การบรรยายฝ่าทางภาคตะวันออกของอเมริกา

 

หลี่ หง จื้อ

27-28  มีนาคม ค.ศ. 1999  นิวยอร์ก

 

เดิมทีฝ่าฮุ่ยครั้งนี้เป็นการประชุมเพื่อศึกษา          และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ครั้งหนึ่งของกลุ่มศิษย์ต้าฝ่าทางชายฝั่งตะวันออกของอเมริกา  แต่มองจากสถานการณ์ในขณะนี้  พวกเราที่นั่งอยู่นี้ยังมีอีกหลายคนที่มาจากประเทศหรือพื้นที่อื่น  ทุกท่านอาจคาดคิดได้ว่าอาจารย์อาจจะมายังที่ประชุม  ที่นี่ ข้าพเจ้าขอบอกกล่าวไว้ก่อน  ต่อไปพื้นที่ใดมีการเปิดประชุมแลกเปลี่ยนประสบการณ์อีก ข้าพเจ้าก็อาจจะไม่ไป  เช่นนี้ท่านก็จะได้ไม่ต้องเดินทางเสียเที่ยว  เนื่องจากแต่ละแห่งทั่วโลกจะมีการประชุมแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันแทบทุกสัปดาห์  ข้าพเจ้าไม่อาจไปร่วมได้ทั้งหมด  จุดนี้ข้าพเจ้าขอบอกทุกท่านเอาไว้เสียก่อน

ยังมี  ก็คือการประชุมใหญ่ครั้งนี้พวกเราจัดทำได้ค่อนข้างดี  มีผู้ฝึกหลายคนทำงานมากมายอย่างเงียบๆ  ออกแรงมากมายเพื่อการประชุมใหญ่ครั้งนี้  ตรงนี้ข้าพเจ้าขอบใจผู้ฝึกเหล่านี้แทนทุกท่าน  ที่มอบสภาพแวดล้อมอย่างนี้ให้กับพวกเรา  ในขณะเดียวกันการประชุมใหญ่ครั้งนี้พวกเราก็ต้องจัดให้ดี  การประชุมของต้าฝ่าไม่อาจทำอย่างพอเป็นพิธี  จะต้องให้มันสามารถทำให้ตนเองยกระดับได้อย่างแท้จริง  ค้นพบความบกพร่องของตนเอง  จัดให้เป็นการประชุมใหญ่ที่สามารถกระตุ้นให้ทุกท่านยกระดับสำเร็จสมบูรณ์ได้อย่างแท้จริง  ไม่ทำให้ผู้ฝึกเหล่านี้ที่อุทิศตัวทำงานให้กับการประชุมใหญ่ต้องผิดหวัง  และสามารถทำให้การประชุมใหญ่ของพวกเราสำแดงผลได้อย่างเต็มที่  การเปิดประชุมแต่ละแห่งก็ต้องเป็นอย่างนี้  จะต้องทำให้การประชุมใหญ่อย่างนี้สามารถทำให้ทุกท่านบำเพ็ญยกระดับและได้ประโยชน์อย่างแท้จริง  ไม่ทำแบบพอเป็นพิธี

การบำเพ็ญไม่อาจดูว่ามีคนจำนวนเท่าไร  ข้าพเจ้าเคยพูดว่า ข้าพเจ้าไม่ใส่ใจว่าคนจะมากหรือน้อย  ไหนเลยจะเกรงว่ามีคนที่บำเพ็ญเพียงร้อยละหนึ่ง  เช่นนั้นเรื่องของข้าพเจ้าก็ไม่ได้ทำโดยสูญเปล่า  ยิ่งไปกว่านั้นพวกเรายังมีคนตั้งมากมายนะ  ทุกท่านต่างกำลังบำเพ็ญและมีขอบเขตการยกระดับที่ใหญ่มาก  ล้วนกำลังยกระดับขึ้น อย่างรวดเร็ว ทุกท่านก็ก้าวหน้ามาก  จุดนี้ข้าพเจ้าก็มองเห็นแล้ว  ในขณะนี้ต้าฝ่าในโลกยิ่งเป็นที่รู้จักของคนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ  คนที่ศึกษาต้าฝ่ายิ่งจะมากขึ้นเรื่อยๆ  เช่นนั้น  ก็จะนำมาซึ่งปัญหาบางประการอย่างสัมพันธ์กัน ก็คือเมื่อแรกเริ่มที่พวกท่านรับรู้ฝ่านี้  ทุกท่านอาจจะมีข้อสงสัยมากมาย  จะมีปัญหาที่รับรู้ได้ไม่ดีพอสะท้อนออกมา  ข้าพเจ้าคิดว่าผู้ฝึกใหม่เหล่านี้ที่กำลังนั่งอยู่  ไม่ว่าท่านจะเป็นชนชาติใด ประเทศใด  ในเวลาที่ศึกษาฝ่า หากท่านอ่านหนังสืออย่างต่อเนื่อง  เช่นนี้จึงจะแก้ไขข้อสงสัยในใจท่านเองได้  ในการประชุมแต่ละครั้งข้าพเจ้าก็พูดว่า  ในเวลาที่ทุกท่านบำเพ็ญอยู่นั้นต้องอ่านหนังสือซ้ำแล้วซ้ำอีก  เหตุใดข้าพเจ้าจึงพูดซ้ำอีกเช่นนี้  เนื่องจากทุกวันจะมีคนใหม่มาศึกษาต้าฝ่า  ดังนั้นคำพูดเหล่านี้ ต่อไปยังจะต้องพูดอีก  ก็คือว่า ข้าพเจ้าถ่ายทอดฝ่านี้ออกมา  เป้าหมายคือต้องการทำให้คนสามารถบำเพ็ญ  ทำให้คนสามารถยกระดับ  จุดนี้แน่นอน ไม่มีอะไรสงสัย  ในทางปฏิบัติก็พิสูจน์แล้วว่าสามารถบรรลุถึงจุดนี้ได้ 

              แต่ว่า ทุกท่านต่างทราบว่า  กายเนื้อนี้ของข้าพเจ้าในโลกก็คือคนๆหนึ่งอย่างนี้  หากข้าพเจ้าล้วนต้องไปบอกผู้ฝึกแต่ละคนว่าท่านจะบำเพ็ญอย่างไร  ทุกท่านทราบว่านี่ก็ยากจะทำได้  เพราะมีคนนับร้อยล้านกำลังศึกษาอยู่ใช่ไหม   ในอนาคตยังจะมีมากยิ่งๆขึ้น  ในเมื่อต้าฝ่านี้ได้ถ่ายทอดออกมาแล้ว  ข้าพเจ้าก็ไม่สามารถไปบอก ไปสอนท่านแต่ละคน ตัวต่อตัวในโลก  ข้าพเจ้ายังต้องการให้ท่านยกระดับ  สามารถทำให้ท่านยกระดับขึ้นมาได้อย่างแท้จริง  กระทั่งบรรลุถึงระดับการสำเร็จสมบูรณ์  ฉะนั้นหากข้าพเจ้าทำได้ไม่ถึงจุดนี้  ข้าพเจ้ามิใช่กำลังหลอกทุกท่านหรอกหรือ แต่ในทางปฏิบัติได้พิสูจน์แล้ว ทุกท่านไม่เพียงบำเพ็ญขึ้นมากันแล้ว  และยังบำเพ็ญได้ดีมาก  นี่ก็พิสูจน์ว่าข้าพเจ้าสามารถรับผิดชอบต่อทุกท่าน  คำพูดที่ข้าพเจ้าพูดออกมานั้นคือยิงลูกศรเข้าเป้า (ไม่ใช่พูดลอยๆ ไม่มีหลักเกณฑ์)  เมื่อครู่ข้าพเจ้าพูดแล้วว่า ผู้ฝึกมากมายอย่างนั้น ข้าพเจ้าไม่สามารถพบหน้าท่านได้ ไม่สามารถจูงมือสอนท่านด้วยตนเอง แต่ท่านเพียงไปอ่าน“จ้วนฝ่าหลุน” จากหนังสือเล่มนี้ท่านสามารถได้รับทุกสิ่งที่สมควรได้รับ (เสียงปรบมือ) ทุกท่านทราบว่าหนังสือเล่มนี้เขาไม่ใช่หนังสือทั่วไป  เขาคือฝ่า  สังคมมนุษย์เราก็มีกฎหมายที่ไม่เหมือนกัน และมีทฤษฎีที่ต่างกัน  และมีหลักคำสอนที่ต่างกัน  แต่ข้าพเจ้าขอบอกท่านนั่นล้วนเป็นของๆคน  เป็นของๆสังคมคนธรรมดาสามัญในระดับชั้นนี้   แต่ที่ข้าพเจ้าสอนท่านในวันนี้ทั้งหมดนั้น  แตกต่างลิบลับกับบรรดาคตินิยมและหลักธรรมของคนธรรมดาสามัญทั้งหมดที่มีอยู่ในสังคมมนุษย์  เช่นนั้น แม้ว่าจะเป็นของอย่างนี้  แน่ละเขาก็มีความยิ่งใหญ่ของเขา  มีความนัยที่มหัศจรรย์อยู่ข้างใน  และก็พูดได้ว่า หากท่านคิดจะบำเพ็ญ  ฝ่าชุดนี้ก็สามารถจะชี้นำให้ท่านยกระดับขึ้นมาได้  หนังสือเล่มนี้หากมองที่ชั้นผิวล้วนเป็นตัวอักษรสีดำบนกระดาษขาว  ไม่ต่างอะไรกับหนังสือธรรมดาทั่วไป  แต่ตาของคนนั้นได้แต่จำกัดอยู่ในมิตินี้ของสังคมคนธรรมดาสามัญในการรับรู้ปัญหา  หากพ้นไปจากขอบเขตนี้คนก็มองไม่เห็นแล้ว  วิทยาศาสตร์ปัจจุบันก็พัฒนาไปไม่ถึงก้าวนั้น  และไม่สามารถจะรับรู้ได้  แต่ในมิติอื่น  ในเขตแดนที่สูงล้ำยิ่งขึ้นซึ่งมนุษย์เราไม่สามารถรับรู้ได้  ยังมีสภาพแวดล้อมที่ต่างกันคงอยู่ และมิติที่ชีวิตเหล่านั้นอาศัยอยู่  หรือพูดว่า อยู่ในมิตินี้ของคนมองดู  เขาคือหนังสือเล่มหนึ่ง แต่เมื่ออยู่ในมิติอื่นมองดูก็จะไม่ใช่เช่นนี้แล้ว  เขาเป็นหลักธรรมของสวรรค์ชุดหนึ่ง  ที่นี่ข้าพเจ้าไม่ใช่จะพูดว่าข้าพเจ้าหลี่ หง จื้อ ยิ่งใหญ่เพียงไร  ข้าพเจ้ามักพูดกับทุกท่านเสมอว่า ข้าพเจ้าก็คือคนๆหนึ่ง  ท่านสามารถจะไม่ถือว่าข้าพเจ้ายิ่งใหญ่แค่ไหน   เนื่องจากที่ข้าพเจ้าสอนท่านคือฝ่าชุดนี้  สามารถทำให้ทุกท่านก้าวมาบำเพ็ญร่วมกันได้  สามารถทำให้ทุกท่านยกระดับขึ้นมา  สามารถรับรู้ฝ่าชุดนี้  

             เนื่องจากมีผู้ฝึกมากมายไม่อาจพบหน้าข้าพเจ้า  ข้าพเจ้าจึงพูดเสมอว่า “ให้ถือฝ่าเป็นอาจารย์” ฝ่าชุดนี้เขาสามารถชี้นำทุกสิ่งในการบำเพ็ญของท่านได้  เบื้องหลังตัวอักษรสีดำบนกระดาษขาวนั้นมีพระพุทธ  เต๋า เทพ จำนวนนับไม่ถ้วนอยู่  ในเวลาที่ท่านอ่านหนังสืออยู่  หากท่านคิดจะยกระดับ  คิดจะบรรลุถึงเขตแดนอะไร  พูดว่าเขตแดนของท่านควรอยู่ในระดับชั้นไหน  เทพที่อยู่ข้างหลังตัวอักษรแต่ละตัว ล้วนจะให้ท่านเข้าใจความนัยที่แท้จริงของระดับชั้นที่ต่างกันที่อยู่ข้างหลังตัวอักษรตัวนั้น  นี่ก็คือในขณะที่ทุกท่านอ่านหนังสือซ้ำไปมาอยู่ เหตุใดตัวอักษรแถวเดียวกันที่พวกท่านอ่านกี่รอบจึงมีการรับรู้ที่ต่างกัน พวกเราที่นั่งอยู่ซึ่งอ่านไปนับร้อยรอบแล้วก็มีจำนวนไม่น้อย  ผู้ฝึกต้าฝ่านับร้อยล้านคนที่อ่านหนังสือนี้ไปร่วมร้อยรอบก็มีจำนวนไม่น้อยแล้ว ทุกท่านก็ยังคงอ่านอยู่  ทุกท่านวางฝ่าชุดนี้ไม่ลงแล้ว  เพราะพวกท่านยิ่งอ่าน ของที่อยู่ข้างในก็ยิ่งมาก ยิ่งอ่านก็ยิ่งเข้าใจมาก  ห่างไกลกันลิบลับกับสิ่งต่างๆที่มนุษย์สามารถรับรู้ได้ รวมทั้งสิ่งต่างๆที่วิทยาศาสตร์ปัจจุบันสามารถรับรู้ได้  ดังนั้นพวกท่านจึงสามารถยกระดับขึ้นมา  แน่ละ ฝ่าสามารถชี้นำท่านให้ยกระดับ  ชี้นำท่านบำเพ็ญ   และสามารถช่วยท่านทำเรื่องต่างๆมากมาย  แต่ว่า ข้าพเจ้าขอบอกทุกท่าน การบำเพ็ญของท่านเองจึงจะเป็นเรื่องสำคัญ  ถ้าคนๆหนึ่งไม่มีใจดวงนั้นที่จะบำเพ็ญ  นั่นก็ไม่มีอะไรที่จะพูดได้ ท่านต้องมีจิตอันแน่วแน่ที่จะบำเพ็ญ   โดยผ่านการศึกษาฝ่า  ท่านก็จะค่อยๆเข้าใจเหตุผลเหล่านี้  และจะทำให้ใจของท่านค่อยๆแน่วแน่ขึ้นมา  ท่านอย่ากลัวว่าจะมีปัญหา   ข้าพเจ้าจะชอบใจมากเมื่อพวกท่านสามารถมองเห็นปัญหา  ท่านที่มีปัญหามากมายที่แก้ไขไม่ได้และคิดจะถาม  ที่จริงในท่ามกลางการบำเพ็ญของพวกท่านเมื่อท่านอ่านหนังสืออยู่เสมอ ก็ล้วนจะสามารถให้คำตอบแก่พวกท่าน  ผู้ฝึกเก่ามากมายต่างก็ทราบ  รอบแรกที่อ่านหนังสือจะมีปัญหาหลายอย่าง “ ทำไม ทำไม”  กระทั่งมีความคิดมากมายล้วนอยู่ในขั้นตอนของการรับรู้ช่วงแรก    สิ่งเหล่านี้จะเป็นจริงไหม  ท่านจะมีความคิดอย่างนี้ได้  แต่เมื่อท่านอ่านรอบที่สอง ความคิดกับคำถามเหล่านี้ทั้งหมดที่ท่านมีอยู่จะได้รับคำตอบ  เมื่อท่านอ่านรอบที่สองก็จะเกิดคำถามใหม่ขึ้นอีก  แต่ขณะที่ท่านอ่านรอบที่สามเขาก็จะมีคำตอบให้ท่านได้อีก  ก็คือขั้นตอนที่ค่อยๆก้าวหน้าไปอย่างนี้  ดูไปแล้วก็ธรรมดามาก  ที่จริงข้าพเจ้าขอบอกทุกท่าน นี่ก็คือการบำเพ็ญ  เนื่องจากการอ่านแต่ละรอบนั้นท่านก็อยู่ในระหว่างการยกระดับแล้ว 

ทุกท่านทราบปัจจุบันมีคนนับร้อยล้านที่ได้ฝ่า  การถ่ายทอดฝ่าที่ถูกต้องในอดีตล้วนไม่บรรลุถึงจำนวนคนที่มากมายอย่างนี้  แน่ละ จำนวนคนที่ข้าพเจ้าจะช่วยนั้นยังจะมากขึ้นไปอีก เนื่องจากพวกท่านผู้ฝึกเก่าล้วนทราบว่า ขณะนี้อยู่ในช่วงสถานการณ์พิเศษของประวัติศาสตร์ จึงถ่ายทอดฝ่าที่ใหญ่อย่างนี้  ดังนั้นในระหว่างการบำเพ็ญของพวกท่านจะต้องอ่านหนังสือให้มาก  นี่คือก้าวสำคัญของการยกระดับของพวกท่าน  จำเป็นต้องทำเช่นนี้  สิ่งที่คนสัมผัสอยู่ในสังคมคนธรรมดาสามัญล้วนเป็นสภาพความเป็นจริงของสังคมคนธรรมดาสามัญ    ถ้าทุกท่านไม่ฉกฉวยเวลาไปอ่านหนังสือ  เช่นนั้นความคิดนี้ที่จะบำเพ็ญของท่านก็จะเจือจางลง  จิตที่จะบำเพ็ญของท่านนี้จะเจือจางลง  ก็จะทำให้การบำเพ็ญของท่านไม่ก้าวหน้าเท่าไรแล้ว  กระทั่งละทิ้งไป  นี่ล้วนเป็นไปได้ทั้งสิ้น แต่ข้าพเจ้ามักพูดเสมอว่า  คนก็ได้ฝ่าแล้ว  ช่างไม่ง่ายเลย  หากท่านไม่เห็นคุณค่าก็น่าเสียดายเหลือเกิน  เพราะนี่เป็นเรื่องที่แต่ไหนแต่ไรมาตั้งแต่เริ่มต้นในประวัติศาสตร์นับพันนับหมื่นปีก็ไม่เคยมีมาก่อน    ในอดีตจะนำฝ่าที่แท้จริงของจักรวาลออกมาบอกกับคนได้อย่างไรละ   นี่เป็นไปไม่ได้เลย

                ข้าพเจ้าบอกแล้วว่า นี่อยู่ในช่วงพิเศษของประวัติศาสตร์ ข้าพเจ้าจึงพูด สังคมมนุษย์ในอนาคตจะมีการเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่หลวงมาก  จักรวาลจะมีปรากฏการณ์พิเศษมากมายปรากฏออกมา  วิทยาศาสตร์ในปัจจุบันได้พบแล้วว่า มีดวงดาวใหม่เกิดขึ้นไม่หยุดหย่อนกับการระเบิดของดวงดาวเก่า  หนังสือพิมพ์ปัจจุบันก็ลงข่าวอย่างต่อเนื่องใช่ไหม  เดิมทีสถานที่นี้ไม่ได้ค้นพบอะไร แต่กลับมีระบบดวงดาวเพิ่มขึ้นหนึ่งระบบ ดวงดาวเก่ามากมายกำลังสลายตัวไป  ดวงดาวใหม่มากมายกำลังปรากฏขึ้น  นี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในร่างนภาที่ห่างไกล  มันจะค่อยๆเข้าใกล้ขอบเขตของมิตินี้ที่ตาเนื้อของเราสามารถมองเห็นได้มากขึ้นเรื่อยๆ  ทัศนียภาพเหล่านี้ล้วนจะปรากฏขึ้นอย่างช้าๆ    แน่ละเรื่องเหล่านี้ที่ข้าพเจ้าพูด  คือจะบอกทุกท่าน ข้าพเจ้าอยู่ในสภาพแวดล้อมหนึ่งของประวัติศาสตร์ที่พิเศษจึงถ่ายทอดฝ่านี้  ดังนั้นทุกท่านต้องเห็นคุณค่าของเขา  หากท่านไม่ไปศึกษาฝ่า  แน่ละก็จะไม่ทราบความล้ำค่าของเขา  หากท่านสามารถไปศึกษาฝ่า ท่านยิ่งศึกษาก็จะยิ่งทราบความล้ำค่าของเขา

            ศาสนาทั้งหมดที่มีอยู่ในสังคมมนุษย์ล้วนผ่านช่วงเวลาประมาณพันกว่าปีหรือราวหนึ่งพันปี  ในช่วงเวลาอันยาวนาน  พวกมันทั้งหมดได้สูญเสียสิ่งที่เป็นธาตุแท้ที่สุด แก่นแท้ที่สุดของศาสนา หรือพูดว่า มันไม่สามารถบรรลุเป้าหมายในการทำให้คนคืนกลับขึ้นไปสู่สวรรค์ โดยการเลื่อนระดับสู่มาตรฐานของการสำเร็จสมบูรณ์ได้แล้ว  ก็คือในปัจจุบันมันไม่สามารถบังเกิดผลเช่นนี้ได้แล้ว  ผู้คนเพียงแต่ดำรงชีวิตไปตามจินตนาการของตนเอง  ดังนั้นข้าพเจ้าจึงเลือกถ่ายทอดฝ่าในเวลานี้  ทุกท่านต้องรู้ว่า ในเวลาที่ข้าพเจ้าถ่ายทอดฝ่านี้  หากบรรลุตามเป้าหมายไม่ได้  ก็จะเกิดปัญหาสืบเนื่องอันหนึ่งที่น่ากลัวมาก ตลอดมาข้าพเจ้าไม่เคยพูดกับพวกท่าน ก่อนที่จะพูดถึงปัญหานี้  ข้าพเจ้าจะพูดถึงปัญหาหนึ่งในสังคม  ทุกท่านทราบว่าสังคมมนุษย์ โดยเฉพาะในระยะหนึ่งถึงสองพันปีที่ผ่านมา  มีหลักคำสอนชนิดต่างๆมากมาย ทั้งที่ดี และชั่ว หรือเป็นกลางๆ  รวมทั้งหลักคำสอนในศาสนาต่างๆ  โดยเฉพาะศาสนาใหญ่ๆที่ถูกต้องกี่ศาสนา  ในระยะเริ่มแรกล้วนมีเป้าหมายอยากจะเปลี่ยนคนให้เป็นคนดี  ผดุงรักษามาตรฐานทางศีลธรรมของสังคมมนุษย์อย่างได้ผล  ในขณะเดียวกันก็ทำให้คนเหล่านั้นที่เปลี่ยนเป็นคนที่ดียิ่งขึ้นได้รับการยกระดับชั้น  จนหวนคืนไปสู่สวรรค์ของพวกเขา  แต่ในช่วงเวลาอันยาวนาน คำสอนเหล่านี้ก็ค่อยๆถูกทัศนคติของคนปัจจุบันเจือจางลงไปแล้ว  ผู้คนก็ยิ่งไม่สามารถยอมรับได้  และไม่เชื่อมันมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆแล้ว  ถือการไปโบสถ์ทำพิธีวันอาทิตย์เป็นกิจกรรมด้านวัฒนธรรมชนิดหนึ่ง  หาได้คิดที่จะไปปฏิบัติตามสิ่งที่พระเยซู  หรือพระแม่มารี หรือพระยะโฮวาสอน  เมื่อบรรลุถึงจุดนี้ไม่ได้ ท่านก็ไปสวรรค์ไม่ได้   เมื่อไม่อาจทำตามข้อกำหนดของพระพุทธได้  ท่านก็ไปสวรรค์ไม่ได้  บางคนพูดว่าฉันกำลังทำตามที่เขาสอน  ที่แท้แล้วท่านล้วนไม่ทราบว่า ท่านจะทำตามที่เขาสอนได้อย่างไร  นี่คือสิ่งที่ข้าพเจ้าพูดว่าสาเหตุที่แท้จริงประการหนึ่งที่ไม่สามารถบำเพ็ญในศาสนา   ไม่อาจทำให้ท่านหวนคืนกลับได้ 

             เช่นนั้นในวันนี้  เมื่อข้าพเจ้าถ่ายทอดฝ่าที่ใหญ่อย่างนี้  สามารถสั่นสะเทือนจิตใจของคนทั้งหมด  ท่านเพียงไปอ่านหนังสือ  ท่านก็จะทราบว่าเขาเป็นหนังสือที่ดี  เพียงท่านไปอ่านหนังสือ ท่านก็จะทราบความยิ่งใหญ่ของเต๋าหรือฝ่า   สิ่งที่ข้าพเจ้าพูดคือหลักการที่แท้จริงของจักรวาล  ใครๆก็จะถูกฝ่าชุดนี้สั่นสะเทือน   คนที่เปลี่ยนแย่ลงมากๆ  คนชนิดนี้ที่หันหลังจากคุณสมบัติพิเศษของจักรวาลทั้งหมด  เขาก็จะถูกฝ่าชุดนี้สั่นสะเทือนด้วย  เพราะอะไร  เพราะเขาเป็นปฏิปักษ์โดยสิ้นเชิงต่อฝ่าชุดนี้แล้ว  เขาจะกลัวและจงเกลียดจงชังอย่างมาก  ก็คือว่าคนชนิดนี้จบสิ้นแล้วอย่างถึงที่สุด  ดังนั้นใครๆจึงล้วนจะถูกฝ่านี้สั่นสะเทือน  ไม่ว่าท่านจะเห็นพ้องกับเขาหรือคัดค้านเขา  

              ฉะนั้นที่ข้าพเจ้าเพิ่งพูดไปเมื่อครู่  ในขณะที่ถ่ายทอดต้าฝ่าชุดนี้  ก็นำมาซึ่งปัญหาที่ร้ายแรงอย่างหนึ่ง   ทฤษฎีที่เคยมีมาทั้งหมดตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน ไม่อาจจะทำให้ใจคนหวนคืนกลับไปสู่ช่วงที่ดีที่สุดได้อีกครั้งแล้ว  แต่ต้าฝ่าที่แท้จริงของจักรวาลชุดนี้ที่ข้าพเจ้าถ่ายทอด ในทางปฏิบัติก็สามารถพิสูจน์ได้ว่า ทำให้คนสำเร็จสมบูรณ์ได้  ถ้าฝ่านี้ไม่สามารถทำให้พวกท่านหวนกลับขึ้นไป   เช่นนั้นมนุษยชาติจากอดีตจนปัจจุบันตราบจนในอนาคต ก็ไม่อาจเป็นไปได้แล้วว่า จะมีวิธีใดที่ทำให้พวกท่านหวนคืนกลับได้อีกแล้ว   มนุษยชาติก็จะไม่มีความหวังอีกแล้ว  นี่ก็อันตรายอย่างยิ่ง  หากฝ่าชุดนี้ไม่สามารถบังเกิดผลเช่นนั้นได้จริงๆหรือถูกทำลาย  เช่นนั้นก็ไม่อาจจะช่วยมนุษยชาติได้แล้ว(เสียงปรบมือ) เพราะเขาเป็นหลักธรรมที่สูงที่สุดของจักรวาล  จึงไม่อาจจะมีหลักธรรมใดที่จะสามารถมีพลังเท่ากับต้าฝ่าที่แท้จริงของจักรวาล  แต่ในทางปฏิบัติได้พิสูจน์แล้วว่า ข้าพเจ้าได้นำพวกท่านผ่านก้าวนี้ไปแล้ว  ข้าพเจ้าทำให้ผู้ฝึกยกระดับขึ้นมาอย่างแท้จริงได้แล้ว  ทำให้บรรดาศิษย์บำเพ็ญขึ้นมาได้แล้ว  และสามารถทำให้คนจำนวนมากยิ่งขึ้นรับรู้เขาได้  ไม่ว่าศีลธรรมของสังคมมนุษย์กำลังลื่นไถลลงอย่างรวดเร็ว  เปลี่ยนเป็นไม่ดีอย่างไรแล้ว  แต่ข้าพเจ้าพบว่า แม้ว่าคนทำเรื่องที่ไม่ดีโดยไม่รู้ตัว  กำลังทำเรื่องที่ผิด  พอรู้จักฝ่านี้แล้ว  เขาก็จะทำตามฝ่านี้   จึงพูดว่าคนยังมีจิตพุทธอยู่  ยังมีความคิดที่ดีงามอยู่  ยังมีธาตุแท้ที่ดีงามอยู่  เพียงแต่ในความไม่เข้าใจก็ได้ทำเรื่องที่ไม่ดีไปมากมาย  

ข้าพเจ้านำพวกท่านผ่านก้าวนี้ได้แล้ว  กล่าวสำหรับข้าพเจ้าแล้ว นี่ก็ควรแก่การปิติยินดี(เสียงปรบมือ)  กล่าวสำหรับผู้ฝึกเรา  กล่าวสำหรับสังคมมนุษย์ นั่นเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่สุด เพราะพวกท่านได้เดินข้าม เดินออกจากเขตแดนที่น่ากลัว ที่อันตรายที่สุดนั้นแล้ว (เสียงปรบมือ) ทุกท่านทราบว่าในประวัติศาสตร์มีนักพยากรณ์ มีอาจารย์ชี่กง มีคนที่รู้แจ้งในศาสนาต่างๆ มากมาย  ได้พูดเกี่ยวกับสังคมมนุษย์ว่าจะเกิดภัยพิบัติอย่างนั้นอย่างนี้ในปลายศตวรรษ  กระทั่งมนุษยชาติจะตกอยู่ในสภาพการณ์ที่จะถูกทำลายนั้น  แน่ละนี่ไม่ใช่สิ่งที่ข้าพเจ้าพูด  ข้าพเจ้ากำลังพูดถึงคำพูดของนักพยากรณ์เหล่านั้น

แต่ว่าจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่  ข้าพเจ้าสามารถให้คำตอบที่ชัดเจนแก่คนได้  ทุกท่านทราบว่า เหมือนกับใน   “จ้วนฝ่าหลุน” ที่ข้าพเจ้าพูดไว้  เป็นตัวอย่างอันนั้น คือแอปเปิ้ลลูกหนึ่ง  โลกซึ่งอยู่ในจักรวาลที่ใหญ่มหึมานี้ก็เหมือนลูกแอปเปิ้ลที่พวกเราเห็น  มันเน่าไปแล้ว  แต่ละโมเลกุลในลูกแอปเปิ้ลก็เหมือนกับคนแต่ละคนที่เสื่อมทรามแล้ว  ดังนั้นแอปเปิ้ลลูกนี้ก็ต้องทำลายมันทิ้ง  โยนทิ้ง จัดการทิ้งไปใช่ไหม  หากศีลธรรมของสังคมมนุษย์ต่ำจนถึงระดับนั้น  ในสายตาของเทพ  ก็จะไม่เหมือนกับแอปเปิ้ลลูกนั้นที่ต้องทำลายมันทิ้งแล้วหรือ  แต่ในฐานะที่เป็นเทพ  ทุกท่านทราบว่า โดยเฉพาะเทพชั้นนี้ที่อยู่ใกล้กับมนุษย์  พวกเขาต่างก็เมตตาต่อมนุษย์  พวกเขาจึงคิดจะช่วยเหลือ  แต่ทุกท่านคิดดู  แอปเปิ้ลลูกหนึ่งที่มันเน่าแล้ว แต่ท่านคิดจะช่วยเหลือมัน  ท่านบอกว่าอย่าทิ้งแอปเปิ้ลลูกนี้ไป  ให้วางไว้ในห้อง  แต่มันเน่าไปเรื่อยๆแล้ว  มีหนอนคลานอยู่เต็ม   ห้องนั้นของท่านที่สะอาดสะอ้านแต่วางลูกแอปเปิ้ลที่มีหนอนคลานอยู่เต็มเอาไว้   ทำไมท่านต้องวางมันไว้ในนั้น  จะต้องวางไว้ในนั้นให้ได้  ท่านมิใช่กำลังทำเรื่องไม่ดีอยู่หรือ    ก็เหมือนกับจักรวาลนี้  โลกนี้ได้กลายเป็นอย่างนี้ไปแล้ว  ยังไม่ทำลายมันทิ้งอีกหรือ  เทพองค์ไหนไม่ทำลายมัน  เทพองค์นั้นมิใช่กำลังทำเรื่องไม่ดีอยู่หรือ แต่เทพไม่เหมือนกับคน   เขามีพลังความสามารถ  สามารถทำให้อณูของมันตั้งแต่ดั้งเดิมที่สุดเปลี่ยนเป็นของใหม่ได้  ทำให้มันเปลี่ยนเป็นแอปเปิ้ลลูกใหม่  เปลี่ยนแปลงโครงสร้างของมัน  มันกลายเป็นลูกแอปเปิ้ลที่ดีแล้ว   ฉะนั้นใครที่ทิ้งมัน  ผู้นั้นมิใช่ก็ทำเรื่องไม่ดีแล้วหรือ  แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่เทพทั่วๆไปจะทำได้

วันนี้ทั่วโลกมีคนร้อยล้านคนกำลังบำเพ็ญ  กำลังเปลี่ยนแปลงความคิดของตน  กำลังทำตัวเป็นคนดีมุ่งสู่ความดีงาม  สามารถเป็นคนที่ได้มาตรฐานของจักรวาลในระดับชั้นที่ต่างกัน  เช่นนั้นโลกนี้มันสามารถจะระเบิดได้ไหม  ทำลายได้ไหม  คำพยากรณ์ที่มีอยู่เหล่านั้นของนักพยากรณ์นั้นจะเป็นจริงได้หรือ  มันก็ไม่อาจเป็นจริงได้แล้ว  ข้าพเจ้าจึงพูดว่า คำพยากรณ์ใดๆ พอถึงวันนี้  คำพยากรณ์ของมันก็ไม่แม่นต่อไปอีกแล้ว  เพราะสังคมมนุษย์มีต้าฝ่ากำลังถ่ายทอดอยู่ในวันนี้  ใจคนกำลังหวนคืน กำลังหวนคืนอย่างรวดเร็ว  เมื่อวานนี้มีนักข่าวคนหนึ่งมาถามข้าพเจ้า   ขณะนี้มีคนร้อยล้านที่ศึกษา  และแนวโน้มนี้ขยายออกอย่างรวดเร็วมาก  ยังมีคนมากยิ่งขึ้นที่อยากศึกษา  ขณะนี้มีคนร้อยล้านกำลังเลื่อนระดับศีลธรรมของตนขึ้น  คนร้อยล้านคนนี้ แต่ละคนบอกต่อกับอีกคนมาศึกษาก็จะเป็นสองร้อยล้านคน   ตัวเลขจะทวีคูณอย่างเร็วมาก  เป็นปริมาณที่ใหญ่มาก  ใครๆต่างมุ่งสู่ความดีงาม เป็นคนดี   กำลังยกระดับมาตรฐานศีลธรรมของตน  สังคมมนุษย์นั้นเหมือนกับตัวอย่างนั้นที่ข้าพเจ้าพูด  แอปเปิ้ลลูกนี้เปลี่ยนเป็นของสดใหม่แล้ว  ใครยังจะสามารถทำให้มันดับสลายได้ละ

           การพัฒนาของสังคมมนุษย์ และสภาพการณ์ทั้งปวงของจักรวาลล้วนเป็นการจัดวางของเทพ  ล้วนมีกฏเกณฑ์   เนื่องจากเมื่อสังคมมนุษย์ปรากฏสภาพการณ์ที่ไม่ดี รวมทั้งสงครามเอย  แผ่นดินไหวเอย  น้ำท่วมเอย  โรคระบาดเอย  โรคติดเชื้อร้ายแรงเอย เป็นต้น  ยังมีภัยธรรมชาตินานาชนิด  ที่จริงนั้นล้วนมีเป้าหมายทั้งสิ้น  เป็นการสลายกรรมให้กับคน  ความคิดของคนนั้น ล้วนถูกชี้นำโดยเทพ  คนไม่เคยลองคิดถึงที่มาของความนึกคิดของตนเอง   คนคิดจะทำอะไร  พอความคิดของเขาขยับ   พอสิ่งที่เรียกว่าแรงบันดาลใจของเขาออกมา  ในทันใดเขาคิดอะไรขึ้นมา  คนล้วนเข้าใจว่าคือตัวเอง  ที่จริงส่วนมากล้วนไม่ใช่   เทพนั้นยึดกุมทุกสิ่งในสังคมมนุษย์ไว้อย่างเหนียวแน่น  แต่มีอยู่จุดหนึ่ง  ในจักรวาลนี้มีหลักการข้อหนึ่ง  ก็คือว่าคน คิดจะทำอะไร  คนในฐานะร่างๆหนึ่ง  เขาคิดจะทำอะไร  ยังต้องดูความคิดนี้ของคน  เขาคิดจะบำเพ็ญ  ดี  ฉันก็จะช่วยท่านบำเพ็ญ  ถ้าคนไม่คิด นั่นก็ไปตามสบายของท่าน  คนก็จะเปลี่ยนเลวลงมาก   แต่สังคมมนุษย์โดยรวมนั้นถูกควบคุมโดยเทพ  ดังนั้นเมื่อคนเป็นคนดี  เช่นนั้นเขาก็จะมีอนาคตที่ดี  มีวันข้างหน้าที่สดใส  ถ้าเป็นคนไม่ดี   เขาจะมีอนาคตที่ไม่ดี  จะมีความมืดมนกับกรรมชั่วรอเขาอยู่

            เมื่อครู่ที่ข้าพเจ้าพูดคือการบำเพ็ญของทุกท่าน  เมื่อพูดถึงฝ่าชุดนี้ของข้าพเจ้า ก็ชักนำคำพูดท่อนหนึ่งออกมา  เป้าหมายคือจะบอกทุกท่านว่าต้องเห็นค่าของเขา   วันนี้มีคนร้อยล้านคนกำลังศึกษาอยู่  พวกท่านได้เปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์แล้ว  นี่ไม่น่าดีใจหรือ  นี่ไม่ยิ่งใหญ่หรือ (เสียงปรบมือ) แต่ยังมีคนไม่ดีอยู่มากมาย  ยังคงทำเรื่องชั่วอยู่    ดังนั้นแม้มนุษยชาติไม่เกิดภัยพิบัติใหญ่เหมือนกับคำพยากรณ์นั้น  แต่ในพื้นที่เฉพาะแห่งยังจะมีเรื่องที่ไม่ดีมากๆเกิดขึ้น เพราะที่นั่นไม่มีฝ่า

            เนื่องจากวันนี้เป็นการประชุมศึกษาฝ่าแลกเปลี่ยนประสบการณ์  ข้าพเจ้าจึงไม่อยากจะใช้เวลาของทุกท่านมากเกินไป   เพียงอยากจะพบหน้าทุกท่านสักหน่อย    ผ่านการพูดแลกเปลี่ยน(ประสบการณ์)ของผู้ฝึก ทุกท่านล้วนจะสามารถมีการยกระดับ  มีการรับรู้   นี่คือจุดประสงค์ของฝ่าฮุ่ยของพวกเรา   แน่ละทุกท่านย่อมจะมีปัญหาต่างๆ  และในหมู่ผู้ฝึกเก่าก็มีปัญหาบางอย่างจะถาม   เช่นนี้บ่ายวันพรุ่งนี้ข้าพเจ้าจะตอบคำถามให้กับทุกท่าน    เมื่อครู่ที่บอกให้ทุกท่านเห็นค่าของฝ่า  ต้องศึกษาฝ่าให้มาก  ต้องอ่านหนังสือซ้ำแล้วซ้ำอีก   ท่านก็จะยกระดับเรื่อยไป  ข้าพเจ้านำพลังของข้าพเจ้าใส่เข้าไปในฝ่าชุดนี้   เพียงแต่ท่านไปศึกษาท่านก็จะเปลี่ยนแปลง  เพียงแต่ท่านไปศึกษาท่านก็จะยกระดับขึ้นได้  เพียงแต่ท่านศึกษาจนถึงที่สุดท่านก็สามารถจะสำเร็จสมบูรณ์  

            ตอนนี้ข้าพเจ้าขอถือโอกาสพูดถึงปัญหาเล็กๆบางประการ   อย่างหนึ่งคือจากนี้เป็นต้นไป  พวกท่านที่เป็นผู้ฝึกเก่า   เพียงท่านยังไม่สำเร็จสมบูรณ์  ท่านก็ต้องออกมาฝึกพลังกันทั้งหมด  เรื่องนี้ข้าพเจ้าจะขอพูดอีกครั้ง  ทำไมจึงพูดเช่นนี้ละ   เพราะสภาพแวดล้อมของการบำเพ็ญของเรา  สภาพแวดล้อมของการศึกษาฝ่าของเรา    เรื่องต่างๆที่ผู้ฝึกถกกัน  สิ่งต่างๆที่พูดออกมานั้น ล้วนแต่สูงส่ง  ล้วนเป็นสภาพแวดล้อมที่บริสุทธิ์มาก ซึ่งยากจะมีได้ สิ่งนี้ยากมากที่จะได้รับจากสังคมมนุษย์  เป็นดินแดนบริสุทธิ์ที่ดีงามที่สุด  งดงามที่สุด  ดังนั้นทุกท่านไม่อาจสูญเสียสภาพแวดล้อมนี้ไป   เพราะสังคมมนุษย์ยังคงลื่นไถลลงไปเรื่อยๆ  เปลี่ยนแย่ลงไปเรื่อยๆ  ทุกท่านอยู่ในสังคมคนธรรมดาสามัญล้วนมีการงาน  ล้วนมีกิจกรรมทางสังคม  ล้วนต้องสัมผัสกับคนธรรมดาสามัญ  สัมผัสกับสังคมคนธรรมดาสามัญ   เช่นนี้สิ่งที่เห็นชินหูชินตาท่าน  สิ่งต่างๆที่เห็น ที่ได้ยินทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องของคนธรรมดาสามัญ           เอาน้ำมาล้างๆท่าน จะได้ประโยชน์

            ยังมีอีกก็คือเมื่อเร็วๆนี้ข้าพเจ้าได้เขียนบทความสองฉบับ  ทุกท่านเรียกว่าจิงเหวิน  ปัญหาที่พูดถึงนั้นแหลมคมมาก   และเป็นปัญหาที่ค่อนข้างโดดเด่นในขณะนี้  ก็คือคนที่การรับรู้กึ่งเปิดในระดับชั้นต่ำ   คนส่วนนี้เนื่องจากระดับชั้นของเขาไม่สูง  เขาเข้าใจฝ่าได้ไม่มาก สิ่งที่ข้าพเจ้าพูดไว้มากมายเขาไม่สามารถยึดกุมได้ทั้งหมด  ดังนั้นเขาจัดว่าการรับรู้กึ่งเปิดอยู่ในระดับชั้นต่ำ  เขาจึงสามารถมองเห็นชีวิตชั้นสูงจำนวนหนึ่ง(เนื่องจากข้างบนล้วนกำลังเจิ้งฝ่าอยู่ใช่ไหม  จักรวาลเก่ากำลังดับสลาย  จักรวาลใหม่กำลังก่อตั้งขึ้น  ดังนั้นพวกเขาจึงหลีกหนีสภาพความเป็นจริงนี้  หนีมาถึงมิตินี้ของคน   มุดเข้ามาหลบภัยในมิติของมนุษย์)ชีวิตชั้นสูงที่ไม่ดีเหล่านั้นหนีเข้ามาในตรีภูมิ  หรือเทพระดับชั้นต่ำแต่เดิมจำนวนหนึ่งของตรีภูมิ  พวกเขามองไม่เห็นความจริงที่เกิดขึ้นในจักรวาล  แน่ละก่อนที่จะหนีเข้ามานั้น เขารู้   หลังจากหนีเข้ามาแล้ว  อะไรที่เกิดขึ้นเขาก็ไม่รู้ทั้งนั้นก็คือว่าเขาถูกปิดกั้นอยู่ในนี้ทั้งหมดแล้ว

       เช่นนั้นพวกเขาจำนวนมากมายขัดแย้งกับการเจิ้งฝ่า ขัดแย้งกับต้าฝ่า  แต่ก็มีจำนวนมากที่ไม่เข้าใจความจริง    ก็คือเทพที่มีอยู่ในมิติดั้งเดิม  พวกเขายังไม่ได้สัมผัสถึงสภาพที่เป็นจริงนี้  ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เข้าใจความจริง  ดังนั้นพวกเขาก็จะทำการรบกวนผู้ฝึกของต้าฝ่า  บ้างก็ตั้งใจรบกวน   เขาคิดไม่ถึงว่าเขากำลังรบกวนต้าฝ่าของจักรวาล  เขากำลังทำบาปหนัก  เขาคิดไม่ถึงจุดนี้  เพราะความจริงของจักรวาล  ขณะนี้ปกปิดไว้ไม่ให้พวกเขามองเห็น  พวกเขาได้แต่มองเห็นเรื่องราวภายในตรีภูมิเท่านั้น  ขณะนี้ต้าฝ่าได้เข้าสู่ตรีภูมิแล้ว        ดำเนินการอยู่ภายในตรีภูมิแล้ว

               เช่นนี้แล้ว  จึงรบกวนค่อนข้างมากต่อคนที่ตาทิพย์เปิดอยู่ในระดับชั้นต่ำ  มองเห็นเทพที่ยิ่งใหญ่องค์หนึ่ง   เทพที่ยอดเยี่ยม  เขาบอกคำพูดบางอย่างที่ทำลายต้าฝ่าให้กับผู้ฝึก แน่ละล้วนแต่เป็นสิ่งที่เขาปั้นแต่งขึ้นมาทั้งหมด   เป้าหมายก็คือต้องการทำให้ผู้ฝึกงงงัน  ทำให้ท่านถูกกวาดทิ้งออกไปจากต้าฝ่า   ยังมีบางพวกปลอมแปลงเป็นฝ่าเซิน(ธรรมกาย)ของข้าพเจ้า  บอกกับพวกท่านว่าควรทำอย่างไร  การพูดอย่างชัดแจ้งกับศิษย์คนหนึ่งที่กำลังบำเพ็ญอยู่ว่าควรไปทำอย่างไรนั้น  คือการมาทำลายต้าฝ่ากับผู้ฝึกอย่างแน่นอน   เหตุใดท่านจึงถูกใช้ละ  เพราะท่านมีจิตยึดติดที่รุนแรงจึงถูกใช้   หนทางนั้นท่านเองเป็นผู้ตัดสินใจเลือก   ตำแหน่งในอนาคตคือสถานที่ที่ชีวิตของท่านควรอยู่   ทุกท่านลองคิดดู  มิตินี้ก่อนที่ข้าพเจ้าจะสร้างเสร็จและกำลังยึดกุมอยู่

            ทำไมจึงยอมให้เขาทำเช่นนี้ละ   เพราะการบำเพ็ญของท่านนั้นไม่อาจราบรื่นได้  ในอนาคตในเวลาที่ท่านปรากฏอยู่ในโลกสวรรค์ ซึ่งท่านจะเป็นเทพองค์หนึ่งที่สำเร็จสมบูรณ์และยิ่งใหญ่  เหล่าเทพจะถามท่านว่า  ท่านบำเพ็ญขึ้นมาได้อย่างไร  ท่านเคยผ่านการทดสอบที่เข้มงวดหรือไม่  ในระหว่างการบำเพ็ญ  ท่านเคยผ่านเรื่องที่เกี่ยวพันถึงว่า  ท่านสามารถจะเอาฝ่านี้หรือไม่ ในความยากลำบาก มีความแน่วแน่หรือไม่   นี่ล้วนแต่สำคัญยิ่ง  ดังนั้นจึงหันกลับมา อาศัยการรบกวนชนิดนี้ดูใจของท่าน  ดังนั้นบางคน เขาก็ไม่ผ่านการทดสอบอย่างนี้  และออกจากฝ่าไป  บางคนเกิดความหวั่นไหว  แต่เรื่องนี้ยิ่งแสดงออกมารุนแรงขึ้นเรื่อยๆ  ดังนั้นข้าพเจ้าจึงยกมันขึ้นมาพูด  สุดท้ายให้โอกาสสักครั้งหนึ่งแก่ผู้ที่ออกไปจากต้าฝ่า  หาไม่แล้วเขาจะพลาดโอกาสครั้งนี้ไป  ทุกท่านลองคิดดู  ในระหว่างการเจิ้งฝ่า(ปรับฝ่าให้ถูกต้อง)ของจักรวาล  เทพที่ยิ่งใหญ่จำนวนมากมาย  เปลี่ยนเป็นไม่ดีแล้ว  จึงถูกตีตกลงมาทั้งหมด  กระทั่งโอกาสที่จะเป็นคนของพวกเขาก็ไม่มีแล้ว   มีมากมายที่ถูกตีลงไปอยู่ในสถานที่ที่ต่ำกว่าคนเสียอีก  กระทั่งบางส่วนถูกทำลายทิ้งไป   แล้วนับประสาอะไรกับคนละ  หากท่านสูญเสียโอกาสนี้ไป   ในอนาคตก็จะไม่มีโอกาสอีกแล้ว    นั่นแน่ละท่านคิดจะเอาอะไร ตัวท่านเองเป็นผู้กำหนด  เป้าหมายที่ข้าพเจ้าเขียนออกมา          ก็คือว่าทุกท่านอย่าพลาดโอกาสนี้ไป

            ยังมีอีกหนึ่งบทความก็คือในศาสนาในอดีตมีคนส่วนหนึ่ง  หรือคนจำนวนหนึ่งที่ฝึกอย่างอื่น พวกเขาก็มาศึกษาต้าฝ่า  เพราะความจริงของจักรวาล ยิ่งปรากฏออกมามากขึ้นเรื่อยๆแล้ว   ชีวิตชั้นสูงเขาย่อมมีพลังที่แน่นอนระดับหนึ่ง  พวกเขาก็พบแล้วว่าต้าฝ่านี้จึงจะสามารถทำให้คนกลับไปได้อย่างแท้จริง  รูปแบบการบำเพ็ญอย่างอื่นในสังคมมนุษย์ล้วนไม่สามารถทำให้คนหวนกลับไปได้แล้ว  ดังนั้นพวกเขาจึงกระตุ้นคนของพวกเขาหรือบางคนที่เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง ก้าวเข้ามาในต้าฝ่าแล้ว  เป้าหมายของพวกเขาคือจะยืมใช้ต้าฝ่าของเรากลับคืนไป  ตำแหน่งนั้นที่พวกเขาเองอยากจะได้   เขาวางของๆเขาไม่ลงอย่างแท้จริง  เขาเพียงแต่อาศัยข้าพเจ้ากับต้าฝ่า  หาใช่คิดจะอยู่ข้างในบำเพ็ญอย่างจริงใจ  เขาวางเทพเหล่านั้นที่มีอยู่ในใจเขาแต่เดิมไม่ลง  สิ่งต่างๆที่เขายึดติด     กระทั่งบ้างก็เป็นสิ่งที่ถูกกวาดทิ้งไป      ไม่คงอยู่อีกแล้ว

              เมื่อเขาอยู่ที่นี่  เขาก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้เลย  เขาคิดจะยืมใช้ต้าฝ่านี้   จิตใจชนิดนี้โดยตัวมันเองก็คือการทำบาปแล้ว  ข้าพเจ้าสามารถที่จะไม่สนใจท่าน  ไม่ดูแลท่าน แต่ข้าพเจ้าคิดว่าอย่างไรเสียพวกท่านก็ได้รู้จักฝ่านี้แล้ว  แม้ว่าใจจะไม่บริสุทธิ์  แต่เขาก็อ่านหนังสือแล้ว  หากท่านยังไม่อาจกลับตัวได้  เช่นนั้นท่านก็จะสูญเสียโอกาสครั้งนี้ไปตลอดกาล  ข้าพเจ้าบอกว่าไม่ควรพลาดโอกาสไป  เวลาจะไม่มาอีก  ต้าฝ่านั้นเข้มงวด  การบำเพ็ญนั้นเข้มงวด  ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น  ท่านอยากจะได้ก็ได้กระนั้นหรือ  ท่านอยากจะได้เมื่อไรก็จะได้เมื่อไรหรือ           นั่นหาใช่ว่าท่านจะกำหนดเองได้  หากสูญเสียไปแล้วก็จะสูญเสียไปชั่วนิรันดร   

              นอกเหนือจากนี้ข้าพเจ้าจะพูดอีกเรื่องหนึ่ง  ในหมู่ผู้ฝึกมีศิษย์ในวัยหนุ่มสาวไม่น้อย  ในการดำเนินชีวิตของพวกท่านจะต้องระวังไว้   ในความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงจะต้องไม่เอาอย่างพฤติกรรมที่เสื่อมทรามนั้นในสังคมคนธรรมดาสามัญอย่างเด็ดขาด   ท่านสามารถมีภรรยา  สามีของท่าน นั่นเป็นเรื่องถูกทำนองคลองธรรม  พวกท่านบำเพ็ญให้สอดคล้องกับสังคมคนธรรมดาสามัญให้มากที่สุด  นี่ไม่มีปัญหา  มีการดำรงชีวิตในระหว่างสามีภรรยาด้วยกันเอง  นี่ไม่มีปัญหา หากพวกท่านมิใช่สามีภรรยา  ถ้าพวกท่านต้องการมีพฤติกรรมทางเพศ   การทำเช่นนี้ท่านก็กำลังทำเรื่องที่สกปรกที่สุด   เป็นสิ่งที่เทพยอมไม่ได้  เทพองค์ใดก็ยอมไม่ได้  ดังนั้นทุกท่านต้องระวังเรื่องอย่างนี้  ขั้นตอนการบำเพ็ญของคนๆหนึ่งก็คือประวัติศาสตร์ของผู้บำเพ็ญคนหนึ่ง  เทพนับไม่ถ้วนอย่างไม่มีที่สิ้นสุดต่างกำลังเฝ้ามองแต่ละความนึกคิด  แต่ละพฤติกรรมของศิษย์ต้าฝ่า ผู้บำเพ็ญคนหนึ่งมีใจแน่วแน่ที่จะเดินสู่การสำเร็จสมบูรณ์  เช่นนั้นทำไมข้ามด่านนี้ไปไม่ได้ละ  วันนี้ข้าพเจ้าก็จะไม่พูดมากแล้ว  ข้าพเจ้าหวังว่าการประชุมใหญ่นี้จะสามารถประสบความสำเร็จบริบูรณ์  บ่ายวันพรุ่งนี้จะตอบคำถามให้กับทุกท่าน   ตอนนี้พวกท่านเปิดประชุมต่อไปได้   ผู้ฝึกเล่าประสบการณ์ของตนเอง (เสียงปรบมือ)

            สวัสดีทุกท่าน

            ดูจากฝ่าฮุ่ยสองวันมานี้   ทำได้ดีมาก  เหมือนกับฝ่าฮุ่ยอย่างนี้ จะเปิดสักเท่าไรก็ไม่มาก  สามารถทำให้ผู้ฝึกได้รับประโยชน์  สามารถทำให้ทุกท่านที่อยู่ในฝ่าฮุ่ยครั้งนี้ได้รับการยกระดับ  สามารถค้นพบข้อบกพร่องของกันและกัน  กระตุ้นให้ตนเองก้าวหน้าต่อไปไม่มีหยุด  นี่ดีมาก  เป้าหมายของฝ่าฮุ่ยก็คืออย่างนี้   สามารถช่วยในการบำเพ็ญของทุกท่าน  นี่ก็คือเป้าหมายของฝ่าฮุ่ยของต้าฝ่า อีกอย่าง  ทุกท่านอาจได้ยินแล้วว่า  ฝ่าฮุ่ยครั้งนี้มีจุดพิเศษที่โดดเด่นข้อหนึ่ง  ก็คือผู้ฝึกชาวผิวขาวมีการรับรู้ต่อฝ่าลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ   ข้าพเจ้าเข้าใจว่าครั้งนี้ เป็นครั้งหนึ่งที่พวกเขาพูดได้ลึกซึ้งที่สุดในขณะนี้  (เสียงปรบมือ)  เนื่องจากพวกเขาศึกษาฝ่าอย่างต่อเนื่อง  สามารถรับรู้ฝ่าอย่างแจ่มแจ้ง  พูดถึงตัวเองโดยอยู่บนฝ่าอย่างแท้จริง  นี่ดีมาก   บ่ายวันนี้ที่สำคัญคือจะตอบปัญหาให้กับทุกท่าน     เอาละต่อไปจะตอบปัญหาให้ทุกท่าน

ศิษย์     เพลง “ผู่ตู้”ของต้าฝ่า หลังจากฟังแล้วทำให้คนน้ำตาไหล  ดนตรีที่สะเทือนใจคนอย่างนี้มีที่มาอย่างไร

อาจารย์   เป็นดนตรีที่เปิดตลอดมาตั้งแต่เมื่อวานในห้องประชุม  ทุกท่านได้ยินกันแล้ว  มีความรู้สึกที่เศร้าอาดูรและฮึกเหิมแบบหนึ่ง  นี่เป็นดนตรีของต้าฝ่าเราเอง  ข้าพเจ้าเห็นว่าผู้ฝึกต้าฝ่านับวันจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ   จะทำให้เทปดนตรีฝึกพลังออกสู่สังคม  ให้ผู้ผลิตเทปในสังคมผลิตออกมา  เช่นนั้นจึงเกี่ยวพันกับปัญหาลิขสิทธิ์  ดังนั้นข้าพเจ้าจึงเตรียมพร้อมทั้งสองมือ หนึ่งคือหาผู้ผลิตทำการปรึกษาปัญหาลิขสิทธิ์    อีกหนึ่งคือให้ผู้ฝึกที่เป็นนักดนตรีมาสร้างสรรค์ดนตรีฝึกพลังที่พวกเราเองต้องการ   ข้าพเจ้าจึงอธิบายให้ผู้ฝึกด้วยตนเองว่าจะไปทำอย่างไร  เขาจึงประพันธ์ดนตรีนี้ออกมาอย่างรวดเร็ว  ทำขึ้นมาสองบทเพลง  ก็คือ “จี้ซื่อ” กับ “ผู่ตู้”   ดังนั้นในระหว่างนี้เดิมทีผู้ประพันธ์ดนตรีที่เราใช้ก็กำลังศึกษาฝ่าอยู่  และส่งมอบดนตรีนี้ให้ต้าฝ่าโดยไม่มีเงื่อนไข (เสียงปรบมือ)   แน่ละนี่เป็นคุณูปการและคุณธรรมที่ไม่มีประมาณ  ดังนั้นข้าพเจ้ารู้สึกว่าดีมาก  เช่นนั้นทุกท่านก็ใช้ดนตรีที่มีอยู่เดิมในการฝึกพลังก็แล้วกัน         เพราะทุกท่านฟังกันจนชินแล้ว

ผลกระทบที่มีต่อทุกท่านก็มาก  เช่นนั้นก็ให้ใช้ดนตรีเดิมในการฝึกพลัง  เช่นนี้แล้วก็ไม่ต้องแก้ไขอะไร  ดีมากๆ  แต่ดนตรีใหม่นี้แต่งได้ดีมาก  ทุกท่านได้ฟังแล้วล้วนรู้สึกว่าดี  ก็คือมันอาดูรและฮึกเหิมมาก   เศร้ามากแล้ว   จึงน้ำตาไหลได้ง่าย  ตื้นตัน  เกิดการสะเทือนอารมณ์ข้างใน   เวลาฝึกพลังจะเข้าสู่สมาธิไม่ได้   ดังนั้นข้าพเจ้าจึงรู้สึกว่า ดนตรีนี้ให้เปิดในฝ่าฮุ่ยหรือในการทำกิจกรรมอื่นดีกว่า   และเป็นสิ่งที่ผู้ฝึกเราแต่งขึ้นเอง ดังนั้นจึงเป็นดนตรีของต้าฝ่า   จำไว้นะ  พวกเราเวลาฝึกพลังยังคงใช้ดนตรีของเดิม  เพราะดนตรีนี้มีผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อเหล่าผู้ฝึกแล้ว

ศิษย์           ในการนั่งสมาธิของแต่ละคนเวลาสั้นยาวต่างกันมาก  หลังจากหยวนหมั่นจะมีความแตกต่างที่สัมพันธ์กันไหม

อาจารย์    ไม่มี  ไม่ว่าท่านบำเพ็ญได้สูงเพียงไร  ร่างกายหลังจากที่หยวนหมั่นจะไม่ถูกเวลา มิตินี้และองค์ประกอบทั้งหมดในมิตินี้ของคนควบคุม  ดังนั้นร่างกายในเวลานั้น  เวลาที่นั่งสมาธิจะไม่มีผลกระทบใดๆ   ท่านจะนั่ง        จะนอนล้วนแต่สบายมาก

ศิษย์           เวลาในการบำเพ็ญมีจำกัด             ศิษย์มากมายกังวลว่าจะไม่ทัน

อาจารย์   วิธีคิดนี้ไม่ถูกทั้งนั้น  นี่เป็นจิตยึดติดอีกชนิดหนึ่ง  ท่านอาจมีความรู้สึกเร่งรัด  นี่เป็นการกระตุ้นให้ท่านหยวนหมั่นโดยเร็ว  เป็นแรงผลักดันหนึ่งให้ท่านหยวนหมั่นโดยเร็ว  หากท่านยึดติดกับสิ่งเหล่านี้  เช่นนั้นจะเป็นอุปสรรคอย่างหนึ่ง  ซึ่งในทางกลับกันจะกระทบต่อการยกระดับของท่าน  กระทบต่อการบำเพ็ญของท่าน  ดังนั้นไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น  สนใจแต่การบำเพ็ญ   เพียงท่านบำเพ็ญ  รับรองว่าท่านก็จะก้าวไปสู่การหยวนหมั่น   ขอเพียงในช่วงเวลาที่สำคัญท่านสามารถก้าวผ่านไปได้  เช่นนั้นท่านก็จะพบกับการหยวนหมั่น  พวกท่านแต่ละคนคงจะประสบกับเรื่องที่กระทบจิตใจท่านในระหว่างที่บำเพ็ญ  และบางครั้งสะท้อนออกมาอย่างแหลมคมมาก   บางปัญหาอาจจะไม่สะท้อนโดยตรงต่อตัวท่าน  บนร่างกายท่าน  หรือเรื่องอะไรที่ท่านประสบ  อาจจะสะท้อนอยู่ในเรื่องอะไรที่คนอื่นประสบ  หรือคนอื่นพูดว่าท่านไม่ดี  หรือมีความขัดแย้งอะไร  สิ่งเหล่านี้ล้วนก่อให้เกิดความขัดแย้งว่า ท่านจะศึกษาต้าฝ่าหรือไม่ศึกษาต้าฝ่า   ต้องการฝ่านี้หรือไม่  ในระหว่างความเป็นไปได้สองด้านนี้    ดูว่าท่านจะเลือกอย่างไรใครๆ ก็จะประสบกับเรื่องอย่างนี้

เช่นนั้นเมื่อได้พบแล้ว  นี่ก็คือการทดสอบท่าน  ดูว่าท่านยังจะสามารถบำเพ็ญต่อไปได้หรือไม่  ยังจะสามารถยืนหยัดบำเพ็ญอยู่ในต้าฝ่าได้หรือไม่  นี่เป็นสิ่งสำคัญยิ่ง  พวกท่านต้องชัดเจน  การบำเพ็ญจะมีการทดสอบพวกท่านสักครั้ง  ไม่เวลาใดก็เวลาหนึ่งในขั้นตอนของการบำเพ็ญ ว่าพวกท่านจะสามารถมีโอกาสหยวนหมั่นหรือไม่   ท่านอาจจะเป็นเพราะตนเองไม่สามารถยืนหยัดในต้าฝ่าจึงข้ามไปไม่ได้  หรืออาจจะเป็นว่าพวกท่านศรัทธาแน่วแน่ในต้าฝ่าจึงข้ามไปได้  ก้าวข้ามไปได้ด้วยความแน่วแน่    ก้าวข้ามไปได้กับก้าวข้ามไปไม่ได้  เมื่อเรื่องผ่านไปแล้วท่านจะรู้สึกว่ามันเป็นปกติมาก  ในเวลานั้นท่านจะไม่คิดว่ามันปกติมาก  แต่นั่นคือการทดสอบท่านว่า  คนๆนี้สามารถก้าวไปสู่หยวนหมั่นหรือไม่   นี่เป็นสิ่งที่สำคัญยิ่ง   ที่จริงมีจิตยึดติดบางอย่างนั้น  จะช่วยขจัดทิ้งให้คนนั้นก็ง่ายมาก  คนๆนี้เมื่อแน่ใจแล้วว่าสามารถจะหยวนหมั่น  เช่นนั้นจิตยึดติดที่เหลืออยู่ ก็ค่อยๆ ขจัดทิ้งไปก็ใช้ได้แล้ว    ดังนั้นที่ข้าพเจ้าบอกพวกท่านเมื่อครู่นี้   พวกท่านอยู่บนเส้นทางการบำเพ็ญนี้จะต้องพบกับเรื่องอย่างนี้  จะสามารถยึดกุมได้ดีหรือไม่  จะสามารถก้าวข้ามไปได้หรือไม่  นั่นขึ้นอยู่กับพวกท่านเองทั้งหมด  ใครที่อยู่ในภัยพิบัติที่ต่างกัน   ใครที่กระทบถูกจิตใจท่านในลักษณะต่างๆ  จากนั้นทำให้ท่านหวั่นไหว  และท่านก็ไม่สามารถปฏิบัติต่อปัญหาในเวลานั้นด้วยความสุขุมเยือกเย็นเหมือนปกติ  ในเวลานั้นจึงเป็นการทดสอบคนมากที่สุด

ศิษย์           ดนตรีสำหรับฝึกพลังจะมีเสียงประกอบเป็นคำแปลภาษาอื่น และมีเสียงอาจารย์อยู่ด้วย ทำเช่นนี้จะได้หรือไม่

อาจารย์      ได้  แต่ไม่ประกอบเสียงเข้าไปดีกว่า    ประกอบเสียงแล้วก็ไม่ใช่ว่าผิด  ย่อมมีประโยชน์ต่อผู้ฝึกใหม่    แต่เทปการบรรยายฝ่าจะต้องมีเสียงประกอบ  และเรื่องนี้กำลังทำอยู่  แต่จะต้องมีเสียงของข้าพเจ้าอยู่ด้วย  ทุกท่านทราบว่า เสียงของข้าพเจ้าไม่ใช่เป็นแค่เสียงหนึ่งเท่านั้น  ดังนั้นต้องมีเสียงข้าพเจ้าพร้อมกับเสียงแปล   เช่นนี้แล้วในระหว่างขั้นตอนของการฟังฝ่าได้รับฝ่าจะเหมือนกับผู้ฝึกชาวจีนที่ฟังข้าพเจ้าบรรยายภาษาจีน

ศิษย์           เมื่อบำเพ็ญถึงขั้นเสวียนกวานตั้งจุด          ตาทิพย์ยังเปิดอยู่หรือไม่

อาจารย์      บ้างก็เปิดอยู่  บ้างก็ปิดอยู่   ขึ้นอยู่กับคนๆนั้น  กำหนดตามสภาพที่ต่างกันของคน  อย่ายึดติด  เมื่อครู่ทุกท่านได้ฟังผู้ฝึกผิวขาวคนหนึ่งพูดว่า  ผมมองอะไรไม่เห็นทั้งนั้น  แต่ผมก็ศรัทธามั่นต่อต้าฝ่านี้   จะไม่พูดว่าคนๆนี้บำเพ็ญเป็นอย่างไร   แต่เฉพาะคำพูดนี้ก็ยอดเยี่ยมยิ่งแล้ว (เสียงปรบมือ) หยวนหมั่นโดยอาศัยการรับรู้(อู้)  ยอดเยี่ยมจริงๆ  แน่ละก็ไม่ใช่ว่าคนที่มองเห็นนั้นจะไม่ยอดเยี่ยม  แต่ละคนมีสภาพการบำเพ็ญของตนเอง  หากสมควรให้ท่านมองเห็นก็จะต้องให้ท่านเห็น   หากไม่สมควรให้ท่านมองเห็น รับรองว่าจะไม่ให้ท่านเห็น  บางคนอยากมองเห็น   โดยตัวมันเองนี่ก็คือจิตยึดติด    ในเมื่อท่านมีจิตยึดติดนี้ก็จะไม่ให้ท่านมองเห็น    บางคนได้แต่อาศัยการอู้จากในฝ่าเขาจึงจะสามารถหวนคืนสู่ตำแหน่งของเขาได้  แต่เขากลับต้องการจะมองเห็น  เพื่อการหยวนหมั่นของท่าน  เพื่ออนาคตของท่าน  ก็จะไม่อาจให้ท่านมองเห็น นี่ก็คือเพื่อให้ท่านได้ดี

ในฐานะผู้บำเพ็ญคนหนึ่ง  การจัดวางทั้งหมดสำหรับท่าน ก็เพื่อให้ท่านได้ดีทั้งสิ้น  นั่นหาใช่เพื่อข้าพเจ้าที่เป็นอาจารย์แต่อย่างใด  ล้วนแต่เพื่อการหยวนหมั่นของท่าน(เสียงปรบมือ) ดังนั้นข้าพเจ้าหวังว่าทุกท่านจะขจัดจิตยึดติดนั้นทิ้งให้หมด  แม้จะเหลือเพียงเล็กน้อยก็ตาม อย่าได้เหลือไว้ ทิ้งมันไปให้หมด   แล้วจะได้โดยไม่ต้องแสวงหา  ในเวลาที่พวกท่านอยากจะได้มันก็คือจิตยึดติด  สิ่งต่างๆในหมู่คนธรรมดาสามัญที่พวกท่านแสวงหาต้องปล่อยวางได้ทั้งหมด   สิ่งที่พวกท่านอยากได้เป็นสิ่งที่งดงามยิ่งกว่าซึ่งคนธรรมดาสามัญไม่อาจได้รับ   ของๆคนธรรมดาสามัญ ทุกท่านต่างกำลังสละทิ้งไป  แล้วทำไมยังแสวงหามันอยู่ละ  เป้าหมายของการแสวงหามิใช่จะใช้มันในหมู่คนธรรมดาสามัญหรอกหรือ   พูดให้ชัดแล้ว  ยังมิใช่การยึดติดเรื่องเล็กน้อยนี้ของคนธรรมดาสามัญอยู่หรือ   แน่ละท่านคิดว่า  ในการบำเพ็ญถ้าฉันสามารถมองเห็นได้แล้ว  นั่นจะดีแค่ไหน   ที่ว่าดีแค่ไหนนั้น เบื้องหลังอาจจะเป็นจิตยึดติด  นั่นมีสาเหตุอย่างอื่น  ก็ไม่ใช่เหมือนกับที่สะท้อนออกมาที่ชั้นผิวง่ายๆเพียงแค่นั้น   ข้าพเจ้าจะรับผิดชอบต่อพวกท่านอย่างแท้จริง  นั่นก็ต้องนำสิ่งที่ยึดติดนั้นที่ซ่อนแฝงไว้ลึกที่สุดในจิตใจของพวกท่าน        ขจัดมันทิ้งไป

ศิษย์           ผมมาจากยุโรป  แต่มีความทุกข์ยากชนิดหนึ่งขวางกั้นการเดินออกกำลังกายของผมอยู่เสมอ ผมทำผิดที่ตรงไหนหรือ

อาจารย์      มีคนผิวขาวมากมายที่ชอบวิ่งออกกำลังกาย (วิ่งจ๊อกกิ้ง)  ชอบไปเข้าห้องบริหารร่างกายเพื่อสุขภาพและบางคนก็ชอบเดินออกกำลัง  เขารู้สึกว่า ทำเช่นนี้สามารถทำให้ร่างกายแข็งแรง  จะเกิดประโยชน์หรือไม่นะ    สามารถมีพลังต้านทานความเจ็บป่วยเล็กๆ เบาๆได้  ที่ชั้นผิวของร่างกาย พลังต้านทานชนิดนี้หากพูดให้ชัดแล้ว  พูดอย่างตรงเป้าที่สุดก็คือไม่ยอมให้กรรมออกมาที่ชั้นผิว  ให้กรรมยังคงอยู่ที่ฝั่งนั้น  มันสามเช่นนั้นในฐานะที่พวกท่านเป็นผู้บำเพ็ญ  เป็นไปได้อย่างมากว่าจะทำให้กรรมแห่งโรคเหล่านั้นที่ท่านสะสมไว้ทั้งหมดพลิกออกไป  ผลักมันออกไปหมด   ทว่าการที่จะทำให้ท่านแข็งแรง  ทำให้ท่านไม่มีกรรม  ทำให้ท่านสะอาดสะอ้าน  ทำให้ท่านบริสุทธิ์ อย่างแท้จริงจากธาตุแท้ของท่านนั้น เช่นนั้นก็อาจจะบังเกิดผลที่ไม่สอดประสานซึ่งกันและกันขึ้นได้   และคงจะเป็นด้วยเหตุนี้  จึงไม่ให้ท่านไปทำเช่นนี้   เนื่องจากการบำเพ็ญเป็นเพียงวิธีเดียวที่สามารถทำให้ชีวิตบรรลุถึงความแข็งแรงอย่างแท้จริง  เช่นนั้นท่านคิดจะใช้การเดินออกกำลังทำให้ท่านบรรลุการมีสุขภาพดี  ที่จริงหากพูดให้ชัดแล้ว  ยังคงเป็นเรื่องไม่เชื่อมั่นในต้าฝ่า  คิดว่าต้าฝ่าเทียบไม่ได้กับที่ท่านเดินออกกำลังบรรลุถึงการมีร่างกายแข็งแรง  หรือเป็นว่า ท่านรู้สึกว่าท่านก็ไม่ได้คิดลึกถึงเพียงนั้น  ท่านเพียงแต่เคยชินกับการเดินออกกำลัง  บางทีความเคยชินอย่างนี้ของท่าน ก่อเกิดเป็นจิตยึดติดชนิดหนึ่งโดยไม่รู้ตัวแล้ว ก็ให้ท่านขจัดไป   ท่านคงจะถือการละทิ้งจิตยึดติดชนิดนี้ของท่านเป็นความทุกข์ยากอย่างหนึ่ง  เป็นอุปสรรคอย่างหนึ่งสำหรับท่าน   เช่นนั้นทำไมท่านจึงไม่สามารถหันกลับมามองดูว่า  ใช่ไหมว่าจะให้ท่านทิ้งจิตยึดติดอะไรนะ    ใช้ช่วงเวลาเช้าหรือเย็นที่วิ่งออกกำลัง มาฝึกพลังนี่ไม่ยิ่งดีหรอกหรือ  ข้าพเจ้าคิดว่าเมื่อพบกับปัญหาอะไร เมื่อล้วนสามารถพิจารณาตนเองว่ามีปัญหาอะไรอยู่  การยกระดับของท่านก็จะเร็วที่สุด   พอพบกับปัญหาก็พิจารณาตนเอง       ย่อมจะสามารถค้นพบปัญหาต่างๆที่มีอยู่

ศิษย์           การอ่านหนังสือก็สามารถเกิดสภาวะเหมือนกับการฝึกสมาธิหรือไม่ เช่นร่างกายหายไปแล้วคงเหลือเพียงสมองใหญ่กำลังอ่านหนังสืออยู่

อาจารย์      ก็อาจเกิดขึ้นได้  เพราะเขาคือฝ่า   ย่อมสามารถนำสภาวะอะไรมาให้ท่านได้ทั้งนั้น  สภาวะอะไรก็ย่อมจะเกิดขึ้นได้

ศิษย์           ในใจผมมีอุปสรรคต่อเรื่องการเผยแพร่ฝ่า  ผมควรจะทำอย่างไรดี

อาจารย์      ก็คือว่าการทำงานเผยแพร่ฝ่านั้น  ท่านไม่อยากทำ  เช่นนั้นก็คิดดูว่ารากเหง้าของอุปสรรคคืออะไร  ที่จริงข้าพเจ้าขอบอกทุกท่าน  ไม่ใช่ว่าท่านทุกคนต้องเข้าร่วมการเผยแพร่ฝ่า หรือไปทำอย่างไร  ไม่มีข้อกำหนดเช่นนี้  ข้าพเจ้าไม่ได้เรียกร้องพวกท่านเช่นนี้  แต่ในฐานะผู้ฝึก  เมื่อพวกท่านได้รับประโยชน์และรู้สึกว่าดี   พวกท่านอยากจะนำสิ่งที่ดีไปบอกกับญาติสนิท  บอกเพื่อนของท่าน    บอกกับคนมากยิ่งขึ้น  นี่เป็นพฤติกรรมที่ดีงามมาก  นี่คือสิ่งที่เกิดจากภายในใจของท่าน    ตนเองคิดไปทำ   หากท่านเองไม่คิดไปทำ  เช่นนั้นก็อย่าได้ฝืนทำ   ดังนั้นข้าพเจ้าหวังว่าเมื่อพวกท่านมีใจคิดจะไปทำ   เช่นนั้นท่านก็ไปทำ  เพราะพวกเราเน้นความเมตตาใช่ไหม  ล้วนคิดจะให้สิ่งที่ดีแก่ผู้อื่น  ในโลกนี้ท่านให้อะไรแก่ผู้อื่น ย่อมไม่อาจอยู่ได้นานทั้งสิ้น  ท่านให้เงินกับคนเขา  เขาจะใช้หมดอย่างรวดเร็ว  ใช่ไหม   ท่านให้สิ่งที่ดีกว่านี้อีก   เขาก็ไม่อาจจะนำไปด้วยตลอดกาล   คนมาถึงโลกนี้  ในเวลาที่มาถึงนั้นก็ตัวเปล่า   เวลาที่จากไป  ฝังอยู่ในดินอะไรก็จะเนาเปื่อยไป  ท่านก็เอาอะไรไปไม่ได้  เวลาที่จากไปก็ตัวเปล่า  อะไรที่จะคงอยู่ได้นานละ  มีแต่ให้ฝ่ากับคน  จึงจะสามารถคงอยู่ได้นาน  ดังนั้นสิ่งนี้จึงล้ำค่าที่สุด    ฉะนั้นพูดในทางกลับกัน  เรื่องการเผยแพร่ฝ่าก็เป็นเรื่องที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด  แน่ละข้าพเจ้าหาได้บอกอย่างแน่นอนว่าแต่ละคนต้องไปทำอย่างนี้ทั้งนั้น   ข้าพเจ้าบอกว่าอย่าฝืนทำ  อยากทำท่านก็ไปทำ  ท่านไม่อยากทำข้าพเจ้าก็ไม่อาจพูดว่าท่านผิด

ศิษย์           อยากจะให้คนผิวขาวได้ฝ่า  ควรให้อ่าน “ฝ่าหลุนกง”ดี หรือว่าให้อ่าน “จ้วนฝ่าหลุน”

อาจารย์      ให้ทำไปตามสภาพการณ์ของพวกท่านที่นั่น   ไม่มีการจัดวางอย่างเป็นเอกภาพ และไม่มีข้อกำหนดอะไร  ท่านรู้สึกว่าให้เขาอ่าน “ฝ่าหลุนกง” ก่อน พวกเขาสามารถเข้าใจได้  เช่นนั้นท่านก็ไปทำอย่างนี้    หากท่านว่าผู้ฝึกเหล่านี้รากฐานค่อนข้างดี   การรับรู้ค่อนข้างสูง  เช่นนั้นท่านก็ให้เขาอ่าน “จ้วนฝ่าหลุน” เลยก็ได้   ก็คือไปทำตามสถานการณ์ที่ต่างกันของพวกท่านเอง            ก็ง่ายมากไม่มีข้อกำหนดอะไร

ศิษย์           ท่านอาจารย์ที่เคารพ  “คุณสมบัติเดิม” ที่ท่านพูดใน “จิตพุทธไม่มีจุดรั่ว”  นั้นมีอะไรเกี่ยวข้องกับ“จิตพุทธ”ที่พูดใน“คุณสมบัติเดิมที่ดีงามก่อนกำเนิด”

อาจารย์      สองประโยคนี้แม้มีความสัมพันธ์กัน แต่ก็ไม่เกี่ยวข้องกัน   เพราะคุณสมบัติเดิมของท่านคือ เขตแดนที่กำหนดโดยระดับชั้นของท่านที่ปรากฏออกมา  หรือกล่าวได้ว่า   นั่นคือปรากฏการณ์ของเขตแดนในระดับชั้นของท่าน   หรือการแสดงออกมา ปรากฏออกมาของมาตรฐานของต้าฝ่าในเขตแดน ณ ระดับชั้นที่ท่านมีอยู่ก่อนกำเนิด   ในการบำเพ็ญสามารถเผยออกมา  หรือมีการยกระดับขึ้นอย่างต่อเนื่อง   ในระหว่างการบำเพ็ญ  สภาวะที่แสดงออกมาอย่างต่อเนื่องซึ่งการรับรู้ที่สูงขึ้นของระดับชั้นที่ต่างกัน  นั่นก็คือคุณสมบัติเดิมของท่าน แต่คุณสมบัติพิเศษชนิดนี้ของความเห็นแก่ตัวแก่ตน      สิ่งนี้  คือการที่พวกท่านค่อยๆถูกปนเปื้อนในช่วงเวลาที่ยาวนานของจักรวาล  หากร่างนภาทั้งหมดของจักรวาลต่างเบี่ยงเบนออกไปจากฝ่าแล้ว  เช่นนั้นย่อมจะมีปรากฎการณ์อย่างนี้เกิดขึ้น   กระทั่งในระหว่างกันและกันใครก็ไม่สามารถรู้ได้  ก็เหมือนกับคนอยู่ในท่ามกลางกระแสใหญ่ของคนธรรมดาสามัญ  สังคมมนุษย์เสื่อมทรามจนถึงระดับที่น่ากลัวมากแล้ว  แต่ชีวิตที่อยู่ข้างในนั้น ใครก็ไม่อาจรู้สึกได้  ยังเข้าใจว่าทั้งหมดนี้ ช่างงดงามมาก  นี่คือเหตุผลหนึ่ง  ดังนั้นพวกท่านบำเพ็ญ  ไม่เพียงแต่ท่านต้องบรรลุถึงเขตแดนที่ต่างกันของระดับชั้นนั้น  พลิกฟื้นคุณสมบัติเดิมของท่านกลับมา   ในเวลาเดียวกันยังต้องทิ้งสิ่งที่ถูกปนเปื้อนในเขตแดนที่ต่างกัน ในระดับชั้นที่ต่างกัน  ในเวลาที่ต่างกัน ในท่ามกลางประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน  ต้องทิ้งไปให้หมด  สิ่งที่ข้าพเจ้าจะมอบให้พวกท่านก็คือให้พวกท่านบรรลุถึงเขตแดนที่บริสุทธิ์ที่สุดตั้งแต่มีประวัติศาสตร์(เสียงปรบมือ)

ศิษย์           ในขณะที่ฝึกพลังชุดที่ห้า  สามท่าฝึกที่เสริมความแข็งแกร่ง แยกฝึกแต่ละท่า ยี่สิบนาที  นี่ไม่สอดคล้องกับที่อาจารย์พูดนำ

อาจารย์  หากท่านสามารถฝึกพลังได้นานกว่าเวลาในเทป   คือพูดว่าท่านสามารถยืดเวลาจนเทปดนตรีฝึกพลังจบแล้วท่านก็ยังฝึกต่อได้อีก   เช่นนั้นท่านก็ฝึกต่อไป  ไม่ต้องฟังดนตรีก็เหมือนกัน  เพราะจุดประสงค์ในการฟังดนตรีของพวกเราคือ ต้องการบรรลุถึงการใช้ดนตรีมาแทนความคิดที่ฟุ้งซ่านของท่าน   มิฉะนั้นท่านจะคิดอะไรๆได้ทั้งนั้น คิดนี่คิดนั่น  และดนตรีนี้ยังเป็นดนตรีของต้าฝ่าเรา  เบื้องหลังดนตรีนี้ก็มีความนัยของเขากับพุทธธรรมที่ยิ่งใหญ่อยู่ข้างหลัง   เช่นนั้นท่านฟังดนตรีก็จะเหมือนฟังเพลงของพระพุทธ  เหมือนเสียงของพระพุทธ  ก็เป็นประโยชน์อย่างนี้   หากท่านบอกว่าฉันสามารถบรรลุสู่ความสงบ  ความคิดสามารถจะไม่คิดฟุ้งซ่าน  เช่นนั้นท่านไม่ฟังดนตรีก็เหมือนกัน                  บอกว่าฉันสามารถฝึกได้นานยิ่งขึ้น          จะไม่ฟังดนตรีก็ได้

ศิษย์           เข้าสู่ติ้ง(ความนิ่ง)กับเข้าสู่จิ้ง(ความสงบ) สัมพันธ์กันอย่างไร

อาจารย์     เข้าสู่จิ้งก็คือท่านสงบลงมาไม่คิดอะไร  ฝึกพลัง     เข้าสู่ติ้งก็คือท่านสามารถนิ่งลงมาแล้ว  เข้าสู่สภาวะนั้นที่ลืมรูปลืมตน  แต่ท่านต้องทราบว่าตนเองกำลังฝึกพลังอยู่  ลืมรูปก็คือรู้ว่าร่างกายไม่มีอยู่แล้ว  ลืมตนก็คือนอกจากตัวฉันที่ฝึกพลัง  ฉันก็จำอะไรไม่ได้แล้ว  นี่เป็นสภาวะที่ดีมากชนิดหนึ่ง            นี่เรียกว่านิ่งสนิทแล้ว  หรือเรียกว่าเข้าสู่ติ้ง

ศิษย์           สอดคล้องกับสภาพสังคมคนธรรมดาสามัญ   เวลานานแล้วจะง่ายต่อการไหลไปตามกระแส

อาจารย์      ใช่เช่นนี้   ดังนั้นข้าพเจ้าจึงบอกพวกท่าน ไม่ว่าผู้ฝึกเก่า  หรือผู้ฝึกใหม่ทั้งหมด ต้องไปฝึกพลังที่สนามฝึก  เข้าร่วมการประชุมศึกษาฝ่า เป็นต้น  ในสภาพแวดล้อมนี้จะสามารถล้างท่านให้สะอาด  ล้างคำพูด  พฤติกรรมและทัศนคติต่างๆที่ถูกคนธรรมดาสามัญปนเปื้อนทิ้งไปอย่างต่อเนื่อง

ศิษย์           เวลาที่ฝึกพลังนั้นรอบตัวสงบมากหากในทันใดมีเสียงดังมักจะสะดุ้งตกใจ
อาจารย์  ไม่เป็นไร  หากฝึกพลังอย่างอื่น จะมีการกล่าวมากมาย  ตกใจจนเสียสติอะไร  ชี่ขึ้นสู่กระหม่อมลงมาไม่ได้  เป็นต้น  พวกเราที่นี่ไม่มีปัญหานี้    และแต่ละคนล้วนจะประสบ  ไม่ว่าใครฝึกพลัง  ท่านก็จะพบกับเสียงรบกวนได้ทั้งนั้น   เสียงแตรรถยนต์ที่อยู่ไกล  เสียงเอะอะของเพื่อนบ้าน  กระทั่งในบ้านท่านเกิดเสียงดังขึ้นมาในทันใด  ล้วนจะรบกวนท่าน  นี่เป็นสิ่งที่ใครก็หนีไม่พ้น  เพราะคนมีกรรม  มีกรรมดังนั้นจึงมีความทุกข์ยาก    แต่มันจะไม่ยาวนาน  มักจะเกิดขึ้นในระยะแรกของการฝึกพลัง  แต่หลังจากบำเพ็ญได้ระยะหนึ่งแล้ว  ก็จะไม่มีปรากฏการณ์เช่นนี้อยู่อีกแล้ว

ศิษย์           ขอเชิญท่านอาจารย์พูดถึงจุดกำเนิดของการบำเพ็ญดีไหม

อาจารย์      โอ้  เรื่องนี้ที่ท่านอยากจะรู้นั้นใหญ่มากทีเดียว   ร่างนภาของจักรวาลในยุคนี้ล้วนไม่ใช่แก่นแท้ที่สุด   ท่านไม่ทราบว่าแนวคิดของจักรวาลที่ข้าพเจ้าพูดนี้ใหญ่เพียงไร   แนวคิดของจักรวาลที่พวกท่านจินตนาการกับที่ข้าพเจ้าพูดให้กับพวกท่าน ต่อให้ใหญ่ยิ่งขึ้นก็ล้วนเป็นขอบเขตที่เล็กมาก  ดังนั้นท่านอยากจะสืบเสาะเรื่องราวถึงการบำเพ็ญขึ้นมานั้น   นั่นเป็นสิ่งที่นึกไม่ถึงและไม่อาจจินตนาการได้ ดังนั้นกล่าวสำหรับท่านแล้วก็ไม่มีความหมายอะไร   โดยตัวมันเอง ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับการบำเพ็ญของพวกท่านเลย

ศิษย์           สิ่งที่อาจารย์ถ่ายทอดคือฝ่าของจักรวาล ทำไมโลกฝ่าหลุนจึงไม่อยู่ในระดับชั้นสูง

อาจารย์      แล้วทำไมโลกฝ่าหลุนจะต้องอยู่ในระดับชั้นสูงเท่านั้นละ   เพราะข้าพเจ้าพูดแล้วว่า  ข้าพเจ้ายังจะต้องทวนซ้ำประโยคหนึ่ง  ข้าพเจ้านั่งอยู่ที่นี่ ข้าพเจ้าก็คือคนๆหนึ่ง  ท่านก็ถือว่าข้าพเจ้าเป็นคนก็แล้วกัน  ข้าพเจ้าก็เหมือนกับพวกท่าน ต้องกินข้าว ต้องนอนหลับ  แน่ละ  ชีวิตของแต่ละคนล้วนมีที่มา   ข้าพเจ้าก็มีที่มาของข้าพเจ้า   สถานีสุดท้ายที่ข้าพเจ้ามาทำเรื่องนี้คือโลกฝ่าหลุน  ดังนั้นนอกเหนือจากโลกฝ่าหลุน  ก็อาจจะมีที่ที่ข้าพเจ้าเคยอยู่ หรือโลกที่สร้างอยู่ใน ระดับชั้นต่างๆที่สูงยิ่งกว่า   สำหรับเรื่องนี้อย่าไปสนใจมัน             อย่าใส่ใจกับเรื่องนี้

ศิษย์            เทพที่อยู่ในระดับชั้นสูงมากนั้นไม่มีรูปลักษณ์อย่างร่างคน  ที่นั่นยังแบ่งเป็นพระพุทธกับเต๋าหรือไม่
อาจารย์    ข้าพเจ้าจำได้ว่าข้าพเจ้าเคยเขียนจิงเหวินบทหนึ่งให้กับพวกท่าน  จักรวาลนั้นใหญ่เหลือเกินแล้ว   แนวคิดเกี่ยวกับพระพุทธในปัจจุบันคือการรับรู้ในอดีตของพวกท่านต่อพระพุทธ  นั่นเล็กมาก   ที่จริงแนวคิดเกี่ยวกับพระพุทธนั้นใหญ่มาก  แม้จะใหญ่ถึงเพียงนั้น  ก็ไม่พ้นไปจากขอบเขตของจักรวาลที่ใหญ่เหลือเกิน  แนวคิดเกี่ยวกับเต๋าก็ไม่อาจครอบคลุมจักรวาลที่กว้างใหญ่ ดังนั้นจึงพูดว่า  พอถึงระดับชั้นที่แน่นอนหนึ่งก็ไม่มีพวกเขาอยู่เลย    แต่ข้าพเจ้าเลือกรูปลักษณ์ของพระพุทธ  ที่ผ่านมาข้าพเจ้าไม่มีร่างกายที่เป็นรูปลักษณ์   ปัญหานี้พูดสูงมากแล้วละ   เมื่อก่อนข้าพเจ้าก็เคยพูดกับทุกท่าน  ว่าข้าพเจ้าเลือกรูปลักษณ์ของพระพุทธ  ข้าพเจ้าถ่ายทอดต้าฝ่าของจักรวาลโดยยืนอยู่บนจุดฐานของพระพุทธ   ที่จริงข้าพเจ้ามีรูปลักษณ์ครบถ้วนทุกอย่าง  ข้าพเจ้าคิดว่าหากท่านอ่านหนังสือให้มาก  จะทราบเรื่องนี้ได้  เมื่อก่อนข้าพเจ้าเคยพูดเรื่องนี้แล้ว

ศิษย์           พวกเราเป็นศิษย์ของท่านอาจารย์   หลังจากบำเพ็ญสำเร็จแล้วจะทราบหรือไม่ว่าข้างบนที่สูงที่สุดยังมีอาจารย์อยู่
อาจารย์    บ้างใช่ แต่ก็เท่านั้นเอง  บ้างไม่ใช่  เพราะทุกสิ่งข้างบนนั้นจะไม่เผยออกมาให้กับท่าน  อะไรท่านก็จะไม่ทราบทั้งสิ้น  ดังนั้นในแนวคิดของท่าน  ก็คือข้างบน อะไรก็ไม่มีเลย พอท่านมองลงข้างล่าง  มองปราดเดียวก็รู้  อะไรๆก็ปรากฏอยู่ใต้สายตาท่าน  แต่เหนือท่านขึ้นไป อะไรก็ไม่มีทั้งนั้น สภาพการณ์ที่แสดงออกมาในเขตแดนนั้น ไม่ใช่สิ่งที่ท่านจะสามารถเข้าใจได้ในขณะนี้  ถึงแม้ข้างบนจะมีหลักการของฝ่า  ซึ่งข้าพเจ้าพูดไว้สูงมาก  แต่ข้าพเจ้าเพียงแต่ใช้ภาษาคนพูด  พอถึงเวลานั้นหลักการของฝ่าทั้งปวงที่พวกท่านทราบ   หลักการของฝ่าที่ได้ยินจะไม่ใช่ภาษาอย่างนี้ที่ข้าพเจ้าบรรยายให้กับพวกท่านในขณะนี้   ทัศนคติทั้งหมดจะเกิดการเปลี่ยนแปลง   ทุกสิ่งของข้างบนนั้น กล่าวสำหรับท่าน ก็คล้ายกับไม่มีอยู่    พวกท่านสามารถคิดว่าข้างบนในระดับชั้นสูงยิ่งขึ้นอาจจะยังมีอีก   ใช่หรือไม่ว่า อย่างน้อยที่สุด อาจารย์ยังอยู่ข้างบน  ก็เป็นเพียงแค่นี้  กระทั่งสิ่งเหล่านี้จะกลายเป็นสิ่งเลือนราง   เพราะนั่นกำหนดโดยมรรคผลของท่าน  ตัดสินโดยระดับชั้นของท่าน  หลังจากท่านบำเพ็ญถึงระดับชั้นนั้นของท่าน   สิ่งที่อยู่ข้างล่างท่าน ท่านจะมีอำนาจเหนือทุกสิ่ง  แต่ข้างบนของท่าน            ท่านกลับไม่มีอำนาจใดๆเลย

ศิษย์           ในงานนิทรรศการสุขภาพ จะต้องแขวนภาพฝ่าหลุนหรือไม่

อาจารย์      นิทรรศการสุขภาพนี้มาจากความรักอย่างลึกซึ้งที่เหล่าผู้ฝึกมีต่อต้าฝ่า อยากจะให้คนได้ฝ่ามากยิ่งขึ้น  พูดถึงว่าจะแขวนภาพฝ่าหลุนนี้หรือไม่   อย่าใช้ทัศนคติของคนไปพิจารณา   แต่เรื่องประเภทนี้    ข้าพเจ้าเสนอแนะมาโดยตลอดว่าต้องทำไปตามเหตุการณ์   เรื่องใดๆก็อย่าได้ทำจนเกินเลย   เนื่องจากพวกเราอาศัยรูปแบบของสังคมคนธรรมดาสามัญในการบำเพ็ญ  ดังนั้นพวกเราต้องบำเพ็ญโดยสอดคล้องกับสังคมคนธรรมดาสามัญให้มากที่สุด  คำพูดนี้หาใช่เพียงปรากฏออกมาในรูปแบบการบำเพ็ญของท่านเท่านั้น   การหงฝ่า(เผยแพร่ฝ่า)ของท่าน  การฝึกพลังของท่าน  พฤติกรรมทั้งหลายของท่านล้วนจะปรากฏจุดนี้  จึงจะสามารถทำให้คนมากยิ่งขึ้นเข้าใจได้  จึงจะสามารถทำให้คนได้ฝ่า  อย่าทำให้คนเข้าใจว่า  ท่านดำเนินการเรื่องศาสนา  ทำเรื่องงมงาย   ไม่เข้าใจท่าน  กลายเป็นองค์ประกอบที่ขัดขวางคนได้ฝ่า    ก็จะไม่ดีแล้ว  ดังนั้นเรื่องอะไรล้วนต้องให้พอเหมาะพอดี            ในจุดนี้พวกเราต้องมีสติสัมปชัญญะ

ศิษย์           หลังจากศิษย์หยวนหมั่นแล้วสามารถจะพบอาจารย์ได้หรือไม่
อาจารย์      ท่านยังไม่ทันหยวนหมั่นก็คิดถึงเรื่องหลังจากหยวนหมั่น  ดังนั้นขณะนี้ท่านต้องตั้งอกตั้งใจกับการบำเพ็ญอย่างเดียว    ที่ผ่านมาข้าพเจ้าเคยพูดกับพวกท่านว่า  ข้าพเจ้าสามารถปรากฏออกมาในเขตแดนทุกระดับชั้น   ข้าพเจ้ามีรูปลักษณ์ของร่างกายที่ครบถ้วนทั้งปวง จากข้างบนถึงข้างล่าง นี่เป็นเรื่องที่พวกท่านไม่อาจเข้าใจได้  ยังรวมถึงที่ของคนตรงนี้  ข้าพเจ้าคิดจะมาก็มาข้าพเจ้าจำได้ว่าเคยเขียนกลอนบทหนึ่ง เรียกว่า “ นภาไกลโพ้นไร้ขอบเขต  (เพียง)เคลื่อนย้ายความคิดก็มาถึงตรงหน้า .......”  ไม่ว่าจะใหญ่เพียงไร   สำหรับชีวิตในระดับชั้นที่ต่างกัน  หากจะเลยล้ำไปจากระดับชั้นของเขาก็เป็นไปไม่ได้เลย  หากจะเลยล้ำสู่ระดับชั้นข้างล่างที่เขาอยู่  ล้วนมีเวลาคั่นไว้  หรือพูดว่ามีเวลามาเกี่ยวข้อง ต้องใช้เวลา   แต่กล่าวสำหรับอาจารย์  ไม่มีแนวคิดด้านกาลเวลาใดๆที่ขวางกั้นข้าพเจ้าได้  แน่ละ  นี่เป็นเรื่องที่พวกท่านไม่สามารถเข้าใจได้ในขณะนี้

ศิษย์           เพื่อที่จะช่วยพวกเรา          เหตุใดท่านอาจารย์ยังต้องกลับชาติเกิดหลายครั้งในโลกมนุษย์
อาจารย์   เนื่องจากพวกเราที่นั่งอยู่  ไม่ใช่เป็นคนทั้งหมด  และไม่ใช่มายังโลกในยุคสมัยเดียวกัน  หากข้าพเจ้ากลับชาติเกิดเพียงครั้งเดียว  ฉะนั้นคนที่ยังมากันอีกภายหลัง เขาก็ไม่มีทางผูกวาสนากับข้าพเจ้า แล้วจะทำอย่างไรละ  องค์ประกอบมากมายที่ซับซ้อนล้วนกำลังเตรียมการเพื่อเรื่องนี้  และข้าพเจ้าล้วนเคยกลับชาติเกิดอยู่ในประเทศต่างๆ  ชนชาติต่างๆ   กี่ภพเมื่อก่อนนี้ก็อาจจะเคยเป็นฮ่องเต้  กษัตริย์  แม่ทัพ  นักบวช  ปัญญาชน นักรบของประเทศของพวกท่าน (เสียงปรบมือ) ถือว่าพูดเล่นละกัน          ที่พูดไปนั้นเกี่ยวเนื่องกับความสัมพันธ์แต่ชาติปางก่อน

ศิษย์           น้ำทะเลคือน้ำยาหยดหนึ่งของพระพุทธ   ขอเรียนถามว่าเหตุใดน้ำตาพระพุทธจึงปรากฏออกมาในมิติของเรา
อาจารย์    ก็เหมือนกับเทพบนสวรรค์ที่สามารถตกลงมาเป็นคนบนโลก นี่ควรจะเข้าใจได้  น้ำทะเลนั้นคือน้ำตาหยดหนึ่งของพระพุทธ   หากท่านนำน้ำทะเลนี้ขึ้นไปบนสวรรค์อีก  พระพุทธองค์นั้นก็จะบอกว่าอะไรก็ไม่เอาแล้ว เพราะมันสกปรกเกินไป

ก็คือพูดว่า มันเป็นสสารในเขตแดนนี้แล้ว

ศิษย์           หนูยังเป็นเด็ก        พ่อแม่ไม่ยอมให้หนูบำเพ็ญ      ควรทำอย่างไรดี
อาจารย์   ถ้าหนูรู้ความแล้ว  หนูก็ควรเป็นตัวของตัวเอง  จะบำเพ็ญหรือไม่ เป็นเรื่องของหนูเอง   หากหนูต้องการจะบำเพ็ญจริงๆ   ข้าพเจ้าคิดว่าพ่อแม่ของหนูคงสร้างอุปสรรคให้กับหนูเหมือนกับปฏิบัติต่อผู้ใหญ่อย่างนั้น  ที่สำคัญคือดูว่าหนูจะแน่วแน่หรือไม่   ใครที่เริ่มต้นบำเพ็ญล้วนแต่จะพบกับความยากลำบาก  ล้วนจะมีอุปสรรค    เมื่อวานนี้มีผู้ฝึกคนหนึ่ง  เขาอยากจะเข้าร่วมฝ่าฮุ่ย  โรงเรียนไม่ยอมเปิดประตูให้เขา   เขาไม่สามารถเอาที่อยู่(ของที่ประชุมฝ่าฮุ่ย)นั้นซึ่งไว้อยู่ในโรงเรียน  นี่ก็คืออุปสรรคของเขา  ใครที่ได้ฝ่าล้วนจะพบกับอุปสรรค   แต่อุปสรรคนั้นปรากฏออกมาน้อยมากแล้ว  แม้แต่อุปสรรคเล็กน้อยแค่นี้ก็ทะลวงไม่ผ่านก็ใช้ไม่ได้  ฝ่านั้นไม่อาจได้กันตามชอบใจ  อย่าเห็นว่าพวกท่านนั่งอยู่ตรงนี้   บางทีพวกท่านได้ทุ่มเทไม่รู้เท่าไรเพื่อฝ่านี้จึงก่อเกิดวาสนานี้   รวมทั้งในยุคประวัติศาสตร์ที่ต่างกัน  ไม่รู้ว่าต้องทุ่มเทอย่างเหนื่อยยากสักเท่าไรจึงสามารถได้มา   มีบางอย่างที่พวกท่านทราบ  มีบางอย่างที่พวกท่านไม่ทราบ  ในชั่วพริบตานั้นที่ท่านพบฝ่าท่านรู้สึกว่าเป็นธรรมชาติมาก   ที่จริงการประสานเวลาและสถานที่(ให้ท่าน)ได้รับฝ่านั้น  ก็ได้ทุ่มเทอย่างเหนื่อยยากลำบากแล้ว   เรื่องเหล่านี้พวกท่านไม่ทราบ

ศิษย์           ผู้ฝึกคนหนึ่งที่เป่ยจิงได้เรียบเรียงคู่มือเปรียบเทียบสำหรับการแปลต้าฝ่าภาษาจีน-อังกฤษสมควรจัดการอย่างไรดี
อาจารย์      ข้าพเจ้าต้องพูดอย่างนี้  เขาคิดจะทำเรื่องที่ดีเพื่อต้าฝ่า  แต่หนังสือเล่มนี้ไม่อาจออกมาได้อย่างเด็ดขาด  เนื่องจากคำศัพท์ใดๆในต้าฝ่าล้วนไม่อาจจำกัดความหมายตามคนธรรมดาสามัญ   ทุกท่านทราบ  หนังสือของต้าฝ่าที่ออกมาทั้งหมดล้วนเป็นฝ่าที่ข้าพเจ้าพูดออกมา   ล้วนเป็นสิ่งที่ข้าพเจ้าพูด  หนังสือที่ออกมาล้วนปรับแก้กับมือของข้าพเจ้าเอง  ที่ไม่ได้ผ่านการปรับแก้ของข้าพเจ้า  หรือไม่ได้รับความเห็นชอบจากข้าพเจ้า ล้วนไม่อาจนำออกมาตามชอบใจ  และก็ไม่ใช่ของๆข้าพเจ้า   และก็ไม่ใช่ของๆต้าฝ่าเรา   ถ้าใครปรับแก้เอกสารตามชอบใจ นี่ล้วนใช้ไม่ได้ทั้งสิ้น  ที่ผ่านมาข้าพเจ้าเคยพูดเรื่องนี้แล้ว  แน่ละจุดประสงค์ของผู้ฝึกนั้นดี  แต่ของเหล่านี้ต้องเก็บกลับคืน

ศิษย์           ร่างกายคนในยุคนี้งดงามที่สุด  ใครก็อยากได้  นี่เกี่ยวข้องกับการจัดวางเจิ้งฝ่าหรือไม่
อาจารย์      ร่างกายคนในยุคนี้ไม่ใช่ดีที่สุด  ทุกท่านทราบ  ร่างกายคนในยุคกลางของจักรวาลนั้นงดงามที่สุด    ไม่ได้หมายถึงยุคกลางของอารยธรรมมนุษย์ครั้งนี้  นี่ไม่ใช่สิ่งที่แนวคิดของพวกท่านจะสามารถรับไหว  ดังนั้นเรื่องเหล่านี้พวกท่านไม่ต้องไปคิดให้มากเกินไป

ศิษย์           ความคิดของผมถูกสิ่งที่เลวที่สุดควบคุม   อ่านหนังสือศึกษาฝ่าแทบจะไม่เกิดประโยชน์อาจารย์ยังจะช่วยผมหรือไม่
อาจารย์      ข้าพเจ้าจะแบ่งพูดเป็นสองด้าน   หากท่านเป็นคนชนิดนั้นที่ข้าพเจ้าเขียนไว้ในจิงเหวินบทล่าสุดนั้น   เมื่อก่อนไม่ได้ถือว่าข้าพเจ้าเป็นอาจารย์ หรือตลอดมาท่านเหมือนกับที่จิงเหวินบทนั้นพูดไว้   ท่านถูกสิ่งเหล่านี้ควบคุมตลอดมา  ก็คือท่านไม่ยึดมั่นแนวทางเดียว   เช่นนั้นจิตสำนึกหลักของท่านต้องเข้มแข็ง  ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรท่านล้วนไม่หวั่นไหว  ท่านไม่ต้องสนใจว่ามันจะเพ่นพ่านวุ่นวายหรือไม่  ตรงไหนเจ็บปวดหรือไม่  ท่านก็ไปศึกษา บำเพ็ญ  ยืนหยัดต่อไป  อะไรก็จะเปลี่ยนแปลงได้       ผู้บำเพ็ญคนหนึ่งท่านรู้สึกว่าร่างกายมีความรู้สึกที่ไม่ดี   โดยตัวมันเองนี่มิใช่เรื่องที่ดีหรือ  หากท่านไม่บำเพ็ญ  ก็จะไม่อาจทำให้สิ่งที่ไม่ดีเหล่านั้นในร่างกายท่านตกใจได้   จิงเหวินเขียนออกมาแล้ว  คือการให้โอกาสพวกท่านสักครั้ง  หากท่านไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงตนเอง  ท่านก็จะสูญเสียโอกาสนี้ไป เหตุใดร่างกายจึงเปลี่ยนจนถึงขั้นนี้  เพราะตัวท่านเองทำเอง  ตัวท่านเองยังต้องรับรู้เอาเองจากสภาพการณ์ในชั้นนี้  ท่านคิดว่า  พอฉันสำนึกเสียใจแล้ว  อาจารย์ก็จะช่วยเปลี่ยนแปลงให้ฉันทั้งหมดในทันที            นี่ใช้ไม่ได้        นี่ไม่ใช่การบำเพ็ญ

การบำเพ็ญนั้นเข้มงวด   ท่านยืนหยัดตนเองเรื่อยไป  ศึกษาฝ่าเรื่อยไป  ในขั้นตอนของการรับรู้อย่างต่อเนื่อง  ก็จะค่อยๆเปลี่ยนแปลงกลับมา    ที่ผ่านมาท่านไม่ได้บำเพ็ญอยู่ในต้าฝ่าอย่างแท้จริง   ท่านก็อ่านหนังสืออยู่  แต่เป้าหมายของการอ่านหนังสือของท่านคือเพื่อปรับเปลี่ยนร่างกายของท่าน เป้าหมายของการอ่านหนังสือของท่านคือเพื่อปัดเป่าสิ่งที่ท่านคิดว่าเป็นทุกข์ภัยออกไป  ข้าพเจ้านำต้าฝ่าออกมาถ่ายทอดเพื่อช่วยเหลือคน  เพื่อให้คนบำเพ็ญหยวนหมั่น  หาใช่เพื่อแก้ไขภัยพิบัติอะไรหรือรักษาโรคให้คน   หรือขจัดอะไรที่คนเข้าใจว่าเป็นของไม่ดี   ดังนั้นท่านต้องมีความคิดที่อยากจะบำเพ็ญอย่างแท้จริง   ในเวลาที่ศรัทธาแน่วแน่ต่อต้าฝ่า  ทุกสิ่งของท่านจึงจะเกิดการเปลี่ยนแปลง   ท่านบอกว่าก็เพื่อสิ่งเหล่านี้ ฉันจึงศึกษาต้าฝ่า  อะไรท่านก็จะไม่ได้  เพราะอะไร  เรามิใช่ไม่เมตตาต่อคน   เพราะผู้ที่ข้าพเจ้าดูแลคือผู้ฝึก คือการบำเพ็ญ  แต่กรรมที่คนสร้างเอง ตนเองก็ต้องไปชดใช้เสมอ (เสียงปรบมือ)

ศิษย์           เรียนท่านอาจารย์ให้ความกระจ่าง เรื่อง  มูลเหตุอะไรที่ทำให้ชีวิตในระดับชั้นที่ต่างกันของจักรวาลมีปฏิกิริยาต่อต้าฝ่าไม่เหมือนกัน
อาจารย์      นี่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับการบำเพ็ญของท่านแม้แต่น้อย   ความลับเหล่านี้ของสวรรค์  ข้าพเจ้าก็ไม่อาจบอกกับท่านได้   ข้าพเจ้าขอบอกทุกท่าน  จักรวาลทั้งหมดในช่วงกาลเวลาที่ยาวนานได้เบี่ยงเบนออกไปจากต้าฝ่าของจักรวาลนี้แล้ว   เมื่อทั้งหมดเบี่ยงเบนไปแล้วจึงไม่รู้ว่าตนเองทั้งหมดเบี่ยงเบนไปแล้ว   มีแต่ส่วนที่ถูกปรับข้ามมาแล้วมันจึงรู้  ก็เหมือนกับคน  ก็เหมือนพวกท่านผู้บำเพ็ญที่นั่งอยู่ในวันนี้   วันนี้พวกท่านหันกลับไปมองคนธรรมดาสามัญ  พวกท่านจึงรู้ว่าคนธรรมดาสามัญไม่ดีแค่ไหนแล้ว  ก่อนหน้านั้นที่พวกท่านไม่ได้บำเพ็ญ   จะสังเกตไม่ออกโดยสิ้นเชิงนี่คือเหตุผลหนึ่ง           ในเขตแดนที่ต่างกันย่อมมีวังวนของเขตแดนที่ต่างกัน

ศิษย์           นับร้อยล้านปีจากนี้ไป ชีวิตล้วนต้องจดจำให้แม่นที่จะแสวงหาจากภายในตลอดเวลา
อาจารย์      นี่เป็นสภาวะของผู้บำเพ็ญ  เป็นคนละเรื่องกับเทพ  กล่าวสำหรับชีวิตหนึ่ง การบำเพ็ญนั้นไม่ใช่เป้าหมาย  เป็นเพียงวิธีการเลื่อนกลับขึ้นไป  ใช้ความคิดของคนคิดเรื่องของเทพ จะคิดออกได้อย่างไรกัน  ไม่ใช่เรื่องเดียวกันโดยสิ้นเชิง   คนนั้นหนา  ที่ข้าพเจ้าบอกว่า เห็นคุณค่าด้านที่เป็นคนของพวกท่านเพราะพวกท่านสามารถบำเพ็ญ  หาใช่เห็นคุณค่าความเป็นคนของพวกท่าน  กล่าวสำหรับเทพ คนนั้นสกปรก  ถึงแม้กล่าวสำหรับข้าพเจ้าแล้ว ก็เป็นเพียงว่าในจักรวาลไม่อาจจะขาดระดับชั้นที่ต่ำที่สุดนี้ได้เท่านั้นเอง  ดังนั้นความคิดของพวกท่านมักจะจำกัดอยู่ที่คนตรงนี้   รู้สึกว่าคนเป็นอย่างไรๆ  ใช้ความคิดของคนไปคิดเรื่องเทพ   ท่านก็คิดไม่ออกโดยสิ้นเชิง  ก็เหมือนกับเทพที่ไม่มีความคิดของคน คือเหตุผลเดียวกัน

ศิษย์           เหตุใดคนที่มีเป้าหมายที่ไม่บริสุทธิ์ มาศึกษาฝ่ายังสามารถขจัดโรครักษาสุขภาพ  ยังสามารถได้รับโชคลาภละ                                                                                                                                                                                                                                             

อาจารย์      เพราะนี่คือปรากฏการณ์ของต้าฝ่าในระดับชั้นที่ต่ำที่สุด   เนื่องจากต้าฝ่าของจักรวาลไม่ใช่เพื่อ  เสนอการบำเพ็ญให้กับคน  เขาก่อตั้งสภาพแวดล้อมในการดำรงชีวิตในระดับชั้นที่ต่างกันให้กับชีวิตในระดับชั้นที่ต่างกัน  เช่นนั้นในสภาวะนี้ของระดับชั้นของคนซึ่งต่ำที่สุด  ในสภาพแวดล้อมการดำรงชีวิตของคน  ในการปรากฏของฝ่าในระดับชั้นนี้  ท่านสัมผัสได้แล้ว  แน่ละคนนั้นถ้าเขาไม่ได้บำเพ็ญ  คนก็คือคน  เช่นนั้นสภาวะที่ดีที่สุดของคนคือไม่มีโรค  สุขภาพแข็งแรง  มีโชคลาภ        ท่านสัมผัสต้าฝ่าได้แล้ว           จึงสามารถได้รับเพียงแค่นี้

ศิษย์           อาจารย์บอกว่า  ในเวลาที่ต้าฝ่าปรากฏออกมาในหมู่มนุษย์  สิ่งที่พวกท่านสูญเสียไปยังไม่ใช่เพียงสิ่งเหล่านี้
อาจารย์      ใช่   จักรวาลมีความกว้างใหญ่เพียงไรละ   เทพในระดับชั้นที่ต่างกัน  ในเขตแดนที่ต่างกันที่ฝ่าฝืนกฎสวรรค์นั้นล้วนต้องตีตกลงมา   ในช่วงเวลาที่ยาวนานเขาเปลี่ยนเป็นไม่ดีแล้ว  ไม่อาจอยู่ในเขตแดนนั้นได้แล้ว   เขตแดนของเขาจะตกต่ำลง  บ้างก็เปลี่ยนไม่ดีอย่างยิ่งแล้ว จะถูกตีตกลงมาถึงระดับชั้นของคนนี้  บ้างก็เปลี่ยนจนเทียบกับคน ก็ยังไม่ได้   นั่นก็เป็นคนยังไม่ได้เลย  กระทั่งถูกทำลายทิ้ง  นับประสาอะไรกับคนละ  หรือพูดว่าสิ่งที่พวกท่านสูญเสียไปยังไม่ใช่เพียงเท่านี้  ก็คือความหมายนี้  ฝ่าปรากฏออกมาในโลกนี้ ณ ขั้นนี้  ขณะนี้พวกท่านยังเพียงแต่บำเพ็ญ   เขายังไม่ได้อยู่ในขั้นนั้น   แสดงพลานุภาพของฝ่าออกมาในโลก หากปรากฏออกมาในโลก จริงๆ  ก็คือฝ่าที่ปรับโลกมนุษย์   ถึงเวลานั้นก็จะเผชิญกับปัญหาของคนที่ไม่ดีแบบต่างๆจะถูกกวาดทิ้ง กวาดทิ้งไปถึงที่ไหนหรือ   นั่นก็ดูว่าตำแหน่งของเขาควรจะอยู่ที่ไหน

ศิษย์           การบำเพ็ญนั้นมีวันที่สิ้นสุด  หากถึงวันที่สิ้นสุดแล้ว เรายังบำเพ็ญไม่สำเร็จ.........
อาจารย์      คิดมากมายอย่างนี้ไปทำไม  ข้าพเจ้าขอย้ำเรื่องนี้อีกครั้งหนึ่งว่า  การคิดเรื่องนี้ก็คือยึดติด  ปล่อยวางมันไม่ต้องไปคิด  รับรองว่าเวลาของการบำเพ็ญที่ให้ท่านนั้นเพียงพอ   แต่ท่านไม่ฉกฉวยเวลาก็ใช้ไม่ได้   ท่านบอกว่าฉันค่อยๆบำเพ็ญละกัน  จะพอใช้หรือไม่นะ  ไม่พอใช้  เพราะฝ่าก็เข้มงวดใช่ไหม

ศิษย์           เลือดของผู้บำเพ็ญมีค่ามาก            เหตุใดจึงยอมให้ยุงดูดไปละ

อาจารย์     ในระหว่างการบำเพ็ญของท่าน  ในเวลาที่กรรมของตัวท่านเองปล่อยออกมา  ท่านทราบหรือไม่ว่าเลือดนั้นของท่านสกปรกเพียงไร   ท่านทราบหรือไม่ว่าสิ่งที่ยุงดูดไปนั้นเป็นของสกปรกทั้งนั้น   แน่ละในขณะที่พวกเรากำลังบำเพ็ญอยู่ ร่างกายจะแข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ   ในเวลาที่ดีกว่าคนธรรมดาสามัญยิ่งขึ้นเรื่อยๆ   อาจจะมีเรื่องอย่างนี้    สมมติว่ายุงตัวนั้น ในชาติก่อนคือชีวิตที่ถูกท่านฆ่าตาย  ท่านไม่ต้องชดใช้มันหรือ แต่ที่ดูดไปย่อมไม่ใช่สิ่งที่มีค่าอย่างแน่นอน   อย่าเอาแต่เห็นว่าตนเองถูกทำร้ายอย่างไร  ทำไมไม่ลองคิดดูว่ากรรมทั้งหลายที่ติดค้างไว้จะชดใช้ได้อย่างไรละ    ชาติก่อนมีบางคนฆ่าคนมากเกินไป  ทำเรื่องชั่วก็มากเหลือเกิน   วันนี้ท่านคิดจะบำเพ็ญ  ยุงก็จะกัดท่านไม่ได้   ท่านปัดๆก้นก็จะไปแล้ว   จะเป็นไปได้อย่างไรละ  หากท่านเป็นคนที่บำเพ็ญดีมากหรือเป็นคนที่มีกรรมน้อยมาก  ท่านดูซิว่ายุงนั้นจะมาที่ข้างตัวท่านหรือไม่    มันกัดคนรอบข้าง  ก็จะไม่กัดท่าน   เพราะในเวลาที่ร่างกายท่านไม่มีกรรมสีดำ  ยุงก็ไม่กล้าเข้ามาในสภาพแวดล้อมชนิดที่เป็นหยางบริสุทธิ์นี้     เนื่องจากมีสภาพแวดล้อมที่เป็นอินอยู่ยุงจึงมา   เมื่อสอดคล้องกับมัน  พอมันชอบแล้ว  เลือดของท่านสอดคล้องกับมาตรฐานของมัน  มันจึงชอบดื่ม    หากเลือดของท่านบริสุทธิ์  ยุงกลับรู้สึกว่าไม่ดี    เป็นเหตุผลนี้หรือไม่(เสียงปรบมือ)

ศิษย์           สสารในอีกมิติล้วนคงอยู่อย่างแท้จริง   เหตุใดจึงยังเกิดปัญหา การแปรผันไปตามใจนึกละ
อาจารย์   ถูกละ  อย่าคิดแต่จะเจาะเข้าโพรงเขาควาย(มุ่งเข้าสู่ทางตัน)อยู่เรื่อย   ข้าพเจ้าเคยพูดว่า ความคิดของคนล้วนเป็นสสาร  สิ่งที่ท่านคิดล้วนจะสามารถเป็นจริง   คำที่ท่านพูดออกมา  สิ่งที่ท่านพูดล้วนมีรูปลักษณ์    เพียงแต่ท่านมองไม่เห็น   ทั้งหมดล้วนเป็นสสาร    สสารในสายตาของคนกับในสายตาของเทพนั้นไม่ใช่เรื่องเดียวกัน   รูปแบบการคงอยู่ของสสารที่คนมองเห็นนั้นไม่ใช่ของจริง  และไม่ใช่จะไม่เคลื่อนไหว นี่เป็นปรากฏการณ์ที่แท้จริงของการคงอยู่ของจักรวาล   เพราะความคิดของคนไม่ดีอย่างยิ่งแล้ว  สิ่งที่คิดออกมาล้วนแต่ ชั่ว เลว  ไม่ดีงาม  มีการแสวงหา  เห็นแก่ตัว  มีฉิงอยู่ ฯลฯ เป็นต้น  ดังนั้นสิ่งที่คิดออกมาล้วนเป็นมายาภาพ  ท่านนั้นมักจะเจาะเข้าโพรงเขาควาย(มุ่งเข้าสู่ทางตัน)จากทางด้านหนึ่ง    เหตุใดจึงพูดว่าสติปัญญาของพระพุทธยิ่งใหญ่ละ   วิธีคิดของเขากับท่านไม่เหมือนกัน   ความจุของเขามาก  เขาไม่ได้คิดปัญหาจากเพียงด้านเดียว

ศิษย์           ผมเป็นผู้ฝึกชาวตะวันตก  รู้สึกคำว่า “รัก” ดูเหมือนจะสูญเสียตำแหน่งของมัน  ใน “จ้วนฝ่าหลุน”
อาจารย์   ข้าพเจ้าขอบอกท่าน  คำว่า รัก ที่พระเยซู   พระแม่มารีและพระยะโฮวา กล่าวนั้น ไม่ใช่ความรักที่คนเข้าใจ   ทว่าคือความเมตตา  เพียงแต่มนุษย์ในปัจจุบันไม่มีคำว่า “ความเมตตา” สองตัวอักษรนี้ในภาษาตะวันตก   ดังนั้นคนรุ่นต่อมาจึงใช้ “รัก” คำนี้มาแทนที่คำที่เทพพูด     “รัก” คำนี้กล่าวสำหรับเทพแล้วมันสกปรก  ความเมตตาจึงจะมีความศักดิ์สิทธิ์    เนื่องด้วยรัก  คนจึงหมกมุ่นอยู่ในตัณหา เนื่องจากความรัก  คนจึงมัวเมาอยู่ในความชั่วร้ายของการสำส่อนทางเพศ  เนื่องจากความรัก คนสามารถทำเรื่องที่ไม่ดีมากมาย  เรื่องที่เทพไม่อาจจะยอมทนได้  ความรัก มีด้านหนึ่งที่มนุษย์เห็นว่าดีงามของการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน  ในขณะเดียวกันก็มีด้านหนึ่งที่เป็นลบคงอยู่ด้วย  ส่วนความเมตตาล้วนแต่ดีทั้งหมด  ดังนั้นความรักที่เทพทางตะวันตกในอดีตพูดกัน   ข้าพเจ้าจะขอบอกพวกท่านอย่างชัดเจนอีกครั้ง  นั่นเรียกว่า “ความเมตตา”  หาใช่ความรักที่คนพูดกันในโลก เป็นเพราะในวัฒนธรรมของพวกท่านไม่มีแนวคิดเรื่องความเมตตา   คนยุคโบราณของพวกท่าน เพียงแต่ใช้ “ความรัก” คำนี้บันทึกสิ่งที่เทพพูดกันเท่านั้น

ศิษย์           กล่าวสำหรับชาวตะวันตก “การสิงร่าง”นั้นแปลกประหลาดมาก ยากที่จะเข้าใจได้  จะอธิบาย“การสิงร่าง”อย่างชัดเจนให้ชาวตะวันตกได้อย่างไร
อาจารย์    ในสังคมตะวันตกก็มีการเวียนว่ายตายเกิดหกทางอยู่เช่นกัน   กล่าวสำหรับคนแล้วนี่เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้  เพียงแต่พระเยซูพูดถึงแต่นรก ไม่ได้พูดถึงการเวียนว่ายตายเกิด  พระเยซูบอกว่าคนนั้นมีบาป  และไม่ได้บอกว่าคนมีบาปเพราะมีกรรม  ซึ่งเป็นเพราะวัฒนธรรมของคนต่างกัน  สำหรับเรื่องการสิงร่าง  ไม่ใช่ว่าวัฒนธรรมตะวันตกไม่มีเรื่องนี้  พวกท่านจำเรื่องใน “คัมภีร์ไบเบิลฉบับใหม่” ที่ว่าพระเยซูไปช่วยรักษาคนที่ถูกผีสิงร่างได้ไหม  ใน“พระคัมภีร์”มีการบันทึกไว้  และผีเหล่านั้นพูดว่า  เรื่องเหล่านี้ไม่เกี่ยวกับท่าน  ไม่ใช่เรื่องของท่าน  แต่พระเยซูกลับต้องการจัดการมันทิ้งไปให้ได้  เมื่อมองจากจุดนี้  ท่านยังเข้าใจวัฒนธรรมของตนเองได้ไม่ครบถ้วน

ศิษย์           “ถูกตีไม่ตีตอบ  ถูกด่าไม่ด่าตอบ” พวกเราจะพูดได้ไหมว่า   - พวกท่านทำอย่างนี้ไม่ถูกต้อง
อาจารย์  กล่าวสำหรับผู้บำเพ็ญโดยทั่วไป “ถูกตีไม่ตีตอบ  ถูกด่าไม่ด่าตอบ”เป็นวิธีการแสดงออกที่เหมาะสมที่สุดวิธีหนึ่ง     เนื่องจากเมื่อเขาตีท่าน  ด่าท่านล้วนเป็นเพราะความถูกผิด ก็คือความขัดแย้ง  ท่านต้องพูดกับเขาว่า  คุณไม่ควรตีฉัน  ไม่แน่ว่าเขายังจะตีท่านอีกหลายที  ถ้าท่านพูดเหตุผลกับเขา เช่นนั้นท่านก็จะถลำเข้าไปอยู่ในความขัดแย้งกับเขา  มีแต่การไม่ใส่ใจเขา ก็จะจบเรื่อง  ดังนั้นคำพูดนี้ “ถูกตีไม่ตีตอบ  ถูกด่าไม่ด่าตอบ”เป็นวิธีการที่เหมาะสมที่สุด (เสียงปรบมือ)พวกเราบางคนที่สามารถทำได้ถึงจุดนี้  ข้าพเจ้าว่าเขาก็บำเพ็ญได้ดีจริงๆ  ไม่เลว  บางคนรู้ ท่านตีฉันแล้ว  ฉันไม่ตีท่าน   ท่านด่าฉันแล้ว  ฉันไม่ด่าท่าน   แต่มักจะรู้สึกค้างคาอยู่ในใจ  มักจะต้องพูดสักคำ – คุณไม่ควรตีฉัน  ก็เพราะในใจท่านยังวางไม่ลง  ท่านติดค้างหนี้เขาท่านยังไม่คิดจะชดใช้  เมื่อชดใช้แล้วยังรู้สึกไม่ยอมในใจ   มักจะต้องพูดสักคำเพื่อปลอบใจตนเอง  แน่ละสิ่งที่ข้าพเจ้าพูดคล้ายกับมีลักษณะแยกแยะวิเคราะห์อย่างหนึ่ง   ข้าพเจ้าอยากถามสักหน่อย  ผู้ฝึกชาวผิวขาวหรือชาวผิวดำของเรา  ข้าพเจ้าพูดอย่างนี้พวกท่านฟังเข้าใจหรือไม่ (เสียงปรบมือ) ดี ขอบใจทุกท่าน

ศิษย์           อาชีพของผมคือสอนวิชาปรัชญากับอักษรศาสตร์   ผมรู้สึกว่าวิชาปรัชญากับอักษรศาสตร์มีประโยชน์ต่อสังคมคนธรรมดาสามัญ
อาจารย์    ข้าพเจ้าขอบอกทุกท่าน    พวกเรานั้นบำเพ็ญโดยสอดคล้องกับสังคมคนธรรมดาสามัญมากที่สุด  ท่านควรทำงานอะไรท่านยังไปทำได้  พวกท่านไม่ผิดอะไร  เพราะงานของท่านแยกออกจากการบำเพ็ญของท่าน   เพียงแต่ซินซิ่งในการบำเพ็ญของท่านจะแสดงออกในการทำงานของท่าน  ใครก็จะบอกว่าท่านดี  ผู้ที่บำเพ็ญต้าฝ่านั้นดีจริงๆ   เพราะท่านแสดงออกมาดี  พูดถึงว่าในอนาคตมันจะอยู่ที่ตำแหน่งอะไร   ทั่วทั้งจักรวาลล้วนเบี่ยงเบนไปจากฝ่า  นอกจากสังคมมนุษย์ของต้าฝ่า ที่ไหนที่ยังมีดินแดนบริสุทธิ์อีกละ  ที่ไหนยังมีสถานที่สะอาดบริสุทธิ์อยู่ละ   เรื่องของอนาคตข้าพเจ้าไม่อยากจะพูด   ถึงอย่างไรสังคมมนุษย์ทั้งหมดล้วนเปลี่ยนแปลงไม่ดีอย่างนั้น   ในอนาคตคงอาจจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงดีได้ นั่นก็อาจจะถูกกวาดล้างไป  ไม่เพียงแต่คน  ในปัจจุบันท่านทำการงานอะไรท่านก็ทำไป  เนื่องจากฝ่ายังไม่ได้ปรับมาถึงมนุษย์ที่นี่  ขณะนี้มีแต่ฝ่ากำลังช่วยเหลือพวกท่าน

ศิษย์           สภาพแวดล้อมของครอบครัวไม่ดีมาโดยตลอด   ในนั้นทำให้ผู้ปกครองในครอบครัวของผมไม่เคารพต่อต้าฝ่า              นี่คือศิษย์กำลังก่อกรรมอยู่หรือไม่
 อาจารย์     ไม่อาจมองอย่างนี้  ต้องมองจากสองด้าน  ด้านหนึ่งอาจเกิดจากกรรมของตนเอง   อีกด้านหนึ่งอาจเป็นเพราะตนเองบำเพ็ญมีจิตยึดติดไม่ขจัดทิ้งไป   สาเหตุทั้งสองด้านล้วนมีอยู่   แต่ก็มีคนที่ต่างกันมีความไม่เข้าใจต่อต้าฝ่า                  จึงแสดงออกซึ่งสภาพการณ์ที่ต่างกัน

ศิษย์           มีสาวกคริสต์ศาสนาไม่เชื่อว่ามี“วัฏสงสารหกทาง”

อาจารย์    พระเยซูมิใช่เคยตรัสว่าคนที่ทำชั่วต้องตกนรกหรือ   ข้าพเจ้าได้แต่พูดกับพวกท่านอย่างนี้   พวกท่านบางคนอาจเคยอ่าน “คัมภีร์ไบเบิ้ลใหม่” หรือ “คัมภีร์ไบเบิ้ลเก่า” โดยเฉพาะ “คัมภีร์ไบเบิ้ลใหม่” ล้วนบันทึกโดยใครๆๆ ล้วนบันทึกโดยใครๆๆ ล้วนแต่บันทึกเป็นตอน ๆ  การบันทึกแบบนี้เป็นการบันทึกโดยหวนระลึกขึ้นมา  ก็คือคนที่เคยฟังพระเยซูตรัสหวนรำลึกถึงขึ้นมาแล้วบันทึกไว้ แต่ในชั่วชีวิตของพระเยซูนั้น คำพูดที่เคยตรัสไว้   ทุกท่านลองคิดดู  จะเหมือนกับในหนังสือเล่มนั้นที่มีเพียงเล็กน้อยนั้นหรือ   น้อยขนาดนั้นเชียวหรือ   พระเยซูได้ตรัสไว้มากมาย   คำพูดมากมาย  คำพูดมากมายก็ถูกคนลืมไปแล้วจึงไม่มีการบันทึกเอาไว้  เช่นนั้นทำไมไม่การบันทึกเอาไว้ละ  พูดจากอีกสาหตุหนึ่ง  เป็นเพราะคนคู่ควรที่จะรู้มากเพียงแค่นี้

เนื่องจากฝอฝ่าที่บรรยายในระดับชั้นของพระยูไลนี้ล้วนไม่อาจให้คนรู้ได้ทั้งหมด    สิ่งที่องค์ศากยมุนีพุทธะตรัสไว้ในโลกเป็นอรหันต์ฝ่า   คนจึงสามารถรู้ได้เพียงแค่นี้   คำพูดนั้นที่พระเยซูตรัสไว้ทั้งหมดนั้นสามารถทำให้คนขึ้นสวรรค์ได้แล้ว   ก็พอใช้แล้ว  ดังนั้นเทพจึงทำให้มันไม่เหลือไว้มากมายอย่างนั้น  แม้ว่าคัมภีร์ทางตะวันออกจะมีมาก   ก็เป็นการบันทึกโดยตัดตอนไม่ครบถ้วนโดยการหวนรำลึกอย่างหนึ่ง  จุดนี้แน่นอนทีเดียว    หากพูดจากอีกด้านหนึ่ง  ชาวผิวขาวบางคนนั้นคือคนตะวันออกกลับชาติมาเกิด  สมมติว่าท่านอยู่ทางตะวันตกไม่มีเรื่องอย่างนี้    แต่ในเวลาที่ท่านกลับชาติมาเกิดเป็นชาวตะวันออก จะมีได้หรือไม่นะ   และชาวตะวันออก  ตะวันตกมีหลายๆคนที่กลับชาติมาเกิดกลับไปกลับมา   ก็คือกลับชาติมาเกิดไปๆมาๆ บางคนรู้สึกว่าคุ้นเคยใกล้ชิดกับวัฒนธรรมตะวันออก   บางคนรู้สึกว่าคุ้นเคยใกล้ชิดกับวัฒนธรรมตะวันตก   และเป็นไปได้ว่าอาจเกิดขึ้นจากเพราะมีร่องรอยที่หลงเหลืออยู่ ของการกลับชาติไปเกิดในยุคสมัยที่ต่างกัน แต่อย่าเห็นว่าปัจจุบันท่านเป็นคนผิวขาว    หรืออย่าเห็นว่าปัจจุบันท่านเป็นคนผิวเหลืองหรือคนผิวดำ   ไม่แน่ว่าท่านจะเป็นคนชนิดไหน

ศิษย์           คนสูงอายุสายตาไม่ดี  ชอบฟังเทปบันทึกเสียง  จะมีผลเหมือนกับการอ่านต้าฝ่าหรือไม่
อาจารย์      เหมือนกัน   หากศึกษาฝ่าอย่างจริงใจไม่แน่ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลง  ฟังหรืออ่านก็เหมือนกันทั้งนั้น    อย่าพูดว่าอายุของท่านมากหรือน้อย   นั่นก็เป็นการยึดติดและอุปสรรคของท่าน   ต้าฝ่าไม่แบ่งอายุมากหรือน้อย   ท่านเพียงบำเพ็ญก็พอ    ข้าพเจ้าจำได้ว่าในปีนั้นที่ข้าพเจ้าถ่ายทอดฝ่าอยู่ในเป่ยจิง   ผู้ฝึกชอบเรียกข้าพเจ้าว่า ปรมาจารย์   ต่อมาข้างล่างมีคนที่อายุค่อนข้างมากคนหนึ่ง   ดูเหมือนราวๆ ๗-๘๐ปี  เขาถามคำถามหนึ่งว่า   ท่านทำไมจึงเรียกว่าปรมาจารย์  ผมอายุมากขนาดนี้แล้วยังไม่เคยถูกเรียกว่าปรมาจารย์เลย (หัวเราะ)ข้าพเจ้าจึงบอกเขาว่า  ข้าพเจ้าไม่เคยเรียกตนเองว่าปรมาจารย์    แต่เพราะทุกท่านเคารพข้าพเจ้า  คำศัพท์ที่พวกเขานึกขึ้นมาเรียกข้าพเจ้าคือปรมาจารย์    ที่จริงจะเรียกข้าพเจ้าว่าอะไรก็ได้  เรียกชื่อ  เรียกอาจารย์   เรียกนาย  อะไรก็ได้ทั้งนั้น  ข้าพเจ้าไม่เน้นสิ่งเหล่านี้  ข้าพเจ้าไม่เน้นรูปแบบใดๆ  ที่จริงหากพูดให้ชัดแล้ว   คนอายุมากหรืออายุน้อยนั้นไม่อาจใช้ได้กับผู้บำเพ็ญ   เพราะจิตหลักนั้นไม่แน่ว่าจะมีอายุมากแค่ไหน  นั่นคือตัวท่านเองที่แท้จริง    หากจะพูดอย่างนี้  ในจักรวาลนี้ข้าพเจ้าก็มีอายุมากที่สุด   พวกท่านก็ไม่มีใครที่อายุมากเท่าข้าพเจ้า(เสียงปรบมือ)

ศิษย์           “ลุ่นอวี่” ครอบคลุมเนื้อหาทั้งหมดของ “จ้วนฝ่าหลุน”   เรียนถามว่าแล้วทำไมจึงเรียก“ลุ่นอวี่”
อาจารย์      ทุกท่านทราบว่าดูเหมือนขงจื่อก็มี “ลุ่นอวี่”  แต่แนวคิดกับความนัยนั้นต่างกันกับของจ้วนฝ่าหลุนโดยสิ้นเชิง   ข้าพเจ้ากำลังบรรยายฝอฝ่า   ใช้ภาษาของคน  ดังนั้นข้าพเจ้าจึงเรียกเขาว่า “ลุ่นอวี่” (เสียงปรบมือ)  ก็คือแนวคิดนี้     ภาษาของคนนั้นเพื่อให้ฝ่าใช้  จะใช้อย่างไรก็ได้ ทั้งนั้น    ขอเพียงสามารถพูดปัญหาได้ชัด   ขอเพียงสามารถช่วยเหลือพวกท่าน  ขอเพียงสามารถอธิบายฝ่าได้กระจ่าง   ข้าพเจ้าก็จะใช้อย่างนี้   ดังนั้นข้าพเจ้าไม่ถูกจำกัดด้วยกฎเกณฑ์ของภาษาและคำศัพท์ในปัจจุบัน

ศิษย์           ศิษย์ต้าฝ่าที่ทำงานในโรงพยาบาลรักษาโรคมะเร็งเตรียมจะหงฝ่า  ไม่ทราบว่าเหมาะสมหรือไม่
อาจารย์      นั่นต้องดูจุดมุ่งหมายว่าคืออะไร   อย่างเช่นท่านคิดจะให้คนใช้ต้าฝ่าไปขจัดโรค  ต้าฝ่าสามารถปรับแก้สภาพการณ์ที่ไม่ถูกต้องทั้งปวง   คนเป็นโรคนั้นไม่ถูกต้อง  แต่ต้าฝ่านั้นไม่ใช่เพื่อที่จะปรับแก้สภาพการณ์ที่ไม่ถูกต้อง    ต้าฝ่าถ่ายทอดให้กับคนก็เพื่อช่วยเหลือคน  คือฝ่าของสวรรค์ชุดหนึ่งที่ยิ่งใหญ่อย่างนั้นในจักรวาลที่บุกเบิกสภาพแวดล้อมของการดำรงชีวิตให้กับชีวิตที่ต่างกัน คิดจะนำเขามารักษาโรคให้คน    หากเป็นจิตใจนี้ก็ไม่ถูกต้อง  ใช่ไหม  อ้อ  ต้าฝ่าสามารถรักษาโรคมะเร็ง   พวกเราไปโรงพยาบาลช่วยคนเขารักษาโรคมะเร็ง       ไม่ใช่ไปช่วยคนคือใช้ต้าฝ่ารักษาโรค        อย่างนี้ไม่ได้

ไม่ใช่เราไม่เมตตา   ได้บอกพวกท่านแล้วว่า  พระเยซูก็ดี  พระแม่มารีก็ดี   ยังมีพระยะโฮวา ที่มีความสามารถมากกว่าเทพสององค์ข้างหน้านั้น    ยังมีพระพุทธในศาสนาที่คนตะวันออกเชื่อถือกัน   เพียงโบกมือทีเดียว    คนบนโลกเล็กๆ คนที่มีโรคอยู่  ก็ไม่มีแล้วแม้แต่คนเดียว   ทำไมเขาไม่เมตตาทำเรื่องนี้ให้กับคนละ    เพราะคนทำเรื่องชั่วเอง  วันนี้ข้าพเจ้าทำให้กับท่านแล้ว  พรุ่งนี้ท่านยังจะทำเรื่องชั่วอีก   แน่ละหาใช่เพื่อจะลงโทษคน   แต่เป็นหลักการของจักรวาลที่กำลังประเมินชีวิตทั้งปวง    เป็นเพราะคนตัวเองได้ทำเรื่องเลว  ตนเองก็ต้องไปชดใช้    ก็พูดว่าท่านฆ่าคนแล้ว   พระพุทธก็ชำระกรรมทิ้งไปให้ท่าน   ท่านก็สามารถฆ่าคนตามชอบใจแล้ว    เพียงท่านฆ่าคนแล้วมีกรรม  พระพุทธก็ชำระกรรมทิ้งไปให้ท่าน  ทำอย่างนี่ได้หรือ  คนทำเรื่องเลวแล้ว   ตนเองต้องไปชดใช้   ตนเองไปแบกรับ  และเมื่อคนทำเรื่องที่ไม่ดีสิ่งที่ปรากฏบนชั้นผิวที่สุดของร่างกายคนก็คือโรค   ใช้โรคมาลงโทษคน  นี่ไม่ใช่แค่ข้าพเจ้าที่พูด  พระเยซูก็เคยตรัสว่า คนนั้นมีบาป   ทำไมคนจึงมีบาป   เพราะร่างกายคนมีกรรม   ในวัฒนธรรมตะวันตกไม่มีคำว่า กรรมนี้อยู่  ไม่มีคำศัพท์นี้   ดังนั้นพระเยซูจึงใช่คำว่า “บาป” มาพูดให้กระจ่างอย่างคร่าวๆ  ในความเป็นจริงมีกรรม เขามิใช่มีบาปหรอกหรือ   ไม่มีบาปแล้วจะมีกรรมได้อย่างไร                  นั่นเป็นหลักการหนึ่ง 

ศิษย์           หลังจากหยวนหมั่นแล้วมาถึงระดับชั้นของแต่ละคน  ร่างกายของพวกเราจะมีรอยประทับของท่านอาจารย์หรือไม่

อาจารย์      หยวนหมั่นแล้วก็ไม่มีปัญหารอยประทับอยู่อีกต่อไป  รอยประทับนั้นคือเมื่อคนอยู่ในวังวน  ตกลงมาที่นี่จึงประทับรอยไว้  เมื่อหยวนหมั่นแล้ว  ท่านนั้นก็เป็นร่างเอกเทศร่างหนึ่งทั้งหมด   ท่านจะเป็นเทพผู้ยิ่งใหญ่องค์หนึ่งที่ตนเองสามารถกำหนดอะไรได้เอง   สิ่งที่ข้าพเจ้าให้กับท่านนั้นหาใช่เครื่องผูกมัด   ที่ข้าพเจ้าให้กับพวกท่านนั้นคือเทพผู้ยิ่งใหญ่องค์หนึ่ง (เสียงปรบมือ)

ศิษย์           คนที่ไม่ได้ศึกษาฝ่าหลุนต้าฝ่าแต่ชอบฟังดนตรี “ผู่ตู้”  “จี่ซื่อ” เรียนถามท่านอาจารย์ว่าจะให้พวกเขาฟังได้หรือไม่ 
อาจารย์      ได้  ดนตรีใช่ไหม  แน่ละดนตรีของต้าฝ่าเราเมื่อเขาฟังแล้ว ย่อมจะมีประโยชน์อย่างแน่นอน

ศิษย์           ปัจจุบันทัศนคติเรื่องความเสมอภาคชาย-หญิงรุนแรงมาก  ในฐานศิษย์หญิง  จะปฏิบัติให้อ่อนโยนแต่ทว่าก้าวหน้าอย่างอาจหาญได้อย่างไร

อาจารย์  ปัจจุบันคนพูดว่าเพศหญิงนี้ได้รับการปลดปล่อยมากขึ้นเรื่อยๆ  อุปนิสัยแข็งกระด้างขึ้นเรื่อยๆ  ที่จริงพวกท่านหาได้รับการชักนำจากด้านที่ดีงามนั้นแต่อย่างใดไม่  ข้าพเจ้ารู้สึกว่าความเข้มแข็งนั้นไม่ได้แสดงออกที่เปลือกนอกด้านนี้  ตามปกตินั้นท่านก็เหมือนกับผู้หญิงที่แท้จริงซึ่งอ่อนโยน  ความสามารถของท่านนั้น สามารถทำให้ท่านได้รับทุกสิ่งที่ท่านควรได้รับเช่นเดียวกัน  ไม่เห็นว่าท่านจะต้องแสดงออกมาเหมือนชายฉกรรจ์ เหมือนผู้ชายท่านจึงจะได้รับ  พวกท่านเข้าใจเหตุผลที่ข้าพเจ้าพูดหรือไม่ละ  (เสียงปรบมือ) คือพูดว่า  พวกท่านเป็นผู้หญิง  พวกท่านก็ต้องเหมือนผู้หญิง  ใจงาม  อ่อนโยน   จึงจะได้รับการเคารพและรักจากผู้ชาย   หากพวกท่านไม่สามารถจะมีใจงามและอ่อนโยน  พอผู้ชายมองเห็นท่านก็จะกลัว  (หัวเราะ) พวกท่านก็จะไม่ได้รับความรักหรือกระทั่งความอบอุ่นในครอบครัว   แต่เมื่อพูดในทางกลับกัน  เราอย่าพูดแต่เพียงผู้หญิง   ผู้ชายเราก็ต้องเหมือนอย่างลูกผู้ชายคนหนึ่ง  แต่สังคมทุกวันนี้บนโลกล้วนไม่ดีแล้ว  ข้าพเจ้าได้แต่ขอให้ศิษย์ของข้าพเจ้าทำอย่างนี้  สิ่งนี้สังคมไม่อาจจะทำได้  ข้าพเจ้าจำได้ว่าสังคมตะวันตกในช่วงก่อนทศวรรษที่ห้าสิบ  ผู้ชายนั้นมีความเป็นสุภาพบุรุษมาก  ให้ความเคารพผู้หญิง   เนื่องด้วยผู้หญิงก็เหมือนอย่างผู้หญิง  ดังนั้นผู้ชายจึงชอบช่วยเหลือผู้หญิง  เคารพพวกเธอ  รักและปกป้องพวกเธอ   ส่วนผู้หญิงก็เหมือนอย่างผู้หญิง ที่รักมั่นในสามีของตน นั่นคือพฤติกรรมของคน         แต่ทุกวันนี้พวกท่านทำจนมันผิดเพี้ยนไปหมดแล้ว

ในสังคมตะวันออก  ผู้หญิงนี้ แข็งเกินไป  ทำให้ผู้ชายล้วนเปลี่ยนเหมือนกับเป็นผู้หญิง  ข้าพเจ้าขอบอกพวกท่าน  ในส่วนลึกของจิตใจของพวกท่านนั้นปรารถนาให้ผู้ชายของตนเข้มแข็ง  แต่ในใจพวกท่าน กลับหวังที่จะกดผู้ชายของพวกท่านไว้   นี่ไม่ขัดแย้งหรือ   หากในเวลาที่รูปแบบของสังคมล้วนเปลี่ยนเป็นอย่างนี้หมด  ผู้ชายจะเงยหน้าขึ้นมาได้ไหม  จะยืดอกขึ้นมาได้ไหม  จะสามารถเป็นชายชาตรีได้ไหม  ในครอบครัวหนึ่งไม่อาจจะมีเจ้าบ้านสองคน   ภูเขาหนึ่งไม่อาจแบกรับราชาสององค์ได้   ดังนั้นเสือสองตัวจึงกัดกัน  ซึ่งฝ่ายหนึ่งจะต้องบาดเจ็บแน่นอน (หัวเราะ)  ครอบครัวย่อมไม่ปรองดองกันแน่    ราชาใหญ่สององค์อยู่ในบ้านเดียวกัน  นี่จะไหวหรือ   จะต้องมีเจ้าบ้านเพียงหนึ่งนะ  ดังนั้นจึงทำจนครอบครัวต้องหย่าร้าง  ไม่ปรองดองกันนี่นา   พวกท่านมักจะพูดอย่างนี้ว่า  พวกผู้ชายจะพูดว่าผู้หญิงคนนี้ไม่เหมือนผู้หญิงเลย  พวกผู้หญิงจะพูดว่าผู้ชายคนนี้ไม่เหมือนผู้ชายเลย

ในสังคมตะวันตกยิ่งไปกันใหญ่   สองคนพอแต่งงานกันก็จัดการแบ่งทรัพย์สินกันแล้ว  ต่อไปเมื่อเราหย่ากัน อันนี้เป็นของฉัน  อันนั้นเป็นของเธอ  เลยเถิดไปกันใหญ่   ไม่เป็นอย่างที่ว่าเมื่อผู้หญิงแต่งให้ผู้ชายต้องอาศัยพึ่งพาผู้ชาย   ส่วนผู้ชายนั้น  ไม่ได้คิดว่าผู้หญิงคนนี้เมื่อแต่งกับตนเองแล้ว  ผู้หญิงได้ฝากชั่วชีวิตของเธอไว้กับตนเองแล้ว   ตนเองต้องรับผิดชอบต่อเธอ   แต่(ผู้ชาย)ไม่มีจิตใจอย่างนี้อยู่เลย   ผลประโยชน์ส่วนตัว  อิสรภาพส่วนตัวนั้นอยู่เหนือทุกสิ่ง   เช่นนั้นพวกท่านยังจะไปหาครอบครัวที่อบอุ่นได้จากที่ไหนละ  ต่างก็ต่อสู้เอาชนะกัน  ใครก็ไม่ยอมให้ใคร  ข้าพเจ้าขอบอกพวกท่านว่า   นี้ไม่ใช่สภาพการณ์ของคนหนา (เสียงปรบมือ) ระหว่างสามีภรรยาต่างไม่กล้าที่จะไว้ใจกัน    พวกท่านไม่มีตรงไหนที่จะทำให้พวกท่านมีความรู้สึกปลอดภัย  มีความอบอุ่น  หวานชื่น   พวกท่านมีชีวิตอยู่ไม่เป็นทุกข์หรอกหรือ   แต่ในใจพวกท่านคิดกันอย่างนี้   ไม่ควรเป็นเช่นนี้  ควรจะมีที่ที่อบอุ่น  มีที่หวานชื่น  แต่เปลือกนอกของพวกท่านกลับทำลายทุกสิ่งนี้ไป   เน้นอุปนิสัยที่เห็นแก่ตัว  ไม่ยอมให้มันมีสถานที่อย่างนี้  หากทุกท่านทำเช่นนี้  ความสัมพันธ์ที่ดีงามของคนก็ต้องสูญเสียไป  แน่ละข้าพเจ้าได้แต่พูดกับศิษย์ กับพวกท่าน  บอกสิ่งเหล่านี้ที่ไม่ถูกต้องแก่พวกท่าน  มนุษยชาตินั้นไม่อาจจะช่วยได้แล้วและไม่อาจจะกอบกู้ทุกสิ่งให้หวนคืนกลับมาแล้ว  ปัจจุบันข้อวิพากษ์วิจารณ์ของสังคม แนวโน้มของสื่อมวลชนทั้งหมดล้วนแต่กำลังถกเรื่องเสรีภาพส่วนบุคคล  หมกมุ่นอยู่กับสิทธิส่วนบุคคล  ข้าพเจ้าขอบอกพวกท่าน  การหมกมุ่นอยู่กับสิทธิส่วนบุคคลเช่นนี้ ดูไปคล้ายกับท่านมีเสรีภาพแล้ว  ที่จริงท่านล้วนไม่อาจจะได้รับโชคลาภของความหวานชื่นชนิดนั้นตลอดกาลแล้ว   ท่านจะไม่อาจมีคนที่เชื่อถืออีกต่อไปแล้วชั่วนิรันดร (เสียงปรบมือ)

ศิษย์           จะมีศิษย์ต้าฝ่าที่บำเพ็ญไปถึงโลกของพระพุทธไปเป็นพลเมืองหรือไม่(หัวเราะ)
อาจารย์      อย่าหัวเราะ  นี่ก็เป็นเรื่องแนวคิด  ผู้ที่บำเพ็ญนั้นจะมีมรรคผล  ดังนั้นไม่อาจเป็นพลเมืองอย่างแน่นอน                  หลังจากหยวนหมั่นแล้วต่างก็มีมรรคผล

ศิษย์           ต้าฝ่าสามารถเปลี่ยนชั้นผิวของผม และสามารถเปลี่ยนตัวผมในระดับชั้นที่ต่างกัน  และมิติที่ต่างกัน                  เข้าใจอย่างนี้ถูกหรือไม่
อาจารย์      ความเข้าใจนั้นไม่ผิด  เมื่อก่อนข้าพเจ้าเคยพูดไว้  ถ้าไม่มีร่างกายของคน  ก็บำเพ็ญไม่ได้    ดังนั้นจึงยกระดับไม่ได้  แล้วจะสามารถพูดถึงการเปลี่ยนแปลงร่างกายที่อยู่ในมิติอื่นได้อย่างไรกัน   การบำเพ็ญนั้นไม่อาจแยกจากร่างของคนนี้  ดังนั้นจึงต้องเป็นคนที่ฝั่งนี้ที่บำเพ็ญ  จึงสามารถเปลี่ยนแปลงได้  บางครั้งอ่านหนังสือต้าฝ่า  ท่านไม่รวบรวมจิตใจ  ปากก็อ่านเขาจบแล้ว  แต่ความคิดไม่ได้อยู่ที่หนังสือ   เป็นเพราะจิตสำนึกรองหรือด้านอื่นของท่านกำลังแสดงบทบาท  ความคิดของท่านเกิดขึ้นเป็นครั้งคราว  ประเดี๋ยวก็ไม่มีแล้ว  หากท่านมีปัญหานี้อยู่เสมอ  ก็เท่ากับท่านทิ้งทั้งหมดนี้  มอบฝ่านี้ให้กับคนอื่น  นี่ใช้ไม่ได้  ข้าพเจ้าก็ไม่อนุญาตให้บำเพ็ญเช่นนี้

ศิษย์           จะเข้าใจความแตกต่างระหว่างความรักกับจิตยึดติดได้อย่างไร
อาจารย์      มันเป็นสองแนวคิด  ความรักสามารถก่อเกิดจิตยึดติด  ตัวมันเองสามารถก่อให้เกิดจิตยึดติดได้ในระหว่างการบำเพ็ญ   แต่ในหมู่คนธรรมดาสามัญ  ในสังคม  มันยังคงเป็นองค์ประกอบที่คนๆหนึ่งไม่อาจจะขาดได้   หากคนแยกออกจากความรัก  คนก็จะยิ่งทำเรื่องเลว  จิตมารจะยิ่งใหญ่โต  ดังนั้นคนจึงแยกออกจากความรักนี้ไม่ได้  แยกออกจากฉิงนี้ไม่ได้   เพราะฉิงเป็นของคน  เป็นองค์ประกอบที่จำเป็นที่หยิบยื่นสภาพแวดล้อมในการดำรงอยู่ให้แก่คน  แต่ไม่ใช่ให้กับเทพ  ในฐานะผู้บำเพ็ญ  พวกท่านจะต้องกระโดดออกมา  บำเพ็ญความรักทิ้งไป  บำเพ็ญอารมณ์ความรู้สึกที่ก่อให้เกิดจิตยึดติดทิ้งไป  ก็เป็นความสัมพันธ์ชนิดนี้  หากพูดว่าถ้าจะทำให้ได้จนถึงขั้นว่าแม้จะมีความรักก็ไม่ยึดติด  นั่นไม่อาจเป็นไปได้  แต่ในขั้นตอนของการบำเพ็ญของท่าน  ท่านก็ไม่อาจทำได้ในทันที  อะไรก็สามารถปล่อยให้จืดจางได้  ปล่อยวางได้  ไม่ยึดติดสักเท่าไร   ดังนั้นในช่วงระยะนี้         ท่านจะอยู่ในสภาวะใดเช่นนั้นท่านก็เป็นสภาวะนั้น

ท่านอย่าฝืนตัวเอง  คือในใจฉันนั้นเดิมทีก็คือรัก  รักญาติสนิทของฉัน  ฉันก็ฝืนคิดไม่รักเขา  ท่านก็ผิดแล้ว  เพราะเขตแดนของท่านไม่ได้ยกระดับขึ้นมา   แต่ตัวท่านจงใจทำ    หากท่านทำอย่างนี้แล้ว  กลับทำให้ผู้คนไม่เข้าใจต้าฝ่า  ทำลายภาพลักษณ์ของต้าฝ่า     ในเวลาที่ความรักของท่านถูกสลายไปในระหว่างการบำเพ็ญของท่าน  จะมีจิตเมตตาออกมาแทนที่  ทุกท่านทราบ  ข้าพเจ้านั่งอยู่ที่นี่   ที่ข้าพเจ้าปฏิบัติต่อแต่ละคนนั้น   หากใช้คำพูดของพวกท่านก็คือรักทะนุถนอม  ที่จริงนี้เป็นความเมตตาชนิดหนึ่ง (เสียงปรบมือ)  ส่วนอารมณ์ความรู้สึกส่วนบุคคลชนิดนั้นของพวกท่านนั้นเป็นสิ่งที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง    ข้าพเจ้าคิดว่าพวกท่านเองล้วนสามารถแยกแยะความรักระหว่างข้าพเจ้ากับพวกท่านนั้นออก

ศิษย์           ในเวลาที่ฝึกพลังร่วมกันนั้นผู้ที่ มาสาย เลิกเร็ว  มือเท้าหนัก  กระทบต่อการเข้าสู่สมาธิของคนอื่นเป็นต้น                  ควรจะเตือนเขาให้ระวังหรือไม่
อาจารย์      พูดถึงเรื่องนี้  ก็ทำให้นึกถึงความคิดอย่างหนึ่งของข้าพเจ้า   ข้าพเจ้าขอบอกทุกท่าน   คนจีนทั่วโลกที่อยู่ในช่วงก่อนการปฏิวัติวัฒนธรรมนั้นเป็นประเทศที่มีชื่อเสียงทางด้านมารยาท  ไม่ว่าจากวัฒนธรรมด้านสุขอนามัยกับการแสดงออกภายนอกนั้นก็พิถีพิถันอย่างมาก   วัฒนธรรมของประเทศต่างๆรอบประเทศจีนนั้นล้วนเป็นสิ่งที่คนจีนนำไปให้   เรียนรู้ไปจากประเทศจีน(เสียงปรบมือ) แต่พวกท่านทราบไหม  หลังการปฏิวัติวัฒนธรรม กลับถือว่ามันเป็นสิ่งเก่าสี่ประการแล้วทำลายทิ้งไป   เน้นเรื่องเนื้อตัวเปื้อนดินโคลน มือหยาบกร้าน  มีเหาขึ้นก็บอกว่าเป็น“แมลงปฏิวัติ” คนถือความสกปรกเป็นความดีงาม  ทัศนคติชนิดนี้เมื่อต่อเนื่องมาถึงช่วงหลัง  ขณะนี้แม้สภาพการดำรงชีพของผู้คนดีขึ้นแล้ว  และค่อนข้างพิถีพิถันบ้างแล้ว  แต่ทัศนคติที่หลงเหลือจากการปฏิวัติวัฒนธรรม กลับยังไม่ถูกทำลาย  ดังนั้นเมื่อพวกท่านมาถึงสังคมตะวันตก   คนในสังคมตะวันตกนั้นจึงยากที่จะอดกลั้นกับพวกท่านทางด้านนี้ได้จริงๆ

            พวกท่านไม่ใส่ใจในรายละเอียด  ไม่ใส่ใจเรื่องการแต่งเนื้อแต่งตัว  สกปรกมอมแมม  พูดจาเสียงดังมาก  ไม่มีกาลเทศะ ไม่ใส่ใจสุขอนามัย   แน่ละข้าพเจ้าพูดแล้วว่า  พวกท่านต้องบำเพ็ญให้สอดคล้องกับคนธรรมดาสามัญให้มากที่สุด  ในฐานะศิษย์ผู้บำเพ็ญ  พวกท่านต้องทำให้ได้  เดิมทีเรื่องนี้ไม่นับเป็นอะไร  เป็นเรื่องที่ข้าพเจ้าไม่อยากจะพูด   แต่พวกท่านทราบหรือไม่  เนื่องจากการแสดงออกของพวกท่านทำให้ผู้ฝึกผิวขาวบางคนไม่กล้าเข้ามาในระหว่างการหงฝ่า  ทุกท่านต้องระวังไว้  นี่ไม่ใช่เพียงปัญหาด้านพฤติกรรม   จะต้องระวังเรื่องทางด้านนี้    ข้าพเจ้าไม่ใช่ว่าจะให้พวกท่านเน้นการแต่งตัวตามแฟชั่น  พวกท่านต้องเข้าใจวัฒนธรรมชั้นผิวที่สุดของคน ข้าพเจ้าขอบอกพวกท่าน  ที่จริงในต้าฝ่าก็ครอบคลุมความนัยของระดับชั้นต่ำที่สุดไว้ด้วย  ไม่ว่าทำเรื่องอะไรจะต้องคิดถึงผู้อื่น    ข้าพเจ้าคิดว่าพวกท่านจะสามารถทำทั้งหมดได้ดี (เสียงปรบมือ)

ศิษย์          ผู้ฝึกบางคนพูดว่าเรื่องนั้นๆเคยผ่านสายตาท่านอาจารย์แล้ว  แต่คนอื่นยังรู้สึกว่าวิธีการทำงาน     การพูดและการกระทำของเขาไม่เหมือนกับคนที่บำเพ็ญ
อาจารย์    มีคนจำนวนมาก ในเวลาที่คนสองคนกำลังโต้เถียงไม่ยอมให้แก่กันอยู่นั้น ก็นำคำพูดของข้าพเจ้ามาพูดว่า “อาจารย์พูด” เพื่อจะแก้ตัวให้กับจิตยึดติดของเขาเอง  ปกปิดจิตที่ควรทิ้งไปของเขา   นี่ไม่ดีมากๆ  แต่พูดในทางกลับกัน   ก็ไม่อาจมองว่าคำพูดและการกระทำของเขาไม่สอดคล้องกับฝ่า  ท่านก็พูดว่าเขาไม่ใช่ผู้ฝึก  บำเพ็ญไม่ดี ที่จริงเขามีจิตมากมายที่ละทิ้งไปแล้ว   เขาดีกว่าคนธรรมดาสามัญไม่รู้เท่าไรแล้ว  เพียงแต่จิตที่ยังไม่ได้ทิ้งไปของเขาจึงแสดงออกมาได้    เช่นนั้นเมื่อท่านมองเห็นแล้ว  สำหรับผู้บำเพ็ญก็ยากที่จะรับได้  นี่เห็นได้ชัดว่าอย่าประเมินคนจากการแสดงออก เมื่อครู่ข้าพเจ้าก็ได้พูดไปทั้งสองด้านแล้ว

ศิษย์           ผู้ฝึกเก่าบางคนใบหน้าดำ  มีไฝมีปานของคนแก่มาก  บ้างก็มีร่างกายผ่ายผอม  นี่เป็นปรากฏการณ์ที่ปกติหรือไม่
อาจารย์   การบำเพ็ญนั้นซับซ้อน  หากท่านเห็นสิ่งเหล่านี้สำคัญ  เช่นนั้นจึงเจาะจงให้ท่านเห็นสิ่งเหล่านี้   ดูว่าท่านยังจะบำเพ็ญหรือไม่  ดังนั้นเมื่อพูดในทางกลับกัน  หากเมื่อคนๆนี้เกิดสภาพเช่นนี้ขึ้น   เราก็ต้องลองดูว่าที่แท้เขาก้าวหน้าหรือไม่    หากหนังสือก็อ่านอยู่   ฝึกพลังอยู่   เช่นนั้นที่แท้แล้วเขาเป็นอย่างไรละบางคนอ่านหนังสือ  ดูเหมือนปีกว่าแล้วก็ยังอ่าน “จ้วนฝ่าหลุน” ไม่จบ  แต่ว่าเขาก็มักอ่านอยู่เสมอ  ฝึกพลังอย่างเต็มที่  ยังบอกให้คนอื่นฝึกด้วย   การบำเพ็ญนั้นเข้มงวด  ในโลกนี้ไม่มีเรื่องที่เข้มงวดไปกว่าการบำเพ็ญแล้ว  พวกเราต้องทำให้ได้อย่างแท้จริงนะ

ศิษย์           ไม่เข้าร่วมการฝึกตอนเช้าตรู่  ไม่ได้รับการทดสอบจากลมแดดและความเหน็บหนาวก็จะกระทบต่อการหยวนหมั่นหรือ
อาจารย์      หาใช่เป็นเพราะสิ่งเหล่านี้   ข้าพเจ้ามิใช่พูดแล้วหรือว่า  การทนทุกข์นั้นเพื่อละทิ้งจิตยึดติด  เพื่อการยกระดับ   คนนั้น ลำพังเอาแต่ทนทุกข์มากสักเท่าไร หาใช่ว่าจะแทนที่อะไรได้  ที่สำคัญคือสภาพแวดล้อมของการบำเพ็ญรวมหมู่นั้น สามารถฝึกฝนคนได้   สิ่งที่ชั้นผิวที่สุดของคนสัมผัสอยู่เป็นประจำล้วนเป็นสังคมคนธรรมดาสามัญ  คนที่ไม่ได้บำเพ็ญ  ท่านถูกพวกเขาครอบงำหรือว่าอยู่ในต้าฝ่าถูกเหล่าศิษย์ต้าฝ่าครอบงำ      ที่ข้าพเจ้าพูดก็คือเหตุผลอย่างนี้

ศิษย์           ผู้ที่สร้างจักรวาลคือฝ่าหรือเทพ   ได้ยินว่าเทพสร้างจักรวาล แต่ไม่ค่อยได้ยินว่าพระพุทธหรือเต๋าสร้างจักรวาล
อาจารย์      เช่นนั้นท่านได้ยินว่าเทพสร้างอย่างไรละ  ท่านควรศึกษาฝ่าให้มาก  แต่คำพูดนี้ก็ทำให้นึกถึงความคิดหนึ่งของข้าพเจ้า   คนจำนวนมากอาจเคยได้ยินว่าในศาสนาทางตะวันตกกล่าวว่าพระเจ้าของพวกเขาสร้างโลก   และมีพุทธศาสนาทางตะวันออกกล่าวว่ากรรมของพระพุทธสร้างจักรวาล    แนวคิดเรื่องกรรมนั้นของพวกเขาคือเพียงแต่ทำเรื่องอะไรก็คือกรรม   เป็นผลลัพธ์ที่เกิดจากการก่อกรรม   ในเทพนิยายทางตะวันออกของเราหรือในนิทานเก่าแก่   ยังเคยได้ยินว่าผานกู่เปิดฟ้าดิน   เราก็มาพูดกันเรื่องผานกู่เปิดฟ้าดินนี้   ทุกท่านอาจได้ยินจากเรื่องนี้แล้ว  ผานกู่นี้ ในที่สุดเขาก็แปลงร่างกลายเป็นฟ้า ดิน  ภูเขาแม่น้ำ  ทะเลและดวงดาวบนท้องฟ้า ในฉับพลัน  ไม่ว่าจะพูดอย่างไร   ข้าพเจ้าขอบอกทุกท่าน   ระดับชั้นที่ต่างกัน  ไม่ว่าท่านจะเป็นเทพระดับชั้นไหน   ท่านล้วนไม่อาจทราบเรื่องที่อยู่ข้างบน  กาลเวลายาวนานที่ผ่านมานั้นได้เบี่ยงเบนจากฝ่าตั้งนานแล้ว  ยิ่งกว่านั้นชีวิตมากมายไม่รู้อะไรเกี่ยวกับฝ่าเลย  ลืมไปแล้ว   ทำไมจึงลืมแล้วละ   เพราะชีวิตทั้งหมดในอารยธรรมยุคนี้ในปัจจุบัน  ไม่ว่าท่านจะสูงเพียงไร  ยิ่งใหญ่เพียงไร  ล้วนแต่เกิดขึ้นมาในรอบที่เก้า  ฝ่าเมื่อก่อนรอบที่เก้าเป็นอย่างไร  ผู้คนก็ไม่รู้  พอถึงรอบที่เก้ายิ่งไม่รู้ว่าฝ่าคืออะไร    รู้แต่ว่าในระดับชั้นที่ต่างกันมีมาตรฐานของระดับชั้นที่ต่างกันคงอยู่    คือพูดว่าชีวิตดั้งเดิมของเขานั้นเกือบจะไม่มีแล้ว                  ดังนั้นจึงไม่รู้ความเป็นมาของจักรวาล

ในเวลาที่จักรวาลระดับชั้นที่ต่างกันเกิดภัยพิบัติ   ก็คือการดับสลายของร่างนภาที่ต่างกัน  หากพูดตามคำพูดของพวกท่านก็คือระเบิด   พอระเบิดไปแล้ว  เทพที่สูงกว่าจะไม่ให้เทพในชั้นที่ต่ำที่สุดมองเห็นเขาในขณะที่กำลังสร้างจักรวาล  เทพที่สูงกว่าจึงสร้างเทพองค์หนึ่งที่ต่ำกว่า  แล้วให้เขาสร้างจักรวาลที่ต่ำลงไปชั้นหนึ่ง   ดังนั้นในระดับชั้นนี้จะมีเทพองค์ใหม่จุติ   ข้าพเจ้าพูดแล้วว่า   ในระดับชั้นที่ต่างกันล้วนสามารถเกิดสิ่งมีชีวิต   ในระดับชั้นนี้เกิดเทพองค์หนึ่งขึ้น  เขาต้องเพียบพร้อมด้วยความสามารถนี้  เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์  สร้างจักรวาลชั้นนี้   ส่วนจักรวาลที่สูงยิ่งขึ้นไปมีเทพอยู่หรือไม่นั้น           เขาไม่มีทางจะรู้ได้เลย

ที่ข้าพเจ้าเพิ่งพูดไปนั้นที่จริงเป็นหลักการหนึ่ง   ก็คือพระพุทธ เต๋า เทพในระดับชั้นที่ต่างกัน เขาต่างก็มีความสามารถจะสร้างทุกสิ่งในจักรวาลในระดับชั้นที่เขาอยู่หรือที่อยู่ต่ำกว่าชั้นของเขา   แต่ภายในขอบเขตของเขา  เขาก็เข้าใจว่าตนเองได้สร้างโลก  นี่หมายถึงพวกที่ค่อนข้างดั้งเดิม   หากเทพองค์หนึ่งสร้างจักรวาลที่ใหญ่ยิ่งขึ้น   จากนั้นในเวลาต่อมามีเทพองค์หนึ่งที่เกิดขึ้นในระดับชั้นหนึ่งๆ ในยุคสมัยหนึ่งๆ ของจักรวาลนี้ที่สร้างขึ้นแล้ว   ในสภาพแวดล้อมที่เขาเกิด  และผ่านกาลเวลาที่ยาวนาน   เมื่อจักรวาลในเขตแดนนี้เกิดปัญหาขึ้น   ถูกเทพชั้นสูงกว่าดับสลาย  ก็จะเกิดการระเบิด  ต่อมาเขาก็สร้างขึ้นมาใหม่อีก   เขารู้สึกว่าเขาได้สร้างจักรวาลขึ้นใหม่แล้ว  เขาไม่รู้ว่าข้างบนจักรวาลยังมีจักรวาลที่ใหญ่กว่า    ฉะนั้นในระดับชั้นที่เล็กกว่าของเขาก็จะมีเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้น  ในระดับชั้นที่เล็กยิ่งกว่า เล็กยิ่งกว่า ยังมีเรื่องการสร้างจักรวาลในระดับชั้นต่างๆชนิดนี้เกิดขึ้น    ที่ข้าพเจ้าพูดไปเมื่อสักครู่พวกท่านฟังเข้าใจหรือไม่ (เสียงปรบมือ) ในบทที่ห้าของ “จ้วนฝ่าหลุน” ข้าพเจ้าพูดไว้ว่า   เทพที่ต่างกันสร้างจักรวาลที่มีคุณสมบัติพิเศษที่ต่างกัน   พวกท่านหลายคนมิใช่มีคำถามหรือ  นี่ก็คือสภาพการณ์อย่างหนึ่งที่ข้าพเจ้าเพิ่งพูดไป  จักรวาลนั้นยิ่งใหญ่เหลือเกิน   การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในระดับชั้นที่ต่างกันนั้นล้วนเป็นเพียงอณูเล็กๆอณูหนึ่งในร่างนภาที่กว้างใหญ่ไพศาลอย่างยิ่ง           ซึ่งกล่าวสำหรับเทพแล้วล้วนไม่น่าเชื่อ

ศิษย์           บรรดาเทพในเทพนิยายกรีกโบราณหรือบรรดาเทพในเทพนิยายของจีน  เป็นจินตนาการหรือเคยมีอยู่อย่างแท้จริง
อาจารย์      ข้าพเจ้าขอบอกพวกท่าน  เนื่องด้วยผู้คนในสังคมที่อยู่ภายใต้การชักนำของวิทยาศาสตร์ที่มีอยู่ในปัจจุบัน  นับวันยิ่งเจาะลึกเข้าไปอยู่ในความเป็นจริง   แต่ความเป็นจริงนี้กลับเป็นความเป็นจริงที่จอมปลอม   แต่ความจริงที่ยิ่งใหญ่ของจักรวาลที่แท้จริงนั้นกลับถูกความจริงที่จอมปลอมนี้ปกคลุมปิดบังไว้   นี่เป็นเพราะคนสร้างขึ้นเอง   เป็นเพราะตนเองเชื่อถือเปลือกนอกนี้มากขึ้นเรื่อยๆ  มีเทพนิยายโบราณมากมายที่ล้วนเป็นความจริง      ผู้คนจึงถือว่ามันเป็นนิทานที่คนแต่งขึ้น   วันนี้ข้าพเจ้าถ่ายทอดต้าฝ่าของจักรวาลออกมา  ด้วยเหตุนี้ทุกสิ่งที่ก่อให้เกิดและทุกสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต  จะทำให้ทุกชีวิตตกตะลึง   ในอนาคตยิ่งจะมีเรื่องที่เกริกก้องเกรียงไกรเกิดขึ้น  เพราะฝ่าจะมาถึงโลกมนุษย์    ทุกสิ่งที่คนไม่เชื่อจะก็จะปรากฏออกมา  จะทำให้คนตกตะลึงจนตาค้าง   แต่ไม่ว่าเรื่องนี้จะมีปฏิกิริยาออกมารุนแรงใหญ่โตแค่ไหน   ทอดเวลายาวนานแค่ไหน  อีกนับพันนับหมื่นปีให้หลัง   ผู้คนก็จะถือว่ามันเป็นนิทาน  ผ่านไปอีกหลายๆ ปี  ผู้คนก็อาจถือว่ามันเป็นเรื่องที่คนแต่งขึ้นมาเช่นเดียวกัน   คนก็มีความสามารถต่ำเพียงแค่นี้     การปรากฏของพระเยซูนั้นปัจจุบันมิใช่มีคนปฏิเสธหรือ  บอกว่าแต่งขึ้นมา   การเกิดขึ้นขององค์ศากยมุนีของทางตะวันออก ปัจจุบันก็มิใช่มีคนบอกว่าแต่งขึ้นมาเหมือนกันหรอกหรือ

ศิษย์           พ่อแม่บำเพ็ญพุทธหลายปีแล้ว   พวกเขาเป็นคนประเภทที่หลงใหลอยู่กับจิงเหวิน สองบทล่าสุดที่อาจารย์เขียน          จะทำอย่างไรให้พวกเขาบำเพ็ญฝ่าที่ถูกต้อง  
อาจารย์        จิงเหวินที่ข้าพเจ้าเขียนลองให้พวกเขาอ่านดู  ได้แต่ทำอย่างนี้  ใครก็ทำแทนผู้อื่นไม่ได้    พวกเราได้แต่แนะให้ใฝ่ดี   ไม่อาจบังคับคนอื่น  ไม่อาจบังคับคนเขา   คนอยากได้อะไร เป็นเรื่องของตนเอง   การบังคับให้พวกเขาทำอะไรนั้น  ล้วนไม่อาจนับได้   ต้องให้พวกเขาบำเพ็ญเองจึงจะนับ

ศิษย์           เดิมทีเงื่อนไขทางวัตถุไม่เลวทีเดียว   แต่กลับจงใจใช้ชีวิตอย่างประหยัดเรียบง่ายมาก  นี่เป็นจิตยึดติดชนิดหนึ่งหรือไม่
อาจารย์      บางทีชาวจีนเคยมีช่วงเวลาที่ลำบาก   ทุกคนจึงกลัวความยากจน  ทำให้คนเปลี่ยนกลายเป็นประหยัดเรียบง่ายจนเกินไป  เกินไปก็ไม่ดี   ให้ใช้ชีวิตไปตามปกติ   การประหยัดไม่ใช่เรื่องไม่ดีอะไร   แต่เรื่องอะไรหากเกินเลยไปแล้ว  ก็ไม่ใช่เรื่องที่ดี  คนบำเพ็ญไม่ควรมีความคิดอะไรที่มีอยู่ดั้งเดิม            การประหยัดเรียบง่ายนั้นไม่ผิด

ศิษย์           การบำเพ็ญอยู่ในประเทศจีนกับเดินทางมาทำงานที่ยุโรป คือฝ่าเซินองค์เดียวกันดูแลผู้ฝึกอยู่ใช่หรือไม่  
อาจารย์      ฝ่าเซินองค์เดียวกันหรือต่างองค์กันนี่ยังมีความแตกต่างหรือ   ข้าพเจ้าขอบอกท่าน  พวกเขาล้วนเป็นปัญญาญาณอย่างเดียวกันของข้าพเจ้าที่ดูแลอยู่   ไม่มีการแบ่งแยกใดๆเลย  ที่จริงฝ่าเซินก็คือข้าพเจ้า           ข้าพเจ้าคิดอย่างไร                  ฝ่าเซินก็คิดอย่างนั้น

ศิษย์           เรียนถามอะไรคือร่างจริง  อะไรคือกงเซิน(ร่างพลัง)
อาจารย์      นี่มีความต่างกัน  เนื่องจากทุกสิ่งที่นี่ของคนในสายตาของเทพล้วนเห็นว่าไม่เป็นจริง  มีแต่ร่างพระพุทธ  ร่างของเทพจึงจะเป็นของจริง  ดังนั้นจึงเรียกร่างกายในชั้นนั้นหรือที่สูงกว่าว่าร่างจริง   กงเซินนั้นก็คือสิ่งที่ข้าพเจ้าเองมีได้เพียงผู้เดียว  ในจักรวาลนี้ชีวิตไหนๆก็ไม่มี  เขาคือพลังที่ยิ่งใหญ่ของข้าพเจ้าที่สามารถก่อรูปเป็นรูปลักษณ์ของข้าพเจ้าในเวลาเดียวกัน (เสียงปรบมือ)

ศิษย์           ในขณะฝึกพลัง      มักจะได้ยินเสียงพูดของอาจารย์
อาจารย์      หากที่พูดคือฝ่า คือคำพูดในหนังสือ  ก็ไม่เป็นไร  นั่นคือการปรากฏของรูปแบบกงเหนิงชนิดหนึ่งของท่าน   คือการปรากฏของกงเหนิงของท่าน  หากไม่ใช่สิ่งที่อยู่ในฝ่า  นั่นก็คือมีการรบกวน

ศิษย์           สอนให้ลูกฝึกพลัง  บอกกับเขาว่าต้องเป็นคนดี  ยังต้องอ่านคัมภีร์ให้พวกเขาฟังหรือไม่
อาจารย์      ท่านบอกให้เขาเป็นคนดี นั่นเป็นเพียงคนดีในหมู่คนธรรมดาสามัญ   ฝ่าเท่านั้นที่สามารถทำให้คนหวนกลับขึ้นไป   เป็นเหตุผลนี้หรือไม่  ท่าฝึกพลังห้าชุดนั้น  เด็กสามารถฝึกได้เท่าไรก็ฝึกเท่านั้น  หากพูดว่าไม่สามารถฝึกได้              โตอีกหน่อยค่อยฝึกก็ไม่เป็นไร

ศิษย์           เวลาที่พูดหลักการที่เกี่ยวข้องกับต้าฝ่าให้ลูกฟัง  จะใช้ภาษาที่ลูกสามารถฟังเข้าใจในการอธิบาย           จะเหมาะสมหรือไม่ค่ะ  
อาจารย์      ข้าพเจ้าคิดว่าไม่มีปัญหา  เพราะท่านเป็นผู้บำเพ็ญ  ท่านจะไม่อธิบายเขาคลาดเคลื่อนไป  ท่านใช้เหตุผลอธิบายให้กับลูก          ข้าพเจ้าคิดว่าไม่มีปัญหา

ศิษย์           ผมเคยเกิดเรื่องการข้ามด่าน แต่ผมกลับสูญเสียปณิธาน ผมอยากจะบำเพ็ญใหม่  
อาจารย์      เมื่อครู่ก็มีผู้ฝึกถามข้าพเจ้าว่า ผมยังสามารถบำเพ็ญได้ไหม  ก็คือพูดว่าเขาอาจมีจุดที่ทำไม่ดีอยู่   รู้สึกว่ามีจุดที่ทำไม่เท่ามาตรฐานของลูกศิษย์  หลังจากทำเรื่องที่ไม่ดีแล้ว  ท่านยังจะบำเพ็ญได้ไหม  จะบำเพ็ญได้หรือไม่ นั่นต้องดูที่ตัวท่านทั้งหมด  ท่านได้ฟังฝ่าแล้ว  ได้รับฝ่าแล้ว  แน่ละเมื่อท่านทำได้ไม่ดี  ท่านข้ามด่านนั้นไม่ได้  เช่นนั้นการสูญเสียจึงมาก  ท่านสามารถบำเพ็ญใหม่  สงบใจลงมา  ปักใจมั่น  เริ่มต้นใหม่   ในเมื่อท่านได้ตัดสินใจจะบำเพ็ญในต้าฝ่าแล้ว  ท่านรับรู้ได้เองแล้วว่าเมื่อก่อนได้ทำผิดไป  ทำไมท่านไม่ปักใจนั้นให้แน่วแน่เริ่มต้นปีนป่ายขึ้นไปใหม่ละ  เพียงใจท่านขยับ  คิดจะทำเช่นนี้  ท่านไม่ต้องบอกกับข้าพเจ้า  และไม่ต้องไปพูดกับคนอื่น  ท่านเพียงแต่บำเพ็ญไป  ข้าพเจ้าว่า ก็ใช้ได้แล้ว  ที่จริงพวกท่านผู้บำเพ็ญคนไหน  เมื่อเริ่มต้นไม่ใช่เพราะเขาคิดจะบำเพ็ญจึงได้ต้าฝ่าหรือ  แต่ท่านไม่อาจสูญเสียโอกาสครั้งแล้วครั้งเล่า  ทำเรื่องที่ผิด ซ้ำแล้วซ้ำอีก   การบำเพ็ญนั้นเข้มงวด  หากยังผิดต่อไปอีก  ในอนาคตเกรงว่าท่านจะไม่มีโอกาสอย่างนี้เดินเข้ามาในฝ่านี้อีก  ในเมื่อท่านมีโอกาสเดินเข้ามาในฝ่า   เช่นนั้นท่านก็อย่าเสียไปอีกเลย

ศิษย์           ศิษย์หลายคนในอเมริกาเหนืออยู่ด้วยกันก่อนแต่งงาน  กระทั่งมีลูกแล้ว    ควรหรือไม่ที่จะจดทะเบียนสมรส
อาจารย์   สมควร  ข้าพเจ้าบอกให้พวกท่านไปบำเพ็ญโดยสอดคล้องกับคนธรรมดาสามัญให้มากที่สุด  เราหันมาพูดอีกอย่างหนึ่ง   ในประเทศจีนเมื่อก่อนนี้ คนที่แต่งงานต้องให้ฟ้าดินเห็นชอบ  ดังนั้นจึงเรียกว่ากราบไหว้ฟ้าดิน  ต้องได้รับการยอมรับจากพ่อแม่  ต้องกราบไหว้พ่อแม่   ในสังคมตะวันตกต้องได้รับการยอมรับจากพระเจ้าและเทพของพวกเขา  ดังนั้นจึงต้องเข้าโบสถ์กล่าวคำปฏิญาณต่อพระเจ้า     พระเจ้าหรือเทพเป็นพยานการแต่งงานของพวกท่าน  ยืนยันการครองคู่ของพวกท่าน  สังคมตะวันตกในปัจจุบัน  ทำลายสิ่งเหล่านี้ไปแล้ว  รูปแบบอะไรก็ไม่ปฏิบัติแล้ว  สองคนมาอยู่ด้วยกัน  ไม่มีการควบคุมใดๆ  พอใจแล้วก็อยู่ด้วยกัน  พอไม่ดีแล้วก็เปลี่ยนใหม่อีกคน  นี่ใช้ไม่ได้  ในฐานะผู้ฝึกต้าฝ่า เหตุผลเล็กน้อยนี้พวกท่านควรเข้าใจ  การปลดปล่อยทางเพศในสังคมตะวันตกก่อให้เกิดกรรมหนักมาก  ชาวตะวันออกที่มาถึงยิ่งร้ายแรงกว่า  พวกท่านต้องระวังเรื่องเหล่านี้บอกว่าคนไม่ดีแล้ว  ที่ผู้บำเพ็ญทำยังแย่ยิ่งกว่าคนธรรมดาสามัญ  นั่นยังมิใช่ปัญหาหรือ  แน่ละ  ในใจพวกท่านคิดว่า   แม้พวกเราไม่ได้จดทะเบียนสมรส  แต่ในใจกับพฤติกรรมก็เหมือนได้แต่งงานกันแล้ว  มีลูกกันแล้ว    พวกเราก็ไม่อาจแยกกันได้แล้ว  แต่พวกท่านไม่เคยปฏิบัติตามพิธีการ(จดทะเบียน)   ท่านรู้สึกว่าสามารถรับผิดชอบต่อกันได้   ข้าพเจ้าว่าจุดนี้ไม่เลว  แต่ทำไมไม่ไปทำตามพิธีการ(จดทะเบียน)สักหน่อยละ  อย่างน้อยที่สุดคือให้สังคมคนธรรมดาสามัญรู้ว่า พวกท่านเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย   ข้าพเจ้าคิดว่าเป็นอย่างนี้ใช่ไหม   ก็คือว่าพวกท่านไม่อาจทำตามสบายเกินไปในเรื่องเหล่านี้   ไม่ขอพูดมากในเรื่องนี้แล้ว   เมื่อก่อนที่พวกท่านทำนั้น       ไม่ว่าจะอย่างไร           ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไป      เริ่มต้นทำใหม่ให้ดี

ศิษย์        จะแยกแยะได้อย่างไรระหว่าง เวลาที่จิตหลักออกจากร่าง กับทัศนียภาพที่มองเห็นเมื่อเปิดพลังแล้ว

อาจารย์     นี่เคยพูดแล้ว  ทุกท่านทราบ “เหตุใดจึงมองไม่เห็น”  จิงเหวินบทนั้นข้าพเจ้าเขียนไว้อย่างชัดเจนมากแล้ว   เหตุใดจึงมองไม่เห็นหรือ   ถึงแม้จะเห็นก็ไม่ชัด  ก็คือท่านสามารถมองเห็นแล้ว  แต่ก็ไม่ชัดเจนอย่างนั้น  หากชัดเจน  ก็เป็นบางส่วน  จะไม่เหมือนกับเทพที่เปิดออกหมด  อะไรๆก็ทราบ  อะไรๆก็มองเห็นหมด   เหมือนกับภาพยนตร์  แน่ละก็มีกรณีที่พิเศษ  เพราะข้าพเจ้าพูดอย่างกว้างๆทั่วไป

ศิษย์               ฝ่าฟันพายุหิมะไปเข้าร่วมฝ่าฮุ่ย   รถเสียกลางทางแล้ว  คนในครอบครัวไม่เข้าใจพฤติกรรมเสี่ยงภัยของผม
อาจารย์        เรื่องใดๆล้วนไม่ใช่สูตรสำเร็จที่ง่ายดายอย่างนั้น  ล้วนทำไปตามสูตรสำเร็จนั้น  ในการบำเพ็ญ  สภาพการณ์ที่แต่ละคนประสบล้วนแต่ซับซ้อน  อาจเป็นสาเหตุนี้  อาจเป็นสาเหตุนั้น   อย่างเช่น   พวกเราบางคน  เนื่องจากซินซิ่งข้ามไปไม่ได้  เกิดปัญหาขึ้นแล้ว   และอาจเป็นเพราะควรมีเรื่องอื่นที่สำคัญกว่า  ก็อาจมีทุกข์ภัยอย่างนี้   ด้วยเหตุนี้จึงพบกับความลำบาก  ประสบกับอุปสรรค   ดังนั้นการบำเพ็ญนั้นซับซ้อนอย่างยิ่ง   ไม่ใช่ง่ายๆอย่างที่พวกท่านคิดกัน  บางทีเนื่องจากรถของท่านเสียจึงรอดพ้นจากการประสบกับอุบัติเหตุรถยนต์ที่ห่างออกไปอีกหลายกิโลเมตร  บางทีเป็นอย่างนี้  บางทีเป็นอย่างนั้น   สิ่งต่างๆที่พวกท่านประสบในการบำเพ็ญล้วนเป็นเรื่องดี และล้วนเป็นการสถาปนาธรรมานุภาพของตนเอง

ศิษย์           มีเวลาเพียงสองวันในการจัดการสัมมนาแนะนำต้าฝ่า      วิธีนี้ดีหรือไม่
อาจารย์      มีเวลาเพียงสองวันในการจัดการสัมนาแนะนำต้าฝ่า  เวลาค่อนข้างกระชั้นไป  ถ้าคนๆหนึ่งอ่าน      “จ้วนฝ่าหลุน”เล่มนี้ แล้วไม่สามารถอ่านต่อเนื่องไปเรื่อยๆ   นับแต่นี้ไปคนๆนี้ก็ยากที่จะหยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาแล้ว  เพราะอะไรหรือ  เพราะคนมีกรรมทางความคิด  เนื่องด้วยทัศนคติทางความคิดจึงก่อให้เกิดกรรมนั้น   เวลาที่อ่านหนังสือก็คือการขจัดกรรมในความคิดของท่าน  กรรมนั้นมีชีวิต  มันรู้ว่าท่านกำลังกำจัดมันอยู่     มันจึงเริ่มไม่ให้ท่านแตะต้องหนังสือเล่มนี้   ต่อให้ท่านมีเวลา  มันก็ไม่ให้ท่านคิดไปอ่านหนังสือ   มันพยายามให้ท่านไม่มีเวลาไปอ่านหนังสือ   ดังนั้นจึงเป็นเหตุที่ว่ามีคนมากมายที่ไม่ได้อ่านให้จบในรอบแรก ก็จะไม่มีเวลาอ่านอีกต่อไป   และการดูวิดีโอก็เช่นกัน  หากท่านไม่สามารถดูจนจบ  ก็ยากจะหาเวลาดูได้อีก    มารตัวนี้กำลังรบกวน  ไม่ให้ท่านมีเวลา  มันพยายามคิดหาวิธีไม่ให้ท่านได้แตะต้องอีก  ปัญหานี้พูดได้แต่เพียงว่าให้พวกท่านทำไปตามสถานการณ์

ศิษย์             หากยอมรับของขวัญที่เพื่อนผู้ฝึกพลังมอบให้ด้วยความปรารถนาดีเป็นเวลานาน   จะเสียกุศลอย่างไม่สิ้นสุดหรือไม่

อาจารย์      ข้าพเจ้าจะยกตัวอย่างหนึ่งให้กับทุกท่าน  มีผู้ฝึกคนหนึ่ง ในทันใดครอบครัวก็ยากลำบากขึ้นมา   ความยากลำบากนี้ในฐานะผู้ฝึกเป็นไปได้ว่าเมื่อก่อนเขาเคยติดค้างหนี้อย่างนี้ไว้ ในระหว่างขั้นตอนการสลายทิ้งไป เขาต้องแบกรับอย่างนี้  แต่เวลาจะไม่ยาวนาน  ข้าพเจ้าว่าอาจเป็นเช่นนี้ได้    เช่นนั้นผู้ฝึกบางคนรู้สึกว่า เขาลำบากถึงอย่างนี้  เราก็ต้องช่วยเขา  จะช่วยอย่างไรละ   พวกเราสมทบเงิน  ให้เงินเขา  ช่วยเรื่องการยังชีพของครอบครัวเขา   เอาละ  จากนี้ไปคนๆนี้อะไรก็ไม่ทำแล้ว  นอกจากศึกษาฝ่าแล้วก็คือ กิน ดื่ม  ใช้เงินของพวกเขา   เช่นนั้นต่อจากนั้น  ฝ่าก็ไม่ศึกษาแล้ว   คุณเอาเงินมาเถอะ  ฉันจะใช้ชีวิตอย่างนี้ละ   ทุกท่านลองคิดดู  พวกท่านนั้นมีเมตตา  แต่ไม่อาจปฏิบัติต่อปัญหาเหล่านี้ด้วยวิธีอย่างนี้   แต่ละคนต่างมีความยากลำบากของเขา   ทุกท่านสามารถมีใจเมตตาไปช่วยเหลือเขา  แก้ไขปัญหาการงานหรือแก้ไขปัญหาที่รีบด่วนให้สักหน่อย   แต่อย่าทำอย่างนี้ต่อเนื่องเป็นเวลานาน  เส้นทางนั้นที่ข้าพเจ้าจัดวางให้เขา พวกท่านก็ทำลายจนหมดแล้ว  เขาก็ไม่มีทางจะบำเพ็ญได้แล้ว  สุดท้ายเขาก็ไม่บำเพ็ญแล้ว  งานก็ไม่หาแล้ว  ความยากลำบากก็ไม่แก้ไขแล้ว  ถึงอย่างไรก็มีเงินใช้    ทุกๆเดือนคุณเอาเงินให้ฉันก็พอแล้ว   เช่นนั้นข้าพเจ้าว่าผู้ฝึกกำลังทำอะไรกันอยู่ละ

มอบของขวัญ   อะไรที่เรียกว่ามอบของขวัญละ   ฉันให้ของอย่างหนึ่งให้ท่าน   คนที่ไม่รู้จักนั้นทำไมต้องให้ของแก่ท่านละ    อ้อ  ที่รู้จักนั้นล้วนเป็นผู้ฝึก  ในระหว่างผู้ฝึกด้วยกันสามารถมอบของมีค่าให้ตามชอบใจหรือ  เพราะอะไรละ   ท่านก็ต้องมีเหตุผลหนึ่ง ทำไมหนา  หากไม่ใช่ของมีค่ามาก  ทำไมจึงมอบให้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน  ทำไมละ   ทำไมท่านจึงรับละ   จิตละโมบของท่านวางไม่ลง   หรือมีเหตุผลอะไรหรือ   ตัวท่านเองทำไมไม่ค้นหาดู   นี่ใช้ไม่ได้  ต้าฝ่านี้ของเราล้วนไม่แตะต้องเงินทอง ไม่แตะต้องสิ่งของ   ไม่เก็บสะสมเงินไม่แตะต้องสิ่งของ  พวกท่านมาบำเพ็ญ  ทุกท่านนั่งอยู่ที่นี่   สตางค์แดงเดียวข้าพเจ้าก็จะไม่เอาของพวกท่าน   ทำไมคนอื่นต้องให้ท่าน  พวกท่านเองก็วางไม่ลงละ   ณ ที่นี้ขอหยิบยกประเด็นหนึ่งที่พิเศษ   บรรดาผู้ที่ทำงานเพื่อต้าฝ่า  หรือคนที่ทำงานให้อาจารย์   ไม่ว่าจะด้วยเหตุใด  พวกท่านต้องไม่รับของขวัญใดๆจากผู้ฝึก  ส่วนที่ส่งต่อให้อาจารย์ต้องให้อาจารย์มาจัดการ  อย่าจัดการโดยพลการ  เก็บไว้สำหรับตัวเอง  กักเอาไว้  เปิดจดหมายกับสิ่งของอื่นของอาจารย์ออกโดยพลการ

ศิษย์           การตกลงไปของชีวิตเป็นเพราะจิตหลักแปดเปื้อนสิ่งยึดติดหรือธาตุแท้ของจิตหลักเปลี่ยนไปแล้ว
อาจารย์      ข้าพเจ้าไม่ได้มองปัญหาอย่างนี้   ชีวิตของคนเป็นร่างรวมหนึ่ง  ไม่ได้บอกว่า จิตหลักหรือจิตรองของท่านหรือพูดว่าร่างกายท่านเป็นอย่างนั้นอย่างนี้  เมื่อผิดไปแล้วก็คือผิด   เพราะความคิดหนึ่งของท่านนั้นในระดับชั้นที่ต่างกัน มีตัวท่านทั้งหมดอยู่ข้างใน  เมื่อผิดไปแล้ว แก้ไขให้ถูกก็เป็นคนดี  สามารถบำเพ็ญตนเอง  ก็จะสามารถยกระดับขึ้นได้

ศิษย์           ชีวิตของสรรพชีวิตในจักรวาลน้อยนี้ของร่างกายคนกับจิตหลักที่ควบคุมร่างกายคนๆนี้อยู่ในระดับชั้นเดียวกันหรือไม่
อาจารย์      ไม่อยู่ในระดับชั้นเดียวกัน  พวกท่านสูงกว่าชีวิตทั้งปวงในร่างกายตนเอง  เซลล์ทั้งหมดของพวกท่านเองยังมีระบบควบคุมความคิดที่เป็นเอกภาพ

ศิษย์           ปีนี้หนูอายุ ๑๓  เกิดในประเทศญี่ปุ่น  เนื่องด้วยอุปสรรคด้านภาษา  จะบำเพ็ญอย่างไร หนูไม่เข้าใจแม้แต่น้อย
อาจารย์      ให้ผู้ใหญ่หาวิธีการช่วยแก้ไขให้หน่อย  เกิดในประเทศญี่ปุ่น  อ่านภาษาจีนไม่เข้าใจ  เนื่องจากยังเล็กใช่ไหม   ของหลายอย่างในภาษาญี่ปุ่นก็ไม่สามารถอ่านได้หมด   และไม่อาจรู้จักตัวอักษรทั้งหมด  ย่อมจะมีความยากลำบาก   ตรงไหนไม่เข้าใจก็ถามผู้ใหญ่เอา  แล้วหนูก็จะค่อยๆทราบได้หมด    เด็กนั้นค่อนข้างปราดเปรียว  ทุกท่านทราบ   ในประเทศจีนมีคนชราประเภทนี้   ไม่เคยเรียนหนังสือมาก่อนเลย  เขาอ่าน “จ้วนฝ่าหลุน”  อ่านไปอ่านมา  เขาก็สามารถอ่านได้หมดแล้ว   คนประเภทนี้ มีอยู่จำนวนมากจริงๆในหมู่ศิษย์ต้าฝ่า   เขาอายุหลายสิบปี  ชั่วชีวิตก็ผ่านไปแล้ว   แต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่กล้าคิดว่าตนเองจะรู้หนังสือ    เมื่อผ่านการศึกษาต้าฝ่า เขาก็สามารถอ่าน “จ้วนฝ่าหลุน”ได้ภายในเวลาที่สั้นมาก   ยิ่งกว่านั้นยังอ่านได้คล่องมาก  น่าอัศจรรย์จริงๆ   เพราะที่แท้เขา(จ้วนฝ่าหลุน)เป็นฝ่าใช่ไหม  เขา(ความอัศจรรย์) จึงสามารถเกิดขึ้นได้  แน่ละ  เด็กนั้นไม่แน่ว่าจะมีจิตใจที่แน่วแน่อย่างนั้นเหมือนผู้ใหญ่  แต่ข้าพเจ้าก็จะพิจารณาดู  เด็กนั้นอย่างไรเสียก็คือเด็ก   หากพยายามสักหน่อย          ผู้ใหญ่ก็ช่วยด้วย          ย่อมสามารถแก้ไขได้

ศิษย์           ระหว่างจิตรองด้วยกันเอง มีวาสนาสัมพันธ์กันอย่างไร
อาจารย์      อาจมีวาสนาสัมพันธ์กัน  หรืออาจไม่มีวาสนาสัมพันธ์กัน   เพราะมันไม่มีสูตรตายตัว   แต่ละคน จะมีสภาพการณ์ของชาติภพก่อนๆที่ต่างกัน   สิ่งเหล่านี้คือความสัมพันธ์แต่ชาติปางก่อนของคน  ซึ่งไม่เกี่ยวกับการบำเพ็ญของท่าน    เพราะจิตหลักอยู่ที่นี่ได้ฝ่าอย่างแจ่มแจ้งก็พอแล้ว จิตรองอื่นๆก็จะบำเพ็ญไปกับท่านโดยปริยาย

ศิษย์           พวกเราสามารถหงฝ่าในสำนักอู่ซู(ศิลปการป้องกันตัว)ของทางตะวันออกได้หรือไม่

อาจารย      บอกให้คนได้ฝ่า  ข้าพเจ้าคิดว่าไม่ว่าจะอยู่ในสภาพแวดล้อมใดล้วนไม่มีปัญหา  แต่มีจุดหนึ่ง   ในอู่ซู(ศิลปการป้องกันตัว)นี้มีอู่ซูของสายเต๋า   เพราะมันจัดเป็นประเภทเดียวกับชี่กง เรื่องอื่นล้วนไม่กระทบ   พวกเราหลายคนที่ฝึกต้าฝ่าก็กำลังฝึกอู่ซู ล้วนไม่ถูกกระทบ

ศิษย์           หลังจากที่อาจารย์ได้อธิบายความจริงของวิทยาศาสตร์กับสิ่งที่ไม่ดีชนิดต่างๆในสังคมคนธรรมดาสามัญ  ความคิดของผมเกิดความสับสนอย่างหนึ่งในการตัดสินความถูกผิด  ซึ่งแก้ไม่ตกอาจารย์    ข้าพเจ้าขอพูดอีกครั้ง  ต้องบำเพ็ญให้สอดคล้องกับสังคมคนธรรมดาสามัญให้มากที่สุด  ข้าพเจ้าขอบอกพวกท่าน  ข้าพเจ้าได้พูดถึงองค์ประกอบที่แท้จริงที่อยู่เบื้องหลังวิทยาศาสตร์  แต่ข้าพเจ้าหาได้คัดค้านวิทยาศาสตร์   ข้าพเจ้าขอพูดซ้ำอีกที   ข้าพเจ้าได้พูดถึงความจริงเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์  แต่ข้าพเจ้าไม่ได้คัดค้านวิทยาศาสตร์    เนื่องจากที่แท้มันเป็นสิ่งของชนิดหนึ่งที่ชีวิตของสรรพชีวิตในจักรวาลนี้มีอยู่พร้อม    ที่นี่ข้าพเจ้าชี้ออกมาว่ามนุษย์ไม่ควรมีสภาพการณ์เช่นนี้กับสาเหตุที่มนุษย์ถูกทำให้เปลี่ยนสภาพไป   ข้าพเจ้าไม่ได้ไปคัดค้านวิทยาศาสตร์   พวกท่านควรทำงานของพวกท่าน  ท่านก็ไปทำ    เพียงแต่มันเปรียบกับฝอฝ่าแล้ว(มัน)ก็มีความสามารถต่ำอย่างยิ่งเท่านั้นเอง    เมื่อบำเพ็ญเรื่อยๆไปก็จะสามารถเข้าใจได้

ศิษย์           เมื่อแรกได้ฝ่ารู้สึกตื่นเต้นยินดีมาก   แต่เพราะหลงอยู่ในวังวนที่ลึกเกินไป   ได้ทำเรื่องที่ไม่ดีมาก           ผมจบสิ้นแล้วใช่ไหม
อาจารย์      การบำเพ็ญของต้าฝ่ายังดำเนินต่อไป  เหล่าผู้ฝึกยังคงก้าวหน้าเรื่อยไป  ขณะนี้ท่านสามารถถามคำถามนี้ขึ้นมา  ข้าพเจ้ายังอ่านให้ท่านฟังได้   วาสนาของท่านนั้นไม่น้อยเลย   รีบแข่งกับเวลาเถิด(เสียงปรบมือ)

ศิษย์           ผมมาจากประเทศเลบานอน   สมาชิกครอบครัวต่างเป็นสาวกของศาสนา  ผมไม่เชื่อศาสนาแต่ผมกังวลว่าจะได้รับผลกระทบหรือไม่
อาจารย์      ไม่มีผลกระทบอะไร  ท่านศึกษาของท่าน  พวกเขาเชื่อของพวกเขา  นี่ไม่มีผลกระทบ    เพราะสิ่งที่พวกเขาเชื่อนั้นไม่มีเทพคอยดูแล         เมื่อไม่มีเทพดูแลก็ยิ่งไม่กระทบ

ศิษย์           ด่านซินซิ่งที่ใหญ่และสำคัญหลายครั้งล้วนเกิดขึ้นก่อนที่ผมจะเข้าร่วมฝ่าฮุ่ย  นี่เป็นการจัดวางของฝ่าเซินของท่านหรือไม่
อาจารย์   ท่านเป็นผู้ฝึก ข้าพเจ้าก็ต้องรับผิดชอบต่อท่าน  พูดถึงว่าข้าพเจ้ากำลังให้ท่านผ่านด่านซินซิ่งอยู่ใช่หรือไม่   หรือว่าเป็นสาเหตุรูปธรรมอะไร   เรื่องเหล่านี้ ในฐานะอาจารย์ย่อมจะต้องรับผิดชอบต่อท่าน    เรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นกับผู้บำเพ็ญนั้นล้วนเป็นเรื่องที่ดี   ให้ท่านสนใจบำเพ็ญไปก็พอ     พวกท่านอาจไม่ได้สังเกต  เมื่อวานตอนเช้ามีผู้ฝึกคนหนึ่งขึ้นพูด  ในนั้นของเขามีอยู่ท่อนหนึ่ง     เขาพูดว่าไม่ว่าเขาจะบำเพ็ญอย่างไรก็ไม่รู้สึกว่าก้าวหน้าไปข้างหน้า  มีอยู่วันหนึ่งเขารับรู้ได้ในฉับพลันว่า   ในด้านใดด้านหนึ่งของฉัน  ควรมีการแก้ไขได้แล้ว   ดังนั้นในเวลาที่เขาฝึกพลังอยู่ กำแพงนี้ก็เปิดออกแล้วในทันใด   สิ่งที่เผยอยู่ต่อหน้าเขาในทันใดก็คืออีกเขตแดนหนึ่ง         ข้าพเจ้าคิดว่าการขึ้นพูดของผู้ฝึกคนนี้  พวกท่านทั้งหมดควรลองคิดดู

ศิษย์           ฝ่าหลุนต้าฝ่าเคยช่วยเหลือคนในยุคก่อนประวัติศาสตร์แล้วเหตุใดสรรพชีวิตจึงลืมฝ่าไปแล้วละ
อาจารย์      ท่านหมายถึงเทพหรือคน  ที่ต้าฝ่าช่วยเหลือนั้นล้วนขึ้นสวรรค์หมดแล้ว  ดังนั้นชีวิตเหล่านั้นท่านทราบได้อย่างไรว่าเขาลืมฝ่าไปแล้วละ   ข้าพเจ้าขอบอกท่าน  คนๆหนึ่งเมื่อบำเพ็ญหยวนหมั่นแล้ว  ทุกสิ่งของท่านล้วนสร้างขึ้นโดยฝ่า  ทุกสิ่งล้วนหล่อหลอมเข้ากับฝ่า  ท่านอยู่ในต้าฝ่า จึงเป็นส่วนหนึ่งของต้าฝ่า  ที่จริงสรรพชีวิตทั่วทั้งจักรวาลล้วนเป็นส่วนหนึ่งของต้าฝ่า  เพียงแต่เขาเบี่ยงเบนออกจากฝ่านั้นมากขึ้นเรื่อยๆ   เมื่อชีวิตหนึ่งเบี่ยงเบนไปแล้วเขาก็ตกลงมาได้   ไปยังระดับชั้นที่เขาควรไป  หากทั้งหมดล้วนเบี่ยงเบนแล้ว ดังนั้นส่วนนั้นก็ต้องดับสลายไป      ต่อมาค่อยสร้างชีวิตใหม่ขึ้นมา

ศิษย์           การบำเพ็ญก็คือเพิ่มความเข้าใจและความทรงจำต่อต้าฝ่าให้ลึกซึ้ง พูดอย่างนี้ได้หรือไม่
อาจารย์      ไม่ใช่อย่างนี้   ขณะนี้ที่พวกท่านจำได้นั้นเป็นเพียงรูปแบบหนึ่งของฝ่าที่ปรากฏในระดับชั้นที่ต่ำที่สุดที่ข้าพเจ้าบรรยายออกมาในหมู่คนธรรมดาสามัญ   ส่วนฝ่าทั้งหมดที่พวกท่านรู้ ณ เขตแดนที่ต่างกันของการหยวนหมั่นนั้น  กับฝ่าที่ข้าพเจ้าบรรยายให้กับพวกท่านในขณะนี้ นอกจากความนัยแล้ว  แต่ละตัวอักษรล้วนไม่เหมือนกัน   พวกท่านสามารถเข้าใจที่ข้าพเจ้าพูดไหม  (เสียงปรบมือ)  ดังนั้นพวกท่านจึงเลี่ยงไม่พ้นที่จะใช้ทัศนคติของคนคิดเรื่องของเทพ

ศิษย์           พบว่าตนเองนั้นทะลวงจิตยึดติดก้าวข้ามมา จิตยึดติดนี้ไม่ใช่ความถูกผิดที่ชั้นผิว  แต่เป็นความนัยที่ต่างกัน
อาจารย์      เป็นเช่นนี้   เนื่องจากในเวลาที่ต้าฝ่าในระดับชั้นที่ต่างกันชี้นำท่านบำเพ็ญอยู่นั้น ได้แต่รับรู้ด้วยใจแต่ไม่อาจพูดออกมาได้   เพราะเพียงท่านเข้าสู่แนวคิดด้านภาษาของคนธรรมดาสามัญมันก็เปลี่ยนความหมายไปแล้ว   ยังไม่ทันที่ท่านจะพูดออกมา  เมื่อท่านเข้าสู่ขั้นตอนการเรียบเรียงแนวคิดด้านภาษาของคนธรรมดาสามัญก็ไม่ใช่ความหมายนั้นแล้ว  ดังนั้นพอท่านพูดออกมา  ก็ไม่ใช่ความหมายที่แท้จริงของเขตแดนนั้นแล้ว  พวกท่านคงจะพบกับปัญหานี้กันหมดแล้ว  ดังนั้นจึงได้แต่รับรู้ด้วยใจไม่อาจพูดออกมาได้  แต่ในการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ทำไมทุกท่านสามารถพูดได้ละ   เพราะสิ่งที่พวกท่านพูดนั้นคือสิ่งที่ต่ำที่สุด  ชั้นผิวที่สุดกับเรื่องที่ผ่านมาของพวกท่าน   แน่ละที่ผู้ฝึกใหม่พูดนั้นคือเรื่องในปัจจุบันของเขา    เนื่องจากที่ผู้ฝึกใหม่พูดนั้นแน่นอนว่าล้วนเป็นเรื่องที่ชั้นผิว

ศิษย์           อาจารย์สะกิดเตือนผมหลายครั้ง  แต่ไม่อยากให้ตนเองคิดสูงเกินไป  นี่มีจิตยึดติดอยู่เบื้องหลังหรือไม่

อาจารย์  นี่อาจจะไม่ใช่สิ่งที่แน่นอน  เพราะบางครั้งกลัวว่าตัวเองจะเกิดจิตยินดี  ตนเองควบคุมตนเองอยู่   ไม่อาจให้เกิดจิตยินดี  และไม่ให้ตนเองคิดสูงเกินไป  ข้าพเจ้าคิดว่านี้ก็เป็นเรื่องที่ดี   แต่อย่าได้ยึดมันจนเกินไป          ทั้งนี้จะได้ไม่กลายเป็นจิตยึดติดอีกอย่างหนึ่ง      ก็คือให้บำเพ็ญอย่างสง่าผ่าเผย

ศิษย์           บางคนว่าคนอื่น  คุณ นี่เป็นจิตยึดติด  นั่นเป็นจิตยึดติด  แต่ตัวเขาเองนั้นกำลังอยู่ในท่ามกลางจิตยึดติดหรือไม่
 อาจารย์       สาเหตุสองด้านล้วนเป็นไปได้  ปัญหาที่ถามน่าสนใจมาก  แต่ไม่อาจตัดประเด็นที่ว่ามีจิตยึดติดหรือไม่   พวกท่านบางคนในเวลาที่พูดว่าคนอื่นมีจิตยึดติด  ใช่หรือไม่ว่าจิตยึดติดของตนเองถูกกระทบจึงหันกลับมาพูดว่าคนอื่นยึดติดเพื่อกลบเกลื่อนจิตยึดติดของตนเอง  (เสียงปรบมือ)  เช่นนั้นคนที่ถูกกล่าวหาว่ายึดติด  ใช่หรือไม่ว่าเพราะปล่อยวางจิตยึดติดไม่ลงจึงพูดว่าคนที่กล่าวหาตนว่ายึดติด    และไม่ปล่อยวางจิตยึดติดของตน

ศิษย์           หากผู้รับผิดชอบมอบตำแหน่งของตนให้คนที่มีความสามารถทำงานได้ดีกว่าตน  ใช่หรือไม่ว่าเป็นการอุทิศต่อการสร้างสรรค์ต้าฝ่า
อาจารย์      มองจากชั้นผิวของตัวหนังสือ ทุกท่านล้วนสามารถพูดได้ว่าถูกต้อง  นี่ไม่มีปัญหา  คนอื่นทั้งบำเพ็ญดี  ความสามารถในการทำงานก็ดี   หากเขา(คนๆนี้)ไม่ทำ  ก็เป็นความสูญเสียต่อต้าฝ่า  หากท่านสามารถรับรู้เรื่องนี้ได้   ไปรับรู้โดยยืนอยู่บนจุดฐานนี้เพื่อฝ่า  ข้าพเจ้าว่านั่นก็ดีเหลือเกินแล้ว  แน่ละเมื่อพูดในทางกลับกัน  ตนเองมีองค์ประกอบทางความคิดอย่างอื่นซ่อนเร้นอยู่ภายใต้สภาพที่ปกปิดอำพรางไว้  ยิ่งกว่านั้นตนเองไม่กล้าไปคิดว่ามันเป็นจิตยึดติด  พอคิดถึงตรงนี้ก็ปกปิดมันให้ผ่านไป   ลื่นไถลข้ามไป                        นั่นก็ไม่ถูกต้อง

ศิษย์           ตัวเองมักเตือนตัวเองเสมอว่าจะใช้ใจตน ใช้ทุกสิ่งของตน ทุ่มเทตนเองเพื่อเลี้ยงดูอาจารย์อาจารย์                  จิตใจของทุกท่านข้าพเจ้าเข้าใจ  ข้าพเจ้าขอบอกทุกท่าน  นี่เป็นสิ่งที่ตกทอดกันมาในศาสนา  องค์ศากยมุนีเคยตรัสไว้  เพราะศิษย์ของพระองค์ต้องออกบิณฑบาตร  พระองค์เคยตรัสว่าการตักบาตรให้พระสงฆ์มื้อหนึ่งเป็นบุญกุศลไม่มีประมาณ  แต่ไม่ได้ตรัสว่าการเลี้ยงดูพระองค์ ให้เงินทองพระองค์เท่าไรๆเป็นการสร้างคุณูปการและคุณธรรมอย่างหาที่สุดมิได้  ศาสนาไม่ได้ทำตามข้อกำหนดของพระพุทธแล้ว  ดังนั้นในปัจจุบันพระสงฆ์บางรูปจึงมีจิตละโมบมาก  เขาต้องการเงินมากๆ  เขาจึงเผยแพร่ทัศนคติอย่างนี้    คุณต้องเลี้ยงดูฉันคุณจึงจะได้สร้างคุณูปการและคุณธรรมอย่างหาที่สุดมิได้   เลี้ยงดูอย่างไรละ  คุณให้ยิ่งมากยิ่งดี  ยิ่งกว่านั้นเขาคิดเลี้ยงดูฉันจนครอบครัวล่มจม นั่นจึงจะดีนะ  ทุกท่านลองคิดดู  ความเห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้นี้สุดโด่งจนถึงขั้นสูงสุดแล้ว  กระทั่งทัศนคติที่เห็นแก่ตัวชนิดนี้  สามารถทำให้ผู้คนครอบครัวล่มจม บุกเข้ายึดของๆคน  เขาก็ยังไม่พอใจยังร้ายกาจยิ่งกว่ามารที่ชั่วร้าย        เขาจะเป็นผู้บำเพ็ญได้อย่างไรกัน

ต้าฝ่านั้นไม่อาจใช้เงินมาประเมินได้  ท่านก็เป็นผู้บำเพ็ญคนหนึ่ง  ทำไมท่านต้องให้ผู้อื่นเลี้ยงดูละ  ทำไมต้องการเงินของคนอื่น (เสียงปรบมือ)  พูดในทางกลับกัน  คนที่ท่านต้องการเลี้ยงดู  เขาก็บำเพ็ญพุทธอยู่   หาไม่แล้วเขาเลี้ยงดูท่านไปทำไม   ไม่แน่ว่าเขายังบำเพ็ญดีกว่าท่านนะ  อะไรทำให้ท่านต้องให้เขาเลี้ยงดู  ท่านเองสมควรเลี้ยงดูเขา   แน่ละปัจจุบันนี้ในศาสนาเรื่องที่ทำเพื่อเงินเพื่ออำนาจแล้วยุ่งเกี่ยวกับการเมืองนั้น มีให้เห็นจนชินตาแล้ว  ไม่เห็นอะไรน่าประหลาดใจแล้ว    พูดเท็จไปสามครั้งดูเหมือนจะกลายเป็นเรื่องจริงแล้ว  ดังนั้นยิ่งฟังก็ยิ่งรื่นหู  และก็ไม่คิดดูว่ามันถูกหรือไม่ถูกกันแล้ว    แน่ละ  ผู้ฝึกบางคนรู้สึกว่าอาจารย์ใช้ชีวิตอย่างไร  มักคิดจะแก้ปัญหาการยังชีพให้อาจารย์สักหน่อย   ทุกท่านไม่ต้องไปคิด         จิตใจของพวกท่านนั้นข้าพเจ้าทราบ

ศิษย์           เป้าหมายของชีวิตมีแต่หล่อหลอมเข้ากับ เจิน  ซั่น  เหริ่น  หากหลีกลี้หนีห่าง ฉันก็จะดับสลายทั้งกายและจิต
อาจารย์      พวกท่านเข้าใจฝ่าลึกซึ้งแล้ว  เจตนารมณ์ที่จะบรรลุหยวนหมั่นนั้นแน่วแน่ราวหินผา   ข้าพเจ้ารู้สึกว่าดีจริงๆ   ข้าพเจ้ารู้สึกว่า (ท่าน)วางรากฐานต่อการบำเพ็ญได้ดีมากแล้ว  จึงสามารถเขียนคำพูดเหล่านี้ออกมาได้

ศิษย์           ในภายภาคหน้าใช่หรือไม่ว่ายังมีคนสืบทอดการเผยแพร่ต้าฝ่าต่อจากอาจารย์
อาจารย์      เรื่องนี้เมื่อทำผ่านไปแล้วก็จบสิ้นแล้ว    พวกท่านอยู่ ณ ชุมทางเชื่อมต่อของจักรวาล   หลังจากเรื่องเจิ้งฝ่านี้ผ่านไปแล้ว    มนุษยชาติในอนาคตจะเริ่มต้นพัฒนากันใหม่   พวกเขาไม่รู้จักต้าฝ่า   แต่พวกเขาจะรู้ได้ว่าในประวัติศาสตร์เคยเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น   พูดถึงว่าหลักธรรมของต้าฝ่านี้คืออะไร   พวกเขาไม่อาจจะได้เห็นแม้แต่ตัวอักษรเดียว เช่นนั้นเมื่ออารยธรรมใหม่ของพวกเขาก่อตั้งขึ้นมาแล้วก็จะมี พระพุทธ  เต๋า  เทพ องค์ใหม่ลงมาถ่ายทอดฝ่าช่วยเหลือคน   ดังนั้นชีวิตในอนาคตเขาก็จะได้ฟังฝอฝ่าเช่นเดียวกัน  บางทีในสังคมตะวันตกก็อาจจะมีเทพองค์หนึ่งอย่างพระเยซูลงมาสู่โลกอีก  นั่นเป็นเรื่องในภายหลังของศตวรรษใหม่   นี่ไม่เกี่ยวข้องกับพวกท่าน

ศิษย์           “จ้วนฝ่าหลุน”กับหนังสือทั้งหมดของอาจารย์ที่พิมพ์ออกมานั้นล้วนมีพลังของฝ่าเหมือนกันใช่หรือไม่
อาจารย์    ใช่   เป็นเช่นนี้   ขอเพียงเป็นของต้าฝ่า  ล้วนเพียบพร้อมความนัยที่ไม่ที่สิ้นสุดซึ่งอยู่ข้างหลังอย่างเดียวกัน  ข้าพเจ้าขอบอกทุกท่าน  ท่านต้องบำเพ็ญอย่างเป็นระบบ   ท่านเพียงแต่ยึด  “จ้วนฝ่าหลุน” เล่มนี้ไว้ให้มั่นไปบำเพ็ญ   หนังสือเล่มอื่นล้วนเป็นเพียงส่วนประกอบ  แต่ส่วนประกอบนี้ ในระดับชั้นที่ต่างกันก็ล้วนมีคุณค่าของระดับชั้นที่ต่างกันอยู่    เพราะล้วนมีความนัยของระดับชั้นที่ต่างกัน   แต่ถ้าจะบำเพ็ญอย่างเป็นระบบก็คือ “จ้วนฝ่าหลุน”  ดังนั้นต้องยึดกุม   “จ้วนฝ่าหลุน”ไว้ให้มั่น    ไปอ่านครั้งแล้วครั้งเล่า

ศิษย์           ใช่ไหมว่าศิษย์ที่หยวนหมั่นได้ ล้วนจะถูกช่วยไปอยู่ระดับชั้นที่สูงมากๆ  หาไม่แล้วก็ไม่จำเป็นต้องใช้ฝ่าที่ใหญ่อย่างนั้น
อาจารย์      ก็คือพูดว่าอาจารย์บรรยายต้าฝ่าที่ลึกล้ำเช่นนี้   แล้วพวกเราไปไม่ได้สูงอย่างนั้น  แต่ท่านบรรยายสูงอย่างนั้นให้กับพวกเรา   ใช่ไหมว่านั่นก็บรรยายอย่างสูญเปล่าแล้ว   ข้าพเจ้าขอบอกพวกท่าน  ผู้ฝึกบางคนอาจมองเห็นแล้ว   แต่ละครั้งผู้ที่ฟังอยู่ในห้องประชุมไม่ใช่แค่พวกท่านที่เป็นคน    แน่ละสิ่งที่พวกเขาฟังที่ข้าพเจ้าพูดออกมานั้นก็เป็นคำเดียวกัน   ก็จะไม่ใช่ความนัยที่พวกท่านได้ยิน หรือสิ่งที่ผู้บำเพ็ญในระดับชั้นนี้เข้าใจ

ศิษย์           เมื่อผู้ฝึกที่ขึ้นพูด แล้วพูดออกมาว่า “ฉันจะกลับบ้าน”    ดิฉันไม่ทราบว่าในใจเป็นอย่างไรน้ำตาจึงไหลออกมา 
อาจารย์      อาจจะกระตุ้นส่วนนั้นของท่านที่เป็นธาตุแท้ที่สุด          ส่วนนั้นที่จุลทรรศน์ที่สุด

ศิษย์           เป็นสัญลักษณ์ของระดับชั้นของพระพุทธ    ระดับชั้นของเต๋าก็มีสัญลักษณ์ด้วยหรือไม่
อาจารย์      ท่านไม่อาจใช้สูตรสำเร็จไปใช้กับเรื่องบนสวรรค์  ไม่ใช่เช่นนั้น  ที่จริงเทพที่ต่างกันนั้นการปรากฏของพวกเขาไม่ได้อยู่ที่สัญลักษณ์อะไรมีจำนวนเท่าไร
เป็นการแสดงออกชนิดหนึ่งของพระพุทธ  ก็คือเป็นตัวแทนพระพุทธ   แน่ละ  พระพุทธก็คือรูปแบบที่แสดงออกชนิดนี้   พระพุทธมีสัญลักษณ์นี้ที่แสดงถึงระดับชั้น     ที่จริงเทพบนสวรรค์นั้นพอมองไปก็ทราบว่าเขาสูงเพียงไร        พอมองก็ทราบถึงระดับชั้น

ศิษย์           ในอดีตบรรดาการบำเพ็ญทั้งหลายล้วนเป็นจิตรองที่ได้พลัง  เช่นนั้นการบำเพ็ญของศาสนาทางตะวันตก                  ใครที่ได้พลัง
อาจารย์      นั่นยังต้องถามหรือ   การบำเพ็ญของทางตะวันตก ไม่ใช่กายเนื้อตายแล้ว จิตรองนั้นก็ไปแล้วหรือ   บนโลกไม่อาจขาดคนไปแม้เพียงคนเดียวนะ  ดังนั้นจิตหลักของเขายังจะเข้าสู่วัฏสงสารต่อไป

ศิษย์           ชาวตะวันตกคิดว่าพระผู้เป็นเจ้าจึงจะเป็นผู้สร้างเพียงองค์เดียวในจักรวาล  พวกเรามีวิธีการอะไรที่จะทะลวงอุปสรรคนี้ได้
อาจารย์  บางคนคิดอย่างนี้  ท่านสามารถไปพูดกับเขาด้วยเหตุผล  หรือให้เขาอ่านหนังสือ  นอกจากนี้แล้วก็ไม่มีวิธีอื่นอีก   ท่านไม่อาจบังคับให้เขาเชื่อ  ตัวเขาเองไม่เชื่อ  ในขณะนี้วิธีการอะไรก็ไม่มี    ข้าพเจ้าเคยพูดว่า   เทพในระดับชั้นที่ต่างกันของจักรวาล  ไม่ว่าเขาจะสูงหรือต่ำเพียงไร  หรืออยู่ในระดับชั้นใด  เขาล้วนไม่ทราบว่าเหนือตัวเขายังมีอะไร   วันนี้ข้าพเจ้าบอกกับพวกท่านบนหลักการของฝ่าว่า   ยังมีเขตแดนที่สูงเพียงนั้นอยู่อีก    พวกท่านเพียงแต่ฟังหลักการ  โดยยืนอยู่ในวังวนของคน  แต่ในเวลาที่พวกท่านหล่อหลอมเข้ากับฝ่าแล้ว  ท่านก็เป็นส่วนหนึ่งของฝ่าในระดับชั้นนั้น   ในเวลานั้นมีคนพูดสูงขึ้นไปอีก  พวกท่านก็จะไม่เชื่อ   เพราะพวกท่านมองเห็นได้อย่างเป็นจริงเป็นจังแล้วว่าทุกสิ่งที่ต่ำกว่าหรืออยู่ในระดับชั้นเดียวกัน ล้วนแต่อยู่ในสายตาท่าน  ไม่มีจุดรั่วใดๆ และในสภาพการณ์เช่นนั้น ทุกสิ่งที่พวกท่านมองไม่เห็น  พวกท่านจะไม่เชื่ออย่างเด็ดขาดว่ามันยังมีอยู่อีก   เนื่องจากขณะนี้ท่านกำลังคิดว่า  อาจารย์พูดอย่างนี้แล้ว  ในอนาคตฉันก็จะเชื่อแล้ว   ข้าพเจ้าขอบอกท่าน   พอถึงเวลานั้น  รูปลักษณ์    รูปแบบภาษาของฝ่านี้ที่ข้าพเจ้าพูดให้กับพวกท่านในขณะนี้        ล้วนไม่ใช่เช่นนี้

ศิษย์           เทพมีจิตหลักหรือไม่  
อาจารย์      ไม่อาจนำมาเปรียบกับคนได้   เพราะคนอยู่ในวังวน  เทพเขาไม่มีจิตหลัก  จิตรองหรือรูปลักษณ์อย่างอื่น  เทพก็คือตัวเอง  แต่เทพยังมีร่างกายหนึ่งของเทพ   แต่การคงอยู่ของร่างกายนี้ก็ไม่เหมือนความสัมพันธ์ระหว่างจิตหลักกับร่างกายคน  ไม่ใช่ความสัมพันธ์นี้  เพราะพวกเขาเป็นร่างเดียวกัน  พวกเขารู้ทุกสิ่งอย่างแจ่มแจ้ง            ส่วนคนนั้นไม่รู้อะไรเลย

ศิษย์              ผมเพิ่งมาใหม่   ผมไม่สามารถเชื่อเทพและสวรรค์ได้จริงๆ   ถ้าผมขยันศึกษาฝ่า  บำเพ็ญจิต  ฝึกพลัง   แล้วจะเป็นศิษย์ของท่านได้ไหม

อาจารย์       ได้    ได้ทั้งนั้น   ท่านเพียงแต่ไปบำเพ็ญ   คนที่ความคิดดื้อรั้นยิ่งกว่าท่านก็มีอยู่มากมาย    สุดท้ายเขาก็บำเพ็ญขึ้นมากันได้แล้ว  ปล่อยวางจิตใจไปบำเพ็ญ    ที่จริงในคำพูดของท่านนั้นได้เกิดความคิดที่จะศึกษาแล้ว  นี่เป็นเพียงการเริ่มต้น  จากรากฐานความคิดของท่านในขณะนี้ จะให้มันเปลี่ยนแปลงทั้งหมดในทันทีทันใด ก็ไม่อาจจะเป็นจริง   ดังนั้นในระหว่างการศึกษาฝ่าจะค่อยๆทราบจากในหลักการของฝ่า  สุดท้ายเลื่อนสูงขึ้นจนรู้สึกได้    สัมผัสได้                    มองเห็นได้

ศิษย์           ผมมองเห็นหลายคนล้วนมีเงาซ้อนอยู่    ร่างแท้ของคนเหล่านี้ล้วนบำเพ็ญสำเร็จแล้วหรือไม่

อาจารย์    เนื่องจากต้าฝ่าเปลี่ยนแปลงคนนั้นเป็นไปรวดเร็วมาก  ท่านได้เห็นเงาของร่างกายของเขาที่คงอยู่ในมิติอื่น

ศิษย์           ก่อนนอนยังอยากฟังเทปบันทึกเสียงการบรรยายฝ่าของอาจารย์  แต่มักจะหลับไปในกลางทาง  เป็นการไม่เคารพอาจารย์ใช่หรือไม่
อาจารย์      ข้าพเจ้าคิดอย่างนี้   ท่านคิดจะก้าวหน้า  ท่านก็ต้องปฏิบัติต่อการศึกษาฝ่าของท่านอย่างจริงจัง   ท่านพูดว่าฉันนอนไม่หลับ  ฉันก็ฟังฝ่านี้ สามารถจะหลับได้  ท่านถือว่าเขาเป็นการสะกดจิต   ใจของท่านวางไว้ตรงไหนแล้ว  และบางคนนั้นในเวลาที่ฟังฝ่าก็นอนหลับจริงๆ ทำไมละ  สิ่งที่ให้ท่านนอนหลับ  ไม่ให้ท่านฟังฝ่านั้น ท่านไม่ถือว่ามันเป็นมารหรอกหรือ    หากเป็นอย่างนี้ทำไมท่านไม่เอาชนะมันละ

ศิษย์           เพื่อนที่ฝึกพลังคนหนึ่ง ในขณะฝึกพลังอยู่ ไหล่ของเขาสั่นอย่างรุนแรง  เขาลืมตาก็เป็นอย่างนั้น
อาจารย์      บอกให้เขาศึกษาฝ่าให้มาก  อ่านหนังสือให้มาก   อยู่ในฝ่ายกระดับขึ้นจริงๆ  หากคนๆหนึ่งไม่สามารถบำเพ็ญแนวทางเดียวก็จะเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น  หรือคนๆหนึ่งในระหว่างการบำเพ็ญส่วนไหล่ของเขามีโรคอยู่   ในขณะที่ขจัดโรคให้เขาก็จะมีเรื่องการสั่นเทิ้มชนิดนี้  หากเป็นอย่างนี้นานไป   ย่อมชัดเจนว่าในระดับชั้นที่หนึ่งของการขจัดโรคเขาไม่ได้ก้าวหน้าเลย   หากบำเพ็ญด้วยใจบริสุทธิ์   เขาก็จะยกระดับได้บนฝ่าแล้วจะผ่านไปได้อย่างรวดเร็ว   ก้าวออกจากระดับชั้นนั้น  ในเวลาที่บำเพ็ญ ร่างกายมีความรู้สึกที่ไม่สบาย   หากไม่หายเป็นเวลานาน  ท่านทำไมไม่อยู่ในต้าฝ่าปล่อยวางจิตใจลงมา บำเพ็ญให้ดีๆละ  ท่านคิดแต่จะขจัดโรคโดยผ่านการฝึกพลัง  หรือท่านคิดจะบำเพ็ญแต่ไม่อ่านหนังสือ  แล้วจะเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร  จะไม่เสียเวลาอยู่ตรงนั้นอยู่ในสภาพนี้เรื่อยไปได้อย่างไรกันละ

ศิษย์               ปกติจะไม่ใส่ใจกับเรื่องต่างๆมากมาย  ใช่หรือไม่ว่าจะทำให้ไม่ใส่ใจต่อการข้ามด่านในการบำเพ็ญด้วย

อาจารย์           หากท่านอยู่ในการบำเพ็ญแล้ว   ต้าฝ่าไม่สามารถทำให้ท่านสั่นสะเทือนได้  เป็นเหมือนเรื่องปกติอื่นๆ   ข้าพเจ้าเห็นว่า เป็นปัญหาหนึ่งจริงๆ  เช่นนั้นท่านก็ตั้งใจอ่านฝ่าให้มาก  ทำลายอุปสรรคนี้เสีย   มันเหมือนผนังทองแดงกำแพงเหล็กที่ทะลวงไม่ผ่าน   กระทบต่ออู้ซิ่ง(จิตรับรู้)และการรับรู้ฝ่าของท่านอย่างร้ายแรง    ทำไมไม่ทลายมันไป                  เปิดมันออก

ศิษย์           ผมทำเรื่องเลวอย่างมาก  ผมยังบำเพ็ญได้ไหม

อาจารย์   ที่จริงหลังจากได้ฝ่าแล้ว พวกท่านไม่ควรทำผิดอย่างนี้ซ้ำอีก   จิตยึดติดที่พวกท่านปล่อยวางไม่ได้  ทำให้พวกท่านทำไปทั้งๆที่รู้ว่าผิด   พวกท่านไม่เรียนรู้จากบทเรียน  พวกท่านไม่นำเอาเรื่องนี้มาเป็นแรงกระตุ้นอย่างหนึ่ง  กลับเนื้อกลับตัวใหม่   กลับเนื้อกลับตัวเริ่มต้นใหม่   พวกท่านก็จะสูญเสียโอกาสนี้ไป

ศิษย์           มีความเข้าใจใหม่ต่อฝ่าอยู่เสมอๆ   อันนี้ใช่ไหมว่า ได้แต่หยุดอยู่ที่ทฤษฎี

อาจารย์      มีความเข้าใจใหม่ได้  ท่านก็กำลังยกระดับขึ้นแล้ว  ความรู้สึกต่างกันมาก  ความรู้สึกของท่านมีความแตกต่างก็คือกำลังยกระดับ   คนธรรมดาสามัญนั้นมองไม่เห็นว่าตนเองมีตรงไหนที่ผิด  หลักการที่อู้ได้ในสภาวะเช่นนี้ไม่ใช่เพียงติดอยู่ที่ทฤษฎี  ไม่ใช่   เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงที่ระดับจุลทรรศน์ยังไม่อาจสะท้อนออกมาในสังคมคนธรรมดาสามัญ   ดังนั้นจากหลักการของฝ่าจึงได้แต่ทำให้ท่านรู้สึกเข้าใจได้หรือรู้สึกได้  ก็เป็นสภาพการณ์อย่างนี้

ศิษย์           “ถ้าจิตอิจฉาทิ้งไปไม่ได้”  จิตทั้งหลายที่คนบำเพ็ญก็จะเปลี่ยนจนอ่อนแอมาก “นี่หมายถึงจิตอะไร
อาจารย์        จิตทั้งหลายที่หมายถึง ณ ที่นี้  แน่นอนว่าคือความคิดที่ถูกต้อง(เจิ้งเนี่ยน)ทั้งหลายในการบำเพ็ญของท่าน   ความคิดที่ถูกต้อง(เจิ้งเนี่ยน)นั้น  ที่แท้ก็คือการรับรู้อย่างถูกต้อง    ก็คือส่วนที่ท่านบำเพ็ญสำเร็จนั้นจะอ่อนแอมาก

พูดถึงตรงนี้ ข้าพเจ้าคิดก็ถึงปัญหาหนึ่งขึ้นมา  หนังสือ “การบรรยายฝ่าในที่ประชุมผู้ช่วยฝึกสอนที่ฉางชุน”ที่ออกมาใหม่  หนังสือที่ออกในฮ่องกง หน้าที่ ๑๓  บรรทัดที่ ๓  ข้อความว่า “ฝ่าของมนุษยชาติ” คำว่า “มนุษยชาติ” ให้แก้เป็น “จักรวาล” คือ “ฝ่าของจักรวาล” ดูเหมือนเล่มที่ออกในจีนแผ่นดินใหญ่จะอยู่ในหน้า ๑๔

ศิษย์           ระดับความก้าวหน้าเมื่ออยู่บ้านอ่าน “จ้วนฝ่าหลุน” กับการศึกษาฝ่ารวมหมู่ต่างกัน  จะกระทบต่อการบำเพ็ญหรือไม่
อาจารย์      ถ้าอ่านอย่างจริงจังจะไม่กระทบ   ข้าพเจ้าขอบอกทุกท่าน   พวกท่านอ่าน “จ้วนฝ่าหลุน” ท่านก็อ่านจากต้นจนจบอย่างนี้    หากวันนี้อ่านไม่จบพรุ่งนี้ค่อยอ่านต่อที่ตรงนี้   ยังอ่านไม่จบอีกก็อ่านต่อจากที่ตรงนี้ในครั้งต่อไป  ก็อ่านอย่างนี้  อย่าอ่านข้าม   ที่ถือมากที่สุดคือ  คนที่อ่าน “จ้วนฝ่าหลุน” ครั้งแรก   ใช้ทัศนคติของคนมาประเมินฝ่า   อ้อ ตรงนี้พูดได้ดี  ตรงนั้นดูเหมือนฉันมีข้อสงสัยอยู่หน่อย  ดังนั้นหนังสือทั้งเล่มเขาก็อ่านโดยเปล่าประโยชน์   อะไรก็ไม่ได้   นี่ช่างน่าเสียดายเหลือเกิน  เพราะฝ่าเป็นฝ่าของสวรรค์เล่มหนึ่งที่เข้มงวด  คน  เขาไม่รู้ว่าเขามีกรรมหนักแค่ไหน  เขาไม่รู้ว่าความคิดของเขานั้นมาจากที่ไหน  เขากำลังใช้ความคิดของคนมาประเมินฝ่าชุดนี้  ดังนั้นเขาจึงอ่านไม่พบอะไร   ถ้าไม่มีทัศนคติอะไรแล้วนำหนังสือเล่มนี้มาอ่าน   หลังจากอ่านแล้วท่านไปประเมินเขาอีกทีว่าเป็นอย่างไร  ท่านอย่าประเมินเขาว่าดีหรือไม่ในขณะที่กำลังอ่านอยู่

ศิษย์           หน้าหนาวฝึกพลังอยู่ข้างนอกต้องสวมเสื้อหนามาก  ในขณะฝึกพลังจึงสัมผัสถูกเสื้อผ้าได้ง่าย   จะทำให้กลไกบังคับยุ่งเหยิงหรือไม่
อาจารย์      ฤดูหนาวสวมใส่เสื้อผ้าที่หนาจึงสัมผัสถูกเสื้อผ้า    ไม่กระทบต่อการฝึกพลัง  วันที่หนาวจัดท่านต้องสวมถุงมือไปฝึกพลัง  อย่าได้บาดเจ็บจากความหนาวเย็น   ที่จริงผู้ฝึกพลังนั้น จะไม่บาดเจ็บจากความหนาวเย็น    แต่ผู้ฝึกของเราบางคนก็ได้รับบาดเจ็บจากความหนาวเย็น  ทำไมทำอย่างนี้ละ   ทุกท่านลองคิดดู   ต้าฝ่านั้นไม่อาจบังคับให้บำเพ็ญได้  ต้องเป็นไปตามความสมัครใจของคนเอง   เนื่องจากในการบำเพ็ญต้าฝ่านั้นจะมีผู้ฝึกใหม่หลายคนเข้ามาศึกษาฝ่าอย่างไม่ขาดสาย   พวกเขาไม่มีการรับรู้(อู้ซิ่ง)ที่มาก ที่สูงอย่างนั้นหรือระดับชั้นที่สูงอย่างนั้น ยังไม่ได้ผ่านการทดสอบ  ยังไม่อาจพูดได้ว่าเขานั้นมาบำเพ็ญ  หรือพูดว่าเมื่อยังไม่สามารถปฏิบัติ(ต่อเขา)เป็นศิษย์ที่บำเพ็ญจริง  ถ้าเขาบาดเจ็บจากความหนาวเย็นแล้ว   มิใช่จะกระทบต่อฝ่าอย่างร้ายแรงหรอกหรือ เพราะเขาเพิ่งเข้าประตูมา   เพิ่งก้าวเข้ามา  ยังยืนยันไม่ได้ว่าเขาเป็นผู้บำเพ็ญหรือไม่   ในเวลาที่เขาคิดจะทดลองดู ก็ทนความหนาวเย็นจนไม่สบายไปแล้ว  ผลกระทบจะรุนแรงเพียงไรละ  ในการบำเพ็ญจะมีผู้ฝึกใหม่เข้ามาไม่หยุดหย่อน   ดังนั้นทุกท่านไม่อาจทำเช่นนี้  ผู้ฝึกบางคนเอาแต่จะทำเช่นนี้  ดังนั้นเขาก็จะบาดเจ็บจากความหนาวเย็น   ที่จริงก็คือ ด้านหนึ่งช่วยเขาสลายกรรม  อีกด้านหนึ่งใช้วิธีนี้สะกิดเตือนเขา

ศิษย์          มีหลายคน  ท่าเคลื่อนไหวไม่ถูกต้อง จะกระทบต่อกลไกบังคับ หรือฝ่าหลุนไหม

อาจารย์      ถ้าไม่ถูกต้องมากไปก็ใช้ไม่ได้ ถ้าคลาดเคลื่อนไม่มาก  เราก็ไม่อาจพูดได้ว่าแต่ละคนล้วนเทออกมาจากแม่พิมพ์เดียวกัน  ล้วนไม่ได้ทำออกมาจากเครื่องจักรที่เหมือนกันอย่างไรอย่างนั้น  แน่นอนว่าระหว่างแต่ละคนย่อมมีความแตกต่าง   ถึงแม้ไม่แตกต่าง  ท่านรูปร่างใหญ่  เขารูปร่างเล็ก   ไม่ใช่ยังมีความต่างอยู่หรือ    จึงพูดว่ามันไม่อาจเหมือนกันได้ทั้งหมด  ใช่หรือไม่  แต่ถ้าท่าเคลื่อนไหวของท่านคลาดเคลื่อนมากก็ใช้ไม่ได้   ต้องพยายามทำให้มันถูกต้อง

ศิษย์             ฤดูหน้าร้อนที่อบอ้าวและฤดูหนาวที่เย็นยะเยือก ฝึกพลังอยู่ข้างนอก จะสลายกรรมได้เร็วกว่าอยู่ในห้องหรือไม่

อาจารย์      นี่ก็คือที่ข้าพเจ้าเพิ่งพูดไป  อยู่ข้างนอกฝึกพลังนั้นดีแน่   แต่อย่าหมายมั่นไปแสวงหาการทนทุกข์     อยู่ทางภาคเหนือฤดูหนาวก็หนาวมาก  อยู่ข้างนอกฝึกพลังจะต้องสวมเสื้อหนาว  สวมถุงมือ   พูดจริงๆนะ  ความหนาวกัดท่านสักที  ก็สลายกรรมได้ไม่มากเท่าไร  การยกระดับซินซิ่งจึงเป็นการยกระดับที่สำคัญ(เสียงปรบมือ)

ศิษย์           ในประเทศจีนไม่ได้พบอาจารย์   ศิษย์ของเราที่นั่นย้ำกับผมให้ฝากสวัสดีท่านอาจารย์
อาจารย์      ขอบใจทุกท่าน(เสียงปรบมือ)  ข้าพเจ้าเข้าใจจิตใจของผู้ฝึกในจีนมาก  ท่านดูอยู่ต่างประเทศเปิดฝ่าฮุ่ยครั้งหนึ่งนั้นง่ายมาก  ลอสแองเจลลีสครั้งหนึ่ง  ครั้งนี้เวลาเว้นห่างกันไม่นานทุกท่านก็พบหน้ากันอีกแล้ว    ศิษย์ในจีนลำบากมาก  ในจีน ศิษย์หลายสิบล้านจวนจะถึงร้อยล้านแล้ว  ทุกท่านจะได้พบข้าพเจ้าครั้งหนึ่งก็ยากมาก   พอพวกเขารู้ว่าข้าพเจ้าปรากฏตัวที่ไหน  พักอยู่ที่ไหน  นั่นดูเหมือนว่าผู้ฝึกทั้งหมดล้วนจะวิ่งไปที่นั่นกันแล้ว  เครื่องบิน รถไฟ ล้วนต้องบรรทุกน้ำหนักเกิน   ถ้าถนนหนทางแออัดติดขัดไปหมด  รัฐบาลก็รับไม่ได้  ดังนั้นเพื่อให้พวกเขามีสภาพแวดล้อมที่สงบนิ่ง  ไม่กระทบต่อการบำเพ็ญ  ไม่กระทบต่อสังคม       ไม่นำความยุ่งยากให้รัฐบาล    ข้าพเจ้าจึงไม่อาจพบหน้ากับพวกเขาในลักษณะนั้น

ศิษย์           ท่านอาจารย์จะมีโอกาสไปเบลเยี่ยมไหม   ในขณะหงฝ่าได้พบกับคนอื่นที่จัดชั้นเรียนหรือสัมนาโดยเก็บเงิน  
อาจารย์      มีโอกาสไปเบลเยี่ยม (เสียงปรบมือ)  คนที่จัดชั้นเรียนหรือสัมนาและเก็บเงินก็ไม่ใช่ศิษย์ต้าฝ่าของเรา  จุดนี้แน่นอน  (เสียงปรบมือ) เพราะเขาใช้ต้าฝ่ามาแลกเงินทอง  นี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก  แต่เพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องสถานที่  ผู้ฝึกด้วยกันช่วยกันแก้ไขด้วยความสมัครใจสักหน่อย    ข้าพเจ้าไม่คัดค้าน          นอกเหนือจากนี้แล้วล้วนทำไม่ได้

ศิษย์           เมื่อเร็วๆนี้รู้สึกว่าเวลาของปีนี้ผ่านไปเร็วกว่าของปีกลาย นี่หมายถึงอะไร
อาจารย์      แน่ละ ที่ผ่านมาข้าพเจ้าเคยพูดอย่างนี้ว่า   เพราะพูดขึ้นมาแล้ว มันไม่ง่ายที่จะให้คนเชื่อ   ต้องพูดสูงมาก  พวกท่านก็มักเอาแต่ถามสิ่งเหล่านี้  ที่จริงเรื่องนี้ ข้าพเจ้ากำลังทำโดยอยู่เหนือกาลเวลาทั้งหมด  หาไม่แล้ว  ท่านคิดๆดู  ชีวิตหนึ่งเมื่อเขาเข้าไปในสนามเวลาหนึ่ง   เขาจะถูกกาลเวลานั้นควบคุม   พอเขาเข้าไปในอีกสนามเวลาหนึ่ง  เขาก็ถูกสนามเวลานั้นควบคุม  สิ้นเปลืองหนึ่งชาติ  สิบชาติ  ร้อยชาติ  พันชาติ หมื่นชาติหมื่นภพของข้าพเจ้าก็ทำเรื่องนี้ไม่เสร็จ  ข้าพเจ้าทำโดยอยู่เหนือกาลเวลาทั้งหมด   ไม่ถูกจำกัดโดยกาลเวลาทั้งหมด  เพื่อเร่งทำเรื่องนี้ให้เร็วขึ้น   จำเป็นต้องผลักดันให้เวลาของร่างนภาทั้งหมดให้เร็วขึ้น  ดังนั้นฝ่าหลุนที่ใหญ่ที่สุดที่อยู่สูงที่สุดยังกำลังผลักดันและเร่งการหมุนให้เร็วขึ้นอีก    ร่างรวมของร่างนภานั้นมันเชื่อมต่อเข้าด้วยกันทั้งบนและล่าง   ดังนั้นเวลาจึงเปลี่ยนเร็วขึ้นเรื่อยๆ   โดยคร่าวๆ เร็วจนถึงระดับไหนนะ  เนื่องจากชีวิตในมิติของเวลาที่ต่างกัน   เมื่อเร็วยิ่งขึ้น ทุกสิ่งในมิติของเขาจะเร็วตามไปด้วย   เขาจึงไม่รู้สึกว่าเร็ว  ความหมายนี้ที่ข้าพเจ้าพูด  สามารถเข้าใจกันหรือเปล่า  มันเป็นเวลา ๒๔ ชั่วโมงในหนึ่งวันเช่นเดียวกัน   ทุกท่านล้วนกำลังทำเรื่องต่างๆกันเหมือนเดิม  เวลาโดยรวมของมิตินี้ล้วนถูกผลักให้เร็วแล้ว  แต่นาฬิกานั้นยังคงเดิน ๒๔ ชั่วโมงตามเดิม  ดังนั้นผู้คนจึงไม่รู้สึกว่าเร็วอย่างนั้น  คนเห็นดวงอาทิตย์ขึ้นและตก             ก็โคจรอยู่อย่างนี้

เมื่อทุกสิ่งเร่งให้เร็วขึ้นทั้งหมด  ทุกสิ่งนี้ล้วนกำลังเร็วขึ้น  การผลัดเปลี่ยนสิ่งใหม่ทดแทนสิ่งเก่า(ในร่างกาย)ของท่าน  การเคลื่อนไหวหนึ่งๆของท่าน  แววตาหนึ่ง  รูปแบบความคิดหนึ่งล้วนเร็วตามไปด้วย  สภาพแวดล้อมที่มีอยู่ทั้งหมดของชีวิตในระดับชั้นที่ต่างกันกำลังเร็วยิ่งขึ้นเช่นกัน  ทุกสิ่งล้วนเปลี่ยนเร็วขึ้น  ใครก็ไม่รู้สึกว่าเร็ว    เช่นนั้นเร็วจนถึงระดับไหนแล้วละ   ประมาณว่าวันหนึ่งของพวกเราก็คือหนึ่งวินาที ที่จริงเมื่อพูดขึ้นมาคนนั้นน่าสงสารยิ่งนัก  แต่คนอยู่ที่นั่นยังคงทำเรื่องของคนอยู่อย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง    คนยังรู้สึกว่าตนเองนั้นยิ่งใหญ่มาก  มนุษยชาติยังคิดจะพัฒนาไปให้สูงเท่านั้นเท่านี้  คนก็คือคน   ในเวลาที่คนกำลังทำลายตนเองอย่างไม่รู้ตัว  เขาไม่รู้เลยว่า  ในเวลาที่มนุษย์โคลนนิ่งสร้างออกมาได้จริงๆนั้น  ก็คือเวลาที่มนุษย์ต่างดาวแทนที่คนอย่างเป็นทางการ   เพราะเทพจะไม่จัดจิตหลักให้กับคนที่ถูกสร้างขึ้นมา  ดังนั้นคนที่สร้างขึ้นมาจึงเหมือนกับซากศพ   ถ้ามันไม่มีจิต เมื่อมันเกิดมาก็จะตาย   แล้วจะทำอย่างไรละ  มนุษย์ต่างดาวจึงแทรกเข้าไป  มันจะเป็นจิตของมัน(มนุษย์โคลน)

ศิษย์           หลังจากหยวนหมั่นจะสามารถศึกษา “จ้วนฝ่าหลุน”ต่อไปได้หรือไม่

อาจารย์      เทพบนสวรรค์ก็กำลังศึกษาต้าฝ่า  แต่ไม่ใช่ตัวอักษรอย่างนี้   เป็นฝ่าที่แสดงออกมาในแต่ละชั้นนั้นของพวกเขา

ศิษย์           เส้นทางบำเพ็ญได้รับการจัดวางโดยอาจารย์   ดังนั้นการจงใจเปลี่ยนงานทำหรือสภาพแวดล้อมการยังชีพ                  จะกระทบต่อการบำเพ็ญหรือไม่
อาจารย์      ข้าพเจ้าไม่อยากให้พวกท่านจงใจคิดแสวงหาการทนทุกข์ให้กับตนเอง  แต่มีอยู่จุดหนึ่ง    ท่านว่าเงื่อนไขของฉันเอื้ออำนวย  และเพียบพร้อมแล้ว ฉันอยากจะหางานที่ดีขึ้น เช่นนั้นข้าพเจ้าก็เห็นด้วย    ฉันคิดว่าเงื่อนไขก็พร้อมแล้ว  ด้านต่างๆล้วนเอื้ออำนวยแล้ว  ฉันคิดจะเปลี่ยนที่อยู่ใหม่  นี่ล้วนไม่กระทบ  บางทีนี่ก็คืออยู่ในระหว่างการบำเพ็ญ   แน่ละถ้าท่านบอกว่าเรื่องที่ทำไม่สำเร็จ ฉันจะไปทำให้ได้  กระทั่งว่าฉันจะต้องแสวงหาการทนทุกข์ให้ได้   เช่นนั้นท่านอาจจะทำให้เรื่องเลวลง  แต่เมื่อการรับรู้หลักธรรมนี้ในต้าฝ่า   ทุกท่านต้องคิดดูจริงๆ  อย่าทำแบบฝืนธรรมชาติ

ศิษย์           อาจารย์บอกว่าไม่อาจอภิปรายฝ่า  ค้นคว้าฝ่า  บางคนคิดว่าการพูดถึงความเข้าใจต่อฝ่าของตนเองก็ไม่ได้
อาจารย์      นั่นจะเป็นไปได้อย่างไร  เช่นนั้นวันนี้ข้าพเจ้านั่งอยู่ตรงนี้ ที่ทุกท่านพูดก็ผิดหมดแล้วหรือ   ไม่อาจเข้าใจอย่างนี้   หากฝ่าฮุ่ยอย่างเช่นวันนี้ พูดถึงความเข้าใจของตนเองก็ไม่ให้พูด  ข้าพเจ้าว่านั่นก็ผิดแล้ว    ตรงกันข้าม หากท่านจะพูดแสดงจิตยึดติดอะไรที่วางไม่ลง  จิตยึดติดนี้ก่อให้เกิดความเข้าใจที่ผิดต่อต้าฝ่าหรือมีปัญหาต่อทิศทางของต้าฝ่าด้วย   นั่นก็ต้องคิดให้มากๆว่าทำไมคนอื่นไม่ให้ท่านพูด   ถ้าท่านไม่มีปัญหานี้  เช่นนั้นฝ่ายตรงข้ามก็ผิด  หากท่านคิดจะอาศัยฝ่าฮุ่ยที่ศักดิ์สิทธิ์นี้ยืมปากข้าพเจ้าว่ากล่าวใคร  วิพากษ์วิจารณ์ใคร  เรื่องเหล่านี้(ยืมปากอาจารย์)พวกท่านจะทำไม่ได้เลย     เพราะข้าพเจ้าสามารถมองเห็นรากเหง้าความคิดนั้นของท่าน

ศิษย์          วันนี้ ในทันใดผมก็เข้าใจคำว่า “ ซือฟู่ (อาจารย์)” สองตัวอักษรนี้ ได้ถูกกำหนดด้วยความนัยใหม่ทั้งหมด  เป็นอักษรสองตัวที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด

อาจารย์ นั่นก็คือความนัยข้างหลังสองตัวอักษรนั้นแสดงออกมาให้กับท่านแล้ว  ทุกท่านอย่าได้ประเมินแต่ละตัวอักษรของต้าฝ่าต่ำ   ข้างหลังแต่ละตัวอักษรล้วนเป็นพระพุทธ   แต่ละตัวอักษรล้วนเป็นฝ่า   ดังนั้นจึงมีคนเลือกอ่านแบบ ฝ่า นี่ไม่อ่าน  นั่นไม่อ่าน  ตรงนี้สามารถเข้าใจ  ท่อนนั้นท่านไม่เห็นด้วย  เช่นนั้นท่านก็จะไม่เห็นอะไรเลย

ศิษย์           ท่านได้ก่อตั้งสวรรค์มากมายในระดับชั้นที่ต่างกัน   ชื่อของสวรรค์เหล่านี้คือ

อาจารย์      คนได้แต่รู้จักแต่ระดับชั้นพระยูไลนี้ขององค์ศากยมุนี  อะไรที่เป็นของเทพที่ชั้นสูงยิ่งขึ้นล้วนไม่อาจให้ท่านทราบได้   ข้าพเจ้าได้พูดเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว  ในช่วงแรกสุดข้าพเจ้าก็เคยพูด  คนนั้นไม่อาจทราบ  ชื่อของเทพในระดับชั้นที่สูงยิ่งขึ้นไม่อาจให้คนทราบได้  ไม่อนุญาตให้คนเรียกชื่อของพวกเขา  เพราะนั่นเท่ากับด่าพวกเขา   เพราะกล่าวสำหรับพวกเขาแล้วคนนั้นต่ำเหลือเกิน ข้าพเจ้าขอบอกพวกท่าน  แต่ไหนแต่ไรมาเทพไม่เคยนำคนมาเปรียบเป็นพวกเดียวกับพวกเขา   แม้พวกเขาจะสงสารคน  เมตตาต่อคน   ที่เมตตานั้นคือชีวิตนี้ของคน  แต่พวกเขากลับถือว่ามนุษย์เป็นสัตว์                        (แต่ไม่ใช่แนวคิดตามทฤษฎีวิวัฒนาการนั้น)

ศิษย์           ฝ่าหลุนต้าฝ่าเคยช่วยคนอย่างกว้างขวางมาก่อนในช่วงหนึ่งของยุคก่อนประวัติศาสตร์  ในรอบอารยธรรมนี้เป็นครั้งแรกที่ถ่ายทอดฝ่าที่สูงอย่างนี้   ต้าฝ่าที่ถ่ายทอดในอดีตกับปัจจุบันเหมือนกันหรือไม่

อาจารย์      หนึ่ง คือ ฝ่าดั้งเดิมที่สุดของจักรวาลนี้ถ่ายทอดโดยใครหนา   สอง คือต่อมาในประวัติศาสตร์สมมติว่าข้าพเจ้าถ่ายทอดส่วนหนึ่งของต้าฝ่าของจักรวาลชุดนี้  เช่นนั้นข้าพเจ้ามิใช่กำลังถ่ายทอดฝ่านี้แล้วหรือ   ในเวลาที่ข้าพเจ้าบรรยายฝ่าให้กับคน ข้าพเจ้าจำเป็นต้องบรรยายฝ่าที่สูงอย่างนั้นหรือไม่  ไม่จำเป็น  ข้าพเจ้าอยู่ในประวัติศาสตร์  ถ้าไม่มาเจิ้งฝ่านี้   ข้าพเจ้าเพียงแต่บรรยายฝ่านี้ ในส่วนนั้นที่ช่วยเหลือคน เช่นนั้นก็ไม่ใช่ฝ่าของจักรวาลนั้นหรือ    ข้าพเจ้าเพียงแต่บรรยายในระดับชั้นนั้นที่คนควรทราบ  ซึ่งไม่ใช่สูงยิ่งขึ้นไป            ก็ไม่ใช่ฝ่านี้หรอกหรือ  เป็นฝ่านี้เหมือนกัน

ศิษย์           ทำไมในจักรวาลต้องก่อเกิดชีวิต
อาจารย์    ก็เหมือนกับจุลชีพหนึ่งที่กำลังใช้วิธีคิดของมันรับรู้คน   วิธีคิดของคนไม่มีทางเข้าใจการคงอยู่กับรูปแบบความนึกคิดของเทพ  คนยังไม่รู้จักจักรวาล  ยังไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร  แล้วจะสามารถถามเกี่ยวกับเรื่องราวในจักรวาลได้หรือ  คำถามนี้เท่ากับถามว่าทำไมต้องมีจักรวาล  พวกเราก็อย่าสนใจมันว่าทำไมมีจักรวาล  ทำไมมีชีวิต  เพราะนี้ไม่ใช่สิ่งที่ท่านสามารถรู้ได้  และไม่ใช่สิ่งที่ท่านควรรู้    ก็คือไม่ว่าท่านจะบำเพ็ญได้สูงเพียงไร ล้วนไม่ใช่สิ่งที่ท่านจะรู้ได้  แน่ละ  ถ้าสร้างจักรวาลหนึ่งที่ว่างเปล่าขึ้นมา  ไม่มีชีวิต  อะไรก็ไม่มี  นั่นจะมีความหมายอะไร   ใช้ภาษาคนพูดก็คือพระเจ้า(พระผู้เป็นเจ้าที่สูงสุด)หรือจ้าวแห่งพุทธ เต๋า เทพ (ใน)หนึ่งองค์รวมที่ต้องการอย่างนี้

ศิษย์             ความหมายสุดท้ายของการคงอยู่ของชีวิตคืออะไร
อาจารย์         ท่านใช้วิธีคิดของคนคิดเรื่องจักรวาล คิดเรื่องความหมายของชีวิต   ไม่ใช่สิ่งที่คนจะรับรู้ได้เลย   มาพูดถึงคนกัน   คนที่มีชีวิตนั้นหากล้วนไม่อยากมีชีวิตอีกแล้ว  เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องให้ข้าพเจ้ามาบรรยายฝ่าแล้ว    เพราะคนล้วนอยากมีชีวิตอยู่   “คน” ที่ข้าพเจ้าพูดอยู่ตรงนี้นั่นคือการพูดกับท่านโดยรวม   ที่จริงพวกท่านฟังไม่เข้าใจเลยต่อความหมายที่สูงยิ่งขึ้นกว่าที่พวกท่านทราบ ชีวิตในระดับชั้นที่ต่างกัน   พวกเขาต่างมีความหมายของการดำรงชีวิตของพวกเขาและมีความเข้าใจที่แท้จริงต่อการดำรงชีวิต   ความเข้าใจที่แท้จริงต่อชีวิตในระดับชั้นนั้นของพวกเขากับความเข้าใจของพวกท่านนั้นเป็นคนละเรื่องกันทั้งสิ้น    เนื่องจากการรับรู้ของคนนั้นกลับตาลปัตร   มองไม่เห็นความจริง   ล้วนมองไม่เห็นทางข้างหน้า  อะไรก็รับรู้ไม่ตลอด  อะไรก็มองไม่ทะลุปรุโปร่งทั้งนั้น   ต่อให้วิทยาศาสตร์ก้าวหน้ายิ่งขึ้นไปอีก  ก็เป็นการปีนป่ายอยู่ในมิตินี้ทั้งสิ้น   ดังนั้นพวกท่านจึงมีความนึกคิดที่แปลกประหลาดมากมายเช่นนั้น   ถ้าหากใช้ดุลยพินิจพิจารณาปัญหาโดยไม่มีทัศนคติใดๆ   เช่นนั้นท่านก็เป็นเทพที่ยิ่งใหญ่ยอดเยี่ยมองค์หนึ่ง  แต่มนุษย์ไม่อาจจะทำได้

ท่านว่าฉันทำได้    ท่านดู  สิ่งที่ข้าพเจ้าพูดนั้นล้วนเพื่อประโยชน์ของผู้อื่น   ไม่ได้คิดอะไร  แต่คนอื่นก็ไม่พอใจแล้ว   คำพูดของพวกท่านไม่มี(ความคิด)อะไรเลยจริงหรือ   พวกท่านทราบไหมในขณะที่พวกท่านกำลังพูดอยู่นั้น   ทัศนคติที่ก่อเกิดหลังกำเนิด  ทัศนคติที่ก่อเกิดในช่วงเวลาต่างๆกัน กับกรรมทางความคิดที่ปะปนอยู่ข้างในหลังจากนั้น ได้ก่อผลอย่างไรบ้าง  ความคิดของคนไม่อาจจะบริสุทธิ์ได้เลย   บ้างที่สะท้อนมาถึงท่านที่ตรงนี้ ท่านทราบ  บ้างที่ไม่ได้สะท้อนมาถึงท่านที่ตรงนี้ ท่านไม่ทราบ   ยิ่งกว่านั้น บางคนแม้จะสะท้อนออกมาเขายังไม่ทราบเลย  ดังนั้นคำพูดที่คนๆหนึ่งพูดออกมานั้น องค์ประกอบที่อยู่ข้างใน  สิ่งที่ซับซ้อนที่ซ่อนอยู่ข้างในนั้นช่างมากเหลือเกิน  คำพูดที่เทพพูดออกมานั้น  กล่าวสำหรับคนแล้วก็บริสุทธิ์อย่างยิ่ง     ท่านพูดว่าท่านเมตตา  ที่จริงในความเมตตาของท่านนั้นได้ปะปนส่วนต่างๆมากมายของทัศนคติที่ก่อเกิดในช่วงเวลาที่ต่างกันอยู่ในนั้น   เพราะความนึกคิดของท่านก็คือความคิดแบบคนของท่าน   ในความคิดของท่านอะไรก็มีทั้งนั้น   ข้างในบรรดาความคิดที่ส่งออกมาจากความนึกคิดของท่านนั้นอะไรก็มีทั้งนั้น     การบำเพ็ญก็คือการละทิ้งทุกสิ่งที่ไม่บริสุทธิ์  ทุกสิ่งที่ต่ำต้อยด้อยปัญญา

ศิษย์           การร้องไห้เป็นสภาวะช่วงหนึ่ง   หนึ่งปีได้แล้วทำไมดิฉันมักจะผ่านสภาวะนี้ไปไม่ได้

อาจารย์      นั่นอาจจะเป็นการรบกวน  ทำไมข้ามไม่ได้เสียที   ยิ่งกว่านั้นฝ่าก็ฟังไม่ได้ยินแล้วยังร้องไห้อยู่ตรงนั้น  นั่นก็ไม่ถูกแล้ว  แน่ละ ข้าพเจ้ามิใช่หมายถึงผู้ฝึกคนนี้นะ   หากท่านพูดจริงๆว่าในปัญหาบางอย่าง  ที่ไม่กระทบการบำเพ็ญของท่าน  (ท่าน)เกิดสภาวะนี้ขึ้น  นั่นก็อาจมีสาเหตุอย่างอื่น   เช่นเมื่อก่อนทำเรื่องที่ผิดไว้หรือมองมองเห็นสภาวะที่ตนเองถูกเปลี่ยนแปลง   ทุกสิ่งที่เกิดการเปลี่ยนแปลงนี้   เป็นสิ่งที่แม้ในความฝันก็ไม่อาจจินตนาการได้   (ข้าพเจ้า)ได้ช้อนท่านขึ้นมาจากนรก  ชำระล้างท่านจนสะอาด  ยังจะให้ทุกสิ่งที่ยิ่งใหญ่แก่ท่าน   แล้วจะไม่ร้องไห้ได้หรือ

บางทีพวกท่านกับข้าพเจ้าอาจมีภพไหนที่เคยเป็นญาติกัน   อะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้น ก็เป็นสาเหตุนี้

ศิษย์           อย่างเช่นชีวิตที่ก่อเกิดขึ้นในโลกของทอง 18 เคนั้นไม่บริสุทธิ์แล้ว   จะกลับไปอยู่ในโลกของทอง 24 เคเป็นต้นหลังการเจิ้งฝ่า  จะต้องมีข้อกำหนดที่มีมาตรฐานสูงจึงจะหยวนหมั่น  ถูกไหม 

อาจารย์      ถูกต้อง  แต่ว่าย่อมไม่อาจบรรลุได้ในทันที   หากต้องผ่านขั้นตอนการบำเพ็ญอย่างไม่หยุดหย่อน ค่อยๆ บรรลุถึง    ในเวลานั้นทุกสิ่งล้วนเป็นไปอย่างถูกจังหวะและเป็นขั้นตอน  เป็นธรรมชาติมาก   ไม่มีการฝืนให้ท่านทำอย่างไร   เมื่อพูดถึงเรื่องนี้   ข้าพเจ้านึกถึงเรื่องหนึ่ง   ในขณะที่ช่วยจัดการปัญหาบางอย่างให้พวกท่านอยู่ในปีนั้น เมื่อจัดการทุกสิ่งของพวกท่านในระดับจุลทรรศน์ที่สุดเสร็จสิ้นแล้ว  ข้าพเจ้าพบว่ายังไม่ถูกต้อง  ในที่ที่อำพรางไว้ลึกมากๆ ที่ซึ่งประกอบขึ้นเป็นชีวิตพวกท่านนั้น   ข้าพเจ้าพบว่าแม้แต่สสารขั้นพื้นฐานเหล่านั้นล้วนเบี่ยงเบนไปแล้ว  ก่อเกิดขึ้นทุกสิ่งที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้อย่างดื้อรั้น  ในเวลานี้ในสายตาของเทพองค์อื่น  ธาตุแท้ของชีวิตล้วนใช้ไม่ได้ทั้งหมดแล้ว   จักรวาลนี้ก็จะเอาไว้ต่อไปอีกไม่ได้แล้วจริงๆ   แต่ข้าพเจ้าได้เปลี่ยนแปลงทั้งหมดให้กับพวกท่านแล้ว (เสียงปรบมือ) เรื่องนั้นช่างยากเย็นเหลือเกิน  แม้มีความคลาดเคลื่อนเพียงเล็กน้อย  ทำไม่ดีก็จะกระทบต่อทุกสิ่งในอนาคตของพวกท่าน  ทำได้ยากอย่างยิ่งจริงๆ   สุดท้ายข้าพเจ้าจึงคิดว่า ถึงเวลาที่ข้าพเจ้าเพิ่งเริ่มต้นเจิ้งฝ่านั้น  เรื่องนี้ช่างยากเหลือเกิน  ที่ข้าพเจ้าพูดนั้นคือปรากฏการณ์การคงอยู่ของพวกท่าน  แต่ในระดับชั้นที่สูงยิ่งขึ้น มิใช่ก็มีสภาพการณ์ที่เหมือนกันคงอยู่ ณ ที่จุลทรรศน์ ๆ ยิ่งขึ้นหรือ  ดังนั้นเรื่องนี้จึงทำได้ยากเหลือเกินแล้ว  แต่ข้าพเจ้าก็ทำหมดแล้ว  บรรลุถึงมาตรฐาน  และยังเหนือกว่ามาตรฐานที่ดีที่สุดในอดีตเสียอีก

ข้าพเจ้ายังพบว่าที่มนุษย์เกิดการเบี่ยงเบนนั้น เกิดขึ้นเพราะในระดับชั้นที่สูงมากมีสสารที่สูงมากเกิดการเบี่ยงเบน  และสิ่งที่เบี่ยงเบนนี้ดื้อรั้นอย่างมาก    ณ ที่ตรงนี้ของคนรูปแบบการปรากฏโดยตรงของมันมีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมชนิดนั้นที่แสดงออกมาของคนหนุ่มสาวในปัจจุบัน  คือไม่รับผิดชอบ  เอ้อระเหยลอยชาย  ทำตามอำเภอใจ  ส่งเสียงเอ็ดตะโรลั่น  เปิดเพลงเต้นรำอะไรที่แปลกประหลาด  เล่นวิดีโอเกมอะไร  ทั้งสมองล้วนเป็นสิ่งเหล่านั้นของการดำรงชีวิตในยุคปัจจุบัน

ศิษย์           นั่งสมาธิขัดขาข้างเดียว  ในขณะนั่งสมาธิ ขาเจ็บปวดอย่างรุนแรงเป็นไปอย่างต่อเนื่องไม่ใช่ปวดเป็นพักๆ
อาจารย์      แน่ละ  การปวดเป็นพักๆที่ข้าพเจ้าพูดถึงนั้นคือ   เมื่อเขาสามารถขัดสองขาได้แล้ว จะเกิดการปวดเป็นพักๆ    เมื่อท่านเริ่มต้นขัดขานั้นจะปวดตลอด  เพราะท่านไม่เคยทำมาก่อน หรือท่านเพิ่งขัดขาได้  นั่นจะปวดตลอด  ก็เหมือนกับให้ท่านแม้วินาทีเดียวก็ทนไม่ไหวต้องรีบเอาขาลงมาทันที   ก็คือใจดวงนั้น ปวดจนท่านสั่นระริกยากจะทนได้   ปวดแบบเจาะเข้าไปในใจ  ปวดจนกระวนกระวายใจ   ข้าพเจ้าเข้าใจทุกสิ่งของพวกท่านอย่างลึกซึ้ง   ถ้าจะพูดถึงสภาพการณ์นี้  ก็ต้องพูดจากสองด้าน  อาจจะเป็นเพราะแต่ไหนแต่ไรมาท่านไม่เคยขัดขาทำให้เส้นเอ็นขาแข็ง  กล้ามเนื้อยืดไม่ได้  หรือเกิดจากกรรม เป็นไปได้ทั้งสองด้าน

ศิษย์           มักรู้สึกว่าตนเองห่างไกลจากข้อกำหนดของต้าฝ่า  มักรู้สึกว่ามีเวลาไม่พอ  นี่เป็นจิตยึดติดอย่างหนึ่งหรือไม่

อาจารย์    ท่อนหลังของประโยคคือจิตยึดติด  ท่อนแรกพูดได้ถูกต้อง  อย่าไปสนใจเรื่องเวลาอะไรเลย  เพียงท่านบำเพ็ญต่อไป  ก็กำลังก้าวไปสู่หยวนหมั่น  แต่มีอยู่จุดหนึ่ง  ท่านต้องก้าวหน้า  ท่านบอกว่าฉันรีๆรอๆ สิบปี            แปดปี  ยี่สิบปี  เราค่อยๆไป     เช่นนั้นข้าพเจ้าคงจะไม่รอท่าน

ศิษย์           สรรพชีวิตที่จะได้รับการช่วยเหลือไปสู่โลกของผู้บำเพ็ญที่บำเพ็ญสำเร็จแล้วนั้นเกี่ยวข้องกับการมีความสัมพันธ์แต่ชาติปางก่อนกับผู้บำเพ็ญด้วยไหม
อาจารย์      สรรพชีวิตในโลกของท่านอาจจะเคยมีความสัมพันธ์แต่ชาติปางก่อนกับท่านในโลกมนุษย์   ที่ข้าพเจ้าดูก็คือใจดวงนั้นของท่าน  ท่านบำเพ็ญสำเร็จ หยวนหมั่นแล้ว  สิ่งเหล่านั้นที่ท่านติดค้างอยู่ จะทำอย่างไรละ   ในระหว่างขั้นตอนการบำเพ็ญของพวกท่าน ข้าพเจ้าก็หยวนหมั่นโลกของพวกท่านไปพลาง  ชีวิตที่พวกท่านเคยติดค้างไว้  บ้างจะเป็นสรรพชีวิตในโลกของท่าน  เช่นนั้นมันย่อมจะดีใจแล้ว   นี่ก็คือการแสดงออกซึ่งความเมตตาของท่าน  การแสดงออกของธรรมานุภาพของท่าน  และก็ช่วยเหลือพวกมันได้ด้วย  ทำให้เรื่องเปลี่ยนเป็นเรื่องที่ดี(เสียงปรบมือ)

ศิษย์           จะพูดได้ไหมว่าการรู้แจ้ง(อู้)ในฝ่า ในขั้นตอนของการบำเพ็ญนั้นคือเพื่อรู้แจ้งถึงความนัยที่เฉพาะของเจิน                  ซั่น เหริ่น    ในระดับชั้นที่สูงที่สุด
อาจารย์      ไม่ใช่เช่นนั้น  “อู้” ที่ข้าพเจ้าพูดถึงทั้งหมดนั้นคือ ในขั้นตอนของการบำเพ็ญของท่านนั้น จะสามารถปฏิบัติต่อทุกๆเรื่องโดยมีเจิ้งเนี่ยนอยู่เสมอได้หรือไม่   คำพูดนี้ของข้าพเจ้าก็ได้บรรยายถึง “อู้” ของการบำเพ็ญต้าฝ่า ไม่ใช่ว่าท่านนั่งอยู่ตรงนั้นแล้วคิดอย่างตั้งใจ อักษรตัวนี้พวกเราแกะๆ ดูว่ามันมีความนัยอะไรอยู่เบื้องหลังหนา ไม่ใช่เรื่องอย่างนั้น บางคนอู้ซิ่ง(จิตรับรู้)ด้อย พอร่างกายเขาไม่สบายสักเล็กน้อย เขาก็ถามข้าพเจ้าว่าทำไมจึงไม่สบาย อาจารย์ ทำไมผมจึงไม่สบาย หรือถามคนอื่นว่าวันนี้ผมเป็นอะไรนะ  พรุ่งนี้เขาพบกับเรื่องอะไรที่ไม่สบายใจ  ทำไมฉันมักพบกับเรื่องที่ไม่สบายใจ  เช่นนั้นเราจึงพูดว่าคนๆนี้มีอู้ซิ่งต่ำ  ที่จริงในเวลาที่ร่างกายเขารู้สึกทรมานนั้น   พอดีกำลังช่วยผลักโรคออกไปให้กับ เขา หรือเกิดสภาวะหนึ่งในขณะที่พลังกำลังเพิ่มขึ้น  เขายังเข้าใจเป็นว่าไม่ดี   ในเวลาที่เขาพบกับความยากลำบากก็พอดีเป็นโอกาสให้เขายกระดับซินซิ่ง  เขาต้องบำเพ็ญให้ดี   หากไม่มีเงื่อนไขนี้แล้ว เขาจะทำอย่างไรละ  นี่เขาก็ทนไม่ได้ นั่นก็ไม่ไหว  แล้วจะบำเพ็ญได้อย่างไรกัน  ไม่มีทางจะบำเพ็ญได้  จึงพูดได้ชัดว่าคนๆนี้อู้ซิ่งต่ำเหลือเกิน   อู้ ที่ข้าพเจ้าหมายถึงก็คืออู้อย่างนี้

ศิษย์           ในประเทศจีน ในโลก มีคนมากมายไม่ได้บำเพ็ญ  เรียนเชิญท่านอาจารย์พูดสิ่งที่สำคัญที่สุดกับพวกเขาสักหน่อย
อาจารย์        ฝ่าที่ข้าพเจ้าบรรยายล้วนมีความหมาย  ล้วนมีเป้าหมาย  คนก็คือคน  ท่านจะให้ข้าพเจ้าพูดอะไรกับคน   ข้าพเจ้าจะบอกพวกท่าน  ข้าพเจ้าขอบอกพวกท่าน  ข้าพเจ้าไม่ได้ถือว่าพวกท่านเป็นคน  เพราะพวกท่านเป็นคนที่กำลังบำเพ็ญ    เป็นสภาวะของเทพ(เสียงปรบมือ)

ศิษย์               ผู้รับผิดชอบอนุญาตให้ผู้ฝึกฝึกพลังอยู่ใกล้ละแวกบ้านตนเองเท่านั้น  ไม่อนุญาตให้ร่วมฝึกพลังเป็นกลุ่มเพื่อหงฝ่า
อาจารย์      สภาพการณ์ที่ท่านพูดถึงนี้บางทีเป็นการอู้ที่ผิดของพวกท่าน  เช่นนั้นก็อาจเป็นได้ที่การทำงานของผู้รับผิดชอบที่ไม่เหมาะสมด้วย  ล้วนมีทั้งสองด้าน  ข้าพเจ้าไม่อาจพูดกับท่านอย่างเป็นรูปธรรม   แต่ท่านต้องจำคำพูดหนึ่งที่ข้าพเจ้าพูด   สองคนเกิดความขัดแย้งกัน  เมื่อคนที่สามได้เห็นแล้ว  คนที่สามก็ต้องคิดๆดูว่าฉันเองมีตรงไหนที่ไม่ถูกต้อง        ทำไมให้ฉันได้เห็น นับประสาอะไรกับสองคนที่เกิดความขัดแย้งระหว่างกันก็ยิ่งต้องมองดูตัวเอง  ต้องบำเพ็ญที่ภายใน  เช่นนั้นเมื่อท่านพบเรื่องที่ท่านคิดว่าไม่ถูกต้อง  ไม่สอดคล้องกับทัศนคติของท่าน หรือว่าไม่สอดคล้องกับต้าฝ่า  ท่านก็ควรพิจารณาดู   ถ้าเป็นเรื่องที่ถูกต้อง  ด้วยความรับผิดชอบต่อต้าฝ่า  ท่านสามารถไปพูดกับผู้รับผิดชอบถึงความคิดที่ถูกต้องที่สมเหตุสมผลของท่าน  ข้าพเจ้าคิดว่า       เพราะเขาเป็นผู้บำเพ็ญเขาสามารถพิจารณา   เป็นเช่นนี้ใช่ไหม

ศิษย์           ในจิงเหวิน “ยืนหยัด” ท่านอาจารย์พูดถึงการรบกวนที่มาจากมิติอื่น  ซึ่งเลือกวิธีการต่างๆในการสัมผัสติดต่อกับผู้ฝึก  แล้วดำเนินการบ่อนทำลาย  
อาจารย์        พูดอย่างนี้ละกัน  ถ้าให้ท่านทำเรื่องที่ไม่สอดคล้องกับต้าฝ่า ท่านต้องไม่ทำ  สอนท่าเคลื่อนไหวที่ไม่ใช่ของต้าฝ่า  ท่านก็ไม่อาจเรียน  ไม่ใช่เรื่องที่จะทำในต้าฝ่าของพวกเรา   ท่านต้องไม่ไปทำกับมัน  ก็พอแล้ว   มีบางสิ่งที่ไม่ดีปลอมแปลงเป็นฝ่าเซินของข้าพเจ้า  ท่านก็ระวังไว้  ต้องใช้ต้าฝ่ามาประเมิน   การอาศัยฝ่าเซินบอกเขาให้ทำอย่างไรๆ    นั่นก็คือการเรียกหามารโดยตัวมันเอง

ศิษย์           ท่านอาจารย์จะสามารถเล่าเรื่องที่ท่านทำในระหว่างการถ่ายทอดฝ่าของท่านหรือไม่
อาจารย์      สิ่งที่ข้าพเจ้าสามาถบอกท่านได้คือฝ่าชุดนี้  จะบำเพ็ญขึ้นไปได้อย่างไร ท่านก็ใส่ใจกับสิ่งนี้  สิ่งอื่นที่ท่านอยากรู้นั้น ล้วนเหลือไว้หลังจากหยวนหมั่นแล้ว  ขณะนี้ท่านอย่าคิดเพ้อเจ้อ

ศิษย์           อาจารย์ให้ฝ่าหลุนกับเหล่าศิษย์ ความหมายที่ลึกยิ่งกว่าอยู่ที่ หลังจากหยวนหมั่นหวนคืนสู่ตำแหน่งเดิมแล้วจะไม่ตกลงมาอีกตลอดกาล

อาจารย์      ข้าพเจ้าคิดจะทำเช่นนี้(เสียงปรบมือ)

ศิษย์             ท่านอาจารย์หลี่    ท่านจะสามารถนำรัศมีอันรุ่งโรจน์ของท่านไปที่แอฟริกาได้หรือไม่

อาจารย์      มีบางเรื่องไม่เหมือนกับที่ท่านคิดอย่างนั้น   ที่จริงในหมู่ผู้ฝึกชาวจีน บางคนเมื่อภพก่อนเขาเป็นคนดำ  ในหมู่ผู้ฝึกผิวขาวของเราก็อาจมีคนดำหลายคน   ดังนั้นจึงพูดว่าเรื่องใหญ่อย่างนี้ไม่ใช่เรื่องที่ปรากฏออกมาง่ายๆตามที่ท่านคิด  ผู้ที่ควรช่วยนั้นข้าพเจ้าจะไม่ให้ตกหล่น  (เสียงปรบมือ) หวังว่าพวกท่านจะอ่านหนังสือให้มาก     ศึกษาฝ่าให้มาก           ยกระดับขึ้นเรื่อยๆ

ศิษย์           ขอเชิญท่านอธิบายสักนิด  เมื่อท่านหยุดถ่ายทอดฝ่าแล้ว  พวกเราจะหลีกเลี่ยงไม่ให้ฝ่าหลุนต้าฝ่ากลายเป็นศาสนาได้อย่างไร

อาจารย์      เรื่องนี้ไม่ต้องห่วง   ข้าพเจ้าจะทำทุกสิ่งในโลกให้เสร็จสิ้นไปตามต้าฝ่านี้(เสียงปรบมือ)

ศิษย์           เมื่อผมทำเรื่องบางอย่างที่เพลิดเพลินใจน่าสนุกแล้วจะมีความรู้สึกผิดบาปอย่างหนึ่ง ทำไมเป็นเช่นนี้  
อาจารย์      ข้าพเจ้าขอบอกท่าน  มีเรื่องน่าสนุกหลายเรื่องมันไม่แน่ว่าจะดี  ทำไมหรือ  เพราะปัจจุบันคนล้วนปรับตัวเข้ากับกระแสของยุคสมัย  มองไม่เห็นด้านที่ไม่ดีนั้นของเรื่องราว  ถ้าสามารถใช้ทัศนคติเก่าแก่ของคนในอดีตมาประเมิน  ท่านจะพบว่ามันไม่ดี  หากใช้ต้าฝ่าประเมิน  ท่านก็จะพบว่ามันยิ่งไม่ถูก  ไม่สอดคล้องกับฝ่า   และจิตใจที่อยากเล่นอย่างรุนแรงก็เป็นจิตยึดติดอย่างหนึ่งที่กระทบต่อการบำเพ็ญ

ศิษย์           บางครั้งเคยมีทัศนียภาพของการยกระดับจิตแวบอยู่ในสมอง  ทำให้ผมรู้สึกคล้ายเหมือนเป็นเรื่องจริง
อาจารย์      ทัศนียภาพหนึ่งที่ดีงามของการยกระดับซินซิ่ง แน่ละย่อมเป็นเรื่องที่ดี  และยังเป็นจริงเป็นจัง   ขณะนี้ความรู้สึกของพวกท่านนั้นได้แต่รู้สึกได้จากความซาบซึ้งอย่างนี้ของพวกท่าน  ยังไม่อาจปราฏออกมาในความเป็นจริงของคนธรรมดาสามัญในปัจจุบัน   เพราะพวกท่านยังคงบำเพ็ญอยู่  ยังคงบำเพ็ญโดยมีร่างกายของคนธรรมดาสามัญ  บนร่างกายของคนธรรมดาสามัญยังมีสิ่งต่างๆที่ไม่ดีอยู่  จึงไม่อาจจะเหมือนเทพในขณะที่ยังมีพวกมันอยู่ด้วย              ข้าพเจ้าขอถือโอกาสพูดต่ออีกหน่อย   ในระยะนี้มีพวกเราหลายคน  ทั้งในหมู่ผู้ฝึกเก่าและใหม่ก็มีทั้งนั้น  เกิดจิตยึดติดต่อเรื่องตาทิพย์   ข้าพเจ้าขอบอกคำพูดที่เป็นจริงกับท่าน  สาเหตุใหญ่มากข้อหนึ่ง   ในความคิดของท่านมีความคิดกับทัศนคติต่างๆที่ไม่ดีอยู่   เมื่อดวงตาแห่งปัญญาของตาทิพย์พวกท่านมองเห็นทัศนียภาพของมิติที่อยู่เหนือมนุษย์   พวกมันก็จะมองไม่เห็นแล้ว  ไม่อาจให้สิ่งไม่ดีเหล่านี้มองเห็นภาพลักษณ์ที่แท้จริงของเทพ ท่านเข้าใจไหม                  ดังนั้นมีคนมากมายที่มองไม่เห็นในขณะนี้

ศิษย์           ผมรู้สภาพซินซิ่งของตนเอง  ในเวลาเดียวกันรู้สึกว่ามีจิตมาร  ผมควรทำอย่างไรที่จะขจัดจิตมาร

อาจารย์      ที่จริงเป็นสภาพที่ดีมาก  ก็คือว่าท่านสามารถรู้สึกถึงด้านที่ไม่ดีนั้นของท่าน  ฉะนั้นท่านต้องผลักไสมัน  ต่อต้านมัน  ไม่เอามัน  ผลักไสมันในความคิด  ไม่ไปทำตามความคิดของมัน   ไม่ทำเรื่องที่ไม่ดีอย่างนั้นอีก  ท่านก็กำลังบำเพ็ญ  ก็คือกำลังยกระดับ  นี่จึงเรียกว่าบำเพ็ญ

ศิษย์           ในเวลาที่ฝึกพลังร่วมกันอยู่ เพียงแต่ฟังท่านพูดคำเคล็ดของแต่ละชุดฝึกดี หรือท่องพร้อมกันไปตามเสียงพูดนำดี

อาจารย์      เรื่องนี้เพียงท่องอยู่ในใจก็พอ     คำเคล็ดนั้นของพวกเราล้วนเป็นการท่องในใจ  แต่ข้าพเจ้าก็ไม่คัดค้านที่ท่านจะท่องออกเสียง  แน่ละ การท่องออกเสียง คงจะดีกว่าถ้าทำพร้อมกันได้ในขณะฝึกพลังร่วมกัน   เรื่องนี้แล้วแต่ความสะดวกของพวกท่านก็แล้วกัน  ข้าพเจ้าไม่พูดถึงรูปแบบ  แต่ในขณะฝึกพลังร่วมกัน ให้พร้อมเพรียงหน่อยจะทำให้คนประทับใจได้ ใช่ไหม เรื่องนี้ให้ทำไปตามสภาพการณ์ของพวกท่าน  ข้าพเจ้าไม่คัดค้านและไม่สามารถจะเสนอข้อกำหนดอะไรให้พวกท่าน  ให้ทำไปตามสภาพการณ์ของพวกท่านเอง       ถ้ารู้สึกว่าดีท่านก็ทำอย่างนี้

ศิษย์           ขอเชิญอาจารย์พูดกับศิษย์ในจีนสักหน่อย   ซึ่งจะมีค่ามากสำหรับการก้าวหน้าอย่างห้าวหาญของผู้ฝึกเรา

อาจารย์      ที่จริงฝ่าทั้งหมดที่ข้าพเจ้าเพิ่งบรรยายไปนั้น  ล้วนแต่บรรยายให้กับผู้ฝึกในจีน  เพราะข้าพเจ้าทราบว่าวิดีโอกับเทปบันทึกเสียงของพวกท่านจะส่งต่อเข้าไปในจีน(เสียงปรบมือ)

ศิษย์           ท่านบอกว่าให้ปล่อยวางจิตยึดติดต่อฉิง  แต่ทำไมเทพยังหลั่งน้ำตาได้ละ

อาจารย์      ของเขาเป็นน้ำตาแห่งความเมตตา   และความรู้สึกกับความซาบซึ้งของเขา ไม่ใช่เรื่องเดียวกับฉิงของคนอย่างเด็ดขาด  ย่อมไม่ใช่สิ่งที่อยู่ในระดับชั้นเดียวกัน  ไม่ใช่แนวคิดเดียวกัน โดยเฉพาะเทพที่สูงมากๆจะไม่หลั่งน้ำตาให้กับคน  แต่จะหลั่งน้ำตาให้กับสรรพชีวิตที่ต่ำกว่าเขาเพราะในสายตาของพวกเขานั้น       คนก็คือคน 

ศิษย์           ในความคิดผมไม่คิดจะทำอะไร  เมื่อได้อ่านจิงเหวินของท่านอาจารย์แล้วรู้สึกตกตะลึงและเร่งรีบ  แต่ใจกลับไม่รู้สึกรีบร้อน

อาจารย์      นี่ก็คือความเกียจคร้านนั้นเริ่มเล่นงานท่านแล้ว  ดังนั้นท่านต้องทะลวงฝ่ามันไป ทุกๆคนต่างต้องพบกับมัน  บางครั้งมันก็รุนแรง  บางครั้งแสดงออกมาผ่อนคลายหน่อย  นี่ก็คือการขัดขวางการฝึกพลังของท่าน  ทำให้ไม่ก้าวหน้าในการบำเพ็ญ   ฝ่าทะลวงมัน  ตีมันให้แตก  บางทีกุญแจของมัน  อุปสรรคที่สำคัญของมันคือสิ่งที่ท่านยึดติดอยู่  หากท่านจะตีให้มันเปิดออก  เป็นไปได้ว่าในทันทีก็จะผลักออกไป          ตีให้แตกไปได้แล้ว(เสียงปรบมือ)

ศิษย์           จักรวาลในอนาคตต้องการชีวิตดั้งเดิม  ท่านอาจารย์จึงได้มาแล้ว   หรือว่าชีวิตดั้งเดิมชนิดนี้มีอยู่บนโลกค่อนข้างมาก
อาจารย์      ที่ข้าพเจ้ามา ไม่ใช่มาช่วยชีวิตดั้งเดิมอะไรที่นี่  ไม่ใช่แนวคิดนี้   ข้าพเจ้าอยู่ที่ของคนนี้ บรรยายฝ่า  มิติทั้งหมดล้วนสามารถจะได้ยิน  ข้าพเจ้าจึงมาที่นี่บรรยายฝ่า  หาไม่แล้ว  หากข้าพเจ้าบรรยายฝ่าอยู่ในระดับชั้นใด   พวกที่อยู่ต่ำกว่าระดับชั้นนั้นจะฟังไม่ได้ยิน  รวมทั้งคนด้วย  แน่ละในแต่ละระดับชั้นล้วนมีชีวิตดั้งเดิมอยู่

ศิษย์           งานเกี่ยวกับพุทธศาสตร์ในประเทศจีนปะทุขึ้นมาอย่างใหญ่โต

อาจารย์      เรื่องเหล่านี้เราไม่สนใจมัน    ล้วนเป็นเรื่องในหมู่คนธรรมดาสามัญ  เป้าหมายที่เขาทำงานเกี่ยวกับพุทธศาสตร์ก็คืออยากได้รับการคุ้มครอง  ร่ำรวย  เมื่อสร้างวัดแล้วพวกเขาก็ร่ำรวย  หรือเพื่อการท่องเที่ยว   คนก็เป็นเรื่องของคน  พวกเราก็ไม่สนใจมัน   เพราะศาสนาพุทธกลายเป็นส่วนหนึ่งของคนแล้ว   ดังนั้นคนจะทำอย่างไรก็ไปทำอย่างนั้นละกัน

ศิษย์           ผู้ที่มาร่วมฝ่าฮุ่ยครั้งนี้ มาจากสิบเก้ามณฑล เมืองและเขตในจีน  ศิษย์ต้าฝ่าใน ๓๓ เขต ขอสวัสดีท่านอาจารย์แทนศิษย์ในพื้นที่ทั้งหมด

อาจารย์  ข้าพเจ้าขอขอบใจทุกท่าน (เสียงปรบมือ)

ผู้ฝึกบางคนให้ข้าพเจ้ารำมือชุดใหญ่  จำเป็นไหม (เสียงปรบมือ)

เอาละ ข้าพเจ้าจะรำมือชุดใหญ่ให้กับทุกท่าน  จากนั้นการประชุมนี้ของพวกเราก็จะสิ้นสุดแล้ว

ฝ่าฮุ่ยจะสิ้นสุดลงแล้ว  ฝ่าฮุ่ยครั้งนี้ประสบความสำเร็จมาก  ข้าพเจ้าทราบว่า เมื่อผ่านฝ่าฮุ่ยครั้งนี้ผู้ฝึกล้วนจะมีการยกระดับที่แน่นอนระดับหนึ่ง   สามารถค้นพบความบกพร่องของตนเอง  รู้ว่าจะก้าวหน้ายิ่งขึ้นได้  (เสียงปรบมือ)  ความสำเร็จสมบูรณ์ของการประชุมใหญ่บรรลุถึงเป้าหมายที่คาดไว้    นี่ดีมาก  ผู้ที่นั่งอยู่ นอกจากผู้ฝึกเก่าแล้ว ยังมีคนที่มาฟังต้าฝ่าเป็นครั้งแรก  ข้าพเจ้าหวังว่าผู้ที่สามารถก้าวเข้ามาในห้องประชุมนี้ ล้วนจะสามารถได้ “จ้วนฝ่าหลุน”หนึ่งเล่มมาอ่านดูว่าต้าฝ่านี้คืออะไร   ทำให้เขาเข้าใจได้  เพราะข้าพเจ้าจะบอกท่าน  ปัจจุบันมีคนร้อยล้านคนกำลังบำเพ็ญเขาอยู่ (เสียงปรบมือ)   ข้าพเจ้าขออวยพรล่วงหน้า ให้ทุกท่านที่ผ่านฝ่าฮุ่ยครั้งนี้แล้ว  ให้ถือมันเป็นแรงผลักดัน  ทำให้พวกท่านก้าวหน้ายิ่งขึ้น  ยกระดับชั้นได้เร็วยิ่งขึ้น  ทำให้พวกที่ล้าหลังตามทันขึ้นมาโดยเร็ว   ทำให้พวกที่เดินผิดทางรีบหันกลับมา (เสียงปรบมือ) อย่าพลาดโอกาส  เวลาไม่หวนคืนมา  อย่าได้พลาดโอกาสไปครั้งแล้วครั้งเล่า  ข้าพเจ้าทราบว่าหลังจากฝ่าฮุ่ยครั้งนี้จะทำให้เขตตะวันออกของอเมริกา  หรือประเทศอเมริกาทั้งหมด หรือพื้นที่อื่นเกิดผลในการกระตุ้น  สามารถมีคนมากยิ่งขึ้นเข้ามาบำเพ็ญต้าฝ่า  กลายเป็นคนดีของโลก  กลายเป็นคนที่ดียิ่งขึ้น  เรื่อยไปจนเป็นคนดีในเขตแดนที่สูงยิ่งขึ้น (เสียงปรบมือ)  ไม่พูดแล้ว  ก็พูดเพียงแค่นี้ ขอบใจทุกท่าน  หวังว่าทุกท่านจะหยวนหมั่นโดยเร็ว (เสียงปรบมือ)