนี้ก็คือการทำลายการปรับฝ่าให้ถูกต้อง  ซึ่งยอมรับไม่ได้   ต้องปฏิเสธอย่างถึงที่สุด

ศิษย์        ศิษย์ในประเทศจีนได้เขียนจดหมายเปิดผนึกมากมาย  ผมรู้สึกว่าควรตีพิมพ์ออกมาในหนังสือพิมพ์ภาษาจีนของโลกตะวันตก  แต่ผู้ฝึกบางคนบอกว่าเขียนสูงเกินไป  มีลักษณะทางการเมืองแรงเกินไปจะปฏิบัติอย่างไรดี                                                                                                                                                                          อาจารย์          เรื่องเหล่านี้ให้ผู้รับผิดชอบในแต่ละแห่งยึดกุมให้ดีหน่อย  อย่ายุ่งเกี่ยวกับการเมือง  คนอื่นปฏิบัติต่อพวกเราอย่างนี้   แต่เราไม่อาจปฏิบัติอย่างเดียวกันต่อผู้อื่น   ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดๆก็ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง 

ศิษย์        เมื่อมองจากโครงสร้างที่ประกอบขึ้นมาจากอนุภาคระดับจุลภาคจนถึงอนุภาคระดับมหภาค  โมเลกุลของคนไม่ใช่สิ่งที่เล็กที่สุด  และไม่ใช่สิ่งที่ใหญ่ที่สุด  จะเข้าใจหลักการของฝ่านี้อย่างไรว่า สังคมมนุษย์เป็นปรากฏการณ์ของฝ่า                 ระดับชั้นที่ต่ำที่สุด
อาจารย์        นี่ก็ง่ายมาก   ศูนย์กลางของจักรวาลนี้มันย่อมจะไม่ใช่ใหญ่ที่สุด  ถ้าใหญ่ที่สุดก็จะกลายเป็นเปลือกนอกของจักรวาลแล้ว   ดังนั้นศูนย์กลางของจักรวาล เป็นอนุภาคที่อยู่ตรงกลางระหว่างอนุภาคที่ใหญ่กับเล็ก  จากอนุภาคที่จุลทรรศน์ที่สุดจนถึงอนุภาคของระดับชั้นที่ใหญ่ที่สุดของเปลือกนอกของจักรวาลทั้งหมด  ดังนั้นตรงกลางของอนุภาคทั้งหมด  จึงสามารถจะเป็นตำแหน่งศูนย์กลางของจักรวาลนี้ได้  ร่างกายคนก็ประกอบขึ้นจากอนุภาคระดับชั้นนี้

ศิษย์      ศิษย์บางคนใช้เวลามาก  ในการอภิปรายแสดงความคิดเห็นของแต่ละฝ่ายกับอุบาสกอุบาสิกาของศาสนาพุทธทางอินเตอร์เนต  ตอบปัญหาที่พวกเขาถาม  โดยหวังว่าจะทำให้พวกเขาได้ฝ่าด้วยเหตุนี้  วิธีการชนิดนี้จะได้ผลหรือไม่

อาจารย์       ข้าพเจ้าคิดว่าอันนี้กลับไม่เป็นอะไรมาก  แต่เราต้องยึดกุมให้ดี อย่าไปถกเถียงกับคนเขา  พระพุทธช่วยผู้ที่มีวาสนา  ถ้าเขาไม่คิดจะได้ฝ่า ก็ช่วยไม่ได้  พวกท่านได้แต่บอกหลักการของฝ่าให้กับเขา  อย่างมากที่สุดก็คือแนะด้วยความปรารถนาดี  อย่าไปถกเถียงกับพวกเขา  รวมทั้งเมื่อพวกเขาด่าคน  ผู้ฝึกก็อย่าทำเหมือนกับพวกเขา   เขาเป็นคน  ผู้ออกบวชที่ไม่ได้ฝ่าที่ถูกต้องก็คือคนธรรมดาสามัญ

ศิษย์        หวังว่าอุบาสกอุบาสิกาในศาสนาพุทธจะได้ฝ่า   ด้วยเหตุนี้เหล่าศิษย์จึงมีเวลาอ่านหนังสือ ฝึกพลังน้อย   เป็นการรบกวนของมารหรือกรรมใช่ไหม

อาจารย์      เป็นไปได้ นั่นก็จะได้ไม่คุ้มเสีย    บอกให้คนได้ฝ่านั้นเป็นเรื่องดี  ถ้าพวกท่านก็ฝึกพลัง  อ่านหนังสือแล้ว  พักผ่อนสักหน่อยเข้าไปดูบนอินเตอร์เนต   ก็ไม่เป็นไร    แต่ถ้าเพื่อเรื่องนี้เหล่านี้เพียงอย่างเดียวแล้วกระทบต่อการบำเพ็ญของพวกท่าน นั่นก็ได้ไม่คุ้มเสีย  ก็อย่าทำอย่างนี้

ศิษย์     สายเต๋าเน้นการบำเพ็ญ “เจิน”  สายพุทธเน้นการบำเพ็ญ “ ซั่น” ไม่มีสายไหนเน้นการบำเพ็ญ “เหริ่น”หรือ
อาจารย์        การทนทุกข์สามารถบังเกิดผลอย่างหนึ่งในการสลายกรรม  แต่การทนทุกข์มากก็ไม่แน่ว่าจะสลายได้สักเท่าไร     เนื่องจากคนที่สลายกรรมโดยไม่บำเพ็ญนั้น ยากนักที่จะสลายกรรมได้มาก  จะทนได้ไม่เท่าไร   ในอดีต ในยุคขององค์ศากยมุนีพุทธก็มีการทนทุกข์บำเพ็ญโดยเฉพาะ  มุ่งทนทุกข์เท่านั้น  คนชนิดนี้มีมาโดยตลอด ทนทรมานตัวเองในความหนาวเย็นท่ามกลางหิมะและน้ำแข็ง ใช้แส้หวดตัวเอง  ใช้มีดเฉือนตนเอง   การบำเพ็ญชนิดนี้แต่ไหนแต่ไรมาเห็นว่ามันเป็นทางสายย่อยหรือไม่เดินบนทางสายตรง    ถ้าไม่ได้ฝ่าที่ถูกต้องหรือทางสายใหญ่ สุดท้ายข้าพเจ้าว่าล้วนไม่ได้มรรคผล  ดังนั้นเขาก็ยากที่จะบำเพ็ญออกนอกสามภพ  และง่ายที่จะเกิดจิตยึดติดอีกชนิดหนึ่ง  คือชำระกรรมเพื่อการชำระกรรม

ศิษย์           ศิษย์ศรัทธามั่นในต้าฝ่า  แต่ภรรยาเป็นคนธรรมดาสามัญยืนกรานจะทำแท้ง  ศิษย์ลำบากใจมาก
อาจารย์ ปัจจุบันเรื่องที่ซับซ้อนอย่างนี้มีมากจริงๆ  นั่นได้แต่ตักเตือนเธอไม่ให้ทำอย่างนี้      เนื่องจากการทำแท้งนั้นกล่าวสำหรับคนแล้วคือการทำบาป   ทุกท่านทราบวัตถุใดๆเมื่อมันเกิดขึ้นมา มันก็มีชีวิตแล้ว    รวมทั้งเครื่องจักรหรือ ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตออกมาจากโรงงาน   เพียงแต่ผลิตสิ่งหนึ่งออกมา พอผลิตภัณฑ์เกิดขึ้น  ในอีกมิติ  มันก็มีชีวิตชาญฉลาดหนึ่งกรอกเข้าไปแล้ว   ดังนั้นอะไรๆจึงมีชีวิตทั้งนั้น   ทารกที่อยู่ในครรภ์ นั่นก็พูดได้อย่างชัดแจ้งว่าคือคน  ทำลายแล้ว  ก็คือการฆ่าชีวิต   ฆ่าคน  อย่าเห็นว่ายังไม่เกิดออกมาการทำแท้งก็คือการฆ่าคน คนเข้าใจว่าเมื่ออยู่ในท้องยังไม่เกิดออกมา   ทำแท้งก็ไม่เป็นไร   นั่นคือคนในยุคปัจจุบันที่มีทัศนคติเบี่ยงเบนไปแล้วที่มองกันเช่นนี้    เทพกับชีวิตชั้นสูงทั้งหมดที่เหนือคนธรรมดาสามัญ ล้วนมองกันอย่างนี้    ทุกท่านทราบเมื่อชีวิตจะกลับชาติมาเกิดก็ต้องจุติเข้าไปอยู่ในครรภ์  หลังจากจุติเข้าไปอยู่ในครรภ์ ชีวิตของเขาก็เข้าสู่วัฏจักรของชีวิตในโลก  เช่นนั้นเทพก็ได้จัดวางอนาคตของเขาไว้แล้ว   แต่ว่าแม้แต่จะเกิดออกมาก็ยังไม่ได้เกิด  ก็ฆ่าทิ้งแล้ว   เช่นนั้นในเวลานี้ทุกท่านคิดดู  เขาจะไปที่ไหนละ   เป็นไปได้มากว่าเขาต้องรอคอยหลายสิบปีจนถึงปีที่สิ้นสุดที่จัดวางไว้ เหมือนคนที่ควรมีชีวิตถึงเจ็ด แปดสิบปีแล้วจึงตาย  จึงจะสามารถเข้าสู่วัฏจักรครั้งที่สองใหม่อีกครั้ง  ในเวลานั้นจึงจะมีเทพไปดูแลเขา    ยังเยาว์วัยอย่างนั้น  ไม่เพียงฆ่าเขาแล้ว  ยังทำให้เขาตกอยู่ในสภาพที่เจ็บปวดทรมานอย่างยิ่งชนิดหนึ่งด้วย   แต่เขายังเป็นชีวิตที่เยาว์วัยอย่างนั้น  ช่างน่าสงสารยิ่งนัก  ใช่ไหม

ศิษย์         ใน “จ้วนฝ่าหลุน” หน้า ๑๑๗  กล่าวถึง “นี่เป็นการถ่ายทอดฝ่าที่ถูกต้องครั้งสุดท้ายในยุคธรรมปลายของเรา”  เรียนถามท่านอาจารย์  จะสามารถเข้าใจได้ไหมว่าในประวัติศาสตร์ในอนาคต  จะไม่ถ่ายทอดฝ่าที่ใหญ่อย่างนี้อีกแล้ว
อาจารย์         พูดถึงตรงนี้ ก่อนอื่นข้าพเจ้าขออธิบายสักหน่อยว่าอะไรคือยุคธรรมะปลาย   ยุคธรรมะปลายนั้นข้าพเจ้าขอบอกทุกท่านหมายความว่าอะไร   มีคนธรรมดาสามัญในสังคมบางคนเอย  นักข่าวเอย  เขาไม่เข้าใจแต่แสร้งทำเป็นเข้าใจ  พอเขาได้ยินว่าพูดเรื่องยุคธรรมะปลาย  เขาก็พูดว่าไม่ดีแล้ว  ฝ่าหลุนกงนี้กำลังพูดถึงวันสิ้นโลก   เขาไม่เข้าใจเลยว่าเป็นเรื่องอะไร   ยุคธรรมะปลายคำนี้เป็นคำที่องค์ศากยมุนีพุทธตรัสออกมา  มันหมายความว่าอะไรหรือ  องค์ศากยมุนีพุทธตรัสว่า  ในเวลาที่ข้าพเจ้าไม่อยู่ในโลก ๕๐๐ ปีให้หลัง    ผู้คนล้วนสามารถไปบำเพ็ญตามฝ่าของข้าพเจ้า  สามารถได้รับการช่วยเหลือ  ๕๐๐ ปีให้หลัง ก็คือฝ่าที่ข้าพเจ้าถ่ายทอดจะถึงยุคธรรมะปลาย   ธรรมะปลายก็คือฝ่านั้นไปถึงช่วงสุดท้ายแล้ว  ถึงเวลาที่ฝ่าจะใช้ไม่ได้แล้ว  คือความหมายนี้  ก็คือไม่สามารถทำให้เขาช่วยเหลือคนได้แล้ว   ธรรมะปลายใช่ไหม   ธรรมะปลายจะช่วยคนได้อย่างไรละ   ก็คือยุคปลายของฝ่านี้ที่พระองค์ทรงสอน  คือความหมายนี้      ไม่มีความเกี่ยวข้องกับภัยพิบัติอะไรของจักรวาลเลย  และปัจจุบันเป็นยุคธรรมะปลายของยุคธรรมะปลาย  องค์ศากยมุนีนั้นมิได้ทรงอยู่ในโลกสองพันห้าร้อยกว่าปีแล้ว  นานเกินกว่าสี่เท่าแล้ว   ธรรมะปลายของธรรมะปลายล้วนไม่มีแล้ว  แต่คนใช่ไหมมักจะเคารพบูชาและศรัทธาในพระพุทธ    ยังคงรักษารูปแบบของศาสนาพุทธไว้   แต่กลับยากที่จะบำเพ็ญออกมาได้แล้ว   บางทีในอนาคตจะไม่มีการถ่ายทอดต้าฝ่าของจักรวาลเรื่องนี้แล้ว  ข้าพเจ้าอาจจะไม่มาอีกแล้ว

ศิษย์       เรียนถามท่านอาจารย์ ก่อนวันที่การบำเพ็ญจะสิ้นสุด ผู้ที่ได้ฝ่าจะมีโอกาสหยวนหมั่นหรือไม่                 

อาจารย์         คำพูดนี้ พูดตอนนี้ค่อนข้างเร็วไป       ศิษย์ต้าฝ่าที่บำเพ็ญในขณะนี้กับผู้บำเพ็ญในอนาคต เป็นคนละเรื่อง  ขณะนี้กำลังปรับฝ่าให้ถูกต้อง   และพวกท่านนั้นได้ฝ่าในระดับชั้นที่ต่ำที่สุดของการปรับฝ่าให้ถูกต้อง ในขณะเดียวกันก็ยังเป็นส่วนหนึ่งที่เข้าร่วมในการหยวนหรง(ประสานกลมกลืนเข้ากับ)ต้าฝ่าในโลก   หรือพูดได้ว่า การบำเพ็ญของพวกท่านในขณะนี้   กับเรื่องการปรับฝ่าให้ถูกต้องทั้งหมดนี้ เชื่อมโยงเข้าด้วยกัน   ดังนั้นความยิ่งใหญ่ที่แท้จริงจึงอยู่ที่นี่   คือสามารถช่วยอาจารย์ยืนยันความถูกต้องของฝ่าอยู่ในโลก  นี่จึงจะยิ่งใหญ่ที่สุด  ด้วยเหตุนี้การได้ฝ่าของพวกท่านจึงไม่ยากลำบากอย่างนั้น  เหมือนกับการได้ฝ่าในการบำเพ็ญอย่างอื่นในประวัติศาสตร์   และในอนาคตสามารถจะมีใจยึดมั่น ทำให้ต้าฝ่ามั่นคง  นี่จะยอดเยี่ยมมาก  ไม่เพียงแต่จะดูเรื่อง       ซินซิ่งของตัวท่านเอง   ในขณะเดียวกันก็ดูการอุทิศคุณูปการให้กับฝ่า   นี่คือจุดที่ยิ่งใหญ่ที่แท้จริง    การบำเพ็ญของคนในอนาคตก็จะไม่เป็นอย่างนี้   เขาเป็นเพียงผู้บำเพ็ญ   เป็นเพียงการบำเพ็ญส่วนตัว   แน่ละ การบำเพ็ญของคนในอนาคตก็สามารถใช้ต้าฝ่าที่ข้าพเจ้าถ่ายทอดไปบำเพ็ญ  ดังนั้นมีคนมากมาย  มีคนกลุ่มใหญ่ที่จะได้รับการช่วยเหลือ  อนาคตก็จะเป็นเช่นนี้  นี่ก็จำกัดอยู่ในช่วงหนึ่งของประวัติศาสตร์   ต่อไป  ฝ่านี้ก็จะไม่เหลือไว้ให้กับคนแล้ว  ฝ่านี้ไม่อาจเหลือไว้เป็นวัฒนธรรมให้กับคนในอนาคต นี่ไม่ได้อย่างเด็ดขาด

ศิษย์     สวรรค์ของพระยูไลผันแปรมาจากเสวียนกวานของพระองค์หรือว่าพระองค์สร้างขึ้นเอง         อาจารย์        อะไรที่เรียกว่าพระยูไล       ความนัยขององค์พระยูไลเอง  ก็คือนำหลักการของฝ่าแห่งความสมใจนึกมาสู่โลกมนุษย์     คือนำหลักการของฝ่าแห่งความความสมใจนึกที่แท้จริงที่หยวนหรง(ประสานกลมกลืน)ไม่อาจทำลายได้มา  สามารถแปลความหมายได้อย่างนี้   เพราะมันไม่ใช่ภาษาจีน เป็นภาษาสันสกฤตโบราณ   บนสวรรค์ถือว่าพระยูไลเป็นราชาแห่งธรรม   พระยูไลล้วนมีสวรรค์ของพระองค์เอง  ดังนั้นพระองค์จะควบคุมดูแลโลกสวรรค์ของพระองค์เอง   และการควบคุมดูแลของพระองค์นั้นใช้ความดีงาม กับความเมตตาชนิดนั้นไปกล่อมเกลาสรรพชีวิตด้วยความดีงามทั้งสิ้น  ไม่เหมือนกับวิธีการทางการเมืองอะไรชนิดนี้ของคน  ไม่ใช่เช่นนี้ เช่นนั้นโลกของพระองค์มาจากไหนหรือ   มีสภาพการณ์ที่สำคัญสองชนิด   ชนิดหนึ่งคือพระพุทธ เต๋า เทพจำนวนมากกับสรรพชีวิต  พระองค์ก็เป็นชีวิตที่ถือกำเนิดขึ้นในเขตแดนนั้น   อีกสภาพการณ์หนึ่ง คือในขั้นตอนการบำเพ็ญของพระองค์กับธรรมานุภาพของพระองค์นั้น สถาปนาขึ้นมาพร้อมกัน   ฉะนั้นเมื่อพูดให้เป็นรูปธรรมสักหน่อย  ในนั้นรวมถึงวิธีการบำเพ็ญเสวียนกวานในการบำเพ็ญช่วงแรกที่บำเพ็ญออกมาได้ส่วนหนึ่ง    ใช้ภาษาคนบรรยายสภาพการณ์ของเทพกับพระพุทธนั้น จะไม่ค่อยสวยงามนัก  ในขั้นตอนการบำเพ็ญท่านสามารถเรียกมันว่าเสวียนกวาน   เมื่อพระพุทธที่ยิ่งใหญ่บำเพ็ญสำเร็จสมบูรณ์ และหยวนหมั่นโลกของพระองค์ในเวลาเดียวกันได้กลายเป็นความจริง    ท่านก็ไม่สามารถไปเปรียบเทียบมันอย่างนี้   นั่นก็คือไม่เคารพ  ความยิ่งใหญ่ทั้งหมดของพระองค์ เป็นปรากฏการณ์ที่ยิ่งใหญ่และสง่างามอย่างน่าเกรงขามของพระพุทธกับโลกของพระพุทธ

ศิษย์         หลังจากได้อ่านจิงเหวินบท “ความรู้สึกเล็กน้อยของข้าพเจ้า”แล้ว  ผู้ฝึกบางคนรู้สึกหนักใจมาก   พร้อมกับส่งจดหมายไปทั่ว เพื่อระงับไม่ให้เกิดเรื่องนี้ขึ้น
อาจารย์        เรื่องเกี่ยวกับที่รัฐบาลจีนขอส่งตัวกลับนี้เคยพูดแล้วว่าเป็นการกุข่าว  ไม่ว่าเป็นใครที่กุข่าว  ถึงอย่างไรก็พูดแล้วว่าเป็นการกุข่าว  นั่นก็คือว่าไม่มีเรื่องนี้แล้ว   ไม่มีเรื่องนี้    มันมีที่มาแน่นอน ข้าพเจ้าทราบ  นี่ไม่ใช่การทำในฐานะตัวแทนรัฐบาลจีน  บางทีอาจเป็นคนที่มีเจตนาแอบแฝงอาศัยฝ่าหลุนกงเพื่อไต่เต้าขึ้นไป  เป็นผู้กระทำ           คนเหล่านี้ที่คิดจะทำให้ฝ่าหลุนกงกับรัฐบาลจีนเป็นปฏิปักษ์กันเป็นผู้กระทำ

ศิษย์            ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศจีนเมื่อเร็วๆนี้   นอกจากกำลังทดสอบศิษย์ในประเทศจีนว่าจะสามารถหยวนหมั่นได้หรือไม่แล้ว   ใช่หรือไม่ว่าโดยตัวมันเองก็มีองค์ประกอบที่มุ่งจะทำลายต้าฝ่าอยู่ด้วย

อาจารย์      เรื่องเหล่านี้ทุกท่านอย่าไปสนใจเลย   ในเมื่อรัฐบาลจีนได้ออกหนังสือประกาศหมายเลขที่ ๒๗ แล้ว เรื่องที่ผ่านมาก็ให้มันผ่านไป  ตั้งแต่ต้นทุกท่านก็เป็นผู้บำเพ็ญ   ไม่ยึดติดกับเรื่องของคนธรรมดาสามัญ   สำหรับเรื่องต่างๆที่คนธรรมดาสามัญได้ทำไป  ไม่ว่าจะถูกก็ดีหรือผิดก็ดี   พวกเราล้วนไม่จดจำไว้ในใจ   ก็เหมือนกับไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น     แต่พูดถึงว่าจะปฏิบัติต่อพวกเราอย่างไร  นั่นเป็นเรื่องของพวกเขา    ทุกท่านสนใจแต่ไปบำเพ็ญก็พอแล้ว  ข้าพเจ้าผู้เป็นอาจารย์นี้ก็กำลังตรวจสอบอยู่    ขณะนี้ทุกท่านอย่าได้พูดถึงเรื่องเหล่านี้เลย   แต่หากเกิดการประทุษร้ายต่อผู้ฝึกในจีนแผ่นดินใหญ่เนื่องจากการบำเพ็ญ  นั่นแน่ละข้าพเจ้ากับผู้ฝึกต่างประเทศก็ต้องห่วงใย  จุดนี้แน่นอนทีเดียว

ฉะนั้นเมื่อมองจากระดับชั้นสูงก็คือมีอิทธิพลเก่าอาศัยชีวิตที่ไม่ดีในระดับชั้นต่ำกำลังบ่อนทำลาย

ศิษย์          อาจารย์บอกว่าถ้าท่านไม่อาจรักศัตรูของท่าน  ท่านก็ไม่อาจหยวนหมั่น    ผมรู้สึกว่าไม่ว่าอย่างไรก็ตามผมก็ไม่อาจจะรักคนเหล่านั้นที่โจมตีอาจารย์กับต้าฝ่าได้

อาจารย์   (หัวเราะ)  ทุกท่านจำไว้ ข้าพเจ้าเคยพูดไว้อย่างนี้  ข้าพเจ้าว่าพวกท่านล้วนเป็นผู้บำเพ็ญ  แต่ข้าพเจ้าไม่ใช่  ข้าพเจ้าเป็นคนที่ถ่ายทอดฝ่าให้พวกท่าน   ทุกท่านคิดดูหลักการของจักรวาลได้สร้างสรรค์สภาพแวดล้อมของการคงอยู่ให้กับชีวิตในระดับชั้นที่ต่างกัน  และชีวิตในสภาพการณ์ที่ต่างกัน  สร้างชีวิตในระดับชั้นที่ต่างกัน  เช่นนั้นแม้แต่ฝ่าของจักรวาลนี้คนก็สามารถจะต่อต้าน    เขาจะอยู่ที่ไหนในจักรวาลนี้ในอนาคต   ย่อมจะไม่มีตำแหน่งของเขา    คนอย่างนี้เขาล้วนแต่เลวจนอยู่นอกขอบเขตของฝ่าแล้ว  เช่นนั้นเขายังไม่ใช่คนเลวหรือ  ผู้ที่ทำลายหลักการของฝ่านั้นไม่อาจจะเปรียบได้กับศัตรูส่วนบุคคลของพวกท่านได้เลยตลอดกาล   พวกท่านต้องรักศัตรูของพวกท่าน หมายความว่าอะไรหรือ   เพราะพวกท่านแต่ละคนต่างกำลังบำเพ็ญอยู่ ต้องมีเมตตา   พวกท่านไม่อาจจำกัดอยู่แต่ว่า เธอดีต่อฉัน  ฉันก็เมตตาเธอ  เธอไม่ดีต่อฉัน ฉันก็ไม่เมตตาเธอ   เช่นนั้นจะต่างอะไรกับในหมู่คนธรรมดาสามัญที่ว่าเธอดีต่อฉัน  ฉันก็ดีต่อเธอละ  ไม่ต่างอะไรกัน     เพราะพวกท่านเป็นผู้ที่บำเพ็ญ จึงต้องอยู่เหนือเขตแดนของคนธรรมดาสามัญ  ต้องสูงกว่าเขตแดนของคนธรรมดาสามัญ   คนธรรมดาสามัญต่ำถึงอย่างนี้ ท่านสูงถึงอย่างนั้น    หากท่านถือคนที่ต่ำกว่าท่านจำนวนมากเช่นนั้นเป็นศัตรู นี่สมควรหรือไม่   ในเวลาที่ท่านถือว่าคนๆนี้เป็นศัตรูนั้น  ใช่ไหมว่าท่านก็ตกลงมาต่ำอย่างนี้แล้ว    ตกลงมาอยู่ที่คนธรรมดาสามัญแล้ว   ใช่ไหม    ดังนั้นแต่ไหนแต่ไรมาเทพไม่เคยถือว่าคนเป็นศัตรูเลย   คนก็ไม่คู่ควร   หากพูดจากมุมมองของความเมตตา           ก็ไม่อาจถือว่าคนเป็นศัตรูได้

แต่การทำลายฝ่ากับการปรับฝ่าให้ถูกต้องนั้นเป็นคนละเรื่องกันนะ     แม้จะทำไปในสภาวะที่ไม่รู้ก็ใช้ไม่ได้    ไม่ว่าคนทำอะไรล้วนต้องไปแบกรับ  พวกท่านผู้บำเพ็ญทั้งหลายที่นั่งอยู่ที่นี่   ในประวัติศาสตร์พวกท่านเคยทำอะไรไว้   พวกท่านก็ต้องแบกรับผ่านไปได้เช่นเดียวกัน   คนทำอะไรไว้ล้วนต้องแบกรับ   อย่าคิดว่าตนเองถูกกระทำ หรือคุยโวโอ้อวด  หรือพูด หรือ ทำไปเพราะถูกกดดัน หรือถูกสิ่งชั่วร้ายควบคุม   ไม่เกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้  นี่ล้วนไม่อาจนับเป็นเหตุผลได้

ศิษย์         ขณะนี้พึ่งจะซาบซึ้งได้ว่าท่านอาจารย์ใช้วิธีการที่เมตตาที่สุด  ในการปรับฝ่าให้ถูกต้องในโลกมนุษย์ ซึ่งไม่ง่ายเลย  ใช่ไหมว่าการปรับฝ่าให้ถูกต้องอยู่ข้างบน ยากกว่าที่นี่มาก   เรียนท่านอาจารย์เผยให้ฟังสักหน่อย
อาจารย์ (หัวเราะ)  ที่จริง  ชีวิตข้างบนก็ไม่เหมือนกับคนที่มีความคิดที่ไม่ดีมากมายอย่างนั้น  เขาไม่มีความคิดของคน  แต่เขาก็ดื้อรั้นในทัศนคติของเขาเอง  ในเวลาที่แต่ละชีวิตเสื่อมลงมาจากช่วงเวลาที่ดีมาก  เขาจะไม่มีความรู้สึก   สรรพชีวิตล้วนไม่รู้ว่าตนเองเสื่อมลงแล้ว  สรรพชีวิตล้วนชอบที่จะเปรียบเทียบกับชีวิตที่เทียบกับตนเองไม่ได้    และยังล้วนรู้สึกว่าตนเองยังดีกว่าคนอื่น   ล้วนกำลังประเมินกันอย่างนี้   ที่จริงเขากำลังเปรียบกับคนที่เสื่อมทรามลงมาแล้ว   ไม่ใช่เปรียบกับมาตรฐานของจักรวาลที่กำหนดต่อชีวิต    แม้เทพ เขาจะไม่มีความคิดของคน  แต่เขาก็ไม่สอดคล้องกับมาตรฐานดั้งเดิมของเขตแดนนั้นของเขาแล้ว   ในระหว่างการปรับฝ่าให้ถูกต้อง  ในขณะที่พวกเขากำลังปกป้องตนเองอยู่ ก็ได้ก่อเกิดอิทธิพลและอุปสรรคชนิดหนึ่งขึ้นมา  รบกวนการปรับฝ่าให้ถูกต้อง   และรุนแรงถึงขั้นทำลายการปรับฝ่าให้ถูกต้อง  หลักการของจักรวาลนั้นเหมือนกัน  ใครทำอะไรแล้ว  ล้วนต้องไปชดใช้ด้วยตนเอง 

ศิษย์       รู้สึกอย่างลึกซึ้งว่าอาจารย์กับต้าฝ่าให้พวกเรามากเหลือเกิน  แต่พวกเราทุ่มเทน้อยเหลือเกิน   โดยเฉพาะในเวลาที่ต้าฝ่าและศิษย์ในประเทศกำลังได้รับการทดสอบอย่างรุนแรงเช่นนี้   พวกเรานอกจากยืนหยัดบำเพ็ญจริง      ยังควรทำอย่างไรอีกบ้าง
อาจารย์      ให้ทุกท่านสนใจแต่ไปก้าวหน้าในการบำเพ็ญจริง   หากเพียงไม่มีคนรบกวนการฝึกพลังของพวกท่าน  สรรพชีวิตบนสวรรค์กับใต้หล้าก็ล้วนจะได้รับการช่วยเหลือแล้ว   เพราะใครที่รบกวนการปรับฝ่าให้ถูกต้องล้วนจะถูกกวาดทิ้งไป   ที่จริงศิษย์ต้าฝ่าก็เพียงเพื่อการบำเพ็ญเท่านั้น  ไม่ได้เรียกร้องมากเกินไป   บางคนไม่เข้าใจพวกเรา  ก็ให้เวลาเขาไปรับรู้ก็แล้วกัน   คุณด่า  คุณโจมตี  พวกเราจะไม่ไปปฏิบัติอย่างเดียวกับเขา    พวกเราบำเพ็ญตัวเราก็พอแล้ว  คนทำอะไรไว้เขาล้วนต้องไปแบกรับเอง  นี่แน่นอน แน่นอนอย่างยิ่ง

ศิษย์     ศิษย์ต้าเหลียนขอสวัสดีท่านอาจารย์
อาจารย์                  ขอบใจทุกท่าน(เสียงปรบมือ)

ศิษย์           ก่อนหน้านี้ชั่วระยะเวลาหนึ่งมีผู้ช่วยฝึกสอนบางคน   กระทั่งหัวหน้าศูนย์ช่วยฝึกสอนนำรูปอาจารย์และหนังสือต้าฝ่าเก็บขึ้น  และยังบอกให้ผู้ฝึกทำอย่างนี้    บอกว่าเพื่อปกป้องฝ่าและหนังสือต้าฝ่า

อาจารย์        สำหรับปัญหานี้อย่าถามเลย   พวกเราบางคน  เมื่อมองเห็นต้าฝ่าถูกทำร้ายและสูญเสีย   จึงคิดจะใช้วิธีการของคนรับมือกับสถานการณ์ ซึ่งไม่ผิด  แต่ทุกท่านต้องพยายามปกป้องหนังสือต้าฝ่าให้ดี   ทำอย่างนี้จะดีกว่า    หากทำเพราะมีความกลัว  นั่นก็ไม่สอดคล้องกับข้อกำหนดของศิษย์ต้าฝ่า

ศิษย์     ศิษย์ต้าฝ่าเมืองคู่เอ่อเล่อมณฑลซินเจียงทั้งหมดขอสวัสดีท่านอาจารย์                                                          อาจารย์ ขอบใจทุกท่าน
อาจารย์      มีมากอย่างนี้    ข้าพเจ้าก็อ่านพร้อมกันไปละ

ศิษย์        ศิษย์อู่ตันเจียง ขอสวัสดีท่านอาจารย์   ศิษย์สวนสาธารณะเหรินติ้งหู เมืองเป่ยจิง  ศิษย์ต้าชิ่งนับหมื่น   ศิษย์ทั้งหมดของสวนสาธารณะหนานชางปาอี   ศิษย์กระทรวงการบินเป่ยจิงและหน่วยที่หก   ผู้ฝึกไต้หวันคิดถึงท่านอาจารย์   ผู้ฝึกต้าฝ่าทั้งหมดที่ออสติน เท็กซัส   ผู้ฝึกต้าฝ่าฉินหวงเต่า  ศิษย์ต้าฝ่ามหาวิทยาลัยโรงพยาบาลทหารที่หนึ่ง   ศิษย์เซินเจิ้นขอสวัสดีท่านอาจารย์ที่เคารพ

อาจารย์         ขอบใจทุกท่าน  ดีจริงๆ  ศิษย์ต้าฝ่าเหล่านี้ดีจริงๆ

ศิษย์        ศิษย์ เหอเป่ย  ซานไห่กวาน  เฉาหยาง  เมืองเฉียนเจียง มณฑลหูเป่ย  ภาคกลางสหรัฐอเมริกาฝากสวัสดีท่านอาจารย์
อาจารย์               ขอบใจทุกท่าน

ศิษย์          ศึกษาได้หลายปีแล้ว   ทุกวันก็ศึกษาฝ่า   แต่พอพบกับปัญหาเฉพาะหน้าที่ซับซ้อนสักหน่อย ก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรแล้ว   ฟังคนอื่นพูดก็รู้สึกว่ามีเหตุผลทั้งนั้น   แต่ตนเองกลับใช้ฝ่าให้เกิดประโยชน์ไม่ได้  ยิ่งกว่านั้นยังหลบเลี่ยงปัญหาสำคัญ   ใช้ความอดทนแบบง่ายๆเหมือนเครื่องจักร   ส่วนลึกในใจนั้นรักษาตนเองไว้ไม่ให้ทำผิด จิตยึดติดที่อยู่ในนี้ จะทิ้งไปได้อย่างไร      
อาจารย์      นี่ไม่มีอะไรน่าหนักใจ   เป็นเพียงปัญหาของความตั้งที่เด็ดเดี่ยว   ข้าพเจ้าคิดว่า วิธีที่ดีที่สุดก็คือศึกษาฝ่าให้มาก   แน่วแน่ในเจิ้งเนี่ยน จิตยึดติดก็จะทิ้งไปได้ง่าย   ให้ใช้ฝ่ามาประเมินว่าถูกหรือผิด   ที่จริงการศึกษาฝ่าโดยตัวเองก็คือ กำลังทิ้งสิ่งที่ไม่ดีไป

ศิษย์       อาจารย์มีคำพูดประโยคหนึ่งในหน้า ๗๗ ของ “การบรรยายฝ่าในที่ประชุมผู้ช่วยฝึกสอนฉางชุน” คือ  “สร้างอนุสาวรีย์ให้คนตาย    ไม่สร้างให้คนเป็น”     เรียนท่านอาจารย์ช่วยให้ความกระจ่าง
อาจารย์        ก็คือในอดีตมักจะชอบสร้างอนุสาวรีย์คนตายไว้เป็นแบบอย่าง   ชีวิตเมื่อก่อนของเขานั้นยิ่งใหญ่เพียงไร  หลังจากตายแล้วผู้คนจึงระลึกถึงเขา    คนเป็นนั้นเขาไม่ไประลึกถึงกัน   กับคนเป็นนั้นไม่อาจทำอย่างนี้ได้   เข้าใจกันว่าคนเป็นนั้น ไม่แน่ว่า วันไหนจะทำผิดได้อีก   หากสร้างอนุสาวรีย์แล้วทุบทิ้งภายหลังก็ไม่ดี   ดังนั้นจึงมักจะสร้างอนุสาวรีย์คนตาย ไม่สร้างให้คนเป็น   นี่เป็นเรื่องของคนนะ    ที่จริงเวลาที่พูดว่าคนๆหนึ่งดีก็ไม่แน่ว่าจะถือว่าคนๆนี้อะไรก็ดีทั้งหมด  คนธรรมดาสามัญสามารถทำผิดมาก่อนใช่ไหม   หากไม่ใช่เช่นนี้  เช่นนั้นบอกว่าใครที่ประสบความสำเร็จทางด้านไหน  ก็ไม่ต้องกังวลใจ  คนจะมีความผิดหรือทำผิดได้อีก  ในด้านเหล่านี้สติปัญญาของคนนั้นมีจำกัดเหลือเกิน

ศิษย์       เมื่อตัดสินใจว่าจะทำกิจกรรมหรือไม่    จำเป็นต้องให้ผู้รับผิดชอบของศูนย์ฝึกสอนหรือผู้รับผิดชอบทั่วไปยอมรับหรือไม่ ถ้าเป็นเช่นนั้น  จะรับประกันได้อย่างไรว่าพวกเขารับรู้ได้อย่างถูกต้อง

อาจารย์      ข้าพเจ้าทราบว่าท่านหมายถึงอะไร  คนนั้นหนา มักจะใช้ความคิดของคนในการประเมินผู้บำเพ็ญ   ซึ่งไม่อาจจะเข้าใจได้ชั่วนิรันดร์  วันนี้ข้าพเจ้าก็จะพูดให้ชัดเจนอย่างนี้นะ     ใช้ทัศนคติอย่างคนธรรมดาสามัญของท่านมาประเมินข้าพเจ้ากับคนเหล่านี้ของฝ่าหลุนต้าฝ่า  ท่านไม่อาจจะเข้าใจได้ชั่วนิรันดร์  ค้นคว้าวิจัยไม่ทะลุปรุโปร่ง   บางคนพูดว่า  ทำไมผู้ฝึกเหล่านั้นที่ไปจงหนานไห่ จึงมีลักษณะจัดตั้ง มีระเบียบวินัยที่เข้มแข็ง   ในใจพวกเราผู้ฝึกแต่ละคนต่างรู้สึกว่าน่าขัน   เพราะคำศัพท์นี้ใช้อย่างน่าขัน   จนขณะนี้สังคมคนธรรมดาสามัญก็ไม่เข้าใจ  ยังคงใช้คำศัพท์นี้  เพราะเขาจะไม่เข้าใจผู้บำเพ็ญได้เลยตลอดกาล   พวกเราไม่จำเป็นต้องมีการสั่งการอะไร  ไม่ต้องมีการระดมพลอะไร   แต่ละคนในภาวะที่รู้ตัวหรือไม่รู้ตัว  ไม่ว่าจะอยู่ตามลำพังหรืออยู่รวมกัน ล้วนจะทำได้ดีทั้งนั้น  ผู้บำเพ็ญรู้ว่าควรจะไปทำอย่างไร   ผู้บำเพ็ญรู้ว่าตนเองไม่ควรทำเรื่องที่ไม่ดี  ควรทำเรื่องที่ดี  ผู้บำเพ็ญรู้ว่าตนเองไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดยังคงต้องรับประกันว่าตนเองจะเป็นคนดี   ทุกท่านทราบว่าคนที่ไปจงหนานไห่นั้นสงบเสงี่ยมไม่มีการร้องตะโกนอะไร   บางคนจึงคิดว่าทำไมไม่มีใครส่งเสียงร้องตะโกนเลยนะ  ทำไมจึงมีลักษณะจัดตั้งที่เข้มแข็งอย่างนี้  ต่างยืนอยู่ตรงนั้นไม่ขยับเขยื้อน  คนที่เป็นทหารนี้ก็ยังต้องฝึกฝนจึงจะสามารถบรรลุได้  แต่คนธรรมดาสามัญในสังคมมนุษย์ทุกวันนี้ ใครก็ไม่รู้ว่าสาเหตุที่แท้จริงของความเสื่อมทรามของมนุษยชาตินั้นคือใจคน  และความคิดด้านศีลธรรมที่เสื่อมทรามแล้ว       ถ้าใจคนเที่ยงตรง  มาตรฐานความคิดทางศีลธรรมเลื่อนสูงขึ้นแล้ว  ท่านลองดู เขาไม่จำเป็นต้องให้ท่านจัดตั้ง    เขารู้ว่าเมื่อเขาทำอะไรล้วนต้องทำให้ดี   คนมากมายต่างก็รู้   แต่ละครั้งก่อนเวลาฝึกพลัง    ทุกท่านมักจะพูดคุยกัน  เดินไปมากัน  ทำอะไรก็มีทั้งนั้น  พอเสียงดนตรีดังขึ้น   ก็เป็นระเบียบในทันที  ไม่มีการระดมพล และไม่มีคนตะโกนคำขวัญ  ยืนตรง  ยังเป็นระเบียบยิ่งกว่าทหารเสียอีก  เพราะผู้บำเพ็ญรู้ว่า ฉันอยู่ที่ไหนก็ควรต้องทำดี    ไหนเลยจะอยู่ในต้าฝ่า  นี่คือสิ่งที่พวกเขาไม่เข้าใจ  ผู้ฝึกยังเก็บก้นบุหรี่ที่ตำรวจทิ้งไว้ตามพื้นขึ้นมาทั้งหมด พื้นก็สะอาดสะอ้านไม่มีแม้กระดาษแผ่นเดียว หลังจากที่ผู้ฝึกจากไปกันแล้ว (เสียงปรบมือ)   พวกเขาก็ยิ่งเข้าใจว่าทำไมระเบียบวินัยช่างเคร่งครัดอย่างนี้นะ   ที่จริงผู้บำเพ็ญเหล่านี้ ยากที่จะได้รับความเข้าใจจากคนธรรมดาสามัญจริงๆ    ความคิดของคนธรรมดาสามัญกับความคิดของผู้บำเพ็ญต้าฝ่าต่างกันไกลเหลือเกิน  พวกเขาเป็นคนธรรมดาสามัญ   ตราบชั่วกาลนานก็จะใช้ความคิดที่เห็นแก่ตัวปฏิบัติต่อทุกสิ่ง  และความคิดของคนนั้นก็ซับซ้อนมาก  บ้างก็เล่นการเมือง  บ้างก็ทำด้านเศรษฐกิจ  บ้างก็เป็นนักข่าว  บ้างก็เป็นตำรวจ   พวกเขาล้วนแต่จะใช้ทัศนคติที่ก่อเกิดหลังกำเนิดปฏิบัติต่อโลกและเรื่องราวทั้งหมด   แต่ผู้บำเพ็ญเหล่านี้อยู่เหนือคนธรรมดาสามัญ   ดังนั้นพวกเขาใช้ทัศนคติของคนธรรมดาสามัญจึงไม่สามารถจะเข้าใจ  และรับรู้ต่อผู้บำเพ็ญได้ไม่ชัดเจน   ผู้ฝึกต้าฝ่า ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนล้วนจะทำได้ดีมาก   เป็นจริงดั่งที่หลายคนพูดว่าฝ่าหลุนกงล้วนเป็นประโยชน์ร้อยพันประการไม่มีโทษแม้แต่น้อยต่อชนชาติและรัฐบาลใดในโลก (เสียงปรบมือ)

ศิษย์     ฉินสื่อหวาง(จิ๋นซีฮ่องเต้)ฆ่าคนมากเท่าไรก็ไม่มีกรรมใช่หรือไม่  เพราะเป็นการเปลี่ยนแปลงของปรากฏการณ์สวรรค์                                                                                                                         อาจารย์        ไม่ใช่  บางคนจะสัมพันธ์กับการปฏิบัติตัวของเขาเอง  บ้างเกิดจากปรากฏการณ์ของสวรรค์   การรวมจีนให้เป็นเอกภาพของฉินสื่อหวาง(จิ๋นซีฮ่องเต้) นี่เป็นสิ่งที่ต้องเป็นไปในประวัติศาสตร์  เกิดจากปรากฏการณ์ของสวรรค์   การเปลี่ยนแปลงของอำนาจรัฐก็เป็นเช่นนี้  หมากตานี้เทพบนสวรรค์ได้วางไว้ตรงนั้นเรียบร้อยแล้ว   ดังนั้นมันจึงเป็นเช่นนี้  เช่นนั้นพูดถึงว่าในขั้นตอนนี้จะเลือกวิธีการอะไรในการปฏิบัติต่อชาวโลก  นั่นเป็นการเลือกของคน  ดังนั้นจึงพูดว่าเมื่อคนธรรมดาสามัญคนหนึ่งมีอำนาจ  มีตำแหน่งหน้าที่  เขาจะปฏิบัติตนอย่างไร  ในระหว่างการดำเนินชีวิตเขาทำเป็นอย่างไรบ้าง  นั่นเป็นเรื่องของเขาเอง  บางคนอาจเป็นไปได้ว่าจะใช้เงื่อนไขที่เอื้ออำนวยของเขาทำเรื่องที่ดีงามหลายอย่าง   ภพต่อไปจะได้โชคลาภตอบสนอง  ชาติหนึ่งตอบสนองไม่หมด ชาติต่อไปยังจะตอบสนองอีก  ไม่แน่ว่าจะได้เป็นข้าราชการสักกี่ชาติ  อย่างไรเสียโชคลาภนั้นใหญ่โตมากชาติหนึ่งก็เสพสุขไม่หมด   เช่นนั้นก็มีบางคนเป็นไปได้มากว่า จะใช้อำนาจของเขาทำเรื่องเลวหลายอย่าง   ตัวเขาเองหากศีลธรรมไม่สูงส่ง  จิตใจก็คับแคบ  เช่นนั้นก็จะทำเรื่องเลวมากมาย   เมื่อทำมากแล้วอายุก็จะสั้นลง  และชาติต่อไปยังจะต้องรับกรรมสนอง   กรรมสนองนั้น ทุกท่านคิดดู  อาจจะไม่มีเงิน  ไม่มีอำนาจ  เป็นขอทาน  ทนทุกข์ทรมาน  ความเลวมากเกินไปแล้ว  ชาติหนึ่งก็สนองไม่หมด  ไม่แน่ว่าจะสนองสักกี่ชาติ   เมื่อคนแก่เห็นคนที่ประสบกับทุกข์ภัยอย่างหนักมักจะพูดว่าชาติก่อนไม่ได้ทำเรื่องดีไว้ (หัวเราะ)  พูดได้ถูกจริงๆ


ศิษย์     วาสนาก็เป็นสสารใช่ไหม                   จะเข้าใจวาสนาอย่างไรดี
อาจารย์        มุดเขาควายแล้ว  แน่ละไม่ได้ตัดองค์ประกอบที่เป็นสสารออกไป    วาสนานั้น ข้าพเจ้าเคยอธิบายอย่างชัดเจนว่ามันคืออะไร  มันเป็นปรากฏการณ์อย่างหนึ่ง  ในขณะเดียวกันก็เป็นการเชื่อมโยงที่แท้จริงอย่างหนึ่ง   แต่การเชื่อมโยงที่แท้จริงชนิดนี้ไม่ปรากฏอยู่ในสภาวะของคนธรรมดาสามัญ อย่างเช่น ฉันกับเธอผูกโยงกันด้วยเชือกเส้นหนึ่ง   ไม่ว่าจะเดินไปไหนเราก็ลากไปด้วยกัน  ไม่ใช่ในความหมายนี้  แต่นั่นเป็นปรากฏการณ์ในอีกมิติ  คนนั้นมองไม่เห็น  ดังนั้นคนก็พูดได้ไม่ชัดเจน  จึงตั้งชื่อหนึ่งขึ้นมาเรียกว่าวาสนา  มีวาสนา มีบุพเพสันนิวาส  แน่ละทุกสิ่งในจักรวาล ที่จริงก็เป็นสสารทั้งสิ้น   ข้าพเจ้าพูดแล้วว่าจิตก็คือสสาร  สสารก็คือจิต

ศิษย์        ฝ่าที่ถูกต้องแทบทั้งหมด  ล้วนพูดว่าผู้ชายสูงกว่าผู้หญิง     พุทธศาสนาแทบจะพูดว่าต้องสะสมกุศลมากมายจึงสามารถกลับชาติไปเกิดเป็นผู้ชายได้  และพระพุทธมีแต่รูปลักษณ์ผู้ชาย  รูปลักษณ์ผู้หญิงนั้นแทบจะไม่มีความหมายอย่างแท้จริง           ท่านอาจารย์ก็เลือกร่างผู้ชาย    แทบจะไม่เคยได้ยินว่ามีพระพุทธผู้หญิง  

อาจารย์     ในการบรรยายฝ่าหลายครั้ง ข้าพเจ้าได้พูดถึงเรื่องนี้แล้ว       พระพุทธผู้ชาย พระพุทธผู้หญิงล้วนมีทั้งนั้น   พระยูไลผู้ชาย  พระยูไลผู้หญิงล้วนมีทั้งนั้น   ในการบำเพ็ญของคน  เมื่อบรรลุถึงมรรคผลอรหันต์ก็ออกจากสามภพแล้ว  อรหันต์ไม่ใช่เพียงมรรคผลหนึ่งเดียวเท่านั้น  มีมรรคผลอรหันต์ขั้นต้น  มีมรรคผลอรหันต์ที่แท้   มีอรหันต์ใหญ่   เมื่อบรรลุถึงมรรคผลอรหันต์  ไม่ว่าเขาเป็นชายหรือหญิง  เมื่อหยวนหมั่นอยู่ในระดับชั้นนี้  นั่นล้วนแต่เป็นร่างผู้ชาย  มรรคผลอรหันต์ เป็นมรรคผลแรกเมื่อออกจากสามภพ   เมื่อบรรลุถึงมรรคผลพระโพธิสัตว์   ไม่ว่าพระโพธิสัตว์ใหญ่  พระโพธิสัตว์เล็ก   ไม่ว่าท่านเป็นผู้ชายที่บำเพ็ญขึ้นมา หรือผู้หญิงที่บำเพ็ญขึ้นมา  ล้วนจะปรากฏเป็นร่างผู้หญิง   ร่างกายของท่านที่บำเพ็ญออกมา หากบรรลุถึงเขตแดนที่หยวนหมั่นของพระโพธิสัตว์   ร่างกายทั้งหมดในขั้นตอนการบำเพ็ญของท่านล้วนจะเป็นผู้หญิง  ดังนั้นร่างกายในอนาคตของท่านก็คือผู้หญิง   แน่ละเทพนั้นเขาสามารถแปลงร่างได้    แต่ร่างที่แน่นอนของเขาก็คืออย่างนั้น   หากคนๆหนึ่งบำเพ็ญสำเร็จเป็นพระพุทธ  นั่นล้วนเป็นร่างผู้ชาย  หากบำเพ็ญสำเร็จเป็นพระยูไลพุทธ  ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิงก็จะปรากฏเป็นร่างเดิมของเขา    ก็คือว่าหากชีวิตเดิมของเขาที่แท้คืออะไรก็ปรากฏเป็นอย่างนั้น    เดิมขั้นตอนที่บำเพ็ญอยู่ในโลกนั้นร่างกายจะต่างกัน    เมื่อบรรลุถึงพระยูไลพุทธ  จิตหลักของเขาเป็นร่างอะไรก็จะเป็นร่างอะไร  แน่ละก็มีที่พิเศษ  เราพูดกันแต่ปรากฏการณ์ทั่วไป   เช่นนั้นที่จริงคนบนโลกนั้นหมุนเวียนกลับชาติมาเกิด   จะเป็นหญิงหรือชายขึ้นอยู่กับโชคลาภและดวงสัมพันธ์แต่ชาติปางก่อน   ที่เห็นเขาเป็นผู้หญิงนั้น  อาจเป็นไปได้ว่าเป็นผู้ชายกลับชาติมาเกิด   และมีผู้ชายบางคนเขาเป็นผู้หญิงกลับชาติมาเกิด   ตรงนี้มีเรื่องกรรมสนองอยู่  ข้าพเจ้าที่นี่ไม่มีการปฏิบัติต่อเพศหญิงอย่างไม่เสมอภาค   ในอดีตศาสนาพุทธก็เคยบอกว่า องค์ศากยมุนีก็เคยตรัสด้วยพระโอษฐ์ของท่านเองอย่างนี้ว่า  ถ้าคนจะกลับชาติมาเกิดเป็นผู้ชายต้องสะสมกุศลมาก่อนในชาติที่แล้วจึงจะมาเกิดเป็นผู้ชายได้    ไม่ว่าท่านจะเป็นชายหรือหญิง  ถ้าท่านทำเรื่องที่ไม่ดี หรือทำเรื่องที่ไม่ดีในด้านใด   ภพต่อมาของท่านอาจจะเกิดเป็นหญิง   ในอดีตคืออย่างนี้      คนยุคปัจจุบันไม่มีปัญหานี้อยู่   ในอนาคตยังจะมีได้   และข้าพเจ้ามีศิษย์หญิงมากมายที่บำเพ็ญได้ดีมาก   ก่อนได้ฝ่ายังจงใจกลับชาติมาเกิดเป็นหญิงเพื่อมาบำเพ็ญ  นี่มีมูลเหตุทางประวัติศาสตร์   บางทีผู้หญิงจะไม่ก่อกรรมหนักได้ง่ายกระมัง

ศิษย์        เวลาที่ผมเผยแพร่ฝ่ากับคนรอบข้าง  พวกเขาล้วนพูดว่า พวกเราทุ่มเทศึกษาฝ่า  ฝึกพลัง  เผยแพร่ฝ่า ถึงอย่างนี้  พวกเขาไม่สามารถเข้าใจได้   พวกเรารู้สึกว่าไม่ได้ทำตามที่ท่านอาจารย์สั่งสอนชี้แนะให้พวกเราบำเพ็ญโดยสอดคล้องกับสังคมคนธรรมดาสามัญให้มากที่สุด   จึงเป็นอุปสรรคต่อการได้ฝ่าของผู้อื่น    พวกเราก่อให้เกิดความสูญเสียที่ไม่มีทางกอบกู้กลับคืนได้แล้วใช่หรือไม่ 
อาจารย์      ไม่ร้ายแรงอย่างนั้น  ไม่ได้ทำให้ดี คราวต่อไปก็แก้ไขให้ถูกต้อง   ทุกท่านล้วนอยากจะให้คนได้ฝ่ามากยิ่งขึ้น  ช่วยเหลือชาวโลก   คนบนโลก อะไรก็จะเปลี่ยนแปลงไม่แน่นอน   สิ่งของใดๆท่านก็ไม่อาจนำติดตัวมาเกิด  ตายก็นำติดตัวไปไม่ได้  ล้วนเอาไปไม่ได้  มีแต่การบำเพ็ญ    หลังจากท่านได้ฝอฝ่า  ก็จะสามารถได้รับตลอดชั่วนิรันดร์         สิ่งนี้สามารถนำติดตัวมาเกิดและตายก็นำติดตัวไปด้วยได้     เช่นนั้นมันจึงล้ำค่าที่สุด  ดังนั้นท่านให้อะไรคน ก็ไม่ดีเท่ากับให้ฝ่ากับคน    พวกเรามากมายล้วนมีความคิดหนึ่ง       ปรารถนาจะทำให้คนมากยิ่งขึ้นรู้จักต้าฝ่า   โดยเฉพาะเขาเป็นสัจธรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุด   จึงอยากจะให้คนมากยิ่งขึ้นได้รู้จัก   ทำเรื่องการเผยแพร่ฝ่า   ในช่วงระยะหนึ่งทำได้ไม่ดี  เช่นนั้นครั้งต่อไปก็ทำให้ดี  แต่ผู้ที่บำเพ็ญความดีมักจะมีจิตเมตตาต่อสรรพชีวิต

ศิษย์       สามสี่ปีก่อนมีผู้ฝึกกลุ่มใหญ่เปิดพลังเปิดการรับรู้  สามสี่ปีหลังนี้  ยังทนทุกข์บำเพ็ญอยู่ในโลกมาโดยตลอด            ระดับชั้นยังคงยกระดับเรื่อยไปใช่หรือไม่
อาจารย์        เราพูดอย่างนี้ก็แล้วกัน  มีคนใหม่เข้ามาบำเพ็ญไม่หยุดหย่อน   เมื่อยังไม่หยวนหมั่นทุกท่านยังต้องบำเพ็ญต่อไป  ในการบำเพ็ญมีด่านที่ผ่านได้ดี  บำเพ็ญได้เร็วมาก  ก้าวหน้าอยู่   เช่นนั้นก็มีด่านที่ข้ามได้ไม่ดี  ไม่ก้าวหน้าเท่าไร  ลากเวลายาวนาน   พูดถึงว่าหยวนหมั่นกับไม่หยวนหมั่น  เรื่องนี้เราอย่าเพิ่งพูดกัน  ผู้ฝึกแต่ละคนหากเพียงยังอยู่ที่นี่   ก็ต้องบำเพ็ญทั้งนั้น

ศิษย์     เทพเหล่านั้นที่ไม่มีรูปลักษณ์   เหมือนกับเทพเซียนพเนจร      ไม่มีสวรรค์ของตนเองหรือ                          อาจารย์       เทพที่ไม่มีรูปลักษณ์กับเทพเซียนพเนจรไม่ใช่เรื่องเดียวกัน   เทพเซียนพเนจรนั่นคือข้าพเจ้าใช้คำพูดของคนธรรมดาสามัญพูดออกมา  ข้าพเจ้าสามารถพูดอย่างนี้   ให้รู้ความหมายก็พอแล้ว    ก็คือพูดว่าบางพวกเขาไม่มีโลกสวรรค์   ข้าพเจ้าขอพูดโดยยกตัวอย่างอันหนึ่ง  เหมือนกับเทพเซียนพเนจรนั้น  เดินทางไปทั่ว  ที่จริงพวกเต๋าในอดีตก็เป็นเช่นนี้  ศาสนาเต๋านั้นก่อตั้งขึ้นมาในยุคหลัง   บนสวรรค์ที่ผ่านมาพวกเต๋าเขาไม่มีโลก   เมื่อเขาเองบำเพ็ญหยวนหมั่นแล้ว  ก็เป็นอิสระเสรีมีความสุขอยู่ในจักรวาล   บางทีหาถ้ำภูเขาแห่งหนึ่ง  ทำให้งดงาม  ตัวเองก็อยู่ที่นั่นด้วยความสงบและสุขสบาย    เทพที่ไม่มีรูปร่างหมายถึงว่า เมื่อเขาก่อเกิดก็ไม่มีรูปร่าง   หรือบำเพ็ญจนบรรลุถึงเขตแดนนั้นก็ไม่อนุญาตให้มีรูปร่าง แต่เขาสามารถแปลงเป็นรูปร่างออกมาได้   เทพที่ไม่มีรูปร่างมักจะอยู่ในระดับสูงมากทั้งนั้น   พอเขาคิดจะให้เป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น  แต่เขาไม่ต้องการอย่างนั้น  เขารู้สึกว่ายุ่งยากเกินไป   ทำให้เป็นอย่างนั้นไปทำไม  ยุ่งยากเกินไป  นี่ดีแค่ไหนละ  อะไรก็ไม่มี   แน่ละ ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่พูดอย่างนี้  ถ้าใช้ความคิดของคนก็ยากจะเข้าใจได้

ศิษย์        ในอีกมิติ  การก่อเกิดของชีวิต  พอมีการคงอยู่ก็เพียบพร้อมด้วยฝ่าในระดับชั้นนั้น   ก่อเกิดในระดับชั้นนั้น   เช่นนั้นก็คือเป็นการก่อเกิดตามมาตรฐานที่ฝ่าในระดับชั้นนั้นกำหนดให้กับชีวิตในระดับชั้นนั้น  ไม่เหมือนกับทารกในโลกมนุษย์ที่มีการฟื้นคืนขึ้นมาอย่างช้าๆด้วยการเรียนรู้จากภายนอก
อาจารย์      นอกเหนือจากสามภพแล้ว   ชีวิตที่ก่อเกิดขึ้นในระดับชั้นที่ต่างกัน  โดยเฉพาะคือมิติของเทพ  จะต้องเป็นมาตรฐานของชีวิตในระดับชั้นนั้น และก็เป็นการสร้างขึ้นโดยฝ่าในระดับชั้นนั้น    ทารกที่เกิดขึ้นในโลกของเทพก็เป็นเทพเช่นกัน   พูดถึงว่าคนต้องมีช่วงการฟื้นคืน เรียนรู้  มีการพัฒนาอย่างที่เรียกกันทุกวันนี้   ในทางวัตถุนั้นได้เบี่ยงเบน  ไม่ใช่มนุษย์   ในด้านธาตุแท้ของชีวิตนั้นถอยหลัง   พูดไม่ได้ว่าเป็นการฟื้นคืน หากแต่เป็นการเข้าสู่วังวน   ที่จริงนั้นเป็นขั้นตอนของการเสื่อมถอย  หรือขั้นตอนของการสูญเสียความบริสุทธิ์   คนเรียกมันว่า ขั้นตอนของการพัฒนา(เจริญเติบโต)    แต่เทพเรียกมันว่าขั้นตอนของการเสื่อมถอย

ศิษย์      การล้างสมองในช่วงที่กลับชาติไปเกิดนั้น  เทพชนิดไหนที่ทำหน้าที่ควบคุม

อาจารย์       นี่เป็นการแสวงหาความรู้   อยากรู้อยากเห็นจัง      สามารถเรียกให้เทพองค์ใดไปดูแลก็ได้   ชีวิตที่ต่างกันมีเทพที่ต่างกันไปดูแล  แต่มาตรฐานของจักรวาลนั้นมีเพียงหนึ่งเดียว  ไม่เหมือนกับที่ท่านจินตนาการอย่างนั้น   ล้วนแต่เป็นธรรมชาติมาก   ถ้าพูดให้เห็นภาพ  คือมีเทพที่ดูแลการกลับชาติมาเกิดของชีวิตในสามภพเป็นผู้ดูแล

ศิษย์       ท่านอาจารย์หลี่ หงจื้อที่เคารพ   ในฝ่าฮุ่ยที่เมืองโตรอนโต   มีศิษย์มากมายจากต่างประเทศที่ตามไปและเหล่าศิษย์ที่ไม่สามารถเข้าประชุมฝ่าฮุ่ย   ปัญหาที่ส่งขึ้นไปถามท่านอาจารย์ทั้งหมด ถูกคัดออกนี่ทำให้ศิษย์ไม่เข้าใจ  
อาจารย์       อารมณ์ความรู้สึกนั้นสามารถจะเข้าใจได้  ที่จริงฝ่าฮุ่ยของคนพันสองพันคน   แต่ละคนมีหนึ่งคำถาม   พวกเราก็ต้องปิดประชุมพรุ่งนี้ค่ำแล้ว    เช่นนั้นส่วนที่ตอบให้ไม่ได้จะทำอย่างไร  ก็ต้องคัดเลือก คัดเลือกกัน    ซึ่งเป็นไปได้มากว่าในนั้นมีบางปัญหาที่สำคัญจริงๆที่อยากจะถามอาจารย์ ก็ถูกคัดออกไปด้วย    ก็คืออย่างนี้ทุกท่านจะได้รับคำตอบในการศึกษาฝ่าอย่างแน่นอน   ที่จริงในเวลาที่พวกเขาคัดเลือกนั้น  ข้าพเจ้าบอกหลักการหนึ่งให้กับพวกเขาว่า   ปัญหาการเมืองท่านก็อย่าส่งขึ้นมาให้ข้าพเจ้า   คำถามที่แสวงหาความรู้ พยายามส่งให้น้อย   เรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับการบำเพ็ญต้าฝ่าพยายามคัดออกไป   เพื่อรักษาคุณภาพของฝ่าฮุ่ยเรา   ก็คือจุดประสงค์อย่างนี้
       ในนี้มีองค์ประกอบสองด้าน   แน่ละผู้ที่คัดเลือกนั้นพวกเขาก็เป็นผู้บำเพ็ญ  เป็นไปได้มากว่าได้คัดปัญหาที่สำคัญของการบำเพ็ญออกไปด้วย  เป็นไปได้  ข้าพเจ้าคิดว่าต่อไปพวกเขาจะทำเรื่องนี้ได้ดียิ่งขึ้น

ศิษย์     พระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ ของประเทศฝรั่งเศสนั้นมีความรุ่งโรจน์เหลือประมาณในประวัติศาสตร์  ดุจดวงตะวัน    จิตหลักของเขามาจากสวรรค์ใช่ไหม  ผมรับรู้ได้ว่าพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ ก็คือ.........ของท่าน
อาจารย์       ข้าพเจ้าเคยไปเกิดอยู่ในหลายประเทศ  แทบจะเคยเกิดเป็นคนทุกประเภท   บางครั้งไปเกิดไม่ได้(เวลาไม่พอ)  เนื่องจากในยุคประวัติศาสตร์ที่ต่างกันล้วนมีคนลงมาโลกมาผูกวาสนาเพื่อได้ฝ่า   ข้าพเจ้าต้องค้นหาพวกเขาให้พบ  ไปผูกวาสนานั้นไว้   ต่อมาไปเกิดไม่ทันการ  จึงแยกร่างไปเกิด  ในภพเดียวกันอาจจะมีหลายคนล้วนเป็นข้าพเจ้า            พูดเล่นนะ

ศิษย์        อาจารย์พูดว่าหลังจากเราบำเพ็ญแล้ว  อาจารย์จะช่วยให้ชีวิตที่พวกเราเคยฆ่าไปอยู่ในโลกของพวกเรา   ถ้าพวกเราเพียงบำเพ็ญสำเร็จเป็นอรหันต์หรือพระโพธิสัตว์ ไม่มีโลกที่ตนเองดูแลจะทำอย่างไร
อาจารย์       ข้าพเจ้าขอบอกทุกท่าน  ผู้ฝึกเราแต่ละคนที่กำลังนั่งอยู่ ข้าพเจ้าล้วนแต่บุกเบิกทางสู่การหยวนหมั่นให้ท่าน    จะบำเพ็ญหยวนหมั่นได้ในเขตแดนไหน  พวกท่านไม่ต้องไปพิจารณาทั้งสิ้น    พูดถึงว่าเรื่องเหล่านี้จะจัดการอย่างไร  ข้าพเจ้าล้วนมีวิธีจัดการได้   ข้าพเจ้าเพียงแต่พูดคร่าวๆว่าจะเปลี่ยนเรื่องร้ายให้เป็นเรื่องดีได้อย่างไร   ส่วนจะเปลี่ยนได้อย่างไรนั้น  นั่นแน่ละ ล้วนมีวิธีที่จะทำได้    ถ้าท่านยังชำระกรรมของท่านไม่หมด  ท่านก็หยวนหมั่นไม่ได้  บางทีท่านจะไม่สามารถนั่งอยู่ที่นี่ได้  (เสียงปรบมือกึกก้อง)  ข้าพเจ้าต้องย้ำอีกที  หรือพูดได้ว่า   หากเส้นทางนี้ที่ข้าพเจ้าจัดวางไว้ให้ท่าน ไม่สามารถทำให้ท่านเดินขึ้นไปได้  เช่นนั้นท่านคงจะเป็นผู้ฝึกต้าฝ่าไม่ได้   ข้าพเจ้าก็จัดวางเส้นทางที่ดีมากให้พวกท่านแล้ว  เช่นนั้นจะบำเพ็ญอย่างไร นั่นก็ต้องดูที่ตัวเอง  อาจารย์นำเข้าประตูการบำเพ็ญอยู่ที่แต่ละคน

ศิษย์        ท่านปรมาจารย์ พูดไว้ใน “จ้วนฝ่าหลุน” หน้า ๙๑ ว่า  “การบำเพ็ญในระดับชั้นสูง........  ท่านเพียงแต่ยกระดับซินซิ่ง  พลังของท่านก็จะโตขึ้น  กระทั่งไม่จำเป็นให้ท่านทำท่าเคลื่อนไหวใดๆแล้ว”  ระดับชั้นสูงตรงนี้จะปรากฏออกมาอย่างไร เมื่อใดพวกเราจึงจะไม่ต้องทำท่าเคลื่อนไหว
อาจารย์        การบำเพ็ญสมัยโบราณนั้นวิธีการมากมายในช่วงแรก  ท่าเคลื่อนไหวนั้นซับซ้อนมาก   พอสุดท้ายสิ่งเหล่านั้นล้วนไม่มีประโยชน์   พอถึงเขตแดนชั้นสูงท่าเคลื่อนไหวอะไรก็ไม่ใช้แล้ว  ทั้งหมดจะเป็นการนั่งบำเพ็ญอย่างสงบอยู่ตรงนั้น  ไม่มีท่าเคลื่อนไหวภายนอกแล้ว    แต่ต้าฝ่านี้ที่พวกท่านบำเพ็ญอยู่ทุกวันนี้    ไม่ว่าในอดีตท่านเป็นชีวิตที่มีจุดเด่นอะไร  ท่านล้วนต้องปฏิบัติตามวิธีการบำเพ็ญที่ข้าพเจ้าสอนให้กับท่านในวันนี้    เพราะอะไร  เพราะข้าพเจ้าหล่อหลอมท่านจากระดับจุลทรรศน์สู่ชั้นผิวอย่างไม่หยุดหย่อน  ด้วยอัตราที่เร็วมาก   แต่ละวันล้วนมองเห็นว่าคนกำลังเปลี่ยนแปลง  พอถึงสามภพแล้ว  ที่จริงก็คือในสามภพอนุภาคทั้งหมดที่ประกอบขึ้นเป็นร่างกายคน  ล้วนเรียกว่าร่างกายคน    พอเข้าสู่สามภพ  ในทันใดความเร็วก็จะช้าลงมา   กระทั่งชะงักหยุดนิ่งไม่รุดหน้าไป   เข้ามาในส่วนของคนตรงนี้ไม่ได้  หรือพูดได้ว่าในส่วนของคนตรงนี้ของท่านนี้บำเพ็ญยกระดับซินซิ่งแล้ว คนก็จะเปลี่ยนแปลง

            ส่วนการบำเพ็ญในอดีตนั้น เลือกการเปลี่ยนแปลงที่ชั้นผิวก่อน    พอเริ่มต้น  ในเวลาไม่นาน  ทุกท่านทราบว่าวิธีการนั้นที่สายเต๋าเลือกใช้ในการบำเพ็ญ ต้องกลืนตาน  ก็คือรีบขจัดโรคให้ผู้บำเพ็ญโดยเร็ว   ทำให้กรรมแห่งโรคกับสิ่งที่ไม่ดีทั้งหมดที่ซ่อนแฝงในร่างกายชั้นผิวของท่านถูกผลักออกมา ส่งออกมาทั้งหมด   ร่างกายนี้ก็ถูกชำระล้างแล้ว   จากนั้นพอเริ่มฝึกพลังก็เริ่มเปลี่ยนแปลงเซลล์ชั้นผิว  พอเซลล์ชั้นผิวกับโมเลกุลเปลี่ยนแปลง   ทุกท่านคิดดู  คนๆนี้ก็กลายเป็นเทพเซียนทันที  ที่เขาบำเพ็ญนั้นไม่สูง  เพราะเขาเพิ่งจะเปลี่ยนแปลง อนุภาคโมเลกุลของร่างกายชั้นที่หนึ่งเท่านั้น หรือพูดว่า เขาเพิ่งเข้าสู่สวรรค์ชั้นที่หนึ่งของสามภพ   เพิ่งออกจากเขตแดนโลกียะ  กล่าวสำหรับคนแล้วเขาก็สามารถแสดงอิทธิฤทธิ์ได้   ทุกสิ่งของมนุษย์ล้วนไม่อาจควบคุมเขาได้แล้ว   เพราะทุกสิ่งที่คนมองเห็นได้นั้น ล้วนประกอบขึ้นจากโมเลกุล   ดังนั้นเมื่อโมเลกุลกับเซลล์ชั้นนี้เปลี่ยนแปลง  เช่นนั้นเขาอาจจะเหาะขึ้นมาได้   จากกำแพงด้านนี้ก็เดินผ่านไปได้  ตาก็สามารถมองเห็นสภาพการณ์ของมิติที่ประกอบขึ้นมาจากอนุภาคอีกระดับชั้นหนึ่ง  แน่ละสูงกว่านี้เขายังมองไม่เห็น  จุลทรรศน์ยิ่งกว่านี้ก็ยังมองไม่เห็น           เพราะระดับชั้นของเขามีขีดจำกัด

บำเพ็ญลึกลงไปอย่างนี้ต่อไป  เมื่อบำเพ็ญถึงระดับชั้นที่สูงที่สุด   วิธีการต่างๆที่เขาเลือกใช้ในระดับชั้นต่ำ  ล้วนไม่อาจใช้ได้อีกแล้ว  วิธีการเหล่านี้ทั้งหมดของการฝึกพลังของเขา  ก็ใช้ไม่ได้แล้ว   เมื่อถึงระดับชั้นสูงทั้งหมดแล้ว  จึงไม่ต้องการวิธีใดๆแล้ว   เขาก็เพียงบำเพ็ญอย่างสงบนิ่ง  ดังนั้นการเคลื่อนไหวอะไรก็ไม่มีแล้ว   เป็นความหมายนี้

แต่การบำเพ็ญต้าฝ่านั้นไม่ได้    เพราะหากพวกเราจำนวนมากหรือผู้ฝึกทั้งหมดพอเริ่มต้นก็เปลี่ยนแปลงจากชั้นผิวแล้ว   ทุกท่านลองคิดดู  วันนี้มีร้อยล้านคนศึกษาต้าฝ่า  แต่ละคนล้วนเริ่มเปลี่ยนแปลงจากชั้นนอกสุด  ข้าพเจ้าขอบอกท่าน วันนี้ในโลกนี้ก็จะมีเทพร้อยล้านองค์อยู่ที่นี่   รูปแบบสังคมมนุษย์ก็จะถูกทำลายอย่างถึงที่สุดแล้ว  พวกเรายังต้องรักษารูปแบบนี้ของสังคมคนธรรมดาสามัญ  เพราะมันก็เป็นระดับชั้นหนึ่งที่ต่ำที่สุดที่ต้าฝ่าของจักรวาลบุกเบิกให้กับสรรพชีวิต   ทุกท่านยังต้องอยู่ที่นี่บำเพ็ญยกระดับ เมื่อมีสภาพแวดล้อมนี้แล้ว  พวกเราจึงจะสามารถอาศัยอัตราที่เร็วที่สุดยกระดับตนเอง  เปลี่ยนแปลงตนเอง  ดังนั้นพวกเราจึงรู้ค่าของสภาพแวดล้อมนี้  มนุษยชาตินั้นไม่ดีมาก   แต่มนุษยชาติกลับสามารถทำให้เราบำเพ็ญได้เร็วยิ่งขึ้น   มนุษยชาติมีสัจธรรมที่คนมากมายเข้าใจกัน  นั่นกลับเป็นสิ่งยึดติดที่พวกเราต้องปล่อยวางในระหว่างที่บำเพ็ญ       คนในวันนี้ที่ศึกษาฝ่ากับคนในยุคโบราณศึกษาฝ่า พวกไหนจะบำเพ็ญได้ดีกว่า   ปัจจัยในสังคมนั้นมีไม่มาก  ที่สำคัญคือต้าฝ่ากำลังช่วยเหลือคนอยู่  และยังเป็นผู้ฝึกในยุคปรับฝ่าให้ถูกต้อง  ข้าพเจ้าว่าต้าฝ่าสามารถจะบำเพ็ญได้สูงกว่า และยังเร็วที่สุด ขณะที่สังคมยุคโบราณนั้นคนต่างเชื่อถือเทพ ยิ่งสามารถจะเข้าใจเต๋าที่แท้จริง หลักธรรมที่แท้จริง พูดกันอย่างเปรียบเทียบ ก็ไม่สามารถบำเพ็ญได้สูงอย่างนั้นแล้ว   ทั่วทั้งสังคมล้วนสามารถเข้าใจได้ พูดอย่างเปรียบเทียบมาตรฐานศีลธรรมของคนล้วนสูงมาก  เช่นนั้นก็จะไม่มีทุกข์ภัยที่ใหญ่อย่างนั้น  เช่นนั้นวันนี้ยิ่งไม่ดี จึงยิ่งสามารถแสดงออกมาซึ่งการบำเพ็ญที่ยิ่งยากลำบากของเรา  ยิ่งใหญ่ยิ่งขึ้น  จึงสามารถบำเพ็ญได้สูง  มันเป็นความสัมพันธ์อย่างนี้ 

ศิษย์     ศิษย์เมืองเสิ่นหยางขอสวัสดีท่านอาจารย์                                                                                                           อาจารย์            ขอบใจทุกท่าน(เสียงปรบมือ)

ศิษย์       ฝ่าหลุนต้าฝ่าเป็นที่รู้จักของชาวโลกแล้ว                                                                                             อาจารย์         ขณะนี้ดูไปก็เป็นเช่นนี้    พวกเราอยู่เงียบๆไม่อยากจะรบกวนสังคม  ทำให้ผู้บำเพ็ญสามารถบำเพ็ญได้ในสภาพแวดล้อมที่สงบ  ดูไปในทันทีก็ผลักพวกเราขึ้นบนเวทีโลกแล้ว    ด้วยเหตุนี้พวกเราหลายคนก็กลายเป็นผู้มีชื่อเสียงแล้ว (หัวเราะ)  พูดขึ้นมาก็เป็นเรื่องน่าสนใจมาก  แต่พวกเราผู้บำเพ็ญไม่ได้คิดอย่างนี้

ศิษย์      บางคนจงใจต่อต้าน    ป่าวประกาศคำพูดที่ไม่เป็นจริงที่ชวนให้คนงงงันทำให้ผู้มีวาสนาพลาดโอกาสที่ดีไป   ทำอย่างไรจึงจะสามารถกอบกู้สถานการณ์ที่เป็นผลกระทบด้านลบที่คนที่ทำลายต้าฝ่าก่อขึ้น  คนที่จงใจทำลายต้าฝ่า            จะมีอนาคตเป็นอย่างไรบ้าง
อาจารย์       ข้าพเจ้าขอบอกทุกท่าน  ขณะนี้คนที่ทำลายต้าฝ่าจริงๆก็มีไม่กี่คน   ท่านอย่าเห็นว่าเขาสร้างสถานการณ์ที่ใหญ่โตมาก  อย่าเข้าใจว่ามีคนมากมายที่ทำ  คนทำอะไรแล้ว ล้วนต้องไปแบกรับ   สร้างเรื่องโกหกต่างๆ  เลวจริงๆ  และเลวอย่างยิ่ง   ข้าพเจ้ายังคงพูดประโยคนั้น  อย่าห่วงว่าจะไม่มีคนศึกษาฝ่า  พระพุทธช่วยเหลือคนที่มีวาสนา(เสียงปรบมือ)           ถ้าคนสามารถทำลายฝอฝ่าได้นั่นก็แย่แล้ว

ศิษย์        ผมเข้าใจว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเร็วๆ นี้    จิงเหวินของอาจารย์เมื่อวันที่สองเดือนหก “ความรู้สึกเล็กน้อยของข้าพเจ้า” นั้น สำหรับศิษย์ต่างประเทศหลายคนเป็นการทดสอบครั้งหนึ่งว่า สามารถจะหยวนหมั่นได้ไหม  สามารถจะปล่อยวางตัวเองกับทัศนคติทั้งหมดของคนได้หรือไม่  การรับรู้อย่างนี้ถูกไหม
อาจารย์     ล้วนไม่ผิด  แต่ละคนต่างมีการรับรู้ไม่เหมือนกัน  ล้วนไม่ผิด  แต่ที่รับรู้ได้นั้นถูกต้องมากทีเดียว

ศิษย์     ผมมักจะไหวหวั่น  หลังจากฝ่าฮุ่ยแต่ละครั้งล้วนรู้สึกเจ็บปวด และสำนึกผิดไม่หยุด   ตัดสินใจว่าจะก้าวหน้าอย่างอาจหาญ   แต่พอผ่านไประยะหนึ่งก็ไม่ไหวอีกแล้ว   บางครั้งผมรู้สึกว่าไม่คู่ควรเป็นศิษย์ของท่านอาจารย์   ละอายต่อความเมตตาของท่านอาจารย์   นอกจากอ่านหนังสือให้มาก ศึกษาฝ่าให้มาก  ก็ไม่มีวิธีอื่นแล้วหรือ   ผมคิดจะยืนหยัดบำเพ็ญอย่างจริงจัง จริงๆ  จะสามารถมองเห็นมิติอื่นสักนิดได้หรือไม่    การเปิดตาทิพย์จะมีส่วนช่วยไหม  
อาจารย์        เมื่อครู่คำพูดนี้ของท่านที่ว่า   ผมคิดจะยืนหยัดบำเพ็ญอย่างจริงจังจริงๆ    ไม่ว่าท่านจะเขียนออกมาในสภาวะใด  คำพูดนี้บริสุทธิ์  นี่คือตัวตนของท่าน   แต่คำพูดข้างท้าย ในทันใดก็ถูกทัศนคติหลังกำเนิดรบกวนแล้ว      ดังนั้นท่านจึงรู้สึกได้ว่าไม่อาจก้าวหน้า  หากไม่ขจัดทัศนคติหลังกำเนิดไป  ท่านก็ก้าวหน้าไม่ได้จริงๆ   ไม่มีวิธีอื่น    มีแต่อ่านหนังสือมากๆ  ทะลวงความยากลำบากนี้ไป   ท่านคิดไม่ได้หรือว่า   การที่ท่านไม่อาจก้าวหน้าได้  โดยตัวมันเอง  มันก็เป็นรูปแบบหนึ่งที่ขัดขวางอยู่    ถ้าท่านทะลวงผ่านมันไปได้   ท่านดูซิว่าจะเป็นอย่างไร

ศิษย์         การบำเพ็ญสายพุทธมี ๘๔๐๐๐ แนวทาง  รวมทั้งแต่ละระดับชั้นด้วยไหม   เช่นนั้นกับมิติอื่นมี......หรือไม่ 
อาจารย์         การบำเพ็ญพุทธธรรมมีอยู่ ๘๔๐๐๐ แนวทางนั้นคือสิ่งที่องค์ศากยมุนีพุทธตรัสออกมา       คือองค์ศากยมุนีพุทธนำสิ่งที่คนสามารถจะรู้ได้ ตรัสออกมา    ทุกท่านทราบองค์ศากยมุนีพุทธ ท่านก็ไม่ใช่พระเจ้าสูงสุดของจักรวาล   ดังนั้นเรื่องในขอบเขตที่ใหญ่ยิ่งกว่าของจักรวาลทั้งหมดที่สูงที่สุด  พระองค์ก็ไม่ทรงทราบ    เช่นนั้นจึงพูดได้ว่าองค์ศากยมุนีพุทธนั้นทรงตรัสออกมาโดยยืนอยู่ในเขตแดนของพระองค์   การบำเพ็ญมี ๘๔๐๐๐ แนวทาง นี่คือสิ่งที่สามารถบอกกับคนได้  ก็ไม่ผิด   หากจะบอกกับคนว่ามีหนึ่งแสนแนวทาง คนก็อาจไม่รู้ว่ามีประโยชน์อย่างไร

ข้าพเจ้าเห็นว่า วิธีการบำเพ็ญ ๘๔๐๐๐ แนวทาง ที่องค์ศากยมุนีพุทธตรัสนั้นดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับสรรพชีวิตในสามภพ  พูดถึงว่าระบบของมิติอื่นนั้น  แต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่ได้บอกกับคน   คนก็ไม่รู้   และสภาพแวดล้อมที่คล้ายกับโลก  ในจักรวาลนี้ไม่เพียงมีแค่โลกแห่งเดียวเท่านั้น  แต่มันก็ไม่ใช่ตำแหน่งศูนย์กลางของจักรวาล

ศิษย์        ระยะก่อนหน้านี้ที่ศูนย์ฝึกพลังได้จัดกิจกรรมเผยแพร่ฝ่าหลายอย่าง   เหล่าผู้ฝึกก็ทุ่มเทเวลาไประยะหนึ่งแล้ว            แต่กิจกรรมบางอย่างเกือบจะได้ผลน้อยมาก

อาจารย์          ผลลัพธ์ของการเผยแพร่ฝ่าเป็นอย่างไร    ทุกท่านทุ่มเทกำลังอย่างเต็มที่ทำได้ถึงระดับไหนก็ทำถึงระดับนั้น   อิทธิพลเก่านั้น    อิทธิพลเก่าที่ข้าพเจ้าพูดนั้นมันไม่ใช่มารที่แท้จริง    มันก็คือชีวิตเหล่านั้นในระดับชั้นที่ต่างกันซึ่งเสื่อมทรามแล้ว   มีทั้งด้านบวกและลบ   พวกมันล้วนรู้สึกว่าพวกมันกำลังช่วยข้าพเจ้า   แต่การช่วยเหลือของพวกมัน กลับกลายเป็นอุปสรรคต่อข้าพเจ้าไปเสีย   มีองค์ประกอบที่ขัดขวางคงอยู่   ดังนั้นความก้าวหน้าในการเผยแพร่ฝ่าของพวกเราจึงถูกขัดขวาง  ผู้ฝึกใหม่จะได้ฝ่ายากมาก   บางคนก็ได้ฝ่าแล้วกลับถูกพวกมันทำจนเฉยเมยต่อฝ่าไปแล้ว   ไม่ศึกษาอีกแล้ว   ปัญหาเหล่านี้กำลังแก้ไขอยู่   แต่อย่าได้ถูกความยากลำบากเหล่านี้ข่มขวัญเอาได้   ควรจะทำอย่างไรทุกท่านก็ทำอย่างนั้น ปัญหาเหล่านี้ล้วนกำลังแก้ไขอยู่

ศิษย์       ท่านบอกว่าการเผยแพร่ฝ่ากับการหยวนหมั่นไม่เกี่ยวข้องกัน   แต่การเผยแพร่ฝ่าเป็นเรื่องที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด      สามารถกอบกู้ชีวิตของคนที่ยังไม่ได้ฝ่า   เช่นนั้นผู้ที่ไม่กระตือรือล้นในการเผยแพร่ฝ่าก็เป็นสิ่งที่ตนเองควรทะลวงผ่านไปใช่หรือไม่
อาจารย์      เผยแพร่ฝ่ากับหยวนหมั่นเป็นสองแนวคิด     ระหว่างแนวคิดทั้งสองนี้ไม่มีความสัมพันธ์โดยตรงต่อกัน   หยวนหมั่นนั้นต้องผ่านการบำเพ็ญอย่างยากลำบากของท่าน   เดินบนเส้นทางการบำเพ็ญของท่านจนสิ้นสุด   บรรลุถึงเขตแดนของการหยวนหมั่นนั่นคือการหยวนหมั่น     แต่เผยแพร่ฝ่าเป็นเพียงขั้นตอนการบำเพ็ญของท่านในฐานะผู้ที่มีเมตตายิ่งใหญ่สมควรทำ   เป็นเรื่องที่ควรทำนอกเหนือจากการยกระดับของท่าน   แต่ทุกสิ่งที่ท่านทำในการเผยแพร่ฝ่า กลับไม่อาจมองมันอย่างโดดๆว่าเป็นการได้รับโชคลาภตอบสนองอย่างหนึ่งในหมู่คนธรรมดาสามัญ   เนื่องจากชาติต่อไปก็ไม่อยากจะเป็นคนอีก  ท่านต้องการจะหยวนหมั่น   เช่นนั้นจึงมีความสัมพันธ์กับความเมตตาและการช่วยเหลือสรรพชีวิตในระหว่างการบำเพ็ญของท่าน   และถือว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของการสถาปนาธรรมานุภาพในการบำเพ็ญของท่าน

ศิษย์     เด็กผู้หญิงรักความสวยงาม     เป็นธรรมชาติหรือเป็นจิตยึดติด

อาจารย์       ข้าพเจ้าคิดว่าเด็กผู้หญิงแต่งเนื้อแต่งตัว   ข้าพเจ้าว่าในปัจจุบันไม่อาจพูดว่าเธอยึดติด   บางคนพูดว่าผู้หญิงก็มีธรรมชาติอย่างนี้   ที่จริงข้าพเจ้าเห็นว่าผู้หญิงควรระวังด้านนี้ไว้   ถ้าสกปรกมอมแมม ใครเห็นก็ไม่น่าดู  แต่ถ้าสวยหยาดเยิ้มเกินไป นั่นก็ตรงกันข้ามกันทีเดียว  ไม่ใช่ข้าพเจ้าบอกว่าไม่ดี   คนธรรมดาสามัญมองเห็นก็ย่อมจะรู้สึกว่าไม่น่าดูเช่นกัน    เสื้อผ้าอาภรณ์ที่คนสวมใส่นั้นต้องใส่ใจการแต่งตัว  เทพ พระพุทธ  พระโพธิสัตว์บนสวรรค์นั้นงดงามศักดิ์สิทธิ์มีสง่าน่าเกรงขามอย่างหาที่เปรียบมิได้   อนุภาคของผิวพรรณของพวกเขานั้น ประกอบขึ้นจากอนุภาคที่จุลทรรศน์อย่างยิ่ง   พวกท่านคิดดูว่าผิวพรรณจะละเอียดอ่อนถึงขั้นไหนกัน  ถึงเวลานั้นก็ไม่ต้องจงใจแต่งตัวเป็นพิเศษแล้ว

ศิษย์       อาจารย์พูดใน “จ้วนฝ่าหลุน”ว่า  “เลยจากที่สวรรค์ลิขิตท่านไว้   วิถีชีวิตแต่เดิมของท่าน  ชีวิตหลังจากที่ยืดยาวออกไป  ทั้งหมดนั้นเพื่อให้ท่านใช้ฝึกพลัง  หากความคิดของท่านเบี่ยงเบนออกไปเพียงเล็กน้อย  ก็จะมีอันตรายต่อชีวิต”  เรียนท่านอาจารย์พูดถึงเนื้อความข้างต้นสักหน่อย  ผมบำเพ็ญสามปีกว่าแล้ว  โรคหลายชนิดบนตัวก็หายหมดแล้ว   และทิ้งขวดยาที่ไม่เคยห่างตัวมาหลายสิบปีไปแล้ว   ขณะนี้แม้อายุ ๖๐ กว่าปีแล้ว  แต่ร่างกายยังดีกว่าเมื่ออายุ ๔๐ กว่าเสียอีก    คิดจะทำงานที่ทำได้ตามกำลังในเวลาว่างจากการบำเพ็ญ  ไม่ทราบว่าจะเหมาะสมหรือไม่

อาจารย์       ทำได้แน่นอน   เพียงไม่กระทบต่อการศึกษาฝ่ากับฝึกพลังก็ได้ทั้งนั้น   ที่ว่าเลยจากอายุขัยที่ฟ้าลิขิตไว้ หมายถึงชีวิตคนๆหนึ่งเพียงสามารถมีชีวิตอยู่หลายสิบปี  เช่นนั้นเมื่อถึงกำหนดอายุขัยนั้นแล้ว  ก็ต้องจากโลกไป แต่พอเขาเห็นว่าจะถึงเวลาที่ฟ้าลิขิตอายุขัยไว้ เขามาบำเพ็ญแล้ว   ไม่บำเพ็ญก็แล้วไป   พอบำเพ็ญก็ก้าวหน้ามาก  พอ(ข้าพเจ้า)เห็นว่าคนๆนี้ใช้ได้  ไม่ว่าอายุจะมากหรือน้อย  ข้าพเจ้าก็ไม่มองว่าอายุจะมากหรือน้อย  ทุกท่านทราบว่า จางซันเฟิง อายุ ๗๐ กว่าจึงได้เต๋า  มีชีวิตอยู่ถึง ๑๓๐ กว่าปี  อายุ ๗๐กว่าค่อยเริ่มบำเพ็ญ  บำเพ็ญอย่างเป็นปกติ    หรือพูดได้ว่าการบำเพ็ญมันไม่เกี่ยวกับอายุ  ก็ดูแต่ว่าท่านจะก้าวหน้าได้หรือไม่  หากปล่อยวางความเป็นตายได้จริง  อายุเท่าไร  ฉันจะคิดเรื่องพวกนี้ไปทำไม  ก็ได้ฝ่าแล้ว  ก็บำเพ็ญเรื่อยไป (เสียงปรบมือ)  หากถือตนเป็นผู้เพ็ญได้อย่างแท้จริง  ไม่ถือว่าตนเป็นคนธรรมดาสามัญ   ชีวิตของท่านบำเพ็ญไปไม่หยุดหย่อน  ยืดยาวออกไปไม่หยุดหย่อน  ชีวิตนี้ก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยไป  ให้ท่านพอใช้ในการบำเพ็ญ  เช่นนั้นบางคนที่ไม่ก้าวหน้า  ไม่ก้าวหน้าจนเขาไม่สามารถหยวนหมั่นได้จริงๆแล้วในชาตินี้   เช่นนั้นก็ไม่อาจยืดออกไปให้อีกได้   เมื่อถึงอายุขัยก็ควรให้เขาจากไป  ชาตินี้ก็บำเพ็ญไม่สำเร็จ   เรื่องในชาติหน้าก็จะเสียการเสียงานไป   แล้วจะทำอย่างไร  งั้นก็ไปเถิด   ก็เป็นเช่นนี้   ดังนั้นคนที่อายุมากหลายสิบปีแล้ว  อยู่ในโลกผ่านร้อนผ่านหนาวมานานก็ควรเข้าใจสิ่งยึดติดทั้งปวงในโลกได้แล้ว  สิ่งที่แสวงหาชั่วชีวิตก็เป็นเพียงเรื่องแค่นั้นเอง  ตนเองก็ควรเข้าใจแล้ว  นั่นยังมีอะไรที่ปล่อยวางไม่ได้ละ  แต่พูดง่าย  ทำได้ยาก

ศิษย์      ผ่านเรื่องที่เกิดขึ้นครั้งนี้ที่เป่ยจิงกับเทียนจิน ผมเกิดการเปิดความสว่างทางปัญญาและการยกระดับที่ใหญ่มาก   ถึงแม้ในฐานะที่เป็นผู้บำเพ็ญ ในช่วงเวลาที่สำคัญ ก็ยากที่จะปฏิบัติบรรลุได้ถึงเจิน ซั่น เหริ่น  แต่พวกเขากลับทำได้ในตัว “เจิน”  พวกเขาไปพูดความจริง  ด้วยเจตนาดีทั้งสิ้น  พวกเขาไม่ได้ทำเรื่องใดๆที่ไม่สอดคล้องกับมาตรฐานของผู้บำเพ็ญ พวกเขาอดทนด้วยจิตใจสงบ  ขอให้ท่านอาจารย์วางใจ  ศิษย์ที่บำเพ็ญจริงที่บำเพ็ญฝ่าหลุนต้าฝ่าอย่างแท้จริงจะไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวัง    พวกเราพูดถูกหรือผิด    
อาจารย์        ถูกต้อง  ในทางปฏิบัติ  ข้าพเจ้าได้เห็นแล้ว  ข้าพเจ้าเขียนใน “ความรู้สึกเล็กน้อยของข้าพเจ้า”ว่า  คนต่างมีปณิธาน  ชั่วชีวิตนี้ของข้าพเจ้าก็คือทำเรื่องนี้   เพื่อรับผิดชอบการหยวนหมั่นของคนเหล่านี้ที่สามารถบำเพ็ญ  ในเวลาที่ข้าพเจ้าเห็นผู้ฝึกของข้าพเจ้าล้วนสามารถก้าวข้ามด่านใหญ่ด่านหนึ่งที่จะสามารถหยวนหมั่นได้หรือไม่นั้น  พวกท่านทราบไหมว่าข้าพเจ้ารู้สึกอย่างไร (เสียงปรบมือกึกก้อง) ยอดเยี่ยม  ยอดเยี่ยมจริงๆ  เป็นเทพที่ยิ่งใหญ่โดยไม่ต้องละอายเลย  ข้าพเจ้าจำได้ว่าดูเหมือนนอสตราดามุสมีคำพูดอย่างนั้นว่า  ในช่วงเวลาหนึ่งจะเป็นเวลาที่คนกับเทพจะอยู่ร่วมกัน  ไม่ว่าเขาจะหมายถึงอะไร   แต่ข้าพเจ้าคิดว่า ไม่อาจถือว่าพวกท่านเป็นคนธรรมดาสามัญได้จริงๆแล้ว   บรรดาสิ่งที่คนปล่อยวางไม่ได้ พวกท่านต่างปล่อยวางได้  สิ่งที่คนแบกรับไม่ได้ พวกท่านแบกรับได้แล้ว เฮ่อ ดังนั้นคนก็ไม่สามารถเข้าใจพวกท่าน แต่พวกเราต้องพยายามให้คนเข้าใจ

ศิษย์         ในระหว่างการบำเพ็ญ ศิษย์จะยึดกุมให้ถูกต้องได้อย่างไรระหว่างต้าฝ่าเป็นเรื่องที่เข้มงวดกับต้าฝ่าเป็นเรื่องที่ประสานกลมกลืน(หยวนหรง)

อาจารย์        ต้าฝ่าเป็นเรื่องที่เข้มงวด    หากคนๆหนึ่งคิดจะบำเพ็ญหยวนหมั่น ถ้าไม่เข้มงวดจะใช้ได้หรือ   หากต้าฝ่ามีการเบี่ยงเบนแม้เพียงเล็กน้อย ล้วนจะทำให้ผู้บำเพ็ญหยวนหมั่นไม่ได้     หลักธรรมนอกรีตนั้นสามารถทำให้คนบำเพ็ญเป็นเทพที่ยิ่งใหญ่ได้ไหม  ไม่ได้อย่างเด็ดขาด  ดังนั้นฝ่าต้องเข้มงวด  ศิษย์ต้าฝ่าแต่ละคนที่อยู่ในมาตรฐานของแต่ละเขตแดนจะต้องบรรลุให้ถึง  นี่เป็นเรื่องเข้มงวด   ในขั้นตอนการบำเพ็ญสิ่งที่ควรทิ้งไปก็ต้องทิ้งไป  จะคลุมเครือไม่ได้    ต้าฝ่าสามารถช่วยคน  สามารถสร้างทุกสิ่งของจักรวาล   มีหลักการของเขาในระดับชั้นที่ต่างกัน   หลักการของแต่ละระดับชั้นล้วนเชื่อมโยงกับฝ่าทั้งชุด   เชื่อมโยงจากล่างถึงบน  เชื่อมโยงจากนอกถึงใน  เชื่อมโยงระหว่างจุลภาคกับมหภาค  เชื่อมโยงซึ่งกันและกัน               ในระดับชั้นใดๆล้วนสามารถโยงได้ตลอดอย่างเป็นเอกเทศ  ดังนั้นฝ่านี้  ไม่ว่าจะยืนอยู่ในแง่มุมไหนเขาก็ประสานกลมกลืนทั้งหมด   สามารถพูดได้ชัดว่า ไม่อาจทำลายได้   ในหลักการของฝ่าสามารถอธิบายทุกสิ่งได้ชัดเจนบริบูรณ์   เพราะจักรวาลล้วนสร้างขึ้นมาโดยเขา   แน่ละเขาสามารถแสดงออกอย่างสมบูรณ์ซึ่งสัจธรรมที่ไม่มีที่ใดไม่คงอยู่  ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้   เขาสามารถเปลี่ยนเรื่องที่ไม่ดีทั้งหมดให้เป็นเรื่องดี   เขาสามารถช่วยเหลือทุกสิ่งและสรรพชีวิตในจักรวาล   ในอดีตมิใช่มี การเกิดขึ้น  ตั้งอยู่  เสื่อมไป  ดับสูญ คงอยู่หรือ   ต้าฝ่าสามารถทำให้ทุกสิ่งที่เดินสู่การดับสลาย เปลี่ยนกลับเป็นของใหม่ ดีงามอีกครั้ง  เขาจึงสามารถบังเกิดผลในทุกสิ่ง   ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้    ดังนั้นต้าฝ่านี้จึงกลมกลืนและทำลายไม่ได้อย่างเด็ดขาด (เสียงปรบมือ)

ศิษย์           เหล่าศิษย์ได้ยินคนที่ประทุษร้ายต้าฝ่าพูดถึงต้าฝ่าหลังวันที่ ๒๕ เมษายน  โชคดีที่รู้จักต้าฝ่า เพียงสองเดือนรู้สึกได้อย่างลึกซึ้ง ว่าต้าฝ่านั้นลึกล้ำและกว้างใหญ่
อาจารย์    คนชั่วเขาจะได้ยินสิ่งที่ชั่ว   คนดีจะได้ยินสิ่งที่ดี   เมื่อสาวกของสิ่งชั่วร้ายด่าต้าฝ่า  เขาก็ต้องพูดคำว่า “ฝ่าหลุนกง”สามคำนี้ออกมา   ผู้ฝึกคนนี้ของเราจึงมองเห็น “ฝ่าหลุนกง”  จึงมองเห็นสิ่งที่ดีนี้แล้ว  (เสียงปรบมือ)  ฝอฝ่านั้นคนไม่อาจทำลายได้   แต่ละครั้งที่สิ่งชั่วร้ายอาศัยคนชั่วทำลายพวกเรานั้น ที่จริงล้วนเป็นการเผยแพร่ให้กับพวกเรา   (เสียงปรบมือลั่น)  แต่ใจของคนที่ทำเรื่องชั่วนั้น    จุดนี้แน่นอน  นั่นเป็นตำแหน่งของชีวิตเขา

ศิษย์     จะแน่วแน่ต่อการรับรู้ที่สูงขึ้นต่อต้าฝ่าของตนได้อย่างไร
อาจารย์        สิ่งที่ข้าพเจ้าสอนพวกท่านคือหลักการของฝ่า    บรรดาศิษย์เริ่มแรกนั้นก็เพียงรู้สึกว่าหลักการของฝ่านี้ดี  จึงศึกษา   ต่อมาพวกเขาค่อยๆมองเห็นว่าหลักการของฝ่านี้ไม่เพียงบอกให้คนทำดี   เขาเป็นหนังสือเล่มหนึ่งของการบำเพ็ญ   เป็นฝอฝ่า  กฎของสวรรค์  ต้าฝ่าของจักรวาลเล่มหนึ่ง เป็นการค่อยๆรับรู้ของพวกเขา  (เสียงปรบมือ)  ดังนั้นข้าพเจ้ารู้สึกว่าหากสามารถไปบำเพ็ญโดยไม่มีความนึกคิดใดๆจะยิ่งดี    หากว่าทั้งวันฉันคิดแต่จะไปโลกของพระพุทธ   ที่จริงนั่นก็จะก่อเกิดจิตยึดติดได้   เรียกว่าไม่แสวงหาแล้วจะได้เอง   สนใจแต่ไปบำเพ็ญ   ทุกสิ่งย่อมจะปรากฏออกมาเอง   เมื่อปรากฏออกมาจะกลับรู้สึกว่า อ้อ  นี่ล้วนเป็นธรรมชาติ  เพราะเขตแดนอยู่ที่นั่นแล้ว จึงรู้สึกว่าเป็นธรรมชาติมาก   คนก็คืออยู่ในเขตแดนของคนและอยากจะเห็นสิ่งที่อยู่สูงกว่าเขตแดนของตน  ล้วนเป็นใจดวงนี้   ผู้บำเพ็ญเมื่ออยู่ในเขตแดนนั้นเห็นได้แล้ว  ก็ไม่รู้สึกแปลกประหลาด   เป็นธรรมชาติมาก

ศิษย์        ศิษย์กว่างโจวคิดถึงท่านมาก  อยากจะพบท่านมาก                                                                              อาจารย์  ขอบใจผู้ฝึกกว่างโจว ตอนนี้ไม่อาจจะพูดแล้ว(หัวเราะ) เพราะยังไม่อาจจะทำได้ในขณะนี้

ศิษย์       ศิษย์ต้าฝ่าศูนย์ฝึกตัวหลุนลู่เมืองหนานจิง  กับศิษย์ต้าฝ่าเมืองหนานจิงทั้งหมด  สวัสดีท่านอาจารย์ผู้เปี่ยมเมตตายิ่งใหญ่                                                                                                                  อาจารย์       ขอบใจทุกท่าน

ศิษย์        ศิษย์ต้าฝ่าทั้งหมดใน เป่ยจิง   หลานโจว  ฮาเอ่อปิน(ฮาร์บิน)   ชีชีฮาเอ่อ  มองโกเลียใน  กว่างโจว  เซี่ยงไฮ้  อู่ฮั่น ขอสวัสดีท่านอาจารย์  ขอให้ท่านอาจารย์วางใจได้

อาจารย์            ขอบใจทุกท่าน

ศิษย์         มหาจักรพรรดิ์คังซี  ปกครองด้วยคุณธรรมชั่วชีวิต  เป็นแบบอย่างให้กับจักรพรรดิ์รุ่นหลังหรือไม่

อาจารย์        ชั่วชีวิตของมหาจักรพรรดิ์คังซีนั้นค่อนข้างยิ่งใหญ่     ประวัติศาสตร์ที่รุ่งเรืองของยุคคังซีถึงเฉียนหลง ผู้คนยังคงถ่ายทอดสืบต่อมา  เรื่องของคนข้าพเจ้าจะไม่พูดแล้ว  คังซีเป็นจักรพรรดิ์ที่ยิ่งใหญ่องค์หนึ่ง

ศิษย์        ศิษย์เคยถามคำถามที่ทำให้ท่านเสียใจมาก                                                                                      อาจารย์        ไม่มีอะไรที่ทำให้เสียใจ  บางทีความคิดของข้าพเจ้ากำลังคิดเรื่องอื่น  ปัญหาทั้งหมดที่ข้าพเจ้าคิดไม่เหมือนกับพวกท่าน  ที่พวกท่านมองเห็นเป็นรูปแบบชั้นผิว  ที่ข้าพเจ้าเห็นเป็นปรากฏการณ์ที่แท้จริง

ศิษย์         มารกามารมณ์ในความฝันเป็นสามีของตนเอง  ใช่ไหมว่าก็เป็นมารที่กำลังรบกวน                                   อาจารย์          เนื่องจากสามีท่านก็อยู่ตรงนั้นใช่ไหม   เขาย่อมไม่ใช่สามีของท่านแน่นอน  ดังนั้นเขาต้องเป็นสิ่งที่ถูกผันแปรมาอย่างแน่นอน  ต้องระวัง

ศิษย์      น้องสาวของผมเป็นนักศึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีน    ภาคการศึกษาหน้าจะมีวิชาบังคับของชี่กงสำนักหนึ่ง     เธอถามว่าควรเรียนวิชานี้หรือไม่
อาจารย์         นักศึกษาวิทยาลัยการแพทย์จีน  ใช่ละ  ปัจจุบันวิทยาลัยการแพทย์ของประเทศจีน  ก็เริ่มรับรู้ว่าชี่กงมีประโยชน์โดยตรงต่อการรักษาของแพทย์จีน  และเริ่มศึกษากัน   แต่ตามที่ข้าพเจ้าทราบ  มีน้อยมากที่ได้ศึกษากับสำนักชี่กงที่ถูกต้อง    เนื่องจากเมื่อเริ่มแพร่หลายนั้น  ชี่กงที่ค่อนข้างดีมีเพียงไม่กี่ชนิด   ต่อมาชี่กงปลอมก็ค่อยๆปรากฏออกมา   หลักพลังที่ดีสักหน่อยที่ออกมาก่อนคือไท่จี๋ฉวนนี้(ไท่เก็ก)  ขณะนี้ก็มีบางคนดัดแปลงไท่จี๋เสียจนไม่เหลือเค้าเดิม   เมื่อผ่านการดัดแปลงแล้วย่อมจะเกิดโทษอย่างแน่นอน  ต่อมาก็เกิดคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็น  ไท่จี๋นั้นเป็นของสายเต๋า  ส่วนคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นเป็นของสายพุทธ     คัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นเป็นของที่พระวัดเส้าหลินในอดีตใช้บำเพ็ญภายใน   ตามติดมาด้วยการปรากฏวิธีการบำเพ็ญของชาวบ้าน – การล้อสัตว์ปีกห้าชนิด   สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่ค่อนข้างเป็นประโยชน์ต่อมนุษย์    ยังมีอย่างอื่น  พวกเราจะไม่พูดทีละอย่างๆแล้ว  ขณะนี้ล้วนเป็นพลังฟู่ถี่(ตัวสิงร่าง)ที่ยุ่งเหยิงเลอะเทอะ   ถ้านำไปศึกษาในโรงเรียนย่อมจะเป็นโทษต่อนักศึกษาแล้ว

ศิษย์           เมื่อใช้มาตรฐานของผู้บำเพ็ญประเมินตนเองแล้ว    กลัวเสมอว่าอาจารย์จะไม่ยอมรับว่าผมเป็นศิษย์ที่บำเพ็ญจริงคนหนึ่ง  แต่คนอื่นมักรู้สึกว่าผมไม่ได้บกพร่องมากนัก  เร็วๆนี้ยังเรียกให้ผมเป็นผู้ช่วยฝึกสอน   ผมรู้อยู่ลึกๆว่าตนเองไม่คู่ควร        ผมกลัวจะทำให้ภาพลักษณ์ของต้าฝ่าเสียหาย
อาจารย์          ความกลัวนี้ค่อนข้างกลัวจนเกินไปสักหน่อยแล้ว   ที่จริงผู้ช่วยฝึกสอนก็ไม่ได้มีเรื่องอะไรที่ต้องทำมากเกินไป  และไม่ใช่ข้าราชการอะไร   ก็คือแต่ละวันไปที่ศูนย์ฝึกจัดแจงให้ทุกคนฝึกพลัง   ศึกษาฝ่า  ไม่ได้มีเรื่องที่ต้องทำมากจนเกินไป   อย่ากลัวมากอย่างนั้น  รู้สึกว่าตนเองบำเพ็ญได้ไม่ดี   เรื่องนี้โดยตัวมันเองนั้นดีมาก   คือตัวเองสามารถมองเห็นความบกพร่องของตน   เมื่อมองเห็นจุดอ่อนและข้อผิดพลาดก็อย่ากลัว  เมื่อมี ก็ทิ้งมันไป  ถ้าไม่มีจิตยึดติดกับข้อผิดพลาดก็ไม่ต้องบำเพ็ญแล้ว     ขั้นตอนการบำเพ็ญล้วนจะมีใจของคนธรรมดาสามัญ  จุดนี้แน่นอน

ศิษย์          เมื่อผมพบกับความยากลำบากนั้น  ทราบว่านี่เป็นด่านหนึ่ง  พยายามไม่หวั่นไหว    แต่พอพบกับเรื่องน่าดีใจ  กลับเลี่ยงไม่พ้นที่จะดีใจ                                                                                                                  อาจารย์           งั้นก็ดีใจเถอะ   ไม่เป็นไร   การดีใจมักจะดีกว่าการที่ไม่ผ่านด่านมากนัก ซึ่งตนเองรู้สึกว่ายากมาก   ที่จริงจิตที่ดีใจของท่าน  จะสลายไปเองตามการยกระดับเขตแดนของท่าน   ท่านไม่ต้องจงใจไปยับยั้งมัน  แน่ละหากพอมีเรื่องดีใจ  ก็กระโดดโลดเต้น  นี่ก็ไม่สมควร   ทุกท่านล้วนมีสติสัมปชัญญะ มีความรู้   ดังน้นข้าพเจ้าคิดว่าไม่มีปัญหา   แต่ด่านความทุกข์ทรมานนั้น       อันนั้นข้ามได้ยากมาก

ศิษย์         ( ๑ ) ผู้รู้แจ้งมีระดับชั้นสูงต่ำหรือไม่                                                                                                อาจารย์         แน่ละมีอยู่   ก็อย่างพระยูไลก็ไม่ใช่ระดับชั้นเดียวทั้งหมด   เพราะข้าพเจ้าบอกแล้วว่าพวกเขาเป็นราชาแห่งธรรม   ผู้บำเพ็ญเรียกพวกเขาโดยรวมว่าพระยูไล   ยังมีธรรมราชาใหญ่   และธรรมราชาใหญ่ที่สูงยิ่งกว่า

ศิษย์          (๒) สมมติว่ามีชีวิตของผู้รู้แจ้งที่ระดับชั้นค่อนข้างต่ำ ใช่หรือไม่ว่าจัดวางโดยผู้รู้แจ้งที่ระดับชั้นสูงกว่า                                                                                                                                                อาจารย์         นี่หาใช่อย่างที่ท่านคิด   อย่าใช้ความคิดของคนมาคิดเรื่องเทพ  นั่นจะเข้าใจไม่ได้เลย  และไม่เคารพ  พอบำเพ็ญสำเร็จเป็นพระยูไล  ภายในขอบเขตความสามารถของเขา  ทุกสิ่งล้วนจะราบรื่นไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้

ศิษย์           ผมเป็นผู้ฝึกระยะแรก    ถ้าพวกเราพยายามมุมานะให้มากที่สุด   แต่เนื่องจากรากฐานของตนไม่ดี     วันที่การบำเพ็ญสิ้นสุด  หากไม่สามารถหยวนหมั่น  พวกเราสามารถไปกับอาจารย์ได้ไหมหรือยังสามารถไป............
อาจารย์         มุมานะบำเพ็ญให้มากที่สุด     นั่นก็ช่างไม่มีความเชื่อมั่นตัวเองแล้ว   ท่านพยายามมุมานะบำเพ็ญให้มากที่สุดแล้ว  ยังหยวนหมั่นไม่ได้   นั่นก็ไม่ถูก  คำพูดนี้ขัดแย้งกัน  (หัวเราะ)  ไม่มีปัญหานี้อยู่  ขอเพียงก้าวหน้าไป  ท่านก็ไม่รู้ว่ารากฐานของท่านเป็นอย่างไร  จะพูดได้อย่างไรว่ารากฐานไม่ดี   เมื่อพยายามให้มากที่สุดแล้ว  สิ่งที่รอท่านอยู่ก็คือ หยวนหมั่น (เสียงปรบมือ)

ศิษย์        มองว่าโลกเป็นอณูหนึ่ง  เหมือนโมเลกุลหนึ่ง  เช่นนั้นสิ่งที่ประกอบขึ้นมาจากโมเลกุลของโลกนี้  ต่ำกว่าระดับชั้นนี้ของคน       เนื่องจากระดับชั้นยิ่งสูง          สสารที่ประกอบขึ้นเป็นมันก็จะยิ่งละเอียดอ่อน
อาจารย์          ถ้าข้าพเจ้าจะพูดทุกสิ่งในจักรวาลนี้ออกมาทั้งหมดนั่นก็ทำไม่ได้   แต่ข้าพเจ้าขอบอกท่าน  ยิ่งละเอียดอ่อนก็ยิ่งจุลทรรศน์  ระดับชั้นยิ่งสูง  แต่ข้าพเจ้ายังจะบอกท่านว่า โลกอยู่ในระดับชั้นที่ต่ำที่สุด      ระดับชั้นที่ต่ำที่สุดนี้อยู่ระหว่างอณูใหญ่กับอณูเล็ก   เช่นนั้นโดยแท้จริงข้าพเจ้าขอบอกท่าน  มันยังต่ำกว่าอณูที่ใหญ่   และต่ำกว่าอณูที่เล็กด้วย  เพราะมันอยู่ตรงกลาง  มันอยู่ต่ำที่สุด  สิ่งที่ใหญ่กว่า สิ่งนั้นพวกเราก็เคยพูดแล้ว  และเป็นสิ่งที่สูงกว่าคนเรา

ศิษย์              ผมไม่มีเครื่องบันทึกเสียง    เวลาที่ฝึกพลังต้องเปิดดนตรีของฝ่าหลุนต้าฝ่านั้น  จะสามารถอาศัยการนับจำนวนในการฝึกท่าเคลื่อนไหวมาเปลี่ยนท่าได้ไหม
อาจารย์       ได้  เนื่องจากพวกเราเมื่อเริ่มแรกฝึกพลังนั้น   เวลาที่ข้าพเจ้าสอนผู้ฝึกนั้น ไม่มีดนตรี  ใช้การนับจำนวนรอบในการฝึก  การบำเพ็ญย่อมอยู่เหนือธรรมดา(ปกติวิสัย)   เพราะพวกเรามีกลไกลบังคับที่เคลื่อนไหวเองได้   รอจนกลไกบังคับมีกำลังแรงมาก การเคลื่อนไหวของมือพอถึง ๙ รอบจบลง  สองมือก็จะเตี๋ยโค่วเสี๋ยวฝู่(ประสานที่หน้าท้องน้อย)    ดังนั้นเวลาที่พวกเราฝึกพลังจึงเรียกว่าดำเนินไปตามกลไก   เมื่อกลไกบังคับก่อเกิดขึ้น ก็จะหมุนโคจรเองได้ ทำให้กลไกบังคับนำพาร่างกายฝึกพลัง       รับรองว่าจะทำได้โดยอัตโนมัติ     เช่นนั้นจุดประสงค์ที่ข้าพเจ้าบอกให้ผู้ฝึกฟังดนตรีฝึกพลัง คือทำให้ผู้ที่เริ่มฝึกบรรลุถึงการไม่ให้ความคิดที่วุ่นวายรบกวนให้เร็วที่สุด   การฟังดนตรีโดยตัวมันเองก็จะไม่คิดเรื่องอื่น ใช้รูปแบบของหนึ่งความคิดแทนหมื่นความคิด เลือกใช้วิธีนี้ เช่นนั้นการฟังดนตรีโดยตัวมันเองก็เป็นหนึ่งความคิดใช่ไหม  แต่ข้าพเจ้าได้เสริมความนัยของพลังกับฝ่าเข้าไปในดนตรีนี้   ทำให้เขาเป็นประโยชน์ต่อการช่วยฝึกพลัง   นั่นก็คือจุดประสงค์ของการฟังดนตรีฝึกพลัง  

ถ้าสามารถทำได้แม่นยำ  ในสภาพที่ไม่มีดนตรี ไปฝึกพลังก็เหมือนกัน  ไม่มีผลกระทบ

ศิษย์     ผมสามารถใช้การฝึกพลังแทนการนอนหลับได้ไหม  อย่างนี้จะทำได้หรือไม่                                          อาจารย์       ไม่ได้   นี่ก็เป็นการเดินสู่อีกสุดขั้วหนึ่งแล้ว     ในขั้นตอนการบำเพ็ญของพวกท่าน  ยังต้องอาศัยร่างกายนี้ไปบำเพ็ญ   ถ้าไม่มีร่างกายนี้ ก็จะไม่สามารถบำเพ็ญทุกสิ่งได้แล้ว       ดังนั้นต้องทานข้าว  ต้องนอน   รักษาสภาพร่างกายที่แข็งแรงนี้ไว้  ดังนั้นทุกท่านต้องนอนหลับ  พูดถึงว่าเมื่อการงานยุ่งขึ้นมาจะทำอย่างไร   เพื่อเรื่องของต้าฝ่าหรือการงานยุ่งเหลือเกินแล้ว   นอนน้อยไปกี่วัน  นั่นเป็นเรื่องครั้งคราว นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง หลังจากผ่านการฝึกพลัง  ก็จะฟื้นคืนกลับมาทันที     หากบอกว่าฉันฝึกพลังไม่นอนอย่างนี้เป็นเวลานาน  ใช้การฝึกพลังแทนที่การนอน นี่ไม่ถูก  ต้าฝ่าไม่ใช่บำเพ็ญกันอย่างนี้    ใยต้องฝึกอย่างนี้ละ        เพราะการบำเพ็ญของท่านเป็นเรื่องอันดับหนึ่ง คือการยกระดับซินซิ่ง  จึงจะสามารถทำให้ท่านยกระดับขึ้นได้จริงๆ        ถ้าซินซิ่งของท่านไม่ยกระดับ  เช่นนั้นท่านฝึกพลังมากเท่าไรก็ยกระดับไม่ได้เลย   ไม่ใช่อาศัยการจงใจทำ   การฝืนทำเพื่อให้การฝึกพลังนี้ยกระดับขึ้น       ซินซิ่งไม่ยกระดับ            ท่านจะฝึกอย่างไร        มันก็ยกระดับไม่ได้

ศิษย์          ศิษย์ทราบว่าการเล่นหุ้นนั้นไม่ดี   แต่ไม่สามารถเข้าใจความเป็นจริงของมัน    บริษัทในอเมริกาจะแจกหุ้นให้ทุกคนโดยถือเป็นกำไรอย่างหนึ่ง    นี่เป็นลาภที่ไม่เป็นธรรมใช่หรือไม่    หุ้นคือวิธีการชนิดหนึ่งในการระดมทุนเพื่อการพัฒนาของบริษัทใช่หรือไม่

อาจารย์  ข้าพเจ้าสามารถบอกทุกท่าน    สิ่งต่างๆที่คนเห็นว่าถูกต้องมันไม่แน่ว่าจะถูกต้อง   โดยเฉพาะในเวลาที่ศีลธรรมของมนุษย์ไม่ดี   สิ่งที่คนคิดว่าดี  เป็นไปได้มากว่าอาจจะไม่ดี    ทุกท่านทราบว่าการได้มาโดยอาศัยความเหนื่อยยาก หรือตนเองผ่านการทุ่มเทใช้สมอง  หรือท่านทำการค้าใหญ่โต  ท่านมีความสามารถนี้   นี่เป็นการหาเงินตามปกติ   จะหาเงินได้มากเท่าไรก็ไม่เป็นไร    หากใช้วิธีการฉวยโอกาส  ข้าพเจ้ามักรู้สึกว่าไม่ดีเท่าไร   เพราะจักรวาลนี้มีหลักการนี้  เรียกว่า ไม่เสียก็จะไม่ได้   บางทีเงินทองนั้นที่ได้มาก็ไม่รู้ว่าตนเองสูญเสียของดีไปเท่าไรแล้ว   เพราะท่านไม่ได้ไปทุ่มเท หุ้นนี้มีขึ้นก็มีลง     ถ้าใจคนเต้นตาม    ในการบำเพ็ญไปทำเรื่องนี้จะใช้ได้อย่างไรกัน   มีคนร่ำรวย   เช่นนั้นเป็นไปได้มากว่าก็จะมีคนกระโดดตึก  ที่จริงการเล่นหุ้นก็คือการพนัน    เช่นนั้นในฐานะผู้บำเพ็ญควรเล่นการพนันหรือไม่   ข้าพเจ้าว่าก็ไม่สมควร    แน่ละ ข้าพเจ้าไม่ได้พูดถึงคนธรรมดาสามัญในสังคมคนธรรมดาสามัญว่าควรปฏิบัติต่อการเล่นหุ้นนี้อย่างไรบ้าง    คนควรจะเล่นหุ้นหรือไม่   นั่นเป็นเรื่องของคนธรรมดาสามัญ    ที่นี่ข้าพเจ้าเพียงพูดหลักการของการบำเพ็ญให้กับผู้บำเพ็ญ   พวกท่านต้องอยู่เหนือสภาวะของคนธรรมดาสามัญอยู่เสมอ   ต้องใช้มาตรฐานที่สูงกว่าในการกำหนดตนเองอยู่เสมอ  ใช่ไหม   หากหน่วยงานแจกให้ในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของผลกำไรหรือเงินเดือน ก็สามารถเปลี่ยนเป็นเงินได้โดยตรง

ศิษย์        ผู้บำเพ็ญไม่สามารถแบกรับกรรมแทนญาติได้   ทำไมเด็กที่ไม่มีกรรมจึงสามารถแบกรับกรรมแทนพวกเราได้
อาจารย์         บางทีเด็กคนนั้นเห็นว่า เวลาที่พ่อแม่ผ่านด่าน  ช่างยากเย็นเหลือเกิน   บกพร่องเหลือเกิน  ก็รับแทนท่านสักนิด   ยังไม่รับไมตรี(ไม่รู้สึกขอบใจลูก)   ทำไมลูกทนลำบากแทนฉัน (หัวเราะ)  เพียงแต่พูดเหตุผลหนึ่งให้ฟัง  ไม่แน่ว่าจะต้องเป็นเช่นนี้            แต่ก็มีเพียงลูกของศิษย์ต้าฝ่าจึงจะมีเรื่องอย่างนี้ได้

ศิษย์       ลูกอายุ ๕ ขวบบำเพ็ญได้สองปี   เขาบอกว่าหน้าผากมีทีวีเครื่องหนึ่ง   อาจารย์บรรยายฝ่าให้เขาตลอดทั้งกลางวันกลางคืน    เป็นการรบกวนหรือว่าเป็นสภาพปกติ

อาจารย์        สำหรับเด็ก ไม่ใช่การรบกวน  บางทีก็คือผ่านวิธีนี้ให้เด็กได้ฝ่า     แต่จะไม่กระทบต่อการพักผ่อนของเด็ก

ศิษย์     ในสังคมคนธรรมดาสามัญ     หากมีพลังมารที่ใหญ่มากทำลายต้าฝ่าอย่างกว้างขวาง  กระทั่งต้องการจะกำจัด  อะไรคือวิธีการที่ดีที่สุดที่จะประสานกลมกลืนเข้ากับต้าฝ่า

อาจารย์       มีผู้ฝึกคนหนึ่งพูดกับข้าพเจ้าว่า ผมจะบำเพ็ญต้าฝ่าจนถึงที่สุด    บั่นศีรษะทิ้งไปแล้วร่างกายผมยังจะนั่งสมาธิอยู่ที่นี่ (เสียงปรบมือ)  หากความคิดคนไม่เคลื่อนไหว   วิธีการบังคับใดๆ แก้ไขได้แต่เปลือก  แก้ไขที่แก่นแท้ไม่ได้   ในการบำเพ็ญ ข้าพเจ้าให้คนเข้าใจจากหลักการ  หากดูแลคนแต่เพียงรูปแบบเท่านั้น   ห้ามไม่ให้เขาทำอย่างไร  นั่นจะใช้ได้หรือ  เป็นเช่นนี้หรือไม่  แน่ละก็มีผู้ฝึกพูดกับข้าพเจ้าว่า  ผมก็ไม่สนใจว่าจะเป็นอย่างไร  จะรบกวนอย่างไร  ก็จะไม่หวั่นไหวนั่นจึงจะดีที่สุด  แน่ละที่ไม่หวั่นไหวคือความคิด  ไม่ใช่คนไม่เคลื่อนไหว

ศิษย์     ทั้งวันคิดแต่เรื่องเผยแพร่ฝ่า     จะถูกมารหลอกใช้หรือไม่
อาจารย์        คิดจะเผยแพร่ฝ่านั้นเป็นเรื่องดี  ไม่ผิด  แต่อย่าให้กระทบต่อการบำเพ็ญ  เรื่องเผยแพร่ฝ่านั้นกล่าวสำหรับศิษย์ต้าฝ่า         ที่จริงก็เป็นเรื่องที่สมควรไปทำ

ศิษย์         ในสังคมตะวันตกผู้คนค่อนข้างให้ความสำคัญกับความสวยงามน่าดูของฟัน   ในฐานะศิษย์ เราไปทำความสะอาดฟันได้ไหม                                                                  

อาจารย์        ทำก็ทำเถอะ   นี่ไม่นับเป็นเรื่องอะไร   ก็ถือว่าท่านอยากจะเสริมสวยแต่งตัว  นี่ล้วนเป็นเรื่องของคนธรรมดาสามัญ

ศิษย์      เมื่อองค์ศากยมุนีพุทธกับพระเยซูถ่ายทอดฝ่าช่วยคนนั้น  สรรพชีวิตของจักรวาลก็เบี่ยงเบนจากฝ่าแล้ว  เพราะอะไรในเวลานั้น จึงไม่มีการปรับฝ่าให้ถูกต้อง                                                                                              อาจารย์      พวกเขาเป็นเพียงพระยูไล   ดังนั้นเขาปรับฝ่าของจักรวาลไม่ได้   พวกเขาได้แต่ปรับฝ่าของตัวเอง

ศิษย์        เรียนถามท่านอาจารย์     แต่ละคนล้วนเคยผ่านการทดสอบเรื่องหยวนหมั่นด่านนี้แล้วใช่หรือไม่  คนที่ไม่ผ่านด่านนั้น   ต่อไปยังจะมีโอกาสอีกไหม                                                                                               อาจารย์         เรื่องนี้ข้าพเจ้าไม่สามารถพูดได้  ถ้าข้าพเจ้าบอกท่านว่ายังมี  ท่านก็เตรียมตัวรอ นั่นก็ไม่นับแล้ว  ถ้าข้าพเจ้าบอกท่านว่าล้วนสามารถหยวนหมั่นได้หมด  หยวนหมั่นแล้วเท่าไร  นี่ล้วนไม่อาจพูดได้

ศิษย์        ผมอาศัยอยู่ในอเมริกานานพอสมควรแล้ว  กล่าวสำหรับในประเทศ(จีน)มักจะมีใจชอบช่วยเหลือ   โดยเฉพาะเด็กนักเรียนที่ยากจน  ผมคิดว่านี่เป็นใจเวทนาสงสารอย่างหนึ่ง   หลังจากบำเพ็ญฝ่าหลุนต้าฝ่าแล้ว  สำหรับจิตใจชนิดนี้ที่มีการต่อสู้ดิ้นรน  ไม่ทราบว่าควรจะช่วยหรือไม่  ในใจมีการต่อสู้ที่รุนแรง  ไม่ทราบว่าจิตใจนี้เป็นฉิงของคนธรรมดาสามัญหรือว่าความเมตตาที่เลื่อนสูงขึ้น

อาจารย์       ต่อคนที่บ้านเกิด  มีความรู้สึกอย่างหนึ่งที่เป็นพี่น้องกัน นี่ไม่มีอะไรผิด   เห็นใครยากจนข้นแค้น ให้การช่วยเหลือก็ไม่มีอะไรผิด  แต่ที่ข้าพเจ้าพูดคือผู้บำเพ็ญควรต้องใช้พลังในการบำเพ็ญให้มาก      เพราะมีเรื่องหลายอย่างท่านมองไม่เห็นความเป็นมาของมัน  คนนั้นที่ท่านช่วยเหลือถ้าในอนาคตเป็นคนที่ทำลายต้าฝ่า แล้วจะทำอย่างไร  แน่ละถ้าผู้ที่ท่านจะช่วย หากในอนาคตล้วนศึกษาต้าฝ่า  ท่านย่อมจะมีบุญกุศลมากล้น   เพราะในอนาคตเขาจะตอบแทนความดีของท่าน  เรื่องใดๆล้วนต้องใช้มาตรฐานที่สูงของผู้บำเพ็ญคนหนึ่งมากำหนดตนเอง    บางคนพูดว่า ฉันสร้างวัดทำความดี  ที่จริงข้าพเจ้าว่า  องค์ศากยมุนีล้วนเคยตรัสว่าหลักธรรมที่เป็นความหมายมั่นนั้น  เหมือนมายาภาพที่จะอันตรธานไป   ถ้าไม่บำเพ็ญตนเองก็จะขึ้นไปไม่ได้ชั่วนิรันดร์    แม้นท่านสร้างวัดไว้ทั่วทั้งเมือง  ท่านก็สำเร็จเป็นพระพุทธไม่ได้    เพราะท่านไม่ได้บำเพ็ญ   พระพุทธนั้นยังจะพาเข้าประตูหลังหรือ  ดูซิท่านสร้างวัดให้ฉันมาก ท่านก็ขึ้นมาเถอะ นี่เป็นการใช้ใจของคนธรรมดาสามัญในการประเมินใช่ไหม  เป็นเรื่องอย่างนี้หรือไม่   ไม่ใช่  ใครที่ไม่บำเพ็ญก็จะทำไม่ได้    พูดในทางกลับกัน  บางทีวัดที่ท่านสร้างจะไม่มีพระพุทธ   พระพุทธก็ไม่ไป   ล้วนจะถูกจิ้งจอก พังพอน  งู เหล่านั้นครอบครองแล้ว   เช่นนั้นท่านก็ช่วยคนชั่วก่อกรรมทำเข็ญ  ท่านกลับทำเรื่องเลวแล้ว ถึงอย่างไรก็เป็นความสัมพันธ์ชนิดนี้ คนมองไม่ทะลุปรุโปร่ง พวกเราในฐานะผู้บำเพ็ญจึงต้องเข้าใจ

ศิษย์      หน้า ๗๒ ของ “ฝ่าหลุนต้าฝ่าอี้เจี่ย”(อธิบายความหมายของฝ่าหลุนต้าฝ่า) กล่าวไว้ว่า  “หากสามารถบำเพ็ญต่อได้จริงๆ  พูดว่าฉันยังสามารถจะบำเพ็ญ  ยังอยากจะบำเพ็ญ  นำกรรมของเพื่อนสนิทมิตรสหายมา  ท่านช่วยชำระให้  เปลี่ยนเป็นกุศล  แต่ถึงอย่างไรก็ยากมาก  เพราะมันกับซินซิ่งของคน กับ ความจุของใจคนนั้นเสริมซึ่งกันและกัน  ดังนั้นพอถึงก้าวไหนก็บรรจุเต็มแล้ว ใส่เข้าไปไม่ได้อีกแล้ว  มันมีปรากฏการณ์เช่นนี้   คนที่ทนทุกข์อีก  ก็อาจจะเปลี่ยนแย่ลงเนื่องจากความจุไม่พอ  จึงตกลงไป  บำเพ็ญสูญเปล่า”   เรียนถามท่านอาจารย์ว่า           ประโยคสุดท้ายนั้นจะเข้าใจได้อย่างไร
อาจารย์        นั่นเป็นการพูดตามหลักการของฝ่า  หากมีสภาพการณ์อย่างนี้จริงๆก็จะมีวิธีให้คนบำเพ็ญขึ้นมาได้     หากผู้บำเพ็ญคนหนึ่งพบด่านที่ใหญ่มากเกินไปและแบกรับไม่ไหว  เขาก็จะเดินไปสู่อีกสุดขั้วหนึ่ง   เมื่อคนธรรมดาสามัญคนหนึ่งวิจารณ์อีกคนหนึ่ง   เขาไม่อาจจะพูดมากจนเกินเลย  ถ้าเกินเลยไป เขาก็จะไม่ยอมรับ  และยังอาจจะเดินไปสู่อีกสุดขั้วหนึ่งได้ในทันที   นี่คือการจัดการปัญหาของคนธรรมดาสามัญคนหนึ่งที่ไม่เหมาะสม  การบำเพ็ญก็เช่นกัน  เมื่อบำเพ็ญถึงก้าวนั้น  หากเพิ่มความยากลำบากให้ท่านใหญ่จนเกินไป  ท่านก็จะอันตรายมาก  ในเวลาที่ข้ามด่านก็ไม่อาจจะบอกท่านได้    สามารถจะบอกท่านได้หรือ  ถ้าบอกว่านี่เป็นด่านให้ท่านข้าม  ท่านกำลังบำเพ็ญอยู่  ไม่อาจจะบอกท่านได้ นอกจากนี้คนๆ หนึ่งบำเพ็ญหยวนหมั่นแล้ว(เขา)ก็จะเปิดการรับรู้ในทันทีอย่างแน่นอน นี่เป็นเรื่องแน่นอน ถ้าหากท่านบำเพ็ญถึงตรงนั้นและเต็มแล้วและยังไม่ให้ท่านเปิดการรับรู้ ท่านได้บรรลุถึงขีดสุดแล้ว ยังไม่สามารถเปิดการรับรู้ เช่นนั้นก็จะกลายเป็นสิ้นหวังในทันที  การไม่มีความหวังก็จะทำให้คนเดินสู่อีกสุดขั้วหนึ่งในทันที           นั่นอันตรายมาก ก็คือความหมายนี้

ศิษย์     ผู้ฝึกที่ฝู่ซุ่นกับซีอานฝากสวัสดีท่านอาจารย์  
อาจารย์  ขอบใจทุกท่าน

ศิษย์       ญาติของผมที่บำเพ็ญฝ่าหลุนต้าฝ่าอยู่ในประเทศจีน  ซึ่งอยู่ในสภาวะที่มีการรบกวนจากภายนอกไม่สามารถฝึกพลังที่ศูนย์ฝึกได้  จึงฝึกอยู่ที่บ้าน  มีใจแน่วแน่ต่อการบำเพ็ญไม่เปลี่ยนแปลง   เรียนถามท่านอาจารย์นี่จะกระทบต่อการบำเพ็ญหยวนหมั่นของพวกเขาหรือไม่                                       อาจารย์        ใน“จ้วนฝ่าหลุน” ข้าพเจ้าได้พูดคำพูดนี้ไว้ตั้งนานแล้วว่า  อยู่ในบ้านหรือข้างนอกก็เหมือนกัน  แต่ทุกท่านอย่าได้สูญเสียเงื่อนไขที่สามารถจะยกระดับซึ่งกันและกันอย่างนี้ไป   ต้าฝ่าสามารถทำให้ผู้ฝึกเดินสู่การหยวนหมั่นได้  ผู้ฝึกก็ต้องประสานกลมกลืนเข้ากับต้าฝ่า

ศิษย์         ศิษย์จะมีโอกาสได้ฟังท่านอ่าน “หงอิ๋น”ด้วยตัวเองหรือไม่  สามารถจะใช้วิดีทัศน์........

อาจารย์        ในอนาคตเมื่อมีโอกาส ได้

ศิษย์         ท่านสอนชี้แนะเราว่าต้องดีต่อคน   ศิษย์หญิงต้องอ่อนโยน  แต่มักจะชักนำให้เพศตรงข้ามเข้าใจผิด   หรือจะปฏิบัติต่อเพศตรงข้ามเหมือนกับท่าทีแบบนั้นของคนธรรมดาสามัญ              อาจารย์      ถูกละ  การแสดงออกมาของเรานั้น ต้องพูดจาเหมือนกับผู้ชายอยู่เสมอด้วยหรือ   ผู้หญิงควรจะเหมือนอย่างผู้หญิง  ทำเรื่องอะไรให้เหมือนกับผู้หญิง  ข้าพเจ้าได้แต่บอกกับพวกท่านอย่างนี้    พูดถึงว่าชักนำให้เกิดความเข้าใจผิด  ถ้าทำตามปกติ จะไม่เป็น   การปฏิบัติตัว การเข้าสังคมอย่าได้ทำเกินเลย   ให้สุภาพเรียบร้อย     ก็จะไม่มีปัญหาแน่

ศิษย์        สามีของดิฉันเป็นคนอเมริกัน  หลังจากดิฉันได้ต้าฝ่า ก็แนะนำต้าฝ่าให้เขา  ในระหว่างที่เขาอ่านหนังสือ   ดิฉันเห็นฝ่าหลุนอยู่บนศีรษะเขา  แต่ทันใดนั้นในวันหนึ่งเขาก็ไปศึกษาโยคะ  อีกทั้งยังพูดว่าโยคะทำให้ร่างกายเขาแข็งแรง           แต่ละวันตอนค่ำแทบจะต้องการมี.........  
อาจารย์        มีบางเรื่องให้มองดูด้วยความสุขุม  ต้องดูที่ตนเองก่อน  ใช่ไหมว่าตนเองมีปัญหาที่ตรงไหน  ถ้าไม่ใช่เช่นนั้น ก็คือมารรบกวน  แต่ไม่ว่าจะเป็นการรบกวนก็ดี  หรือเราเองมีปัญหาก็ดี  กับสามีของตนนั้นต้องพูดด้วยเหตุผล  คนนั้นมีสติสัมปชัญญะ  พวกเราต้องรักษาซินซิ่งไว้  คนอื่นสามารถทำผิดได้  แต่เราไม่อาจจะทำผิด  ถ้าตนเองสามารถรักษาซินซิ่งไว้ได้  เมื่อผ่านไประยะหนึ่งเรื่องเหล่านี้ล้วนจะผ่านไป   ไม่นานนัก  สุดท้ายเขาย่อมจะเกิดการเปลี่ยนแปลงเนื่องจากการทะลวงระดับชั้นของการบำเพ็ญของเราเอง   รับรองว่าจะเป็นเช่นนี้ (เสียงปรบมือ)

ศิษย์     ความสัมพันธ์ระหว่างความต้องการของตนกับความไม่เห็นแก่ตัว
อาจารย์        อย่านำวิธีคิดของคนธรรมดาสามัญมาปนกับสภาวะของการบำเพ็ญ   ความต้องการของตนที่ท่านพูดนั้น เป็นไปได้มากว่า คือจิตยึดติดของคนธรรมดาสามัญ  ส่วนความไม่เห็นแก่ตัวแก่ตนคือข้อกำหนดของข้าพเจ้าต่อพวกท่านว่าจะต้องบรรลุให้ได้ในการบำเพ็ญ   ทว่าไม่ใช่บอกให้พวกท่านจงใจทำให้ได้   แต่ในการบำเพ็ญของพวกท่านนั้น  ถ้าไม่ไปมุมานะทำให้ถึงจุดนี้ เช่นนั้นก็ไม่ใช่การบำเพ็ญแล้ว  ก็คือท่านไม่อาจจะฝืนทำ  พอเริ่มต้นฉันก็ต้องทำให้ได้ว่าไม่เห็นแก่ตัว  ความไม่เห็นแก่ตัวเป็นอย่างไรฉันยังไม่รู้เลย   ดังนั้นทุกสิ่งล้วนจะสามารถรับรู้ได้ตามการยกระดับในการบำเพ็ญ      จึงจะสามารถทำได้

ศิษย์        สามีดิฉันฉีกหนังสือต้าฝ่า    เคยพูดคำที่ไม่เคารพต้าฝ่าหลายครั้ง   และยังทำเรื่องที่ไม่เคารพต้าฝ่าหลายครั้ง   ศิษย์ทรมานใจมาก  เขาไม่เคยอ่านหนังสือของต้าฝ่า                                                    อาจารย์       พวกเราที่นั่งอยู่ก็มี      เมื่อก่อนไม่เข้าใจต้าฝ่าก็เคยทำเรื่องอย่างนี้   ต่อมาเขาศึกษาฝ่าแล้ว   ลองดูว่า ใช่หรือไม่ว่าตนเองมีเหตุอะไรที่ก่อให้เกิดขึ้น   หรือว่าเป็นการรบกวนอย่างหนึ่งจริงๆ   แต่มีอยู่จุดหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการรบกวนหรือว่าเป็นสภาวะที่เกิดขึ้นระหว่างการบำเพ็ญ   ผู้ฝึกก็ต้องรักษาซินซิ่งเอาไว้  คนสามารถทำเรื่องชั่ว  ทำผิด  แต่พวกเราไม่อาจจะทำได้     ที่จริงคนทำอะไรไปแล้วก็ต้องชดใช้  ทำเรื่องให้ร้ายต้าฝ่า เป็นบาปหนักมาก

ศิษย์        บางทีการมุ่งมั่นฝึกพลัง  ศึกษาฝ่าของศิษย์ต้าฝ่า ทำให้คนรอบข้างไม่เข้าใจ  กระทั่งพอเห็นแล้วหยุดชะงัก            นี่ใช่ไหมว่าศิษย์ไม่ได้บำเพ็ญให้สอดคล้องกับสังคมคนธรรมดาสามัญมากที่สุด 
อาจารย์        นั่นก็ดูว่ามุ่งมั่นอย่างไร  ถ้าผู้ฝึกศึกษาฝ่า ฝึกพลังทั้งวันเป็นประจำ  เรื่องในบ้านก็ไม่ทำ  การงานก็ไม่ทำ  นั่นก็ใช้ไม่ได้   ยังมีอีก ถ้าในเวลาปกติที่พวกเราฝึกพลัง ทุกคนต่างใส่เสื้อสีเหลือง  เช่นนั้นคนธรรมดาสามัญก็จะรู้สึกว่าท่านเป็นศาสนา  ก็จะไม่กล้าก้าวเข้ามา  ถ้าในขณะที่พวกเราฝึกพลัง  ทุกท่านล้วนสวมเสื้อผ้าตามสบายอย่างในเวลาปกติ  เหมือนกับคนทั่วไป  พยายามให้เหมือนกับคนโดยรอบ  เช่นนั้นเป็นไปได้มากว่า จะมีคนมาร่วมฝึกพลัง มาได้ฝ่า

ศิษย์         มองเห็นเนื้อเยื่อคล้ายลูกโป่งที่โปร่งใสหมุนอยู่ตรงหน้าผม  เป็นเวลาสองปีแล้ว  ข้างในเนื้อเยื่อมีจุดดำๆมากมายเปลี่ยนแปลงอยู่  ไม่ทราบว่าจะเกี่ยวข้องกับเสวียนกวานหรือไม่  ขอเรียนเชิญท่านอาจารย์ชี้แนะด้วย  
อาจารย์         คงจะใช่กระมัง    สภาพการณ์รูปธรรมของแต่ละคนนั้นข้าพเจ้าล้วนไม่อยากจะพูดออกมา ซึ่งจะเป็นผลดีต่อการบำเพ็ญของท่าน

ศิษย์       ดิฉันมีหลานสาวลูกผสมอายุหนึ่งขวบคนหนึ่ง  ดิฉันดูแลเธอ ๒๔ ชั่วโมง   เวลาที่ดิฉันอ่านหนังสือ เธอมักจะอยากอยู่ใกล้ “จ้วนฝ่าหลุน”และรูปภาพอาจารย์     ไม่ทราบว่าจะเปิดเทปการบรรยายฝ่าของอาจารย์ให้เธอฟัง ช่วยให้เธอได้ฝ่าดีหรือไม่                                                                                              อาจารย์        ได้แน่นอน  ได้แน่นอน    ลูกของศิษย์ต้าฝ่า ไม่เหมือนกับลูกของคนธรรมดาสามัญ

ศิษย์     ผมขอเป็นตัวแทนกล่าวสวัสดีท่านอาจารย์แทนศิษย์ต้าฝ่าเขตไห่เตี้ยนเมืองเป่ยจิง                                อาจารย์            ขอบใจทุกท่าน(เสียงปรบมือ)

ศิษย์        ในการบำเพ็ญหากยิ่งขุดค้นและขจัดจิตยึดติดของตนเอง  ยิ่งสามารถรับรู้ถึงจิตยึดติดต่างๆที่มีอยู่และความชั่วรายต่างๆที่แฝงอยู่ในจิตยึดติดชนิดนี้  เรียนถามท่านอาจารย์ว่า ควรปฏิบัติต่อด้วยท่าทีอย่างไรดี
อาจารย์         นี่เป็นเรื่องปกติ  เมื่อผ่านการบำเพ็ญได้ระยะหนึ่ง  ล้วนจะมีความเข้าใจอย่างนี้  สิ่งเหล่านี้ที่ก่อเกิดขึ้นในสังคมคนธรรมดาสามัญ  คนธรรมดาสามัญแต่ละคนล้วนมีกันทั้งนั้น     แต่คนธรรมดาสามัญมองไม่เห็น   ส่วนพวกท่านสามารถมองเห็นเพราะจากการบำเพ็ญ ทำให้เหนือกว่าคนธรรมดาสามัญ  แต่ต้องมีความคิดที่จะผลักไสมันไป

ศิษย์       ในขณะที่แปล “ฝ่าหลุนของสายพุทธ  อินหยางของสายเต๋า  ทุกสิ่งในโลกทศทิศไม่มีอะไรที่ไม่สะท้อนอยู่ในฝ่าหลุน”  บางคนแปลฝ่าหลุนของสายพุทธว่า “ต๋ามาหลุน” (ธรรมจักร)    “ต๋ามาหลุน”กับฝ่าหลุนที่ตาฝ่าสอนนั้นมีอะไรต่างกันหรือไม่  ขอเชิญท่านอาจารย์ให้ความกระจ่าง  ในภาษาอังกฤษ คำว่า”ต๋ามา”นี้หมายถึง  ข้อปฏิบัติในพุทธศาสนา  อาจารย์เคยชี้ให้แล้ว  ฝ่าหลุนสองอันหน้าและอันหลังล้วนควรแปลตรงๆตามพินอิงของภาษาจีนว่าฝ่าหลุน

อาจารย์         ใช่ แปลตรงๆจะดีกว่า  เพราะคำศัพท์บางคำนั้นต้องแปลตรงๆ   มีบางภาษานั้นยากมากจริงๆที่จะสะท้อนความนัยที่แท้จริงของฝ่าหลุนออกมา   ดังนั้นจึงมีบางอย่างที่แปลไม่ได้  ข้าพเจ้าคิดว่าเป็นอย่างนี้    ไม่อาจใช้“ต๋ามาหลุน”    เนื่องจากความนัยไม่เหมือนกันเลย

ศิษย์          (๑) เมื่อต้นเดือนพอเห็นรายงานข่าวของหนังสือพิมพ์ซื่อเจี่ยรื่อเป้า  ที่ว่า “ส่งตัว.........” ในใจศิษย์รู้สึกไม่สบายใจจริงๆ  จึงยืนอยู่หน้าภาพอาจารย์หลั่งน้ำตาเพียงลำพังเสมอๆ  เกิดความคิดที่จะกลับไปประเทศรับทุกข์ภัยแทนอาจารย์
อาจารย์            จิตใจของทุกท่านนั้น   ข้าพเจ้าล้วนมองเห็น

ศิษย์        (๒) เรียนถามท่านอาจารย์นี่เป็นเพราะสิ่งที่อาจารย์ทำให้นั้นมากมายเหลือเกิน  ศิษย์จึงเป็นเช่นนี้  หรือว่าศิษย์กำลังใช้ใจคนมาปฏิบัติต่อทุกสิ่ง                                                                                                             อาจารย์             ไม่ใช่ล้วนไม่ใช่           ล้วนไม่ใช่.........ความคิดนี้เป็นธรรมชาติ(เสียงปรบมือ)

ศิษย์         สามีเสนอจะขอหย่า  แต่ดิฉันไม่เห็นด้วย จะเสียกุศลหรือไม่                                                             อาจารย์          คนอื่นทำอะไรท่านจะไม่สูญเสียกุศล    แต่เรื่องเหล่านี้ ตนเองต้องยึดกุมเอง  ไม่ว่าอย่างไร ตนเองต้องปฏิบัติตนเป็นผู้ฝึกพลัง  เป็นผู้บำเพ็ญ     การหย่าร้างมักไม่ใช่เรื่องดี   แต่มักเกลี้ยกล่อมคู่กรณีได้ยาก  เรื่องจึงจัดการลำบาก   แต่ไม่ว่าสภาพการณ์ใด ล้วนมีได้ทั้งนั้น  ในนั้นไม่อาจตัดเรื่องที่ต้องละทิ้งจิตอะไรไป   ไม่ว่าจะอย่างไรพวกเราเองล้วนต้องทำให้ดี

ศิษย์        ศิษย์ไม่ได้จัดการเรื่องการเรียนและการใช้ชีวิตของคนธรรมดาสามัญให้ดี   สมมติว่าหย่าร้าง ใช่ไหมว่าเป็นเรื่องสุดวิสัย  ดิฉันพยายามศึกษาฝ่าแต่ไม่อาจทะลวงไปได้  ดิฉันสามารถปล่อยวางฉิงนี้ไปยอมรับมัน   ถือว่าสอดคล้องกับมาตรฐานของผู้บำเพ็ญหรือไม่
อาจารย์        ข้าพเจ้าได้แต่บอกท่านให้ทำไปตามมาตรฐานของผู้บำเพ็ญ        มีหลายคนปล่อยวางในด้านนี้ไม่ได้  ข้าพเจ้าทราบว่ามีผู้ฝึกบางคนก็เคยมีเรื่องอย่างนี้  หย่าร้าง  จะแนะนำอย่างไรก็ไม่ได้  จะอยู่ด้วยกันต่อไปก็ไม่ได้  เช่นนั้นก็หย่ากันเถิด  เมื่อคู่กรณีเห็นว่าจะเอาจริง และไม่ก่อเรื่องวุ่นวายแล้ว  ในใจผู้ฝึกสามารถปล่อยวางได้จริงแล้ว  ไม่ใช่ทะเลาะด้วยอารมณ์  และคู่กรณีก็ไม่หย่าแล้ว  ตรงกันข้ามกลับพูดว่า เธออยากฝึกก็ฝึกเถอะ  ก็มีเรื่องอย่างนี้เช่นกัน  แต่ไม่ใช่ว่าล้วนเป็นอย่างนี้ทั้งหมด    พวกเราบางคนก็มีที่หย่ารางจริงๆ  ดังนั้นข้าพเจ้าจึงไม่อาจจะบอกท่านอย่างนี้   ข้าพเจ้าได้แต่บอกท่านว่าให้ทำไปตามมาตรฐานของผู้บำเพ็ญ   เมื่อพวกเราตัวเองทำได้ดีแล้ว        ลองดูว่าสถานการณ์จะพัฒนาไปอย่างไร

ศิษย์        ขณะที่ผมฝึกพลังอยู่ที่อู่ฮั่น  ผู้ช่วยฝึกสอนของศูนย์ฝึกพลังของเราพูดว่า  พี่สาวของผมเป็นผู้ฝึกเก่า  แต่ตลอดมาเธอไม่เคยข้ามด่านกามารมณ์  ผมจึงเข้าใจว่าเธอไม่ใช่ผู้บำเพ็ญที่แท้จริง   นี่เป็นความเข้าใจของผมเอง     ความเข้าใจอย่างนี้ถูกหรือไม่
อาจารย์        ข้าพเจ้าคิดว่านั่นแล้วแต่ว่าจะมองอย่างไร   ถ้าเป็นเรื่องระหว่างสามีภรรยาท่านก็ไม่อาจมองอย่างนี้   เพราะข้าพเจ้าก็บอกทุกท่านว่าต้องบำเพ็ญโดยสอดคล้องกับคนธรรมดาสามัญมากที่สุด  ระหว่างสามีภรรยานั้น อย่าเป็นเพราะพวกท่านบำเพ็ญแล้วก็กระทบต่อการใช้ชีวิตของครอบครัว  พวกเราบำเพ็ญอยู่ในสังคมคนธรรมดาสามัญ  พยายามบำเพ็ญให้สอดคล้องกับคนธรรมดาสามัญให้มากที่สุด  ถ้าไม่ใช่ระหว่างสามีภรรยา  เช่นนั้นกล่าวสำหรับผู้ฝึกคนหนึ่ง นี่ก็จะเป็นปัญหามากทีเดียว

ศิษย์        ผมเป็นนักวาดภาพ  ปัจจุบันมีงานประจำอย่างหนึ่ง  นอกเวลางานบางครั้งในใจคิดจะวาดสิ่งที่อยากวาด  แต่เกรงว่าจะเสียเวลาของการศึกษาฝ่า  ดังนั้นจึงยับยั้งความคิดนี้อยู่เสมอ   และคนในครอบครัว และเพื่อนล้วนคิดว่าหลังจากผมศึกษาฝ่าหลุนกงแล้วก็ไม่แสวงหาความก้าวหน้าอีก  ละทิ้งเป้าหมายเดิมของตนเอง  ผมควรจะปล่อยให้เป็นธรรมชาติ ให้สอดคล้องกับสังคมคนธรรมดาสามัญหรือไม่    วาดสิ่งที่ในใจคิดจะวาดออกมา

อาจารย์         ในนี้ข้าพเจ้าจะพูดกับท่านโดยแยกเป็นสองประเด็น     หนึ่งคือท่านไม่ได้จัดความสัมพันธ์ให้ถูกต้องระหว่างการงานของท่านกับการศึกษาฝ่า  ถ้าท่านจัดวางได้ดีจะไม่กระทบต่อการวาดภาพของท่าน  จะไม่กระทบต่องานสร้างสรรค์ของท่าน  พวกเราแต่ละคนต่างมีการงาน   แต่ละคนต่างเป็นส่วนหนึ่งของสังคม  และหลายคนจัดความสัมพันธ์ได้ดีมาก   และเมื่อครู่ข้าพเจ้ายังเพิ่งพูดกับนักข่าว   (นักข่าวถามว่า)หลังจากศึกษาฝ่าแล้ว  เขาไม่ยึดติดอะไรแล้วจะวาดให้ดีได้อย่างไรกัน   สติปัญญาของคนธรรมดาสามัญนั้นมีจำกัด   คิดจนแทบล้มประดาตาย   กินไม่ได้ นอนไม่หลับ  ไปครุ่นคิดมัน  วางเค้าโครง  สร้างผลงาน วาดออกมาแล้ว  ยังไม่แน่ว่าจะดี   เช่นนั้นผู้บำเพ็ญคนหนึ่ง  ซึ่งการวาดภาพเป็นวิชาชีพเฉพาะของตน  ก็คืออาชีพนี้  เช่นนั้นจึงควรทำงานนี้ของตนให้ดี  เช่นนั้นในการบำเพ็ญ เขตแดนความคิดของท่านก็จะเลื่อนสูงขึ้นตามการบำเพ็ญของท่าน   เค้าโครงอะไรที่อยู่สูงกว่าเขตแดนความคิดของคนธรรมดาสามัญนั้น ยังจะต้องให้ท่านไปสิ้นเปลืองกำลังสมองคิดด้วยหรือ   ทุกสิ่งที่ท่านอยากวาด  วิธีการแสดงออก   ความสำเร็จทางศิลปะของท่านจะต้องเหนือกว่าคนธรรมดาสามัญ  เป็นความสัมพันธ์อย่างนี้ใช่หรือไม่  แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม   การวาดภาพนั้นต้องใช้เวลา  เรื่องนี้ข้าพเจ้าทราบ  นี่ก็สามารถจะจัดวางให้เหมาะสมได้  แต่ละวันฉันศึกษาฝ่ามากแค่ไหน  ฝึกพลังมากแค่ไหน  จากนั้นเวลานอกเหนือจากนี้ก็ทำงาน    ก็จบแล้ว นี่ไม่กระทบ

ยังมีอีกนะ  ตรงนี้ท่านพูดถึงเรื่องหนึ่ง  นักวาดภาพนั้นบางครั้งพูดถึง แรงบันดาลใจ  พอแรงบันดาลใจมาแล้ว  เขาก็จะมีอารมณ์พลุ่งพล่านไปวาด  วาดอะไรหรือ     นั่นก็จะดูว่า  สิ่งที่เข้ามาในความคิดที่คิดจะสร้างผลงานของท่านเองนั้นคืออะไร  ถ้าไม่สอดคล้องกับมาตรฐานของผู้บำเพ็ญ  แน่ละพวกเราล้วนไม่อาจจะวาดได้   ในฐานะผู้บำเพ็ญที่อยู่ในสังคมคนธรรมดาสามัญ ท่านต้องบำเพ็ญโดยสอดคล้องกับคนธรรมดาสามัญให้มากที่สุด  แต่มีบางอย่างที่ไม่สอดคล้องแม้กระทั่งกับศีลธรรมของคนธรรมดาสามัญแล้ว   เช่นนั้นพวกเราจึงไม่อาจจะวาดได้   นั่นก็คือการก่อกรรมใช่ไหม  ทำเรื่องไม่ดี  สิ่งที่ท่านวาดยังจะต้องให้คนอื่นดูนะ  ถ้าพวกเราวาดสิ่งที่ดีงามอย่างแท้จริงออกมา  เช่นนั้นท่านก็ไปวาด

คำถามทั้งหมดตอบให้หมดแล้ว การตอบปัญหาของข้าพเจ้าให้กับทุกท่านในวันนี้ ก็สิ้นสุดที่ตรงนี้  ขอบใจทุกท่าน (เสียงปรบมือยาวนาน)

ในสภาพแวดล้อมที่ยากลำบากใดๆ  ทุกท่านล้วนมีใจมั่นคง  การไม่หวั่นไหวแม้แต่น้อยสามารถยับยั้งการหวั่นไหวนับหมื่นได้  (เสียงปรบมือกึกก้อง)