ฝ่าหลุนต้าฝ่า

บรรยายธรรม ณ พื้นที่ต่างๆ (๕)

 

 

หลี่ หงจื้อ


สารบัญ

บรรยายธรรม ณ ที่ประชุมฝ่าฮุ่ยภาคตะวันตก สหรัฐอเมริกา  ค.ศ. 2004. 1

บรรยายธรรม ณ ที่ประชุมฝ่าฮุ่ยนานาชาติ เมืองแมนฮัตตัน ค.ศ. 2005. 36

บรรยายธรรม ณ ที่ประชุมฝ่าฮุ่ยคานาดา ค.ศ.2005. 46


บรรยายธรรม ณ ที่ประชุมฝ่าฮุ่ยภาคตะวันตก สหรัฐอเมริกา  ค.ศ. 2004

หลี่ หงจื้อ

28 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2004 ณ  ลอสแองเจลิส

 

            สวัสดี ท่านทั้งหลาย ( สวัสดีท่านอาจารย์ เสียงปรบมือ )  การประทุษร้ายครั้งนี้ได้ยืดเยื้อมานานหลายปีแล้ว  แต่ว่า กล่าวสำหรับชีวิตชั่วร้ายเหล่านั้น  สภาพแวดล้อมสำหรับการคงอยู่ โอกาสแห่งการดำรงอยู่ของพวกมัน ลดน้อยลงเรื่อยๆแล้ว  วันคืนของพวกคนชั่วเหล่านั้นบนโลกที่ก่อการประทุษร้ายครั้งนี้ ยิ่งยากลำบากขึ้นเรื่อยๆ  มองจากภาพรวมของการเจิ้งฝ่า  เดี๋ยวนี้ชาวโลกก็ยิ่งกระจ่างชัดยิ่งขึ้น ต่อการประทุษร้ายครั้งนี้ที่พวกกากเดนมนุษย์ และพวกชั่วช้าก่อขึ้นมา    โดยเฉพาะชาวจีนแผ่นดินใหญ่ล้วนกำลังตื่นขึ้นมา  ผู้คนได้เห็นความชั่วร้ายของการประทุษร้ายครั้งนี้กันแล้ว  และรู้ถึงสาเหตุของการประทุษร้ายครั้งนี้   สามารถพูดได้ว่า เป็นประโยชน์ยิ่งๆ ขึ้นต่อการอธิบายความจริง การช่วยเหลือชาวโลก การเปิดโปงการประทุษร้ายของศิษย์ต้าฝ่า  ในขณะนี้ชาวโลกจำนวนมากล้วนสามารถแจ่มชัดขึ้นมาได้ หลังจากพวกชั่วร้ายถูกชำระล้างไปแล้ว  สามารถพิจารณาปัญหาการทำร้ายฝ่าหลุนกงได้ด้วยสติปัญญาของตนเอง ทำให้พวกชั่วร้ายคิดจะดำเนินการปราบปรามฝ่าหลุนกงต่อไปได้ยากยิ่งขึ้นเป็นลำดับ  เนื่องจากการตื่นตัวของชาวโลก ทำให้พวกชั่วร้ายรู้สึกหวาดกลัวมาก  ชาวโลกไม่ยอมเป็นแพะรับบาปแทนพวกมันอีก  กล่าวสำหรับองค์ประกอบของสิ่งชั่วร้ายและคนชั่ว นี่คือการประคองการปราบปรามที่ชั่วร้ายต่อไปไม่ไหวแล้ว  แต่ว่าเมื่อขี่เสือแล้ว ก็ยากจะลงจากหลังเสือ  เวลาที่พวกชั่วร้ายบ้าคลั่งขึ้นมา ไร้สติสัมปชัญญะอยู่นั้น การประทุษร้ายก็ทวีความรุนแรงมากขึ้นเป็นลำดับ จะทำอย่างไรก็ไม่ได้ ยิ่งบ้าคลั่งขึ้นเรื่อยๆ  ขณะนี้ข้าพเจ้าเห็นว่ามันเลื่อนขึ้นจนถึงจุดสูงสุดแล้ว  จะลงก็ลงไม่ได้แล้ว  ลงไม่ได้แต่ก็ยืนไม่อยู่แล้ว การปราบปรามที่ชั่วร้ายครั้งนี้ ชาวโลกได้เห็นชัดแล้ว  แต่ว่าการประทุษร้ายอย่างถึงที่สุดครั้งนี้ ทำให้ศิษย์ต้าฝ่าได้รับการทำร้ายอย่างมาก  และไม่เคยมีการประทุษร้ายที่อำมหิตชั่วร้ายเช่นนี้มาก่อนในประวัติศาสตร์   กล่าวจากอีกด้านหนึ่ง  ไม่ว่าอะไรที่ทำกับต้าฝ่าและศิษย์ต้าฝ่า ก็เท่ากับทำกับพวกมันเอง  เพราะในอนาคตพวกมันล้วนต้องชดใช้แบบเดียวกันหลายเท่าทีเดียว

            ในจักรวาล มีดีงาม มีชั่ว (ซั่น-เอ้อ)  มีลบ มีบวก  มีดี มีไม่ดี ( ห่าว-หวั้ย )   ทั้งหมดนี้ ก่อให้เกิด สิ่งที่เสริมและต้าน ซึ่งกันและกัน  ที่จริงคนมองไม่เห็น และคนชั่วยิ่งคิดไม่ถึง  การประทุษร้ายครั้งนี้แต่แรกเริ่ม ก็กำหนดให้มันจบลงด้วยความพ่ายแพ้  ทว่าในระหว่างนั้นกลับทำให้บรรดาศิษย์ต้าฝ่าบำเพ็ญสำเร็จ  หรือกล่าวได้ว่า  ความตั้งใจของคนชั่วนั้น  ชั่วร้ายนัก  แต่กลับเป็นการหยิบยื่นสภาพแวดล้อมหนึ่งที่จะสร้างสรรค์ศิษย์ต้าฝ่าอย่างเหมาะเจาะพอดี    แน่นอนข้าพเจ้าไม่ปรารถนาให้เกิดสภาพการณ์แบบนี้  ขณะถูกประทุษร้าย ข้าพเจ้าและศิษย์ต้าฝ่าก็ยับยั้งการประทุษร้าย  ไม่ให้สรรพชีวิตทำบาปต่อต้าฝ่า  ชีวิตที่ไม่อาจจะช่วยได้เหล่านั้น เอาแต่จะทำชั่ว  กลับไม่อาจเข้าใจหลักการที่ว่า  การพูด การกระทำใดๆ ย่อมมีผลทั้งบวกและลบคงอยู่พร้อมกัน   เนื่องจากจักรวาลเก่าระดับชั้นนี้มี กฎการเสริมและต้านซึ่งกันและกัน  บวก-ลบปัจจัยสองชนิดอยู่ ดังนั้นไม่ว่าจะทำเรื่องอะไร ย่อมเกิดผลบวกและลบขึ้นมาพร้อมกัน  รวมทั้งการทำเรื่องใดๆในสังคมมนุษย์  ล้วนจะเกิดปัจจัยทั้งสองชนิดขึ้นมาพร้อมกัน  รวมทั้ง หนึ่งคำพูด หนึ่งการกระทำของคน กระทั่งหนึ่งความคิดที่เกิดขึ้น  ล้วนจะเกิดปัจจัยทั้งสองชนิดพร้อมกัน   เหมือนการประทุษร้ายครั้งนี้  ท่านทั้งหลายล้วนกระจ่างชัดต่อเป้าหมายแล้ว  จุดเริ่มต้นก็ชั่วร้ายมาก  แต่การทำเรื่องชั่วของมันกลับส่งผลให้ศิษย์ต้าฝ่าฝึกฝนตนจนสุกงอม ท่ามกลางการต่อต้านการประทุษร้าย  โดยเฉพาะคือยิ่งการประทุษร้ายรุนแรงเท่าไรก็ยิ่งทำให้ศิษย์ต้าฝ่าสำเร็จผล   คนชั่วไม่มีทางเข้าใจเหตุผลข้อนี้   กล่าวในฐานะที่ข้าพเจ้าเป็นอาจารย์  ในการเจิ้งฝ่านั้นข้าพเจ้าไม่ยอมรับโดยเด็ดขาดต่อการใช้การประทุษร้ายครั้งนี้มาทดสอบศิษย์ต้าฝ่า   ศิษย์ต้าฝ่าก็อย่าได้มีความคิดที่คลาดเคลื่อนว่าการทนแบกรับการประทุษร้ายนี้จะทำให้บำเพ็ญได้สูง   ต้าฝ่า และศิษย์ต้าฝ่านั้นคัดค้านการประทุษร้ายนี้  และนี่ก็เป็นภารกิจของผู้เป็นศิษย์ต้าฝ่า     ไม่บำเพ็ญอยู่ในฝ่า  การทนแบกรับการประทุษร้าย โดยตัวมันเองไม่อาจทำให้บำเพ็ญได้สูงยิ่งขึ้น   ยิ่งไม่อาจบรรลุมาตรฐานของศิษย์ต้าฝ่า  ไม่ยอมรับสภาพแวดล้อมทั้งหลายนี้ที่อิทธิพลเก่าหยิบยื่นให้ เพราะว่าในการเจิ้งฝ่าข้าพเจ้าสามารถทำให้สรรพชีวิตทั้งปวงกลืนกลายเข้ากับต้าฝ่า  ไม่จำเป็นต้องให้ศิษย์ต้าฝ่าฝึกฝนอยู่ในท่ามกลางความชั่วร้ายแบบนี้เลยแม้แต่น้อย  เจิ้งฝ่าต้องสำเร็จ  ศิษย์ต้าฝ่าต้องสำเร็จ   พวกมันทำเช่นนี้ศิษย์ของข้าพเจ้าก็สำเร็จได้   พวกมันไม่ทำเช่นนี้ศิษย์ของข้าพเจ้าก็สำเร็จได้เหมือนกัน   เพียงแต่ว่าสิ่งชั่วร้ายเอาแต่จะทำเช่นนี้ให้ได้ จึงรบกวนต่อการเจิ้งฝ่า  ทำให้พวกมันก่อบาปในระหว่างการทำชั่ว  ทำให้ชีวิตจำนวนมากและชาวโลก  รวมทั้งพวกมันเอง ถูกกำจัดทิ้งไป   ในจักรวาลนั้นมีปัจจัย หนึ่งบวก หนึ่งลบ   หนึ่งข้อดี หนึ่งข้อเสีย อย่างนี้โดยแท้จริง

            คนเห็นหลักการนี้ไม่ชัด  คนธรรมดาสามัญคิดทำเรื่องหนึ่งในสังคม  ที่จริงพอความคิดเขาก่อเกิด หรือ เมื่อทำเรื่องหนึ่ง  ก็ก่อให้เกิดผลสองชนิดแล้ว   ในอดีตผู้บำเพ็ญกล่าวว่า “ดีชั่ว เกิดจากหนึ่งความคิดของตน” ความหมายอีกชั้นหนึ่งของคำพูดประโยคนี้คือ  ในกระบวนการของเรื่องราวหนึ่งๆสามารถก่อให้เกิดผลสองชนิดอย่างแท้จริง  ในระหว่างการประทุษร้ายศิษย์ต้าฝ่า  พวกมันไม่คิดว่า ในทางกลับกันก็สามารถฝึกฝนศิษย์ต้าฝ่า  นี่คือสิ่งที่พวกมันคิดไม่ถึง  หลักการของจักรวาลที่ผ่านมาคือ ปัจจัยหนึ่งลบ หนึ่งบวก ที่แน่นอนชนิดนี้จะเกิดขึ้นพร้อมกัน  สังคมมนุษย์ก็เป็นเช่นนี้  ปรากฏอยู่ในทุกสรรพสิ่ง  คนธรรมดาสามัญคิดจะทำอะไรล้วนจะเกิดหนึ่งบวกหนึ่งลบ  หนึ่งดี หนึ่งเสีย  เช่นนี้มีคนคิดตี คิดด่าคนที่ตัวไม่ชอบ  ในการตีการด่า นั้นก็ให้กุศลแก่ฝ่ายตรงข้ามไปพร้อมกัน  และในอนาคตยังต้องชดใช้อีกด้วย   นี่เป็นการพูดจากด้านที่คนมองไม่เห็น  ที่คนสามารถมองเห็นก็เป็นอย่างนี้  เช่น เมื่อคนสั่งสอนบุตรธิดาของตนนั้น มักจะคิดอยากให้พวกเขาเป็นผู้ที่เหนือกว่าผู้อื่นในสังคม  แต่กลับไม่คิดว่าลูกจะห่างไกลจากความจริงความบริสุทธิ์   ความดีงามออกไปเรื่อยๆ  ห่างไกลคุณสมบัติพิเศษของจักรวาลไปเรื่อยๆ  ห่างไกลเทพออกไปเรื่อยๆ   คนกลัวว่าลูกของตนจะได้รับภัย  จึงสอนให้ลูกของตนว่าจะตอบโต้ผู้อื่นอย่างไร  ที่จริงคนไม่ได้คิดว่า  เมื่อท่านบอกให้เขาทำอย่างนี้  กลับเป็นการทำลายคุณธรรม ความดีงาม ของคนอย่างแท้จริง คนทำเรื่องอะไรล้วนแต่จะเกิดผลสองชนิดนี้

            การประทุษร้ายต่อศิษย์ต้าฝ่าหลายปีมานี้ก็ เกิดสภาพการณ์แบบนี้ขึ้นมาอย่างเต็มที่  อำนาจทางการเมืองไหนเลยจะสามารถเพิกถอนความเชื่อของคนไปได้   จะสามารถช่วงชิงเสรีภาพทางความคิดของคนได้อย่างไร นี่เป็นสิ่งที่ไม่เคยมีอยู่ในประวัติศาสตร์  ไหนเลยจะสามารถทำได้  เพื่อที่จะบรรลุจุดประสงค์นี้  กระทั่งจะทำลายวัฒนธรรมเก่าแก่หลายพันปีทั้งหมดทิ้งไป  ปฏิเสธสิ่งที่รักษามาตรฐานด้านคุณธรรมของมนุษย์ทั้งหมด  พลิกคว่ำทั้งหมด(ล้มล้างให้หมดไป)  ยังจะ “เหยียบไว้ใต้ฝ่าเท้า”   “ไม่ให้ลุกขึ้นมาได้อีกตลอดไป” ไม่ว่าจะทำได้หรือไม่   การทำเช่นนี้ก็ทำให้เกิดผลตอบสนองต่อการกระทำเช่นนี้พร้อมกันไป   นี่เป็นสิ่งที่พวกมันคิดไม่ถึง  ชาวจีนที่ไม่มีความเชื่อก็จะสูญเสียบรรทัดฐานคุณธรรมในการประพฤติตน  คนแบบนี้ เรื่องอะไรก็กล้าทำ  เรื่องชั่วอะไรก็ทำได้  สังคมเสื่อมทรามทุกๆด้าน   คนจีนเดี๋ยวนี้อ้าปากก็โกหก  การโกหกเหมือนเป็นคำพูดปกติทั่วไปในบ้าน  ทำเรื่องชั่วอย่างไรก็ไม่รู้สึกละอาย  เช่นนั้นกลุ่มคนเช่นนี้จะเป็นผลดีต่ออำนาจทางการเมืองที่ทำเรื่องนี้ไหม นี่เป็นสิ่งที่คนคิดไม่ถึงเลย

            หนึ่งข้อดี หนึ่งข้อเสีย ดำรงอยู่พร้อมกัน  คนคิดอยากจะบรรลุเป้าหมายอะไรในสังคมมนุษย์นั้นเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน การเปลี่ยนแปลงใดๆที่เคยเกิดขึ้นในสังคมมนุษย์   กิจกรรมอะไรที่เกิดขึ้นในสังคมมนุษย์  ที่แท้ก็เป็นการควบคุมของเทพ  มีเพียงเทพที่บอกให้คนไปทำ  ภายใต้การบัญชาการของเทพ  จึงเกิดสภาพการณ์ต่างๆขึ้นในสังคมคนธรรมดาสามัญ   คนตั้งใจคิดจะทำอะไรนั้นย่อมไม่เป็นผล  ปีศาจทราม(ผีเน่าเปื่อย) และเทพ ในมิติชั้นต่ำก็ทำไม่ได้  การทำร้ายคนดี  หรือผู้บำเพ็ญนั้น มีเพียงสิ่งที่ชั่วร้ายที่สุด โง่งมที่สุด จึงจะทำเรื่องที่ไร้สติเช่นนี้ออกมาได้ ในอนาคตมนุษย์ล้วนจะเกิดความเข้าใจใหม่ต่อประวัติศาสตร์  โดยเฉพาะประวัติศาสตร์ในร้อยปีที่ผ่านมา  และจะมีการประเมินกันใหม่

            ไม่ว่าจะอย่างไร  ท่านทั้งหลายได้เห็นแล้วว่า ในการคัดค้านการประทุษร้ายนั้น  ศิษย์ต้าฝ่ากำลังเดินสู่ความสุกงอม  ชาวโลกก็ตื่นขึ้นเรื่อยๆ  สำหรับสิ่งชั่วร้ายและคนชั่วบนโลกที่ก่อการประทุษร้ายนั้นเดินสู่ความตกต่ำลงไปเรื่อยๆแล้ว  บรรดาอำนาจ รูปแบบการปกครองทั้งหมด ที่พวกมันใช้ในการประทุษร้ายผู้ฝึกฝ่าหลุนกงในครั้งนี้ ล้วนจะถูกประวัติศาสตร์คัดทิ้งไป  ท่านฯก็เห็นแล้วว่า จะต้องเป็นเช่นนี้อย่างแน่นอน   เช่นนั้นกล่าวสำหรับศิษย์ต้าฝ่า  ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ การอธิบายความจริงช่วยเหลือชาวโลก ก็ไม่ลำบากอีกต่อไป  ขณะนี้ที่พวกเราเห็น ก็คือสภาพการณ์อย่างนี้  ต่อไปการอธิบายความจริงของท่านฯก็ยิ่งง่าย  เพราะชาวโลกยิ่งเข้าใจมากขึ้นเรื่อยๆ  ผู้คนจะเป็นฝ่ายมาหาท่านขอฟังความจริง ผู้คนจะเป็นฝ่ายมาหาท่านขอเรียนฝึกพลังกง เรื่องนี้จะเกิดขึ้นในทันที(อย่างรวดเร็ว)  โดยเฉพาะในจีนแผ่นดินใหญ่ ยังจะปรากฏ ประชาชนทั่วทั้งประเทศออกมาคัดค้านการประทุษร้าย        ( เสียงปรบมือ) คนทำอะไรล้วนทำให้แก่ตนเอง  การประทุษร้ายต่อศิษย์ต้าฝ่า ก็คือการประทุษร้ายต่อผู้ประทุษร้ายเอง   นี่คือสิ่งที่คุณสมบัติพิเศษของจักรวาลกำหนดไว้   เมื่อตอนเริ่มต้นของการประทุษร้ายฝ่าหลุนกงก็เป็นการเคลื่อนไหวของประชาชนทั้งหมดอย่างหนึ่ง     หนึ่งข้อดี หนึ่งข้อเสีย  คอยดูผลลัพธ์สุดท้ายก็แล้วกัน   ไม่ใช่สิ่งที่คนสามารถทำได้   คนรู้สึกว่าตนเองมีอำนาจ  เครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อของท่านโหมกระพือยิ่งขึ้นก็ไม่มีประโยชน์  การปลุกปั่นข่าวเท็จและหลอกลวงต่างๆของอันธพาลใช้กับผู้บำเพ็ญไม่ได้หรอก  เป็นสิ่งที่เทพไม่อนุญาต  เมื่อท่านก่อความปั่นป่วนและดิ้นรนจนหมดฤทธิ์แล้วเทพก็จะคิดบัญชีกับท่าน  ก็จะเป็นอย่างนี้

            กล่าวสำหรับศิษย์ต้าฝ่า  ท่านทั้งหลายต้องยิ่งมีสติมากขึ้น  ก่อนที่สิ่งชั่วร้ายจะถูกทำลายไปหมด  ยังต้องขยันไปอธิบายความจริง ช่วยเหลือชาวโลก  ทำสิ่งที่ศิษย์ต้าฝ่าควรทำให้ดี   บรรดาสิ่งที่ศิษย์ต้าฝ่าทำในวันนี้  ล้วนเป็นการยืนยันความถูกต้องของฝ่า  ล้วนเป็นการเดินสู่ความเป็นเทพของพวกท่าน  ไม่อาจย่อหย่อนแม้ในช่วงสุดท้าย  ทำในสิ่งที่ควรทำให้ดีต่อไป

            มีศิษย์ต้าฝ่าบางคนพึงจำไว้ว่า  แต่ละครั้งที่ข้าพเจ้าบอกว่าสิ่งชั่วร้ายลดน้อยลงเรื่อยๆ ยืนหยัดต่อไปไม่ไหว  ผู้ฝึกหลายคนรู้สึกว่า อ้อ เรื่องอื่นล้วนต้องปล่อยวาง(ทิ้ง)ให้หมด ทำแต่เรื่องของต้าฝ่า  นี่ไม่ถูก  ศิษย์ต้าฝ่าทำเรื่องอะไรต้องไม่เดินไปสุดขั้ว  พวกท่านต้องดำรงชีวิตตามปกติ บำเพ็ญตามปกติ  ขณะเดียวกันก็ทำสิ่งที่ศิษย์ต้าฝ่าควรทำ  ปัจจุบันก็ควรเป็นเช่นนี้  ในสังคมคนธรรมดาสามัญนอกจากสิ่งที่ศิษย์ต้าฝ่าสมควรทำแล้ว โดยรูปแบบก็ไม่มีอะไรต่างกัน  โดยภายนอกก็เหมือนกับสังคมคนธรรมดาสามัญ  แต่ว่าท่านเป็นผู้บำเพ็ญ  ก็เป็นเช่นนี้   ทุกสิ่งที่พวกท่านทำในวันนี้ เป็นการบุกเบิกให้กับอนาคต  หนทางเส้นนี้ก็เดินกันอย่างนี้  นี่เป็นเส้นทางหนึ่งที่เที่ยงตรงที่สุด  ซึ่งผู้บำเพ็ญในอนาคตจะใช้อ้างอิง  ดังนั้นพวกท่านต้องไม่ให้เกิดเรื่องที่สุดขั้ว  และไม่อาจเดินสุดขั้วในเรื่อง(ทาง)ใด   นั่นก็จะเป็นการจงใจสร้างอุปสรรคให้กับตนเอง สร้างความยุ่งยาก  ความคิดสุดขั้วใดๆ ล้วนไม่ใช่สิ่งที่ข้าพเจ้าเรียกให้ท่านทำ  นั่นย่อมจะเป็นการยึดติดแบบหนึ่ง  ก็จะเกิดความยุ่งยาก   เรื่องเหล่านี้พวกเราเคยประสบกันมามากแล้ว  ข้าพเจ้าคิดว่ากล่าวสำหรับศิษย์ต้าฝ่า เดินมาถึงวันนี้ ก็ควรพูดได้ว่าเรื่องราวมากมายล้วนแจ่มชัดแล้ว มีสติยิ่งขึ้นเรื่อยๆ   ปัญหาที่พบก็รู้ได้ว่ามีความเป็นมาอย่างไร   ดังนั้นกับเรื่องเหล่านี้ควรแจ่มแจ้งมากแล้ว ไม่ให้เกิดการรบกวนอีกด้วยเรื่องอะไรก็ตาม

            อีกจุดหนึ่ง  ทุกสิ่งที่ศิษย์ต้าฝ่าทำในปัจจุบันล้วนเป็นการยืนยันความถูกต้องของฝ่า  เนื่องด้วยการรับรู้และการยกระดับของพวกท่านล้วนมาจากในฝ่า   ฉะนั้นกล่าวสำหรับศิษย์ต้าฝ่า แน่นอนพวกท่านย่อมต้องยืนยันความถูกต้องของฝ่า  นั่นไม่มีอะไรต้องพูดกัน   แต่ทุกสิ่งที่ทำไปในการยืนยันความถูกต้องของฝ่าล้วนเป็นการทำเพื่อตัวพวกท่านเองไม่มีเรื่องใดๆที่ทำเพื่อข้าพเจ้า รวมทั้งที่ข้าพเจ้าบอกให้พวกท่านทำ เพราะในขั้นตอนการเดินสู่การหยวนหมั่นของแต่ละคนล้วนแต่ต้องสถาปนาธรรมานุภาพของตนเอง  โดยเฉพาะชีวิตที่ต้าฝ่าสร้างขึ้นมา  ก็ปรากฏออกมาแล้วในระหว่างการยืนยันความถูกต้องของฝ่าของพวกท่าน  ดังนั้นเรื่องที่ศิษย์ต้าฝ่าทำล้วนยิ่งใหญ่  รวมทั้งเรื่องการแจกใบปลิวที่ดูธรรมดา  อธิบายความจริงกับชาวโลก  ไปฟาเจิ้งเนี่ยนที่สถานฑูต   ศิษย์ต้าฝ่ายืนยันความถูกต้องของฝ่าด้วยวิธีการนานา ที่ทำการรัฐ  ในสังคม ท้องที่ต่างๆ   ทำสื่อต่างๆเป็นต้น  ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นการสร้างธรรมานุภาพให้กับตนเอง  ล้วนกำลังเดินบนทางสุดท้ายสู่การหยวนหมั่น   หรือกล่าวได้ว่าทุกสิ่งที่พวกท่านทำ รวมทั้งเรื่องเล็กๆเรื่องหนึ่ง  ล้วนทำเพื่อตนเอง  ไม่มีสักเรื่องที่ทำให้ต้าฝ่า  และไม่มีสักเรื่องที่ทำให้ข้าพเจ้าผู้เป็นอาจารย์นี้ ( เสียงปรบมือ )

            ในอนาคตพวกท่านล้วนจะมองเห็น  นอกจากที่จำเป็นต้องพูดในที่ประชุมแล้ว ปกติข้าพเจ้าก็พูดอะไรอีกน้อยมาก   เพราะทุกคนต้องเดินบนทางของตัวเอง แต่ละคนจำเป็นต้องเดินหนทางของตัวเอง  อย่างนั้นจึงจะสามารถสถาปนาธรรมานุภาพขึ้นมาได้   ดังนั้นข้าพเจ้าไม่สามารถคอยผลักให้ท่านเดินไปในทุกๆที่ทุกๆเวลา อย่างแต่ก่อนอีก   เพียงแต่ศึกษาฝ่าอย่างเดียว  การบำเพ็ญส่วนบุคคลช่วงเวลานั้นได้ผ่านไปแล้ว  ขณะนี้คือศิษย์ต้าฝ่ากำลังหยวนหมั่นสิ่งสุดท้ายของพวกท่าน  ทุกสิ่งที่พวกท่านจำเป็นต้องมี  ดูไปแล้วคล้ายกำลังทำอะไรเพื่อต้าฝ่า   และบางคนอาจกำลังคิดว่า “ฉันกำลังทำอะไรเพื่ออาจารย์ เพราะเป็นสิ่งที่อาจารย์บอกให้ฉันทำ” (หัวเราะ) ที่จริงไม่ใช่  ข้าพเจ้าบอกให้ท่านทำ ก็คือให้ทำเพื่อตัวท่านเอง

            ฝ่าคือสิ่งที่ชีวิตใดๆก็ทำลายไม่ได้  เขาคือสิ่งที่มีอยู่แต่เดิม เขาคือสิ่งที่พร้อมมูลอยู่แล้ว  เพียงแต่ถ่ายทอดให้กับสรรพชีวิต  ช่วยเหลือสรรพชีวิต  แต่รูปแบบที่แสดงออกอย่างเป็นรูปธรรมของฝ่าที่แท้จริงนั้น มีกี่ชีวิตที่สามารถมองเห็นได้ ยากเหลือเกิน  มองไม่เห็น  ดังนั้นจึงไม่เห็นแก่นแท้ของฝ่า  ฝ่าหลุนที่พวกท่านมองเห็นนั้น เป็นเพียงรูปแบบของพลัง(กง)  แต่ ฝ่าที่กำหนดไว้กับหลุนนั้น  ชีวิตทั่วๆไปยากจะมองเห็น  ระดับชั้นสูงก็มองไม่เห็น  ใครล่ะจะสามารถทำลายฝ่าได้จริงๆ ใครก็ทำลายไม่ได้เลย

            ข้าพเจ้าเคยพูดกับท่านทั้งหลาย การช่วยเหลือสรรพชีวิตนั้นยากมาก  คิดที่จะให้ชีวิตทั้งหมด ทุกๆระดับชั้นล้วนได้ฝ่า ล้วนได้รับการช่วยเหลือ  จำเป็นต้องเลือกบรรยายฝ่าอยู่ที่ระดับชั้นต่ำที่สุดของชีวิต-ที่ของคนตรงนี้ในจักรวาล           ด้วยเหตุนี้ชีวิตทั้งหมดทุกระดับชั้นจึงสามารถได้ยิน  เช่นนั้นการบรรยายฝ่าที่นี่  ชาวโลกที่นี่ ใครมาฟังฝ่าละ ก็ต้องมีชีวิตอย่างนี้  ชีวิตอย่างนี้ก็คือศิษย์ต้าฝ่าทุกวันนี้ (เสียงปรบมือ)  การเจิ้งฝ่าต้องเลือกทำในจักรวาลเก่าที่มาถึงช่วงก้าวสุดท้ายของการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ เสื่อมไป ดับสูญ  และก็คือช่วงที่ยากลำบากที่สุดในการช่วยเหลือสรรพชีวิตและร่างนภาทั้งหมด   เป้าหมายเริ่มแรกของการสร้างตรีภูมิก็คือเพื่อใช้ในการเจิ้งฝ่าในช่วงก้าวนี้  เช่นนั้นสรรพชีวิตในตรีภูมิคือใคร  ชีวิตแบบไหนอยู่ที่นี่  ในอนาคตต้องมีชีวิตแบบไหน และรูปแบบการดำรงชีวิตแบบไหน  รวมทั้งรูปแบบความนึกคิดของชีวิต  พฤติกรรมและวัฒนธรรมของชีวิต  เป็นต้น ล้วนจะก่อเกิดขึ้นในขั้นตอนประวัติศาสตร์  แต่หากมองจากการเจิ้งฝ่า  การจัดวางนี้ทำไว้บกพร่องมาก  เพราะเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นจากการก่อรูปของอิทธิพลเก่า  และกล่าวได้ว่าสิ่งต่างๆมากมายของมนุษย์ล้วนไม่ใช่เรื่องบังเอิญ  ล้วนเป็นไปตามลำดับ  เพราะว่าเป็นไปอย่างมีลำดับมาก ดูไปจึงเป็นธรรมชาติมาก  แต่เมื่อถ่ายทอดฝ่า ศิษย์ต้าฝ่าสามารถจะก้าวเข้าประตูต้าฝ่ามาได้หรือไม่  ถ้าถึงเวลาข้ามด่านยังจะบำเพ็ญหรือไม่  สุดท้ายสามารถจะเดินไปสู่หยวนหมั่นได้หรือไม่ พอเกิดการประทุษร้ายหรือการรบกวนรูปแบบอื่นๆ ศิษย์ต้าฝ่าสามารถจะทำได้ดีหรือไม่ ในท่ามกลางการยืนยันความถูกต้องของฝ่า  สิ่งต่างๆเหล่านี้ต้องดูแต่ละคน  ดังนั้นในการยืนยันความถูกต้องของฝ่าของพวกท่าน ท่านทั้งหลายได้เห็นแล้ว  ยังมีปัญหาหนึ่ง ก็คือการเกิดขึ้นของอิทธิพลเก่าทำให้ต้าฝ่าและศิษย์ต้าฝ่าได้รับการรบกวนอย่างหนัก แต่ไม่ว่าจะรบกวนอย่างไร เรื่องที่ทำชั่วร้ายมากเท่าไร  ท่านทั้งหลายหันกลับไปดู แท้จริง ล้วนหนีออกไปไม่พ้นฝ่ามือพระยูไล (เสียงปรบมือ) รับรองว่าเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าอิทธิพลเก่า ปีศาจทรามและคนชั่วคิดจะทำอะไร สุดท้ายล้วนแต่ต้องจบลงตามข้อกำหนดในการเจิ้งฝ่าของข้าพเจ้า   การรบกวนต่างๆเหล่านั้นที่เกิดในช่วงตรงกลางก็ดี  สภาพการณ์ ต่างๆของผู้ฝึกจำนวนหนึ่งที่ปรากฏออกมาก็ดี  ล้วนเป็นเพียงสภาพการณ์ที่ปรากฏออกมาของชีวิตของจักรวาลเก่าในช่วงสุดท้าย แห่งการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ เสื่อมไป ดับสูญ ซึ่งรบกวนต่อการเจิ้งฝ่า  แต่กล่าวสำหรับต้าฝ่าเอง ใครก็ทำลายไม่ได้ และศิษย์ต้าฝ่าไม่ว่าจะได้รับความทุกข์ทรมานอย่างไร สุดท้ายล้วนก้าวสู่ความเป็นเทพ

ท่านทั้งหลายต่างก็รู้จักกฎข้อหนึ่งจากในฝ่า  ในจักรวาลนี้  บรรดาความทุกข์ยากที่ชีวิตใดๆได้รับล้วนไม่สูญเปล่า  โดยเฉพาะคือผู้บำเพ็ญต้าฝ่าคนหนึ่ง  และเป็นศิษย์ต้าฝ่าในยุคเจิ้งฝ่า ขอเพียงสุดท้ายยังคงอยู่ในฝ่า  ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไรสิ่งที่รออยู่ก็คือหยวนหมั่น  หรือพูดได้ว่า  พวกชั่วร้ายไม่ว่ามันจะประทุษร้ายอย่างไรก็ไม่อาจบรรลุเป้าหมาย สุดท้ายล้วนแต่ต้องหล่อหลอมตามผลลัพธ์ที่เลี่ยงไม่พ้นของการเจิ้งฝ่า  ก็คืออย่างนี้  เมื่อรบกวนการเจิ้งฝ่าแล้ว  เช่นนั้นในการเจิ้งฝ่าก็ใช้สถานการณ์การรบกวนให้เป็นประโยชน์  สุดท้ายยังคงต้องบรรลุเป้าหมายที่ต้องการของการเจิ้งฝ่า   ต้องเป็นเช่นนี้แน่นอน

ในอนาคตหลังจากศิษย์ต้าฝ่าก้าวข้ามมาแล้ว  ท่านทั้งหลายลองดูทุกสิ่งทุกอย่าง  ย่อมเป็นเช่นนี้แน่นอน  กล่าวสำหรับเทพในจักรวาล  มันช่างน่ากลัวมากเมื่อเขาได้เห็นจักรวาลในท่ามกลางการเจริญและเสื่อมไป ก้าวเข้าสู่ช่วงสุดท้ายของขั้นตอน การเกิดขึ้น ตั้งอยู่ เสื่อมไป ดับสูญ   ใครก็ไม่คิดจะดับสูญ ล้วนอยากจะปกป้องตัวเอง  เมื่อคิดจะปกป้องตัวเองจะต้องทำให้จักรวาลทั้งหมดได้รับการช่วยเหลือ  แต่สรรพชีวิตคิดวิธีการจนถึงที่สุดแล้วก็ยังไม่บรรลุเป้าหมาย   โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิธีการทั้งหลายที่ชีวิตในเวลานี้คิดขึ้นมา  เรื่องที่ทำขึ้นมานั้นไม่อาจพูดได้ว่าดี  ไม่ว่าชีวิตนั้นจะสูงแค่ไหน ก็ล้วนไม่อาจพูดว่าเขานั้นดีงามที่สุด งดงามที่สุด  ดังนั้นล้วนไม่บรรลุเป้าหมาย   และสรรพชีวิตของจักรวาลล้วนมองเห็นผลลัพธ์สุดท้ายที่น่ากลัวนี้แล้ว    จึงคิดจะทำอะไรบ้าง  ด้วยเหตุนี้จึงเกิดอิทธิพลเก่าของจักรวาลขึ้น

การเจิ้งฝ่าของจักรวาลล่วงมาถึงก้าวย่างในวันนี้  ที่จริงข้าพเจ้าไม่อาจใช้คำพูดของคนมาพูดให้เหมาะเจาะได้อีกแล้ว ภาษาของคนถ่ายทอดออกมาไม่ได้แล้ว ล้วนแต่เป็นการบรรยายอย่างกว้างๆคร่าวๆ  เรื่องที่ต้องการทำแต่แรกได้ทำไปหมดแล้ว  ที่จริงจักรวาลของพวกเราเองได้สร้างเสร็จแล้ว (เสียงปรบมือ) เหลือเพียงองค์ประกอบสุดท้ายเหล่านั้นที่สามารถจะทำให้เทียนถี่อันมหึมานี้คงอยู่  องค์ประกอบเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่กั้นชั้นเปลือกนอกของมนุษย์ไว้อย่างแท้จริง

สภาพการณ์ทั้งหลายที่ปรากฏออกมาในสังคมมนุษย์ในปัจจุบัน คล้ายกับรูปการของการเจิ้งฝ่าของจักรวาลมาก ยิ่งกระจ่างชัดขึ้นเรื่อยๆแล้ว ข้าพเจ้าคิดว่ารูปการนี้อาจจะเปลี่ยนแปลงเร็วยิ่งขึ้น  หลังจากฝ่าปรับโลกมนุษย์เริ่มขึ้น นั่นก็เกี่ยวพันถึงคนอย่างแท้จริงแล้ว  เมื่อเริ่มการเจิ้งฝ่า ส่วนของตรีภูมินี้ได้(ถูก)ห่อหุ้มเอาไว้แล้ว เช่นนี้แล้วตรีภูมิกับเทียนถี่ของจักรวาลเดิมก็แยกออกจากกันแล้ว  สรรพชีวิตข้างบนกับข้างล่างไม่อาจติดต่อสัมผัสกันได้ ต่อไปเรื่องใดๆของคนกับของข้างนอกตรีภูมิก็ไม่สัมพันธ์กันแล้ว  สรรพชีวิตข้างนอกตรีภูมิยุคใกล้ก็มองเห็นทั้งหมดนี้แล้ว  จึงลงมาจุติกันมากมายก่อนการเจิ้งฝ่า  ดังนั้นมองไปแล้วคนก็ยังคงเป็นหนังผืนนี้ของคน  ที่จริงแล้วข้างในหนังของคนล้วนไม่ใช่คนแต่เดิมแล้ว   มีชีวิตชั้นสูงมากมายมารับฝ่า จุติลงมาเป็นคน  และมีจำนวนมากที่เป็นชีวิตในเทียนถี่ที่แตกต่างกันในจักรวาลอันไกลโพ้น   ที่จริงในการยืนยันความถูกต้องของฝ่าของศิษย์ต้าฝ่าในครั้งนี้  ยังมีคนมากมายที่สมควรได้รับฝ่า  แต่เพราะเหตุต่างๆนานา ได้ถูกอิทธิพลเก่ากั้นเอาไว้ตั้งแต่เริ่มแรก  ไม่ยอมให้พวกเขาได้รับฝ่า  และยังมีจำนวนหนึ่งในระหว่างการประทุษร้ายครั้งนี้ยังได้ทำบาปกรรมที่ไม่อาจชดใช้ได้  ซึ่งต้องเผชิญกับการถูกคัดทิ้งไป   และมีอีกจำนวนหนึ่งไม่ได้ทำบาปต่อต้าฝ่าแต่ก็บำเพ็ญไม่ได้แล้ว  จะเป็นคนในศักราชใหม่  เหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องในอนาคต

ต่อไปจะขอถือโอกาสพูดเรื่องหนึ่ง เมื่อเร็วๆนี้มีศิษย์ต้าฝ่ามากมายได้เขียนหนังสือออกมาจำนวนหนึ่ง  ข้าพเจ้าได้ดูคร่าวๆของบางคน  จุดมุ่งหมายนั้นดี  มีจำนวนมากเป็นเรื่องการบำเพ็ญกับการถูกทำร้ายและการคัดค้านการประทุษร้าย   แต่ว่าไม่ควรเผยแพร่ในหมู่ศิษย์ต้าฝ่า นี่เป็นเงื่อนไขที่แน่นอน  ท่านทั้งหลายใช้รูปแบบของหนังสือเพื่อการยืนยันความถูกต้องของฝ่า เพื่อช่วยเหลือชาวโลก  ที่ทำคือสิ่งที่ศิษย์ต้าฝ่าควรทำ  แต่ว่าท่านทั้งหลายล้วนทราบว่า  ศิษย์ต้าฝ่าจะหยวนหมั่น  ดังนั้นเรื่องใดๆก็ไม่สามารถรบกวน รูปแบบการยืนยันความถูกต้องของฝ่าของศิษย์ต้าฝ่าในวันนี้ นี่เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง  นอกจากการศึกษาฝ่า  สิ่งใดๆก็ไม่ให้สอดแทรกเข้ามา  ดังนั้นสิ่งของใดๆ ที่ไม่ถือว่าเป็นของต้าฝ่าเอง ไม่ให้เผยแพร่ในหมู่ศิษย์ต้าฝ่าอย่างเด็ดขาด    ต้องไม่ก่อการรบกวนต่อศิษย์ต้าฝ่าอย่างเด็ดขาด

ที่ผ่านมาข้าพเจ้าเคยพูดปัญหาเหล่านี้ไปแล้ว วันนี้ภายใต้สภาพการณ์และสภาพแวดล้อมพิเศษ และยังมีรูปแบบเฉพาะของการถูกประทุษร้ายนี้เกิดขึ้น ดังนั้นข้าพเจ้าจึงพูดเรื่องนี้อีกครั้ง หนังสือเหล่านี้สามารถนำไปดำเนินการในสังคมคนธรรมดาสามัญ  ศิษย์ต้าฝ่าก็สามารถช่วยและใช้สื่อที่ศิษย์ต้าฝ่าทำเพื่อโฆษณา  และสามารถเผยแพร่ให้กว้างขวางในสังคมคนธรรมดาสามัญ ท่านทั้งหลายสามารถร่วมมือกันทำ ล้วนเป็นเรื่องดี   เพียงแต่ไม่ให้ก่อให้เกิดความหวั่นไหวในหมู่ศิษย์ต้าฝ่า  ต่อไปในการประชุมฝ่าฮุ่ย  นอกจากหนังสือของต้าฝ่า  เอกสารข้อมูลใดๆ โสตทัศนูปกรณ์เป็นต้น ที่ไม่ใช่เป็นของฝ่าเอง   ล้วนอย่านำมาจำหน่ายในที่ประชุมฝ่าฮุ่ย  ยิ่งไม่อาจถือเอาการประชุมฝ่าฮุ่ยและผู้ฝึกเป็นตลาด  ไม่ให้หาเงินกับศิษย์ต้าฝ่า  เอกสารข้อมูลการเผยแพร่ฝ่าและอธิบายความจริงต้องผลักสู่สังคม  ให้เป็นเช่นนี้

ต่อไปจะใช้ช่วงเวลาหนึ่งตอบคำถามให้กับทุกท่าน (เสียงปรบมือ) ท่านทั้งหลาย ส่งคำถามขึ้นมาได้ ตอนนี้เริ่มต้นได้

ศิษย์           จะใช้กฎหมายจัดการกับปัญหาพฤติกรรมของตำรวจฝรั่งเศสได้ไหม

อาจารย์      ในระหว่างการเยือนประเทศฝรั่งเศสของผู้นำจีน  ท่านทั้งหลายไปร้องเรียน ขณะเดียวกันก็แสดงความยินดีต้อนรับ เดิมทีก็เป็นเรื่องที่ดี แต่อันธพาลกลุ่มหนึ่งของพวกที่ประทุษร้ายฝ่าหลุนกง ก็อยากจะสร้างเหตุยุ่งยาก ทำให้ตำรวจฝรั่งเศสที่ไม่เข้าใจความจริง ทำการรบกวนต่อผู้ฝึก เรื่องนี้โดยตัวมันเองแน่นอนว่าเป็นสิ่งที่(ฝีมือ)พวกชั่วร้ายทำออกมา คืออันธพาลกลุ่มนั้นที่ประทุษร้ายฝ่าหลุนกงทำออกมา ในฐานะประเทศประชาธิปไตยที่ยึดถือกฎหมายเป็นสำคัญ ไปฟังอีกประเทศหนึ่งทุกอย่าง ฟังรัฐบาลที่ถูกสิ่งชั่วร้ายควบคุม ชี้นำการละเมิดสิทธิมนุษยชนเรื่องนี้สำหรับประเทศที่สนับสนุนประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน   ข้าพเจ้าคิดว่าไม่ใช่เรื่องที่มีเกียรติอะไร การใช้กฎหมายจัดการปัญหานี้ก็ถูกต้อง

ศิษย์           ศิษย์ต้าฝ่าประเทศไทย ฝากความระลึกถึงท่านอาจารย์

อาจารย์      ขอบใจท่านทั้งหลาย

ศิษย์           มีผู้ฝึกบางคนไม่มีความสุขุมรอบคอบในการอธิบายความจริง พูดจาเกินขอบเขต

อาจารย์      ศิษย์ต้าฝ่าเรา ไม่ว่าทำเรื่องอะไรต้องใช้ความดีงามสุขุมรอบคอบไปทำ ไม่ว่าจะอธิบายความจริงกับคนหรือเข้าร่วมกิจกรรมอะไร ล้วนต้องให้คนเห็นความดีงาม ความมีเมตตาของศิษย์ต้าฝ่า อย่าทำเรื่องอะไรที่เกินเลย ในการช่วยเหลือสรรพชีวิต อธิบายความจริง ท่านไปพูดกับผู้คนอย่างเกินเลยก็ไม่อาจเกิดผลที่ดีได้ เพราะความไม่เมตตาของท่านไม่อาจทำให้องค์ประกอบของสิ่งชั่วร้ายเหล่านั้นในความคิดของคนที่ถูกพิษร้ายสลายไปได้ ดังนั้นท่านก็ไม่สามารถก่อให้เกิดประสิทธิผลด้านตรง

            ข้าพเจ้าเคยพูดกับท่านว่า ความเมตตานั้นไม่ใช่จะแสร้งทำออกมาได้ และก็ไม่ใช่สภาพการณ์ที่ทำกันแต่เปลือกนอก ความเมตตานั้นเป็นสิ่งที่แสดงออกมาจากใจข้างใน ต้องผ่านการบำเพ็ญจึงจะทำได้  จึงจะปรากฏออกมาได้ อยู่ต่อหน้าสรรพชีวิต คำพูดของท่านพอออกมาจากปาก พอความคิดของท่านเคลื่อนไหว ก็สามารถทำให้องค์ประกอบ(ความคิด)ที่ไม่ดีสลายไป จึงสามารถทำให้สิ่งที่เป็นพิษต่อชาวโลก สิ่งที่ไม่ดีในองค์ประกอบในความคิดของคนสลายไป  จากนั้นคนจึงค่อยเข้าใจ ท่านก็สามารถช่วยเขาได้ ท่านไม่มีแรงพลังที่แข็งแกร่งของความเมตตาที่แท้จริง ท่านก็ไม่อาจทำให้มันสลายไป ในการอธิบายความจริงของท่านก็ไม่เกิดผล โดยเฉพาะที่ทำอย่างสุดขั้ว ข้าพเจ้าขอบอกท่านทั้งหลาย ไม่อาจส่งผลที่ดีได้โดยสิ้นเชิง ก็เพราะความสามารถของการบำเพ็ญของท่านออกมาไม่ได้ ความเมตตาของท่านปรากฏออกมาไม่ได้ ดังนั้นเรื่องใดๆล้วนอย่าได้มีความคิดที่เป็นปฏิปักษ์ ต่อสู้กับคนเขา นี่ล้วนเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง อย่าได้สุดขั้ว แม้จะไปที่สถานกงสุล ก็ต้องปฏิบัติต่อคนด้วยความเมตตากรุณา  ซึ่งปฏิบัติต่างกับชีวิตที่ชั่วร้าย  ในการฟาเจิ้งเนี่ยนของพวกเรา ต้องชำระล้างสิ่งชั่วร้ายที่ไม่ใช่มนุษย์ พวกผีปีศาจที่ประทุษร้าย ปีศาจทรามเหล่านั้น พวกสมุนดำ พวกท่านปฏิบัติต่อมันอย่างไรก็ไม่มีปัญหา แต่ต่อคนต้องใช้ความเมตตา ช่วยเหลือคนมิใช่หรือ ช่วยชาวโลกมิใช่หรือ ดังนั้นจะช่วยคนได้ไหมถ้าไม่เมตตาต่อคน

ศิษย์           ชีวิตเกิดขึ้นมากๆแล้ว บางชีวิตก็เกิดความเห็นแก่ตัวขึ้นมาจนตกลงไป นี่เป็นปัจจัยเดียวของความเสื่อมของจักรวาลใช่ไหม ในอนาคตยังจะมีชีวิตมากมายอย่างนี้อีกไหม

อาจารย์      ความเห็นแก่ตัวเป็นคุณสมบัติมูลฐานของจักรวาลในอดีต เกิดขึ้น ตั้งอยู่ เสื่อมไป ดับสูญ เกิดแก่เจ็บตาย ก็เป็นคุณสมบัติที่นำมาซึ่งลักษณะที่แน่นอน ฝ่าในอนาคตนั้นกลมกลืนสมบูรณ์ เป็นไปเพื่อส่วนรวม เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของคุณสมบัติมูลฐานของจักรวาล ก็ทำให้ขั้นตอน(กระบวนการ)ของจักรวาล ลักษณะพิเศษของชีวิต เกิดการเปลี่ยนแปลงโดยมูลฐานเช่นกัน คุณสมบัติมูลฐานของจักรวาลได้กำหนดสภาพมูลฐานของจักรวาล ความไม่บริสุทธิ์ของชีวิต จนกระทั่งชีวิตที่เสื่อมไปแล้วตกลงไปนั้นเกิดขึ้นจาก(กฎ)การเกิดขึ้น ตั้งอยู่ เสื่อมไป ดับสูญ การเกิดขึ้น ตั้งอยู่ เสื่อมไป ดับสูญโดยตัวเองนั้นกำหนดโดยคุณสมบัติมูลฐานของจักรวาล แต่ดูประหนึ่งไม่เกี่ยวโยงโดยตรงกับคุณสมบัติมูลฐาน

            ตอนนี้ท่านใช้ความคิดของคน คิดเรื่องของเทพ ซึ่งไม่ใช่เช่นนี้ เนื่องจากชีวิตของจักรวาลจะมากหรือน้อยนั้นมีตัวเลขกำหนดไว้แล้ว ไม่เกี่ยวกับว่าชีวิตจะเสื่อมไปหรือไม่

ไม่มีที่ไหนไม่มีเทพ ไม่มีที่ไหนไม่มีชีวิต มากจนเหลือคณานับ ท่านทั้งหลายทราบไหม ในอากาศนี้มีอนุภาคมากมายเท่าไร ที่ประกอบขึ้นมาเป็นอากาศ ที่พวกเราลืมตามองเห็น วัตถุทั้งปวงนั้น ล้วนมาจากอนุภาคระดับจุลภาค   อนุภาคที่เล็กกว่าประกอบขึ้นมาเป็นอนุภาคที่ใหญ่กว่าหนึ่งชั้น  อนุภาคแต่ละระดับชั้นล้วนมีชีวิต และแต่ละระดับชั้นอนุภาคยังมีกลุ่มชีวิตที่ใหญ่มหึมา ปรากฏอยู่ในมิติต่างๆกัน ซึ่งใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ปัจจุบันมองไม่เห็น   แต่ว่ามันดำรงอยู่จริง  ซึ่งมีมากถึงระดับนี้  หากหยิบผิวดินเม็ดหนึ่งขึ้นมา  บนนั้นก็มีชีวิตนับไม่ถ้วน  นี่ไม่ใช่หมายถึงจุลินทรีย์  หากท่านนำอณูนั้นมาขยายให้ใหญ่เท่าโลก  ท่านลองดูซิว่าบนนั้นมีชีวิตสักเท่าไร  ผิวดินเม็ดนี้ยังไม่ใช่อนุภาคที่เล็กที่สุด  อนุภาคที่เล็กยิ่งกว่า ยิ่งเล็กๆๆๆลงไปอีก  เล็กจนแทบจะไม่มีที่สิ้นสุด  นี่เป็นการพูดจากระดับจุลภาค  แล้วอนุภาคที่ใหญ่ยิ่งขึ้นละ  ที่ใหญ่กว่าโมเลกุล   เทียนถี่(ร่างจักรวาล)อันมหึมาระดับมหภาคที่ใหญ่ยิ่งกว่า มีชีวิตอยู่เท่าไรละ  ทั้งหมดนั้นจะมีชีวิตมากสักเท่าไร  จักรวาลเป็นสิ่งที่หลากหลาย  เป็นเทียนถี่ที่มหึมาไร้ที่เปรียบ  ทั้งหมดล้วนมีชีวิต  ทั้งหมดล้วนคือชีวิต  ชีวิตมีมากเสียจนเต็มทั่วไปหมด   ชีวิตดีหรือไม่ดี ไม่เกี่ยวข้องกับว่ามีมากหรือน้อย   วันเวลาของชีวิตหนึ่งๆจะสั้นหรือยาว  ก็เพราะกำหนดโดยคุณสมบัติพิเศษของจักรวาลเก่า   ที่ผ่านมาก็คือสร้างขึ้นมาโดยกฎของการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ เสื่อมไป ดับสูญ    ฝ่าในอนาคตนั้นจะกลมกลืนบริบูรณ์

ศิษย์           รูปลักษณ์ในปัจจุบัน กับ จิตหลัก(หยวนเสิน) และรูปลักษณ์ หลังจากการบำเพ็ญสำเร็จเหมือนกันหรือไม่

อาจารย์      ปัญหานี้เคยพูดแล้ว ยิ่งสูงขึ้นไปยิ่งงดงาม   ยิ่งอ่อนวัย  ดูไปก็คล้ายท่าน    วันนี้ไม่ว่าท่านอยู่ในวัยชรา  วัยกลางคน หรือวัยหนุ่มสาว    บางทีจิตหลักของท่านล้วนไม่ใช่เช่นนี้ แต่ยิ่งสูงขึ้นไปยิ่งงดงาม ยิ่งสวยงาม จุดนี้เป็นเรื่องแน่นอน งดงามมิใช่หรือ ดีงามก็รวมถึงสวยงามด้วยใช่ไหม ดังนั้นพอไปถึงระดับชั้นสูงมาก สมมติว่าบำเพ็ญไปถึงขั้นนั้น จะรู้สึกว่าสวยงามจนไม่เหมือนกับขณะนี้เลย ไม่เหมือนคนบนโลกโดยสิ้นเชิง เป็นเขตแดนที่ปรากฏออกมาซึ่งเกิดขึ้นจากการที่คนเลื่อนขึ้นไปถึงที่นั่น

ศิษย์           สนามพลังในร่างกาย ส่วนไหนแรงเป็นพิเศษ (เสียงที่ประชุมหัวเราะ)

อาจารย์      เป็นคำถามของผู้ฝึกใหม่กระมัง    ไม่แบ่งว่าตรงไหน   แรงเท่าๆกันทั้งนั้น  เพียงแต่ร่างกายของท่านส่วนที่มีความรู้สึกไวแตกต่างกัน ส่วนไหนรู้สึกไว ท่านรู้สึกตรงไหนแรงหรือ การเปลี่ยนแปลงของร่างกายจากผลของพลังนั้นเหมือนกัน

ศิษย์           ในจีนแผ่นดินใหญ่ มีผู้ฝึกที่ไม่ออกมาเพราะมีจิตหวาดกลัว อนาคตของพวกเขาจะเป็นเช่นไร

อาจารย์  เรื่องเหล่านี้ข้าพเจ้ายังไม่คิดจะสรุปในตอนนี้ ที่จริงท่านทั้งหลายก็กระจ่างชัดแล้วว่า คนๆหนึ่งได้รับประโยชน์จากต้าฝ่า เมื่อต้าฝ่าตกอยู่ในความยากลำบาก เพื่อที่จะรักษาตัวรอด ไม่ยอมพูดความจริงสักคำ คนๆนี้ควรช่วยเหลือไหม ขอยกตัวอย่างง่ายๆสักตัวอย่างหนึ่ง เมื่อมองเห็นคนๆหนึ่งพบกับอันตราย ได้ให้ความช่วยเหลือเขาแล้ว พอหันกลับมาดูก็เห็นว่าคนที่ช่วยเหลือเขา ก็ได้รับความยากลำบากอยู่ แต่เขากลับวางเฉยไม่สนใจ นั่นเป็นคนดีไหม ชีวิตที่ต้าฝ่าช่วยเหลือ ชีวิตใหม่ที่ต้าฝ่ามอบให้ เมื่อศิษย์ต้าฝ่าล้วนถูกประทุษร้าย เมื่อการประทุษร้ายต้าฝ่าเกิดขึ้น ท่านกลับไม่สามารถปกป้องต้าฝ่า นั่นเป็นศิษย์ต้าฝ่าไหม แม้แต่เป็นแค่คนดีคนหนึ่งก็ยังไม่ได้แล้ว แต่ท่านเคยได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง ในสายตาของเทพนี่เป็นชีวิตที่แย่ที่สุด แย่ยิ่งกว่าพวกที่ประทุษร้ายต้าฝ่าโดยตรงเสียอีก เพราะคนที่ประทุษร้ายต้าฝ่า เขาไม่เคยได้รับประโยชน์จากฝ่า ดังนั้นเขาจึงแย่ยิ่งกว่าคนเลวพวกนั้น โดยเฉพาะนี่เป็นต้าฝ่าที่สร้างสรรค์ชีวิตทั้งปวงของจักรวาล พูดถึงว่าจะจัดการอย่างไร นั่นก็มีมาตรฐานของฝ่า

ศิษย์           “ขจัดสิ้นความคิดเหลวไหล บำเพ็ญพุทธะไม่ยาก” ความคิดเหลวไหลในประโยคนี้หมายถึงกรรมทางความคิดใช่หรือไม่

อาจารย์  ใช่ สิ่งที่กรรมทางความคิดสะท้อนออกมามากที่สุดก็คือความคิดเหลวไหลเลอะเทอะ คิดโน่นคิดนี่สะเปะสะปะ ล้วนแต่เป็นจิตยึดติดของคน ส่วนมากคือคิดอยากได้ในสิ่งที่พึงพอใจ คิดเหลวไหลในสิ่งที่อยากได้แต่ไม่ได้ ดังนั้นจึงเป็นความคิดเหลวไหล  เปลืองความคิดเปล่าๆ (หัวเราะ) ก็เป็นความหมายเหล่านี้

ศิษย์           แง่มุมการรายงานข่าวของไต้หวัน       จะวางน้ำหนักในการเปรียบเทียบระหว่างสองฝั่ง  (ไต้หวัน-จีน)  อย่างไรดี

อาจารย์      แง่มุมการรายงานข่าวของไต้หวัน จะวางน้ำหนักในการเปรียบเทียบระหว่างสองฝั่ง (ไต้หวัน-จีน) อย่างไรดี เขียนไม่ชัดเจน ที่แท้ท่านต้องการจะพูดว่า ท่าทีที่ต่างกันต่อปัญหาฝ่าหลุนกง จะเปรียบเทียบอย่างไรดีใช่ไหม  ท่าทีของสองฝั่งโดยตัวมันเองก็คือการเปรียบเทียบกันอยู่แล้ว มีบรรพบุรุษร่วมกัน วัฒนธรรมเหมือนกัน สองแผ่นดินมีท่าทีต่อต้าฝ่าสองแบบ นั่นไม่ใช่การเปรียบเทียบโดยตัวมันเองหรอกหรือ  ในบทความอธิบายความจริงสามารถใช้วิธีการเปรียบเทียบให้ชาวโลกเห็นได้

ศิษย์           กับกลุ่มนายทุนใหญ่ จะไปอธิบายความจริงกับเขาอย่างไรดี

อาจารย์  มาถึงเดี๋ยวนี้แล้ว ข้าพเจ้าไม่แบ่งแยกว่าเขาเป็นกลุ่มนายทุนใหญ่ หรือกลุ่มนายทุนเล็ก ถ้าเพียงเป็นผู้ที่สมควรช่วยเหลือ พวกเราก็ช่วย  ที่ควรทำพวกท่านก็ไปทำ สามารถช่วยได้ก็ช่วย สามารถทำได้ก็ไปทำ คิดจะรับการช่วยเหลือหรือไม่ นั่นก็เป็นเรื่องของ ตัวเขาเอง

ศิษย์           ในเขต(พื้นที่)ของเรามีศิษย์ต้าฝ่าคนหนึ่ง เนื่องจากยุ่ง (ง่วนอยู่) กับงานของต้าฝ่ามาก จนละเลยความรับผิดชอบต่อครอบครัว

อาจารย์      ผู้ฝึกที่ถามดูเหมือนก็มีจิตยึดติด อย่ายืมใช้คำพูดของอาจารย์ สิ่งที่ข้าพเจ้าบอกกับพวกท่านคือ อยู่ที่ไหนก็ต้องเป็นคนดีคนหนึ่ง  ต้องให้พวกเขาเห็นว่าท่านเป็นศิษย์ต้าฝ่า เรื่องของครอบครัวก็ต้องจัดการให้ดี เรื่องของที่ทำงานต้องจัดการให้ดี การเป็นศิษย์ต้าฝ่านะ ท่านบำเพ็ญได้เป็นเช่นไรต่อหน้าชาวโลกก็จะแสดงออกมาในด้านต่างๆเหล่านี้ ท่านพูดว่าฉันบำเพ็ญได้ดี ฉันเป็นศิษย์ต้าฝ่า แต่ท่านกลับแสดงออกมาได้ไม่ดีในด้านต่างๆเหล่านี้ เช่นนั้นจะแสดงให้เห็นว่าท่านบำเพ็ญได้ดีได้อย่างไรล่ะ (หัวเราะ) ใช่หรือไม่ แน่นอนล่ะศิษย์ต้าฝ่าเราบางคนบำเพ็ญได้ดี เพียงแต่ว่าไม่ได้สนใจเรื่องเหล่านี้ แต่สภาพการบำเพ็ญที่ดีไม่ใช่สิ่งที่จะจงใจแสดงออกมาได้ เป็นสิ่งที่ติดตัวผู้บำเพ็ญเอง

ศิษย์           หัวหน้ามารที่อิทธิพลเก่าเลือกขึ้นมา ประวัติศาสตร์ของมันย่อมไม่มีเกียรติอะไร ท่านอาจารย์กรุณาเล่าความเป็นมาของมันได้หรือไม่

อาจารย์  ที่จริงมันไม่มีความเป็นมาอะไร ก็คือชี่ชั่วร้ายที่ออกมาจากศพที่เน่าเปื่อยเป็นพันปี กลายเป็นตัวอ่อนคางคกและถูกอิทธิพลเก่าคัดเลือก     มันมีจิตใจคับแคบอิจฉาริษยา ความสัมพันธ์ในแวดวงราชการบ่มเพาะจนมันกลั่นแกล้งคน ซ่องสุมพวกพ้อง ในใจไม่มีปณิธานใหญ่โตอะไร ประจบสอพลอแบบพวกลิ่วล้อ อิทธิพลเก่ารู้สึกว่ามันบรรลุข้อกำหนดกากเดนมนุษย์อย่างครบถ้วน ไม่มีอะไรเลวกว่า ครบเครื่องเรื่องความชั่ว  จึงชอบมันเกินกว่าจะวางลงได้   เมื่อถึงเวลาย่อมใช้การได้ดี คือสิ่งที่อิทธิพลเก่าคัดเลือกมา  และผ่านการสร้างขึ้นมาโดยมีเจตนา  เวลาที่คัดเลือกก็ต้องชั่วร้ายโง่เง่า ดังนั้นการแสดงออกของมันทั้งหมดล้วนเป็นเช่นนี้

ศิษย์           กรุณาพูดเรื่องการฟาเจิ้งเนี่ยน(ส่งความคิดที่ถูกต้อง) และความหมายของการร้องเรียนหน้าสถานกงสุล ให้พวกเราฟังอีกครั้ง ทุกวันพวกเราไปฝึกพลังอยู่หน้าสถานกงสุล ลมฝนไม่เป็นอุปสรรค แม้ว่าสภาพแวดล้อมจะไม่ดี ทุกคนก็ไม่หวั่นไหว

อาจารย์  สถานกงสุลของแต่ละประเทศคือหน้าต่างของพวกเขา นั่นเป็นที่ๆชาวจีนในต่างประเทศใช้แสดงความคิดเห็น ย่อมไปได้แน่นอน ที่นั่นก็มีคนที่ท่านจะช่วยเหลือได้ ดังนั้นจึงมีความหมายมาก โดยเฉพาะทุกอย่างที่พวกท่านทำ ชาวโลกก็จะเห็น แต่ว่าเป็นศิษย์ต้าฝ่าช่างลำบากจริงๆ ฤดูหนาวของภาคเหนือนั้นหนาวเย็นมาก ลมหนาว เย็นเข้าถึงกระดูก เหล่าศิษย์ต้าฝ่ายังยืนหยัดอยู่ที่นั่น ยอดเยี่ยมมาก ยอดเยี่ยมจริงๆ แต่ละคนล้วนกำลังเดินบนหนทางยืนยันความเป็นจริงให้ฝ่าของตนเอง ผู้ฝึกเหล่านั้นก็กำลังเดินบนทางของตนเองในการยืนยันความถูกต้องของฝ่า

ศิษย์           ท่านอาจารย์มักพูดถึงธรรมานุภาพของศิษย์ต้าฝ่า แน่นอนข้าพเจ้าเชื่อในสิ่งที่ท่านกล่าวทั้งหมด แต่ยากจริงๆที่จะเห็นพลานุภาพของการทำเรื่องเล็กๆน้อยๆทั้งหลายของพวกเรา ดูไปก็เป็นเพียงน้ำหยดหนึ่งในสายธารใหญ่ที่เชี่ยวกราก ผมจะศึกษาฝ่าต่อไป อะไรก็ล้วนสามารถเข้าใจได้จากในฝ่าทั้งหมด?

อาจารย์  ความรู้สึกก็จะเป็นเช่นนี้ เพราะว่าโดยพื้นฐานชีวิตทั้งหมดในสังคมมนุษย์ล้วนแต่อยู่ในวังวน โดยเฉพาะมนุษย์หลงอยู่ในวังวนหนักที่สุด ข้าพเจ้าเคยบอกจุดมุ่งหมายให้ท่านทั้งหลายแล้ว ก็คือจะให้โอกาสคนสักครั้งหวนกลับคืนไปจากในวังวนนี้  คือโอกาสในการบำเพ็ญ ในเวลาที่มองไม่เห็นความจริงคนยังสามารถทำดีได้ โดยเฉพาะการยืนหยัดบำเพ็ญในกองทุกข์ นี่คือจุดสำคัญ(กุญแจ)ที่สามารถกลับคืนไปได้ ถ้าคนมองเห็นความจริงของจักรวาลหมดแล้ว และเห็นการดำรงอยู่ของเทพ อย่างนั้นทุกๆคนก็ล้วนทำความดีกันหมด และไม่ต้องพูดถึงการให้โอกาสอะไรแก่คนแล้ว ไม่จำเป็นต้องช่วยเหลือคนแล้ว ทุกๆคนก็จะคิดหาวิธีทำความดี แต่ละวันเขาก็ไม่ทำอะไรแล้ว อะไรก็ไม่เอาแล้ว ล้วนแต่จะไปบำเพ็ญกันหมด ในสภาพเช่นนั้นยังจะนับว่าเป็นการบำเพ็ญหรือ? แม้สามารถบำเพ็ญ ข้าพเจ้าว่าการบำเพ็ญนั้นก็ต้องช้ามากๆ  เพราะเขามองเห็นภาพจริงแล้ว เทพที่อยู่ตรงนั้น ตรงนั้นก็คือเป้าหมาย เดินไปเถอะ เมื่อไหร่เดินถึงที่สุดก็เมื่อนั้น แต่ว่าอยู่ในวังวนนี้  ที่มองไม่เห็นปลายทาง มองไม่เห็นเป้าหมายของท่าน กระทั่งเรื่องยิ่งใหญ่ที่ท่านทำนั้นก็มองไม่เห็น  ผลที่เกิดขึ้นจากมัน (การกระทำนั้น)  อยู่ภายใต้ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้    ท่านสามารถก้าวออกมา ท่านสามารถบำเพ็ญออกมา เทพก็จะเลื่อมใส ต่างก็เห็นว่า ท่านอยู่ในความยากลำบากเช่นนี้ อยู่ในวังวนอย่างนี้ อยู่ในท่ามกลางการรบกวนนานาชนิด ท่ามกลางชื่อเสียงผลประโยชน์ที่ยั่วยวนนี้ กลับหลุดพ้นออกมาได้ ท่านสามารถเดินออกมาจากความเป็นคน เทพจึงจะเลื่อมใส จึงจะถือว่าท่านยอดเยี่ยม สมภาคภูมิที่ท่านสามารถสำเร็จเป็นเทพ นี่ก็คือธรรมานุภาพ หากไม่ใช่เช่นนี้   ตรีภูมินี้และมนุษย์นี้ก็จะเหมือนกับระดับชั้นอื่นๆของจักรวาลแล้ว ทุกๆระดับชั้นล้วนสามารถรู้ความจริง เช่นนั้นที่นี่ก็ไม่ใช่มนุษย์แล้ว ที่นี่ก็จะเป็นโลกของเทพ อย่างน้อยที่สุดก็สามารถพูดได้ว่านี่เป็นระดับชั้นต่ำที่สุดของเทพ ไม่ใช่ระดับชั้นต่ำที่สุดของชีวิตคนชั้นนี้  ก็เป็นความสัมพันธ์เช่นนี้  ศิษย์ต้าฝ่าวันนี้สามารถทำได้ดีในสิ่งที่ตนสมควรทำ สามารถก้าวออกมาจากความลำบากยากเข็ญ (พายุลมฝน) ในช่วงหลายปีมานี้ ในอนาคตพวกท่านก็จะมองเห็นทั้งหมดนั้น จงเห็นคุณค่าเถอะ ท่านทั้งหลายจะต้องเห็นคุณค่าในหนทางที่ตนเดินผ่านมา ฉะนั้นทางข้างหน้าก็จะต้องเดินให้ดี (เสียงปรบมือ)

ศิษย์           อักษร “เปย”ในคำว่า “ฉือเปย”(ความเมตตา) จะเข้าใจอย่างไรดี?

อาจารย์      การไขความหมายของคำไม่ใช่จุดประสงค์ในการถ่ายทอดต้าฝ่าของข้าพเจ้า เพราะนี่เป็นเรื่องเล็กน้อยเกินไป เล็กจนไม่ใช่อะไรทั้งนั้น ขอมอบคำพูดสองประโยคให้ท่านทั้งหลาย “ก็เป็นเพียงแค่ใจคนเท่านั้น  มีใจไม่ใช่เปย”

            ในสังคมมนุษย์ ในช่วงเวลาอันยาวนาน ข้าพเจ้าขอบอกท่านทั้งหลาย ประเทศจีนคือเวทีใหญ่แห่งการร้องละครประวัติศาสตร์ครั้งนี้  ตลอดหลายพันปีมานี้มีการวางรากฐานให้แก่คน ทุกสิ่งที่คนควรมีในอนาคตในเวลาที่จะได้รับฝ่าได้แก่ วัฒนธรรม วิธีคิด พฤติกรรม สภาพการดำรงชีวิต   พื้นฐานที่จะสามารถรับรู้ เข้าใจฝ่า รวมทั้งการถูกจิตยึดติดชักนำในวังวนนี้  มองไม่เห็นความจริง อีกทั้งเพียงแต่ให้เกิดความคิดที่ถูกต้องจากการศึกษาฝ่าก็สามารถจะก้าวออกมาได้ สิ่งที่สร้างขึ้นมาก็คือสภาพแวดล้อมแบบนี้ ได้มีการทุ่มเทอย่างมากมาย ในการสร้างมนุษย์ในทุกวันนี้ขึ้นมา แต่เนื่องมาจากการรบกวนของอิทธิพลเก่า นี่จึงไม่ใช่สภาพที่ดีที่สุดอีกแล้ว ข้าพเจ้าเพียงแต่ใช้(มัน)ให้ดีงาม(ซั่นโย่ง)เท่านั้น มีผู้ฝึกผิวขาว ผิวดำ ผู้ฝึกชนชาติอื่นๆหลายคน ทุกวันนี้ท่านไม่ได้อยู่ในสภาพแวดล้อมอย่างในจีนแผ่นดินใหญ่ แต่ข้าพเจ้าขอบอกพวกท่าน ในประวัติศาสตร์ คนบนโลกเกือบจะทุกคน ล้วนออกมาจากจีนแผ่นดินใหญ่ตรงนั้น (เสียงปรบมือ) ความนึกคิดของท่านไม่เหมือนกับชาวจีนทุกวันนี้ แต่ว่าในประวัติศาสตร์ ท่านเคยมีรากฐานของความคิดแบบนั้น ในส่วนลึกของชีวิตท่านสามารถรู้ได้ หรือกล่าวได้ว่า ฝ่าที่ข้าพเจ้าถ่ายทอดในวันนี้ท่านสามารถเข้าใจได้ ตัวหนังสือชั้นผิวนอกล้วนต่างกัน แต่แฝงความนัยไว้เหมือนกัน ท่านสามารถรู้ถึงความหมายภายในของฝ่า สามารถเข้าใจความหมายภายในของฝ่า ดังนั้นในการบำเพ็ญไม่ได้รับผลกระทบ

            ดังนั้นคำว่า “ฉือเปย” นี้ สร้างขึ้นมาท่ามกลางการวางรากฐานวัฒนธรรมให้กับมนุษย์  “ฉือเปย” อธิบายสภาพการแสดงออกของเทพที่อยู่เหนืออารมณ์ความรู้สึกของคน แน่นอนล่ะ “ฉือเปย” (เมตตา) อักษรสองตัวนี้ เดี๋ยวนี้ในสังคมคนธรรมดาสามัญก็ใช้กันอยู่ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่คนสามารถทำได้ สิ่งนี้เกิดจากความสับสนของวัฒนธรรมในปัจจุบัน คนไม่เชื่อเรื่องเทพแล้ว คนไม่เข้าใจการบำเพ็ญแล้ว คนกล้าลบหลู่พระพุทธ ลบหลู่ธรรมะ ลบหลู่เทพ นำคำศัพท์ในเรื่องการบำเพ็ญมาใช้ในหมู่คนธรรมดาสามัญ คนต่างก็ทำกันแล้ว แต่ว่ามันไม่ใช่คำศัพท์ในหมู่คนธรรมดาสามัญ เพียงแต่คนธรรมดาสามัญนำมาใช้

ศิษย์           “ประชาชนทั้งหมดจะต่อต้านมัน”  สามารถพูดเพิ่มเติมอีกเล็กน้อยได้ไหมครับ?

อาจารย์      ความลับสวรรค์ไม่สามารถเผยออกมาเร็วเกินไป (หัวเราะ) (ที่ประชุมหัวเราะ ปรบมือ) แต่ก่อนข้าพเจ้าเคยพูดกับพวกท่านว่า การประทุษร้ายต่อฝ่าหลุนกงก่อให้เกิดความเข้าใจผิดของชาวจีนต่อฝ่าหลุนกง  หรือพูดว่า คนจำนวนมากแม้ไม่เข้าใจฝ่าหลุนกง แต่ทุกๆคนล้วนด่าหัวโจกมารนั้น ขณะนี้เป็นเช่นนี้ใช่ไหม (เสียงปรบมือ)

ศิษย์           ในระยะนี้ศิษย์มักจะต่อสู้กับองค์ประกอบที่แรงชนิดหนึ่ง รู้สึกรับไม่ไหว ทำให้กายใจอ่อนล้า

อาจารย์  ฟาเจิ้งเนี่ยน ขจัด “สมุนดำ” ปัจจุบันนี้หากศิษย์ต้าฝ่ามีสิ่งผิดปกติปรากฏออกมาในระหว่างการยืนยันความถูกต้องของฝ่า และการรบกวนอย่างต่อเนื่องแล้ว ย่อมต้องเป็นการกระทำของพวกสมุนดำแน่นอน ในการขจัดทิ้งต้องสลายพวกมันให้ถึงที่สุด แต่ผู้ฝึกที่ได้ฝ่าช้าหรือออกมาช้า การบำเพ็ญของท่านกับเรื่องการยืนยันความถูกต้องของฝ่าจะต้องรวมอยู่ด้วยกัน   จะยิ่งปรากฏแรงกดดันมากสำหรับท่าน    แน่ล่ะ การบำเพ็ญใช่ไหม  ขอเพียงความคิดถูกต้องเข้มแข็งสักหน่อย รับรองว่าท่านจะสามารถข้ามไปได้ ความยากลำบากต้องมีแน่ ก่อนการบำเพ็ญคนก็มีกรรม ในระหว่างการบำเพ็ญต้องล้างกรรม ล้างกรรมก็ต้องมีความเจ็บปวด นั่นเป็นกรรมที่ติดค้างมาแต่ก่อน อาจารย์ไม่อาจล้างให้ท่านทั้งหมดได้ หนี้อะไรท่านก็ไม่ชดใช้ก็จะไปเป็นเทพ   เทพเห็นท่านแล้วก็ไม่เข้าลูกตา “ท่านจะอยู่กับพวกเราได้อย่างไรกัน หนี้ที่ท่านติดค้างเหล่านั้น ท่านชดใช้แล้วหรือ อาจารย์เอาออกไปให้ท่านใช่ไหม ชดใช้ให้ท่าน นั่นจะใช้ได้หรือ?” แน่ล่ะย่อมไม่ได้ ดังนั้นการบำเพ็ญจึงต้องทนทุกข์ในระดับหนึ่งอย่างแน่นอน

            แต่พูดในทางกลับกัน ผู้ฝึกที่อยู่นอกจีนแผ่นดินใหญ่ ความทุกข์ที่ท่านได้รับต่างกันไกลกับการทนทุกข์ของผู้บำเพ็ญในประวัติศาสตร์ ในเวลานั้นทุกข์ยากอย่างยิ่ง วันนี้ไม่มีความทุกข์ปานนั้น  วันนี้ทุกข์อยู่ที่ไหนพวกท่านรู้ไหม ในอดีตนะ ร่างกายและจิตใจคนล้วนต้องรับทุกข์ พวกท่านเป็นทุกข์ ก็เพียงในเวลาปล่อยวางจิตยึดติดลงไม่ได้ --- โอย  ทำไมฉันทุกข์ยากอย่างนี้หนา  ทำไมบางคนจึงปฎิบัติต่อฉันไม่ดีอยู่ร่ำไปน่ะ ร่างกายฉันทำไมล้างกรรมบ่อยๆ คนนั้นปล่อยวางไม่ลง มากที่สุดสามารถวางลงได้สักเท่าใด   ตนเองสามารถมีความคิดถูกต้องมากๆ เหมือนกับศิษย์ต้าฝ่าจริงๆไหม  ถือตนเป็นผู้บำเพ็ญที่แท้จริงอย่างสง่าผ่าเผยหรือไม่   ถ้าหากสามารถปล่อยวางจิตยึดติดได้ในทุกสภาวการณ์ เมื่อปฏิบัติตนเป็นศิษย์ต้าฝ่าที่ไม่เหมือนกับคนธรรมดาสามัญ  ข้าพเจ้าเชื่อว่าทุกสิ่งก็จะเปลี่ยนแปลง ผู้ฝึกเก่าล้วนเข้าใจได้ลึกซึ้ง พวกเขาก้าวผ่านสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดมาแล้ว ดังนั้นปัญหานี้ผู้ฝึกใหม่ลองถามๆ ผู้ฝึกเก่าให้ชี้แนะหน่อย ลองอ่านบทบรรยายธรรมฉบับก่อนๆ ของข้าพเจ้าให้มากสักหน่อย ก็จะได้รับคำตอบมากมายในปัญหาเหล่านี้ อีกอย่างในระยะนี้เทพชั่วที่เจาะเข้ามาในตรีภูมิ (สมุนดำ) ก็เข้าร่วมการประทุษร้ายศิษย์ต้าฝ่าโดยตรง โดยมากเป็นการกระทำของพวกมัน ระหว่างฟาเจิ้งเนี่ยน กวาดล้างพวกมัน ขจัดการรบกวนออกไป

ศิษย์           ขอบพระคุณมากที่อาจารย์ผู้เปี่ยมเมตตาช่วยเหลือผม แต่ศิษย์ติดหนี้มาก  มีจิตยึดติดและจิตของคนธรรมดาสามัญนานาชนิด  รู้สึกร้อนใจมาก ขอให้ท่านอาจารย์ช่วยเหลือด้วย

อาจารย์  ข้าพเจ้าสามารถช่วยเหลือท่าน แต่ข้าพเจ้าไม่อาจช่วยท่านเพื่อสิ่งเหล่านี้ (ที่ประชุมหัวเราะ) ข้าพเจ้าได้แต่เพียงบอกให้ท่านบำเพ็ญ ท่านบอกว่าตอนนี้ฉันติดเงินคนไว้มากมาย ฉันไม่อาจปล่อยวางจิตใจลงมาบำเพ็ญ อาจารย์ช่วยให้ฉันร่ำรวย ชดใช้เงินเหล่านี้คืนให้หมดแล้ว ฉันก็จะวางใจบำเพ็ญ  ข้าพเจ้าขอบอกท่าน นั่นไม่ใช่การบำเพ็ญ ข้าพเจ้าไม่ให้ท่านบำเพ็ญแบบนั้น ล้วนแต่มีทุกข์ต้องทนรับ ก็ให้อยู่ในความยากลำบากเช่นนี้ ดูซิว่าท่านสามารถบำเพ็ญได้หรือไม่ ท่านสามารถบำเพ็ญ ทุกสิ่งอาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลง แต่ว่าการบำเพ็ญของท่านต่างหากเป็นเรื่องที่แท้จริง เกิดจากใจตนเอง ท่านว่าฉันบำเพ็ญ ทุกวันนี้ฉันฝึกพลัง แต่ภายในใจท่านกลับซ่อนเอาไว้ว่า “ขอฉันเพียงฝึกพลัง เรื่องเหล่านี้ของฉัน  อาจารย์บอกแล้วว่าล้วนสามารถขจัดทิ้งไป ล้วนสามารถจะเปลี่ยนแปลง” ถ้าท่านมีจิตเช่นนี้ก็เปลี่ยนไม่ได้ เพราะนั่นคือจุดรั่ว เพราะนั่นคือมีจิตยึดติดปิดบังไว้ (อำพรางด้วยจิตยึดติด) หลอกตนเอง หลอกเทพไม่ได้ เวลาที่สามารถทำตัวเป็นผู้บำเพ็ญที่แท้จริงได้ เมื่อสามารถเป็นศิษย์ต้าฝ่าที่สง่างามได้จริงๆ  ทุกสิ่งล้วนจะเปลี่ยนแปลง

            เพียงแต่ในบางกรณีเป็นการรบกวนของสมุนดำ   ให้ใช้ความคิดที่ถูกต้องขจัดการรบกวนอย่างจริงจัง

            ข้าพเจ้าขอถือโอกาสพูดสักประโยค ในระยะนี้มีผู้ฝึกจำนวนมากเห็นผู้ฝึกบางคนไม่เคารพอาจารย์   ที่จริงเรื่องนี้ข้าพเจ้าให้อภัยได้ แต่พึงระวัง องค์ประกอบนานาชนิดของอิทธิพลเก่าและชีวิตเหล่านั้นของจักรวาลที่ยังเจิ้งฝ่าไม่เสร็จสมบูรณ์ พวกมันไม่ยอมอภัย พวกมันจะยึดกุมจุดนี้ทำในสิ่งที่พวกมันอยากจะทำ ในปีที่ข้าพเจ้าถ่ายทอดฝ่าที่จีนแผ่นดินใหญ่นั้น เรื่องพวกนี้มีมาก พอมีคนไม่เคารพอาจารย์ พวกมันก็จะผลักเขาไปอยู่ฝ่ายตรงข้ามอย่างแน่นอน ชีวิตล้วนแต่มาเพื่อฝ่า  พวกหนึ่งคือก่อผลบวก อีกพวกหนึ่งก่อผลลบ ที่ก่อผลลบนั้นสุดท้ายล้วนถูกทำลาย ดังนั้นพอเห็นผู้ฝึกเป็นเช่นนี้ ก็จะต้องผลักคนๆนี้ไปฝ่ายตรงข้าม จากนี้ไปก็บอกให้เขาทำแต่เรื่องไม่ดี

 อันตรายมาก ดังนั้นพอเกิดสภาพการณ์เช่นนี้ขึ้น อิทธิพลเก่าก็ต้องทำแบบนี้ในทันที เพราะพวกมันจับหลักการได้แล้ว พวกมันจะพูดว่ากรรมมหาศาลของเขาอาจารย์ของเขาช่วยสลายให้แล้ว แบกรับแทนเขาแล้ว นำชีวิตนั้นของเขาที่ถือว่าตกนรกไปแล้ว ช้อนขึ้นมา ให้เขาเป็นเทพ ให้สิ่งต่างๆกับเขามากมายเช่นนั้น แม้ว่าเขามองไม่เห็น แต่ว่าก็ได้ให้เขาอย่างแท้จริง พวกมันถือว่าเขากล้าปฏิบัติต่ออาจารย์ของเขาแบบนี้ พวกมันก็จะต้องผลักเขาไปอยู่ฝ่ายตรงข้าม ให้เขาทำเรื่องเลว สุดท้ายถูกทำลาย

            แน่นอน ข้าพเจ้าไม่ยอมรับการจัดวางเหล่านี้ของอิทธิพลเก่า ข้าพเจ้าก็ไม่อนุญาตให้พวกมันทำอย่างนี้ ดังนั้นข้าพเจ้าพยายามบอกผู้ฝึกให้รับรู้ตัวเอง แต่ผู้ฝึกของเราหากไม่ระมัดระวัง ทุกข์ภัยเช่นนี้ย่อมทำให้ท่านสลัดหลุดได้ยากมาก ข้าพเจ้าคิดถึงปัญหานี้ขึ้นมาได้อย่างกะทันหัน คือต้องระมัดระวัง หนทางใดๆที่เดินไม่เที่ยงตรงล้วนแต่อันตราย ล้วนแต่ขรุขระ

ศิษย์           เจ็ดเดือนก่อนผมได้ฝ่า ผมเป็นศิษย์ยุคเจิ้งฝ่าหรือไม่ เมื่อฝ่าปรับโลกมนุษย์ผมจะกลับไปได้ไหม

อาจารย์  ข้าพเจ้าไม่อาจพูดได้ว่าที่ท่านถามนั้นผิด แต่ว่า นี่มีจิตยึดติด ไม่ว่าท่านเป็นผู้ฝึกใหม่หรือเก่า ไม่ว่าเป็นศิษย์ประเภทไหน วันนี้ท่านเดินเข้ามาสู่ประตูการบำเพ็ญต้าฝ่าแล้ว ท่านก้าวเข้ามาสู่ประตูที่ใหญ่จริงๆแล้ว ก็อย่าไปยึดติดอะไร หนึ่งความคิดในใจคนก็ล้วนเป็นอุปสรรค เป็นอุปสรรคต่อการยกระดับ ดังนั้นการบำเพ็ญมีคำพูดหนึ่งว่า “มีใจบำเพ็ญ ไม่มีใจอยากได้พลัง(กง)” ท่านสามารถบำเพ็ญไป แต่ท่านอย่ายึดติด จิตใจอะไรก็ไม่มี อะไรก็ไม่ยึดติด ก็จะบำเพ็ญได้เร็ว ยกระดับได้เร็ว ทุกข์ภัยก็จะน้อย หากเพียงมีจิตยึดติด บำเพ็ญก็จะช้า

            ไม่ต้องสนใจว่าเป็นศิษย์ยุคเจิ้งฝ่าหรือเป็นศิษย์ในอนาคต ท่านเดินเข้ามาสู่การบำเพ็ญแล้ว ท่านเป็นชีวิตหนึ่งที่สรรพชีวิตนับไม่ถ้วนรู้สึกอิจฉา  ท่านก็เดินหนทางของท่านให้ดี ชีวิตหนึ่งๆในจักรวาลได้ทำอะไรไว้ ล้วนต้องมีกรรมสนอง ทำดีก็ได้รับการสนอง ทำชั่วก็ได้รับการสนอง การบำเพ็ญก็ย่อมมีการสนองตอบแน่นอน คือ การสนองผลของการยืนยันในมรรคผล นี่เป็นกฎที่เด็ดขาด(แน่นอน)ของจักรวาล อย่าคิดมากเกินไป และอย่าสนใจว่าตนเป็นอย่างไร สามารถทำได้ บำเพ็ญได้ท่านก็ไปบำเพ็ญ

ศิษย์  ท่านอาจารย์กรุณาพูดถึง “แก้ไขด้วยความเมตตา” (ซั่นเจี่ย)

อาจารย์  แก้ไขด้วยความเมตตา ข้าพเจ้าพูดถึงวิธีการแบบหนึ่งที่ชีวิตในจักรวาลกลืนกลายเข้ากับฝ่า ระหว่างการเจิ้งฝ่า บางชีวิตไม่คู่ควร แก่การแก้ไขด้วยความเมตตา ซึ่งควรจะทำอย่างไร (กับพวกเขา) ก็ทำอย่างนั้น บางชีวิตทำบาปต่อการเจิ้งฝ่า นั่นยิ่งไม่อาจแก้ไขด้วยความเมตตา พอการเจิ้งฝ่าเดินผ่านไปก็กวาดล้างไปแล้ว ชีวิตที่แก้ไขด้วยความเมตตานั้นเป็นการใช้วิธีการที่ดีที่สุดไปกลืนกลายเขา แต่ศิษย์ต้าฝ่านั้นอยู่เหนือการแก้ไขด้วยความเมตตา เพราะศิษย์ต้าฝ่ากำลังบำเพ็ญโดยตนเอง บำเพ็ญไปสู่อนาคต  ซึ่งสูงค่ากว่าการแก้ไขด้วยความเมตตา

ศิษย์           ศิษย์ต้าฝ่าทั้งประเทศฝรั่งเศส ระลึกถึงท่านอาจารย์

อาจารย์      ขอบใจทุกท่าน (เสียงปรบมือ)

ศิษย์           ประเทศฝรั่งเศสมีผู้ฝึกที่สติไม่ดี ในการแจกเอกสารให้แก่นักท่องเที่ยวชาวจีนครั้งหนึ่งเขาเคยควบคุมตัวเองไม่ได้ เอะอะเอ็ดตะโรต่อหน้านักท่องเที่ยวชาวจีนหลายคน ก่อให้เกิดผลกระทบทางลบ เขาฟาเจิ้งเนี่ยนอยู่หน้าสถานทูตจีนก็ทำเรื่องวุ่นวาย ยังเคยเที่ยวขีดเขียนตัวหนังสือที่สถานทูตจีน

อาจารย์      เรื่องเหล่านี้ ในฐานะศิษย์ต้าฝ่าควรจะจัดการมันให้ดี สำหรับผู้ฝึกคนนี้ ในฐานะศิษย์ต้าฝ่าไม่ควรทำอย่างนี้ พวกเราต้องใช้แต่ความคิดที่ดีงามไปช่วยเหลือสรรพชีวิต ถ้าไม่มีสติก็จะก่อให้เกิดผลทางลบ

            ผู้ฝึกบางคน เวลาควบคุมอารมณ์ความรู้สึกไม่ได้ ผู้ฝึกคนอื่นควรไปห้ามปราม ศิษย์ต้าฝ่าเป็นร่างเดียวกัน ท่านทั้งหลายต้องประสานกันให้ดี อย่าให้เกิดเรื่องอย่างนี้อีก เกิดเรื่องแล้วก็ต้องจัดการให้เหมาะสมเรียบร้อย ถ้าหากจิตใจมีปัญหาจริงๆดังว่า เช่นนั้นข้าพเจ้าคิดว่า ก็แนะนำให้เขาฝึกพลังอยู่ที่บ้าน อาจารย์จะดูแลแบบเดียวกัน อย่าออกมา ถ้าหากไม่ใช่เรื่องสติไม่ดี ท่านก็ต้องช่วยเขา

ศิษย์           ในจักรวาลทุกสิ่งมีลิขิตแน่นอน ชีวิตจำนวนหนึ่งมีกำหนดว่าต้องดับสลาย อะไรกำหนดจุดนี้ของชีวิตนี้

อาจารย์  ในจักรวาลทุกสิ่งมีลิขิตแน่นอน หมายถึงจักรวาลทั้งหมด อาทิเช่น หลักการของฝ่าเก่าได้กำหนดดวงชะตาไว้แน่นอนของการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ เสื่อมไป ดับสูญ นี่คือขีดจำกัดของสติปัญญาของฝ่าเก่าอันนั้น แม้ว่าจักรวาลมีกำหนดดวงชะตาไว้อย่างนี้ มูลฐานของชีวิตโดยรูปธรรมแม้จะมีประวัติศาสตร์สัมพันธ์กับมันอยู่ แต่การพูดว่าชีวิตใดๆได้ทำอะไรไปแล้วโดยรูปธรรม เขามีกรรมมากแค่ไหน เขาต้องชดใช้    เมื่อกรรมของเขาหนักแล้วก็จะถูกทำลาย  นั่นล้วนเป็นเรื่องของชีวิตนั้นๆเอง   ชีวิตหนึ่งๆเอง   แต่ละก้าวไปทางใด สิ่งเหล่านี้โดยพื้นฐานไม่ได้ตายตัว แต่ผู้คนสามารถอาศัยการกระทำของชีวิตนี้   มองเห็นก้าวต่อๆไปและต่อๆไปในจักรวาลของชีวิตนี้ หรือพูดได้ว่าพอไปพ้นสภาพกาลเวลาของมิติของเรานี้ อยู่ในอีกสภาพกาลเวลาสามารถมองเห็นว่าหลังจากนี้เขาจะทำอะไรได้บ้าง นั่นก็เป็นการยืดเวลาไปถึงก้าวนั้นโดยอาศัยสภาพการณ์ในวันนี้ของเขา ถ้าหากสภาพของเขาในปัจจุบันเกิดการเปลี่ยนแปลงโดยฉับพลัน เช่นนั้น สภาพการณ์ ณ ก้าวต่อไปก็จะเปลี่ยนแปลงด้วย ดังนั้นเรื่องพวกนี้ไม่ตายตัว ลิขิตที่กำหนดไว้ในจักรวาลแห่งการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ เสื่อมไปนั้นแน่นอน 

ศิษย์           ศิษย์ต้าฝ่าจำนวนส่วนใหญ่ถูกกำหนดโดยวาสนา แล้วมูลเหตุแท้จริงของวาสนาคืออะไร?

อาจารย์      “วาสนา” ข้าพเจ้าเคยพูดไว้ใน “จ้วนฝ่าหลุน” ในการบรรยายก่อนๆหลายครั้งก็เคยพูด วาสนาของศิษย์ต้าฝ่าข้าพเจ้ายิ่งเคยพูดไว้   ศิษย์ต้าฝ่ามี 3 สภาพการณ์ ข้าพเจ้าว่าไม่ต้องพูดซ้ำอีกแล้ว   เวลามีไม่มาก อีกประเดี๋ยวไม่แน่ว่าข้าพเจ้าจะตอบปัญหาได้ทั้งหมด (หัวเราะ) หาดูจากการบรรยายครั้งก่อนก็แล้วกัน

ศิษย์           เพื่อนผู้บำเพ็ญจำนวนมาก มีความเห็นแตกต่างกันในเรื่อง การกลมกลืนเข้ากับฝ่าชั้นนี้ของคน

อาจารย์      การกลมกลืนเข้ากับฝ่าชั้นนี้ของคน คำพูดนี้ไม่ถูกต้อง ถ้าหากว่าไม่ทำให้ดี นั่นเป็นปัญหา การบำเพ็ญไม่มีปัญหาการกลมกลืนนี้

ศิษย์           ทำอย่างไรจึงจะทะลวงผ่านเกินจี(รากฐาน)ก่อนกำเนิด หรือขีดจำกัดของเกินจี

อาจารย์      การบำเพ็ญอย่ายึดติดกับสิ่งเหล่านี้ ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับสิ่งนี้  ท่านอย่าไปสนใจว่าเกินจีเป็นอย่างไร วันนี้ชีวิตหนึ่งสามารถเข้ามาในต้าฝ่าได้  เกินจีก็ไม่ใช่พื้นๆแล้ว ดูชาวโลกซิ ทั่วทั้งโลกมี 7 พันล้านคน ศิษย์ต้าฝ่ายุคเจิ้งฝ่ามีสักกี่คน ท่านเป็นหนึ่งในนั้น ยังจะพูดเกินจีอะไรอีกล่ะ? (เสียงปรบมือ)

ศิษย์:          ในภาพรวม ถ้าหากผู้ประสานงานของบางโครงการมีทัศนคติมากเกินไป จะร่วมมือทำงานให้ดียิ่งขึ้นอีกได้อย่างไร

อาจารย์      ศิษย์ต้าฝ่าแต่ละคนล้วนกำลังบำเพ็ญ แต่ละคนล้วนเดินบนทางของตนเอง แต่ละคนก็ล้วนมีจิตแบบคนธรรมดาสามัญ จึงสามารถบำเพ็ญ ดังนั้นจิตของคนจึงแสดงออกมา อย่าเข้าใจว่ามีความขัดแย้งแล้ว มีความไม่พอใจแล้ว ก็ไม่คิดทำงานร่วมกัน ต้องรู้ว่าทุกท่านล้วนเดินมาจากสภาวะนั้น และแต่ละคนบางครั้งบางคราวก็แสดงสภาวะนี้ออกมา ต้องรู้จักอภัยผู้อื่น เห็นอกเห็นใจผู้อื่น ต้องรู้จักช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ทุกท่านสามารถร่วมกันทำเรื่องยืนยันความถูกต้องของฝ่าของศิษย์ต้าฝ่าได้ดี นี่คือสิ่งที่สมควรทำ

ศิษย์           ประเทศเหล่านั้นที่ไม่มีศิษย์ต้าฝ่าอยู่ อนาคตจะเป็นอย่างไร พวกเราจะไปเผยแพร่และอธิบายความจริงให้กับประเทศที่อยู่ห่างไกลเหล่านั้นได้อย่างไร

อาจารย์      ศิษย์ต้าฝ่าก็กำลังทำในสิ่งที่ศิษย์ต้าฝ่าควรทำ ถ้าหากพวกท่านมีกำลังพอ พวกท่านสามารถไปทำ ที่ๆไม่มีศิษย์ต้าฝ่าพวกท่านไปเผยแพร่ฝ่าได้ แต่ความยากลำบากค่อนข้างมาก ที่ๆใกล้ชิดกับกลุ่มอันธพาลชั่วที่ประทุษร้ายศิษย์ต้าฝ่า ขณะนี้พวกท่านอย่าไปเป็นการชั่วคราว เพราะก้าวต่อไปยังมีเรื่องของก้าวต่อไป

ศิษย์           ถ้าหากอนาคตสรรพชีวิตเลวลงอีก ยังจำเป็นต้องเจิ้งฝ่าไหม

อาจารย์      บางทีนี่คือ ก่อนหน้าไม่มีคนโบราณ  ภายหลังไม่มีคนมาแล้ว

            ถ้าหากสรรพชีวิตในจักรวาลเลวลงไปอีก ก็ไม่อาจเจิ้งฝ่าแล้ว แต่การเกิดขึ้นของการเจิ้งฝ่านั้น  ตอนเริ่มต้นทำเรื่องนี้ พอดีกับที่สรรพชีวิตของจักรวาลและมนุษย์ล้วนไม่ไหวแล้ว และเป็นเวลาที่ต้องคัดทิ้งไป  แต่ยังไม่ถึงกับช่วยเหลือไม่ได้ จึงถ่ายทอดฝ่า ณ เวลานี้ ถ้าหากชีวิตเลวลงจนถึงกับต้องลงนรกจริงๆแล้ว แน่นอนละ อะไรๆข้าพเจ้าก็สามารถทำได้ ข้าพเจ้าก็สามารถช่วยเหลือได้    แต่เมื่อถึงเวลานั้นก็ไม่คู่ควรที่จะช่วยเหลืออีกแล้ว

ศิษย์           ถ้าจรวดบินออกไปนอกขอบเขตดาวนพเคราะห์แล้ว มันก็ออกนอกตรีภูมิแล้วใช่ไหม

อาจารย์      นั่นเป็นขอบเขตที่ประกอบขึ้นมาจากอนุภาคโมเลกุลชั้นหนึ่งเท่านั้น ขอบเขตตรีภูมินี้จะใช้ภาษาคนมาบรรยายไม่ได้เลย ข้าพเจ้าพูดกันท่านทั้งหลายในขณะนี้ว่า ตรีภูมินั้นกว้างใหญ่เพียงไรนั้นเป็นการพูดโดยใช้ความรู้สึกของคน พูดตามทัศนคติที่สัมผัสได้ด้วยตาในระดับชั้นอนุภาคเดียวกัน      จุดที่ต่างกันมากที่สุดในการมองจักรวาลระหว่าง เทพกับคนคือ เทพไม่ได้มองโดยอยู่ในโครงสร้างของอนุภาคระดับชั้นนี้ ทว่ามองโดยอยู่ในโครงสร้างจักรวาลที่ประกอบขึ้นมาจากระดับชั้นที่ต่ำหรือสูงขึ้นไปชั้นหนึ่ง ซึ่งคงอยู่ ณ เวลาเดียวกันในทุกทิศทางแบบรูปทรงมิติ เขาสามารถมองเห็นวัตถุในจักรวาลที่ปรากฏออกมาจากระดับชั้นที่ต่างกันทั้งหมด ดูจากรากฐานว่าคืออะไร แต่คนเพียงเห็นโลกนี้ ที่ประกอบขึ้นมาจากอนุภาคระดับชั้นนี้ของโมเลกุล เป็นเพียงสิ่งต่างๆที่อนุภาคระดับชั้นนี้สร้างขึ้นมา แต่จักรวาลไม่เพียงแต่ประกอบขึ้นมาจากอนุภาคระดับชั้นนี้ คนมองไม่เห็นภาพจริง คนมองเห็นเพียงระดับชั้นนี้ และก็มีช่วงคั่นระหว่างองค์ประกอบนานาชนิด ควบคุมและจำกัดโครงสร้างของดวงตาคน   มีเจตนาสร้างภาพลวงตาแบบนี้ให้กับคน คือไม่ให้คนเห็นภาพที่แท้จริงของมัน หรือพูดว่า สิ่งต่างๆที่ประกอบขึ้นมาจากอนุภาคระดับชั้นนี้  ยังไม่ให้คนมองเห็นมันทั่วทุกด้าน ก็คือสร้างดวงตาแบบนี้ให้กับคนเพื่อจำกัดการรับรู้ต่อจักรวาลเอาไว้ จากนั้นจึงสร้างวัฒนธรรมอย่างนี้ ทั้งหมดนั้นล้วนสร้างขึ้นโดยมีจุดมุ่งหมาย

            ท่านทั้งหลายทราบว่ารังสีอินฟราเรด อัลตร้าไวโอเล็ต และยังมีแสงอื่นๆที่ไม่อาจมองเห็น มีเสียงที่ไม่อาจได้ยิน แต่ว่ามันดำรงอยู่ ซึ่งปัจจุบันเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์สามารถตรวจวัดได้ รู้ถึงการดำรงอยู่ของมัน แต่ตาคนกลับมองไม่เห็น ก็คือว่า สิ่งที่อยู่ในระดับชั้นนี้ของโลกมนุษย์ ก็ยังไม่ให้ตาของคนมองเห็นได้ทั้งหมด โลกแบบไหนที่ให้คนมองเห็นก็เป็นสิ่งที่กำหนดไว้อย่างมีเจตนา จากนั้นทำให้การรับรู้ของคนตั้งอยู่ในสภาพเช่นนี้ ที่จริงก็ไม่ได้จำกัดตายตัวและไม่อาจล้ำเกินได้    ด้วยการบำเพ็ญจึงสามารถทะลุทะลวงไปได้ แต่ทะลวงไปได้แค่ไหน มองเห็นภาพจริงของจักรวาลได้แค่ไหน ต้องดูระดับชั้นของผู้บำเพ็ญ ในทางกลับกันคนยิ่งยึดติดในวัตถุก็ยิ่งจำกัดอยู่ในวังวน ยิ่งวัตถุนิยม ความคิดของคนก็ยิ่งจำกัดอยู่ใน เรื่องเฉพาะหน้า สภาพความเป็นจริง”) คนก็ยิ่งตกอยู่ในเรื่องเฉพาะหน้าสภาพความเป็นจริง”)

            ขอบของตรีภูมิที่ใหญ่ขึ้นไปอีกจะใหญ่เท่ากับจักรวาลน้อย ขอบของตรีภูมิ ณ ระดับจุลภาคนั้น ที่แท้หากมองจากระดับจุลภาค ที่ว่าใกล้แค่ลัดนิ้วมือเดียวก็ไกลลิบ ท่านทั้งหลายทราบว่า อนุภาคระดับจุลภาคก่อเกิดอนุภาคที่ใหญ่กว่าหนึ่งระดับชั้น ฉะนั้นพูดได้อีกอย่างว่า อนุภาคที่ต่างระดับชั้นกันเกิดจากอนุภาคที่เล็กลงไป 1 ระดับชั้นประกอบกันขึ้นมา เมื่อพูดถึงขอบเขตของตรีภูมิมันก็อยู่ที่นี่ ก็อยู่ในสรรพสิ่งนี้  อยู่ในวัตถุที่ระดับจุลภาคทั้งหมด หากใช้ความคิดของคนยุคนี้ไปเข้าใจก็คือ ไม่มีระยะห่าง ท่านแทบจะคำนวณระยะห่างของมันออกมาไม่ได้ แต่ว่าอนุภาคในระดับชั้นต่างกันซึ่งประกอบเป็นตรีภูมิ กลับมีขอบเขตของระดับชั้นที่ไม่เหมือนกัน หรือพูดว่า ถ้ามองจากแนวระนาบ ในระดับชั้นที่ต่างกัน ก็จะมีระยะห่างระหว่างขอบของระดับชั้นที่ต่างกัน และจักรวาลนั้นมันยังเป็นร่างที่สลับซับซ้อนอย่างยิ่ง ตรีภูมิที่พวกเราพูดถึงนั้นเป็นขอบเขตที่แน่นอนซึ่งได้จัดแบ่งขึ้นมา เพื่อใช้ในการเจิ้งฝ่าในอนาคต แต่ว่ายังมีมิติที่กว้างใหญ่ยิ่งขึ้นไปอีกที่เชื่อมต่อกับตรีภูมิซึ่งคงอยู่ ณ อนุภาคระดับเดียวกัน ณ เวลาเดียวกัน เทพระดับสูงสุดท้ายจำนวนมากก็รวมเรียกมันว่าเป็นระดับชั้นต่ำที่สุด แต่ตรีภูมิที่พวกเราหมายถึง คือขอบเขตที่จำเพาะอันนี้ แต่กับมิติอื่นที่เชื่อมต่อซึ่งกันและกันกับตรีภูมิที่ประกอบขึ้นจากอนุภาคระดับเดียวกัน  ขอบเขตของมัน (ตรีภูมิ) ก็ใหญ่โตมหึมาอย่างไร้ที่เปรียบ

ศิษย์           เหตุใดศิษย์ต้าฝ่าจึงเรียกท่านว่า “จ้าวแห่งพุทธะ” เหตุใดท่านจึงมาจากที่ๆสูงและไกลยิ่งนัก

อาจารย์      (หัวเราะ) ที่จริงข้าพเจ้าไม่มีชื่อเรียก ข้าพเจ้าเพียงแต่เขียนคำพูดหนึ่งไว้ในจิงเหวินบทหนึ่งว่า “ความเมตตาของจ้าวแห่งพุทธะ” ผู้ฝึกจึงคิดเดาว่า อาจารย์เป็นจ้าวแห่งพุทธะใช่หรือไม่ ที่จริงจะเรียกอย่างไรก็ไม่ถูก ชีวิตของแต่ละคนในจักรวาลล้วนแล้วแต่มีที่มา ในขณะเดียวกันก็มีองค์ประกอบที่ผ่านเหตุการณ์อันยาวนานอย่างยิ่ง รวมทั้งชีวิตนั้นๆที่อยู่ในระดับชั้นต่ำสุด ได้แก่หญ้าบนพื้นดิน พวกมันก็ล้วนมีความเป็นมาและองค์ประกอบที่ผ่านเหตุการณ์อันยาวนาน ในยุคประวัติศาสตร์ที่ต่างกันมีพืช สัตว์ ที่แตกต่างกัน   ในประวัติศาสตร์ของจักรวาลอันยาวนาน มีดวงดาว อนุภาค   ที่ดับสลายไม่หยุดหย่อน จากนั้นก็เกิดขึ้นใหม่ ดับสลาย เกิดใหม่ เปลี่ยนแปลงใหม่เรื่อยไป และในจักรวาลมีฝุ่นละอองมากมายซึ่งอาจเป็นองค์ประกอบของชีวิตอันยาวนานที่ดับสลายลง ดินที่ตกลงบนพื้นโลก มีมากมายที่อาจเป็นสสารที่ผ่านกาลอันยาวไกล และหญ้าที่ว่านั้นก็ดูดซึมสสารจากในดินนี้ ดังนั้นหญ้าก็อาจมีองค์ประกอบที่ผ่านกาลอันยาวไกลที่แตกต่างกัน นี่เป็นการอธิบายจากชั้นผิวของสสาร วัตถุใดๆล้วนมีชีวิต ขอเพียงมันยังคงอยู่ มันก็ยังมีชีวิต

อธิบายจากอีกแง่มุมหนึ่ง ใน “คัมภีร์ไบเบิ้ล” กล่าวว่า พระยะโฮวาห์ใช้ดินสร้างคน  ที่จริงคนที่พระยะโฮวาห์สร้างนั้นเป็นคนผิวขาวเผ่าพันธุ์หนึ่ง ยังไม่ใช่คนผิวขาวทั้งหมด และคนผิวขาวก็ไม่ได้มีเพียงเผ่าพันธุ์เดียว ดังนั้นจึงเป็นการสร้างโดยเทพหลายๆองค์ คนผิวเหลืองก็สร้างโดยเทพหลายๆองค์เช่นกัน แล้วคนเผ่าพันธุ์อื่นล่ะ เช่นคนอินเดีย ยังมีชาวอียิปต์โบราณ ล้วนแต่สร้างขึ้นโดยเทพต่างๆกัน ผู้คนล้วนเข้าใจว่าเทพสร้างคนโดยเลียนแบบตัวเทพเอง ที่จริงเทพองค์นั้นก็คือมีความสามารถเช่นนั้น คนที่เขาสร้างขึ้นมาย่อมเป็นส่วนที่ต่ำที่สุดส่วนหนึ่งของเขาแน่นอน เป็นอนุภาคที่ต่ำที่สุด พูดให้ชัดคือเป็นอนุภาคหนึ่งใต้ฝ่าเท้าของเทพ  จะเรียกว่าเซลล์ก็ได้ ในการบรรยายที่ผ่านมาข้าพเจ้าเคยบอกท่านทั้งหลาย แต่ละเซลล์ของชีวิตรวมทั้งคน พืช สัตว์ล้วนเป็นรูปลักษณ์ของเจ้าของร่าง

ดังนั้น คนที่สร้างขึ้นมาในตอนแรกนั้น แม้แต่จิตหลัก(หยวนเสิน)  และทุกส่วนของชีวิตล้วนแต่สร้างขึ้นมาจากองค์ประกอบของสสารในตรีภูมิ ดังนั้นเทพผู้สร้างคนต่างชนิดกันย่อมจะต้องดูแลคนของเขาเอง ตลอดจนถึงยุคใกล้ที่จะถ่ายทอดต้าฝ่า จิตหลัก(หยวนเสิน)มากมายในหนังคนก็เป็นชีวิตระดับสูงที่ลงมาจุติ ไม่ใช่จิตจิตหลัก(หยวนเสิน)นั้นของคนเดิมอีกต่อไปแล้ว ยังต้องพูดอีกปัญหาหนึ่งให้ชัด ทุกสิ่งของคนที่ประกอบขึ้นมาจากอนุภาคชั้นผิวนอก เรียกว่าหนังของคน รวมทั้งกระดูกของคน อวัยวะภายในและผิวหนังชั้นนอก คน-ชั้นเปลือกนอกที่เป็นหนังของคนจะตายไปเพราะความแก่ชรา แต่ว่าหนังชั้นเปลือกนี้ ในตลอดชั่วชีวิตมีสิ่งต่างๆมากมายที่มันได้รับที่จะถ่ายทอดให้รุ่นต่อไปได้ คนอยู่ในกาลเวลาอันยาวนานรุ่นแล้วรุ่นเล่า คนก็ทำการสืบทอดความนัยของวัฒนธรรม ที่เทพสร้างให้เรื่อยๆไป สิ่งเหล่านี้ไม่อาจรู้ได้ด้วยหลักเหตุผลของคน แต่ข้างในความนัยมีอยู่   ฉะนั้นหลังจากมาถึงยุคใกล้ๆแล้ว มีสรรพชีวิตมากมายที่มาเพื่อฝ่า  เมื่อกลับชาติมาเกิดเป็นคนแล้ว จิตหลัก(หยวนเสิน)เดิมของคนๆนั้นที่เทพสร้างขึ้นมาจึงถูกปล่อยไว้ในโลกแห่งวิญญาณ(ยมโลก) และเทพชั้นสูงนอกตรีภูมิที่กลับชาติมาเกิดเป็นคนจึงเข้าสวมใส่เสื้อผ้าชุดนี้ (หนังคน) แทน หรือพูดได้ว่า หนังคนที่เทพองค์นั้นสร้างขึ้นในอดีตถูกเทพอีกองค์สวมใส่แทนแล้ว

ดังนั้นจึงมีอีกปัญหาหนึ่งที่ต้องอธิบายให้กระจ่าง เทพอีกองค์ไม่แน่ว่าจะต่ำกว่าเทพองค์ที่สร้างคนขึ้นมา บางทีอาจจะสูงกว่าเขาด้วยซ้ำไป แน่นอนก็อาจมีที่ต่ำกว่าเขาเช่นกัน และอาจอยู่ในระดับเดียวกันก็ได้ มาแล้วก็เข้าครอบครองคนๆนี้ที่เขาสร้างขึ้น เช่นนั้นจึงพูดได้อีกว่าเทพอีกองค์ได้เข้ามาในขอบเขตของเทพองค์เดิมที่สร้างคนขึ้นมา    ข้าพเจ้ามักพูดว่าคนในปัจจุบันล้วนมีที่มา คนบนโลกล้วนมีไม่กี่คนที่ จิตหลัก(หยวนเสิน)นั้นสร้างขึ้นโดยเทพในตอนแรก ไม่ว่าใครเมื่อเข้ามาในวังวนแห่งโลกมนุษย์แล้ว ได้สัมผัสกับมันแล้ว สิ่งที่ตามองเห็นทั้งหมดก็จะเป็นเช่นนี้  เมื่อคลอดออกมาจากครรภ์มารดาก็จะดูโลกในลักษณะนี้แล้ว ดังนั้นเมื่อตกอยู่ในวังวนนี้ของสังคมก็จะก่อกรรมได้เช่นเดียวกัน มนุษย์ในยุคใกล้ยังสร้างวัฒนธรรมหนึ่งที่ยิ่งทำให้คนหลงอยู่ในวังวนมากขึ้นไปอีก ในวัฒนธรรมวัตถุนิยมมากขึ้นนี้ก็บ่มเพาะตนเองขึ้นมา คนนั้นยากมากที่จะเข้าใจอะไรที่เหนือไปกว่านี้ หากคนสามารถเข้าใจสิ่งทั้งปวงที่นอกเหนือไปจากนี้   ก็ทำได้โดยการบำเพ็ญเท่านั้น

ยังมีอีกปรากฏการณ์หนึ่ง เนื่องจากเทพองค์ต่างๆกันสร้างคนต่างๆกัน หลายพันปีมานี้ เนื่องจากศาสนาต่างๆได้ถ่ายทอดข้ามเขตแดนและชนชาติ ด้วยเหตุนี้ทำให้คนไปนับถือเทพองค์อื่น ดังนั้นเทพที่สร้างเขารู้สึกเศร้าเสียใจมาก ส่วนเทพที่คนนับถือนั้นก็ช่วยคนที่เทพองค์อื่นสร้างไม่ได้ และมีชนชาติมากมายก็ไม่รู้แล้วว่าองค์ใดคือเทพองค์ที่แท้จริงของตน ปรากฏการณ์เช่นนี้มีมากมายเหลือเกินในประวัติศาสตร์ที่มีมา ด้วยเหตุนี้เทพองค์ที่สร้างคนไม่อาจไม่ปล่อยวางคนที่ตนสร้างขึ้นมา เช่นนี้แล้วมีชนชาติมากมายจึงกลายเป็นคนที่ไม่มีรากเหง้า เป็นคนที่ไม่มีเทพดูแลแล้ว ความวุ่นวายในสังคม สติสัมปชัญญะขาดการควบคุม การไม่เคารพต่อเทพ โดยมากมาจากคนประเภทนี้ ชนชาติประเภทนี้และบุคคลล้วนแต่อดอยากยากแค้น

พูดถึงว่าทำไมอาจารย์มาจากที่สูงและแสนไกล จริงๆแล้วบางทีศิษย์ต้าฝ่าหลายคนที่นั่งอยู่ ก็มาจากที่ที่สูงที่ที่ไกลอย่างยิ่งเช่นกัน (เสียงปรบมือยาวนาน) เพียงแต่ข้าพเจ้ามาไกลกว่าอีกหน่อย เนื่องจากเหตุนี้ ในการเจิ้งฝ่า ไม่ว่าใคร ข้าพเจ้าก็ช่วยเหลือได้หมด พูดถึงว่าข้าพเจ้ามาจากที่ไหน กล่าวสำหรับสรรพชีวิตของจักรวาล ข้าพเจ้ามาจากระดับที่สูงหรือต่ำนั้นไม่สลักสำคัญอะไรแล้ว ข้าพเจ้านั้นเดินไปสู่ที่สูงที่สุด ที่ปลายที่สุดจึงจะสำคัญที่สุด ท่านทั้งหลายทราบว่าที่ข้าพเจ้ามาก็เพื่อถ่ายทอดต้าฝ่านี้    เป็นผู้สร้างฝ่านี้ก็พอแล้ว

ศิษย์           มีผู้ฝึกบางคนเข้าใจว่าการอธิบายความจริงกับทนายความอย่างเป็นระบบ เข้าใจรายละเอียดข้อกฎหมาย สุดท้ายจะพบวิธีจัดการปัญหาที่เป็นผลมากที่สุด นี่เป็นการไม่ไว้ใจทนายใช่ไหม ขอให้ท่านอาจารย์แสดงความคิดเห็น 

อาจารย์      สังคมมนุษย์  ถูกมนุษย์เองปิดล้อมจนมิตินี้เล็กลงมากแล้ว ปัญญาของคนนั้นมีขีดจำกัด มีกรอบมากมายล้อมขังคนไว้หมดแล้ว เรื่องราวมากมายยากจะทำได้ การช่วยคนก็ยากมาก ปฏิบัติต่อปัญหาพวกนี้ด้วยปัญญาเถิด บอกว่าจะทำอย่างไร การอธิบายความจริงไม่มีปัญหาแน่นอน ทำไปตามสภาพรูปธรรมที่พวกท่านมองเห็นก็แล้วกัน เรื่องใดๆที่พวกท่านประสบในการยืนยันความถูกต้องของฝ่านั้น ย่อมไม่เหมือนกัน    ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่ไม่อาจที่จะพูดให้ครอบคลุมไปทั่วทุกด้าน และไม่อาจพูดเรื่องพวกนี้อย่างเป็นรูปธรรม ดังนั้นปัญหาที่พบยังคงต้องให้พวกท่านทำกันเอง จะทำอย่างไรดี นั่นก็เป็นการที่พวกท่านยืนยันความถูกต้องของฝ่า เดินบนหนทางของตัวเอง

ศิษย์     การแสดงท่าฝึกให้กับคน(ดู) รวมทั้งนักท่องเที่ยวเหล่านั้นที่มาจากประเทศจีน ถือว่าเป็นการอธิบายความจริงได้ไหม

อาจารย์            การแสดงท่าฝึกสามารถเกิดประโยชน์ระดับหนึ่ง เรื่องอะไรๆ ที่พวกท่านทำล้วนสามารถเกิดผลบวกในระดับหนึ่ง แต่ว่าท่านไม่อธิบายความจริง ไม่พูดให้เป็นรูปธรรม ฝึกแต่ท่าอย่างเดียว คนมีปัญหาในความคิดมากมายที่แก้ไม่ตก ก็จะไม่อาจแก้ไขได้ในชั่วประเดี๋ยว

ศิษย์           ศิษย์ต้าฝ่าสิบสองปันนา มณฑลยูนนาน ประเทศจีน มหาวิทยาลัยซิงหวา นครปักกิ่ง มณฑลกานสู้ ด่านเจียยวี่ เหอเป่ย กว่างตง นิวซีแลนด์ เปรู เทียนจิน มอนทรีออล- แคนนาดา ฉางชุนปักกิ่ง เซิ่นหยาง ฮาเอ่อปิน มณฑลซื่อชวน(เสฉวน) เล่อซัน ภูเขาเอ๋อเหมย กว่างโจว เจิ้งโจว มู่ตันเจียง ทั้งหมดนั้นขอฝากความระลึกถึงท่านอาจารย์

อาจารย์      ขอบใจทุกท่าน( เสียงปรบมือ)

ศิษย์           ถ้าหากถูกเข้าใจผิดว่าเป็นสายลับโดยเพื่อนผู้บำเพ็ญด้วยกัน ควรจะ ปฏิบัติอย่างไรดี

อาจารย์      ข้าพเจ้าก็จะพูดเรื่องสายลับนี้หน่อย (หัวเราะ) (ที่ประชุมหัวเราะ) จริงๆแล้ว พวกท่านรู้ไหมว่าอาจารย์มองปัญหาเหล่านี้จากอีกด้านหนึ่งอย่างไร แน่นอนว่าอิทธิพลเก่าทำสิ่งเหล่านี้ก็มุ่งจะทดสอบศิษย์ต้าฝ่า ข้าพเจ้าว่า ที่แท้ก็เป็นการลบหลู่ ฝ่า เป็นความอัปยศของมนุษย์ เป็นการไม่เคารพต่อฝ่า รบกวนการเจิ้งฝ่า เป็นสิ่งที่ไม่ควรจะมีอยู่ แต่ว่าเพราะสรรพชีวิตไม่ดีแล้วจึงเจิ้งฝ่า ในที่สุดสังคมมนุษย์ก็เกิดอาชีพอย่างนี้ขึ้นมาแล้ว เช่นนั้นใช่หรือไม่ว่า เจาะจงคัดเลือกคนที่เลวที่สุดชั่วที่สุดไปเป็นสายลับ ไม่ใช่  คน ทำการงานอะไรโดยมากมักเป็นไปตามความพึงพอใจของตนเอง และมีหลายคนที่ถูกกระทำ(ถูกผลักดัน) ให้ทำงานประเภทหนึ่ง และบางคนรู้สึกว่าคนไหนฉลาด สามารถทำงานนี้ได้จึงถูกกำหนดด้วยเหตุนี้ หรือพูดได้ว่า หน้าที่การงานของคนไม่ใช่กำหนดจากธาตุแท้ของคนว่าดีหรือเลว ในหมู่ผู้ฝึกที่เป็นสายลับมีคนดีอยู่หรือไม่ล่ะ มีแน่นอน ภาระหน้าที่ในสังคมมนุษย์นั้นแตกต่างกัน ไม่อาจพูดได้ว่าคนนี้ดีหรือเลว  และชีวิตนี้จะสามารถช่วยเหลือได้หรือไม่ได้

            ข้าพเจ้ามองเห็นปัญหาอย่างนี้แล้ว  ดังนั้นพอเริ่มต้นถ่ายทอดฝ่า ข้าพเจ้าก็ได้พูดแล้ว  ข้าพเจ้าก็ได้ทำเช่นนี้แล้ว  ไม่แบ่งแยกตามหน้าที่การงานหรือชนชั้นในสังคม  ไม่ว่าท่านทำการงานอะไรข้าพเจ้าล้วนจะช่วยเหลือ  ประตูของข้าพเจ้านั้นเปิดอยู่  เปิดออกทั้งหมดแล้ว  เปิดจนไม่มีประตู  ท่านเพียงแต่คิดจะบำเพ็ญ ก็เข้ามาได้  ใครๆข้าพเจ้าก็ช่วย            ไม่ว่างานที่ท่านทำคืออะไร  แต่ว่าจะเข้ามาหรือไม่ก็แล้วแต่ท่านเอง จะได้ฝ่าหรือไม่ ก็เป็นเรื่องของแต่ละคน เพราะว่า การเลือกหน้าที่การงานของมนุษย์เองในวันนี้เป็นเรื่องที่ยากจะยึดกุมได้ ในหนึ่งชั่วชีวิต คนคิดจะทำอะไรก็ทำอะไรนั้น ไหนเลยจะง่ายดายเช่นนั้น ยากจริงๆ หรือพูดได้ว่า คนมีชีวิตอยู่บนโลกไม่ใช่ว่าตนเองจะสามารถเลือกหน้าที่การงานได้ตามชอบใจ ข้าพเจ้ามองเห็นสิ่งเหล่านี้แล้ว คนก็ยังมาเพื่อฝ่าด้วย ไม่ว่าท่านจะทำอะไร ไม่ว่าท่านจะทำงานอะไร ข้าพเจ้าก็สามารถจะช่วยท่าน แต่ว่าจะสามารถยืนหยัดบำเพ็ญให้ดีได้หรือไม่ นั่นเป็นปัญหาเฉพาะคน ท่านคิดจะบำเพ็ญหรือไม่ นั่นก็เป็นปัญหาของท่านเอง

            คำพูดนี้ของข้าพเจ้า วิธีการนี้ของข้าพเจ้าได้ทำไว้ก่อนแล้ว หลายปีมานี้พวกเรามีผู้ฝึกหลายคน ยังคงไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ในจุดประสงค์ของสิ่งทั้งหลายที่อาจารย์ได้พูดไว้  ประตูนั้นข้าพเจ้าก็เปิดออกแล้ว  คนอาชีพอะไร  ชนชั้นไหนข้าพเจ้าล้วนให้เขาเข้ามาหมด ท่านทั้งหลายเองเหตุใดจึงเจตนาเอาแต่จะขีดคั่น(แบ่ง) เอาแต่จะขีดเส้นแบ่ง (เสียงปรบมือ) เพราะเป็นคนที่กำลังบำเพ็ญ ไม่ใช่เทพกำลังบำเพ็ญ คนกำลังบำเพ็ญ คนก็คือมีใจคน ในใจคนก็มีความเคยชินในอาชีพ จึงมีจิตยึดติดที่สร้างขึ้นจากอาชีพ ปลูกฝังความเคยชินล้วนส่งผลโดยไม่รู้ตัว เมื่อเวลาที่คนบำเพ็ญได้ไม่ดี ในการงานนั้นความเคยชินที่สร้างขึ้นนั้นก็จะสะท้อนออกมา แน่นอนการเป็นสายสืบ สายลับนั้นความเคยชินของเขาก็จะสะท้อนออกมา กระทั่งเวลาที่ข้ามด่านไม่ได้ก็จะทำเรื่องผิดๆ โดยเฉพาะคือในท่ามกลางการประทุษร้ายศิษย์ต้าฝ่าครั้งนี้ ด่านไหนเขาข้ามไม่ได้ ในชั่วขณะที่ใจไม่แจ่มชัดเขาก็จะไปส่งรายงาน(ให้พวกชั่ว)แล้ว    แต่ว่าพูดจากแก่นแท้แล้ว คนๆนี้เลวหรือไม่ ช่วยเหลือได้หรือไม่ ยังไม่อาจดูกันแค่ชั่วครั้งชั่วคราว (ครั้งเดียว) ต้องยินยอมให้คนเขามีข้อผิดพลาดบ้าง ต้องยอมให้เขาแก้ไข นี่จึงจะเป็นอานุภาพของฝ่าเรา (เสียงปรบมือ)

            ที่ผ่านมาข้าพเจ้าจึงพูดว่า ใครก็ทำลายต้าฝ่าไม่ได้ มีเพียงศิษย์ต้าฝ่าทำได้ไม่ดีจึงจะทำลายต้าฝ่า ฉะนั้นในการประทุษร้ายครั้งนี้ กลุ่มอันธพาลชั่วนั้นจึงคิดจะใช้ศิษย์ต้าฝ่าทำลายต้าฝ่า  ที่แท้แล้วก็ทำลายไม่ได้เลย ความหมายของสิ่งที่ข้าพเจ้าพูดไปก่อนหน้านี้คือ  ศิษย์ต้าฝ่ากำลังบำเพ็ญอยู่จริงๆ และในการบำเพ็ญไม่อาจเข้าใจฝ่าได้ลึกซึ้งพอ เข้าใจได้ไม่ทะลุปรุโปร่ง เดินไม่ถูกทาง ก่อให้เกิดผลกระทบที่ไม่ดี ที่จริงก็เพียงแต่มีผลกระทบกับคนที่นี่เท่านั้น  ไม่อาจแตะต้องถึงต้าฝ่าอย่างแท้จริง ยิ่งกว่านั้นพูดว่าในท่ามกลางการประทุษร้ายพวกที่ก้าวไปสู่ฝ่ายตรงข้ามนั้น ไม่ใช่ศิษย์ต้าฝ่าอีกต่อไปแล้ว แต่ผู้ที่สามารถเดินกลับมา ก็ต้องว่ากันเป็นอีกกรณีหนึ่ง   เมื่อไม่ใช่ศิษย์ต้าฝ่าแล้ว นั่นก็กลายเป็นผู้ประทุษร้ายในหมู่พวกชั่วร้ายอย่างแท้จริง   นั่นคือการจงใจทำเรื่องชั่ว จงใจมาทำลาย  จงใจกลับขาวเป็นดำ(กลับผิดเป็นถูก)  ยึดถืออย่างนี้ไม่พูดตามเหตุผล อย่างนั้นไม่สามารถทำลายต้าฝ่าได้ มีแต่ทำให้ศิษย์ต้าฝ่ายิ่งมีสติมากขึ้น ความคิดยิ่งถูกต้องมากขึ้น ยิ่งมีสติกระจ่างแจ้งขึ้น ผลลัพธ์ของการประทุษร้ายครั้งนี้มิใช่เช่นนี้หรือ ท่านทั้งหลายไม่ใช่สุกงอมแล้วหรือ   ที่ข้าพเจ้าพูดคือถ้าศิษย์ต้าฝ่าเองทำได้ไม่ดีจึงจะส่งผลกระทบที่ไม่ดีในโลกมนุษย์   หากศิษย์ต้าฝ่าคนใดมีจิตของคนธรรมดาสามัญ  ทำได้ไม่ดี แต่ก่อนเคยเป็นสายลับ หรือผู้ฝึกบางคนเมื่อข้ามด่านไม่ได้ แล้วทำเรื่องที่ผิด ด้วยเหตุนี้ท่านทั้งหลายก็ผลักเขาออกไปหรือมองด้วยความแปลกแยก ทำให้โอกาสแห่งวาสนานับพันหมื่นปีของเขาถูกทำลายไปจริงๆ แล้วเดินไปฝ่ายตรงข้าม ข้าพเจ้าขอบอกท่านทั้งหลาย นั่นจึงจะเป็นการทำเรื่องชั่วอย่างแท้จริงแล้ว (เสียงปรบมือ)

            เมื่อพวกเราเปิดใจให้กว้าง พวกเราจึงจะสามารถช่วยคนได้ ถ้าหากศิษย์ต้าฝ่าแต่ละคนล้วนคิดกันอย่างนี้ ท่านทั้งหลายลองคิดดู ด้วยพลังแห่งความเมตตานี้ องค์ประกอบที่ไม่ดียังมีที่ๆจะอยู่ได้อีกหรือ แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ ข้าพเจ้าขอบอกท่านทั้งหลาย สายลับอาชีพก็จะเข้ามาไม่ได้ ล้วนเป็นสิ่งที่ผู้ฝึกก่อนปี ค.ศ. 1999 ที่เคยมีอาชีพนี้ บำเพ็ญไม่ดี และผู้ฝึกที่มีจิตหวาดกลัวแล้วไปประนีประนอมกับพวกชั่วร้ายในชั่วขณะ ปฏิบัติได้ไม่ดีจึงกระทำออกมา หากท่านบอกให้เขาไปทำลายฝ่าจริงๆ พวกเขาจะไม่ทำ  เพียงแต่เมื่อจิตใจของพวกเขาเลอะเลือนไปชั่วขณะ จึงทำไม่ดี หรือเมื่อข้ามด่านไม่ได้ จึงเดินทางผิด   และมีศิษย์ต้าฝ่าบางคนยึดติดกับสิ่งเล็กน้อยนั้นของตนเอง   และบ้างก็คิดจะจัดการกับองค์กรสายลับอันธพาล  ที่จริงท่านจะให้ใครทำลายต้าฝ่าจริงๆล้วนเป็นไปไม่ได้เลย

            เนื่องจากเหล่าผู้ฝึกบางคนยังมีสิ่งยึดติดของคน  ยังมีจุดที่ทำได้ไม่ดี   หากมีสายลับเจาะเข้ามา เจาะจริงๆ  ข้าพเจ้าขอบอกท่านทั้งหลาย  นี่เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลย   เพราะนี่คือการบำเพ็ญ  พวกมันคิดจะอาศัยผู้ฝึกส่งข่าวต่างๆให้กับพวกมัน  กำลังหาเป้าหมาย   อะไรๆก็ไม่มีประโยชน์ พวกเขากำลังหลอกตัวเองและคนอื่น    องค์กรของสายลับรู้เป็นอย่างดีว่า ผู้ฝึกฝ่าหลุนกงไม่มีความลับอะไรเลย รู้ดีว่าผู้ฝึกฝ่าหลุนกงเป็นคนดีกลุ่มหนึ่ง มีแต่คัดค้านการประทุษร้ายครั้งนี้ พวกเขาเองล้วนเข้าใจ วิธีการอันธพาลที่มันใช้ เช่น สร้างภาพข่มขวัญ สร้างสถานการณ์    ประเทศจีนนั้นก่อการเคลื่อนไหวต่างๆจนเคยชินแล้ว พวกเขาทำได้เพียงสิ่งเหล่านี้ คิดจะสร้างภาพข่มขวัญอะไรอย่างหนึ่งขึ้นมา รบกวนใจคน   แล้วมีผลต่อผู้บำเพ็ญหรือไม่ล่ะ  หลายปีได้ผ่านไปแล้ว ศิษย์ต้าฝ่าไม่ใช่ยิ่งยืนหยัด ยิ่งมีสติมากขึ้นหรือ (เสียงปรบมือ) มีใครถูกท่านข่มขู่ได้ไหม ไม่มี  ดังนั้นการประทุษร้ายของสิ่งชั่วร้าย   ศิษย์ต้าฝ่าเหล่านั้นในประเทศจีน ถูกท่านขู่จนฝ่อได้หรือ  แน่นอนว่าย่อมมีคนที่ไปไม่ไหวบ้าง   คนที่ไปไม่ไหว  นั่นก็เป็นการจงใจจัดวางเข้ามาของอิทธิพลเก่า   ข้าพเจ้าเคยพูดว่า สรรพชีวิตล้วนมาเพื่อฝ่า แต่ว่าไม่ใช่จะเป็นผลทางด้านบวกเสียทั้งหมด เป้าหมายของอิทธิพลเก่าก็คือ  ต้องการให้พวกเขาก่อผลในทางลบ จากนั้นฝึกฝนศิษย์ต้าฝ่านั่นเอง นั่นไม่ใช่ความสามารถอะไรของคนชั่ว คนมองเห็นเรื่องเหล่านี้ไม่ชัดเจน คนจึงยึดติดในสิ่งที่คนต้องการทำ แต่ว่าคนทำอะไรไปล้วนต้องชดใช้ แน่นอน (เสียงปรบมือ) 

แต่ว่าข้าพเจ้าก็รู้ว่า  ยังมีสายลับที่กำลังเจาะช่องว่างของผู้ฝึกที่มีจิตยึดติด นั่นเพราะผู้ฝึกทำไม่ดี เกิดจากการยึดติดมากเกินไป ผู้ฝึกบางคนที่สมองไม่แจ่มแจ้งต้องระวังให้ดี

            เมื่อครู่ข้าพเจ้าบรรยายฝ่านี้จากด้านบวก แต่ข้าพเจ้าก็รู้ว่า ในเวลาเดียวกันอาจารย์ได้ให้โอกาสอีกครั้งหนึ่ง ยังมีหลายคนถือเอาความเมตตาอีกครั้งของอาจารย์มาล้อเล่น ทรยศต่อจิตใจที่ดีงามของตนเองมาโดยตลอด คนที่ไม่รับรู้(อู้)ร่วมมือกับสายลับทรยศต่อศิษย์ต้าฝ่า ให้ข่าวกรองแก่พวกชั่วซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยพฤติกรรมนี้นำผลกระทบด้านลบมาสู่ต้าฝ่านั้น ในสายตาของเทพแล้วนี่เป็นสิ่งที่ไม่มีทางชดใช้ได้ พฤติกรรมการเข้าร่วมกับการรบกวนการเจิ้งฝ่านี้เป็นการเข้าร่วมการประทุษร้ายครั้งนี้โดยตรง ผลลัพธ์ย่อมเหมือนกับกลุ่มอันธพาลที่ประทุษร้ายศิษย์ต้าฝ่าอย่างชั่วร้ายนั้น   ขณะนี้คนพวกนี้ข้าพเจ้าไม่มีอะไรที่จะพูดด้วย แต่ที่ข้าพเจ้าพูดไปเมื่อครู่ไม่ได้รวมคนพวกนี้เข้าไป พอข้าพเจ้าพูดมาถึงตรงนี้มีเทพองค์หนึ่งพูดว่า  ดูไปแล้วพวกเขามีเพียงโอกาสตระเตรียมการสั่งเสียแค่นั้นเอง

ศิษย์           ท่านอาจารย์พูดว่า ให้ทำทั้งสามเรื่องให้ดี   ทุกสิ่งก็จะอยู่ในนั้นหมด  นี่รวมถึงสิ่งยึดติดและความขัดแย้งทั้งหมดที่แต่ละคนได้ประสบนั้น ก็ต้องแก้ไขด้วยความเมตตาด้วยหรือไม่ ขอความกรุณาท่านอาจารย์ช่วยให้ความกระจ่าง

อาจารย์      (หัวเราะ)  คนๆหนึ่ง  หากในการบำเพ็ญไม่สามารถแก้ไขปัญหาพื้นฐานเหล่านี้ของท่าน  นั่นก็พูดไม่ได้ว่าบำเพ็ญ  อะไรที่เรียกว่าบำเพ็ญ  เป้าหมายสุดท้ายในการบำเพ็ญคืออะไรล่ะ  คือการ ก้าวออกมาจากความเป็นคน เมื่อไม่อยู่ในความเป็นคน ความขัดแย้ง สิ่งยึดติด องค์ประกอบ นานาชนิดของคน จะมีผลกับท่านไหม  ไม่อย่างแน่นอน   แต่ท่านสามารถก้าวออกมาจากในนั้นได้หรือไม่ บำเพ็ญได้หรือไม่ ท่านก้าวหน้าได้หรือไม่  ท่านบำเพ็ญได้เร็วหรือช้า นี่ล้วนเป็นปัญหาของท่านแต่ละคน   ข้าพเจ้าในฐานะอาจารย์ย่อมจะรับผิดชอบต่อท่านอย่างแน่นอน   แต่ท่านสามารถก้าวหน้าได้ไหม นั่นต้องดูตัวท่านเอง    เทพองค์หนึ่งจะให้สิ่งยึดติดของคนสั่นคลอนจิตใจได้หรือ  ไม่ได้ แน่นอนไม่ได้แน่    เพราะฉะนั้นอะไรๆก็แก้ไขได้หมด   นั่นก็ต้องดูว่าท่านบำเพ็ญอย่างไร   ท่านว่า เช่นนั้นฉันก็ไปบำเพ็ญเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้    นั่นท่านก็ไม่ได้บำเพ็ญจริง   การบำเพ็ญนั้นต้องไม่มีเงื่อนไขใดๆ

ศิษย์           กาลเวลา ณ ระดับชั้นนั้นของจักรวาลที่ศิษย์ต้าฝ่าสร้างขึ้นมาจะไม่ยาวนาน ท่านอาจารย์กรุณาอธิบายให้ชัดเจนสักหน่อยด้วยครับ

อาจารย์      ข้าพเจ้าไม่เคยพูดกับพวกท่านว่าจะไม่ยาวนาน ในขณะนี้พวกท่านกำลังใช้ความคิดของคนคิด (หัวเราะ) เนื่องจากความคิดของคนนั้นไม่มีพลัง สิ่งที่ส่งออกมา ครู่เดียวก็จะเหมือนฟองอากาศ เล็กๆ ชั่วครู่มันก็สลายไป สิ่งที่ศิษย์ต้าฝ่าคิดออกมานั้นแรงกล้ามาก ระดับชั้นยิ่งสูง สิ่งที่คิดออกมาก็ยิ่งเข้มแข็งยิ่งใหญ่ เวลาก็ยิ่งทอดยาวออกไป เทพผู้ยิ่งใหญ่องค์หนึ่ง หนึ่งความคิดของเขาก็สามารถก่อเกิดเทียนถี่ของจักรวาลได้ ที่จริงยังมีองค์ประกอบพื้นฐานยิ่งกว่าอีก ฝ่านั้นกลมกลืนสมบูรณ์ ในอดีตองค์ประกอบของจักรวาลนั้นไม่สมบูรณ์แบบ ในการเจิ้งฝ่าครั้งนี้ล้วนจัดการแก้ไขไปแล้วอย่างครบถ้วนบริบูรณ์ ดังนั้นในเมื่อเขาเป็นฝ่าที่กลมกลืนสมบูรณ์ คุณสมบัติพิเศษมูลฐานของจักรวาลแห่งการ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ เสื่อมไปก็เปลี่ยนไปแล้ว แนวคิดเรื่องกาลเวลา นั่นไม่สามารถจะใช้ความคิดคนไปคิด

ศิษย์           ในระยะนี้เพื่อนผู้บำเพ็ญมักอาศัยอุปกรณ์ซอฟท์แวร์ในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ศึกษาฝ่า กระทั่งเผยแพร่ในวงกว้างอย่างเต็มที่ เช่นนี้โอกาสในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและศึกษาฝ่าด้วยกันโดยตรงของทุกๆคนก็ลดน้อยลง

อาจารย์      ไม่ดีนะ นอกจากศิษย์วัยเยาว์แล้วผู้อื่นไม่ควรทำ แต่ก็ไม่ขัดข้องให้ใช้ชั่วครั้งชั่วคราวในเวลาทุกท่านมีงานรัดตัวมากๆ แต่อย่าให้เกิดความเคยชิน นี่ไม่ใช่สิ่งที่ข้าพเจ้าต้องการจะเหลือไว้ให้พวกท่าน ทุกท่านร่วมกันศึกษาฝ่า ศึกษาฝ่าต่อหน้าซึ่งกันและกัน พิจารณาปัญหา  เช่นนี้จะไม่มีปัญหา   สามารถจะใช้ชั่วครั้งชั่วคราวในเวลาที่พวกท่านมีงานยุ่ง แต่ไม่ควรทำอย่างนี้กันทั้งหมด และไม่ควรทำเป็นประจำ

ศิษย์           ศิษย์เข้าใจไม่ชัดเจนในความแตกต่างระหว่างความไม่บริสุทธิ์และการแปรเปลี่ยนไปของสสาร ขอความกรุณาท่านอาจารย์ช่วยอธิบาย

อาจารย์  ความไม่บริสุทธิ์กับการแปรเปลี่ยนไปของสสาร เป็นสาเหตุพื้นฐานของจักรวาลเก่าที่ไม่ดีแล้ว เป็นสิ่งที่คุณสมบัติพิเศษของจักรวาลกำหนดไว้ การเกิดขึ้น ตั้งอยู่ เสื่อมไป ดับสูญ คือสติปัญญาที่จำกัดของหลักธรรมในเวลานั้น สำหรับขอบเขตที่ต่างๆ บางส่วน(มัน)เป็นวิธีการทำให้บริสุทธิ์สะอาดเป็นวัฏจักร ถ้าสรรพสิ่งทั้งมวลเดินไปสู่ขั้นนั้นก็เสร็จสิ้น(ยุติลง)     สสารไม่บริสุทธิ์กับการแปรเปลี่ยนไปนั้น  เมื่อมองจากสังคมมนุษย์ตรงนี้ วิทยาศาสตร์ในปัจจุบัน นำมาซึ่งความไม่บริสุทธิ์ของบรรดา อากาศ ดินโลหะ น้ำ กับปัจจัยสำคัญชนิดต่างๆ และเป็นสิ่งที่มนุษย์แก้ไขไม่ได้แล้ว ความคิดคนที่แปรเปลี่ยนไป ในสายตาของเทพ ก็ไม่ใช่มนุษย์แล้ว ทุกสิ่งในจักรวาลนั้นหมุนเวียน หลังจากสิ่งเหล่านี้ถูกชีวิตชั้นสูงกลั่นกรองเอาไป ก็พลอยทำให้ชีวิตและองค์ประกอบของมิติระดับชั้นสูงเกิดความไม่บริสุทธิ์ นี่เป็นการพูดโดยสรุป  ให้ไปอ่านการบรรยายของข้าพเจ้าครั้งก่อนๆแล้วกัน

ศิษย์           หมิงฮุ่ยเน็ตกับบทบาทในการอธิบายความจริงนั้น ศิษย์โพ้นทะเล (นอกประเทศจีน) จะให้ความร่วมมืออย่างไรดี

อาจารย์      หมิงฮุ่ยเน็ตกับบทบาทในการอธิบายความจริงเป็นสิ่งที่ไม่อาจทดแทนกันได้ ตรงนั้นคือหน้าต่างสำคัญที่สุดที่พวกเราจะเผยแพร่ความจริงของการประทุษร้าย ที่ศิษย์ต้าฝ่ายืนยันสถานการณ์ความถูกต้องของฝ่า เรื่องราวของศิษย์ต้าฝ่านั้นทุกท่านล้วนต้องร่วมมือให้ดี

ศิษย์           เร็วๆนี้ ผมพบว่าผู้ฝึกบางคนอ้างตัวว่าหยวนหมั่นแล้ว สามารถไปบำเพ็ญหลักวิชาอื่นได้ เรียนถามว่า เขารับรู้(อู้)ในทางมารหรือว่าคิดเพ้อเจ้อไป

อาจารย์  ข้าพเจ้าว่าเขาไข้ขึ้นแล้ว (ที่ประชุมหัวเราะ) ไข้ขึ้นสูงจนเลอะเลือนแล้ว ที่จริงการพูดคำนี้ออกมา ก็อันตรายมากแล้ว คนที่สติสัมปชัญญะและความคิดที่ถูกต้องไม่แจ่มชัด เป็นชีวิตที่เทพมองไม่ขึ้น(ดูถูก)มากที่สุด

ศิษย์           ที่สื่อมวลชนลงรูปถ่ายอาจารย์นั้นเหมะสมหรือไม่

อาจารย์      ข้าพเจ้าคิดว่าทำได้ ไม่มีปัญหา เพราะข้าพเจ้ามีวิธี (หัวเราะ) (เสียงปรบมือ)

ศิษย์      ใน [การบรรยายฝ่าสัญจรอเมริกาเหนือ] ท่านพูดว่า “ข้าพเจ้าก็ไม่รู้ว่าตนเองเป็นใคร” ศิษย์ไม่ค่อยเข้าใจ

อาจารย์      มีอะไรไม่ค่อยเข้าใจหรือ    สิ่งที่ผ่านไปก็ผ่านไปแล้ว ขณะนี้สำหรับสรรพชีวิตแล้ว ข้าพเจ้าคือปริศนา ในอนาคตใครก็ไม่รู้ว่าข้าพเจ้าอยู่ที่ไหน ข้าพเจ้ามีความสามารถทุกด้าน ข้าพเจ้าไม่ถูกทุกสิ่งพัวพัน เรียกข้าพเจ้าว่าอะไรก็ไม่ถูกต้อง สรรพชีวิตต่างๆในอนาคตจะเห็นข้าพเจ้าในรูปลักษณ์ที่แตกต่างตามชนชาติของพวกเขา ข้าพเจ้าสร้างทุกสรรพสิ่ง แต่ข้าพเจ้าไม่อยู่ในท่ามกลางสรรพสิ่งเหล่านั้น ก็เป็นแนวคิดในลักษณะนี้ (ที่ประชุมหัวเราะ เสียงปรบมือ)

ศิษย์           ขณะนี้พื้นที่ต่างๆบนโลกกำลังมีการระบาดของไข้หวัดนก โรควัวบ้า แพร่ระบาดจากสัตว์สู่คน เรียนถามท่านอาจารย์ ปรากฏการณ์นี้เกี่ยวข้องอย่างไรกับ ช่วงวิถี(จังหวะก้าว)ของการเจิ้งฝ่า

อาจารย์      กรรมของมนุษย์ใหญ่มากแล้ว เพราะคนได้ลื่นไถลจากด้านต่างๆลงไปสู่ที่ที่อันตรายมากแล้ว กรรมยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ บวกกับท่าทีต่อต้าฝ่า    มีสาเหตุมากมายที่มนุษย์สร้างขึ้นเอง สิ่งนี้ดูไปแล้วคล้ายกับไม่เกี่ยวข้องโดยตรงต่อการเจิ้งฝ่า แต่ไม่ว่าเรื่องใดก็ล้วนดำเนินไปโดยรอบต้าฝ่า เรื่องใดๆล้วนมิใช่บังเอิญ และเป็นการเตือนสติคนโดยอาศัยสิ่งเหล่านี้

ศิษย์        เหตุใดในหมู่ผู้ฝึก   ผู้ที่ทำงานสายลับจนบัดนี้ยังไม่รู้สำนึก หากเปิดโปงฐานะของเขาซึ่งๆหน้า จะเป็นเรื่องไม่ดีหรือไม่

อาจารย์      การปกป้องฝ่าไม่อาจพูดได้ว่าไม่ดี งั้นก็เตือนสติเขาเถอะ เปิดโปงก็เปิดโปงเถอะ ถ้าช่วยเขาได้ยิ่งดี หากช่วยไม่ไหวก็เป็นการเลือกของเขาเอง

ศิษย์    มีศิษย์ต้าฝ่าบางคนใส่บทความบนเว็บเกี่ยวกับปาฎิหาริย์ของต้าฝ่า ทำให้ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตเข้าใจต้าฝ่าผิด

อาจารย์    หากพูดกันอย่างเคร่งครัดเรื่องราวด้านนี้ไม่มีปัญหา อย่าไปคิดว่าเข้าใจผิดอะไร และอย่าไปทำแบบคุยโม้ ให้ยืนยันความถูกต้องของฝ่าอย่างสง่าผ่าเผย เปี่ยมด้วยสติ  นั่นก็จะไม่มีปัญหา โดยแก่นแท้แล้วศิษย์ต้าฝ่าคือผู้บำเพ็ญ พวกเราไม่ใช่องค์กรทางการเมืองในสังคมของคนธรรมดาสามัญ เป็นกลุ่มผู้บำเพ็ญ พวกเรานั้นบำเพ็ญเป็นเทพ แน่นอนว่าย่อมจะต้องมีเรื่องปาฏิหาริย์ (เสียงปรบมือ)

ศิษย์           ท่านอาจารย์บอกว่าราคะจิตไม่หมดไปย่อมไม่มีทางได้หยวนหมั่น ขณะนี้มีศิษย์มากมายราคะจิตยังไม่หมดไป  ขอเรียนถามว่าหน่วย(คำนวณ)ของการหยวนหมั่นคืออะไร หน่วยคำนวณโดยอนุภาคใช่หรือไม่

อาจารย์  ไม่มีการพูดเช่นนั้น คิดเหลวไหลกัน ข้าพเจ้าไม่เคยพูดกับพวกท่านว่าการหยวนหมั่นเกี่ยวข้องอะไรกับหน่วยนับ   ศิษย์ต้าฝ่าเอย ข้าพเจ้าพูดมาตั้งนานแล้วว่า ราคะตัณหานั้นเป็นด่านตายของผู้บำเพ็ญ   ถูกอารมณ์ความรู้สึกนี้ของคนธรรมดาสามัญกระตุ้นรุนแรงจนเกินไป สาหัสเกินไปแล้ว แม้แต่เรื่องเล็กน้อยนี้ยังฉุดตัวเองไม่ขึ้น   ดูไปตอนแรกอิทธิพลเก่าจัดวางเรื่องแบบนี้ไปไว้ในคุกประเทศจีน จึงค่อยแก้ไขได้ใช่หรือไม่ ในสภาพแวดล้อมที่ทารุณเช่นนั้นดูว่าท่านจะเป็นอย่างไร ใช่หรือไม่ว่าเพราะสุขสบายกันเกินไปจึงเป็นเช่นนี้  พวกที่ไม่ขจัดจิตชนิดนี้ไปแล้วยังหาข้ออ้าง ล้วนแต่กำลังหลอกตัวเอง หลอกคนอื่น ข้าพเจ้าไม่เคยจัดวางอะไรเป็นพิเศษให้ท่าน

ศิษย์           การฟาเจิ้งเนี่ยนไม่จำเป็นต้องกำหนดเวลาตายตัวใช่หรือไม่

อาจารย์      เดิมทีหมิงฮุ่ยเน็ตไม่ใช่บอกว่าให้ศิษต้าฝ่าทั่วโลกฟาเจิ้งเนี่ยนตามเวลาที่กำหนดไว้หรือ นั่นข้าพเจ้าก็รู้สึกว่าดีมาก ทุกท่านก็ทำกันเช่นนั้น เรื่องที่เฉพาะอื่นๆ สามารถทำไปตามสภาพท้องที่และสภาพการณ์ที่ต่างกัน

ศิษย์           แต่ละครั้งที่ได้พบท่านอาจารย์ ปัญหาอะไรก็หมดไปดุจเมฆหมอกสลาย มีอาจารย์อยู่ มีฝ่าอยู่ไม่มีอะไรที่แก้ไขไม่ได้ ช่วงเวลานี้ เป็นเวลาที่น่าปลื้มปิติ

อาจารย์      เมื่อความคิดถูกต้องเข้มแข็ง ที่จริงอะไรก็ล้วนสามารถแก้ไขได้ เมื่อความคิดถูกต้องเข้มแข็งอะไรก็เข้าใจได้    เมื่อความสับสนเลอะเลือนปะทุขึ้นมา  มักจะเป็นเพราะปล่อยวางจิตยึดติดในใจไม่ลง  ในใจไม่สบอารมณ์  ก็เลอะเลือนสับสนขึ้นมา

ศิษย์           ในการแสดงดนตรีของพวกเรา ศิษย์ต้าฝ่าจะเพิ่มการแสดงมายากลเข้าไปด้วย   จะเหมาะสมกับการยืนยันความถูกต้องของฝ่าหรือไม่ ?

อาจารย์      อันนี้ข้าพเจ้าว่า ไม่มีปัญหาอะไร   ข้าพเจ้าคิดว่ารูปแบบวัฒนธรรมก็คือรูปแบบวัฒนธรรม  ฟังรื่นหู ดูเพลินตา  ทุกคนอยากจะชม   และมันก็ไม่ใช่สิ่งที่ต่ำ  ข้าพเจ้าคิดว่าทำได้

ศิษย์           กลไกจากต้าฝ่าจะเป็นหลักประกันให้ชีวิตในอนาคต  แม้ผ่านกาลเวลาอันยาวนานของจักรวาล ก็จะไม่เกิดจิตยึดติด และความเห็นแก่ตัว   ด้วยเหตุนี้จักรวาลจึงกลมกลืนสมบูรณ์ไม่ดับสูญ

อาจารย์      ไม่ใช่หลักการแบบนี้ ไม่ใช่เข้าใจกันอย่างนี้ และไม่ใช่แนวคิดชนิดนี้  ต้าฝ่านั้นกลมกลืนสมบูรณ์  คุณสมบัติมูลฐานของจักรวาลนั้นไร้ความเห็นแก่ตัว    ชีวิตหนึ่งๆเมื่อบำเพ็ญไปถึงเขตแดนนั้น ก็จะเป็นอย่างนั้น   ฝ่าได้มอบหลักประกันแห่งการดำรงอยู่ให้สรรพชีวิต   ฝ่าสร้างกลไกและความเจริญรุ่งเรืองของจักรวาลให้แก่สรรพชีวิต และฝ่าได้สร้างสรรพชีวิตและสรรพสิ่ง  สร้างสวรรค์ โลก คน เทพ   แต่การดำเนินชีวิต ของแต่ละชีวิตในระดับที่แน่นอนอันหนึ่งนั้น เป็นสิ่งที่ตนต้องเลือกเอง

ศิษย์           ศิษย์ต้าฝ่าต่อไปนี้ฝากความระลึกถึงท่านอาจารย์   หูเป่ย- อี๋ชัง  เขื่อนเก่อโจว  ซานเสีย  ม่อเอ๋อเปิ่น  ไฮ่หนาน(เกาะไหหลำ)  จี่หลิน-หนงอัน  ไคอัน  เมืองจี่หลิน ซานตง-เหอเจ๋อ เฮยหลงเจียง  ประตูทิศเหนือเทียนถาน ปักกิ่ง เสฉวน  เฉิงตู-จือหยาง

อาจารย์  ขอบใจทุกท่าน(เสียงปรบมือ)

ศิษย์           ในหนังสือของท่านอาจารย์เขียนหลักธรรมไว้ว่า “เมื่อคนอื่นทำไม่ดีต่อท่าน พวกเขาก็ให้กุศลแก่ท่านๆควรที่จะดีใจ” แต่ว่าถ้าหากพวกเราดีใจ ก็ไม่เมตตาใช่ไหม

อาจารย์      (ที่ประชุมหัวเราะ) ไม่ใช่ไม่เมตตา เมื่ออยู่ต่อหน้าผลประโยชน์และอารมณ์ความรู้สึก(ฉิง)แล้วไม่คิดอะไร   มีแต่ผู้บำเพ็ญที่แท้จริง ศิษย์ต้าฝ่าที่แท้จริงจึงจะทำได้ การพูดว่าผู้ตีให้กุศลแก่คนที่ถูกตี นั่นเป็นสิ่งที่คุณสมบัติพิเศษของจักรวาลสร้างขึ้นมา ไม่ใช่สิ่งที่สามารถได้มาเมื่อรู้สึกดีใจ คนที่ถูกตีสามารถไม่โกรธไม่เกลียดในขณะเจ็บปวด หัวเราะให้หมดสิ้นบุญคุณความแค้น นี่ไม่เมตตาหรือ พูดจากแง่มุมของคนนี้ ใครก็ไม่อาจพูดได้ว่าไม่เมตตา คนอื่นตีท่านแล้ว ท่านกลับหัวเราะโดยไม่โกรธแค้นเขา แน่นอนผู้บำเพ็ญไม่ควรเหมือนกับคนธรรมดาที่เมื่อได้รับสิ่งของแล้วก็หัวเราะแบบนั้น (ที่ประชุมหัวเราะ) ในใจรู้สึกสงบราบเรียบ ใครก็ต้องว่าท่านเป็นคนดี เขาจะทำเรื่องไม่ดีต่อท่าน ท่านอาจไปเตือนเขาดีๆ เพื่อมิให้เขาสูญเสียกุศล นี่คือการเมตตาเขา ถ้าเขาไม่ฟัง เขายังจะทำชั่ว เตือนก็ไม่ฟัง ก็ไม่มีทาง คุณจะตีให้ได้ ทำอย่างไรก็ห้ามคุณไม่ได้ เช่นนั้นคุณตีแล้ว พอถึงเวลาเขาก็ต้องตกนรก นั่นไม่ใช่ศิษย์ต้าฝ่าไม่เมตตาหรอกนะ

            ไม่ว่าในมิติใดๆ ล้วนมีหลักการของฝ่าในมิตินั้น  หลักการนี้แม้จะเป็นสิ่งที่ยกระดับขึ้น แต่ว่าในมิติใดๆชีวิตที่สามารถทำตามกฎของมิตินั้น นั่นก็คือชีวิตที่ดีในมิตินั้น หากท่านสามารถอยู่เหนือกฎนั้น ท่านก็อยู่เหนือกว่ามิตินั้น ใครถูกตีแล้วก็ย่อมไม่พอใจ คนทนทุกข์แล้วก็ไม่พอใจ นี่ก็คือคนในมิตินี้  ไม่มีคนที่พูดว่าท่านทำไม่ดีกับฉันๆก็ดีใจ มีเพียงผู้บำเพ็ญจึงสามารถทำได้ นี่คือสูงกว่าเขตแดนของคนธรรมดาสามัญ  ร่างกายของตนเอง แบกรับความทุกข์แล้ว สามารถควบคุมจิตใจไว้ได้ นั่นคือความเมตตาของผู้บำเพ็ญ  พูดถึงว่า เขาให้กุศล นั่นไม่ใช่ศิษย์ต้าฝ่าไปเอามา และไม่ใช่ว่าเขาอยากจะให้ก็ให้ได้ และไม่ใช่ว่าใครอยากได้ก็จะได้ แต่เป็นกลไกของจักรวาลที่ทำการแลกเปลี่ยน มันเป็นผลจากคุณสมบัติพิเศษของจักรวาล ข้าพเจ้านี้ ในฐานะอาจารย์ได้นำหลักการของฝ่ามาถ่ายทอดให้กับสรรพชีวิตแล้ว

ศิษย์           ศิษย์ที่ตั้งครรภ์ ไม่มีสิ่งสุดยอดของชี่ แล้วจะบำเพ็ญชีวิตได้อย่างไร

อาจารย์  ใครบอกว่าศิษย์ที่ตั้งครรภ์ไม่มีสิ่งสุดยอดของชี่ การบำเพ็ญต้าฝ่านั้น เรื่องอะไรก็รบกวนไม่ได้ในทางกลับกันยังจะมีประโยชน์ต่อทารกอีกด้วย

ศิษย์           สามีของดิฉัน XXX เพิ่งได้รับเสรีภาพ แต่ตัวเขาขณะนี้ยังอยู่ในจีนแผ่นดินใหญ่ เขารู้ว่าดิฉันจะมาร่วมประชุมฝ่าฮุ่ย  ให้ฉันฝากความคิดถึงมาถึงท่านอาจารย์

อาจารย์     ขอบใจนะ (เสียงปรบมือ) ศิษย์ต้าฝ่าในจีนแผ่นดินใหญ่คนไหนๆ ข้าพเจ้าในฐานะอาจารย์ล้วนจะไม่ปล่อยให้เขา(เธอ)ตกหล่น ยกเว้นพวกที่เดินไปสู่ฝ่ายตรงข้ามไม่อาจช่วยเหลือได้อีก(เสียงปรบมือ) ข้าพเจ้าก็คิดถึงพวกเขา(เธอ)อยู่

ศิษย์           ระยะนี้รู้สึกว่าเวลาหมุนเร็วยิ่งขึ้น เวลาในตรีภูมิได้ถูกปรับเปลี่ยนแล้วใช่ไหม

อาจารย์      ใช่ เวลาเร็วมาก มิติของคนธรรมดาสามัญนี้ ก่อนที่ฝ่าจะปรับโลกมนุษย์ เวลาของคนที่นี่ยังจะไม่ช้าลงโดยสิ้นเชิง

ศิษย์           ในระบบจักรวาลเก่า  หนึ่งความคิดที่ผิดของชีวิตชั้นสูง สามารถก่อให้เกิดความผิดพลาดให้แก่สรรพชีวิตนับไม่ถ้วน ในจักรวาลใหม่ปรากฏการณ์แบบนี้จะไม่ดำรงอยู่ตลอดไป เป็นเพราะกลไกของจักรวาลใหม่สมบูรณ์ยิ่งกว่าใช่ไหม

อาจารย์  ยังไม่ใช่ความเข้าใจเช่นนี้ จักรวาลใหม่ก็จะเป็นเช่นนั้น เหตุใดจึงบอกว่าการเจิ้งฝ่ากับการบำเพ็ญจำเป็นต้องบรรลุถึงมาตรฐาน ไม่ว่าจะโดยการกลืนกลายหรือถูกปรับให้ถูกต้องระหว่างการเจิ้งฝ่า ล้วนแต่ต้องบรรลุมาตรฐานอย่างเด็ดขาด ศิษย์ต้าฝ่าเอย ถ้าบำเพ็ญถึงระดับชั้นสูงมากๆ และควบคุมเทียนถี่ชั้นสูงมากๆ   หนึ่งความคิดของท่านในเทียนถี่นั้นของท่าน  ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ นั่นเป็นสิ่งที่แน่นอน ดังนั้นศิษย์ต้าฝ่าต้องบำเพ็ญให้ดี  บำเพ็ญให้ถูกต้องเที่ยงตรง   แน่นอนละ  นอกเหนือจากที่ท่านต้องบำเพ็ญตัวเอง  นั่นเป็นด้านหนึ่ง   เนื่องจากในระหว่างการเจิ้งฝ่า  อาจารย์ก็ช่วยพวกท่านแก้ไขสิ่งมูลฐานที่สุดที่ไม่บริสุทธิ์  ดังนั้นในอนาคตจะถูกต้องเที่ยงตรงมาก

            ไม่ว่า “เวลา” นี้ในโลกมนุษย์จะยาวนานเพียงไร   ต่อให้เป็นหลายหมื่นปีแล้ว ที่จริงเมื่อเปิดพลังกง   ท่านจะรู้สึกว่าคล้ายความฝันตื่นหนึ่ง  บางเบาจนคล้ายความฝัน  ค่อยๆลืมเลือนไปจนสิ้น   จะไม่มีโครงสร้างความคิดของคนอีกแล้ว   ไม่มีความคิดแบบนั้นที่จมอยู่ในความคิดของคนไปคิดว่ามนุษย์เป็นอย่างไร    จะเป็นโครงสร้างความคิดของเทพ   ที่ผ่านมาข้าพเจ้าเคยพูดว่า   พระยูไลนั้นรู้แม้กระทั่งความคิดของวัวควาย และม้า   แต่เขาไม่จมอยู่ในความคิดของมันในการขบคิดปัญหาอย่างเด็ดขาด

ศิษย์           บางครั้งคิดถึงบทกลอนของท่านอาจารย์   จะพูดออกมาได้ไหม  หากพูดออกมา  ต้องพูดให้หมดทั้งบทเลยใช่หรือไม่   หากพูดเพียง สองประโยค  ต้องเติมชื่ออาจารย์เป็นหมายเหตุ

อาจารย์      ถ้าเพียงแค่พูดก็ไม่จำเป็น   หากลงบนกระดาษ เทป หรือ วิดิทัศน์ ก็จะไม่เหมือนกัน   ที่จริงกลอนมากมายที่ข้าพเจ้าได้เขียนไว้ล้วนเกี่ยวข้องกับการบำเพ็ญต้าฝ่า จึงเป็นส่วนหนึ่งของฝ่าด้วย  ฉะนั้นไม่อาจถือเป็นของส่วนตัวของใครและนำไปใช้ตามชอบใจ   บอกว่าเพียงแต่เอ่ยถึงเวลาที่คุยกับคนอื่น หรือเมื่อนำไปใช้พิมพ์ประกอบบทความ  ก็ให้ระวังไว้ ก็พอ

ศิษย์           ศิษย์ต้าฝ่าในรัสเซีย และศิษย์ต้าฝ่าภาษารัสเซียทั่วโลก ในแวนคูเวอร์แคนาดา ยวี่เจีย เว่ยเอ๋อ  ไต้หวัน เกาหลี ญี่ปุ่น เจียงซู-นานกิง เท็กซัส-อเมริกา เซี่ยงไฮ้ ศิษย์ยุวชนแห่งแวนคูเวอร์-คานาดา อานซาน-เมืองเหลียวหนิง  เฉาหยาง-เมืองเหลียวหนิง  ฝากความระลึกถึงท่านอาจารย์

อาจารย์            ขอบใจทุกท่าน

ศิษย์           ศิษย์ต้าฝ่าที่ทำงานด้านเทคโนโลยี โดยเฉพาะคือคนที่ยอดเยี่ยม(อัจฉริยะ)ในหมู่คนนั้น ความอิจฉาซึ่งกันและกัน กับความเป็นตัวเองแรงมาก   เชิญท่านอาจารย์ให้ความกระจ่าง

อาจารย์      ไม่ร้ายแรงอย่างนั้นกระมัง   แต่ไม่ปฏิเสธกรณีที่ยังไม่ได้ขจัดจิตของคนทิ้งไป ซึ่งย่อมจะแสดงออกมา   ไม่บำเพ็ญให้ดียังมีจิตชนิดนี้อยู่  ก็ต้องสลัดทิ้งไป   มีความเชี่ยวชาญอะไรก็อย่าได้ลำพองใจ   พวกท่านทราบไหม  เรื่องทั้งมวลของจังรวาล ของมนุษย์ทั้งหมด   ผู้ที่สามารถพูดได้กระจ่างก็มีเพียงข้าพเจ้า หลี่ หง จื้อ    ชีวิตใดๆ ล้วนไม่อาจทำได้ ( เสียงปรบมือ ) แต่ไหนแต่ไรมา ข้าพเจ้าก็ไม่เคยวางมาดกับพวกท่าน ดังนั้นศิษย์ต้าฝ่าเอย เทคโนโลยีเล็กๆน้อยๆที่พวกเรายึดกุมไว้นั้นจงอย่าได้เย่อหยิ่ง  ไม่มีอะไรน่าเย่อหยิ่ง   ที่จริงทุกสิ่งที่ท่านเรียนนั้นก็เป็นเพราะท่านมีความปรารถนาเช่นนี้  จึงได้จัดวางไว้ให้ท่านแต่แรกเริ่ม  เพราะจำเป็นต้องใช้ในการเจิ้งฝ่า  ก็เพียงเท่านี้

ศิษย์           ขณะนี้รู้สึกว่าในแต่ละวันเวลาช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน   มีเรื่องมากมายที่ไม่มีเวลาทำได้ทัน   บนหมิงฮุ่ยเน็ต มีบทความเล่าประสบการณ์ของผู้ฝึก กล่าวว่าเมื่อในสภาวะที่ดีมาก เรื่องหนึ่งๆ สามารถทำเสร็จได้ในเวลาอันสั้น   ท่านอาจารย์กรุณาพูดปัญหาเรื่องเวลาสักหน่อย

อาจารย์      ที่จริงข้าพเจ้าคิดอย่างนี้ว่า  ศิษย์ต้าฝ่าของเรานั้น   ไม่กลัวว่าท่านจะมีจิตของคนธรรมดาสามัญ   ที่สำคัญคือจะสถาปนาความคิดถูกต้องของคนขึ้นมาได้อย่างไร ถ้าหากว่าความคิดถูกต้องของท่านเข้มแข็ง   เป็นเช่นผู้บำเพ็ญได้ตลอดเวลา หรือไม่พูดว่าตลอดเวลา แต่ท่านสามารถปฏิบัติตนเช่นศิษย์ต้าฝ่าเมื่อประสบกับเรื่องต่างๆ ท่านก็จะรู้ว่า เรื่องนี้ควรจะทำอย่างไร       ท่านก็จะสามารถแสดงปาฎิหาริย์ออกมาได้     ท่านก็จะแสดงสิ่งที่พิเศษออกมา ท่านก็จะแยกแยะได้      ท่านก็จะทำทุกสิ่งได้ดี  ( เสียงปรบมือ )  ว่ากันถึงแก่น ท่านคือผู้บำเพ็ญนะ   พวกท่านไม่เหมือนกับคนธรรมดาสามัญ  แม้ว่าพวกท่านล้วนแต่บำเพ็ญอยู่ในวังวน   ยากที่จะปรากฏเรื่องต่างๆของศิษย์ต้าฝ่าออกมา ที่จริงไม่ใช่ว่าเรื่องอะไรๆ พวกท่านก็ไม่รู้  เรื่องที่เหนือธรรมชาติ  มันจะปรากฏออกมาได้หากท่านมีความคิดถูกต้องเข้มแข็งดังว่า

ศิษย์           ผมพาเพื่อน กับ เด็กๆเข้ามา   พวกเขาเห็นท่าน  แต่ไม่เข้าใจสิ่งที่ท่านพูด  จิตหลักของเขากำลังฟังอยู่ใช่ไหม  พวกเขาสามารถกลับบ้านของพวกเขาได้ไหม

อาจารย์      ท่านต้องรู้ว่าข้าพเจ้านั้น บรรยายฝ่า ให้กับศิษย์ต้าฝ่านะ  ( หัวเราะ)  คนๆหนึ่งเข้ามาในวันนี้  เขาไม่รู้ว่าข้าพเจ้ากำลังพูดอะไร  อย่าว่าแต่เด็กๆเลย   แต่ในฐานะเป็นชีวิตคน  ล้วนมีด้านหนึ่งที่เข้าใจได้ ด้านนั้นสามารถเข้าใจได้  ในขณะเดียวกันก็ได้รับประโยชน์   แต่เรื่องเหล่านี้อย่าไปให้ความสำคัญกับมันเกินไป หากช่วยคนไม่ได้  ด้านที่เข้าใจนั้นก็ไม่เกิดประโยชน์

ศิษย์           เอกสารที่ใช้อธิบายความจริงในวงกว้างให้กับประชาชนในประเทศจีนนั้น มีผู้ฝึกบางคน เข้าใจว่า “ บำเพ็ญอยู่ที่ตัวเอง  พลังอยู่ที่อาจารย์”  ดังนั้นจะเลือกเนื้อหาอะไรก็ไม่สำคัญ

อาจารย์      นั่นก็เป็นการเดินไปอีกสุดขั้วหนึ่งแล้ว   ในการยืนยันความถูกต้องของฝ่า พวกท่านต้องทำอย่างมีสติ   พวกท่านจะเลือกอย่างไร และทำให้ดียิ่งขึ้น  นี่ก็คือการยืนยันความถูกต้องของฝ่าของพวกท่าน   จะเดินให้ตรงบนหนทางของตนเองได้อย่างไร  อะไรๆก็ล้วนให้ ข้าพเจ้าทำ   ท่านก็กลายเป็นเครื่องพิมพ์ดีดหนึ่งเครื่อง เช่นนั้นข้าพเจ้ายังจะให้ท่านเป็นศิษย์ต้าฝ่าอะไรกันอีก? กลับชาติไปเกิดเป็นเครื่องพิมพ์ดีดก็พอแล้วมั้ง (ที่ประชุมหัวเราะ)

ศิษย์           เรียนถามในอนาคตยังจะมีผู้ได้รับฝ่า  ยังจะต้องบำเพ็ญกัน   นี่รวมถึงศิษย์ต้าฝ่าที่ทำไม่ดีพอในระหว่างยุคเจิ้งฝ่าด้วยหรือไม่

อาจารย์      ไม่รวม! จุดนี้ข้าพเจ้าบอกพวกท่านได้แน่นอน      ยุคสมัยนี้  กลุ่มนี้ก็คือกลุ่มนี้แล้ว

ศิษย์           ขณะนี้งานของต้าฝ่ารัดตัวมาก   จำเป็นหรือไม่ที่ต้องจัดเวลาเขียนบทความของคนธรรมดาสามัญให้กับศิษย์ต้าฝ่า ที่ทำหนังสือพิมพ์ใช้   หรือพยายามใช้บทความสำเร็จรูปที่คนธรรมดาสามัญเขียนไว้แล้ว

อาจารย์      ข้าพเจ้าคิดว่า  ให้ดูความจำเป็นของพวกท่านก็แล้วกัน  ทำอย่างไรก็ได้  ท่านอย่าได้คิดว่าการเขียนบทความของคนธรรมดาสามัญก็ไม่ใช่การช่วยเหลือสรรพชีวิตแล้ว ท่านทั้งหลายร่วมกันทำสื่อออกมาช่วยเหลือสรรพชีวิต ผลที่ได้ก็จะมีของท่านส่วนหนึ่ง   แม้ว่าสิ่งที่ท่านเขียนนั้นเป็นบทความของคนธรรมดาสามัญ(เสียงปรบมือ) แน่นอนละ ท่านก็อย่าเอาแต่เขียนบทความของคนธรรมดาสามัญ  ต้องทำเรื่องอื่นๆที่ศิษย์ต้าฝ่าควรทำด้วยซิ

ศิษย์     ศิษย์ต้าฝ่า  แห่งแคลิฟอร์เนียเหนือ และใต้ ฝากความระลึกถึงท่านอาจารย์   เรียนถามท่านอาจารย์  ผู้ฝึกบางคนแสวงหาความสามารถพิเศษ กับพลังเป็นต้น   อยากโอ้อวดตัวเอง  ทั้งยังมีคนหลับขณะฝึกพลังกงและ ฟาเจิ้งเนี่ยน   เมื่อพวกเราเตือนสติด้วยความหวังดี  เขากลับโกรธ  ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดีกับเขา

อาจารย์      โกรธก็โกรธซิ  เมื่อโกรธแล้วก็พูดได้ชัดว่า การบำเพ็ญนั้นมีปัญหา   เหตุใดทำผิดแล้วยังจะโกรธอีก  ถึงโกรธก็ต้องพูดกัน   เพื่อรับผิดชอบต่อเขาอย่างแท้จริง  ก็ไม่กลัวว่าเขาจะโกรธ

            โอ้อวดความสามารถอะไรกันกับศิษย์ต้าฝ่าล่ะ   มีอะไรน่าโอ้อวด   ไปโอ้อวดกับพวกสมุนดำของสิ่งชั่วร้ายจะดีกว่า   ที่จริงความสามารถทั้งหลายที่ท่านมี   ไม่ใช่เพราะบำเพ็ญต้าฝ่าจึงให้กับท่านหรอกหรือ   อย่าไปโอ้อวดกับผู้ฝึก และอย่าได้หลงระเริง  อย่าได้เข้าใจว่าตนเองมีความสามารถอะไร   ความสามารถเล็กน้อยของท่านจะทำอะไรได้   สิ่งเหล่านี้อย่าให้อาจารย์พูดกับท่านอีกเลย   ต้องเคารพตนเองสักหน่อย  ผู้ที่ถูกจิตยึดติดชักนำจนขาดสติ   นอกจากจำนวนไม่กี่คนที่มีจิตยึดติด รับฟังท่านโอ้อวดแล้ว  ผู้ฝึกล้วนมองท่านอย่างไร รู้ไหม

            พอโอ้อวดแล้ว สิ่งเหล่านั้นก็ไม่ใช่อะไรอีก  อย่ายึดติดกับสิ่งเหล่านี้  ยิ่งไม่ควรนำสิ่งที่ท่านมองเห็นไปเผยแพร่ในหมู่ผู้ฝึกด้วยจิตใจของคน   ที่จริงเรื่องเหล่านี้ไม่ใช่ว่าจะพูดในหมู่ผู้ฝึกไม่ได้  และไม่ใช่ว่าไม่ควรจะมีความสามารถ  ที่สำคัญคือมีจิตใจอะไร   หากใช้อย่างถูกต้องก็จะเป็นประโยชน์ต่อศิษย์ต้าฝ่า   ถ้าโอ้อวด ก็คือท่านกำลังก่อการรบกวน

            วันนี้ศิษย์ต้าฝ่าล้วนอยู่ในท่ามกลางการยืนยันความถูกต้องของฝ่า หยวนหมั่นเกียรติยศ มรรคผล  อันสูงส่งไร้เทียมทานของพวกเขา  สิ่งใดๆก็อย่าได้สอดแทรกเข้ามา  ใครสอดแทรกเข้ามา ผู้นั้นก็ทำบาป  ไม่อนุญาตอย่างเด็ดขาด !  หากเตือนครั้งสองครั้ง ไม่ยอมฟัง นานๆเข้า ย่อมเป็นเพราะอิทธิพลเก่าต้องการผลักดันท่านไปฝ่ายตรงข้าม  จึงได้ทำเช่นนี้    ท่านก็กำลังก่อผลเช่นนี้   เมื่อเลยมาถึงขั้นนี้จริงๆก็ไม่อาจช่วยเหลือได้อีกแล้ว   ข้าพเจ้าไม่ยอมรับการจัดวางของอิทธิพลเก่า   อาจารย์กำลังช่วยเหลือ  กำลังให้โอกาสท่าน  อย่าทำซ้ำแล้วซ้ำอีก  เป็นอย่างนี้อยู่เรื่อยไป   หากอยู่ท่ามกลางการอธิบายความจริง ช่วยเหลือสรรพชีวิต  คัดค้านการประทุษร้าย  แล้วแสดงอิทธิฤทธิ์อย่างยิ่งใหญ่ได้จริงๆ  ข้าพเจ้ากับศิษย์ต้าฝ่าทั้งหมดล้วนจะสรรเสริญท่าน   เป็นเช่นนี้ใช่หรือไม่  

            เทียนถี่(ร่างจักรวาล)นั้นใหญ่จนไม่มีทางที่จะบรรยายได้  มีเรื่องมากมายที่ข้าพเจ้าไม่พูดกับพวกท่านเลย   ที่ท่านรู้นั้นเล็กน้อยเหลือเกิน   เทพชั้นสูงมากองค์หนึ่ง  เมื่อเขาได้เห็นเทียนถี่ที่กว้างใหญ่ยิ่งขึ้น  เห็นความมหึมาของมัน  จะตกตะลึงจนอ้าปากค้าง   เทพล้วนจะเป็นเช่นนี้  หากคนได้รับรู้มิติที่ใหญ่ยิ่งกว่าสักหน่อยก็ต้องหวั่นไหวอย่างแน่นอน  แต่ว่าศิษย์ต้าฝ่าต้องมีสติ

ศิษย์           สื่อต่างๆที่ศิษย์ต้าฝ่าทำมีอานุภาพเกรียงไกรในต่างประเทศ   ใช่หรือไม่ว่า สุดท้ายแล้ว  สื่อต่างๆที่ใช้ในการเจิ้งฝ่า ผ่านช่องทางที่มีอยู่ ซึ่งใช้ในการอธิบายความจริง เช่น อินเตอร์เน็ต หรือการส่งจดหมาย เป็นต้น ควรมุ่งสู่ประเทศจีนอย่างทั่วถึง  และควรพิจารณาถึงระดับความสามารถที่จะรับได้ของคนจีนหรือไม่  เพราะชาวจีนแผ่นดินใหญ่ไม่ เหมือนชาวจีนโพ้นทะเล  พวกเขาถูกพิษร้ายของการหลอกลวงอย่างลึกซึ้ง

อาจารย์            ขณะนี้ทุกๆสิ่งที่พวกเราทำนั้น โดยพื้นฐานแล้วข้าพเจ้าว่า เปี่ยมด้วยสติสัมปชัญญะอย่างยิ่ง ไม่ว่าชาวจีนแผ่นดินใหญ่ หรือ ชาวจีนนอกแผ่นดินใหญ่ ล้วนสามารถรับได้  ข้าพเจ้ารู้สึกว่าในขณะนี้  สื่อเหล่านี้นับว่าทำได้ดี   บรรดาวิธีการที่ใช้ในการอธิบายความจริง  บทความที่เขียน  ชาวจีนแผ่นดินใหญ่ถือว่าสามารถรับได้ทั้งหมด

            หากให้มุ่งต่อชาวจีนแผ่นดินใหญ่ทั้งหมด  ปัจจุบันยังไม่เหมาะ   หนังสือพิมพ์ที่ศิษย์ต้าฝ่าจะทำในอนาคต จะเป็นฉบับที่ใหญ่ที่สุดในโลก( เสียงปรบมือ )  เพราะสื่อหลอกลวงเหล่านั้นล้วนมีบาป  คนเหล่านั้นก็จะต้องชดใช้  สื่อของพวกเขาก็ต้องชดใช้

            ข้าพเจ้าก็ได้ตอบปัญหาให้ท่านจนหมดแล้ว ( เสียงปรบมือ ) สังคมมนุษย์ ได้ผ่านขั้นตอนเช่นนี้มากว่าร้อยล้านปีแล้ว  สรรพชีวิตล้วนมาเพื่อฝ่านี้  สรรพชีวิตทั้งปวงในตรีภูมิล้วนมาเพื่อฝ่านี้ ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝ่านี้  เกิดขึ้นมาเพื่อฝ่านี้  รวมทั้งสรรพสิ่ง   ทุกสิ่งในโลกมนุษย์ ล้วนแต่กำลังหมุนวนอยู่รอบต้าฝ่า  ไม่ว่าคนจะรู้สึกได้หรือไม่   ไม่ว่าท่านจะรู้สึกว่าเขามีสำนึก หรือไม่สำนึก   อะไรๆก็ล้วนอยู่รอบต้าฝ่า   รวมทั้งทุกสิ่งในโลกปัจจุบัน ที่เย็นชาต่อการประทุษร้ายครั้งนี้ก็ดี หรือให้ความเอาใจใส่ก็ดี  ก็กำลังหมุนอยู่รอบต้าฝ่า   เนื่องจากความจำเป็นต้องเจิ้งฝ่า  ก็คือจำเป็นต้องมีคนกลุ่มหนึ่งในสภาพการณ์เช่นนี้  เพื่อปิดผนึกและรักษาเอาไว้สำหรับ คนรุ่นถัดไปได้บำเพ็ญ   และก็พูดได้ว่า  ท่านอย่าได้เห็นว่ามันคล้ายกับไม่มีลำดับ ล้วนแต่มีลำดับ  อะไรๆก็ล้วนเชื่อมโยงกับการเจิ้งฝ่าครั้งนี้ อย่างแยกไม่ออก

            ทุกสิ่งที่พวกเราทำล้วนยิ่งใหญ่  ทุกสิ่งที่ศิษย์ต้าฝ่าทำล้วนเป็นการช่วยเหลือสรรพชีวิต  ทุกสิ่งที่ศิษย์ต้าฝ่าทำล้วนเป็นสิ่งที่ คนแต่ก่อนในประวัติศาสตร์ไม่เคยทำ   ความยิ่งใหญ่ของเขา เนื่องด้วยมีต้าฝ่า  ความยิ่งใหญ่ของเขาเป็นเพราะต้าฝ่าได้สร้างผู้บำเพ็ญกลุ่มนี้ขึ้นมา และเพราะต้าฝ่าอยู่ในตรีภูมิ  ถ่ายทอดอยู่ในโลกมนุษย์  และในโลกใบเล็กๆนี้ กลับกำลังส่งผลสะเทือนไปถึงเทียนถี่อันมหึมา  ดูไปคล้ายธรรมดาๆ  ดูไปคล้ายกับไม่แตกต่างจากเรื่องของคนธรรมดาสามัญ  แต่ว่าธรรมานุภาพของเขากลับสอดคล้องกับเทียนถี่ที่สูงที่สุด

            เหล่าศิษย์ต้าฝ่าได้เดินผ่านกาลเวลาที่ยากลำบากเช่นนั้นแล้ว  ข้าพเจ้าหวังว่าทุกท่านจะเดินบนหนทางสุดท้ายให้ดีที่สุด  เห็นคุณค่าในทางที่เดินผ่านมาทั้งหมด  ทุกสิ่งในอนาคตล้วนจะปรากฏออกมาท่ามกลางการยืนยันความถูกต้องของฝ่า

(เสียงปรบมือนาน 1 นาที)

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

บรรยายธรรม ณ ที่ประชุมฝ่าฮุ่ยนานาชาติ เมืองแมนฮัตตัน ค.ศ. 2005

หลี่ หงจื้อ

24 เมษายน ค.ศ. 2005

 

(เสียงปรบมือดังกึกก้อง)

สวัสดีทุกท่าน  (เสียงปรบมือดังกึกก้อง) (ที่ประชุม  สวัสดีท่านอาจารย์ )

            ทุกท่านต่างลำบากกันแล้ว  (เสียงปรบมือ)  กล่าวในฐานะศิษย์ต้าฝ่า  ทุกท่านได้ฝึกฝนจนสุกงอมแล้ว ในท่ามกลางมรสุม  ไม่ว่าจะเป็นศิษย์ต้าฝ่าในจีนแผ่นดินใหญ่ หรือ ศิษย์ต้าฝ่านอกจีนแผ่นดินใหญ่  ล้วนเหมือนกัน  ยิ่งมีสติสัมปชัญญะยิ่งขึ้น  มีสติแจ่มชัดยิ่งขึ้นเรื่อยๆ   รู้ดียิ่งขึ้นว่าควรเดินอย่างไรบนเส้นทางของตนเอง   เวลาที่เผชิญกับการประทุษร้าย    การตำหนิติเตียนต่างๆนานา  ทุกท่านต่างสามารถปฏิบัติต่อมันได้อย่างสมเหตุสมผล   เมื่อกำลังอธิบายความจริงอยู่  ทุกท่านต่างทำไปด้วยความปรารถนาที่จะช่วยเหลือสรรพชีวิต  ดังนั้นผลลัพธ์ที่ได้จึงดีมาก

            เมื่อมองจากสถานการณ์ปัจจุบัน  โดยเฉพาะ หลังจาก “จิ่วผิง” ออกมา ทำให้ชาวโลกจำนวนมากได้สติขึ้นมาแล้ว  โดยเฉพาะคือชาวจีน ถูกมายาภาพของวัฒนธรรมพรรคที่ความคิดแบบคอมมิวนิสต์ที่ชั่วร้ายสร้างขึ้นมา ปิดกั้นเอาไว้ยาวนานเหลือเกิน   ผู้คนค่อยๆมีสติขึ้นมา  ธาตุแท้ของตนเองกำลังฟื้นคืนกลับมา  หลังจาก“ จิ่วผิง” ถูกตีพิมพ์ออกมา จนถึงช่วงเวลานี้   ทุกท่านได้พบกับเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นทั้งทางบวกและลบ หลังจากตีพิมพ์ “จิ่วผิง” ออกมาแล้ว  โดยเฉพาะคือการลาออกจากพรรคฯของคนนับพันนับหมื่น   ทำให้วิญญาณร้ายของพรรคชั่วกับพวกคนเลว หวาดกลัวมาก   ก่อนที่สิ่งชั่วร้ายจะดับสลาย มันก็กำลังปลุกระดม  ปลุกปั่น  กุเรื่องเท็จ บอกว่าพวกเรากำลังเล่นการเมือง  ที่จริงเดิมทีท่านไม่ได้เล่นการเมือง มันก็จะพูดว่าท่านเล่นการเมือง  พวกมัน ประทุษร้ายคน  โจมตีคนไปพลาง ก็ยังหลอกลวง  ปลุกระดมชาวโลกไปพร้อมกันโดยตลอด  และหาเหตุผลในการประทุษร้าย    แต่ไหนแต่ไรมา เมื่อเวลาที่พวกมันโจมตีใคร  มันจะพูดว่าใครเป็นอะไรก็ได้ตามที่มันต้องการจะพูด   ศิษย์ต้าฝ่า ทำในสิ่งที่ศิษย์ต้าฝ่าสมควรทำ  มีความแจ่มชัดอย่างยิ่ง  มีสติรู้ได้ว่าตนเองกำลังทำอะไรอยู่   คำหลอกลวงใดๆของพวกชั่วร้าย  คำกล่าวโทษทั้งหลายของวัฒนธรรมพรรค ล้วนรบกวนไม่ได้  ซัดสาดไม่ได้ 

            ในฐานะเป็นผู้บำเพ็ญ  เดิมทีการใช้วิธีการใดๆของคนธรรมดาสามัญ  เล่ห์เหลี่ยมเอย  การประทุษร้ายเอย  ปลุกระดม  ปลุกปั่น ล้วนสั่นคลอนผู้บำเพ็ญไม่ได้  โดยเฉพาะคือ สำหรับศิษย์ต้าฝ่านั้นย่อมจะใช้ไม่ได้ผล  การประทุษร้ายยาวนานเพียงนี้แล้ว  มีสิ่งที่น่าขันคือ เหล่าสมุนอันธพาลที่เข้าร่วมการประทุษร้ายศิษย์ต้าฝ่า   พวกสายลับอันธพาล  เหล่าหัวหน้าแก๊งอันธพาล นั้นยังคงไม่สามารถรู้จักศิษย์ต้าฝ่า  ยังไม่สามารถรู้ได้ว่า ผู้บำเพ็ญเหล่านี้ ที่แท้คืออย่างไร  ยังคงปฏิบัติต่อ ด้วยทัศนะของคนธรรมดาสามัญ  นี่ไม่ใช่เรื่องน่าขันมากหรอกหรือ ใช่ละ คนธรรมดาสามัญนั้นมองจากผิวนอก  มองโดยใช้ความนึกคิดของคนธรรมดาสามัญ โดยเฉพาะคือมองโดยใช้ความคิดที่บิดเบือนของวัฒนธรรมพรรค  นั้นย่อมไม่อาจเข้าใจเขตแดนและ สภาพความนึกคิด ของผู้บำเพ็ญ   การใช้จิตใจของคนธรรมดาสามัญ นั้นล้วนแต่ไม่คู่ควร  วิธีการใดๆที่คนชั่วใช้ในระหว่างการประทุษร้ายนั้น ไม่บังเกิดผลทั้งสิ้น  ดังนั้นมนุษย์ในระดับชั้นนี้คิดจะสั่นคลอน มนุษย์ในระดับชั้นและเขตแดนที่สูงกว่านั้น  ย่อมไม่อาจทำได้เลยชั่วนิรันดร์      

            หลังจากที่ “จิ่วผิง” ถูกตีพิมพ์ออกมา  มีคนธรรมดาสามัญหลายคนที่เคยถูกวิญญาณร้ายของพรรคชั่วหลอกลวง ชักนำให้พูดว่า พวกเราเล่นการเมือง  แต่ทุกท่านล้วนทราบว่า  พวกเราไม่ได้เล่นการเมือง  ในหมู่ผู้ที่ถูกประทุษร้ายแม้จะเล่นการเมือง ก็ไม่มีอะไรที่จะมองหน้าคนไม่ได้  และแน่นอนว่าเป็นสิ่งที่มีเหตุผลอยู่  แต่พวกเราไม่ได้เล่นการเมือง พวกเราก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง  ผู้บำเพ็ญที่แท้จริงจะเข้าร่วมกับการเมืองของชาวโลกได้อย่างไรกัน จักรวาลกำลังอยู่ในระหว่างการเจิ้งฝ่า  ในขณะนี้ผู้บำเพ็ญฝ่านั้น กำลังยืนยันความถูกต้องของฝ่า  ด้วยเป้าหมายในการช่วยเหลือสรรพชีวิต   เพื่อการยืนยันความถูกต้องของฝ่าของศิษย์ต้าฝ่าในยุคเจิ้งฝ่า  สามารถอาศัยรูปแบบใดๆของสังคมคนธรรมดาสามัญ  ใช้ เพื่อความสะดวกให้กับการเจิ้งฝ่า   นี่ก็เป็นเพียงการเลือกใช้ตามความจำเป็นในการช่วยเหลือสรรพชีวิตเท่านั้น    เพราะทุกสิ่งในตรีภูมินั้น เกิดขึ้นมาเพื่อการเจิ้งฝ่าทั้งสิ้น   สิ่งที่เผชิญอยู่คือ การช่วยเหลือสรรพชีวิต จะทำอย่างไรให้ชีวิตได้รับการช่วยเหลือ จึงเป็นเรื่องสำคัญ   เวลาที่พลิกแพลงใช้สิ่งเหล่านี้ในโลก  ก็พิจารณาทบทวนเสมอว่าจะทำอย่างไรจึงจะสามารถทำให้สรรพชีวิตเข้าใจ และสามารถทำให้พวกเขาได้รับการช่วยเหลือ จึงนำมาพลิกแพลงใช้    ตรีภูมินั้น ประกอบขึ้นเพื่อการเจิ้งฝ่าในวันนี้   สรรพสิ่งและสรรพชีวิตในตรีภูมินั้นล้วนมาเพื่อการเจิ้งฝ่า  สร้างขึ้นมาเพื่อการเจิ้งฝ่า  เกิดขึ้นเพื่อการเจิ้งฝ่า   หรือพูดว่า สรรพชีวิตของที่นี่กับสรรพสิ่งล้วนมาเพื่อเรื่องนี้   เรื่องใดๆในนี้ก็ล้วนแต่สร้างสรรค์  ก่อตั้ง  เกิดขึ้นเพื่อเรื่องการเจิ้งฝ่านี้  ดังนั้นศิษย์ต้าฝ่าที่อยู่ในยุคของการเจิ้งฝ่านั้น  ขอเพียงชาวโลกสามารถเข้าใจ แล้วได้รับการช่วยเหลือ  พวกเราก็สามารถพลิกแพลงใช้วิธีการที่สะดวกต่อการช่วยเหลือสรรพชีวิต ได้ตามความปรารถนา  แต่พวกเราก็ใช้อย่างคัดสรร  อย่างมีเมตตา  อย่างถูกต้อง

            ก็จะขอเอาเรื่อง “จิ่วผิง”นี้มาพูดกัน  เป้าหมายเริ่มแรกในการพิมพ์ “ จิ่วผิง”  ก็คือต้องการเปิดโปงธาตุแท้ของคอมมิวนิสต์จีน ทำให้ชาวโลกกลุ่มหนึ่งที่ถูกคอมมิวนิสต์จีนปิดกั้น ได้มองเห็นคอมมิวนิสต์จีนอย่างกระจ่างชัด แจ่มแจ้งในความชั่วร้ายของคอมมิวนิสต์จีน  จากนี้จึงได้รับการช่วยเหลือ   เนื่องจากเวลาที่ศิษย์ต้าฝ่าอธิบายความจริงนั้น  มีชาวโลกมากมายที่ได้รับผลกระทบจากการโฆษณาชวนเชื่อ  ของพวกคอมมิวนิสต์จีนชั่วบนโลก กับวิญญาณชั่วของพรรคมาร  โดยอาศัยวัฒนธรรมพรรค จนไม่ฟังอะไรทั้งสิ้น หลายคนพอเอ่ยปาก ก็พูดว่า พรรคบอกว่าท่านไม่ดี ท่านก็ต้องไม่ดี  และมีหลายคนที่ถูกวัฒนธรรมพรรคบิดเบือนไป เมื่อพูดถึงการปราบปรามของคอมมิวนิสต์จีน นั้น ก็จะว่า ถ้าเป็นฉัน ก็จะปราบเหมือนกัน และมีหลายคนยังคงถูกปิดกั้น และเชื่อถือเครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อเหล่านี้ที่คอมมิวนิสต์จีนควบคุมเป็นอย่างมาก จนถึงกับยังคงเชื่อฟังอำนาจอันธพาลทางการเมืองของคอมมิวนิสต์จีน  ยังคงถือว่าคำพูดชั่วร้ายของมันเป็นสัจธรรม   ต่อสถานการณ์เช่นนี้ จะทำอย่างไรดี    พวกเราก็ไม่ต้องเมตตาแล้วหรือ  ไม่ช่วยเหลือคนเหล่านี้แล้วหรือ   ต้องช่วยแน่นอน  ที่ผ่านมาข้าพเจ้าพูดกับทุกท่านตลอดมาว่า  ชาวจีนทุกวันนี้ ล้วนแต่ไม่ธรรมดา  อย่าเห็นว่าหนังผืนนี้ยังคงเป็นเช่นนั้น   ที่จริงผู้ที่ควบคุมคนๆนั้น  ไม่ใช่คนในอดีตที่ผ่านมา   มีจำนวนมากล้วนเป็นชีวิตในระดับชั้นสูง ที่ลงมาควบคุมอยู่   ยังมีจำนวนมากที่เป็นราชาของชนชาติต่างๆในประวัติศาสตร์  กลับชาติมาเกิดในประเทศจีน   ดังนั้นคนกลุ่มนี้ในประเทศจีนทุกวันนี้  ไม่ธรรมดา  เพียงแต่ในเวลาที่คนกลับชาติมาเกิดนั้น  เทพพอลงมาสู่โลก  ล้วนต้องเข้าสู่วังวน  คนที่อยู่ในวังวนจึงง่ายที่จะถูกหลอกใช้  แต่พวกเขาล้วนสมควรได้ฝ่า  สมควรได้รับการช่วยเหลือทั้งหมด  และมีวาสนาที่ใหญ่มาก

            ชีวิตจำนวนมากมายที่คิดมาสู่ตรีภูมิ  ก็จะไม่มีทางกลับไปได้อีก   ในประวัติศาสตร์ไม่ว่าจะมีชีวิตสักเท่าไรมาเกิดเป็นคนแล้ว   ล้วนไม่มีสักคนที่สามารถกลับไปได้    ในประวัติศาสตร์ไม่ว่าในการบำพ็ญ  จะมีสักกี่คนที่บำเพ็ญสำเร็จเป็นเทพ หรือพระพุทธ  ก็หาใช่คนๆนั้นที่แท้จริง ที่บำเพ็ญสำเร็จ   ล้วนเป็นจิตรองของคนที่ยืมร่างหลักของคนในการบำเพ็ญ   และจิตหลักของคนนี้ ที่แท้จริงนั้น ก็ไม่เคยบำเพ็ญสำเร็จ   ร้อยปีหลังจากบำเพ็ญ   ผู้ที่บำเพ็ญสำเร็จคือ คนๆหนึ่งที่มีรูปลักษณ์ของคนๆนี้   แต่ว่านั่นคือจิตรอง   แต่ในฐานะที่เป็นจิตหลัก   กล่าวสำหรับคนๆนี้แล้ว  ยังต้องกลับไปเวียนว่ายตายเกิดหกทาง  ฉะนั้นอาจกล่าวได้ว่า  ชีวิตของระดับชั้นสูงมากมายนั้น ที่กล้าลงมาสู่ตรีภูมิซึ่งอันตรายมากอย่างนี้   เพื่ออะไรกัน  พวกเขาเป็นเทพ  พวกเราไม่ช่วยเหลือพวกเขาได้หรือ   พวกเขามิใช่มาเพื่อรับฝ่าหรือ  พูดจากอีกมุมหนึ่ง  ที่พวกเขากล้ามากันนั้น ไม่ใช่เป็นการยืนยันความถูกต้องของการเจิ้งฝ่า และฝากความหวังไว้กับการเจิ้งฝ่าครั้งนี้หรือ   ดังนั้นข้าพเจ้าว่า  พวกเราไม่อาจทำให้พวกเขาตกหล่นไป   พวกเราต้องช่วยเหลือพวกเขาให้ได้   คิดหาวิธีช่วยเหลือพวกเขา   แม้พวกเขาจะเลอะเลือนไปในบางครั้ง  หรือว่าถูกวัฒนธรรมพรรคชนิดนี้  ทำให้เกิดทัศนคติที่บิดเบือนไปเป็นเวลานาน   ไม่สามารถรับรู้สัจธรรม  ไม่สามารถรับรู้ความจริง   พวกเราก็ต้องคิดหาวิธีช่วยเหลือพวกเขา

            ในขณะนี้อุปสรรคที่ใหญ่ที่สุด คือ วัฒนธรรมพรรคชนิดนี้ ที่สร้างขึ้นมา กับผลของมันที่ทำให้สรรพชีวิต มองไม่เห็นความจริง   กระทั่งไม่คิดจะฟัง   ในสถานการณ์อย่างนี้  “ จิ่วผิง” ก็จะเป็นประโยชน์   ทำให้คนเห็นธาตุแท้ของคอมมิวนิสต์จีนได้ชัดเจน   เห็นธาตุแท้ของสิ่งชั่วร้ายอย่างชัดเจน   รู้จักวัฒนธรรมที่บิดเบือน ของพรรคชั่ว   มีคนจำนวนมากที่ไม่พูดอีกต่อไปแล้วว่า เขาเชื่อฟังพรรค   มีคนมากมายไม่เชื่อฟังรัฐบาลอันธพาลนี้อีกแล้ว   พวกเราไม่มีเป้าหมาย  หรือจุดประสงค์ทางการเมือง   พวกเราก็ไม่อยากได้อำนาจทางการเมืองนั้นของคนธรรมดาสามัญ พวกเรากำลังช่วยคน   ถ้าหากคอมมิวนิสต์จีนยังคงดิ้นรนไม่ยอมเลิกรา ใช้เล่นเล่ห์กล รบกวนการช่วยเหลือสรรพชีวิต  เช่นนั้นเรายังมีวิธีอื่น  พุทธธรรมนั้นไร้ขอบเขต (เสียงปรบมือยาวนาน)

            เดิมทีการเจิ้งฝ่าครั้งนี้ เป็นการช่วยเหลือสรรพชีวิตทั้งหมด  ไม่ว่าชีวิตนี้จะดีหรือเลว  เคยทำผิดไว้มากมายแค่ไหนในประวัติศาสตร์   ก็จะไม่ดูสิ่งเหล่านี้เลย   เพราะทั่วทั้งจักรวาลล้วนใช้ไม่ได้แล้ว  ผู้ที่รู้มีความผิด ผู้ที่ไม่รู้ก็มีความผิด  ยังจะดูว่าใครดี ใครไม่ดี  ใครใช้ได้ ใครใช้ไม่ได้ ไปทำไมอีกละ   จะไม่ดูสิ่งเหล่านี้แล้ว  จะช่วยเหลือทั้งหมดเลย   แต่มีอยู่จุดหนึ่ง  ที่สำคัญที่สุด  คือในระหว่างการเจิ้งฝ่า นั้น  ไม่อาจจะถูกรบกวน   เช่นนั้นชีวิตทั่วทั้งจักรวาล  รวมทั้งชีวิตและชาวโลกภายในตรีภูมินั้น  สิ่งสำคัญที่สุดคือ ท่าทีต่อการเจิ้งฝ่า  ก็คือมาตรฐานนี้   คือดูว่าชีวิตในวันนี้ มีท่าทีอย่างไรต่อต้าฝ่า  ฉะนั้นจึงพูดได้อีกอย่างว่า   กล่าวสำหรับพรรคชั่วคอมมิวนิสต์จีนนั้น  ในตอนแรกไม่ได้คิดจะกำจัดมันไป  แม้มันจะทำแต่เรื่องเลวราย  สร้างวัฒนธรรมพรรคที่ชั่วร้ายขึ้นมา  เข่นฆ่าคน และชีวิตอื่นๆอีกนับไม่ถ้วน   เพราะในระหว่างการเจิ้งฝ่า สามารถปรับแก้สิ่งที่ไม่ถูกต้องได้ทั้งหมด   กระทั่งไม่จำเป็นต้องให้ผู้บำเพ็ญเผชิญกับปัญหานี้   และไม่จำเป็นต้องให้ผู้บำเพ็ญไปแก้ไขมัน   ในระหว่างการเจิ้งฝ่า  สิ่งเหล่านี้สามารถหวนคืนสู่ความถูกต้องได้อย่างแท้จริง  หรือพูดว่า จะไม่แตะต้องท่านแม้แต่ผิวนอกเลย  รวมทั้งวิญญาณชั่วเหล่านั้นของพรรคมาร   ก็สามารถหวนคืนสู่ความถูกต้องได้ทั้งหมด   ทำให้มันเปลี่ยนเป็นชีวิตที่ดีได้  แต่ในระหว่างการเจิ้งฝ่าครั้งนี้  เมื่อพูดจากระดับชั้นของคนธรรมดาสามัญนั้น  เดิมที ก็เป็นประโยชน์ต่อสังคมด้วย ในช่วงหลายปีที่ฝ่าหลุนกงเผยแพร่อยู่ในสังคมประเทศจีน ทำให้จิตใจของคนจำนวนมากมายในสังคมจีน เกิดการเปลี่ยนแปลงได้อย่างแท้จริง ยกระดับศีลธรรมให้สูงขึ้น  ร่างกายคนแข็งแรง  คอมมิวนิสต์จีนรู้ดีว่าอำนาจทางการเมืองของตนไม่สอดคล้องกับกฎหมาย   จึงป่าวประกาศครั้งแล้วครั้งเล่า ถึง “ความมั่นคง”  และการรักษาอำนาจของมันเอาไว้   แน่ละนี่ก็เป็นเรื่องของคนธรรมดาสามัญทั้งนั้น  พวกเรานั้นไม่สนใจท่าน   แต่ต้าฝ่าถ่ายทอดอยู่ในประเทศจีน  ก็เป็นประโยชน์ต่อคนในสังคมนั้นใช่หรือไม่  มีพลังที่ช่วยให้สังคมนี้มั่นคงแล้วใช่หรือไม่ ใจคนมุ่งสู่ความดีงาม แต่ละคนต่างทำหน้าที่การงานของตนอย่างดี   แต่ละคนล้วนปฏิบัติตนเป็นคนดีในสภาพแวดล้อมต่างๆ  พลังด้านจิตใจชนิดนี้  ได้กลายเป็นพลังทางวัตถุ  สามารถทำให้ประเทศนี้  ชนชาตินี้ได้รับประโยชน์ ทางเศรษฐกิจอย่างใหญ่หลวง  เกิดประโยชน์อย่างใหญ่หลวง  ทำให้ศีลธรรมของพลเมืองฟื้นคืนกลับมา   สังคมนี้มีความมั่นคงเพียงไรแล้ว   สังคมนี้ใครกุมอำนาจอยู่ละ  ใครที่ได้รับประโยชน์ละ   นี่ไม่ใช่แบให้เห็นกันอย่างชัดแจ้งหรือ แต่ว่าวิญญาณชั่วพรรคมารกับคนชั่วแก๊งหนึ่งของมันที่เคยชินกับการใช้อำนาจบาตรใหญ่ ยังคงเลือกที่จะประทุษร้าย เอาละ ในเมื่อท่านเลือกที่จะประทุษร้าย เหล่าเทพจึงกำหนดที่จะกวาดล้างท่านนับตั้งแต่วันที่ท่านเลือกที่จะประทุษร้าย ในระหว่างการประทุษร้าย ทุกสิ่งที่ทำไว้กับศิษย์ต้าฝ่า  การวางยาพิษต่อชาวโลกล้วนต้องชดใช้  ที่จริงบาปที่หนักยิ่งกว่า ก็คือการรบกวนต่อการเจิ้งฝ่า

            ทุกท่านทราบแล้วว่าในระหว่างการเจิ้งฝา ชีวิตมากมายในอีกมิติ  ล้วนอยู่ภายในพลังอันยิ่งใหญ่ของการเจิ้งฝ่า  เมื่อพลังนี้ผ่านไปแล้ว ก็จะถูกขจัดทิ้งไป  อย่างรวดเร็วมาก การเจิ้งฝ่าโดยรวมได้ก้าวรุดหน้าไป  ไม่ว่าความเร็วนี้ จะรวดเร็วเพียงใด  ก็จะต้องมีขั้นตอนหนึ่งอยู่ เพราะมิติของจักรวาลนั้นเกิดขึ้นจากกาลเวลาที่แตกต่างกัน โลกแต่ละใบต่างมีกาลเวลาของตนเอง อณูแต่ละอณู ต่างมีกาลเวลาของตนเอง   ขอบเขตที่ประกอบขึ้นมาจากอณูกับอณูด้วยกันเองก็มีเวลาของตนเอง   ขอบเขตที่ประกอบขึ้นมาจากดวงดาว กับดวงดาวด้วยกัน  ก็มีกาลเวลาของตนเอง   อย่างเช่น ขอบเขตของดาวนพเคราะห์ ทางช้างเผือก ระบบดวงดาวอื่นๆ ระบบดวงดาวทั้งหมด  จักรวาลนี้  จักรวาลที่อยู่นอกจักรวาลนี้   จักรวาลในขอบเขตที่ใหญ่ยิ่งกว่า ทั้งหมดต่างมีกาลเวลาของตนเอง แต่ละจักรวาล  ร่างนภาแบบนี้  กาลเวลาของพวกมัน ล้วนไม่เหมือนกัน  ชั่วโบกมือทีเดียวก็เสร็จสิ้น   แต่ว่าในช่วงระยะเวลาของโบกมือนี้   ในบางมิติ นั้น  เนื่องจากเวลาของมิตินั้นเร็วมาก  มันเร็วจนถึงกับ เพียงโบกมือครั้งเดียว ก็ผ่านไปหลายหมื่นปีแล้ว  ส่วนบางมิติ  ชั่วโบกมือหนึ่ง เวลาในมิตินั้นก็เกือบจะผ่านไปพร้อมกับการโบกมือนี้   บ้างต้องใช้เวลาหลายร้อยปี  หลายพันปี  มนุษยชาติที่นี่ ยังนับว่าไม่เลว   นับแต่เริ่มการเจิ้งฝ่าจนถึงวันนี้  ก็เพียงแค่ผ่านไปสิบกว่าปี  แน่ละก่อนที่อาจารย์จะถ่ายทอดฝ่าก็ได้ทำเรื่องนี้แล้ว   ที่จริงก็เร็วมากแล้ว   คนชั่วกับวิญญาณร้ายที่ทำชั่วต่อศิษย์ต้าฝ่านั้น  มันก็เพียงทำชั่วอยู่ในช่วงก่อนที่การเจิ้งฝ่ายังมาไม่ถึง   ที่จริงเวลานั้นสั้นอย่างยิ่ง   สมมติว่านำเวลาของมนุษย์ จัดวางพร้อมไปกับการเจิ้งฝ่า   พอโบกมือก็จะจบแล้ว   ที่มนุษย์ตรงนี้ กาลเวลาแสดงออกมายาวนานมาก   แต่ที่จริงเร็วมาก   เนื่องจากความเร็วของการเจิ้งฝ่านั้นต้องเร็วมาก  ดังนั้นความเร็วของการรุดหน้าไปนั้น  จึงอยู่เหนือกาลเวลาทั้งหมดของจักรวาล  เพื่อการรบกวนต่อการเจิ้งฝ่า  พลังของจักรวาลเก่า ก็หมุนเปลี่ยนไปเร็วมาก  ตรีภูมิก็หมุนเปลี่ยนเร็วตามไปด้วย

            ที่ผ่านมาข้าพเจ้าพูดกับพวกท่านว่า  เวลาของมนุษย์นั้น  เดี๋ยวนี้เร็วมากแล้ว  ที่ผ่านมาข้าพเจ้าเคยพูดกับพวกท่านหลายครั้งว่า มันมีการเปลี่ยนแปลงไปหลายครั้ง  ข้าพเจ้าเคยพูดว่า เวลาหนึ่งวัน คือ หนึ่งวินาทีในอดีต  ต่อมาข้าพเจ้าเคยพูดกับพวกท่านว่า  หนึ่งปีของปัจจุบัน คือ หนึ่งนาทีในอดีต  ก็เร็วถึงเพียงนี้  แต่ชีวิตภายในนี้กลับไม่รู้สึก เพราะวัตถุข้างในของมัน  องค์ประกอบทั้งหมดของมันก็เร็วตามกันไป  เวลา และ มิติได้สร้างสภาพแวดล้อมของจักรวาลที่ต่างกัน  รูปแบบมิติที่ต่างกัน  ชีวิตในนี้ ทั้งหมดล้วนเร็วขึ้นพร้อมกันไปในกาลเวลา  ดังนั้นท่านจึงไม่อาจรู้สึกว่ามันกำลังเร็วยิ่งขึ้น   สถานการณ์ของการเจิ้งฝ่าไม่เพียงแต่ความเร็วที่ผลักดันนั้นเร็วขึ้น    สถานการณ์เก่าก็หมุนเปลี่ยนไป เร็วขึ้น  ก็เป็นเช่นนี้   ปัจจุบัน เวลานี้ได้สั้นลงมากแล้ว  เนื่องจากสสารที่ประกอบขึ้นมาเป็นคนนั้น มีขีดจำกัด  เวลาที่เร็วเกินไปนั้น สรรพชีวิตในตรีภูมิจะรับไม่ไหว   ปัจจุบันได้มาถึงจุดที่มนุษย์ ปรับตัวเข้ากับเวลาอย่างถึงที่สุดแล้ว การเปรียบเทียบเพียงหนึ่งเดียวที่มนุษย์จะสามารถรู้สึกได้ถึงกาลเวลาที่เร็วขึ้น  ก็คือความรู้สึกที่ประทับใจของผู้คน  โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุมากสักหน่อยจะทราบว่า  ในอดีต ในหนึ่งวันสามารถทำอะไรต่างๆได้หลายเรื่อง  คล้ายกับว่าหนึ่งวันนั้นยาวนานมาก  ฟ้าไม่มืดสักที  แต่พบว่าเดี๋ยวนี้จากเช้าจนค่ำ ยังไม่ทันได้ทำอะไรฟ้าก็มืดแล้ว และความเข้าใจของคนก็ตามไม่ทัน สสารในแต่ละระดับชั้นนั้นมีขีดจำกัดของระดับชั้นนั้น  องค์ประกอบสสารนี้ตามไม่ทัน  ที่จริงความเร็วของการเจิ้งฝ่านั้นเร็วมากจริงๆ  อย่าเห็นว่าพวกสิ่งชั่วร้ายมัน แสดงออกมาร้ายกาจอย่างไร   การลงเอยอย่างน่ากลัวที่จะต้องเผชิญในอนาคตนั้น ก็กำลังอยู่ตรงหน้านี่  (เสียงปรบมือกึกก้อง)

            ดังนั้นหลังจากตีพิมพ์ “ จิ่วผิง” ออกมาแล้ว  ศิษย์ต้าฝ่าขณะที่อธิบายความจริงอยู่  ช่วยเหลือสรรพชีวิตอยู่ ได้ทำให้คนมากมายเข้าใจความจริงแล้วจริงๆ โดยเฉพาะมีคนมากมายพูดเรื่องการลาออกจากพรรคขึ้นมา   ออกห่างจากสิ่งชั่วร้ายนี้   ต่อปัญหานี้  ทุกท่านคิดดู  บางคนพูดว่าฉันไม่ต้องลาออกจากพรรค  ฉันก็รู้ว่ามันไม่ดี  ไม่ได้จ่ายค่าสมาชิกพรรคมาตั้งนานแล้ว   นั่นไม่ใช่ ว่าท่านคิดอยู่ในใจก็จะจบกัน   ตอนแรกในเวลาที่ท่านชูกำปั้นขึ้น ปฏิญาณต่อธงสีเลือดนั้นอย่างตั้งอกตั้งใจ  ท่านพูดว่าท่านขอมอบชีวิตอุทิศให้กับมัน  ท่านอุทิศชั่วชีวิตนี้ให้กับมัน วันนี้หากท่านไม่แสดงออกมาอย่างเปิดเผย  ไม่ลาออก  นั่นจะนับว่าใช้ได้หรือ   ท่านคิดอยู่ในใจก็จบกันแล้วหรือ   ความคิดของคนนั้นไม่มั่นคง  สมองใหญ่ของคนนั้นเป็นเพียงโรงงานแปรรูปอย่างหนึ่ง ข้อมูลนานาชนิดล้วนจะแสดงออกมา สะท้อนออกมา  โดยผ่านสมองใหญ่ของคน รบกวนคนๆนี้   ที่มาของความคิดคนนั้นสลับซับซ้อนอย่างยิ่ง   คิดจะตัดสินท่าทีอะไรของคนๆนี้  ทำอะไร  เป็นคนอย่างไร  ก็จำเป็นต้องอาศัยพฤติกรรมของเขาเป็นบรรทัดฐาน  แค่คิดไม่พอ   เหตุใด ในเรื่องราวต่างๆจึงอาศัยพฤติกรรมของคนเป็นบรรทัดฐานละ  บางคนคิดจะทำเรื่องเลวร้าย  ก่อนที่จะลงมือทำนั้น  ท่านไม่อาจลงโทษเขาได้  เมื่อเขาทำไปแล้วท่านจึงจะลงโทษเขาได้   ก็เพราะที่มาของความคิดคน กับความคิดโดยตัวมันเองนั้นไม่มั่นคงอย่างยิ่ง  คนมีจิตหลัก  จิตรอง  ยังมีทัศนคตินานาชนิดที่ก่อเกิดหลังกำเนิด  ดี เลว สองคุณสมบัติ  ยังมีองค์ประกอบภายนอก ซึ่งล้วนมีบทบาท  การแสดงออกทางพฤติกรรมของคน จึงจะเป็นการปรากฏออกมาที่แท้จริงของคนๆนี้   ดังนั้นในสายตาของเทพ มองว่าการประทุษร้ายศิษย์ต้าฝ่า  การรบกวนการเจิ้งฝ่านั้น ได้มีการกำหนดโทษบาปเอาไว้แล้ว  มันเป็นสิ่งที่ชั่วร้ายที่สุด ซึ่งต้องกำจัดทิ้งไป   เช่นนั้นจะกำจัดอย่างไร  ในระหว่างการกำจัดทิ้ง ครอบคลุมใครไว้บ้างละ  เพียงแต่กำจัดวิญญาณร้ายของพรรคชั่วก็พอแล้วหรือ   พรรค และสันนิบาตที่ร่วมมือกับวิญญาณร้ายของพรรคชั่วทำเรื่องชั่ว  ก็คือพวกของมันที่ทำชั่วอยู่ในโลก  นั่นคือท่านบอกว่าท่านไม่ได้ทำเรื่องชั่วอะไร  ท่านเป็นแค่สมาชิกของมัน  ก็คือเป็นส่วนหนึ่งที่เสริมมันให้ใหญ่  เป็นอณูหนึ่งของสิ่งชั่วร้าย  ก็คือเป้าหมายที่จะถูกกำจัด  ไม่ใช่เพียงเท่านี้  เนื่องจากมันล้วนกำลังแสดงบทบาทอยู่ในมิติต่างๆของตรีภูมิ  โดยเฉพาะคือโลกมนุษย์  มีคนจำนวนมากหาได้ถูกกระทำไม่  แต่เป็นฝ่ายกระทำในการถูกมันหลอกใช้  กระทั่งร่วมมือกับมัน  ฉะนั้นหากเป็นสภาพการณ์เช่นนี้ เช่นนั้นจะว่าไปแล้วสิ่งที่สมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์เหล่านี้เผชิญอยู่นั้น ไม่น่ากลัวหรือ

            นานมาแล้วที่วิญญาณชั่วของพรรคมารนี้  มีเป้าหมายที่จะดึง ผู้ที่ประสบความสำเร็จในสังคม  ผู้ที่มีความสามารถ  ผู้ที่โดดเด่นในสังคม เข้าไปในพรรค  อาศัยพวกเขาเสริมความแข็งแกร่งให้มัน  แสดงให้เห็นว่าพรรคมารนี้ยอดเยี่ยม   ดูเหมือนว่าประกอบขึ้นมาจากส่วนที่ดีเลิศจริงๆ  ที่จริงสิ่งชั่วร้ายก็รู้ว่า คนเหล่านี้ไม่แน่ว่าจะจริงใจ ดังนั้นพอเคลื่อนไหวอะไรขึ้นมา ก็ถือเป็นเป้าหมายอันดับแรกที่จะถูกโจมตี   แต่ในเวลาที่คิดบัญชีกับพรรคมาร ในเวลาที่ฝ่าจะปรับโลกมนุษย์จริงๆ อาจจะไม่พิจารณาสิ่งเหล่านี้   ท่านเพียงแต่เป็นหน่วยหนึ่งของมัน  พอพลังเจิ้งฝ่าก้าวผ่านไปก็จะกวาดทิ้งทั้งหมด  เพราะในระหว่างที่ศิษย์ต้าฝ่า ให้การช่วยเหลือสรรพชีวิตนั้น และอยู่ในสถานการณ์ที่ถูกประทุษร้ายอย่างรุนแรงนั้น  ก็ได้ใช้โอกาสทั้งหมดอย่างเต็มที่แล้ว ไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของตน ในระหว่างการช่วยเหลือสรรพชีวิต ได้อธิบายความจริงให้กับผู้คนแล้ว ได้นำเรื่องเหล่านี้บอกให้กับชาวโลกแล้ว  กำลังช่วยเหลือพวกท่าน  บางคนไม่รับฟัง  ไม่ฟังก็คือการแสดงท่าทีออกมาแล้ว    บางคนได้อ่านแล้ว   กลับไม่ลาออกจากพรรค  ไม่ลาออกก็คือการแสดงท่าทีแล้ว

            ศิษย์ต้าฝ่าเพียงแต่ทำไปโดยมุ่งหวังจะให้การช่วยเหลือด้วยความเมตตา ทำอย่างเต็มกำลัง  ช่วยเหลืออย่างเต็มที่  ดังนั้นไม่ว่า ตั้งแต่เริ่มต้น ตลอดมาจนถึงวันนี้  พวกเราล้วนแต่กำลังช่วยเหลือสรรพชีวิต   พวกเราล้วนไม่ได้ทำเพื่อการเมืองอะไรของคนธรรมดาสามัญเป็นการเฉพาะ  พวกเราก็ไม่สนใจอำนาจทางการเมืองนั้น   ผู้บำเพ็ญนั้นอาศัยการหลีกห่างจากโลก สร้างความสำเร็จในการหยวนหมั่นของชีวิต เป็นเป้าหมาย  การยึดติดกับการได้-เสีย หรือผลประโยชน์ ทางโลกจะหยวนหมั่นไม่ได้เลย  เพราะว่าผู้บำเพ็ญ นั้น บำเพ็ญอยู่ในโลก จึงต้องละทิ้งจิตยึดติดนานาชนิดจึงจะสามารถสำเร็จเป็นเทพได้  หาไม่แล้ว จิตชนิดใดๆบนโลก  องค์ประกอบของความผูกพันใดๆ  ล้วนเป็นกุญแจที่จะขังคนไว้ไม่ให้จากไป  ดังนั้นในการยืนยันความถูกต้องของต้าฝ่า  พร้อมกับที่ทุกท่านกำลังช่วยเหลือสรรพชีวิตนั้น คือการบำเพ็ญตนเองทั้งสิ้น  จุดนี้ทุกท่านจะต้องแจ่มชัดให้มาก   หรือพูดได้ว่า  พวกเราไม่แสวงหาสิ่งเหล่านั้นของคนธรรมดาสามัญอย่างแน่แท้

            ในฐานะคนธรรมดาสามัญ  ผู้ที่ไม่ได้รับฝ่า  ผู้ที่ไม่เข้าใจศิษย์ต้าฝ่า  ผู้ที่ไม่ได้บำเพ็ญ  เขาย่อมไม่อาจเข้าใจต้าฝ่าและศิษย์ต้าฝ่า  ในใจของคนธรรมดาสามัญทุกวันนี้ ถือผลประโยชน์เป็นใหญ่   มีผู้นำมวลชนหลายคน  ผู้ที่อยู่ในองค์กรการเมืองต่างๆในหมู่มวลชน ก็คัดค้านพรรคคอมมิวนิสต์   แต่ข้าพเจ้าดูพวกเขาแล้วเห็นว่า ยากจะประสพผลสำเร็จ  มีพฤติกรรมหลายอย่างที่ไม่ดี  ทำให้คนเป็นกังวล  ถ้ามอบอำนาจทางการเมืองนั้นให้ท่านจริงๆ จะได้หรือ  จิตยึดติดต่อผลประโยชน์ส่วนตัวรุนแรงออกอย่างนั้น  ตอนนี้ยังไม่ทำอะไร  แต่พอเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ซึ่งกันและกันเข้า  พอกระทบกัน ตนเองก็ก่อเรื่องขึ้นมาระหว่างกัน เสียก่อนแล้ว  เทพจะมอบภาระที่ยิ่งใหญ่ของชนชาติหนึ่ง ให้พวกท่านได้อย่างไรกัน  (เสียงปรบมือ)  ดังนั้นกล่าวสำหรับคน  วันนี้ เมื่อมาถึงก้าวนี้แล้ว  ข้าพเจ้าไม่ใช่พูดว่าคนใดคนหนึ่งเป็นอย่างนี้  ที่จริงเป็นสภาพการณ์ของทั้งสังคม  ศีลธรรมของมนุษย์ล้วนกำลังลื่นไถลอย่างใหญ่หลวง  ลื่นไถลโดยไม่รู้ตัว   ตัวเองก็เปลี่ยนกลายเป็นคนใจคับแคบไปโดยไม่รู้ตัวแล้ว   การยึดติดต่อผลประโยชน์ส่วนตัวนั้นอยู่เหนือความมุ่งมาดปรารถนาทางการเมืองของท่านไปแล้ว  อยู่เหนือข้อเรียกร้องทางการเมือง   เหนือปณิธานในการต่อสู้เพื่อความมุ่งมาดปรารถนาไปแล้ว   ก็คือว่า  กล่าวสำหรับคนธรรมดาสามัญ  ทัศนคติด้านศีลธรรมก็สำคัญมากเช่นเดียวกัน    คนๆหนึ่งหากมีทัศนคติด้านศีลธรรมที่ไม่ดี  เทพก็จะมองไม่ขึ้นจริงๆ   ไม่ว่าจะเป็นคนไหนๆ  ชีวิตใดๆ  ต้องมีปณิธาน มีคุณธรรมจึงจะเป็นคนที่มีความสามารถ  นี่เป็นสิ่งที่แน่นอน   ในอนาคตเมื่อฝ่าปรับโลกมนุษย์  หรือก่อนหน้านี้  พรรคชั่วคอมมิวนิสต์ล่มสลายแล้ว  ใครจะไปยึดอำนาจ  พวกเราศิษย์ต้าฝ่าจะไม่ไปยึดอำนาจ  พวกเราเป็นผู้บำเพ็ญ  คนอยู่ในท่ามกลางโลกียะ  คนที่คิดนอกลู่นอกทาง  พวกเราก็ไม่อิจฉาอำนาจทางการเมืองนั้นของมัน    (เสียงปรบมือ)  เช่นนั้นแล้วใครละที่ใช้ได้  เทพก็จะหาผู้ที่มีปณิธานยิ่งใหญ่  มีความสามารถ  มีคุณธรรมสูงส่ง  ต้องเป็นเช่นนี้แน่   ดังนั้นข้าพเจ้าหวังว่า  คนธรรมดาสามัญที่สามารถยืนยันความถูกต้องของต้าฝ่า  คนที่สามารถหลุดพ้นจากพรรคมารคอมมิวนิสต์  ที่ข้าพเจ้าเจาะจงนี้ไม่ใช่ศิษย์ต้าฝ่า  ซึ่งล้วนยอดเยี่ยม   หากพวกท่านมีความปรารถนาทำเรื่องอะไรในสังคมคนธรรมดาสามัญ พวกท่านก็ต้องเห็นความสำคัญของการบำเพ็ญเพื่อตนเอง  จึงจะไม่ผิดต่อภาระที่ใหญ่หลวงเช่นนั้นที่ได้รับมอบหมาย 

            ที่ข้าพเจ้าพูดไปเมื่อครู่ นั้น นอกเรื่องออกไปแล้ว  ที่จริงกล่าวสำหรับผู้บำเพ็ญนั้นไม่จำเป็นต้องพูดถึงเรื่องเหล่านี้กัน   เพราะข้าพเจ้าทราบว่า ผู้ที่นั่งอยู่ในวันนี้ มีผู้ฝึกใหม่หลายคน  และมีหลายคนที่ยังไม่ใช่ศิษย์ต้าฝ่า  ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม  ข้าพเจ้านั้นหวังดีต่อคนเสมอ  ข้าพเจ้าหลี่ หงจื้อ  ในชาติภพนี้มาเกิดอยู่ในประเทศจีน   มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งต่อชนชาตินี้  ข้าพเจ้าก็หวังอยากจะให้มันดี  (เสียงปรบมือ)   เนื่องจากเวลามีจำกัด  พวกท่านยังต้องพูดคุยกัน  ข้าพเจ้าจะไม่พูดมากแล้ว (เสียงปรบมือเรียกร้องให้อยู่ต่อ)    ถ้าวันนี้ข้าพเจ้าพูดมากเกินไปจะรบกวนต่อ สภาพการณ์การยืนยันความถูกต้องของฝ่าของพวกท่านในขณะนี้   เพราะว่ามี ผู้ฝึกหลายคนจะถามคำถามหลายคำถามที่ไม่เกี่ยวข้องกับ สภาพการณ์การยืนยันความถูกต้องของฝ่าในขณะนี้ขึ้นมา  ถ้าวันนี้ข้าพเจ้าพูดมากแล้ว  จะทำให้เรื่องที่พวกท่านจะทำกันในวันนี้ จืดจางได้   ดังนั้นต้องถือ เอาสถานการณ์ในขณะนี้เป็นสำคัญ  ไม่อาจจะทำให้เรื่องที่จะทำในขณะนี้ ให้จืดจางลง   ปัจจุบันก็เป็นเช่นนี้โดยพื้นฐาน  หากมีเรื่องใหม่ที่จะทำกัน  ศิษย์ต้าฝ่าก็จะทราบได้เอง

ข้าพเจ้าอยากจะใช้โอกาสนี้บอกทุกท่าน  เวลาที่พวกท่านกำลังช่วยเหลือสรรพชีวิตอยู่นั้น  อย่าลืมบำเพ็ญตนเองด้วย(เสียงปรบมือ)  สามเรื่องนั้นต้องทำทั้งหมด   ในเวลาปกติทุกท่านก็คงเจิ้งเนี่ยนไว้   เมื่อเผชิญกับสิ่งชั่วร้ายบ่อยๆ หรือเมื่อเผชิญกับสถานการณ์บางอย่าง ต้องฟาเจิ้งเนี่ยน  ต้องอธิบายฯ  ต้องช่วยเหลือสรรพชีวิต   ยิ่งต้องบำเพ็ญตนเองให้ดี   ถ้าทุกท่านบำเพ็ญตนเองได้ไม่ดี ก็จะไม่มีธรรมานุภาพ  สิ่งที่พูดจะไม่อยู่ในฝ่า  ก็จะพูดถึงเรื่องการช่วยเหลือสรรพชีวิต ไม่ขึ้น  สิ่งที่พูดจะไม่มีธรรมานุภาพ   ไม่มีพลัง  ก็จะไม่เกิดผล   สิ่งชั่วร้ายก็จะเจาะช่องว่างได้   กระทั่งหากไม่บำเพ็ญตนเองให้ดี   เจิ้งเนี่ยนก็ไม่พอ  เมื่อจัดการปัญหาต่างๆก็จะ ทำไปตามความคิดชนิดนั้นของคนธรรมดาสามัญ  นั่นก็จะไม่เกิดผลในการช่วยเหลือสรรพชีวิตแล้ว คนธรรมดาสามัญหลายคน  ที่จริงพวกเขาก็กำลังช่วยศิษย์ต้าฝ่าทำงาน   แต่พวกเขาคือคนธรรมดาสามัญที่กำลังช่วยศิษย์ต้าฝ่าทำงาน   พวกท่านเป็นศิษย์ต้าฝ่า  พวกท่านทำในสิ่งที่พวกท่านควรทำ   และกำลังสถาปนาธรรมานุภาพของตนอยู่    กำลังเดินบนหนทางแห่งเทพสู่การหยวนหมั่น   ดังนั้นหากทุกท่านไม่บำเพ็ญตนเองย่อมไม่ถูก   ในด้านนี้ข้าพเจ้าก็จะไม่พูดมาก   จะไม่ทำให้สิ้นเปลืองเวลาแล้ว  ทุกท่านศึกษาฝ่าให้มาก  อ่านหนังสือให้มาก

ไม่ว่าศิษย์ต้าฝ่าจะลำบากยากเย็นเพียงไร  ทางนั้นจะเดินลำบากเพียงไร  ทางข้างหน้าของพวกท่านนั้นล้วนสว่างไสว   ทุกท่านก็เห็นได้ถึงความสว่างไสวของทางข้างหน้ายิ่งๆขึ้นแล้ว   และยิ่งแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆว่าทางที่ตนเองเดินนี้คืออะไร   อาจารย์ได้เตรียมทุกสิ่งที่ดีที่สุดไว้ให้เรียบร้อยแล้ว   แต่พวกท่านต้องเดินไปให้ถึงที่นั่น (เสียงปรบมือกึกก้อง)

ศิษย์ต้าฝ่าเดินมาถึงก้าวนี้ในวันนี้   ตั้งแต่ข้างบนจนถึงข้างล่าง ไม่มีใครที่ไม่เลื่อมใส   แม้แต่สิ่งชั่วร้ายต่างก็สั่นสะท้าน  หวาดกลัวทั้งนั้น ขณะนี้พวกชั่วร้ายเหล่านั้น โดยพื้นฐาน ก็ไม่มีสติสัมปชัญญะ และกำลังถูกหลอกใช้ให้รบกวนการเจิ้งฝ่า ตามที่องค์ประกอบของอิทธิพลเก่าจัดวางไว้แต่เดิม  ชีวิตชั่วร้ายเหล่านั้นพอเข้าไปใกล้  ศิษย์ต้าฝ่า ก็เริ่มวิ่งหนี  บ้างก็กำลังหวาดกลัวสั่นสะท้าน ทำเรื่องชั่วโดยมีความเชื่อในใจไม่เพียงพอ  ดังนั้นกล่าวสำหรับศิษย์ต้าฝ่า  ทุกท่านอย่ากลัว  ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ต้ององอาจสง่าผ่าเผย  พวกชั่วร้ายต่างหากที่กำลังหวาดกลัว    ในช่วงแรกที่ศิษย์ต้าฝ่ากำลังถูกประทุษร้ายนั้น คล้ายกับอยู่โดดเดี่ยวมาก  เพราะในเวลานั้นองค์ประกอบของสิ่งชั่วร้ายมีมากเหลือเกิน  ที่จริงในเวลานั้น ก็หาใช่จะโดดเดี่ยว มีเทพอยู่  มีฝ่าเซินของอาจารย์อยู่ มีพลังอยู่  และยังมีด้านที่บำเพ็ญสำเร็จแล้วอยู่ด้วย   วันนี้สถานการณ์ยิ่งไม่เหมือนกันแล้ว องค์ประกอบมากมายของสิ่งชั่วร้ายไม่มีแล้ว  วิญญาณชั่วของพรรคมารมีน้อยแล้ว  สนามที่ต้าฝ่าสร้างขึ้นในโลกนั้นใหญ่มากๆแล้ว   ความเข้มก็มากอย่างยิ่งแล้ว   ในขณะนี้ ที่สำคัญคือสนามนี้ กำลังช่วยศิษย์ต้าฝ่าในการช่วยเหลือสรรพชีวิต   ยับยั้งสิ่งชั่วร้าย  ยับยั้งสิ่งชั่วร้ายที่สำคัญเหล่านั้น ดังนั้นสำหรับเรื่องของคนธรรมดาสามัญของชาวโลกโดยทั่วไป นั้น  โดยพื้นฐานแล้วจะไม่ไปแตะต้องพวกมัน  ถ้าสนามนี้จะแสดงบทบาทอย่างกว้างขวาง  นั่นก็จะมองเห็นกันได้ แล้ว   ซึ่งย่อมจะเหนือกว่าสนามที่ชั่วร้ายของพรรคชั่วคอมมิวนิสต์  และสนามของวิญญาณร้ายพรรคชั่วก็กำลังสลายตัวอย่างรวดเร็ว  ลดน้อยลง  ดังนั้นพวกชั่วร้ายจึงหวาดผวา

ที่จริงสนามนี้ไม่เพียงเกิดประโยชน์ต่อศิษย์ต้าฝ่า  แต่กำลังช่วยปลุกเร้าใจชาวโลก  และกำลังเสริมความกล้าให้กับคนจีนทั้งในและนอกประเทศจีนด้วย และกำลังช่วยให้พวกเขาหลุดพ้นจากการควบคุมขององค์ประกอบที่ชั่วร้ายนั้น  และกำลังเป็นประโยชน์ทางด้านบวกอย่างทั่วด้าน   ดังนั้นข้าพเจ้าหวังว่าทุกท่านจะเดินให้ดียิ่งขึ้น บนเส้นทางข้างหน้า  อย่างสง่าผ่าเผย  มีเจิ้งเนี่ยนเข้มแข็งหน่อย  ทำให้ดียิ่งขึ้นสักหน่อย  ไม่ว่าจะประสบกับสถานการณ์อะไร  อยู่ในสถานการณ์อะไร  ก็ต้องเป็นเหมือนศิษย์ต้าฝ่า  ไม่หุนหันพลันแล่น ต้องมีเจิ้งเนี่ยนพอ (เสียงปรบมือ)

รูปแบบ และสภาพการณ์ของการบำเพ็ญของศิษย์ต้าฝ่าในวันนี้   แตกต่างจากรูปแบบและแนวทางการบำเพ็ญเมื่อก่อน  พวกท่านนั้นจึงจะเป็นผู้ช่วยเหลือสรรพชีวิตอย่างกว้างขวางโดยแท้จริง  พวกท่านจึงเป็นผู้ที่มีภารกิจที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ อย่างแท้จริง  ดังนั้นสภาพการณ์บำเพ็ญที่ปรากฏออกมาจึงไม่เหมือนกับการบำเพ็ญในอดีตโดยสิ้นเชิง   ก็เพราะเป็นอย่างนี้  จึงยิ่งไม่ควรมองข้ามการบำเพ็ญตนเองเพราะเหตุนี้  และไม่อาจจะเป็นด้วยเหตุนี้ ก็แก้ไขความบกพร่องของตนเองอย่างขอไปที   ดังนั้นข้าพเจ้าหวังว่าทุกท่านจะเดินให้ดีบนทางข้างหน้า  ไม่ขอพูดแล้วนะ  จะพูดเพียงเท่านี้ (เสียงปรบมือกึกก้องยาวนาน)

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

บรรยายธรรม ณ ที่ประชุมฝ่าฮุ่ยคานาดา ค.ศ. 2005

หลี่ หงจื้อ

22 พฤษภาคม ค.ศ. 2005

 

            (เสียงปรบมือดังกึกก้อง) สวัสดีทุกท่าน (เสียงปรบมือ) (สวัสดีท่านอาจารย์)

            ข้าพเจ้านึกย้อนกลับไป เมื่อก่อนวันที่ 20 กรกฎาคม ค.ศ. 1999   ฝ่าฮุ่ยครั้งนั้นของพวกเรา ก็จัดอยู่ที่นี่ (เสียงปรบมือดังก้อง)  ในขณะนั้นการปราบปรามที่ชั่วร้ายของคอมมิวนิสต์จีนกำลังจะเริ่มต้น   ข้าพเจ้าได้พูดกับทุกท่านหนึ่งประโยค ข้าพเจ้าพูดว่า  ความสงบนิ่งไม่หวั่นไหวสามารถสยบ ความหวั่นไหวนับหมื่น (อุปมา: จิตใจที่ไม่หวั่นไหวสามารถเอาชนะทุกๆ สถานการณ์)   (เสียงปรบมือดังก้อง) แน่ละ ผู้ฝึกบางคนสามารถเข้าใจได้  บางคนกลับเข้าใจเป็นว่า ไม่ต้องทำอะไรเลย  อะไรก็ไม่ทำทั้งนั้นแล้ว  (หัวเราะ) ( ที่ประชุมหัวเราะ) ความสงบนิ่งหรือไม่หวั่นไหว หมายถึง ความคิด และความเชื่อที่ถูกต้อง ไม่หวั่นไหว  ไม่ใช่หมายความว่าภาระในการช่วยเหลือสรรพชีวิต และการยกระดับตนเองในท่ามกลางความยากลำบาก บนเส้นทางการบำเพ็ญก็ไม่เดินกันแล้ว  นั่นจะใช้ได้หรือ  ไม่ว่าจะทำอย่างไร  เนื่องจากเป็นการบำเพ็ญใช่ไหม แต่ละคนต่างมีการรับรู้ไม่เหมือนกัน  ในการก้าวเข้ามาสู่ต้าฝ่ายังมีจิตยึดติดในหมู่คนธรรมดาสามัญในระดับต่างๆกัน   ในขั้นตอนของการบำเพ็ญ มีจิตมนุษย์มากมายที่ยากจะทิ้งไป ด้วยเหตุนี้จึงก่อให้เกิดการรับรู้ และความเข้าใจต่อฝ่า แตกต่างกัน   ดังนั้นในความยากลำบากครั้งนี้ จึงมีการแสดงออกมาอย่างเต็มที่ของผู้ฝึก ต่อการรับรู้ฝ่าเอย  มีจิตยึดติดมากน้อยเท่าไรเอย  สภาพการณ์ต่างๆนานาที่แสดงออกมาในระหว่างการประทุษร้ายนั้นทุกท่านก็มองเห็นได้หมด แล้ว  การประทุษร้ายครั้งนี้เป็นสิ่งที่ยัดเยียดให้กับพวกเรา  ซึ่งไม่อาจยอมรับได้  แต่จากการประทุษร้ายนั้นก็ทำให้มองเห็นความบกพร่องในการบำเพ็ญ  และได้มองเห็นด้านที่ยอดเยี่ยมของศิษย์ต้าฝ่า   ผู้ที่สามารถก้าวพร้อมกับอาจารย์มาจนถึงวันนี้  สามารถเดินข้ามการประทุษร้ายมาได้  จึงยอดเยี่ยมมาก (เสียงปรบมือกึกก้อง)

            ที่ผ่านมาข้าพเจ้าเคยบอกว่าในการบำเพ็ญของศิษย์ต้าฝ่านั้น หากไม่มีการประทุษร้ายครั้งนี้    การบำเพ็ญของศิษย์ต้าฝ่าก็จะเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง  แน่ละนี่เป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว  ไปพูดถึงมันอีกก็จะไม่ค่อยมีความหมายมากมายอะไร  แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ ในสภาพการณ์นี้  ศิษย์ต้าฝ่าที่แท้จริงที่สามารถยืนหยัดตนเองอยู่ในฝ่า  ยกระดับตนเอง  ช่วยเหลือสรรพชีวิตในระหว่างที่คัดค้านการประทุษร้าย  และสามารถก้าวมาจนถึงวันนี้นั้น ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ  ทุกท่านได้มองเห็นแล้วว่าการประทุษร้ายครั้งนี้ ช่างชั่วร้ายเพียงไร   อำมหิตเพียงไร  ต่ำทรามเพียงไร   มันยังมีลักษณะเฉพาะที่ต่างกันอยู่จุดหนึ่ง กับการประทุษร้ายศิษย์ของเทพหรือพระพุทธในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา  นั่นคือการประทุษร้ายไม่ว่าครั้งไหนในประวัติศาสตร์ ก็ล้วนทำอย่างเปิดเผย  แต่ทุกวันนี้พรรคชั่วคอมมิวนิสต์ มีประสบการณ์การประทุษร้ายประชาชนอย่างชั่วร้ายและวิธีการอันธพาลในประวัติศาสตร์ นานาชนิดอย่างเพียบพร้อม  ดังนั้นการประทุษร้าย การปราบปรามอย่างชั่วร้ายและวิธีการมากมายในครั้งนี้ล้วนทำแบบแอบซ่อน   ดำเนินการในสภาพที่ไม่อาจบอกให้คนรู้ได้  ดังนั้นการที่จะบอกให้ชาวโลกรู้เรื่องนี้  ทำให้สังคมตกตะลึง  ทำให้ชาวโลกโกรธเคืองการประทุษร้ายครั้งนี้  หรือให้ออกเสียงสนับสนุนศิษย์ต้าฝ่านั้น  ดูเหมือนว่าจะทำได้ยากมาก  เพราะพวกชั่วร้ายกำลังปิดบังความจริง  แต่การลงมือประทุษร้ายนั้นชั่วร้ายมาก  นี่เป็นสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อน   นี่คือประสบการณ์ที่ชั่วร้ายที่สุดที่พรรคชั่วคอมมิวนิสต์ในร้อยปีมานี้มีอยู่อย่างเพียบพร้อม และกำลังปิดบังอำพรางพฤติกรรมที่ผิดกฎหมายของการประทุษร้ายของพวกมันอย่างเต็มที่                                   

            หรือพูดได้ว่า ความยากลำบากครั้งนี้ที่ยัดเยียดให้กับศิษย์ต้าฝ่านั้น  ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์  เมื่อตอนเริ่มการประทุษร้าย  วิธีการที่พวกมันเลือกนั้นเป็นแบบเปิดเผย  และยังทำให้คนเห็นพลังชั่วร้ายที่คล้ายกับฟ้าถล่มลงมา คิดเพ้อเจ้อว่าจะล้มศิษย์ต้าฝ่าให้คว่ำได้     อิทธิพลชั่วร้าย ปีศาจทราม พรรคมารนั้นทำไม่สำเร็จ    ต่อมาพวกมันพบว่า นานๆ เข้าจะทำให้สังคมนานาชาติเห็นความสำคัญ และมวลชนจีนรู้สึกต่อต้านขึ้นมาได้  มวลชนอันกว้างขวางในสังคมก็จะออกเสียงสนับสนุนศิษย์ต้าฝ่า  และร้องต่อต้านการประทุษร้าย   เช่นนี้พวกมันจึงเริ่มค่อยๆเปลี่ยนการประทุษร้ายครั้งนี้เป็นแบบปิดลับ  ในด้านหนึ่งก็แสดงให้เห็นว่าพรรคมารคอมมิวนิสต์จีนชนะแล้ว อีกด้านหนึ่งทำให้คนรู้สึกถึงความสงบที่ภายนอกชนิดหนึ่ง  ตกแต่งภาพของความสันติ  แต่เบื้องหลังกลับยังคงประทุษร้ายศิษย์ต้าฝ่าอย่างโฉดชั่วอำมหิต  กระทั่งว่าในช่วงหลังนี้ วิทยุ ทีวี และหนังสือพิมพ์ซึ่งผูกขาดโดยพรรคคอมมิวนิสต์จีนก็ไม่รายงานเลย  แต่วิธีการปราบปรามประทุษร้ายนั้น กลับไม่เคยผ่อนคลายลงเลย  นี่คือวิธีการประทุษร้ายประชาชนของรัฐบาลอันธพาล ที่ไม่เคยมีมาก่อนเลยในประวัติศาสตร์ ทุกท่านมองเห็นได้แล้วว่า ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ สื่อมวลชนกระแสหลักจำนวนมากของสังคมประเทศต่างๆ ล้วนแต่ไม่ได้รายงานสถานการณ์ที่ศิษย์ต้าฝ่าถูกประทุษร้าย  กลับเงียบงันอยู่ท่ามกลางความชั่วร้าย  

            แน่ละนี่ยังมีองค์ประกอบหนึ่ง  คือ ปัจจุบันประเทศจีน ได้กลายเป็นตลาดเศรษฐกิจของโลกไปแล้ว  ประเทศต่างๆมากมายล้วนมองว่า นี่เป็นสภาพแวดล้อมที่ดีในการลงทุน   ไม่ใช่พูดว่าคอมมิวนิสต์จีนมีแหล่งทรัพยากรที่ยอดเยี่ยม  หรือว่าคอมมิวนิสต์จีนเปลี่ยนแปลงดีแล้ว แก้ไขสภาพแวดล้อมของประเทศจีนแล้ว  หรือว่าพรรคมารคอมมิวนิสต์มีวิธีการเชิญชวนดีอะไร  ที่ดึงดูดนักลงทุนทั่วโลกได้  ที่จริงนั้น  ง่ายมาก  ก็คือ เนื่องจากชาวจีนนั้น ถูกคอมมิวนิสต์จีนทำเสียจนยากจนและหวาดกลัวไปแล้ว  จึงต้องการทำงานหาเงินทองให้มากๆ  บวกกับความขยันของคนจีน  ชั่วโมงทำงานค่อนข้างยาว  มีความแน่นอน  ก็เพียงจุดนี้ที่ดึงดูดนักลงทุน เนื่องจากชนชาติมากมายบนโลกนี้ พอเขาหาเงินได้สักหน่อยแล้ว เขาก็จะไม่ทำงานต่อ  รอเมื่อใช้เงินหมดแล้ว เขาค่อยไปหางานทำ  แต่ลักษณะเฉพาะแบบนี้ของคนจีน ที่ถูกคอมมิวนิสต์จีนทำเสียยากจนและหวาดกลัว จึงต้องการทำงานหาเงินทองให้มากๆ ขอเพียงมีงานอะไรที่ได้เงินก็จะทำตลอดตั้งแต่ต้นจนจบ คือจุดนี้ที่ดึงดูดนักลงทุนกลุ่มใหญ่ที่ต้องการความแน่นอนด้านแรงงาน  โดยเฉพาะคือนักลงทุนที่ต้องการแรงงานด้านเทคนิคที่มีความแน่นอน ดังนั้นพรรคมารคอมมิวนิสต์จีนจึงจับหลักจิตวิทยาจุดนี้ของคนจีน และใช้ประโยชน์จากคนจีน  และใช้ประโยชน์จากเงินทุนของนักลงทุน  กำลังเงิน กำลังโภคทรัพย์ กำลังคนเป็นปริมาณมากในการปราบปรามประชาชน  ประทุษร้ายฝ่าหลุนกง  ด้วยเหตุนี้หลายประเทศทั่วโลก  จึงไม่แสดงท่าทีต่อการประทุษร้ายครั้งนี้  เพื่อผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ

            ในระหว่างการประทุษร้าย พวกเราก็มองเห็นกันแล้วว่า  เรื่องอะไรที่สังคมมนุษย์เผยแพร่กันนั้น  ล้วนไม่อาจเชื่อถือได้   คนจำนวนมากทั่วโลกพูดถึงสิทธิมนุษยชน  ประเทศที่ป่าวประกาศเรื่องเสรีภาพในความเชื่อ กระทั่งคนทั้งโลกดูเหมือนว่า จะถือสิ่งเหล่านี้เป็นเงื่อนไขพื้นฐานที่สุดในการดำรงอยู่ของมนุษย์ และเป็นสิทธิที่สำคัญที่สุดของมนุษย์ แต่เมื่อคอมมิวนิสต์จีน เหยียบย่ำประทุษร้ายคนจีน สิทธิมนุษยชนและเสรีภาพในความเชื่ออย่างชั่วร้ายและรุนแรงที่สุด  รัฐบาลและสื่อมวลชนหลายประเทศทั่วโลก  กลับเงียบไม่มีปากเสียง   หรือพูดว่า ต่อหน้าผลประโยชน์นั้น เรื่องเสรีภาพในความเชื่อเอย  สิทธิมนุษยชนเอย  ล้วนเปลี่ยนแปลงจนไม่มีค่าแม้สตางค์แดงเดียวแล้ว  จิตใจดีงามอะไรของคนนั้น  พวกเราก็เห็นแล้วว่าในเวลานี้ จิตใจดีงามทั้งหลายนั้นก็ไม่มีค่าแม้สตางค์แดงเดียวแล้ว  นี่เป็นแต่เพียงสิ่งที่คนจำนวนหนึ่งโฆษณาชวนเชื่อเพื่อปกป้องผลประโยชน์เฉพาะหน้าที่จะได้มาเท่านั้นเอง ส่วนต้าฝ่านั้น  คือสัจธรรมที่แท้จริงของจักรวาลที่พวกท่านรับรู้ได้ในการบำเพ็ญ  ที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง  ไม่สั่นคลอน  ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดๆ สภาพแวดล้อมใดๆ ก็ล้วนเป็นหลักธรรมที่ถูกต้องที่จะต้องปกป้องไว้  ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดๆ  คนล้วนต้องปฏิบัติตาม    ไม่ว่าอยู่ในสภาพแวดล้อมใดๆ   ขอเพียงผู้บำเพ็ญมีเจิ้งเนี่ยนเพียงพอ ล้วนจะสามารถยกระดับขึ้นได้ ได้รับความกระจ่างทางปัญญาและการช่วยเหลือ  แล้วเสริมเจิ้งเนี่ยนให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น  ไม่ถูกวิธีการของคนธรรมดาสามัญ หรือการยั่วยวนใดๆรบกวนได้  นี่ก็คือกฎเกณฑ์ของจักรวาลที่มีต่อความเชื่อที่ถูกต้องในเทพของคน  นี่คือสัจธรรมที่ปรากฏออกมาในระหว่างการเลื่อนระดับขึ้นไปของผู้บำเพ็ญ  คือสิ่งใดๆของคนธรรมดาสามัญที่ใช้ปลุกปั่นในการรักษาผลประโยชน์ของคนธรรมดาสามัญนั้น ไม่อาจจะเปรียบได้เลย  หรือพูดว่าทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสิ่งที่อยู่เหนือคนธรรมดาสามัญ  ดังนั้นศิษย์ต้าฝ่าจึงสามารถก้าวข้ามมาได้ในท่ามกลางการประทุษร้ายครั้งนี้ 

            ที่จริงรัฐบาลของประเทศมากมายและบรรดาสื่อมวลชนขนาดใหญ่ ไม่ได้แสดงท่าที  นอกจากสองสาเหตุนี้แล้ว  ยังมีองค์ประกอบพื้นฐานที่สุด  ก็คือองค์ประกอบของอิทธิพลเก่าของจักรวาลเก่า กำลังขวางกั้นคนทั้งหมดที่ยังไม่ได้รับฝ่า  ไม่ให้เข้าร่วมกับเรื่องนี้  จุดประสงค์คือจะ “ทดสอบ” ศิษย์ต้าฝ่าในพื้นที่ส่วนนี้  หากชาวโลกเข้ามาร่วม การ “ทดสอบ” ต่อศิษย์ต้าฝ่าก็จะไม่สามารถบรรลุถึงระดับที่ชั่วร้ายเช่นนั้น  ไม่อาจบรรลุเป้าหมายที่พวกมันได้จัดวางความยากลำบากที่ทารุณเช่นนั้น เพื่อที่จะดูว่าพวกเขา(ศิษย์ต้าฝ่า)จะไปไหวไหม นี่คือมูลเหตุที่แท้จริงของพวกมัน

            ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ในท่ามกลางการประทุษร้ายครั้งนี้  ข้าพเจ้ากับศิษย์ต้าฝ่านั้นปฏิเสธการประทุษร้ายครั้งนี้ทั้งหมด  จนกระทั่งว่า ในการปฏิเสธการประทุษร้ายครั้งนี้ทั้งหมดนั้น การปฏิบัติตามข้อกำหนดของข้าพเจ้าผู้เป็นอาจารย์ โดยการรักษาสภาพของผู้บำเพ็ญที่มีอยู่เฉพาะพวกท่าน กล่าวในฐานะศิษย์ต้าฝ่า หากสามารถทำทุกสิ่งได้ดีในความรับผิดชอบของตนเอง  นั่นคือกำลังก้าวหน้าอยู่  ข้าพเจ้าเคยพูดกับทุกท่านว่า การบำเพ็ญนั้น  ในอดีตไม่ว่าผู้บำเพ็ญคนไหนก็ล้วนต้องมีสภาพการบำเพ็ญที่ลำบากมากเช่นเดียวกัน  ก็คือความทุกข์ยาก  และการทดสอบที่ยาวนาน  โดยเฉพาะการบำเพ็ญอยู่ในท่ามกลางผลประโยชน์เฉพาะหน้าของคนธรรมดาสามัญ นี่เป็นเรื่องที่ยากเหลือเกินแล้วจริงๆ  ผลประโยชน์ด้านต่างๆล้วนแต่ยั่วยวนผู้บำเพ็ญอยู่   พอไม่ระมัดระวัง  ความคิดของท่าน  การรับรู้ของท่าน  จนกระทั่งใจคนล้วนแต่จะเลื่อนไถลไปตามกระแส ดังนั้นรูปแบบการบำเพ็ญชนิดนี้จึงยากอย่างยิ่ง  ก็เพราะยากนั่นหนา  พูดจากปรากฏการณ์อีกด้านหนึ่ง ในฐานะที่เป็นศิษย์ต้าฝ่า พวกเขาจึงสามารถบำเพ็ญได้สูง  หากสภาพแวดล้อมไม่ยากลำบากนะ  เช่นนั้นสำหรับชั้นผิวนอกของผู้บำเพ็ญ  การทดสอบโดยตรงต่อร่างหลักของชีวิตนี้ก็จะไม่แหลมคมเช่นนั้น  

            ทุกท่านทราบว่า  ศาสนาก็ดี  รูปแบบการบำเพ็ญนานาชนิดในประวัติศาสตร์ก็ดี  พวกมันล้วนไม่ได้พุ่งตรงที่ชั้นผิวนอกสุดของคน  หรือรับผิดชอบต่อคนๆนี้ในระหว่างการบำเพ็ญ  หรือพูดได้ว่า  ไม่สนใจว่าจิตหลักของคนจะสามารถบำเพ็ญสำเร็จหรือไม่   ดังนั้นหนา พวกเขาจำนวนมากจึงบำเพ็ญโดยนั่งสมาธิอยู่เป็นเวลานาน  สภาพการณ์ต่างๆของปรากฏการณ์ทั้งหลายที่แปรผันออกมา ในเวลาที่ละทิ้งจิตยึดติดได้ ในระหว่างที่อยู่ในสมาธินั้น เพียงเกิดประโยชน์ต่อจิตรองของผู้บำเพ็ญเท่านั้น ส่วนรูปแบบการบำเพ็ญในสังคมคนธรรมดาสามัญชนิดนี้ของศิษย์ต้าฝ่า  ทำให้จิตยึดติดต่างๆของคนธรรมดาสามัญที่มีอยู่และยังไม่ได้ทิ้งไปของผู้บำเพ็ญ   ความยั่วยวนภายนอกนานาชนิดที่มีต่อผลประโยชน์ของคน  จึงแสดงออกมาอย่างตรงๆมาก    เช่นนี้จึงทำก่อให้เกิดความสำคัญต่อการบำเพ็ญที่ชั้นผิวนอกของผู้บำเพ็ญ และยังทำให้การเปลี่ยนแปลงที่ชั้นผิวนอกของคนด้านนี้กลายเป็นเรื่องสำคัญ  และก็กลายเป็นจุดสำคัญที่ยากที่สุดของการบำเพ็ญ  บวกกับเงื่อนไขที่กำหนดไว้ก่อน เป้าหมายของการช่วยเหลือและยกระดับก็คือร่างหลักของคน   เช่นนี้การบำเพ็ญที่แท้จริงของคนจึงกลายเป็นเรื่องอันดับหนึ่ง  รูปแบบการบำเพ็ญจึงประกอบเป็นการทดสอบโดยตรงต่อชั้นผิวนอกของคน และการทดสอบต่อจิตรองกับร่างชีวิตอื่นๆ ของร่างกายคนทั้งหมดจึงไม่เป็นแบบตรงๆเช่นนั้น เพราะว่าพวกเขาล้วนอยู่ในสภาพที่ไม่อยู่ในวังวน ต่างๆกัน   ส่วนคนๆนี้กลับอยู่ในท่ามกลางการทดสอบโดยตรงต่อผลประโยชน์เฉพาะหน้า  นี่ก็คือจุดพิเศษของการบำเพ็ญของศิษย์ต้าฝ่า   เพราะเหตุใดข้าพเจ้าจึงพูดมาตลอดว่า “คนสามารถบำเพ็ญสำเร็จเป็นเทพได้จริงแล้ว”  ก็คือความหมายเช่นนี้  “โดยรูปแบบแล้ว ก็คือคนกำลังบำเพ็ญอยู่จริงๆ” เพราะร่างคนที่อยู่ในระหว่างการบำเพ็ญกลายเป็นร่างหลักแล้ว

            ช่วงแรกที่ต้าฝ่านี้ถ่ายทอดออกมา  มีเทพหลายองค์ล้วนไม่เข้าใจ  และด้วยเหตุนี้จึงพูดว่า ท่านเห็นความสำคัญของคนจนเกินไปแล้ว  ความหมายนอกเหนือคำพูดนี้ก็คือ ท่านไม่เห็นความสำคัญของพวกเรา  ท่านเห็นความสำคัญของคน  ในอดีตใครที่ถือว่าคนสำคัญกันละ คนยึดติดออกอย่างนั้น  พฤติกรรมไม่ดีอย่างนั้น  สติสัมปชัญญะไม่แจ่มชัด  ท่านจะช่วยคนเพราะอะไรกันละ   แน่ละ มีสาเหตุหลายประการที่พวกเขาไม่รู้  เมื่อก่อนในการบรรยายธรรมข้าพเจ้าเคยพูดขึ้นมาว่า  เทพระดับชั้นต่ำนั้นไม่รู้สภาพการณ์ที่แท้จริงของชั้นผิวนอกของมนุษย์  ประวัติศาสตร์ของมนุษย์ได้ผ่านเรื่องราวมากมายเหลือเกินในช่วงเวลาที่ยาวนานเช่นนี้ ในการเวียนว่ายตายเกิดของชั้นผิวนอกของคนนั้น ก็ผ่านเรื่องมากมายออกอย่างนั้น  การเจิ้งฝ่าคือการช่วยเหลือสรรพชีวิต  ชีวิตอย่างนี้จะไม่ช่วยได้หรือ   ต้าฝ่าทำการเจิ้งฝ่าอยู่ในจักรวาล ไม่ใช่แสดงออกมาเหมือนอย่างการบำเพ็ญแบบใดแบบหนึ่งในอดีตที่รับผิดชอบต่อชีวิตชนิดใดชนิดหนึ่งหรือในขอบเขตที่แน่นอนอันหนึ่งเท่านั้น การเจิ้งฝ่าจะช่วยสรรพชีวิตทั้งหมดที่สามารถช่วยได้  รวมทั้งบรรดารูปแบบของชีวิตทั้งหมดที่ดำรงอยู่ ซึ่งเทพสร้างขึ้นมาบนร่างหลักของคน  และมีคนมากมายที่เคยผ่านความทุกข์ยากอันยาวนานเช่นนั้น  จะไม่ช่วยได้หรือ  ร่างหลักของตรีภูมิมิใช่คนหรอกหรือ   สรรพชีวิตในตรีภูมิ ไม่ใช่ล้วนจะต้องช่วยหรอกหรือ  ฉะนั้นรูปแบบการบำเพ็ญชนิดนี้ และรากฐานอันนั้นที่คนในประวัติศาสตร์อันยาวนานเช่นนี้ได้วางเอาไว้  ความทุกข์ยากเหล่านั้นที่ได้รับ  มิใช่ทำให้คนเพียบพร้อมซึ่งธรรมานุภาพที่ใหญ่ที่สุดนับแต่อดีตจนปัจจุบันแล้วหรอกหรือ   ชีวิตเหล่านี้มิสมควรพูดว่ายอดเยี่ยมที่สุด ต้องพิจารณาช่วยเหลือก่อนหรือ ณ ที่นี้ของคน ในฐานะที่เป็นจุดฐานของการเจิ้งฝ่า  สิ่งที่ต้องพิจารณาก่อนนั้น  มิใช่การให้ชีวิตส่วนนี้ของคนได้หลุดพ้นหรอกหรือ

            แน่ละ ใช่ว่าจะง่ายดายเช่นนี้ในประวัติศาสตร์ก็ได้เห็นทุกสิ่งของวันนี้หมดแล้ว  ช่วงแรกของการเกิดขึ้นของตรีภูมินั้น เริ่มต้นจากรูปร่างชั้นผิวนอกสุดของคน และทยอยจัดวางเงื่อนไขและชีวิตที่จำเป็นในยุคเจิ้งฝ่าในอนาคต ในขณะเดียวกันก็ทำให้ชีวิตเหล่านี้ ซึ่งก้าวผ่านช่วงเวลาอันยาวนาน เพียบพร้อมด้วยธรรมานุภาพอันยิ่งใหญ่ หรือพูดได้ว่า ชั้นผิวนอกของคน ก็ไม่ใช่คนที่ธรรมดาๆ   พฤติกรรมแบบปัญญาอ่อน กับสติปัญญาระดับต่ำเป็นขีดขั้นที่กำหนดเขตแดนของคนและสภาพแวด ล้อมของตรีภูมิ บวกกับมาตรฐานในเวลาที่สร้างคน   เพียงแต่มองไม่ทะลุปรุโปร่งจากปรากฏการณ์ เพราะองค์ประกอบของระดับชั้นที่ยิ่งสูงในชั้นผิวนอกของร่างกายคน ยิ่งไม่ง่ายที่จะสังเกตออก ยิ่งสังเกตไม่ออก  สภาพการณ์ที่แท้จริงของคนนั้น  กล่าวสำหรับชีวิตในระดับชั้นที่ต่างกัน  ความจริงนี้ก็ถูกปิดไว้โดยตลอด  ไม่ใช่ว่าเทพที่มีอยู่ทั้งหมดจะรู้ถึงความสัมพันธ์ทั้งหมด ระหว่างตรีภูมิกับจักรวาล  พวกท่านทราบว่า  วัฒนธรรมกับคำพยากรณ์มากมายที่ตกทอดอยู่ในสังคมมนุษย์นั้น  มีเรื่องมากมายซึ่งแม้กระทั่งเทพที่อยู่ติดกับตรีภูมิก็ล้วนแต่ไม่ทราบ  นี่ไม่ใช่ปรากฎการณ์ที่ประหลาดหรือ เพราะอะไรล่ะ พวกเขาจะไม่รู้ได้อย่างไร มนุษย์สามารถรับรู้หลักการที่ถูกต้องจำนวนหนึ่งได้จากหลักปรัชญาบางอย่างในประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะคือคำพยากรณ์ที่แม่นยำมากเหล่านั้นที่อยู่ในประวัติศาสตร์ของมนุษย์  เช่นนั้นเทพไม่ทราบได้อย่างไรกันล่ะ      

            ที่จริงในตรีภูมิและสังคมมนุษย์ มีปริศนาอยู่มากมาย  มีปริศนามากมายที่เทพไม่ทราบ และกาลเวลาของมนุษย์กับกาลเวลามากมายของเทพ มีความตากต่างกันอย่างมหาศาลมาก  คือพูดโดยถือว่าคนเป็นอณูหนึ่ง เช่นนั้นเทพที่มีอณูใหญ่กว่าของคน คือเปรียบเทียบด้วยพื้นที่  ซึ่งเขาสามารถสังเกตและศึกษาด้วยตนเอง  รับทราบ  เข้าใจ ประวัติศาสตร์อันยาวนานของมนุษย์ได้นั้น  ก็ยังมีขีดจำกัดอย่างมาก   ถ้าหากพื้นที่นี้เล็กกว่าอณูของมนุษย์นี้ หรือเทพที่มีอณูเล็กกว่าอณูของโมเลกุล  เวลาของเขาก็จะเร็วมาก   ดังนั้นมีชีวิตมากมาย ที่เขาไม่ทราบถึงประวัติศาสตร์ที่แท้จริงของตรีภูมิ  เป้าหมายการดำรงอยู่ของตรีภูมิ และความหมายที่แท้จริงของการดำรงอยู่ของชีวิต เทพนั้นไม่อาจตายไปจริงๆ  แต่เขาก็อาจเกิดใหม่อีกในเขตแดนของเขา ก็คือใช้  คำศัพท์นี้อธิบายละกัน  เรียกว่า “เกิดใหม่อีก” เขาสามารถเริ่มต้นใหม่อีกตามการดำรงอยู่ของกฎ การเกิดขึ้น ตั้งอยู่ เสื่อมไป ดับสูญ  ของจักรวาลที่ผ่านมา ก็เหมือนกับคนมีเกิด แก่ เจ็บ ตาย   กลับชาติมาเกิดแบบเดียวกัน เนื่องจากในหลักการของฝ่า ในเวลาที่สร้างจักรวาลนั้น  ได้กำหนดหลักการของวัฎจักรการเริ่มต้นใหม่เอาไว้ ในเขตแดนของเทพก็มีสภาพการณ์เช่นนี้ด้วย   เพียงแต่กาลเวลานั้นของเทพที่ปรากฏออกมานั้น ช้าอย่างยิ่ง  และในขั้นตอนการเกิดใหม่อีกของเทพ เขาเองจะทราบได้หมด  ไม่เหมือนคนที่พูดว่าตายแล้วน่ากลัวมาก   การเกิดใหม่จะมีชาติต่อไปหรือไม่ นี่ล้วนแต่เป็นปริศนา ไม่ให้คนรู้   แต่ในสภาพการณ์ของเทพนั้นเทพจะทราบได้  เพียงแต่ในระหว่างการเกิดใหม่อีกนั้น  ได้ล้างความจำของเมื่อก่อนทิ้งไปหมดแล้ว  ในเวลาที่เกิดใหม่อีกนั้นความจำในอดีตไม่คงอยู่แล้ว  เป็นเพียงสภาพการณ์อย่างนี้  แต่ทั้งหมดนี้กล่าวสำหรับพวกเขา ก็เหมือนว่ายาวนาน จนไม่มีการจบสิ้นของชีวิต แต่ว่าระหว่างขั้นตอนการเกิดใหม่อีกของเขา เขาจะไม่ทราบเรื่องในอดีตเลย  ประวัติศาสตร์อันยาวนานของตรีภูมินั้น ไม่ใช่จะพูดว่าบรรดาเทพที่มีอยู่ทั้งหมดในจักรวาลจะทราบได้ รวมทั้งการเจิ้งฝ่าในวันนี้  ก็ไม่ใช่ว่าบรรดาเทพที่มีอยู่ทั้งหมดจะสามารถทราบว่า เรื่องราวเป็นอย่างไร  กระทั่งว่าไม่ใช่ว่าล้วนจะสามารถเข้าใจได้ ล้วนจะสามารถมองเห็นแต่ละก้าวของการเจิ้งฝ่า สรรพชีวิตในแต่ละขอบเขตนั้น  จะสามารถมองเห็นได้ก็ต่อเมื่อการเจิ้งฝ่าจวนจะมาถึงเบื้องหน้าเขาเท่านั้น ในขณะที่การเจิ้งฝ่ายังมาไม่ถึง  เขาล้วนไม่สามารถมองเห็น   ดังนั้นจึงทำให้สรรพชีวิตของจักรวาล แสดงออกมาต่างๆกันในการเจิ้งฝ่าครั้งนี้ การรับรู้ที่ถูกต้อง การรับรู้ที่กลับกัน การรับรู้แบบไม่สนใจใยดี  ก็คือสภาพการณ์เช่นนี้  พวกเรามองเห็นบรรดาสภาพการณ์ ที่ปรากฏออกมาของคนในสังคมมนุษย์ทุกวันนี้  ข้าพเจ้าขอบอกทุกท่านว่า โดยพื้นฐานแล้วมันเหมือนกับสภาพการณ์บนสวรรค์

            ก่อนปีวันที่ 20 กรกฎาคม ค.ศ. 1999  ในการถ่ายทอดอย่างกว้างขวางของต้าฝ่า  สรรพชีวิตและเหล่าเทพในแต่ละขอบเขต  อยู่ในสภาพการณ์อะไรหรือ พวกเขาล้วนพูดว่า  โอ้ ต้าฝ่าช่างดีจริง   ถ่ายทอดฝ่าที่ดีอย่างนี้ให้กับคน ช่างน่าเสียดายจัง  และยังถ่ายทอดในช่วงเวลาที่คนแย่ที่สุด  เช่นนั้นบ้างก็คิดว่า  การถ่ายทอดในเวลาอย่างนี้จึงจะสามารถให้ต้าฝ่าปรากฏออกมายอดเยี่ยมยิ่งขึ้น  เช่นนั้นก็มีบางชีวิตเข้าใจว่า  หลี่ หงจื้อ มีเมตตา  อย่างนั้นก็ผลักสิ่งที่ไม่ดีทั้งหมดให้เขา  ให้เขาชำระบาปกรรมให้  ฉวยโอกาสทำเรื่องเลวทราม  ทว่าบาปกรรมที่กดลงมานั้น ใหญ่ราวกับฟ้า  เทพจำนวนมากมายที่มองเห็นสภาพการณ์เช่นนี้ ล้วนคิดกันว่า ในสภาพการณ์อย่างนี้ เขายังจะทำได้สำเร็จไหม  ล้วนมีความคิดและการรับรู้ที่ต่างกัน   แต่กล่าวโดยสรุป ในเวลานั้น บทบาทของด้านที่ถูกต้องยังเป็นฝ่ายนำอยู่  แต่เมื่อการประทุษร้ายเริ่มต้นในวันที่ 20 กรกฎาคม ค.ศ. 1999   ความคิดของพวกเขาก็เปลี่ยนอีกแล้ว  เหล่าชีวิตจำนวนมากในแต่ละขอบเขต ล้วนแต่มีท่าทีที่วางเฉยไม่สนใจใยดี เห็นปีศาจทรามทำความชั่วประทุษร้าย ก็ไม่สนใจ  ราวกับว่าจะดูว่าท่านยังจะไปไหวไหม   ถ้าท่านยังไหว วา  ช่างยอดเยี่ยมจริง  ฉันก็สนับสนุนท่านด้วย  แต่หลังจากที่อิทธิพลเก่า ชีวิตเก่าถูกกระตุ้นจนก่อให้เกิดอุปสรรค และมองเห็นว่าโลกเต็มไปด้วยพลังที่ชั่วร้าย  สรรพชีวิตต่างก็เกิดความคิดที่เห็นแก่ตัว และมีจำนวนมาก ที่เข้าใจว่าเรื่องนี้คงจะสำเร็จได้ยาก  ถ้าหากไม่สำเร็จแล้ว เช่นนั้นฉันก็ถูกพัวพันไปด้วย  ด้วยเหตุนี้จึงไม่แสดงท่าที   สรรพชีวิตแทบจะทุกขอบเขต ล้วนเป็นอย่างนี้  ฝ่าของจักรวาลนั้น เพื่อช่วยเหลือสรรพชีวิตในแต่ละขอบเขต  จึงไม่อาจตั้งข้อกำหนดต่อสรรพชีวิตสูงเกินไป  ซึ่งหาก(สรรพชีวิต)มีความถูกต้องกันถึงเพียงนั้น  จักรวาลก็ไม่จำเป็นต้องเจิ้งฝ่าแล้ว  แต่เพราะว่าเป็นเช่นนี้ไปแล้ว  ใช้ไม่ได้แล้ว  จึงปรากฏสภาพการณ์ชนิดนี้ออกมา   นี่ก็คือการแสดงออกของเทพต่อศิษย์ต้าฝ่า และการเจิ้งฝ่าในครั้งนี้

            แน่ละ  ในขณะที่สถานการณ์ของการเจิ้งฝ่ารุดหน้าเรื่อยไป  สถานการณ์บนโลกกับตรีภูมิทั้งหมดก็เปลี่ยนแปลงไม่หยุดหย่อน ทุกท่านมองเห็นแล้วว่า การแสดงออกแบบนั้นของคนบนโลก คล้ายกันมากกับบนสวรรค์  พูดจากอีกด้านหนึ่ง  ถ้าหากชีวิตจำนวนมากบนโลก สอดคล้องกับเทียนถี่(ร่างจักรวาล)  มีความเป็นมาของเขา เช่นนั้นทุกท่านลองคิดดู นั่นใช่หรือไม่ว่ามันย่อมจะเกี่ยวข้องโดยตรงกับสภาพการณ์บนสวรรค์ในเวลานี้  แน่ละ ภายนอกของคนนั้นไม่แจ่มชัด  ขณะนี้คนจำนวนมาก ล้วนอยากจะก้าวออกมาแล้ว  เพราะสรรพชีวิตมากมายของแต่ละขอบเขต ราชาของแต่ละขอบเขต  ต่างมองเห็นแล้ว ถึงแนวโน้มที่ไม่อาจจะขวางกั้นได้ การเจิ้งฝ่าของต้าฝ่าต้องสำเร็จ   ดังนั้นจึงแสดงท่าทีออกมาอย่างเกรียวกราว  กำลังต้องการแสดงท่าทีอย่างเกรียวกราว องค์ประกอบสุดท้ายของจักรวาลได้มองเห็นก้าวนี้มานานแล้ว ในจักรวาลยังมีชีวิตสุดท้ายที่สูงกว่า  แม้ว่าจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับองค์ประกอบของอิทธิพลเก่า  แต่มันก็เป็นชีวิตเก่า  มันก็มีทัศนคติที่เบี่ยงเบนไปแล้ว  สำหรับเหล่าศิษย์ต้าฝ่า มันก็มีความไม่สมบูรณ์ของจักรวาลในอดีตเมื่อก่อนกำเนิด กับคุณสมบัติพิเศษที่เบี่ยงเบนไปแล้ว  ซึ่งปกปักษ์รักษาทุกสิ่งนั้นไว้   สำหรับศิษย์ต้าฝ่า  มันถือว่า การประทุษร้ายชนิดนี้สามารถทำให้พวกเขาบำเพ็ญได้   ทัศนคติของพวกมันกลายเป็นอุปสรรค และพวกมันยังก่อให้เกิดฉากกั้น  ระหว่างชั้นผิวนอกของโลกกับแต่ละขอบเขต   และขัดขวางการรับรู้ฝ่าของชาวโลก  พวกมันรู้สึกว่าในสภาพการณ์เช่นนี้ หากก้าวข้ามมาได้จึงจะใช้ได้   สรรพชีวิตบนโลกกับคนที่แสดงท่าทีในสถานการณ์ชนิดนี้ จึงสมควรจะเหลือรอดอยู่ได้   การเลือกข้างในสภาพการณ์เช่นนี้ จึงจะแสดงว่าชีวิตนี้ยอดเยี่ยม   แต่ว่าพวกมันล้วนไม่อาจรับรู้ได้ว่า  สภาพการณ์ของการเจิ้งฝ่านั้นจะต้องการสิ่งนี้หรือไม่  และที่สำคัญที่สุดคือ จักรวาลในอนาคตนั้น ไม่ต้องการเช่นนี้เลย  ในระหว่างการเจิ้งฝ่าก็ไม่ยอมรับองค์ประกอบด้านลบ ด้านตรงข้าม  และท่าทีของชีวิตหนึ่งๆต่อการเจิ้งฝ่าในเวลานี้จึงจะเป็นสิ่งสำคัญที่สุด  ในนั้นจึงครอบคลุมชีวิตทั้งหลายที่สูงสุด ท้ายที่สุดซึ่งวุ่นวายกับการเจิ้งฝ่าเข้าไว้ด้วย 

            การเจิ้งฝ่านี้เกี่ยวพันถึงอนาคตของชีวิตทั้งปวง  ไม่ใช่เจาะจงเฉพาะศิษย์ต้าฝ่า  ชาวโลกหรือสรรพชีวิตในแต่ละขอบเขตเท่านั้น  ใครที่จะสามารถออกไปพ้นละ  ในขณะเดียวกันเพราะท่าทีต่อการเจิ้งฝ่า เป็นสิ่งสำคัญมาก ดังนั้นไม่มีใครที่มีสิทธิปิดกั้น ทำให้สรรพชีวิตทำบาปต่อการเจิ้งฝ่ากับต้าฝ่าโดยอยู่ในสภาพที่ไม่รู้อะไร นับตั้งแต่ต้นก็ไม่สมควรเกิดการรบกวนจากองค์ประกอบชนิดนี้ของอิทธิพลเก่า  ในสภาพที่ไม่มีการรบกวนจากองค์ประกอบใดๆ  เมื่อสรรพชีวิตมองดูเรื่องนี้  แสดงท่าทีต่อเรื่องนี้ โดยอยู่ในสภาพที่ไม่ได้ถูกควบคุมเลย นั่นจึงจะเป็นสิ่งที่จริงแท้  มิเช่นนั้นการจัดวางชนิดนี้ มิใช่จะปรากฏออกมาตามความต้องการของพวกมัน ที่จัดวางให้ใครเป็นชีวิตที่ทำดีก็จัดวางให้เขาทำดี  พวกมันต้องการจัดวางให้ใครทำเรื่องไม่ดี ก็จัดวางให้เขาทำเรื่องไม่ดี  นี่จะนับว่าเป็นการแสดงออกที่แท้จริงของสรรพชีวิตเองได้หรือ  ไม่ใช่  แต่เมื่อมองจากสถานการณ์ปัจจุบัน  องค์ประกอบเก่าท้ายที่สุดของจักรวาล ยังคงรบกวนสิ่งที่ต้องการ สิ่งที่ต้องทำให้สำเร็จของอนาคต

            วันนี้การแสดงออกของสรรพชีวิตบนโลกที่พวกเรามองเห็นนั้น  แม้จะอยู่ภายใต้การบงการของอิทธิพลเก่า สรรพชีวิต และเหล่าเทพในแต่ละขอบเขตก็ล้วนกำลังค่อยๆเริ่มเห็นพ้องกับต้าฝ่า   และการเห็นพ้องแบบนี้  ยังไม่ใช่การยอมรับต่อต้าฝ่า  การเจิ้งฝ่า และศิษย์ต้าฝ่า โดยไม่มีเงื่อนไข  แต่เพราะพลังของความสำเร็จของการเจิ้งฝ่าท่วมท้นเทียนถี่(ร่างจักรวาล)ทั้งหมด ทำให้พวกเขาหมดปัญญา  แน่ละก็มีจำนวนมากมายส่วนหนึ่งที่เข้าใจได้จริงๆ เพราะพวกเขามองเห็นแนวโน้มแบบนี้ของการเจิ้งฝ่า ทุกสิ่งของอนาคตจะต้องสำเร็จ  ทั้งหมดนี้คนบนโลกย่อมไม่แจ่มแจ้งอย่างแน่นอน   พวกเขาเพียงมองเห็นว่าไม่ได้ถูกอำนาจอันธพาลทางการเมืองของรัฐบาลคอมมิวนิสต์จีนประทุษร้ายจนล้มคว่ำไป  แสดงการรับรู้ของคนออกมาแบบหนึ่งว่า วา ฝ่าหลุนกงเก่งจัง  ในเวลาที่ยาวนานอย่างนี้ ฝ่าหลุนกงไม่ได้ถูกพรรคมารคอมมิวนิสต์จีนที่ชั่วร้ายเช่นนี้ปราบปรามจนหมดไป ตรงข้ามกลับยิ่งเฟื่องฟู และในการประทุษร้ายฝ่าหลุนกง คอมมิวนิสต์จีนกลับทำให้ตัวเองพังทลายแล้ว ยังเป็นฝ่าหลุนกงที่เยี่ยมจริงๆ  และการแสดงออกมาซึ่งคุณสมบัติดั้งเดิมของเจิ้งเนี่ยนของศิษย์ต้าฝ่านั้น  กล่าวสำหรับชาวจีนแล้ว ราวกับได้เห็นความหวังอย่างหนึ่งของการฟื้นคืนศีลธรรมของประชาชาติจีน สังคมที่เต็มไปด้วยข้าราชการทุจริตคอรัปชั่น ทำผิดกฎหมายภายใต้การปกครองของคอมมิวนิสต์จีนนั้น ยุ่งเหยิงโกลาหลจนไม่ไหวแล้ว  เมื่อเสริมกับช่วงแรกของการเจิ้งฝ่า เพื่อให้ชาวจีนรับรู้ฝ่า ได้รับฝ่า      ในเวลานั้นได้เปิดความคิดของชาวจีนออกมาแล้ว  ทำให้ชาวจีนเปลี่ยนแปลงฉลาดขึ้นมาก  แต่ความฉลาดนี้ เขาไม่สามารถใช้ในการรับรู้ฝ่า ในท่ามกลางการประทุษร้ายครั้งนี้  กลับใช้ในการทำผิดกฎหมาย   ดังนั้นในระหว่างหลายปีของการประทุษร้ายศิษย์ต้าฝ่า การโจมตี เจิน ซั่น เหยิ่น ประโคมสิ่งชั่วร้าย  ทำให้วิธีการทำผิดกฎหมายของสรรพชีวิต เปลี่ยนเป็นแบบอำพรางและสลับซับซ้อนอย่างยิ่ง  ต่อสถานการณ์เฉพาะหน้าของประเทศจีน  แก๊งอันธพาลคอมมิวนิสต์จีนก็ไม่มีวิธีการใดๆจริงๆ  เมื่อเผชิญกับโทษบาปที่พวกมันก่อขึ้น และความซับซ้อนยุ่งเหยิงของสังคม  พวกมันก็ไม่มีพลังที่จะพลิกฟื้นสถานการณ์ได้อีกแล้ว

            คำพูดที่ข้าพเจ้าเพิ่งพูดไปเมื่อครู่นี้ ก็เพราะวันนี้ข้าพเจ้ากลับมานั่งอยู่ ณ ที่นี้บรรยายธรรมให้ทุกท่าน (เสียงปรบมือกึกก้อง)  เวลาได้ผ่านไป ห้าหกปีแล้ว  วันนี้ข้าพเจ้าบรรยายธรรมอยู่ที่นี่  ทุกท่านอาจจะมีความรู้สึกไม่เหมือนกัน  ผู้ฝึกที่นั่งอยู่ที่นี่ฟังธรรมในครั้งแรกอาจจะยิ่งรู้สึกไม่เหมือนกัน ในท่ามกลางการประทุษร้ายที่อำมหิตชั่วร้ายครั้งนี้ พวกเราได้ข้ามมาแล้วโดยพื้นฐาน  เพราะในระหว่างการเจิ้งฝ่า องค์ประกอบของพรรคมารคอมมิวนิสต์จีนที่ชั่วร้าย ได้ถูกดับสลายไปอย่างมหาศาล รวดเร็วและฉับพลัน  พวกมันจึงเหมือนกับที่ข้าพเจ้าพูด คือมันชั่ว  มันเลว มันไม่ดี แม้เพียงมันยังคงอยู่ มันก็จะยังสามารถทำเรื่องชั่ว  ดังนั้นประเทศที่นั่นนะ  แม้องค์ประกอบชั่วร้ายของพรรคมารคอมมิวนิสต์ที่ควบคุมมวลชน และชาวโลกมากมายล้วนกำลังถูกกำจัด ลดทอน เบาบางลง  ไม่มีบทบาทมากมายได้แล้ว  แต่ว่าการประทุษร้ายต่อศิษย์ต้าฝ่ายังคงดำเนินต่อไป  นอกเสียจากกำจัดมันหมดจนถึงที่สุด  การประทุษร้ายครั้งนี้ก็จะสิ้นสุดลง  องค์ประกอบชั่วร้ายเหล่านี้ของพรรคมารคอมมิวนิสต์ จะต้องถูกเทพกวาดล้างไปในระหว่างการเจิ้งฝ่าอย่างแน่นอน (เสียงปรบมือกึกก้อง)

            พรรคมารคอมมิวนิสต์ก็มองเห็นว่าตนเองโอนเอนใกล้จะล้มมิล้มแหล่แล้ว  และมองเห็นว่าสถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว หลายๆคนล้วนกำลังหาทางหนีทีไล่ หลายๆคนกำลังปกปิดพฤติกรรมที่ผิดกฎหมายของตนในการประทุษร้ายครั้งนี้ แน่ละมีคนมากมายคิดจะลาออกจากองค์กรชั่วร้ายนั้น ทั้งหมดนี้จึงทำให้พวกหัวรุนแรงเหล่านั้นในพรรครู้สึกหวาดกลัวสิ้นหวัง   โดยเฉพาะการลาออกเรื่องนี้  ทำจนพวกมันใจเต้นระทึก   สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว   พวกมันเห็นแล้วว่าทั้งหมดนี้ไปไม่ไหวแล้ว ไม่ว่าคนธรรมดาสามัญจะมีท่าทีอย่างไร  ห่วงใยสังคมประชาชาติจีนว่าจะเป็นอะไรไป นั่นล้วนเป็นการกังวลโดยเปล่าประโยชน์  แต่ไหนแต่ไรมา เทพไม่เคยผ่อนคลายการควบคุมมนุษย์ชนชาติใด  หรือคนใด  เทพให้สังคมนี้ปั่นป่วนสังคมนี้ก็ต้องปั่นป่วน  เทพให้คนบ้าคลั่ง คนก็ต้องบ้าคลั่ง  เทพให้สังคมใดมั่นคง  สังคมนี้ก็ต้องมั่นคง   ค่ายพรรคมารคอมมิวนิสต์ที่ใหญ่อย่างนั้น ถ้าจะให้มันพังทลาย  ไม่กี่วันก็จะพังทลายหมดแล้ว (เสียงปรบมือ)  ดูว่าเทพจะต้องการหรือไม่ไม่ใช่อย่างนี้หรอกหรือ

            สังคมมนุษย์ทั้งหมดนี้จัดสร้างขึ้นมาเพื่อการเจิ้งฝ่า  ทุกสิ่งที่มีอยู่ในวันนี้ก็ล้วนแต่ดำรงอยู่เพื่อให้ศิษย์ต้าฝ่าของข้าพเจ้ายืนยันความถูกต้องของฝ่า พวกท่านจำไว้  พวกท่านจึงจะเป็นบุคคลที่สง่างามของสังคมมนุษย์ในวันนี้   พวกท่านจึงจะเป็นชีวิตที่สรรพชีวิตจ้องมองมากที่สุด  พวกท่านก็กำหนดชีวิตในอนาคตของคนบนโลกแต่ละคน   (เสียงปรบมือ)  ดังนั้นการช่วยเหลือสรรพชีวิต และการบำเพ็ญตัวพวกท่านเองให้ดีนั้น เรื่องนี้กล่าวสำหรับทุกท่านแล้ว  กล่าวสำหรับศิษย์ต้าฝ่าแล้ว เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง ไม่เพียงแต่เพื่อการหยวนหมั่นของชีวิตนี้ของตัวท่านเอง  หากยังเพื่อสรรพชีวิต  มีชีวิตมากมายเฝ้ารอคอยพวกท่านอยู่ ข้าพเจ้าก็ขอพูดเพียงแค่นี้ (เสียงปรบมือยาวนาน)

            เนื่องจากขณะนี้ คือเรื่องที่ทุกท่านกำลังทำกันอยู่  ดังนั้นข้าพเจ้าไม่อาจทำให้เรื่องที่พวกท่านกำลังทำจืดจางลงเพราะการพูดถึงเนื้อหาอย่างอื่นมากเกินไป  เรื่องที่ทำอยู่เดี๋ยวนี้สำคัญอย่างมาก  ดังนั้นจะไม่พูดมากแล้ว ขอบใจทุกท่าน (เสียงปรบมือกึกก้อง)