ฝ่าหลุนต้าฝ่า

“จิงจิ้งเหย้าจื่อ”

 

สิ่งสำคัญต่อการพัฒนา

 

 

 

 

 

หลี่  หงจื้อ


สารบัญ

1.  ลุ่นอวี่. 5

2.  มั่งมีและมีกุศล. 6

3.  กว้างใหญ่ลึกซึ้ง. 6

4.  บำเพ็ญจริง. 7

5.  ฉลาดปราดเปรื่อง. 7

6.  รู้แจ้ง. 7

7.  เหตุใดจึงไม่เห็น.. 8

8.  ศึกษาฝ่า. 8

9.  ช่วยฝึกสอนอย่างไร. 9

10.  ท้องนภา. 9

11.  อาณาจักรเขตแดน.. 10

12.  อะไรคือว่างเปล่า. 10

13.  แน่วแน่.. 10

14.  บทบรรยายของศาสนาพุทธคือส่วนที่อ่อนแอและ เล็กที่สุดส่วนหนึ่งของฝอฝ่า. 11

15.  อะไรคือปัญญา. 11

16.  ไม่ใช่การงานแต่เป็นการบำเพ็ญปฏิบัติ. 11

17.  ปลดเกษียณแล้วค่อยปฏิบัติ. 12

18.  ฝ่าถูกต้องเที่ยงตรง. 12

19.  ผู้มีบุญญาธิการสูงส่ง. 13

20.  ไหว้ครู. 13

21.  ให้รู้แจ่มแจ้ง. 13

22.  เพื่อใครจึงบำเพ็ญ.. 14

23.  คำศัพท์ในฝอฝ่า. 15

24.  บำเพ็ญข้างในสงบข้างนอก. 15

25.  ลดละการยึดติดลงอีก. 15

26.  ยืนยันความจริง. 16

27.  ผู้บำเพ็ญย่อมอยู่ข้างในโดยอัตโนมัติ. 17

28.  อะไรคือความอดทน.. 17

29.  อะไรคือ“หมีซิ่น” (งมงาย) 17

30.  กรรมแห่งโรค. 18

31.  ผู้บำเพ็ญพึงละเว้น.. 19

32.  กลมกลืนเป็นเนื้อเดียว. 20

33.  ไม่มีตกหล่น.. 20

34.  ปฏิบัติกับการงาน.. 20

35.  แก้ไขให้ถูกต้อง. 21

36.  จินกัง (ไม่เสื่อมสูญ) 22

37.  ไม่พูดจาเหลวไหล. 22

38.  ตื่น.. 23

39.  ฝ่ามั่นคง. 24

40.  บำเพ็ญปฏิบัติกับรับผิดชอบ.. 25

41.  การจัดการกับจิงเหวินที่คัดลอกด้วยลายมือ. 25

42.  ฝ่าฮุ่ย(ประชุมธรรม) 26

43.  จดหมายถึงศูนย์ฝึกใหญ่ต้าฝ่า สือเจียจวง. 26

44.  รับสภาพจิตให้ถูกต้อง. 27

45.  อธิบายซั่น(ความเมตตา) อย่างง่ายๆ. 27

46.  หมายเหตุต่อการปรับสภาพจิตให้ถูกต้อง. 28

47.  จิตพุทธกับจิตมาร. 29

48.  อาบแสง. 30

49.  บำเพ็ญปฏิบัติไม่ใช่การเมือง. 31

50.  ผู้รับผิดชอบก็คือผู้บำเพ็ญปฏิบัติ. 32

51.  อะไรคือบำเพ็ญปฏิบัติ. 32

52.  ต้าฝ่าบริสุทธิ์ดุจจินกัง(ร่างวัชระ) ตลอดกาล. 33

53.  เข้าใจอีกครั้ง. 34

54.  คำเตือน.. 34

55.  หลักธรรมใหญ่ขโมยไม่ได้. 35

56.  อะไรคือรู้แจ้ง (ไคอู้) 35

57.  สร้างมนุษยชาติใหม่. 37

58.  เปลี่ยนสภาพ.. 37

59.  จิตพุทธไม่รั่วตกหล่น.. 38

60.  มีสติ. 38

61.  จดจำตลอดไป.. 39

62.  ตีแรงๆ หนึ่งที.. 40

63.  อธิบาย(วิเคราะห์)อีกครั้ง การวัดมาตรฐาน.. 41

64.  บทสรุปที่แน่นอน.. 42

65.  คำสนทนากับกาลเวลา. 42

66.  พูดถึงฝ่า. 43

67.  ปล่อยวางจิตใจของคนธรรมดาสามัญ ยืนหยัดบำเพ็ญจริงจัง. 44

68.  เลือกตรงกลาง. 45

69.  ฝ่าปรับจิตมนุษย์ให้ถูกต้อง. 45

70.  หลักการของศิษย์ผู้ออกบวช. 46

71.  สภาพแวดล้อม. 46

72.  ขุดราก. 47

73.  คงอยู่เพื่อใคร. 48

74.  ละลายในฝ่า. 49

75.  ฝอฝ่า(พุทธธรรม)กับศาสนาพุทธ. 50

76.  ถึงผู้ฝึกเก่าในปักกิ่ง. 52

77.  ถึงศูนย์ช่วยฝึกสอนต้าฝ่ามณฑลซันตง. 53

78.  ต้าฝ่าไม่สามารถถูกใช้ประโยชน์.. 54

79.  แข็งแกร่งและเหนียวแน่น.. 55

80.  กวาดล้างจิตมารให้สิ้นซาก. 56

 


1.  ลุ่นอวี่

“พุทธธรรม (ฝอฝ่าเป็นสิ่งที่เลิศล้ำสุดยอด เป็นวิทยาศาสตร์ที่ลึกล้ำมหัศจรรย์เหนือกว่าบรรดาทฤษฎีทั้งหลายในโลก หากจะเปิดสิ่งลึกล้ำนี้แก่มวลมนุษย์ ควรจะต้องเปลี่ยนแปลงทัศนคติของปุถุชนจากรากเหง้าเสียใหม่ หาไม่แล้วความเป็นจริงของจักรวาล จะยังคงเป็นเทพนิยายของมนุษย์ตลอดไป มนุษย์จะยังคงหลงวนเวียนอยู่ในกรอบที่ตนเองขีดขึ้นด้วยความเขลา

ถ้าเช่นนั้น “พุทธธรรม(ฝอฝ่าแท้จริงแล้วคืออะไร คือศาสนาหรือ คือปรัชญาหรือ สิ่งเหล่านี้คือความเข้าใจของ “ผู้ศึกษาศาสนาพุทธในยุคปัจจุบัน” พวกเขาเหล่านั้นเพียงแต่ศึกษาทฤษฎี โดยนำเอา “พุทธธรรม(ฝอฝ่ามาวิเคราะห์ค้นคว้าดังเช่นสิ่งที่อยู่ในขอบข่ายของปรัชญา แท้จริงแล้ว “พุทธธรรม(ฝอฝ่าไม่เพียงแต่เป็นสิ่งที่บันทึกไว้ในคัมภีร์เท่านั้น สิ่งที่บันทึกอยู่ในคัมภีร์เป็นเพียงหลักธรรมเบื้องต้นของ “พุทธธรรม(ฝอฝ่าเท่านั้น “พุทธธรรม(ฝอฝ่าเป็นข้อไขปริศนาของความลี้ลับทั้งมวล จากอนุภาค โมเลกุลไปจนถึงจักรวาล จากสรรพสิ่งที่เล็กที่สุดไปสู่สรรพสิ่งที่ใหญ่ที่สุด ไม่มีสิ่งใดไม่ครอบคลุม ไม่มีสิ่งใดตกหล่น “พุทธธรรม(ฝอฝ่า  คือการบรรยายและวิเคราะห์คุณสมบัติพิเศษของจักรวาล “ความจริง ความเมตตา ความอดทน (เจิน ซั่น เหยิ่นที่มีลักษณะแตกต่างกันตามระดับชั้นที่แตกต่างกัน ก็คือ สิ่งที่สายเต๋าเรียกว่า “เต๋า” สายพุทธเรียกว่า “หลักธรรม(ฝ่า

วิทยาการของมนุษย์ในปัจจุบันแม้จะเจริญก้าวหน้าอย่างไร ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งในความลึกลับของจักรวาล เมื่อเรากล่าวถึงปรากฏการณ์ที่เป็นรูปธรรมใน “พุทธธรรม(ฝอฝ่าก็จะมีคนพูดว่า “ยุคนี้เป็นยุคของอิเล็กทรอนิกส์ วิทยาศาสตร์ก็เจริญก้าวหน้ามาถึงขั้นนี้ ยานอวกาศก็บินไปถึงดาวดวงอื่นแล้ว ยังจะพูดถึงเรื่องงมงายแบบเก่าๆ อีก”  ถ้าจะพูดให้ชัด ต่อให้สมองกลจะมีศักยภาพสูงเพียงไรก็ไม่อาจเปรียบได้กับสมองมนุษย์ แต่ในปัจจุบันสมองมนุษย์ยังคงเป็นปริศนาที่คนเรายังค้นคว้าและวิจัยไม่ทะลุปรุโปร่ง ยานอวกาศจะบินได้สูงเพียงใด ก็ไม่อาจหลุดพ้นจากมิติวัตถุที่มนุษย์อาศัยอยู่นี้ได้ ความรู้ของมนุษย์ในยุคปัจจุบัน สามารถเข้าใจได้เพียงสิ่งผิวเผินเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น ยังห่างไกลจากความเป็นจริงของจักรวาลอีกมากมายนัก บางคนถึงกับไม่กล้าเผชิญกับความจริง ไม่กล้าสัมผัส ไม่กล้ายอมรับปรากฏการณ์ความจริงที่ดำรงอยู่โดยภววิสัย เพราะว่าพวกเขาเหล่านั้นมีความคิดแบบอนุรักษ์เกินไป ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงความคิดจากทัศนคติที่สืบทอดกันมา สิ่งที่จะสามารถไขข้อปริศนาของจักรวาล มิติอวกาศ และร่างกายมนุษย์ได้ มีเพียง “พุทธธรรม(ฝอฝ่าเท่านั้น ซึ่งจะสามารถแยกแยะระหว่างความเมตตากับความชั่วร้าย ความดีกับความเลวได้อย่างแท้จริง ขจัดความคิดเห็นที่ผิดพลาดเหลวไหลทั้งปวง และให้ประจักษ์ในสิ่งที่ถูกต้อง

แนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนาและค้นคว้าของวิทยาศาสตร์ของมนุษยชาติในปัจจุบัน ได้แต่จำกัดอยู่ในโลกของวัตถุเท่านั้น ต่อเมื่อสิ่งของชนิดหนึ่งได้เป็นที่รู้จักแล้วจึงค่อยเริ่มดำเนินการค้นคว้าในสิ่งนั้น มนุษย์เราจะเดินตามกันไปบนเส้นทางนี้ แต่ในมิติที่เราอาศัยอยู่กันนี้ยังมีสิ่งที่เราสัมผัสไม่ถึงและมองไม่เห็น แต่คงอยู่โดยภววิสัย และได้สะท้อนเป็นปรากฏการณ์มายังมิติอันเป็นวัตถุของเรานี้ ปรากฏให้เห็นอย่างเด่นชัด แต่คนเรากลับไม่กล้าที่จะไปสัมผัส โดยคิดว่าเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่แน่ชัด คนที่ถือทิฐิจะหาเหตุผลกล่าวหาว่าเป็นปรากฏการณ์ของธรรมชาติโดยไร้หลักฐาน คนที่มีเจตนาเป็นอย่างอื่นก็จะพูดเหมารวมอย่างขัดกับความรู้สึกของคนว่าเป็นเรื่องงมงายเหลวไหล ผู้คนที่ไม่แสวงหาก็ใช้ข้ออ้างว่าวิทยาศาสตร์ไม่เจริญเพื่อหลีกเลี่ยง ถ้าหากมนุษย์สามารถเริ่มต้นทำความรู้จักตัวเองกับจักรวาลอีกครั้ง แก้ไขเปลี่ยนแปลงความคิดที่แข็งทื่อแล้วนั้น มนุษย์ก็จะรุดไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็ว “พุทธธรรม (ฝอฝ่าสามารถช่วยให้มนุษย์เข้าใจโลกอันหาขอบเขตที่สุดมิได้ได้อย่างทะลุปรุโปร่ง นับตั้งแต่อดีตกาลมา สิ่งที่จะสามารถอธิบายการคงอยู่ของมนุษย์ วัตถุในแต่ละมิติ ชีวิตและจักรวาลทั้งหมดได้อย่างสมบูรณ์มีเพียง “พุทธธรรม (ฝอฝ่าเท่านั้น

หลี่ หงจื้อ

1992.6.2

 

 

2.  มั่งมีและมีกุศล

                คนโบราณพูดว่า: เงินทองเป็นของนอกกาย ทุกคนต่างรู้ ทุกคนต่างแสวงหา ชายหนุ่มเพื่อสนองตัณหา หญิงสาวเพื่อเกียรติยศความสุขสบาย ผู้เฒ่าเพื่อคลายกังวลยามแก่เฒ่าของตน ปัญญาชนเพื่อชื่อเสียง ข้าราชการปฏิบัติหน้าที่เพื่อสิ่งนี้ เป็นต้น ด้วยเหตุนี้ต่างจึงแสวงหา

                บางคนถึงกับแย่งชิงต่อสู้เพื่อสิ่งนี้ คนที่แข็งแรงยอมเสี่ยงภัย คนที่อารมณ์ร้อนสามารถใช้ความรุนแรงเพื่อสิ่งนี้ คนที่อิจฉาริษยายอมตายเพื่อสิ่งนี้ด้วยความโกรธ ประชามั่งมีคือภาระหน้าที่ของผู้ปกครองและข้าแผ่นดิน การบูชาเงินทองเป็นการส่งเสริมไปสู่ทางตกต่ำ มั่งมีแต่ไร้กุศลเป็นการทำร้ายสรรพชีวิต มั่งมีและมีกุศลคือสิ่งที่ผู้คนต่างคาดหวัง ดังนั้น ไม่อาจจะมั่งมีโดยไม่ส่งเสริมกุศล

                กุศลเป็นสิ่งที่สะสมมาแต่ชาติก่อนๆ ผู้ปกครอง ข้าแผ่นดิน เศรษฐี ผู้สูงศักดิ์ ล้วนเกิดมาจากกุศล ไร้ซึ่งกุศลย่อมไม่ได้มา สูญเสียกุศล สูญสิ้นทุกอย่าง ดังนั้นผู้ที่แสวงหาอำนาจและความมั่งมีย่อมต้องมีกุศลสะสมไว้ก่อน การอดทนต่อความทุกข์ยาก การทำความดีสามารถสะสมกุศลในหมู่คน เพื่อสิ่งนี้จะต้องเข้าใจในเหตุและผลของเรื่องราว เข้าใจถ่องแท้สามารถช่วยให้ข้าราชการและเหล่าประชาควบคุมจิตใจตน ใต้ฟ้าจะมั่งมีและสันติ

หลี่ หงจื้อ

1995.1.27

 

3.  กว้างใหญ่ลึกซึ้ง

                ฝ่าและหลักการของฝ่าหลุนต้าฝ่า สามารถบังเกิดผลการชี้นำต่อการบำเพ็ญปฏิบัติธรรมของบุคคล รวมทั้งต่อการนับถือศาสนา นี่คือหลักการของจักรวาล ฝ่าอันแท้จริงซึ่งยังไม่เคยมีบรรยายมาก่อน ในอดีตก็ไม่อนุญาตให้คนล่วงรู้ถึงหลักการของจักรวาล(ฝอฝ่า) เขาอยู่เหนือทฤษฎีทางวิชาการและจริยธรรมทั้งปวงในสังคมมนุษย์มาแต่โบราณกาลจนถึงปัจจุบัน ที่ผ่านมาสิ่งที่ศาสนาถ่ายทอดและสิ่งที่มนุษย์เราสัมผัสได้ เป็นเพียงสิ่งผิวเผินและปรากฏการณ์ แต่ความหมายอันกว้างใหญ่และลึกซึ้งข้างใน มีเพียงผู้บำเพ็ญปฏิบัติธรรมเท่านั้น จึงจะสามารถสัมผัสและรับรู้ในแต่ละระดับชั้นของการบำเพ็ญปฏิบัติธรรม และปรากฏออกมาให้เห็น จึงจะสามารถมองเห็นอย่างแท้จริงว่าฝ่าคืออะไร

หลี่ หงจื้อ

1995.2.6

 

 

4.  บำเพ็ญจริง

                ศิษย์ผู้บำเพ็ญจริงทั้งหลาย สิ่งที่ข้าพเจ้าสอนท่านคือฝ่าของการบำเพ็ญพระพุทธ และบำเพ็ญเต๋า พวกท่านกลับพร่ำบ่นต่อข้าพเจ้าด้วยเหตุที่ต้องสูญเสียผลประโยชน์ในสังคมมนุษย์ ไม่ใช่ทุกข์ร้อนเนื่องจากตัวเองไม่สามารถปล่อยวางจิตยึดติดในสังคมมนุษย์ นี่คือการบำเพ็ญปฏิบัติหรือ ท่านสามารถจะปล่อยวางจิตของมนุษย์ลงได้หรือไม่ นี่เป็นด่านชี้เป็นชี้ตายของการเดินไปสู่คนเหนือสามัญวิสัยอย่างแท้จริง เป็นด่านซึ่งศิษย์ผู้บำเพ็ญจริงทุกคนต้องข้ามให้พ้น นี้เป็นเส้นแบ่งเขตระหว่างผู้บำเพ็ญปฏิบัติและคนธรรมดาสามัญ

                อันที่จริง เวลาที่พวกท่านรู้สึกทุกข์ร้อนจากการที่ชื่อเสียง ผลประโยชน์ ความรู้สึก ถูกละเมิดในหมู่คนธรรมดาสามัญนั้น ก็คือไม่สามารถปล่อยวางจิตยึดติดของคนธรรมดาสามัญลงได้ พวกท่านต้องจำไว้ว่า การบำเพ็ญปฏิบัตินั้นไม่ลำบาก ส่วนสำคัญคือไม่สามารถปล่อยวางการยึดติดของคนธรรมดาสามัญ เมื่อพวกท่านจะปล่อยวางชื่อเสียง ผลประโยชน์ ความรู้สึก จึงรู้สึกทุกข์

                ท่านได้ตกลงมาจากโลกอันศักดิ์สิทธิ์ บริสุทธิ์ผุดผ่อง สวยงามอย่างหาที่เปรียบมิได้ เพราะว่าขณะที่อยู่ในระดับชั้นนั้น พวกท่านเกิดมีจิตยึดติด เมื่อเปรียบเทียบแล้วตกลงมายังโลกที่สกปรกที่สุด พวกท่านยังไม่รีบที่จะบำเพ็ญกลับไป กลับยึดเหนี่ยวอยู่กับสิ่งสกปรกเหล่านั้นในโลกสกปรกไม่ยอมปล่อย ถึงกับเจ็บปวดทุกข์ทรมานเสียเหลือเกิน - เวลาสูญเสียอะไรเล็กๆน้อยๆ ท่านรู้หรือไม่ เพื่อช่วยให้ท่านหลุดพ้น พระพุทธเคยมาบิณฑบาตขออาหารในหมู่คนธรรมดาสามัญ วันนี้ข้าพเจ้าก็เปิดประตูใหญ่ถ่ายทอดต้าฝ่าเพื่อช่วยให้ท่านทั้งหลายหลุดพ้น ข้าพเจ้าไม่รู้สึกทุกข์ที่ต้องรับโทษทัณฑ์ซึ่งไม่อาจคณานับได้ แล้วท่านทั้งหลายยังมีอะไรที่ปล่อยวางไม่ได้อีก ท่านสามารถนำสิ่งที่ในใจปล่อยวางไม่ได้ไปสวรรค์ได้หรือ

หลี่ หงจื้อ

1995.5.22

 

5.  ฉลาดปราดเปรื่อง

                เวลาที่ข้าพเจ้าบอกกับผู้ฝึกจำนวนหนึ่งว่า ความคิดรุนแรงเกินไปเป็นผลสะท้อนของกรรมแห่งความคิดประเภทหนึ่งนั้น เวลานี้มีผู้ฝึกจำนวนมากเหมาคิดเอาว่า ความคิดที่ไม่ค่อยดีของตัวเองทั้งหมดคือกรรมแห่งความคิด นี่เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ถ้าตัวท่านเองปราศจากความคิดที่ไม่ดีแล้ว ท่านยังจะบำเพ็ญอะไรอีก ถ้าสะอาดหมดจดเช่นนั้น ท่านมิใช่พระพุทธแล้วหรือ นี่เป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องแบบหนึ่ง ถ้าในความคิดของตัวเองรุนแรงถึงขั้นสะท้อนความคิดสกปรก หรือด่าอาจารย์ ด่าต้าฝ่า ด่าผู้คน ฯลฯ โดยขจัดไม่ออก สะกดไม่อยู่ นี้จึงจะเป็นกรรมแห่งความคิด แต่ก็มีความคิดประเภทที่อ่อนแอ แต่ผิดแผกแตกต่างจากความคิดปกติทั่วไป ต้องเข้าใจให้แจ่มชัด

หลี่ หงจื้อ

1995.5.23

 

 

 6.  รู้แจ้ง

                โลกมนุษย์อันขุ่นมัว ไข่มุกตาปลาคละปนกัน พระยูไลต้องเสด็จลงมาบนโลกอย่างเงียบๆ เวลาถ่ายทอดฝ่าย่อมมีวิชามารรบกวน เต๋าและมารถ่ายทอดวิชาพร้อมกัน อยู่คู่ในโลกเดียวกัน จริงๆปลอมๆสำคัญที่รู้แจ้ง จะแยกแยะอย่างไร ต้องมีคนระดับสูง ครั้นผู้มีวาสนาสามารถรับรู้ ต่างพากันเข้ามาสู่เต๋าได้ฝ่า สามารถแยกแยะจริงแท้หรือแปลกปลอม ได้คัมภีร์จริง เบากาย เพิ่มพูนสติปัญญา เสริมจิตใจให้แข็งแกร่ง ลงเรือฝ่าลิ่วตามลม ช่างดีงามอะไรเช่นนี้ ขอจงมุมานะรุดไปข้างหน้า จวบจนหยวนหมั่น(สำเร็จสมบูรณ์)

                ผู้ที่หลงอยู่ในโลกและรับรู้ยาก มีชีวิตเพื่อเงินตรา ยอมตายเพื่ออำนาจ ดีใจและทุกข์ใจเพื่อผลประโยชน์อันน้อยนิด ต่อสู้เอาชนะอย่างสาหัสสากรรจ์ ก่อกรรมชั่วชีวิต คนพวกนี้หากได้ยินฝ่าย่อมหัวเราะ เปล่งคำพูดหลงงมงาย ในใจนั้นทั้งยากที่จะเข้าใจยากที่จะเชื่อ คนพวกนี้คือคนระดับต่ำ ยากแก่การช่วยให้หลุดพ้น กรรมหนักพันธนาการร่างกาย ปิดกั้นสติปัญญา จิตดั้งเดิมไม่มีเหลือ

หลี่ หงจื้อ

1995.6.14

 

7.  เหตุใดจึงไม่เห็น

                เห็นจึงจะเชื่อ ไม่เห็นก็จะไม่เชื่อ นี่คือการเห็นของคนระดับต่ำ มนุษย์อยู่ในวังวน ก่อกรรมมากมาย จิตดั้งเดิมถูกบดบังจะเห็นได้อย่างไร รู้แจ้งก่อน เห็นภายหลัง บำเพ็ญจิตชำระกรรม จิตดั้งเดิมเมื่อปรากฏก็จะได้เห็น แต่ทว่าคนระดับสูงเห็นก็ได้ไม่เห็นก็ได้ อาศัยการรู้แจ้งเพื่อหยวนหมั่น(บรรลุสำเร็จสมบูรณ์) คนส่วนใหญ่เห็นบ้างไม่เห็นบ้าง ด้วยกำหนดตามระดับชั้น กำหนดตามเกินจี(รากฐาน) ผู้บำเพ็ญปฏิบัติโดยมากไม่เห็นเพราะแสวงหาที่จะเห็น นี้คือการยึดติด หากไม่ขจัดทิ้งไปย่อมไม่เห็น โดยมากเป็นเพราะมีกรรมขวางกั้น หรือสภาพแวดล้อมไม่เหมาะสม หรือถูกกำหนดด้วยวิธีบำเพ็ญ เหตุผลมีมากหลาย ขึ้นอยู่กับแต่ละคน ผู้เห็นสิ่งที่เห็นอาจไม่ชัดแจ้ง ไม่ชัดแจ้งก็สามารถบรรลุเต๋า เสมือนตัวได้เผชิญกับสภาพการณ์ ไม่มีอะไรไม่ชัดแจ้ง คนผู้นี้ได้บรรลุไคกง(เปิดพลังกง) ไม่สามารถบำเพ็ญต่อไปอีก ไม่เหลือสำหรับการรู้แจ้ง

หลี่ หงจื้อ

1995.6.16

 

8.  ศึกษาฝ่า

                ปัญญาชนศึกษาต้าฝ่า ต้องระวังปัญหาสำคัญที่สุดข้อหนึ่งคือ ศึกษาต้าฝ่าในวิธีเดียวกับคนธรรมดาสามัญศึกษาบทความทางทฤษฎี เช่นศึกษาโดยเลือกบันทึกข้อความเฉพาะที่ตรงประเด็นของบุคคลผู้มีชื่อเสียงมาเปรียบเทียบกับการกระทำของตน นี่จะเป็นอุปสรรคต่อการยกระดับของผู้บำเพ็ญปฏิบัติ ยังมีบางคนพอได้ยินว่าต้าฝ่ามีความหมายลึกซึ้งมาก ข้างในมีสิ่งที่อยู่ในระดับสูงที่จะชี้แนะการบำเพ็ญปฏิบัติธรรมในระดับชั้นที่แตกต่างกัน ดังนั้นจึงทำการวิเคราะห์เจาะลึกชนิดคำต่อคำ ผลก็คือไม่พบอะไรเลย ความเคยชินเหล่านี้ที่เกิดจากการศึกษาทฤษฎีทางการเมืองมานาน ก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลกระทบต่อการบำเพ็ญปฏิบัติ จนเข้าใจฝ่าบิดเบือนไป

                ทุกท่านเวลาศึกษาฝ่าต้องไม่ค้นหาและศึกษาแต่เฉพาะส่วนที่ตรงประเด็น โดยมีความคิดมุ่งแต่จะแก้ปัญหาให้จงได้ ความจริง นี่เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของการยึดติด (ไม่รวมถึงความขัดแย้งที่รอการแก้ไขอย่างเร่งด่วน) จะศึกษาต้าฝ่าให้ดี ต้องศึกษาโดยไม่ตั้งจุดมุ่งหมายใดๆจึงจะถูกต้อง ทุกครั้งเมื่ออ่าน“จ้วนฝ่าหลุน”จบแต่ละเที่ยว เข้าใจบางส่วนก็คือการยกระดับ แม้ว่าจะเข้าใจเพียงหนึ่งปัญหาหลังจากอ่านจบหนึ่งเที่ยว นั่นก็บรรลุถึงการยกระดับอย่างแท้จริงแล้ว

                อันที่จริงในการบำเพ็ญปฏิบัติ ก็คือท่านบำเพ็ญขึ้นไปทีละเล็กละน้อย อย่างไม่รู้สึกตัว ขอจงจำไว้ ต้องไม่แสวงหาสิ่งใด แล้วจะได้เอง

หลี่ หงจื้อ

1995.9.9

 

9.  ช่วยฝึกสอนอย่างไร

                มีผู้ช่วยฝึกสอนมากมายในแต่ละแห่ง มีความเข้าใจสูงมากต่อต้าฝ่า สามารถปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างจัดงานการฝึกสอนของศูนย์ฝึกสอนได้ดี แต่ก็มีผู้ช่วยฝึกสอนบางคนยังทำได้ไม่ดีพอ สาเหตุสำคัญสะท้อนออกมาจากวิธีทำงาน เช่น เพื่อให้ผู้ฝึกเชื่อฟังผู้ช่วยฝึกสอน เป้าหมายก็คือเพื่อความสะดวกในการทำงาน จึงใช้วิธีออกคำสั่ง ณ ศูนย์ช่วยฝึกสอน เช่นนี้ไม่ได้ การศึกษาฝ่าเป็นความสมัครใจ ถ้าผู้ฝึกในใจตนไม่คิดจะทำอย่างนั้นอย่างนี้ ปัญหาอะไรก็ไม่สามารถแก้ไข ยังจะเกิดความขัดแย้ง หากไม่แก้ไขให้ถูกต้อง ความขัดแย้งจะทวีความรุนแรงถึงขั้นบ่อนทำลายการศึกษาฝ่าอย่างร้ายแรง

                ยังมีบางคน เพื่อจะให้ทุกคนเลื่อมใสศรัทธาและเชื่อฟัง ก็จะบอกเล่าแต่เรื่องราวในทางสายย่อย หรือกุข่าวลือเพื่อเสริมชื่อเสียง บารมี หรือความเป็นอัจฉริยะของตน เหล่านี้ล้วนทำไม่ได้ ผู้ช่วยฝึกสอนของเรานั้น เป็นผู้อาสาที่จะรับใช้ทุกคนด้วยความสมัครใจ ไม่ใช่อาจารย์ ยิ่งไม่สมควรมีจิตยึดติดแบบนี้

                เช่นนั้นพวกเราจะทำงานช่วยฝึกสอนให้ดีได้อย่างไร ก่อนอื่นต้องตั้งตนในหมู่ผู้ฝึก ไม่ให้มีใจที่คิดว่าอยู่เหนือผู้ฝึก เวลาทำงานเมื่อมีอะไรไม่เข้าใจ ให้ถ่อมตนและปรึกษาหารือร่วมกับทุกคน สิ่งใดทำผิด ให้พูดกับผู้ฝึกอย่างจริงใจว่า “ฉันก็เป็นผู้บำเพ็ญปฏิบัติเหมือนทุกท่าน การทำงานยากที่จะไม่มีความผิดพลาด เรื่องนี้ฉันทำผิดไป ก็ขอให้ปฏิบัติตามทางที่ถูกต้อง” ความจริงใจที่หวังจะให้ทุกคนร่วมกันทำงานให้ดี ท่านคิดว่าผลจะเป็นอย่างไร ใครก็ตำหนิอะไรท่านไม่ได้ กลับจะยอมรับว่าท่านศึกษาฝ่าได้ดี ใจกว้าง อันที่จริงมีต้าฝ่าอยู่ คนทุกคนล้วนแต่กำลังศึกษากันอยู่ การกระทำของผู้ช่วยฝึกสอน ทุกบททุกตอน ดีหรือไม่ดี ผู้ฝึกก็จะเปรียบเทียบและวัดกับต้าฝ่า เห็นได้อย่างชัดเจน พอมีความคิดจะยกตัวเองให้สูง ผู้ฝึกก็จะคิดว่าซินซิ่งของท่านมีปัญหา ฉะนั้นการถ่อมตนจึงช่วยให้ทำงานได้ดี ชื่อเสียงบารมีนั้นสร้างขึ้นมาจากการศึกษาฝ่าได้ดี ผู้บำเพ็ญปฏิบัติคนหนึ่งไม่มีความผิดพลาดได้อย่างไร

หลี่ หงจื้อ

1995.9.10

 

 

10.  ท้องนภา

ความกว้างใหญ่ไพศาลของจักรวาล ความมโหฬารของร่างจักรวาล(เทียนถี่) ไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์สามารถจะค้นหาและรับรู้ได้ ความเล็กของสสาร ไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์สามารถจะตรวจพบ ความล้ำลึกอย่างที่สุดของร่างกายมนุษย์ไม่ใช่เพียงกระจิ๊ดริดที่ภายนอกตามที่คนเข้าใจ ความมากมายสลับซับซ้อนของชีวิต จะยังคงเป็นปริศนาของมนุษยชาติตลอดไป

หลี่ หงจื้อ

1995.9.24

 

11.  อาณาจักรเขตแดน

คนเลวถูกครอบงำด้วยจิตอิจฉาริษยา ด้วยความเห็นแก่ตัว ความโกรธ บอกว่าตัวเองไม่ได้รับความยุติธรรม

คนดีเปี่ยมด้วยจิตเมตตากรุณา ไม่โทษ ไม่โกรธแค้น เห็นทุกข์เป็นสุข

ผู้รู้แจ้งจิตยึดติดไม่มีเหลือ สงบนิ่งมองดูผู้คนลุ่มหลงในภาพลวงตา

หลี่ หงจื้อ

1995.9.25

 

 

12.  อะไรคือว่างเปล่า

                อะไรคือว่างเปล่า ความยึดติดไม่เหลือคือความว่างเปล่าที่แท้จริง ไม่ใช่วัตถุธาตุว่างเปล่า และแล้ว “ฉันจง” ก็มาถึงจุดสุดท้ายของหลักธรรม ไม่มีอะไรจะถ่ายทอด ในช่วงสุดท้ายธรรมะอันสับสนยุ่งเหยิง มีนักศึกษายังดื้อรั้นยึดทฤษฎีของความว่างเปล่า สติฟั่นๆเฟือนๆ ดังเช่นรับรู้ในมูลฐานปรัชญา ปรมาจารย์ต๋าหมอ(ตั๊กม้อ)พูดเองว่า มีหลักธรรมถ่ายทอดได้เพียงหกรุ่นเท่านั้น หลังจากนั้นไม่มีจะถ่ายทอด เหตุใดไม่รู้แจ้ง เช่นพูดว่า “ทั้งหมดว่างเปล่า ไร้ฝ่า ไร้พุทธ ไร้รูป ไร้ตัวฉัน ไร้การคงอยู่” ต๋าหมอหมายถึงสิ่งใด ไร้ฝ่า ทฤษฎีความว่างเปล่าของ“ฉันจง” หมายถึงสิ่งใด ดังเช่นไร้พุทธ ไร้รูป แล้วองค์ศากยมุนีคือผู้ใด ท่านไร้ชื่อ ไร้รูป ไร้ตัวฉัน ไร้การคงอยู่ ทั้งหมดคือว่างเปล่า  แล้วรับประทานข้าวดื่มน้ำเพื่อเหตุใด สวมเสื้อผ้าเพื่อการใด ควักนัยน์ตาออกเสียจะดีไหม อารมณ์ทั้งเจ็ดกามคุณทั้งหกของคนธรรมดาสามัญท่านยึดติดได้อย่างไร พระยูไลพูดถึงความว่างเปล่า ความจริงหมายถึงหมดสิ้นซึ่งจิตใจของคนธรรมดาสามัญ ไร้จุดรั่ว คือสัจธรรมของความว่างเปล่า จักรวาลเป็นที่ ที่สสารและวัตถุธาตุคงอยู่ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ จะว่างเปล่าได้อย่างไร หากพระยูไลไม่ถ่ายทอดฝ่า ชีวิตย่อมจะสั้น หลักการหมดสิ้นไม่เหลือ หลักธรรมอรหันต์ไม่ใช่ฝ่าของพระพุทธ    จงรู้แจ้ง จงรู้แจ้ง

หลี่ หงจื้อ

1995.9.28

 

13.  แน่วแน่

                อาจารย์อยู่ความมั่นใจเต็มสิบ อาจารย์ไม่อยู่ ไม่มีอารมณ์อยากบำเพ็ญ เหมือนเพื่ออาจารย์จึงบำเพ็ญ มาด้วยอารมณ์อยาก นี้คือข้อเสียข้อใหญ่ของคนระดับกลาง องค์ศากยมุนี พระเยซู เหลาจื่อ ขงจื่อ จากไปแล้วเกินกว่าสองพันปี ศิษย์ของท่านเหล่านั้นไม่เคยรู้สึกว่าอาจารย์ไม่อยู่แล้วไม่สามารถจะบำเพ็ญ การบำเพ็ญเป็นเรื่องของตัวเอง ไม่มีใครสามารถบำเพ็ญแทนกันได้ อาจารย์พูดได้แต่เพียงฝ่าและหลักการชั้นภายนอก บำเพ็ญจิตตัดกิเลส สติปัญญาแจ่มชัดไม่สับสนนั้น ตัวเองรับผิดชอบ ผู้มาด้วยอารมณ์อยาก จิตใจย่อมไม่แน่วแน่ เข้าสังคมโลกย่อมลืมต้นกำเนิดของตน หากไม่ยืนหยัดรักษาความตั้งใจของตน ชั่วชีวิตอะไรก็ไม่ได้ ไม่รู้เมื่อใดจะประสบโอกาสอีก ยากนักเอย

หลี่ หงจื้อ

1995.10.6

 

14.  บทบรรยายของศาสนาพุทธคือส่วนที่อ่อนแอและ เล็กที่สุดส่วนหนึ่งของฝอฝ่า

                สรรพชีวิตทั้งหลาย อย่าได้นำศาสนาพุทธมาวัดต้าฝ่าแห่งความจริง ความเมตตา ความอดทน ไม่สามารถจะวัดได้ เพราะผู้คนต่างเคยชินกับการยึดเอาพระสูตรของศาสนาพุทธเป็นฝ่า แท้จริงแล้วร่างจักรวาล(เทียนถี่)นั้น ใหญ่โตนัก ใหญ่โตเกินกว่าที่พระพุทธจะสามารถหยั่งรู้ได้ถึงจักรวาล “ไท่จี๋”ของสายเต๋าก็เป็นเพียงความเข้าใจต่อจักรวาลในลำดับชั้นที่เล็ก มาถึงชั้นของคนธรรมดาสามัญก็ไม่มีฝ่าที่เป็นแก่นแท้แล้ว มีเพียงปรากฏการณ์เล็กๆน้อยๆ ณ ขอบจักรวาลที่สามารถทำให้คนบำเพ็ญปฏิบัติเท่านั้น เพราะคนธรรมดาสามัญคือมนุษย์ในระดับชั้นต่ำสุด ดังนั้นจึงไม่ให้คนรู้จักฝอฝ่าที่แท้จริง แต่ผู้คนได้ยินนักปราชญ์พูดว่า: การเคารพนับถือพุทธสามารถปลูกมรรคผลแห่งโอกาสของการบำเพ็ญปฏิบัติ ผู้บำเพ็ญท่องคาถาสามารถได้รับการคุ้มครองจากชีวิตชั้นสูง การถือศีลสามารถบรรลุมาตรฐานของผู้บำเพ็ญปฏิบัติ ในประวัติศาสตร์ตลอดมามีคนศึกษาวิจัยกันว่า คำพูดที่ผู้รู้แจ้งพูดนั้นก็คือฝอฝ่าหรือไม่ คำพูดของพระยูไลคือการสะท้อนให้เห็นของจิตพระพุทธ และสามารถเรียกได้ว่าเป็นการปรากฏให้เห็นของฝ่า แต่ไม่ใช่ฝ่าที่เป็นแก่นแท้ของจักรวาล เพราะในอดีตมนุษย์ไม่ได้รับอนุญาตให้ล่วงรู้ถึงปรากฏการณ์อันแท้จริงของฝอฝ่า ฝอฝ่าคืออะไร ต้องบำเพ็ญปฏิบัติถึงระดับชั้นสูงแล้วจึงจะสามารถรับรู้(อู้)ได้ ดังนั้นจึงไม่ให้คนได้รู้ถึงแก่นแท้ของการบำเพ็ญปฏิบัติที่แท้จริง ฝ่าหลุนต้าฝ่าคือการนำเอาคุณสมบัติพิเศษของจักรวาล(ฝอฝ่า) ที่มีมาแต่โบราณกาลมามอบให้แก่คนเป็นครั้งแรก ประหนึ่งให้บันไดสู่สวรรค์แก่คน ดังนั้นท่านจะนำสิ่งที่มีอยู่ในศาสนาพุทธในอดีตมาวัดต้าฝ่าของจักรวาลได้อย่างไร

หลี่ หงจื้อ

1995.10.8

 

15.  อะไรคือปัญญา

                ในสังคมมนุษย์ บุคคลที่มีชื่อเสียง ปัญญาชน ผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขา ผู้คนรู้สึกว่ายิ่งใหญ่มาก แท้จริงแล้วเล็กนิดเดียว เพราะพวกเขาคือคนธรรมดาสามัญ ความรู้ของพวกเขาก็เป็นเพียงความรู้เล็กๆน้อยๆ เท่าที่วิทยาศาสตร์ปัจจุบันในสังคมมนุษย์จะหยั่งรู้ได้เท่านั้น ความใหญ่โตมโหฬารของจักรวาล จากมหภาคที่สุดจนถึงจุลภาคที่สุด สังคมมนุษย์อยู่ตรงกึ่งกลางพอดี อยู่ ณ ชั้นนอกสุด ชั้นผิวบนสุด ชีวิตก็คงอยู่ในรูปแบบที่ต่ำสุด ดังนั้นความเข้าใจต่อวัตถุ สสารและจิตใจก็น้อยมาก ผิวเผิน อีกทั้งน่าสงสาร แม้จะกุมความรู้ทั้งหมดเกี่ยวกับมนุษยชาติไว้ได้  ก็ยังคงเป็นคนธรรมดาสามัญคนหนึ่ง

หลี่ หงจื้อ

1995.10.9

 

16.  ไม่ใช่การงานแต่เป็นการบำเพ็ญปฏิบัติ

                สามารถจะปฏิบัติตามข้อกำหนดที่ข้าพเจ้า มีไว้ให้กับศูนย์ช่วยฝึกสอนได้หรือไม่ นี้เป็นหลักการที่สำคัญมาก มันเกี่ยวโยงไปถึงรูปแบบการเผยแพร่ฝ่าในอนาคต ทำไมจึงไม่สามารถปล่อยวางความเคยชินจนเป็นนิสัยที่สั่งสมมานานจากสถานที่ราชการ อย่าได้ปฏิบัติต่อศูนย์ช่วยฝึกสอนด้วยวิธีทำงาน และท่าทีเหมือนการดำเนินงานของหน่วยงานปกครองในสังคมมนุษย์ เช่น ออกเอกสารอะไรเอย ตั้งนโยบาย ดำเนินการเอย ยกระดับความเข้าใจให้สูงขึ้นอะไรเอย ผู้บำเพ็ญปฏิบัติต้าฝ่าเพียงแต่สามารถยกระดับการบำเพ็ญปฏิบัติ        ซินซิ่งและกั่วเว่ย(มรรคผล)ให้สูงขึ้นเท่านั้น บางครั้งจะประชุมสักครั้ง ยังจัดรูปแบบเหมือนกับงานในหน่วยงานของคนธรรมดาสามัญ เช่น การกล่าวของข้าราชการอะไร อะไร ผู้นำอะไร อะไร กล่าวสรุป เวลานี้กระแสของการทุจริตในสังคม ขั้นตอนการทำงานของข้าราชการ แม้แต่ประเทศชาติก็จะทำการปฏิรูป การเป็นผู้บำเพ็ญปฏิบัติคนหนึ่ง ก็รู้แล้วว่าช่วงสุดท้ายของฝ่า มนุษยชาติไม่ไหวแล้วทุกๆด้าน ทำไมจึงไม่สามารถละทิ้งวิธีทำงาน ที่ไม่เหมาะสมที่สุดสำหรับการบำเพ็ญปฏิบัติ พวกเราไม่จัดตั้งเป็นองค์กรปกครอง หรือหน่วยงานธุรกิจในสังคมโดยเด็ดขาด

ที่ผ่านมายังมีบางคนที่ปลดเกษียณไม่มีงานทำ รู้สึกว่าฝ่าหลุนต้าฝ่าดี เสนออยากมาทำงาน เพื่อจะถมความรู้สึกอ้างว้างว่างเปล่า อันยากแก่การอดทนให้เต็ม แน่นอนย่อมไม่ได้ ฝ่าหลุนต้าฝ่าคือการบำเพ็ญปฏิบัติ ไม่ใช่การงาน บุคลากรของพวกเราก่อนอื่นต้องเป็นผู้บำเพ็ญจริงที่มีซินซิ่งสูง เป็นบุคคลตัวอย่างของการบำเพ็ญปฏิบัติซินซิ่ง เราไม่ต้องการผู้นำในรูปของคนธรรมดาสามัญ

หลี่ หงจื้อ

1995.10.12

 

17.  ปลดเกษียณแล้วค่อยปฏิบัติ

                มีผู้ฝึกปฏิบัติที่มีพื้นฐานที่ดีพอควรจำนวนหนึ่ง หลังจากฟังการบรรยายแล้ว เนื่องจากมีงานรัดตัวก็ไม่ปฏิบัติแล้ว ช่างน่าเสียดายนัก หากเป็นคนธรรมดาสามัญทั่วไป ข้าพเจ้าจะไม่พูดเลย ปล่อยพวกเขาไป แต่คนพวกนี้เป็นพวกที่มีความหวัง ศีลธรรมของมนุษยชาติตกต่ำลงวันละนับพันลี้ คนธรรมดาสามัญต่างไหลไปตามกระแส ยิ่งห่างไกลจากเต๋าก็ยิ่งบำเพ็ญกลับไปยาก แท้ที่จริง การบำเพ็ญปฏิบัติก็คือการบำเพ็ญจิตมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพแวดล้อมที่สลับซับซ้อนดังเช่นในสถานที่ทำงาน คือโอกาสอันดีที่จะยกระดับซินซิ่งให้สูงขึ้น ครั้นปลดเกษียณแล้ว เขามิสูญเสียสภาพแวดล้อมของการบำเพ็ญปฏิบัติที่ดีที่สุดไปหรอกหรือ ความขัดแย้งอะไรก็ไม่มีแล้วยังจะบำเพ็ญปฏิบัติอะไร จะยกระดับสูงขึ้นอย่างไร ชีวิตคนนั้นมีเวลาจำกัด บ่อยครั้งที่ท่านคำนวณไว้อย่างดี แต่ท่านจะรู้หรือว่าเวลาข้างหน้าที่เหลืออยู่จะบำเพ็ญได้ทันหรือ การบำเพ็ญปฏิบัติไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เป็นเรื่องที่ต้องเอาจริงเอาจัง ยิ่งกว่าเรื่องใดๆของคนธรรมดาสามัญ ไม่ใช่เรื่องแน่นอนตามที่คิด ครั้นสูญเสียโอกาสไปแล้ว วัฏสงสารหกทางเมื่อใดจะได้ร่างมนุษย์อีกครั้ง โอกาสมีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น เมื่อความฝันลวงตาที่ปล่อยวางไม่ได้ผ่านไป จึงจะรู้ว่าสิ่งที่สูญเสียไปนั้นคืออะไร

หลี่ หงจื้อ

1995.10.13

 

18.  ฝ่าถูกต้องเที่ยงตรง

คนไร้กุศล                   ภัยพิบัติจากธรรมชาติ ภัยพิบัติจากมนุษย์

แผ่นดินไร้กุศล           สรรพสิ่งร่วงโรย

สวรรค์ไร้กุศล            แผ่นดินแยก แผ่นฟ้าทลาย จักรวาลว่างเปล่า

ฝ่าถูกต้องเที่ยงตรง    ฟ้าดินถูกต้องเที่ยงตรง พลังชีวิตคึกคัก ฟ้าดินมั่นคง ฝ่าคงอยู่ยืนยง

หลี่ หงจื้อ

1995.11.12

 

19.  ผู้มีบุญญาธิการสูงส่ง

                บุคคลผู้นี้รับมอบหมายภารกิจในโลกและบนสวรรค์ เปี่ยมด้วยกุศลอันยิ่งใหญ่ อีกทั้งความเมตตาในหัวใจของเขา พกพาอุดมการณ์อันสูงส่ง อีกทั้งใส่ใจในรายละเอียด ความรู้ในฝ่าและหลักการลึกซึ้ง สามารถไขข้อปริศนา สร้างคุณประโยชน์แก่สังคม ช่วยเหลือคนให้พ้นทุกข์ พลังกงย่อมเพิ่มพูนเองโดยอัตโนมัติ

หลี่ หงจื้อ

1995.11.17

 

20.  ไหว้ครู

                ต้าฝ่าเผยแพร่อย่างกว้างไกล ผู้ได้ยินข่าวเที่ยวค้นหา ผู้ได้รับยินดีปรีดา ผู้บำเพ็ญเพิ่มขึ้นนับวัน นับจำนวนไม่ถ้วน และแล้วผู้ฝึกด้วยตนเองส่วนใหญ่ตั้งใจคิดไหว้ครู กังวลว่าจะไม่ได้รับการถ่ายทอดจริงหากไม่ได้พบหน้าครู แท้ที่จริงเนื่องจากศึกษาฝ่าไม่ลึกซึ้ง ข้าพเจ้าเผยแพร่อย่างกว้างไกลก็เพื่อช่วยเหลือโดยทั่วไป ผู้ฝึกย่อมเป็นศิษย์(ศิษย์)ของข้าพเจ้า ไม่ยึดถือพิธีและประเพณีเก่า สละเปลือกนอกทิ้งไปดูเพียงใจคน หากไม่บำเพ็ญจริงไหว้ครูมีประโยชน์อันใด ผู้บำเพ็ญจริงไม่ยึดติดต่อการแสวงหาย่อมได้เองโดยอัตโนมัติ ทั้งพลังกง ทั้งฝ่า ล้วนมีอยู่ในหนังสือ อ่านต้าฝ่าให้ขึ้นใจย่อมได้เองโดยอัตโนมัติ ผู้ฝึกย่อมเปลี่ยนแปลงเองโดยอัตโนมัติ อ่านทบทวนครั้งแล้วครั้งเล่าก็อยู่ในเต๋าแล้ว ย่อมมีฝ่าเซิน(ร่างฝ่า)ของอาจารย์จะคอยคุ้มครองอย่างเงียบๆ ยึดมั่นตลอดไป วันหน้าย่อมสำเร็จเจิ้งกั่ว(มรรคผลถูกต้อง)

หลี่ หงจื้อ

1995.12.8

 

21.  ให้รู้แจ่มแจ้ง

                เวลานี้มีปัญหาหนึ่งค่อนข้างเด่นชัด คือมีผู้ฝึกจำนวนหนึ่ง เมื่อหยวนเสิน(จิตหลัก)ออกจากร่างไป ได้เห็น ได้สัมผัสกับมิติใดมิติหนึ่ง รู้สึกว่าสวยงามยิ่งนัก ทุกสิ่งล้วนมีคงอยู่จริงๆ ก็ไม่คิดกลับมา เป็นผลให้กายเนื้อถึงแก่ความตาย ตกค้างอยู่ ณ อาณาจักรเขตแดนนั้นกลับมาไม่ได้ แต่ก็ยังไม่ได้ออกไปพ้นสามภพ ก่อนนี้ข้าพเจ้าเคยพูดถึงปัญหานี้ว่า การบำเพ็ญปฏิบัติต้องไม่หลงใหลในมิติใดมิติหนึ่ง บำเพ็ญให้หมดทุกขั้นตอนของท่านจึงจะสามารถหยวนหมั่น(สำเร็จสมบูรณ์) ดังนั้นเมื่อหยวนเสิน(จิตหลัก)ของท่านออกไป ต่อให้ที่ที่ท่านเห็นจะดีอย่างไรก็ต้องกลับมา

พวกเรายังมีผู้ฝึกจำนวนหนึ่งมีความเข้าใจผิดแบบหนึ่ง รู้สึกว่าการฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่าก็เหมือนได้รับการประกัน ว่ากายเนื้อจะไม่ถึงแก่ความตาย หลักพลังกงของเราเป็นวิชาบำเพ็ญจิตและชีวิต ผู้ฝึกสามารถบำเพ็ญไปพลาง และยืดชีวิตให้ยืนยาวออกไปพลาง แต่มีผู้ฝึกบางคน ณ ฝ่าในภพบำเพ็ญไม่ค่อยก้าวหน้า วนเวียนอยู่ในระดับหนึ่ง ด้วยความพยายามอย่างมาก หลังจากยกระดับสูงขึ้นชั้นหนึ่งแล้ว สุดท้ายก็จะวนเวียนอยู่ ณ ระดับชั้นนั้น การบำเพ็ญปฏิบัติเป็นเรื่องที่เข้มงวดจริงจัง ดังนั้นจึงเป็นการยากที่จะรับประกันว่า อายุขัยที่สวรรค์กำหนดไว้เดิมจะไม่สิ้นสุด แต่เมื่อออกพ้นซื่อเจียนฝ่า(ฝ่าในภพ) การบำเพ็ญปฏิบัติก็จะไม่มีปัญหานี้ แต่ภายในซื่อเจียนฝ่า(ฝ่าในภพ)สภาพการณ์จะค่อนข้างสลับซับซ้อน

หลี่ หงจื้อ

1995.12.21

 

22.  เพื่อใครจึงบำเพ็ญ

                พอมีคนใช้เครื่องมือสื่อสารมวลชนทำการวิพากษ์วิจารณ์ชี่กง ในหมู่ผู้ฝึกก็จะมีคนจำนวนหนึ่งเกิดหวั่นไหวไม่ฝึกแล้ว ประหนึ่งคนที่ใช้เครื่องมือสื่อสารมวลชนมีความสูงส่งมากยิ่งกว่าฝอฝ่า เหมือนฝึกเพื่อผู้อื่น ยังมีบางคนเมื่อเผชิญหน้ากับแรงกดดันก็เกิดความกลัวไม่บำเพ็ญแล้ว คนแบบนี้สามารถจะสำเร็จเจิ้งกั่ว(มรรคผลถูกต้อง)หรือ ในยามวิกฤตคับขัน แม้แต่พระพุทธก็สามารถจะถูกหักหลังใช่หรือไม่ จิตหวาดกลัวเป็นการยึดติดใช่หรือไม่ การบำเพ็ญปฏิบัติก็คือการชะล้างทรายในคลื่นใหญ่ สิ่งที่เหลือจึงจะเป็นทองคำ

                แท้จริงแล้ว สังคมมนุษย์ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์จนถึงทุกวันนี้มีหลักการอยู่ข้อหนึ่ง เรียกว่า การเสริมและการต้านซึ่งกันและกัน ดังนั้นเมื่อมีดีย่อมมีเลว มีความถูกต้องย่อมมีความชั่วร้าย มีความเมตตากรุณาย่อมมีความโหดร้ายทารุณ มีคนย่อมมีผี มีพระพุทธย่อมมีมาร สังคมมนุษย์ก็ยิ่งเป็นเช่นนี้ มีด้านหน้าย่อมมีด้านหลัง มีการสนับสนุนย่อมมีการต่อต้าน มีคนเชื่อย่อมมีคนไม่เชื่อ มีคนดีย่อมมีคนเลว มีคนที่เห็นแก่ส่วนรวม ย่อมมีคนเห็นแก่ตัว มีคนที่สามารถเสียสละตัวเองเพื่อคนอื่น ย่อมมีคนที่ทำเพื่อตัวเองโดยไม่คำนึงถึงวิธีการใดๆ นี่คือหลักการในอดีต ดังนั้นบุคคลหนึ่ง หมู่คณะหนึ่ง แม้กระทั่งประเทศหนึ่ง เมื่อคิดดำเนินการเรื่องดีสักเรื่องก็จะได้รับแรงต่อต้านที่มีกำลังใกล้เคียงกัน ต่อเมื่อประสบความสำเร็จแล้ว จึงจะรู้สึกว่าสิ่งที่ได้มานั้นไม่ง่ายเลย จึงจะทะนุถนอม ที่ผ่านมาการพัฒนาของมนุษย์เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด (หลักการเสริมและการต้านซึ่งกันและกันต่อไปจะเปลี่ยนแปลง)

                พูดจากอีกด้านหนึ่ง การบำเพ็ญปฏิบัติเป็นเรื่องอยู่เหนือคนธรรมดาสามัญ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม เขาวิพากษ์วิจารณ์ชี่กง นั่นไม่ใช่ความเข้าใจของคนธรรมดาสามัญหรอกหรือ เขามีคุณวุฒิที่จะปฏิเสธฝอฝ่า และการบำเพ็ญปฏิบัติหรือ องค์กรใดๆของมนุษย์สามารถจะอยู่เหนือเทพ เหนือพระพุทธหรือ คนที่วิพากษ์วิจารณ์ชี่กง มีความสามารถบังคับบัญชาพระพุทธได้ไหม เขาบอกว่าพระพุทธไม่ดี พระพุทธก็ไม่ดีเช่นนั้นหรือ เขาบอกว่าไม่มีพระพุทธ  พระพุทธก็ไม่คงอยู่หรือ ภัยพิบัติของฝ่าในช่วง“การปฏิวัติทางวัฒนธรรม” นั้นเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงแห่งปรากฏการณ์สวรรค์ พระพุทธ เต๋า เทพ ต่างก็ต้องดำเนินไปตามที่สวรรค์ลิขิต ภัยพิบัติของฝ่าคือภัยพิบัติของมนุษย์ ภัยพิบัติของศาสนา แต่ไม่ใช่ภัยพิบัติของพระพุทธ

สาเหตุใหญ่ที่สุดที่ศาสนาถูกบ่อนทำลายนั้น เกิดขึ้นจากการเสื่อมทรามของจิตมนุษย์ ผู้มาไหว้พระไม่ใช่เพื่อจะบำเพ็ญเป็นพระพุทธ หากแต่เพื่อขอพระคุ้มครองให้ร่ำรวย ขจัดภัย คลอดลูกชาย ให้ชีวิตอยู่ดีมีสุขอย่างไร มนุษย์ทุกคนล้วนก่อกรรมมากมายมาแต่ชาติก่อนๆ จะอยู่สุขสบายได้อย่างไร สามารถจะทำชั่วแล้วไม่ต้องชำระกรรมได้อย่างไร มารเห็นจิตมนุษย์ไม่ถูกต้องต่างทยอยออกจากถ้ำ มาสร้างความยุ่งเหยิงในสังคมโลก เทพ พระพุทธเห็นจิตมนุษย์ไม่ถูกต้องต่างทยอยกันละทิ้งฐานที่ตั้ง ออกจากวัดวาอาราม ในวัดจึงเต็มไปด้วยปีศาจจิ้งจอก พังพอน ผี งู ซึ่งผู้คนที่มาขอลาภขอยศนำพาเข้ามา วัดประเภทนี้จะไม่ทำลายทิ้งได้หรือ บาปอยู่ที่มนุษย์ พระพุทธไม่ถือโทษมนุษย์ เพราะมนุษย์นั้นตกอยู่ในความโง่เขลา กำลังทำลายตัวเอง อีกทั้งยังก่อกรรมใหญ่หลวงให้แก่ตัวเอง ไม่ช้าย่อมมีภัยพิบัติใหญ่รอเขาอยู่ ยังจะต้องลงโทษหรือ อันที่จริงคนที่ก่อกรรมทำชั่วต่างต้องรับผลกรรมที่ก่อไว้ ณ เวลาหนึ่งในภายหน้า เพียงแต่คนไม่อู้(ไม่รับรู้) ไม่เชื่อ เมื่อเกิดเรื่องเข้าใจว่าเป็นเหตุบังเอิญ

                ไม่ว่าคนหรือกำลังใดๆในสังคม บอกให้ท่านอย่าบำเพ็ญปฏิบัติ ท่านก็ไม่บำเพ็ญปฏิบัติแล้ว ท่านบำเพ็ญปฏิบัติเพื่อพวกเขาหรือ พวกเขาจะให้เจิ้งกั่ว(มรรคผลถูกต้อง)แก่ท่านหรือ มีจิตโน้มเอียงไปทางพวกเขาไม่ใช่หลงงมงายหรือ แท้จริงแล้วนี่คือความโง่เขลา ยิ่งกว่านั้นพวกเราไม่ใช่ชี่กง แต่เป็นการบำเพ็ญปฏิบัติฝอฝ่า แรงกดดันใดๆ ล้วนไม่ใช่เป็นการทดสอบความแน่วแน่มั่นคงของท่านต่อฝอฝ่าจากมูลฐานหรอกหรือ หากไม่แน่วแน่มั่นคงต่อฝ่า อะไรก็ไม่ต้องพูดถึง

หลี่ หงจื้อ

1995.12.21

 

23.  คำัพท์ในฝอฝ่า

                มีผู้ฝึกบางคนก่อนหน้านี้คืออุบาสก อุบาสิกาในศาสนาพุทธ มีความฝังใจต่อคำศัพท์ต่างๆในพระสูตร พอผู้ฝึกเหล่านี้ได้เห็นในคำบรรยายของข้าพเจ้า ที่มีส่วนคล้ายกับคำศัพท์ของศาสนาพุทธ ก็เข้าใจว่ามีความหมายเช่นเดียวกับคำศัพท์ของศาสนาพุทธ ความจริงแล้วไม่เหมือนกันเสียทีเดียว คำศัพท์ของศาสนาพุทธในประเทศจีนบางคำเป็นคำศัพท์จากภาษาจีน หาใช่คำศัพท์เฉพาะของศาสนาพุทธเท่านั้น

                ที่สำคัญคือผู้ฝึกเหล่านี้ มักจะไม่ปล่อยวางสิ่งที่อยู่ในศาสนาพุทธ สาเหตุคือไม่รู้สึกสำนึกว่า ในความคิดความฝังใจในศาสนาพุทธยังคงบังเกิดผล ยังเข้าใจไม่ดีพอต่อการไม่บำเพ็ญปฏิบัติสองวิชาพร้อมกัน แท้ที่จริงความเข้าใจที่คล้ายกันนั้น มิใช่เป็นการรบกวนหรอกหรือ หากเข้าใจเบี่ยงเบนในคำพูดของข้าพเจ้าแล้ว ท่านมิบำเพ็ญปฏิบัติไปทางศาสนาพุทธหรอกหรือ

หลี่ หงจื้อ

1995.12.21

 

24.  บำเพ็ญข้างในสงบข้างนอก

                คนไม่เน้นกุศลเป็นสำคัญ ใต้ฟ้ายุ่งเหยิงไม่สงบ คนทุกคนเป็นศัตรูที่อยู่ใกล้ มีชีวิตอยู่อย่างไร้ความสุข อยู่อย่างไร้ความสุขจึงไม่กลัวความเป็นความตาย เหลาจื่อกล่าวว่า: ถ้าแม้นชาวประชาไม่กลัวตาย ความตายหรือจะทำให้กลัว นี้คืออานุภาพใหญ่หลวง ใต้ฟ้าสันติเป็นสิ่งที่ประชาชนหวัง ณ เวลานี้หากออกกฎหมายและข้อบังคับมากมาย เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย ก็จะกลับตาลปัตร หากจะแก้ไขความกังวลนี้ ก็ต้องบำเพ็ญกุศลกันทั่วใต้ฟ้า จึงจะสามารถแก้ไขที่ต้นเหตุ ข้าราชการหากไม่เห็นแก่ตัว ประเทศชาติจะไม่เสื่อมทราม ประชาชนหากบำเพ็ญตนหล่อเลี้ยงกุศลเป็นสำคัญ รัฐ ประชาชนต่างควบคุมจิตใจตน ประเทศสงบเรียบร้อย ประชาชนให้การสนับสนุน ประเทศชาติมั่นคงแข็งแกร่ง ภัยจากภายนอกย่อมกลัวโดยอัตโนมัติ ใต้ฟ้าสันติ นี้คือภารกิจของผู้มีบุญญาธิการ

หลี่ หงจื้อ

1996.1.5

 

25.  ลดละการยึดติดลงอีก

                ศิษย์ทั้งหลาย อาจารย์ร้อนใจก็ไร้ประโยชน์ เหตุใดท่านจึงไม่สามารถปล่อยวางจิตใจของคนธรรมดาสามัญดวงนั้น ไม่ยอมก้าวไปข้างหน้าอีกสักก้าว ผู้ฝึกของเรารวมทั้งบุคลากรที่ทำงานของเรา แม้แต่การทำงานเพื่อต้าฝ่า พวกท่านยังอิจฉาริษยาซึ่งกันและกัน ด้วยสิ่งนี้ท่านจะสามารถสำเร็จเป็นพระพุทธได้หรือ ข้าพเจ้าอยากให้ควบคุมดูแลงานอย่างอิสระ ก็เพราะท่านไม่สามารถปล่อยวางความเป็นคนธรรมดาสามัญ ขณะทำงานจิตใจจึงไม่สมดุล ต้าฝ่าเป็นของทั้งจักรวาล ไม่ใช่ของบุคคลใดบุคคลหนึ่งซึ่งเล็กๆ งานใครทำล้วนเป็นการเผยแพร่ต้าฝ่าให้กว้างไกล มีอะไรต้องท่านทำ ต้องฉันทำ พวกท่านไม่ขจัดจิตใจเช่นนี้ทิ้งไป หรือจะนำติดตัวไปบนสวรรค์ ชิงดีชิงเด่นกับพระพุทธหรือ ใครๆก็ไม่สามารถรับผิดชอบต้าฝ่าเอาไว้คนเดียว ขจัดจิตใจที่ไม่สมดุลดวงนั้นทิ้งไปเสียเถอะ เวลาที่ในใจท่านมีอะไรสะดุดข้ามไปไม่ได้ นั่นมิใช่เกิดขึ้นจากจิตยึดติดหรือ ผู้ฝึกของเราอย่าได้คิดว่าตัวเองไม่ได้รวมอยู่ข้างในนั้น ข้าพเจ้าหวังว่าพวกท่านจะลองพิจารณาตัวเองดู เพราะพวกท่านต่างก็เป็นผู้บำเพ็ญปฏิบัติ มีเพียงข้าพเจ้า “หลี่ หงจื้อ” เท่านั้นที่ยกเว้น ทุกท่านลองคิดดู เหตุใดข้าพเจ้าจึงถ่ายทอดฝ่าที่ใหญ่เช่นนี้ในยุคปลายกัลป์ หากข้าพเจ้าเปิดเผยความจริงออกมาก็เป็นการถ่ายทอดวิชามาร เพราะคนที่จะมาศึกษาฝ่า จะมาศึกษาฝ่าเพื่อสิ่งนี้อย่างแน่นอน นี้คือการศึกษาฝ่าอย่างมีเจตนา การช่วยเหลือคนมีเพียงการแสวงหาความถูกต้องเท่านั้น จึงจะสามารถขจัดจิตยึดติดของพวกท่านได้ ต่างก็รู้ว่าขจัดจิตยึดติดทิ้งไปไม่ได้ก็จะบำเพ็ญไม่สำเร็จ ทำไมจึงไม่กล้าปล่อยวางอีกสักครั้ง แล้วก้าวไปข้างหน้าอีกหนึ่งก้าว อันที่จริงข้าพเจ้าถ่ายทอดต้าฝ่าย่อมมีเหตุอันยากแก่การอธิบาย เมื่อความจริงเผยออกมา เสียใจภายหลังก็สายเกินไป ข้าพเจ้าเห็นจิตใจของบางคน แต่ข้าพเจ้าก็ไม่สามารถจะบอกท่านตรงๆ ครั้นอาจารย์พูดออกมาท่านก็จดจำสิ่งที่ข้าพเจ้าพูดกับท่าน และยึดติดไปตลอดชีวิต ข้าพเจ้าไม่อยากทำลายลูกศิษย์แม้แต่คนเดียว การช่วยเหลือคนนั้นลำบากมาก การรับรู้ยิ่งยากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งทุกคนต้องวางตัวเองอยู่ข้างในและพิจารณาให้แจ้ง ต่างรู้ว่าต้าฝ่าดี เหตุใดจึงไม่สามารถปล่อยวาง

หลี่ หงจื้อ

1996.1.6

 

26.  ยืนยันความจริง

                ฝอฝ่าสามารถช่วยให้คนหลุดพ้น แต่มิใช่เพื่อช่วยให้คนหลุดพ้นจึงก่อกำเนิดฝอฝ่า ฝอฝ่าสามารถไขข้อปริศนาแห่งจักรวาล ชีวิตและวิทยาศาสตร์ สามารถนำพามนุษยชาติเดินไปบนเส้นทางวิทยาศาสตร์ที่ถูกต้องอีกครั้ง แต่ฝอฝ่าไม่ได้ก่อกำเนิดขึ้นมาเพื่อชี้นำวิทยาการของมนุษยชาติ

                ฝอฝ่าคือคุณสมบัติพิเศษของจักรวาล เป็นองค์ประกอบซึ่งก่อกำเนิดสสารต้นกำเนิด เป็นมูลเหตุการกำเนิดของจักรวาล

                เช่นนั้น ในฝอฝ่า ผู้ฝึกที่เป็นผู้เชี่ยวชาญ ปัญญาจะเปิดในอนาคตเป็นจำนวนมากนจำนวนมาก  เขาเหล่านัเนจะเป็นคนรุ่ พวกเขาจะเป็นมนุษย์รุ่นใหม่ เป็นผู้บุกเบิกในสาขาวิชาต่างๆ แต่ฝอฝ่าไม่ใช่เพื่อให้ท่านเป็นผู้บุกเบิกจึงให้สติปัญญาแก่ท่าน เพราะท่านคือผู้บำเพ็ญปฏิบัติจึงได้รับ ก็คือ ท่านคือผู้บำเพ็ญปฏิบัติก่อนและเป็นผู้เชี่ยวชาญภายหลัง ดังนั้น การเป็นผู้บำเพ็ญปฏิบัติคนหนึ่งจะต้องใช้เงื่อนไขที่เป็นประโยชน์ทั้งหมด เผยแพร่ต้าฝ่าให้กว้างไกล ยืนยันต้าฝ่าว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เป็นวิทยาศาสตร์ มิใช่ศาสนาและจิตนิยม นี้เป็นภาระหน้าที่ของผู้บำเพ็ญปฏิบัติทุกท่าน ปราศจากซึ่งฝอฝ่าอันยิ่งใหญ่นี้ ย่อมไร้ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่าง รวมทั้งจักรวาล จากมหภาคที่สุดไปจนถึงจุลภาคที่สุด ตลอดจนวิชาความรู้ทั้งมวลในสังคมมนุษย์

หลี่ หงจื้อ

1996.1.8

 

27.  ผู้บำเพ็ญย่อมอยู่ข้างในโดยอัตโนมัติ

                การเป็นผู้บำเพ็ญปฏิบัติคนหนึ่ง ความทุกข์ร้อนกลัดกลุ้มทั้งมวลที่ประสบในหมู่คนธรรมดาสามัญล้วนเป็นการผ่านด่าน การยกย่องชมเชยทั้งมวลที่ประสบ ล้วนเป็นการทดสอบ

หลี่ หงจื้อ

1996.1.14

 

28.  อะไรคือความอดทน

                ความอดทนเป็นส่วนสำคัญของการยกระดับซินซิ่งให้สูงขึ้น ความโกรธเกลียด รู้สึกไม่เป็นธรรม อดทนทั้งน้ำตาคลอเบ้า คือความอดทนของคนธรรมดาสามัญ ที่ยึดติดกับจิตใจที่ห่วงกังวล โดยแก่นแท้ต้องไม่โกรธเกลียด ไม่รู้สึกไม่เป็นธรรม จึงจะเป็นความอดทนของผู้บำเพ็ญปฏิบัติ

หลี่ หงจื้อ

1996.1.21

 

29.  อะไรคือ“หมีซิ่น” (งมงาย)

คนจีนในปัจจุบันจะสีหน้าซีดพอเอ่ยถึง“หมีซิ่น”สองตัวอักษรนี้ เพราะหลายๆคนนำเอาเรื่องที่ตัวเองไม่เชื่อพูดเหมารวมเป็น“หมีซิ่น” อันที่จริง“หมีซิ่น” สองตัวอักษรนี้ถูกคลุมด้วยเสื้อตัวนอกของพวก“ซ้ายจัด” ในช่วงของการ“ปฏิวัติใหญ่ทางวัฒนธรรม” เป็นคำพูดที่มีกำลังบ่อนทำลายรุนแรงที่สุดประโยคหนึ่งต่อวัฒนธรรมของชนชาติในเวลานั้น เป็นหมวกใบโตที่น่ากลัวที่สุด จึงกลายเป็นคำพูดติดปากอันขาดความรับผิดชอบที่สุดประโยคหนึ่งของคนที่มีความคิดตื้นๆ และดื้อรั้น แม้กระทั่งคนพวกที่อ้างตัวเองเป็นนักวัตถุนิยม ยังเหมาเรียกทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่นอกเหนือความรู้ของตน หรือสิ่งที่วิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถเข้าใจเป็น“หมีซิ่น” หากจะเข้าใจสรรพสิ่งตามทฤษฎีแบบนี้ มนุษยชาติก็จะไม่มีความก้าวหน้า วิทยาศาสตร์ก็จะไม่มีการพัฒนา เพราะการพัฒนาและการค้นพบสิ่งใหม่ๆ ทางวิทยาศาสตร์ ล้วนเป็นสิ่งที่คนรุ่นก่อนๆยังเข้าใจไม่ถึง เช่นนั้น คนเหล่านี้ตัวเองกำลังทำเรื่องจิตนิยมอยู่ใช่หรือไม่ มนุษย์เมื่อเชื่อในสิ่งใดแล้ว โดยตัวของมันเองไม่ใช่เป็นการหลงหรอกหรือ ถ้าเช่นนั้นคนที่เชื่อในวิทยาการสมัยใหม่ การแพทย์ปัจจุบัน“หมีซิ่น”ใช่หรือไม่ ผู้คนเคารพบูชารูปปั้น“หมีซิ่น”ใช่หรือไม่ แท้ที่จริง“หมีซิ่น”สองตัวอักษรเป็นคำศัพท์ที่ธรรมดามาก เมื่อคนเชื่อในสิ่งใดอย่างจริงๆจังๆ รวมทั้งสัจธรรม ก็คือ“หมีซิ่น” ไม่มีความหมายในเชิงเสื่อมเสีย เพียงแต่คนที่มีเจตนาอื่นแอบแฝง เพื่อจะโจมตีผู้อื่น ก็ป้ายความหมายในเชิงศักดินาให้หนึ่งชั้น กลายเป็นคำพูดมีแรงชักจูงให้ไขว้เขวและต่อสู้ ก็ยิ่งสามารถยุยงให้คนที่หัวอ่อนคล้อยตาม

                อันที่จริง“หมีซิ่น”สองตัวอักษรโดยตัวของมันเอง ไม่สมควรถูกนำมาใช้ในลักษณะนี้ ความหมายตามที่ถูกป้ายสีไม่มีคงอยู่ แม้แต่“หมีซิ่น”สองตัวอักษร โดยภาษาไม่ใช่เรื่องไม่ดี ทหารหากไม่“หมีซิ่น”ต่อกฎระเบียบวินัย ก็จะไม่มีกำลังต่อสู้ นักเรียนหากไม่“หมีซิ่น”ต่อโรงเรียน ต่อครูบาอาจารย์ก็จะไม่ได้ความรู้ เด็กหากไม่“หมีซิ่น”ต่อพ่อแม่ผู้ปกครองของตนก็ไม่สามารถจะอบรมเลี้ยงดู คนเราไม่“หมีซิ่น”ในการงานอาชีพของตนก็ทำงานได้ไม่ดี มนุษยชาติหากไม่มีความเชื่อ ความศรัทธาก็จะไม่มีมาตรฐานทางศีลธรรม เช่นนั้นจิตใจคนก็จะไร้ซึ่งความคิดที่ดีงาม และถูกครอบงำด้วยความคิดชั่วร้าย ยามนี้ศีลธรรมของมนุษยชาติก็จะตกต่ำลงอย่างรวดเร็ว ภายใต้อิทธิพลของความคิดชั่วร้าย ทุกๆคนคือศัตรูที่อยู่ใกล้ เพื่อสนองกิเลสส่วนตน ก่อกรรมทำชั่วได้ไม่มียกเว้น คนเลวที่ป้ายความหมายทางลบดังกล่าวให้แก่“หมีซิ่น”สองตัวอักษร แม้จะบรรลุเป้าหมายของตน แต่ก็เป็นไปได้อย่างมากที่ได้บ่อนทำลายมนุษยชาติจากธาตุแท้ของมนุษย์

หลี่ หงจื้อ

1996.1.22

(แก้ไข) 1996.8.29

 

30.  กรรมแห่งโรค

                เกี่ยวกับผู้ฝึกใหม่ในระยะแรกของการฝึกพลังกง และผู้ฝึกเก่าที่ร่างกายได้รับการปรับเรียบร้อยแล้ว ทำไมในระหว่างการบำเพ็ญปฏิบัติ ร่างกายจึงปรากฏอาการไม่สบายเหมือนป่วยเป็นโรคหนัก และยังจะปรากฏออกมาเป็นระยะๆ ระหว่างการบรรยายฝ่า ข้าพเจ้าบอกพวกท่านว่านั่นเป็นการสลายกรรม สลายหนี้กรรมที่ท่านติดค้างไว้ในทุกๆ ชาติ ในเวลาเดียวกันก็เป็นการยกระดับอู้ซิ่ง(จิตรับรู้)ของคนคนหนึ่ง อีกทั้งเป็นการทดสอบผู้ฝึกว่าแน่วแน่ต่อต้าฝ่าหรือไม่ ตลอดไปจนพ้นการบำเพ็ญปฏิบัติซื่อเจียนฝ่า(ฝ่าในภพ) นี้คือการอธิบายโดยสรุปอย่างกว้างๆ

                อันที่จริงคนเราเกิดมาไม่รู้กี่ชาติต่อกี่ชาติแล้ว ติดค้างหนี้กรรมไว้มากมายในแต่ละชาติ ร้อยปีให้หลัง(ตายแล้ว)มาเกิดใหม่ กรรมแห่งโรคส่วนหนึ่งก็ถูกกดเข้าไปอยู่ในระดับจุลภาคของร่างกาย เมื่อเกิดมาใหม่ ชั้นผิวใหม่ของกายเนื้ออันเป็นวัตถุไม่มีกรรมแห่งโรค (ยกเว้นคนที่มีกรรมใหญ่) เช่นนั้นสิ่งที่ถูกกดเข้าไปในชาติที่แล้วก็จะกลับออกสู่ภายนอก พอกลับออกมาถึงชั้นผิวของกายเนื้อคนก็จะป่วย แต่เวลาที่ป่วยโดยมากล้วนมีต้นเหตุจากเงื่อนไขภายนอกปรากฏออกมาในโลกแห่งวัตถุ เช่นนี้มันก็จะสอดคล้องกับกฎเกณฑ์ในเชิงวัตถุตามที่ปรากฏในโลกแห่งวัตถุของเรา จึงสอดคล้องกับหลักการของสังคมมนุษย์ คนธรรมดาสามัญจึงไม่มีทางรู้ความเป็นจริงของแหล่งที่มาของโรคภัยไข้เจ็บ จึงหลงและไม่อู้(ไม่รับรู้)เลย แต่คนเมื่อเจ็บป่วยก็กินยา หรือเฟ้นหาการบำบัดรักษาวิธีต่างๆ เช่นนั้นในความเป็นจริงก็คือเอาโรคภัยกดเข้าไปข้างในร่างกายอีก เช่นนี้กรรมแห่งโรคที่ตกค้างจากการทำเรื่องไม่ดีในชาติก่อนไม่ได้รับการชำระ แล้วยังทำเรื่องไม่ดีในชาตินี้ซึ่งทำร้ายต่อผู้อื่นอีก ก็จะมีโรคแห่งกรรมใหม่ๆ ปรากฏออกมาอีก ป่วยเป็นโรคต่างๆ แต่คนก็กินยาหรือบำบัดรักษาด้วยวิธีต่างๆ กดโรคภัยเข้าไปข้างในร่างกายอีก การผ่าตัดก็เพียงแต่ผ่าเอาก้อนเนื้อส่วนผิวของมิติวัตถุออกไปเท่านั้น โดยที่กรรมแห่งโรคภัยในอีกมิติโดยแท้จริงไม่ได้แตะต้องเลย วิทยาการแพทย์ปัจจุบันโดยแท้จริงก็จัดการไม่ได้ เมื่อโรคกำเริบขึ้นมา ก็บำบัดรักษากันอีก ร้อยปีให้หลัง(ตายแล้ว)กลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง มีกรรมแห่งโรคก็กดเข้าไปข้างในร่างกายอีก หมุนเวียนซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ละชาติแต่ละชาติไม่รู้ว่ามีกรรมแห่งโรคตกค้างอยู่ข้างในร่างกายคนมากน้อยเท่าใด ดังนั้นข้าพเจ้าว่าคนสมัยนี้ล้วนตกอยู่ในกงเกวียนแห่งกรรม นอกจากกรรมแห่งโรคแล้ว ยังมีกรรมชนิดอื่นๆอีก ดังนั้นในชีวิตคนจึงมีความทุกข์ มีภัย มีถูกมีผิด คิดแต่จะแสวงหาความสุขสบายโดยไม่ชำระกรรมเป็นไปได้อย่างไร คนมาถึงเวลานี้มีกรรมใหญ่จนกระทั่งจมอยู่ในกรรมอยู่ตลอดเวลา พบกับเรื่องที่ไม่สบายใจตลอดเวลา ออกจากบ้านก็จะมีเรื่องไม่ดีรอท่านอยู่ แต่เมื่อมีเรื่องขัดแย้ง ผู้คนก็ไม่อดทน ไม่รู้ว่ากำลังชำระหนี้กรรมที่ติดค้างไว้แต่ก่อน ท่านไม่ดีต่อฉัน ฉันก็ยิ่งร้ายกับท่าน ยังไม่ได้ชำระกรรมเก่าก็ก่อกรรมใหม่ ทำให้สภาพสังคมเสื่อมทรามและตกต่ำ ทุกๆ คนเป็นศัตรูที่อยู่ใกล้ ก็มีคนจำนวนมากที่คิดไม่ตกว่าผู้คนสมัยนี้เป็นอะไรไป สังคมปัจจุบันเป็นอะไรไป มนุษยชาติเป็นเช่นนี้ต่อไปอันตรายยิ่งนัก

                เช่นนั้น พวกเราผู้บำเพ็ญปฏิบัติ นอกจากอาจารย์จะช่วยสลายกรรมให้แล้ว ตัวเองยังต้องชำระส่วนหนึ่ง ดังนั้นร่างกายจึงรู้สึกไม่สบาย มีความรู้สึกเหมือนป่วยไข้ การบำเพ็ญปฏิบัติก็คือการชำระล้างให้แก่ท่านจากต้นกำเนิดแห่งชีวิตของท่าน เหมือนกับวงปีของต้นไม้ แต่ละชั้นล้วนมีกรรมแห่งโรค ฉะนั้นจึงต้องชำระล้างร่างกายให้แก่ท่านจากจุดศูนย์กลางที่สุด แต่จะให้ผลักออกมาทั้งหมดในทันที คนจะรับไม่ไหว จะเป็นอันตรายแก่ชีวิตได้ ดังนั้นจึงได้แต่ทยอยผลักออกมาเป็นระยะๆ ทีละชิ้นสองชิ้น เช่นนี้คนก็จะข้ามไปได้ ในขั้นตอนการทุกข์ทรมานยังได้ชำระกรรม แต่นี่ก็เป็นเพียงส่วนเล็กน้อยที่เหลือไว้ให้ท่านแบกรับเอง หลังจากที่ข้าพเจ้าได้สลายกรรมให้แก่ท่านแล้วเท่านั้น ต้องบำเพ็ญปฏิบัติต่อไปจนถึงรูปแบบสูงสุดของซื่อเจียนฝ่า(ฝ่าในภพ) เมื่อถึงสภาวะร่างขาวสะอาด จึงผลักออกได้ทั้งหมด แต่ยังมีกรรมแห่งโรคภัยเล็กๆน้อยๆ และกรณีพิเศษอื่นๆ พ้นจากการบำเพ็ญปฏิบัติซื่อเจียนฝ่า(ฝ่าในภพ) ก็คือการบำเพ็ญปฏิบัติร่างอรหันต์อันบริสุทธิ์ที่สุดแล้ว ก็ไม่มีกรรมแห่งโรคแล้ว แต่หากการบำเพ็ญปฏิบัติพ้นจากซื่อเจียนฝ่า(ฝ่าในภพ)ยังไม่หยวนหมั่น(สำเร็จสมบูรณ์) คนที่กำลังบำเพ็ญไปสู่ระดับชั้นสูง เช่นนั้นเขาก็ยังจะมีทุกข์มีภัย เรื่องของการผ่านด่านเพื่อยกระดับชั้นให้สูงขึ้น ล้วนแต่เป็นความขัดแย้งระหว่างคนกับคน คนกับเรื่องต่างๆ ทางด้านยกระดับซินซิ่ง และการขจัดจิตยึดติดออกไปอีก ร่างกายไม่มีกรรมแห่งโรคแล้ว

                การสลายกรรมแห่งโรค เรื่องแบบนี้ไม่มีใครสามารถทำให้แก่คนธรรมดาสามัญตามอำเภอใจได้ สำหรับคนธรรมดาสามัญที่ไม่บำเพ็ญปฏิบัติ จึงเป็นไปไม่ได้โดยแท้จริง ได้แต่อาศัยการรักษาทางการแพทย์ หากทำให้ตามอำเภอใจก็คือการบ่อนทำลายหลักการของสวรรค์ หมายความว่าสามารถจะทำเรื่องไม่ดีโดยไม่ต้องชำระกรรม ติดหนี้โดยไม่ต้องชำระคืน นั่นเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้โดยเด็ดขาด หลักการของสวรรค์ไม่อนุญาต แม้แต่การรักษาโรคด้วยชี่กงทั่วๆไปก็เหมือนกัน คือกดเอาโรคเข้าไปข้างในร่างกาย เมื่อกรรมของคนๆ หนึ่งใหญ่หลวงนัก และยังคงทำแต่เรื่องไม่ดี เช่นนั้นเขาก็จะพบกับการถูกทำลาย เวลาตายจะดับสลายทั้งกายและจิตจนหมดสิ้นไม่มีเหลือ ผู้รู้แจ้งระดับสูงรักษาโรคให้คน สามารถขจัดกรรมแห่งโรคนั้นจากต้นตอ แต่ล้วนจะกระทำโดยมีจุดมุ่งหมาย คือเพื่อช่วยเหลือคนเป็นสำคัญ

หลี่ หงจื้อ

1996.3.10

 

 

31.  ผู้บำเพ็ญพึงละเว้น

 

                ยึดติดในชื่อเสียง                                                           คือตั้งใจปฏิบัติวิชามาร

เช่นเพื่อชื่อเสียงในสังคมโลก พูดดีแต่ปาก แต่ใจเป็นมาร หลอกลวงผู้คนบ่อนทำลายฝ่า

                ยึดติดในเงินตรา                                                            คือแสวงหาความร่ำรวย

เสแสร้งบำเพ็ญ ทำลายศาสนา ทำลายฝ่า เสียเวลาไปร้อยปี(ตลอดชีวิต) โดยไม่ได้บำเพ็ญพระพุทธ

                ยึดติดในกาม                                                                  ไม่แตกต่างจากคนชั่ว

ปากสวดมนต์ นัยน์ตาสกปรกคอยจ้องมอง ช่างห่างไกลจากเต๋า นี้คือคนธรรมดาสามัญที่ชั่วร้าย

                ยึดติดในความรักแห่งสายสัมพันธ์                            ย่อมได้รับความเหนื่อยยาก

ถูกพันธนาการ ลุ่มหลง ถูกสายใยแห่งความผูกพันรบกวนตลอดชีวิต เวลาผ่านพ้นไป คิดเสียใจก็สายเกินไป

หลี่ หงจื้อ

1996.4.15

 

32.  กลมกลืนเป็นเนื้อเดียว

(1)

                คนอยู่ในสภาพแวดล้อมของการงานที่ต่างกัน มีปัญหาของการฆ่าชีวิตที่ต่างกัน ความสมดุลของชีวิตก็สะท้อนออกมาในรูปแบบที่ต่างกัน การเป็นผู้บำเพ็ญปฏิบัติก่อนอื่นสมควรต้องปล่อยวางการยึดติดทั้งมวล และสอดคล้องกับสภาวะของสังคมคนธรรมดาสามัญ ซึ่งก็เป็นการปกป้องปรากฏการณ์ของฝ่าชั้นหนึ่ง หากการงานอาชีพของมนุษยชาติไม่มีใครทำ เช่นนั้นฝ่าชั้นนี้ย่อมไม่คงอยู่

(2)

                ชีวิตในฝ่าจะอยู่และตายไปตามธรรมชาติ จักรวาลมีเกิดขึ้น คงอยู่ เสื่อมไป มนุษย์มีเกิด แก่ เจ็บ ตาย ความสมดุลของชีวิตก็เช่นกัน มีการคงอยู่และตายอย่างไม่เป็นไปตามธรรมชาติ ในความอดทนนั้นมีการสละ สละหมดสิ้นไม่มีตกหล่นนั้นคือหลักการของฝ่าที่สูงกว่า

หลี่ หงจื้อ

1996.4.19

 

 

33.  ไม่มีตกหล่น

                ในความอดทนนั้นมีการสละ สามารถสละคือการเลื่อนระดับของการบำเพ็ญปฏิบัติ ฝ่ามีระดับชั้นต่างกัน ความเข้าใจต่อฝ่าของผู้บำเพ็ญปฏิบัติก็คือความเข้าใจต่อฝ่าในระดับชั้นนี้ ที่ตัวเองบำเพ็ญถึง ผู้บำเพ็ญปฏิบัติแต่ละท่านเข้าใจฝ่าแตกต่างกัน เป็นเพราะระดับชั้นที่แต่ละคนอยู่นั้นต่างกัน

                ต่อผู้บำเพ็ญปฏิบัติในระดับชั้นที่ต่างกัน ฝ่าก็มีข้อกำหนดของระดับชั้นที่ต่างกันสำหรับเขา สละคือรูปธรรมของการไม่ยึดติดในจิตของคนธรรมดาสามัญ หากสามารถสละได้โดยไม่สะทกสะท้านอย่างจริงๆ ผู้ที่จิตไม่หวั่นไหว อันที่จริงก็อยู่ ณ ชั้นนั้นแล้ว แต่การบำเพ็ญปฏิบัติก็คือเพื่อยกระดับให้สูงขึ้น เมื่อท่านสามารถสละการยึดติดนี้แล้ว ดังนั้นเหตุใดไม่สละความกลัวต่อการยึดติดในตัวของมันทิ้งไปด้วย สละจนหมดสิ้นไม่มีตกหล่นมิเป็นการสละที่สูงยิ่งขึ้นหรอกหรือ แต่ว่าผู้บำเพ็ญปฏิบัติหรือคนธรรมดาสามัญแม้กระทั่งการสละขั้นพื้นฐานยังทำไม่ได้ ก็พูดถึงหลักการนี้ นั่นเป็นเพราะไม่ปล่อยวางจิตยึดติด แต่หาข้ออ้างเพื่อบ่อนทำลายฝ่านั่นเอง

หลี่ หงจื้อ

1996.4.26

 

 

34.  ปฏิบัติกับการงาน

                พวกเราศิษย์(ศิษย์)ในฝ่าหลุนต้าฝ่า นอกจากผู้บำเพ็ญเป็นอาชีพในวัดวาอารามแล้ว ส่วนใหญ่จะบำเพ็ญปฏิบัติอยู่ในสังคมมนุษย์ ผ่านการศึกษาและฝึกต้าฝ่า พวกเราต่างสามารถเห็นชื่อเสียง และผลประโยชน์เป็นเรื่องธรรมดา แต่เนื่องจากความเข้าใจต่อฝ่าไม่ลึกซึ้ง จึงปรากฏปัญหาข้อหนึ่ง ศิษย์บางคนเลิกทำงานในคนธรรมดาสามัญ ปฏิเสธที่จะรับการเลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้า ก่อให้เกิดการรบกวนต่อการงาน และการดำเนินชีวิตโดยไม่จำเป็น ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการบำเพ็ญปฏิบัติ ยังมีบางท่านที่ประกอบอาชีพค้าขายสุจริต เห็นเงินทองเป็นเรื่องธรรมดา ขณะเดียวกันก็รู้สึกว่า การค้าขายอาจทำร้ายผู้อื่น จะกระทบต่อการบำเพ็ญปฏิบัติของตน ก็เลิกทำ

                อันที่จริงต้าฝ่าครอบคลุมความหมายลึกซึ้งยิ่งนัก การปล่อยวางจิตใจของคนธรรมดาสามัญ ไม่ใช่หมายถึงการปล่อยวางการงานของคนธรรมดาสามัญ การปล่อยวางในชื่อเสียง ผลประโยชน์ ไม่ใช่ให้หลีกหนีจากสังคมคนธรรมดาสามัญ ข้าพเจ้าขอย้ำอีกครั้ง การบำเพ็ญปฏิบัติในสังคมคนธรรมดาสามัญ ต้องให้สอดคล้องกับสภาวะของสังคมคนธรรมดาสามัญ

                หากดูจากอีกด้านหนึ่ง งานระดับหัวหน้าในสังคมคนธรรมดาสามัญ ถ้าล้วนเป็นคนแบบพวกเรา ซึ่งสามารถปล่อยวางในชื่อเสียงและผลประโยชน์ส่วนตนเป็นคนทำแล้ว จะเกิดประโยชน์ต่อประชาชนมากเพียงใด ถ้าเป็นคนที่มีจิตใจโลภมากจะนำอะไรมาสู่สังคม คนที่ทำการค้าขายถ้าบำเพ็ญต้าฝ่าด้วย กระแสสังคมจะเป็นเช่นไร

                ต้าฝ่าแห่งจักรวาล(ฝอฝ่า) จากชั้นสูงสุดลงมาถึงชั้นต่ำสุดนั้นเชื่อมต่อถึงกัน ครบถ้วนและสมบูรณ์ ต้องรู้ว่าสังคมคนธรรมดาสามัญก็เป็นโครงสร้างของฝ่าชั้นหนึ่ง หากทุกๆ คนมาศึกษาต้าฝ่า ทุกๆ คนต่างก็ไม่ทำงานในสังคมกันแล้ว เช่นนั้นสังคมคนธรรมดาสามัญก็จะไม่คงอยู่ ฝ่าชั้นนี้ก็จะไม่คงอยู่ สังคมคนธรรมดาสามัญก็เป็นปรากฏการณ์ของฝอฝ่า ณ ระดับชั้นต่ำสุดชั้นหนึ่ง ก็คือฝอฝ่าในรูปแบบการคงอยู่ของชีวิตและวัตถุ-สสารในชั้นนี้

หลี่ หงจื้อ

1996.4.26

 

 

35.  แก้ไขให้ถูกต้อง

                เวลานี้หลายๆ แห่งได้นำเอาสิ่งที่สมาคมศึกษาและวิจัยเสนอ :

อ่านต้าฝ่าอย่างพินิจพิเคราะห์

บำเพ็ญซินซิ่งอย่างจริงจัง

ฝึกกระบวนท่าอย่างมุมานะ

… ฯลฯ

มาตั้งเป็นฝ่าหรือคำพูดของข้าพเจ้าเพื่อถ่ายทอดและศึกษากัน แท้จริงแล้วนี่ไม่ใช่คำพูดของข้าพเจ้า ไม่มีความหมายลึกซึ้งแต่อย่างใด ยิ่งไม่ใช่ฝ่า ความหมายของการอ่านอย่างพินิจพิเคราะห์แตกต่างอย่างมากจากข้อกำหนดต่อการศึกษาฝ่าของข้าพเจ้า อันที่จริงเกี่ยวกับการอ่านหนังสือ ข้าพเจ้าได้เขียนไว้อย่างชัดเจนแล้วใน“ศึกษาฝ่า” เมื่อวันที่ 9 เดือน 9 ปี 1995 ยิ่งกว่านั้น ความหมายของการอ่านอย่างพินิจพิเคราะห์ได้รบกวนการศึกษาฝ่าอย่างรุนแรง ต่อไปจะต้องระวังความรุนแรงของปัญหานี้ ข้าพเจ้าได้พูดแล้วถึงสาเหตุและบทเรียนที่ศาสนาพุทธได้เสื่อมสลายไปในอินเดีย ต่อไปหากไม่ระวังก็จะเป็นจุดเริ่มของการบ่อนทำลายฝ่า ข้อพึงระวัง ปัญหาเมื่อเกิดแล้วอย่าได้หาคนรับผิดชอบ พึงดูว่าตัวเองควรทำอย่างไร และไม่ต้องเสาะหาว่าใครเขียน ยอมรับบทเรียน ต่อไปพึงระวัง

หลี่ หงจื้อ

1996.4.28

 

36.  จินกัง (ไม่เสื่อมสูญ)

                เพื่อให้ต้าฝ่าคงอยู่ตลอดไปโดยไม่เปลี่ยนแปลง ดูเหมือนยังมีปัญหาข้อหนึ่ง คือมักจะมีผู้ฝึกเช่นนี้ จากผลของภาวะจิตที่อยากโอ้อวดและอยากสร้างสิ่งแปลกใหม่ พอมีโอกาสก็จะก่อเรื่องที่จะรบกวนต่อต้าฝ่า บางครั้งร้ายแรงมาก เช่นเมื่อเร็วๆนี้ มีคนพูดกันอยู่ตลอดว่า ข้าพเจ้าสอนเคล็ดกระบวนท่าฝึกให้ผู้ฝึกคนไหนๆ แบบตัวต่อตัว (ความจริงคือเมื่อผู้ฝึกถามข้าพเจ้า ก็เพียงแต่ช่วยแก้ไขกระบวนท่าฝึกให้ถูกต้องเท่านั้นเอง) จากนั้นก็พากันปฏิเสธกระบวนท่าฝึกการเคลื่อนไหวที่ข้าพเจ้าได้ถ่ายทอดไว้ ณ ที่ต่างๆ ในหลายปีมานี้อย่างโจ่งแจ้ง ภายใต้สภาพการณ์ที่ตัวข้าพเจ้ายังอยู่ วิดีโอเทปสอนกระบวนท่าฝึกพลังกงยังมีอยู่ ดำเนินการแก้ไขกระบวนท่าการเคลื่อนไหวของต้าฝ่า บอกให้ผู้ฝึกบำเพ็ญไม่ต้องทำตามกระบวนท่าสอนฝึกพลังกงในเทป ให้ทำตามเขา บอกว่าพลังกงของอาจารย์สูงส่งไม่เหมือนกับผู้ฝึกเป็นต้น และสอนผู้ฝึกให้ฝึกตามในสภาพของตัวเองไปก่อน ต่อไปค่อยๆเปลี่ยนกลับมา เป็นต้น

                ข้าพเจ้าสอนพลังกงคือก้าวเดียวถึงตำแหน่ง(รวดเดียวตั้งแต่เริ่มต้น) จุดประสงค์คือกลัวผู้ฝึกแก้ไขดัดแปลงโดยพลการ กลไกบังคับเมื่อก่อเกิดแล้วไม่สามารถเปลี่ยนแปลง ดูเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ แท้จริงแล้วคือจุดเริ่มของการบ่อนทำลายฝ่าอย่างร้ายแรง ยังมีบางคนนำกระบวนท่าเชื่อมต่อออกมาตั้งเป็นกระบวนท่าเอกเทศ และบอกผู้ฝึกให้ฝึกตามให้เป็นมาตรฐาน นี้คือความคิดอยากสร้างสิ่งแปลกใหม่ ปัจจุบันนี้ได้ก่อให้เกิดผลกระทบอย่างมากในแต่ละแห่ง ศิษย์ทั้งหลาย ทั้งๆที่วิดีโอเทปสอนพลังกงของข้าพเจ้ายังอยู่ ทำไมจึงโอนอ่อนผ่อนตามอย่างง่ายดายเช่นนี้ ต้าฝ่าเป็นหลักธรรมใหญ่แห่งจักรวาลที่เข้มงวดและจริงจัง หากบ่อนทำลายแม้เพียงนิดเดียว บาปของท่านจะหนักเพียงใด การเป็นผู้บำเพ็ญปฏิบัติต้องบำเพ็ญอย่างสง่าผ่าเผย มองไปยังภาพใหญ่ จะให้กระบวนท่าของทุกๆคนเหมือนกันโดยไม่ผิดเพี้ยนกันเลยแม้แต่น้อย จะเป็นไปได้อย่างไร อย่าได้มุ่งใส่ใจในรายละเอียดเหล่านี้ กระบวนท่าการเคลื่อนไหวเป็นรูปแบบของการหยวนหมั่นแบบหนึ่ง แม้ว่าจะสำคัญ แต่ต้องไม่เจาะเข้าสู่โพรงเขาควาย ควรทุ่มเทความพยายามไปทางด้าน ซินซิ่ง อันที่จริงการรบกวนต่อต้าฝ่าโดยมากมาจากภายใน ปัจจัยภายนอกเพียงแต่สามารถจะบ่อนทำลายบางคนเท่านั้น ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงฝ่า ไม่ว่าจะเวลานี้หรือในอนาคต ศิษย์ภายในเท่านั้นที่สามารถบ่อนทำลายฝ่าของเราได้ พึงระวังอย่างยิ่งยวด ฝ่าของเราไม่เสื่อมสูญไม่เปลี่ยนแปลง ใครก็ตามจะใช้ข้ออ้างใดๆ เหตุผลใดๆ สถานการณ์ใดๆ ก็ไม่สามารถดัดแปลงกระบวนท่าการเคลื่อนไหวที่พวกเราใช้เพื่อหยวนหมั่นได้แม้แต่นิดเดียว ไม่เช่นนั้นไม่ว่าเจตนาจะดีหรือเลว ล้วนเป็นการบ่อนทำลายฝ่า

หลี่ หงจื้อ

1996.5.11

 

 

37.  ไม่พูดจาเหลวไหล

                ในระยะหลังนี้มีการพูดแบบหนึ่ง เวลาที่ทุกท่านเผยแพร่ต้าฝ่า นำพาผู้มีวาสนาบางคนมาได้ฝ่า เดินเข้าสู่หนทางของการบำเพ็ญปฏิบัติ ดังนั้นจึงพูดเป็นว่าตัวเองได้ช่วยให้คนหลุดพ้น เช่น วันนี้ฉันได้ช่วยให้คนหลุดพ้นแล้วกี่คน ท่านได้ช่วยให้คนหลุดพ้นแล้วกี่คน เป็นต้น อันที่จริงสิ่งที่ช่วยให้คนหลุดพ้นคือฝ่า และผู้ที่กระทำเรื่องนี้มีแต่เพียงอาจารย์เท่านั้น พวกท่านเพียงแต่นำพาผู้มีวาสนามาได้ฝ่า สามารถจะช่วยให้หลุดพ้นได้จริงๆ หรือไม่ ยังต้องดูว่าคนผู้นั้นจะสามารถหยวนหมั่นได้หรือไม่ จึงจะแน่นอน ข้อพึงระวังอย่างยิ่งยวด จะด้วยเจตนาหรือไม่ การพูดจาใหญ่โตแม้แต่พระพุทธก็ตื่นตระหนก อย่าได้สร้างอุปสรรคให้กับการบำเพ็ญปฏิบัติของตัวเอง การพูดจาทางด้านนี้ก็ต้องบำเพ็ญ หวังว่าทุกท่านจะเข้าใจ

หลี่ หงจื้อ

1996.5.21

 

 

38.  ตื่น

                เวลาของการบำเพ็ญจริงของการศึกษาต้าฝ่ามีจำกัด ผู้ฝึกจำนวนมากรู้จักที่จะเร่งรีบ ก้าวรุดหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง แต่มีผู้ฝึกส่วนหนึ่งไม่รู้จักคุณค่าของเวลา ใส่ใจและใช้ความคิดไปในทางที่ไม่จำเป็น ตั้งแต่“จ้วนฝ่าหลุน”หนังสือต้าฝ่าเล่มนี้ได้พิมพ์ออกมา ก็มีคนจำนวนมากนำเอาเทปบันทึกเสียงการบรรยายฝ่าของข้าพเจ้ามาเปรียบเทียบกับหนังสือ บอกว่าสมาคมศึกษาวิจัยได้แก้ไขเปลี่ยนแปลงคำพูดของอาจารย์ ยังมีบางคนบอกว่า หนังสือเล่มนี้มีใคร ใครช่วยเขียน อันเป็นการบ่อนทำลายต้าฝ่า ข้าพเจ้าขอบอกทุกท่าน ณ เวลานี้ ต้าฝ่าเป็นของข้าพเจ้าหลี่ หงจื้อ ถ่ายทอดเพื่อช่วยให้พวกท่านหลุดพ้น พูดออกจากปากของข้าพเจ้าหลี่ หงจื้อ อีกทั้งเวลาที่ข้าพเจ้าบรรยายฝ่าก็ไม่มีร่าง หรือเอกสารข้อมูลใดๆ มีเพียงกระดาษแผ่นเดียว เขียนสั้นๆ เพียงหัวข้อที่จะบรรยายให้แก่ผู้ฝึกในแต่ละวัน และคำถามไม่กี่ข้อที่คนอื่นอ่านไม่เข้าใจเท่านั้น แต่ละครั้งที่ข้าพเจ้าบรรยายฝ่าก็จะบรรยายจากมุมที่ต่างกัน โดยจะคำนึงถึงระดับความสามารถในการรับของผู้ฝึกจึงบรรยาย ดังนั้นการบรรยายแต่ละครั้ง ต่อคำถามเดียวกัน ข้าพเจ้าจะบรรยายจากมุมที่ต่างกัน ยิ่งกว่านั้น ฝ่าเล่มนี้คือคุณสมบัติพิเศษของจักรวาล เป็นการแสดงออกอย่างแท้จริงของฝอฝ่าอันยิ่งใหญ่ เป็นสิ่งที่หลังจากที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญปฏิบัติจนไคอู้(รู้แจ้ง)แล้ว ระลึกขึ้นได้ว่ามีมาแต่กำเนิด และใช้ภาษาของคนธรรมดาสามัญบรรยายออกมา ถ่ายทอดให้แก่พวกท่านตลอดจนบนสวรรค์ ฝ่าถูกต้องเที่ยงตรงชั่วฟ้าปฐพี เพื่อความสะดวกของผู้ฝึกในการบำเพ็ญปฏิบัติ ข้าพเจ้ามอบหมายผู้ฝึกให้ถอดเนื้อความการบรรยายของข้าพเจ้า จากเทปบันทึกเสียงออกมาเป็นตัวอักษรทุกถ้อยทุกคำ โดยไม่มีการแก้ไขแม้แต่น้อย จากนั้นนำมาให้ข้าพเจ้าทำการแก้ไข ผู้ฝึกเพียงแต่คัดลอกอีกครั้งหนึ่งในส่วนที่ข้าพเจ้าแก้ไขแล้ว หรือใช้คอมพิวเตอร์พิมพ์ออกมา เพื่อให้ข้าพเจ้าแก้ไขอีกครั้งหนึ่งเท่านั้น เฉพาะ“จ้วนฝ่าหลุน”เล่มนี้ หลังจากข้าพเจ้าได้แก้ไขด้วยตัวเองสามครั้งแล้ว จึงกำหนดร่างและจัดพิมพ์ออกมา

                ข้อความในต้าฝ่าเล่มนี้ไม่มีผู้ใดแก้ไขแม้แต่น้อย ใครจะสามารถแก้ไขได้ เหตุที่แตกต่างจากเทปที่บันทึกเสียงมีสาเหตุอยู่สามประการคือ หนึ่ง ข้าพเจ้าได้รวมการบรรยายฝ่าหลายครั้งเข้าด้วยกันและแก้ไขเพื่อสะดวกแก่การบำเพ็ญปฏิบัติ สอง เวลาที่ข้าพเจ้าบรรยายฝ่า จะบรรยายตามความสามารถในการรับที่ต่างกันของผู้ฝึก และตามสถานการณ์และสภาพแวดล้อมในขณะนั้น ดังนั้นเมื่อจัดทำเป็นหนังสือจึงจำเป็นต้องแก้ไขโครงสร้างทางภาษา สาม คำพูดกับตัวอักษรเวลาผู้บำเพ็ญศึกษาอาจเกิดความคลาดเคลื่อนในการเข้าใจได้ จึงต้องปรับปรุง แต่ยังคงไว้ซึ่งลักษณะและสำนวนการบรรยายฝ่าของข้าพเจ้า “จ้วนฝ่าหลุน เล่ม และ“ฝ่าหลุนต้าฝ่าอี้เจี่ย”ก็เช่นกัน ทั้งหมดข้าพเจ้าปรับปรุงแก้ไขด้วยตัวเอง ก่อนจะจัดพิมพ์ออกมา “จ้วนฝ่าหลุน เล่ม นั้น ข้าพเจ้าเขียนออกมาโดยประมวลเอาความคิดในระดับต่างๆเข้าด้วยกัน ดังนั้นบางคนจึงรู้สึกว่าหลักไวยากรณ์ไม่เหมือนกัน ไม่เป็นที่เข้าใจ หนังสือเหล่านี้ตั้งแต่ต้นก็ไม่ใช่เป็นของๆ คนธรรมดาสามัญ อันที่จริง“เล่ม นี้ เขียนขึ้นเพื่อทิ้งไว้ให้คนรุ่นหลังได้เข้าใจถึงความตกต่ำเสื่อมทรามของมนุษยชาติในเวลานี้ เหลือไว้เป็นบทเรียนอันล้ำค่าทางประวัติศาสตร์ให้แก่คน ส่วน“จงกั๋วฝ่าหลุนกง” รวมทั้งฉบับปรับปรุงเป็นเพียงสิ่งที่อยู่ในระหว่างกาล โดยเริ่มต้นเขียนในรูปแบบของชี่กงเพื่อให้คนเข้าใจ

                การบ่อนทำลายฝ่านั้นมีหลายรูปแบบ ในจำนวนนั้นการบ่อนทำลายโดยไม่เจตนาของศิษย์(ศิษย์)ภายในนั้น ตรวจสอบได้ยากที่สุด ช่วงสุดท้ายของฝ่าของศาสนาพุทธนั้นก็เริ่มต้นอย่างนี้ เป็นบทเรียนที่ล้ำค่ายิ่งนัก

                ศิษย์ทั้งหลายจงจำไว้ หนังสือของฝ่าหลุนต้าฝ่าทั้งหมดล้วนเป็นฝ่าที่ข้าพเจ้าได้บรรยาย ปรับปรุงแก้ไขด้วยตัวข้าพเจ้าเองทั้งสิ้น ต่อนี้ไปใครก็ไม่อาจจะคัดลอกหรือปรับปรุงบทความจากเทปบันทึกเสียงการบรรยายฝ่าของข้าพเจ้า ไม่ว่าจะด้วยข้ออ้างใดๆ ก็เป็นการบ่อนทำลายฝ่า รวมทั้งสิ่งที่เรียกว่าการเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างคำพูดบรรยายและตัวอักษร หรืออื่นๆ

                การเปลี่ยนแปลงของร่างจักรวาล(เทียนถี่) การพัฒนาของมนุษยชาติ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนไม่ใช่เหตุบังเอิญ ทิศทางการพัฒนาของสังคมมนุษย์นั้นจัดวางโดยประวัติศาสตร์ เกิดขึ้นจากการขับเคลื่อนของปรากฏการณ์สวรรค์ ในอนาคตจะมีผู้คนทั่วโลกศึกษาต้าฝ่ามากยิ่งขึ้น ไม่ใช่สิ่งที่คนศีรษะร้อนขึ้นมานึกอยากทำก็จะทำได้ เรื่องใหญ่อย่างนี้ในประวัติศาสตร์จะไม่มีการตระเตรียมไว้ทุกๆ ด้านได้อย่างไร อันที่จริงทุกสิ่งทุกอย่างที่ข้าพเจ้าทำ ล้วนได้จัดเตรียมเอาไว้นับจำนวนปีไม่ได้ในอดีต รวมทั้งผู้ที่จะได้ฝ่าก็ไม่ใช่เหตุบังเอิญ แต่โดยผิวเผินจะเหมือนรูปแบบของคนธรรมดาสามัญ อันที่จริงอาจารย์หลายท่านที่ได้ถ่ายทอดทุกสิ่งทุกอย่างให้แก่ข้าพเจ้า ก็คือผู้ที่ข้าพเจ้าตั้งใจให้พวกเขาได้วิชาในหลายๆ ชาติที่แล้ว รอจนวาสนามาถึง ค่อยจัดให้พวกเขาถ่ายทอดวิชากลับคืนให้ข้าพเจ้าอีกครั้ง เพื่อเบิกทางสว่างให้ข้าพเจ้าได้ระลึกในฝ่าทั้งหมดของข้าพเจ้า ดังนั้นข้าพเจ้าขอบอกพวกท่าน ฝ่าเล่มนี้ไม่ใช่เพียงมนุษยชาติชั้นนี้เท่านั้นที่ศึกษาอยู่ ระดับชั้นสูงขึ้นไปก็ศึกษากันอยู่ เป็นเพราะร่างจักรวาล(เทียนถี่)ในขอบเขตที่ใหญ่มากได้เบนห่างออกจากคุณสมบัติพิเศษของจักรวาล จึงต้องปรับฝ่าให้ถูกต้องเที่ยงตรง มนุษยชาติอยู่ท่ามกลางจักรวาลอันยิ่งใหญ่ไพศาลนับเป็นอะไรไม่ได้ โลกเป็นเพียงละอองฝุ่นเม็ดหนึ่งในจักรวาล หากคนคิดจะเป็นที่ยอมรับของชีวิตชั้นสูง เช่นนั้นก็ต้องบำเพ็ญให้เป็นชีวิตชั้นสูงด้วย

หลี่ หงจื้อ

1996.5.27

 

 

39.  ฝ่ามั่นคง

                สองปีมานี้ ในการบำเพ็ญปฏิบัติของผู้ฝึก มีปัญหาเกิดขึ้นบางประการ ข้าพเจ้าก็ได้เฝ้าติดตามสภาพการบำเพ็ญปฏิบัติของผู้ฝึกอยู่โดยตลอด เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นให้ทันท่วงที ข้าพเจ้าจะเขียนบทความสั้นๆ (เหล่าผู้ฝึกเรียกว่าจิงเหวิน) ออกมาอย่างมีเป้าหมายอยู่เสมอ เพื่อชี้แนะทุกท่านบำเพ็ญปฏิบัติ จุดประสงค์เพื่อวางแนวทางที่มั่นคง แข็งแรง ถูกต้องของการบำเพ็ญปฏิบัติต้าฝ่าไว้ให้แก่คนรุ่นหลัง ให้คนรุ่นต่อๆไปได้บำเพ็ญปฏิบัติตามแนวทางที่ข้าพเจ้าได้วางไว้ให้แก่ทุกท่านด้วยตัวเอง จึงจะสามารถหยวนหมั่น(สำเร็จสมบูรณ์)

                แต่ทว่าเมื่อเร็วๆนี้ จากศูนย์ฝึกพลังกงแห่งหนึ่งในฮ่องกง ข้าพเจ้าได้เห็นเอกสารชุดหนึ่ง ซึ่งส่งมาจากนอกพื้นที่ ข้างในเอกสารชุดนั้น มีสองบทที่ไม่ใช่บทความสั้นที่ข้าพเจ้าต้องการจะส่งออกไป นี้คือเจตนาบ่อนทำลายต้าฝ่าอย่างร้ายแรง แม้แต่การจัดเรียบเรียงจากเทปบันทึกเสียงเป็นการส่วนตัวก็ไม่ถูกต้อง ข้าพเจ้าได้พูดไว้ในบทความ“ตื่น”อย่างชัดเจนแล้วว่า ไม่อนุญาตให้บุคคลใดๆ ใช้ข้ออ้างใดๆ จัดเรียบเรียงเป็นบทความจากเทปบันทึกเสียงการพูดของข้าพเจ้า หากทำก็เป็นการบ่อนทำลายฝ่า พร้อมกันนี้ข้าพเจ้าขอย้ำอีกครั้ง พวกท่านจะนำข้อความที่ท่านบันทึกไว้เองส่วนตัวในเวลาที่ข้าพเจ้าบรรยายออกมาเผยแพร่ไม่ได้ เหตุใดพวกท่านยังทำเช่นนี้อีก ท่านทำด้วยจิตใจอะไร ขอบอกทุกท่าน นอกจากหนังสือกี่เล่มที่ข้าพเจ้าจัดพิมพ์ออกมาเป็นทางการ และบทความสั้นๆที่ข้าพเจ้าได้ลงชื่อและวันที่ไว้ โดยสมาคมศึกษาและวิจัยเป็นผู้ส่งออกไปยังแต่ละที่แล้ว บทความที่จัดเรียบเรียงกันเองส่วนตัวล้วนเป็นการบ่อนทำลายฝ่า การบำเพ็ญเป็นเรื่องของตัวท่านเอง แสวงหา ขออะไร ตัวท่านเองกำหนด คนธรรมดาสามัญมีทั้งจิตมารและจิตพุทธ ความคิดไม่ถูกต้องเพียงนิดเดียว จิตมารก็จะบังเกิดผล ข้าพเจ้าขอบอกทุกท่านอีกครั้ง บุคคลภายนอกไม่สามารถจะบ่อนทำลายฝ่า คนที่จะบ่อนทำลายฝ่ามีแต่เพียงผู้ฝึกภายในเท่านั้น ขอให้จำไว้

                ข้าพเจ้า หลี่ หงจื้อ แต่ละก้าวที่เดินล้วนเป็นการกำหนดรูปแบบที่จะไม่เปลี่ยนและไม่เสื่อมสำหรับการเผยแพร่ต้าฝ่าไปสู่คนรุ่นต่อไป ต้าฝ่าที่ใหญ่เช่นนี้ ไม่ใช่ถ่ายทอดออกมาเพียงเพื่อความนิยมชั่วขณะก็หมดเรื่องไป ไม่สามารถจะให้คลาดเคลื่อนแม้แต่นิดเดียวตลอดกาลนานสืบไป การพิทักษ์ต้าฝ่าด้วยการกระทำของตนเช่นกัน คือภาระหน้าที่ของศิษย์(ศิษย์)ตลอดไป เพราะเขา(ต้าฝ่า)เป็นของสรรพชีวิตในจักรวาล ซึ่งในนั้นรวมทั้งตัวท่าน

หลี่ หงจื้อ

1996.6.11

 

40.  บำเพ็ญปฏิบัติกับรับผิดชอบ

                บำเพ็ญจริงให้ก้าวรุดหน้าก็เพื่อจะหยวนหมั่น(สำเร็จสมบูรณ์)ในเร็ววัน ผู้บำเพ็ญปฏิบัติคนหนึ่งก็คือคนที่ขจัดจิตยึดติดของคนธรรมดาสามัญทิ้งไป ศิษย์(ศิษย์)ทั้งหลาย พวกท่านต้องเข้าใจให้แจ่มแจ้งว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่

                เนื่องจากศูนย์ช่วยฝึกสอนแต่ละแห่ง ศูนย์ใหญ่และสมาคมศึกษาฯ มีหน้าที่รับผิดชอบต่อต้าฝ่า มีสิทธิที่จะสับเปลี่ยนผู้ช่วยฝึกสอนแต่ละคน รวมทั้งหัวหน้าศูนย์ฝึกสอนระดับสาขา ดังนั้นบางครั้งจะทำการสับเปลี่ยนผู้รับผิดชอบตามสถานการณ์ต่างกันไป เพราะผู้รับผิดชอบก่อนอื่นคือผู้บำเพ็ญปฏิบัติคนหนึ่ง มาเพื่อบำเพ็ญปฏิบัติ ไม่ใช่มาด้วยวัตถุประสงค์เพื่อจะเป็นหัวหน้า ดังนั้นจะต้องสามารถขึ้นได้ สามารถลงได้ การมอบหมายให้เป็นผู้รับผิดชอบคือเพื่อบำเพ็ญปฏิบัติ ไม่ใช่ผู้รับผิดชอบก็บำเพ็ญปฏิบัติด้วยเช่นกัน หากคนที่ถูกสับเปลี่ยนตัวลงมาแล้วในใจข้ามไปไม่ได้ นั่นมิใช่จิตยึดติดบังเกิดผลอยู่หรอกหรือ นี้มิใช่โอกาสอันดีที่จะขจัดจิตใจดวงนั้นทิ้งไปหรอกหรือ หากเป็นเช่นนี้ ยังปล่อยวางจิตใจไม่ได้ ย่อมแสดงให้เห็นว่า การสับเปลี่ยนตัวลงมาเป็นสิ่งที่ถูกต้อง การยึดติดต่อการเป็นผู้รับผิดชอบโดยตัวของมันเองนั้น วัตถุประสงค์ของการบำเพ็ญปฏิบัติก็คือไม่บริสุทธิ์ ดังนั้นข้าพเจ้าจึงขอเตือนศิษย์ทั้งหลาย พวกท่านไม่สามารถจะหยวนหมั่นโดยไม่ขจัดจิตใจดวงนี้ทิ้งไป

หลี่ หงจื้อ

1996.6.12

 

41.  การจัดการกับจิงเหวินที่คัดลอกด้วยลายมือ

                เวลานี้คนที่มาศึกษาต้าฝ่านับวันจะมีมากขึ้น เพิ่มจำนวนเป็นสองเท่าทุกๆสัปดาห์ เนื่องจากแผนกจัดพิมพ์จัดพิมพ์หนังสือออกมาไม่พอจำหน่าย อุปทานมีไม่พอกับอุปสงค์ ดังนั้นในพื้นที่บางแห่ง หรือในชนบทหาซื้อหนังสือไม่ได้ มีผู้ฝึกถามข้าพเจ้าว่า หนังสือต้าฝ่าที่คัดลอกด้วยลายมือ ควรจะจัดการอย่างไร ข้าพเจ้าขอบอกทุกท่าน เป็นการเฉพาะกาล พวกท่านสามารถนำข้อความของ“จ้วนฝ่าหลุน” หรือจิงเหวินอื่นๆ ที่คัดลอกด้วยลายมือ ในเวลาที่ท่านศึกษาต้าฝ่า ให้คนที่ไปเผยแพร่พลังกง เผยแพร่ฝ่าในชนบท นำไปให้เกษตรกร ขณะเดียวกันก็สามารถช่วยลดภาระทางเศรษฐกิจของพวกเขา เช่นนั้นก็ต้องขอให้ผู้ฝึกคัดลอกด้วยลายมือที่บรรจงอ่านง่าย เพื่อให้เกษตรกรที่มีความรู้ไม่สูงนักสามารถอ่านเข้าใจ เล่มที่คัดลอกด้วยลายมือ มีอานุภาพของฝ่าเช่นเดียวกับเล่มที่เรียงพิมพ์

หลี่ หงจื้อ

1996.6.26

 

42.  ฝ่าฮุ่ย(ประชุมธรรม)

                การพูดคุยซึ่งกันและกันระหว่างศิษย์(ศิษย์)ด้วยกัน ถึงความรู้สึกที่ได้รับและประสบการณ์ประทับใจในระหว่างการบำเพ็ญปฏิบัติ เป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่ง แต่ต้องไม่มีเจตนาอยากโอ้อวดตัวเอง การส่งเสริมกระตุ้นซึ่งกันและกัน ยกระดับพร้อมกันนั้นไม่มีปัญหา เพื่อผลักดันการเผยแพร่ต้าฝ่าให้กว้างไกลยิ่งขึ้น แต่ละที่ต่างได้จัดประชุมเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ประทับใจจากการบำเพ็ญปฏิบัติ จากรูปแบบและเนื้อหาทั้งหมดดูดีและแข็งแรง แต่บทความที่ผู้ฝึกจะพูด ต้องได้รับการพิจารณาจากศูนย์ช่วยฝึกสอน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาด้านการเมืองอันไม่เกี่ยวข้องกับการบำเพ็ญปฏิบัติ และปัญหาที่จะนำไปสู่ความไม่ถูกต้องของการบำเพ็ญปฏิบัติและสังคม ขณะเดียวกันก็ต้องหลีกเลี่ยงการพูดจาฉาบฉวยคุยโวโอ้อวด ความเคยชินจนเป็นนิสัยที่ได้มาจากการศึกษาทฤษฎีในหมู่คนธรรมดาสามัญ การแสดงจิตโอ้อวดของตนออกมา โดยการจัดทำเอกสารข้อมูลในเชิงรายงานเพื่อเผยแพร่

                การประชุมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ขนาดใหญ่ ซึ่งจัดโดยศูนย์ช่วยฝึกสอนระดับมณฑล ระดับเมือง อย่าได้จัดเป็นรูปแบบระดับประเทศ การประชุมระดับประเทศหรือระดับสากล ให้จัดโดยศูนย์ใหญ่(สมาคมศึกษาฯ) และอย่าได้จัดถี่จนเกินไป ปีละครั้งจะเป็นการดี (ยกเว้นกรณีพิเศษ) อย่าได้มุ่งในทางรูปแบบหรือนำไปสู่การเปรียบเทียบแข่งขัน ต้องจัดให้เป็นฝ่าฮุ่ยที่เคร่งขรึมจริงจัง อันจะสามารถส่งเสริมกระตุ้นการบำเพ็ญปฏิบัติได้อย่างแท้จริง

หลี่ หงจื้อ

1996.6.26

 

43.  จดหมายถึงศูนย์ฝึกใหญ่ต้าฝ่า สือเจียจวง

ศูนย์ฝึกใหญ่ต้าฝ่า สือเจียจวง:

                เรื่องที่การประชุมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของพวกท่านถูกยับยั้งนั้น ข้าพเจ้าทราบแล้ว มีสาเหตุสามประการ พวกท่านก็คงจะหาข้อสรุปจากบทเรียนในครั้งนี้ได้อย่างแน่นอน อันที่จริงเหตุการณ์ครั้งนี้ได้ส่งผลกระทบไปถึงปักกิ่ง ตลอดจนกิจกรรมของต้าฝ่าทั่วประเทศ ต่อกิจกรรมตามปกติของต้าฝ่าต่อแต่นี้ไป ย่อมมีผลลบในระดับหนึ่ง ข้าพเจ้าคิดว่าพวกท่านก็คงจะเข้าใจอย่างแน่นอน ต่อไปจะได้ทำให้ดียิ่งขึ้น

                นอกจากนี้เกี่ยวกับการประชุมรายงานของจิ่งจั้นอี้ ข้าพเจ้าขอพูดสักกี่ประโยค ในกรณีของจิ่งจั้นอี้นั้น จัดขึ้นเพื่อยืนยันความเป็นวิทยาศาสตร์ของต้าฝ่า มีวัตถุประสงค์เพื่อให้วงการวิทยาศาสตร์ วงการวิชาการมาเข้าใจต้าฝ่า แต่ไม่ใช่ให้เขาบรรยายในหมู่ผู้ฝึก การทำเช่นนี้ไม่มีประโยชน์แม้แต่น้อย ได้แต่ทำให้ผู้ฝึกใหม่ หรือศิษย์(ศิษย์)ที่ศึกษาฝ่าไม่จริงจังเกิดจิตยึดติด ในขณะที่ศิษย์ที่ศึกษาได้ดีไม่ต้องฟังรายงานเหล่านี้ ก็จะยึดมั่นในต้าฝ่าเหมือนเดิม

          สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่ง ข้าพเจ้าถ่ายทอดฝ่าสองปี ให้เหล่าศิษย์บำเพ็ญจริงจังสองปี ในสองปีที่เหล่าศิษย์บำเพ็ญจริงจัง ข้าพเจ้าไม่เคยจัดกิจกรรมใดๆที่ไม่เกี่ยวข้องกับการบำเพ็ญจริงจัง มารบกวนขั้นตอนการยกระดับให้แก่ผู้ฝึก ซึ่งได้จัดเตรียมไว้แล้วอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ถ้าหากไม่ใช่เป็นการรายงานเพื่อยืนยันความเป็นวิทยาศาสตร์ของต้าฝ่า ให้แก่วงการวิทยาศาสตร์ วงการวิชาการ แต่เป็นการรายงานให้แก่ศิษย์ซึ่งกำลังบำเพ็ญปฏิบัติและมีเวลาจำกัดฟัง พวกท่านลองคิดดู ยังมีการรบกวนที่ใหญ่กว่านี้ต่อผู้ฝึกหรือ เพื่อไม่รบกวนผู้ฝึก ข้าพเจ้าไม่แม้แต่จะพบปะกับผู้ฝึก พอผู้ฝึกได้พบกับข้าพเจ้า อย่างน้อยที่สุดก็ไม่สามารถสงบจิตใจภายในเวลาหลายวัน เช่นนั้นก็จะทำให้ลำดับขั้นตอน ที่ข้าพเจ้าบอกให้ฝ่าเซิน(ร่างฝ่า)ไปจัดเตรียมให้แก่ผู้ฝึกยุ่งเหยิง เรื่องนี้ข้าพเจ้าเคยพูดกับสมาคมศึกษาวิจัยแล้ว เป็นได้ว่าไม่ได้พูดกับจิ่งจั้นอี้ให้ชัดเจน เรื่องราวผ่านไปแล้ว ทุกท่านก็อย่าได้หาผู้รับผิดชอบ ข้าพเจ้าเห็นว่าประการสำคัญคือ พวกท่านรับรู้(เข้าใจ)ไม่ถึงนั่นเอง แต่จากนี้ไปให้พึงระวัง ทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเรากระทำในวันนี้ ล้วนเป็นการก่อรากสร้างฐานให้ต้าฝ่าได้ตกทอดสืบไปชั่วกาลนาน สืบทอดรูปแบบการบำเพ็ญปฏิบัติที่สมบูรณ์แบบ ถูกต้อง ไม่มีผิดพลาด ข้าพเจ้ายกเรื่องนี้ขึ้นมาในวันนี้ มิใช่เพื่อจะวิจารณ์ แต่เพื่อแก้ไขรูปแบบการบำเพ็ญปฏิบัติให้ถูกต้อง เพื่อสืบทอดไปสู่คนรุ่นต่อไป

                ส่งต่อไปยังศูนย์ช่วยฝึกสอนแต่ละแห่ง

หลี่ หงจื้อ

1996.6.28

 

 

44.  รับสภาพจิตให้ถูกต้อง

                หลังจากเข้าสู่การบำเพ็ญจริงจังอย่างลึกซึ้งในต้าฝ่า ศิษย์(ศิษย์)หลายๆคนทยอยกันไคอู้(เปิดการรับรู้) เจี้ยนอู้(ค่อยๆรับรู้) จะมองเห็นทัศนียภาพที่แท้จริง โอ่อ่าสง่างาม สวยวิจิตรตระการตาในมิติอื่น ศิษย์ที่อยู่ในระหว่างไคอู้(เปิดการรับรู้)เกิดความตื่นเต้นจนลืมตัว เรียกฝ่าเซิน(ร่างฝ่า)ของข้าพเจ้าเป็นอาจารย์คนที่สอง หรือเข้าใจว่าฝ่าเซินของข้าพเจ้าเป็นอาจารย์เอกเทศที่แท้จริง นี้คือความเข้าใจที่ผิด ฝ่าเซินคือรูปลักษณ์แห่งสติปัญญาที่ปรากฏให้เห็นของข้าพเจ้า ซึ่งมีอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง ไม่ใช่ร่างชีวิตที่เป็นเอกเทศ ยังมีศิษย์บางคน เรียกฝ่าหลุนเป็น“อาจารย์ฝ่าหลุน” นี้เป็นความผิดอย่างใหญ่หลวง ฝ่าหลุนก็คือจุดเด่นของพลังฝ่าของข้าพเจ้า และเป็นสติปัญญาแห่งต้าฝ่าที่ปรากฏให้เห็นในรูปแบบอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งวิเศษสุดจะบรรยาย ฝ่าหลุนเป็นปรากฏการณ์ของความเป็นฝ่าของสสารทั้งมวล จากมหภาคจนถึงจุลภาคในจักรวาล ไม่ใช่ร่างชีวิตที่เป็นเอกเทศ

                ศิษย์ทั้งหลายพึงจดจำ อย่าได้เห็นว่าฝ่าเซินของข้าพเจ้า หรือฝ่าหลุนได้กระทำในสิ่งมหัศจรรย์ สวยงามวิจิตรต่างๆมากมายให้แก่พวกท่าน ก็ใช้จิตใจของคนธรรมดาสามัญไปเข้าใจ ไปสรรเสริญและยกย่องฝ่าเซินของข้าพเจ้า และฝ่าหลุน จิตใจเช่นนี้คือการแสดงออกซึ่งความสับสนของคนที่มีอู้ซิ่ง(จิตรับรู้) และซินซิ่งต่ำมาก อันที่จริงรูปแบบทั้งหมดที่ปรากฏให้เห็น ก็คือปรากฏการณ์ที่เป็นรูปธรรมซึ่งข้าพเจ้าใช้พลังฝ่าอันยิ่งใหญ่ปรับฝ่าให้ถูกต้องเที่ยงตรง และช่วยให้คนหลุดพ้น

หลี่ หงจื้อ

1996.7.2

 

 

45.  อธิบายซั่น(ความเมตตา) อย่างง่ายๆ

                ซั่น(ความเมตตา)เป็นคุณสมบัติพิเศษของจักรวาลซึ่งปรากฏอยู่ ณ ระดับชั้นที่ต่างกันในมิติที่ต่างกัน และยังเป็นคุณสมบัติพื้นฐานของเหล่าผู้รู้แจ้งใหญ่(ระดับชั้นสูง)อีกด้วย ดังนั้นผู้บำเพ็ญปฏิบัติจะต้องบำเพ็ญซั่น ให้หล่อหลอมเข้ากับคุณสมบัติพิเศษของจักรวาล เจิน ซั่น เหยิ่น (ความจริง ความเมตตา ความอดทน) เทียนถี่(ร่างจักรวาล)อันกว้างใหญ่ไพศาล เกิดขึ้นจากคุณสมบัติพิเศษของจักรวาล เจิน ซั่น เหยิ่น การถ่ายทอดต้าฝ่าออกมา ก็เพื่อแสดงให้เหล่าชีวิตในจักรวาลได้เห็นอีกครั้งถึงคุณสมบัติพิเศษโดยกำเนิดในประวัติศาสตร์ ต้าฝ่ากลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน หากจะแยก “เจิน” “ซั่น” “เหยิ่น” สามตัวอักษรออกจากกัน เช่นเดียวกันยังคงบรรจุเต็มไปด้วยคุณสมบัติพิเศษของเจิน ซั่น เหยิ่น เพราะสสารประกอบขึ้นมาจากสสารระดับจุลภาค และสสารระดับจุลภาคก็ประกอบขึ้นมาด้วยสสารระดับจุลภาคที่เล็กลงไปอีก จวบจนหาที่สุดไม่ได้ เช่นนั้น“เจิน”ก็ประกอบขึ้นด้วยเจิน ซั่น เหยิ่น “ซั่น”ก็ประกอบขึ้นด้วยเจิน ซั่น เหยิ่น “เหยิ่น”ก็เช่นกันประกอบขึ้นด้วย เจิน ซั่น เหยิ่น สายเต๋าบำเพ็ญ“เจิน” มิใช่บำเพ็ญเจิน ซั่น เหยิ่นหรอกหรือ และสายพุทธบำเพ็ญ“ซั่น” มิใช่บำเพ็ญ เจิน ซั่น เหยิ่นด้วยหรอกหรือ อันที่จริงต่างกันเพียงรูปแบบภายนอกเท่านั้น

                เช่นนั้น หากพูดแต่เพียงซั่น ซั่นสะท้อนลงมาในสังคมคนธรรมดาสามัญ คนธรรมดาสามัญที่ยึดติดและหลงอยู่ในสังคมคนธรรมดาสามัญ จะหยิบยกปัญหาสังคมในหมู่คนธรรมดาสามัญข้อหนึ่งออกมาพูดว่า ถ้าผู้คนพากันศึกษาต้าฝ่ากันทั้งหมด พูดถึงซั่นกันทั้งหมด เช่นนั้นหากมีการถูกรุกรานจากภายนอก เกิดสงครามแล้วพวกเราจะทำอย่างไร อันที่จริงข้าพเจ้าได้พูดไปแล้วใน “จ้วนฝ่าหลุน” การพัฒนาของสังคมมนุษย์นั้นเกิดขึ้นจากการผลักดัน ภายใต้การเปลี่ยนแปลงของปรากฏการณ์สวรรค์ เช่นนั้น สงครามของมนุษยชาติเกิดขึ้นด้วยเหตุบังเอิญหรือ ในพื้นที่ที่มีกรรมหนัก ในพื้นที่ที่จิตใจคนตกต่ำเสื่อมทรามก็คือไม่มีความมั่นคง ถ้าชนชาติหนึ่งมีจิตใจดีงามอย่างแท้จริง กรรมย่อมจะเล็ก ก็จะไม่มีสงครามเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เพราะหลักการของต้าฝ่าไม่อนุญาต คุณสมบัติพิเศษของจักรวาลควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ คนไม่ต้องกังวลว่าชนชาติที่มีจิตใจดีงามจะถูกรุกราน คุณสมบัติของจักรวาล ---ต้าฝ่าปกคลุมไปทั่วเทียนถี่(ร่างจักรวาล)จากมหภาคจนถึงจุลภาค ครอบคลุมทุกที่ ต้าฝ่าที่ข้าพเจ้าถ่ายทอดวันนี้ก็ไม่ใช่ถ่ายทอดให้แต่เฉพาะคนตะวันออกเท่านั้น ขณะเดียวกันก็ถ่ายทอดให้แก่คนตะวันตกด้วย ผู้คนที่มีจิตใจดีงามของพวกเขา ก็สมควรได้รับการช่วยเหลือให้หลุดพ้น ชนชาติทั้งหมดที่สมควรเข้าสู่ประวัติศาสตร์ต่อไปในศตวรรษใหม่ จะได้ฝ่ากันทั้งหมด ยกระดับด้วยกันทั้งหมด ไม่ใช่เป็นเรื่องของชนชาติใดชนชาติหนึ่งโดยเฉพาะ มาตรฐานศีลธรรมของมนุษยชาติก็จะหวนกลับคืนสู่คุณสมบัติดั้งเดิมของมนุษยชาติ

หลี่ หงจื้อ

1996.7.20

 

46.  หมายเหตุต่อการปรับสภาพจิตให้ถูกต้อง

                หลังจากที่ข้าพเจ้าพูดว่า “ฝ่าเซินและฝ่าหลุนไม่ใช่ร่างชีวิตที่เป็นเอกเทศ” มีผู้ฝึกบางคนถามว่า ในจ้วนฝ่าหลุนกล่าวไว้ว่า “จิตสำนึกของฝ่าเซิน ความนึกคิดของฝ่าเซินรับการควบคุมโดยร่างหลัก แต่ฝ่าเซินโดยตัวเองก็เป็นร่าง เป็นชีวิตจริง ครบถ้วนสมบูรณ์ เป็นเอกเทศ” นั้นขัดแย้งกันใช่หรือไม่ ข้าพเจ้าเห็นว่านี้เป็นการเข้าใจฝ่าไม่ดีพอ ไม่สามารถจะเข้าใจฝ่าเซินแบบเดียวกับความคิดของชีวิตที่เป็นเอกเทศโดยสมบูรณ์ เพราะพวกเขาก็คือความสมใจนึกที่แสดงออกมา ในรูปลักษณ์ขององค์เจ้าของและความนึกคิดของพลังฝ่ากับสติปัญญา มีความสามารถกระทำทุกสิ่งทุกอย่างตามความตั้งใจขององค์เจ้าของโดยเอกเทศ ดังนั้นผู้ฝึกสนใจแต่เพียงประโยคหลัง โดยไม่ใส่ใจต่อประโยคข้างหน้า “จิตสำนึกของฝ่าเซิน ความนึกคิดของฝ่าเซินรับการควบคุมโดยร่างหลัก” ดังนั้นจึงมีรูปลักษณ์ขององค์เจ้าของที่เป็นเอกเทศ ครบถ้วนสมบูรณ์ อีกทั้งมีอุปนิสัย เอกลักษณ์ขององค์เจ้าของ และสามารถกระทำทุกสิ่งทุกอย่างให้ลุล่วงโดยเอกเทศตามที่องค์เจ้าของต้องการ แต่ชีวิตธรรมดาทั่วไปไม่มีคนควบคุม เวลาที่ผู้คนมองดูฝ่าเซิน ก็จะเห็นเป็นร่างเป็นชีวิตจริงๆ ครบถ้วนสมบูรณ์ เป็นเอกเทศ อันที่จริงพูดให้ชัดเจน ฝ่าเซินของข้าพเจ้าก็คือข้าพเจ้า

หลี่ หงจื้อ

1996.7.21

 

 

47.  จิตพุทธกับจิตมาร

                ณ มิติที่สูงมากๆ จุลภาคมากๆในจักรวาล มีสสารสองชนิดที่ต่างกันคงอยู่ นี้ก็คือเจิน ซั่น เหยิ่น คุณสมบัติพิเศษสูงสุดของจักรวาล เป็นรูปแบบการคงอยู่ของสสารสองชนิดซึ่งปรากฏออกมา ณ ระดับชั้นของมิติที่กำหนดในจักวาล จากบนลงล่าง จากระดับจุลภาคจนถึงมหภาคเชื่อมต่อไปถึงมิติที่กำหนด ยิ่งต่ำลงมาคุณสมบัติของสสารสองชนิดนี้ ตามสภาวะที่ปรากฏของฝ่า ณ ระดับชั้นที่ต่างกัน ยิ่งปรากฏออกมาไม่เหมือนกัน จะยิ่งแตกต่างกันมาก ครั้นแล้วจึงกำเนิดสิ่งที่สายเต๋าเรียกว่า หลักการของ อินหยาง และ ไท่จี๋ ต่ำลงมาอีก คุณสมบัติที่ต่างกันของสสารสองชนิดก็ยิ่งเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน ดังนั้นจึงก่อเกิดเป็นหลักของการเสริมและการต้านซึ่งกันและกัน

                เมื่อมีการเสริมและการต้านซึ่งกันและกัน จึงปรากฏออกมาเป็นความเมตตาและความชั่วร้าย ถูกต้องและแปลกปลอม ดีและเลว ดังนั้นชีวิตจึงปรากฏเมื่อมีพระพุทธก็ย่อมมีมาร มีคนก็ย่อมมีผี ในสังคมคนธรรมดาสามัญก็จะปรากฏออกมายิ่งเด่นชัดและซับซ้อน มีคนดีก็ย่อมมีคนเลว มีคนที่เห็นแก่ส่วนรวมก็ย่อมมีคนเห็นแก่ตัว มีคนใจกว้างก็ย่อมมีคนใจแคบ เมื่อพูดถึงการบำเพ็ญปฏิบัติ มีคนเชื่อก็มีคนไม่เชื่อ มีคนสามารถอู้(รับรู้) ก็มีคนไม่อู้ มีคนสนับสนุนก็มีคนคัดค้าน นี้ก็คือสังคมมนุษย์ ถ้าสามารถบำเพ็ญกันทั้งหมด สามารถอู้กันทั้งหมด เชื่อกันทั้งหมด สังคมมนุษย์ก็จะกลายเป็นสังคมของเทพ สังคมมนุษย์ก็คือสังคมมนุษย์ ไม่มีไม่ได้ สังคมมนุษย์จะยังคงอยู่ตลอดไป ไม่มีหยุด ดังนั้นการมีคนคัดค้านเป็นเรื่องปกติ ตรงกันข้าม ไม่มีคนคัดค้านนั่นจึงจะเป็นเรื่องไม่ปกติ ไม่มีผี คนจะกลับมาเกิดใหม่อย่างไร ไม่มีมารก็ไม่สามารถบำเพ็ญเป็นพระพุทธ ไม่มีความทุกข์ (ขม) ก็จะไม่มีความสุข (หวาน)

                เพราะมีหลักของการเสริมและการต้านซึ่งกันและกันอยู่ คนเราคิดจะทำสิ่งใดจึงมีความลำบาก ผ่านความพยายามอย่างมุ่งมั่น เอาชนะความลำบาก จึงจะประสบความสำเร็จในสิ่งที่ทำ ท่านจึงจะรู้สึกว่าได้มาไม่ง่าย ท่านจึงจะรู้จักทะนุถนอมในสิ่งที่ได้มา คนจึงจะรู้สึกมีความสุข มิฉะนั้นหากไม่มีหลักของการเสริมและต้านซึ่งกันและกันแล้ว เรื่องอะไรพอทำก็สำเร็จ ท่านจะรู้สึกว่ามีชีวิตอยู่อย่างน่าเบื่อเหนื่อย ไม่มีรสชาติของความสุข ไม่มีความยินดีหลังจากประสบชัยชนะ

                สสารและชีวิตใดๆ ในจักรวาลล้วนประกอบขึ้นมาจากอณูในระดับจุลภาค เป็นอณูในชั้นที่ใหญ่ขึ้นจนเป็นร่างวัตถุที่ปรากฏ ภายในขอบเขตซึ่งสสารที่มีคุณสมบัติต่างกันสองชนิดเชื่อมต่อถึงกัน สสารทั้งหมด ชีวิตทั้งมวลเช่นกัน ก็มีคุณสมบัติสองอย่างคงอยู่ เช่นเหล็กกล้านั้นมีความแข็ง แต่เมื่อฝังอยู่ในดินก็จะเกิดสนิม ขณะที่เครื่องปั้นดินเผาจะไม่เป็นสนิมเมื่อฝังอยู่ในดิน แต่มันมีความเปราะ ทุบทีเดียวแตก คนก็เช่นกัน คนมีจิตพุทธในเวลาเดียวกันก็มีจิตมารคงอยู่ สิ่งที่คนทำโดยไม่อยู่ในหลักเกณฑ์และการควบคุมของศีลธรรมก็คือจิตมาร และการบำเพ็ญพุทธก็คือการขจัดจิตมารของท่านทิ้งไป เสริมสร้างจิตพุทธของท่านให้แข็งแกร่ง

                จิตพุทธของคนคือความดีงาม ปรากฏออกมาเป็นความเมตตากรุณา ทำอะไรจะคำนึงถึงผู้อื่นก่อน สามารถอดทนต่อความเจ็บปวดทุกข์ทรมาน จิตมารของคนคือความชั่วร้าย ปรากฏออกมาเป็นการฆ่าชีวิต ลักขโมยแย่งชิง เห็นแก่ตัว ความคิดชั่วร้าย ฟื้นฝอยหาความผิดถูก ปลุกปั่นกุข่าว อิจฉาริษยา บ้าคลั่ง เกียจคร้าน ประพฤติผิดในกาม เป็นต้น

                ณ ระดับชั้นที่กำหนดในจักรวาล สสารที่มีคุณสมบัติต่างกันสองชนิดนี้ ตามคุณสมบัติพิเศษของจักรวาล เจิน ซั่น เหยิ่น ซึ่งปรากฏออกมาต่างกัน ณ ระดับชั้นที่ต่างกัน และในเวลาเดียวกันก็มีรูปแบบปรากฏออกมาต่างกันในระดับชั้นที่ต่างกัน ยิ่งต่ำลงมาความเป็นปฏิปักษ์ต่อกันก็จะยิ่งเด่นชัด ครั้นแล้วจึงมีการแบ่งดีและเลว ที่ดีก็ยิ่งดี ที่ชั่วก็ยิ่งชั่ว คุณสมบัติสองอย่างในร่างวัตถุเดียวกันก็ยิ่งซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงมาก นี้ก็คือสิ่งที่พระพุทธพูด สรรพสิ่งล้วนมีจิตพุทธ แท้จริงก็มีจิตมารด้วย

                แต่ทว่าจักรวาลมี เจิน ซั่น เหยิ่น เป็นคุณสมบัติพิเศษ สังคมคนธรรมดาสามัญก็เช่นกัน สสารสองชนิดที่ข้าพเจ้าพูดถึง ก็เป็นเพียงสสารสองชนิดที่สามารถก่อกำเนิดคุณสมบัติสองอย่าง ซึ่งมีคงอยู่นับจำนวนไม่ถ้วนจากบนลงล่าง จากระดับจุลภาคถึงมหภาค จนถึงสังคมมนุษย์ ซึ่งสะท้อนอยู่ในสิ่งมีชีวิตและสสารนั่นเอง ขณะที่ชีวิตและสสารจากบนลงล่างจนถึงสังคมมนุษย์ ประกอบขึ้นโดยสสารหลากหลายชนิดนับจำนวนไม่ถ้วนจากระดับจุลภาคจนถึงมหภาค

                สังคมมนุษย์ไม่ผดุงรักษามาตรฐานศีลธรรมของมนุษย์ --- สังคมย่อมวุ่นวายยุ่งเหยิงไม่สงบ ภัยธรรมชาติ ภัยพิบัติจากมนุษย์ ผู้บำเพ็ญปฏิบัติไม่บำเพ็ญขจัดจิตมารทิ้งไป --- พลังกงย่อมยุ่งเหยิงสับสนและไม่ได้ หรือเข้าสู่ทางมาร

หลี่ หงจื้อ

1996.8.26

 

48.  อาบแสง

                เวลานี้ผู้ฝึกกลุ่มใหญ่จำนวนหนึ่งหยวนหมั่นแล้ว และกำลังจะหยวนหมั่น คนบำเพ็ญหยวนหมั่น นี้เป็นเรื่องที่น่าเกรงขามยิ่งนัก ในโลกนี้ไม่มีสิ่งใดที่จะวิเศษ สง่างาม ยิ่งใหญ่ไปกว่านี้แล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้ ดังนั้นในขั้นตอนของการบำเพ็ญปฏิบัติจึงจำเป็นต้องเข้มงวดกวดขันกับผู้ฝึกทุกคน ยิ่งกว่านั้นการยกระดับในแต่ละระดับชั้น จำเป็นต้องบรรลุมาตรฐานอย่างแน่นแฟ้น ดูจากสภาพการณ์โดยรวม ศิษย์ผู้บำเพ็ญปฏิบัติต้าฝ่านั้นได้มาตรฐาน แต่ก็มีบางคนซึ่งยังไม่ได้ขจัดจิตยึดติดต่างๆ ทิ้งไป แต่ยุ่งวุ่นวายอยู่ด้วย เปลือกนอกก็พูดว่าต้าฝ่าดี แท้จริงกลับไม่บำเพ็ญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้กระแสนิยมในปัจจุบัน ต่างพากันพูดว่าต้าฝ่าดี ตั้งแต่สังคมชั้นสูงลงมาจนถึงชาวบ้านทั่วไปก็บอกว่าดี บางรัฐบาลก็บอกว่าดี ทุกคนต่างพากันพูดตามว่าดี เช่นนั้นพวกไหนที่จริงใจ พวกไหนที่โอนอ่อนไปตามสถานการณ์ พวกไหนที่ปากบอกว่าดี แท้จริงกำลังบ่อนทำลาย หากพวกเราลองปรับเปลี่ยนสถานการณ์สังคมคนธรรมดาสามัญกันดู กลับกระแสความนิยมไปอีกสภาพหนึ่ง แล้วดูซิว่ายังมีใครจะพูดว่าต้าฝ่าดี ดูซิว่าสภาวะจิตใจของใครจะแปรเปลี่ยน เช่นนี้มิปรากฏได้ชัดแจ้งหรอกหรือ

                หลังจากเกิดเรื่อง “กวงหมิงยึเป้า” จนถึงบัดนี้ ศิษย์ต้าฝ่าทุกคนต่างแสดงบทบาทของตน บางคนแน่วแน่บำเพ็ญจริงจัง เพื่อชื่อเสียงของต้าฝ่า บางคนทำหนังสือแสดงความคิดเห็นออกมาแบบตรงไปตรงมา บางคนออกมารู้สึกไม่ยุติธรรมต่อการรายงานแบบไม่รับผิดชอบ แต่ก็มีบางคนภายใต้สถานการณ์ที่ลำบาก ไม่บำเพ็ญและค้นหาจากภายใน กลับสร้างความแตกแยก ทำให้สถานการณ์ในขณะนี้ซับซ้อนมากยิ่งขึ้น และมีบางคนกลัวชื่อเสียงและผลประโยชน์ตัวเองจะเสียหายก็ไม่บำเพ็ญ และมีบางคนไม่คำนึงถึงความมั่นคงของต้าฝ่าคอยกุเรื่องราววิชาสายย่อยที่ไม่จริง เพิ่มองค์ประกอบของการบ่อนทำลายฝ่าให้เลวร้ายยิ่งขึ้น และมีผู้รับผิดชอบส่วนหนึ่งในแต่ละแห่ง วิเคราะห์สถานการณ์ต้าฝ่าด้วยอุปนิสัยความเคยชินที่ไม่ดี ซึ่งสะสมมาจากการต่อสู้ตามวิถีทางการเมืองโดยดูแนวโน้มของสังคม แล้วนำปัญหาที่เกิดขึ้นเฉพาะที่ มารวมเข้าด้วยกัน เข้าใจว่าได้เกิดแนวโน้มอะไรของสังคม และตั้งใจถ่ายทอดไปสู่ผู้ฝึก แม้ว่าจะมีสาเหตุต่างๆกัน แต่ยังมีอะไรที่จะบ่อนทำลายต้าฝ่าได้ร้ายแรงไปกว่านี้อีก ยิ่งกว่านั้น ยังมีบางคนกุข่าวเพื่อก่อเรื่องด้วยจิตมาร กลัวว่าจะไม่ยุ่งเหยิงพอ

                ต้าฝ่าเป็นของจักรวาล เชื่อมต่อลงมาถึงสังคมคนธรรมดาสามัญ การถ่ายทอดต้าฝ่าที่ใหญ่ขนาดนี้ออกมา ทุกสิ่งทุกอย่างจะไม่ตระเตรียมไว้ได้อย่างไร เรื่องราวที่เกิดขึ้นมิใช่กำลังทดสอบซินซิ่งของต้าฝ่าตี้    จื่อหรอกหรือ อะไรคือบำเพ็ญ ท่านพูดว่าดี ฉันพูดว่าดี ทุกคนต่างพูดว่าดี นั่นสามารถจะเห็นใจของคนหรือ ก็คือต้องดูใจคนว่าเป็นอย่างไรในช่วงเวลาสำคัญ จิตใจบางอย่างไม่ขจัดทิ้งไป แม้แต่พระพุทธก็ยังกล้าที่จะทรยศ นี้เป็นปัญหาเล็กหรือ บางคนกลัว กลัวอะไร ศิษย์ทั้งหลาย พวกท่านมิใช่เคยได้ฟังข้าพเจ้าพูดหรอกหรือว่า คนๆหนึ่งเมื่อบำเพ็ญสำเร็จอรหันต์ ในใจเกิดความกลัวแล้วตกลงมา จิตใจของคนธรรมดาสามัญอะไร ล้วนต้องขจัดทิ้งไปให้หมด ศิษย์บางคนพูดว่า “กลัวอะไร ศีรษะหลุดไป ร่างกายก็ยังนั่งสมาธิอยู่” เปรียบเทียบกันแล้ว บำเพ็ญอย่างไรมองปราดเดียวก็รู้ แน่นอนมีผู้รับผิดชอบบางคนจิตใจกังวลต่อความปลอดภัยของต้าฝ่า นี่เป็นอีกกรณีหนึ่ง

                เราต้องการบอกให้ศิษย์ที่บำเพ็ญไม่ก้าวหน้าได้เห็นถึงข้อบกพร่องของตัวเอง ให้พวกที่ยุ่งวุ่นวายอยู่ด้วยได้เผยออกมา ให้พวกที่ตบตาบ่อนทำลายได้เปิดโปงออกมา ให้ศิษย์บำเพ็ญจริงบำเพ็ญหยวนหมั่น

หลี่ หงจื้อ

1996.8.28

 

 

49.  บำเพ็ญปฏิบัติไม่ใช่การเมือง

                มีผู้ฝึกบางคนไม่พอใจต่อสภาพสังคม ต่อสภาพการเมือง ด้วยจิตยึดติดที่รุนแรงไม่ปล่อยวางเช่นนี้ ครั้นมาศึกษาต้าฝ่าของเรา ถึงกับคิดจะใช้ต้าฝ่าไปเกี่ยวข้องกับการเมือง นี้คือพฤติกรรมของจิตใจสกปรกที่ดูหมิ่นต่อพระพุทธ ดูหมิ่นฝ่า ถ้าหากไม่ขจัดจิตใจเช่นนี้ทิ้งไป จะไม่หยวนหมั่นอย่างแน่นอน

                ข้าพเจ้าได้เน้นแล้วเน้นอีกในระหว่างการบรรยายว่า รูปแบบของสังคมคนธรรมดาสามัญ ไม่ว่าจะเป็นระบบสังคมและการเมืองอะไร ล้วนแต่ถูกกำหนดไว้ทั้งสิ้น เป็นลิขิตของสวรรค์ ผู้บำเพ็ญปฏิบัติไม่จำเป็นต้องไปยุ่งกับเรื่องของคนในโลก ยิ่งต้องไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับการต่อสู้แย่งชิงทางการเมือง สังคมปฏิบัติต่อพวกเราอย่างไร นั่นไม่ใช่กำลังทดสอบจิตใจของคนบำเพ็ญ(คนบำเพ็ญปฏิบัติ)หรอกหรือ ไม่สามารถพูดได้ว่าพวกเราถูกดึงเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง

                รูปแบบการบำเพ็ญปฏิบัติต้าฝ่าของพวกเราก็เป็นเช่นนี้ ไม่อิงกับอิทธิพลทางการเมืองของในประเทศและต่างประเทศ พวกที่มีอิทธิพลไม่ใช่ผู้บำเพ็ญปฏิบัติ แน่นอนไม่สามารถให้ดำรงตำแหน่งเป็นผู้รับผิดชอบต่องานของต้าฝ่า ไม่ว่าจะในนามหรือในทางปฏิบัติ

                ศิษย์ทั้งหลาย พวกท่านต้องจำไว้ พวกเราคือผู้บำเพ็ญจริง คือผู้ปล่อยวางต่อชื่อเสียง ลาภยศ ผลประโยชน์ อารมณ์(ฉิง) ระบบสังคมจะเป็นอย่างไร มีอะไรเกี่ยวข้องกับการบำเพ็ญปฏิบัติของพวกเรา บำเพ็ญจนการยึดติดไม่หลงเหลือตกหล่นจึงจะสามารถหยวนหมั่น ผู้บำเพ็ญปฏิบัติคนหนึ่งนอกจากจะปฏิบัติหน้าที่การงานของตนให้ดีแล้ว จะไม่สนใจต่อการเมือง และอำนาจทางการเมือง มิเช่นนั้นก็ไม่ใช่ศิษย์ของข้าพเจ้าอย่างแน่นอน

                พวกเราสามารถช่วยให้ผู้บำเพ็ญปฏิบัติได้ฝ่าสำเร็จเจิ้งกั่ว(มรรคผลถูกต้อง) ยังสามารถช่วยหันเหจิตใจคนในสังคมไปสู่ความดี เป็นประโยชน์ต่อความมั่นคงของสังคมมนุษย์ แต่ต้าฝ่าไม่ใช่เพื่อสังคมมนุษย์จึงถ่ายทอดออกมา หากแต่เพื่อให้พวกท่านสามารถบำเพ็ญหยวนหมั่น

หลี่ หงจื้อ

1996.9.3

 

50.  ผู้รับผิดชอบก็คือผู้บำเพ็ญปฏิบัติ

                หัวหน้าศูนย์แต่ละแห่งของเราต่างสามารถทำงานเพื่อต้าฝ่าด้วยความทรหดอดทน แต่ก็มีหัวหน้าศูนย์จำนวนมาก ก็คือความสัมพันธ์ระหว่างหัวหน้าด้วยกันไม่ดี จนเกิดปัญหาทำงานไม่ประสานกัน สร้างความเสียหายอย่างมากต่อภาพลักษณ์ของต้าฝ่าในใจของคน มีคนถามข้าพเจ้าว่า เป็นเพราะความสามารถไม่ถึงใช่หรือไม่ ข้าพเจ้าว่านี้เป็นการพูดของคนธรรมดาสามัญ สาเหตุสำคัญคือหัวหน้าศูนย์ รองหัวหน้าศูนย์ต่างก็เป็นผู้บำเพ็ญปฏิบัติ ก็มีจิตยึดติดที่ปล่อยวางไม่ได้ จำเป็นต้องมีสภาพแวดล้อมให้ท่านได้ขจัดจิตใจของพวกท่าน และในเวลาที่ความขัดแย้งเกิดขึ้นระหว่างหัวหน้าศูนย์ด้วยกัน โดยมากพวกท่านมักจะใช้คำพูดว่า“ทำงานไม่ประสานกัน”เป็นต้น ใช้งานของต้าฝ่ามาเป็นข้ออ้าง ผลักความขัดแย้งออกไป โดยไม่ใช้โอกาสอันดีนี้เป็นประโยชน์ค้นหาจากภายใน ยกระดับให้สูงขึ้นมา ไม่ขจัดจิตใจของท่านทิ้งไป ไม่ยกระดับขึ้นมา ครั้งต่อไปความขัดแย้งยังจะเกิดขึ้นอีก นี่ก็จะรบกวนต่องานของต้าฝ่าจริงๆ พวกท่านทราบหรือไม่ ความขัดแย้งระหว่างพวกท่านหัวหน้าศูนย์ เป็นสิ่งที่ข้าพเจ้าจัดเตรียมไว้เพื่อให้ท่านได้ยกระดับสูงขึ้น ท่านกลับเอางานของต้าฝ่ามาบดบังจิตใจที่ท่านสมควรต้องยกระดับ แต่กลับไม่ได้ยกระดับจิตใจให้สูงขึ้น แต่เมื่อความขัดแย้งขยายใหญ่ขึ้น ก้าวข้ามไปไม่ได้ ท่านก็โอดครวญกับข้าพเจ้าถึงความยากลำบากในความคิดของท่าน ณ เวลานั้น ท่านทราบหรือไม่ว่าข้าพเจ้าคิดอย่างไร ไม่ใช่เพราะท่านเป็นหัวหน้าศูนย์ ทำงานเพื่อต้าฝ่า ท่านไม่ต้องยกระดับซินซิ่งก็จะสามารถหยวนหมั่น ผู้ฝึกต่างสามารถรับรู้ได้ว่า ในความขัดแย้งก็คือกำลังยกระดับซินซิ่ง แล้วทำไมหัวหน้าศูนย์จึงไม่สามารถ เมื่อความขัดแย้งมาถึง เพื่อให้ยกระดับให้สูงขึ้น ไม่กระทบถึงจิตใจของท่านย่อมไม่ได้เช่นกัน งานของต้าฝ่าก็คือโอกาสอันดีที่จะให้ท่านได้ยกระดับซินซิ่งให้สูงขึ้นนั่นเอง

                เหตุใดข้าพเจ้าเขียนบทความนี้ให้พวกท่านโดยเฉพาะ เพราะการกระทำ คำพูดของพวกท่านทุกบททุกตอนนั้น จะส่งผลกระทบต่อผู้ฝึก ถ้าตัวเองบำเพ็ญได้ดี ก็จะเผยแพร่ต้าฝ่าให้กว้างไกลในพื้นที่ได้ดี เหล่าผู้ฝึกก็จะบำเพ็ญได้ดียิ่งขึ้น มิเช่นนั้น จะบ่อนทำลายฝ่า เพราะพวกท่านล้วนเป็นบุคคลชั้นนำของต้าฝ่าในชั้นของคนธรรมดาสามัญนี้ ข้าพเจ้าจะให้พวกท่านเพียงแต่ทำงานโดยไม่ให้ท่านหยวนหมั่นไม่ได้

หลี่ หงจื้อ

1996.9.3

 

51.  อะไรคือบำเพ็ญปฏิบัติ

                พูดถึงบำเพ็ญปฏิบัติ คนจำนวนมากก็จะคิดว่าฝึกการเคลื่อนไหว นั่งสมาธิ ฝึกร่ายมนต์ท่องคาถา ก็คือการบำเพ็ญปฏิบัติ ก็สามารถสำเร็จเป็นเทพ เป็นพระพุทธ ได้เต๋าแล้ว แท้ที่จริงนี้ไม่ใช่การบำเพ็ญปฏิบัติ แต่เป็นการฝึกศาสตร์ความสามารถบนโลกนั่นเอง

                เช่นนั้นในศาสนาจะให้ความสำคัญกับการบำเพ็ญ เรียกว่าการบำเพ็ญตบะ นี่ก็เป็นการเดินเข้าสู่อีกสุดขั้วหนึ่ง ผู้ออกบวชขยันหมั่นเพียรท่องคัมภีร์ คิดว่าการเข้าใจคัมภีร์ได้มากน้อยคือวิธีหยวนหมั่น แท้ที่จริงในช่วงที่องค์ศากยมุนี พระเยซู รวมทั้งเหลาจื่อ มีชีวิตอยู่บนโลก ไม่มีคัมภีร์ มีแต่การบำเพ็ญจริง และคำสอนที่อาจารย์กล่าวก็เพื่อจะชี้แนะการบำเพ็ญปฏิบัติ คนรุ่นหลังก็นำเอาสิ่งที่อาจารย์พูดไว้มาเขียนเป็นหนังสือโดยระลึกจากความทรงจำ เรียกว่าคัมภีร์ แล้วค่อยๆ ทำการศึกษาและวิจัยเป็นพุทธศึกษา ฝ่าศึกษา ไม่เหมือนเช่นในสมัยที่อาจารย์ยังมีชีวิตอยู่ บำเพ็ญจริงอย่างแท้จริง นำเอาฝ่าที่ท่านเหล่านี้สั่งสอนมาเป็นสิ่งชี้แนะของการบำเพ็ญจริง แต่กลับนำเอาการศึกษาคัมภีร์ ความรู้ทางศาสนามาเป็นการบำเพ็ญปฏิบัติ

                นี้คือบทเรียนแห่งประวัติศาสตร์ ศิษย์ผู้บำเพ็ญปฏิบัติฝ่าหลุนต้าฝ่าจงจำไว้ จะนำฝ่ามาตั้งเป็นวิชาความรู้ของคนธรรมดาสามัญ หรือของผู้ออกบวช โดยเพียงแต่ศึกษาวิจัยและไม่บำเพ็ญอย่างจริงจังไม่ได้โดยเด็ดขาด เหตุใดข้าพเจ้าบอกให้พวกท่านศึกษา อ่าน จดจำ“จ้วนฝ่าหลุน” วัตถุประสงค์คือเพื่อชี้แนะให้พวกท่านบำเพ็ญปฏิบัติ สำหรับผู้ที่ฝึกแต่การเคลื่อนไหวโดยไม่ศึกษาฝ่า โดยแท้จริงก็ไม่ใช่ศิษย์ต้าฝ่า มีแต่การศึกษาฝ่า บำเพ็ญจิตใจ บวกกับวิธีหยวนหมั่น --- ฝึกพลังกง เปลี่ยนแปลงแก้ไขจากธาตุแท้ของตนอย่างแท้จริง ซินซิ่งก็กำลังยกระดับสูงขึ้น ระดับชั้นก็กำลังยกระดับสูงขึ้น นี้จึงจะเป็นการบำเพ็ญปฏิบัติอย่างแท้จริง

หลี่ หงจื่อ

1996.9.6

 

52.  ต้าฝ่าบริสุทธิ์ดุจจินกัง(ร่างวัชระ) ตลอดกาล

                ศาสนากับการเมืองรวมกันไม่ได้ ผู้นำคนนั้นย่อมใส่ใจในเรื่องของฆราวาสในโลก ปากบอกว่าเพื่อหันเหจิตใจคนให้ใฝ่ดี กลับคืนสู่ดินแดนบริสุทธิ์ แต่จิตใจย่อมชั่วร้ายแสร้งเมตตา สิ่งที่แสวงหาย่อมเป็นชื่อเสียงและผลประโยชน์ อำนาจคือสิ่งที่คนในโลกแสวงหา ชื่อเสียงคืออุปสรรคปราการใหญ่ต่อการไม่สามารถหยวนหมั่น นานๆเข้า คนผู้นั้นก็จะกลายเป็นผู้นำของลัทธินอกรีต เพราะวัตถุประสงค์ของศาสนาคือสอนคนให้ใฝ่ดี สุดท้ายกลับคืนสู่โลกแห่งสวรรค์ หลักการของฝ่าที่สอนย่อมต้องสูงกว่าหลักการของสังคมมนุษย์ หากนำไปใช้กับการเมืองในโลก ก็จะเป็นการบ่อนทำลายฝ่าของสวรรค์อย่างร้ายแรงที่สุด เทพ พระพุทธจะถูกชักนำด้วยจิตยึดติดของคน เพื่อเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองอันสกปรกของสังคมคนธรรมดาสามัญ และการต่อสู้แย่งชิงอำนาจได้อย่างไร นี้คือการกระทำของคนภายใต้การชักนำของจิตมาร ศาสนาที่เป็นเช่นนี้แน่นอนจะถูกรัฐบาลนำไปยุ่งเกี่ยวกับความรุนแรงและก่อสงครามศาสนา จากนั้นกลายเป็นลัทธินอกรีต ยังความอันตรายและให้ร้ายต่อมนุษยชาติ

                “ศาสนาประชาชน” ก็ทำไม่ได้เช่นกัน 1.มันง่ายที่แก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อบัญญัติของศาสนา และกลายเป็นทฤษฎีของสังคมคนธรรมดาสามัญ 2.มันง่ายที่จะกลายเป็นเครื่องมือทางการเมือง บ่อนทำลายภาพลักษณ์ของศาสนา 3.ผู้นำศาสนาจะกลายเป็นนักการเมือง ทำให้ศาสนาเดินสู่ช่วงสุดท้ายของธรรมะ ครั้นแล้วกลายเป็นลัทธินอกรีต

                ฝ่าหลุนต้าฝ่าไม่ใช่ศาสนา แต่คนในอนาคตจะเข้าใจว่าเป็นศาสนา วัตถุประสงค์ที่ถ่ายทอดให้แก่พลโลกเพื่อให้บำเพ็ญปฏิบัติ แต่ไม่ใช่เพื่อจัดตั้งเป็นศาสนา คนที่ศึกษาต้าฝ่ามีมากได้ แต่ไม่สามารถทำจนประชาชนทั้งประเทศเป็นศาสนิกชน ทุกๆคนต่างเข้าร่วมกิจกรรมของการบำเพ็ญปฏิบัติอย่างเป็นเอกภาพ การบำเพ็ญปฏิบัติต้าฝ่าเป็นไปอย่างอิสระตลอดไป ไม่สามารถบังคับ ลากผู้ใดให้มาร่วมบำเพ็ญปฏิบัติ

                ประวัติศาสตร์ในอนาคต ไม่ว่ายุคสมัยใดก็ไม่สามารถให้รัฐบาลใดๆ นำไปใช้เป็นประโยชน์อย่างเด็ดขาด ต้าฝ่าสามารถหันเหจิตใจคนให้ใฝ่ดี และทำให้สังคมมั่นคง แต่ต้าฝ่าไม่ใช่เพื่อจะปกปักษ์รักษาสิ่งเหล่านี้ของสังคมคนธรรมดาสามัญจึงถ่ายทอดอย่างแน่นอน ศิษย์ทั้งหลายจงจำ ในอนาคตไม่ว่าจะมีแรงกดดันทางการเมืองและอำนาจอิทธิพลใหญ่เพียงใด ก็ไม่สามารถให้อำนาจอิทธิพลทางการเมืองนำไปใช้เป็นประโยชน์

                ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองตลอดไป ไม่แทรกแซงเรื่องของประเทศ บำเพ็ญจริงใฝ่ความดีงาม ยืนหยัดรักษาความบริสุทธิ์ของต้าฝ่าตลอดไปไม่เปลี่ยนแปลง จินกังไม่สลาย คงอยู่ตลอดกาลนาน

หลี่ หงจื้อ

1996.9.7

 

 

53.  เข้าใจอีกครั้ง

                เกี่ยวกับปัญหาจิตพุทธและจิตมาร ข้าพเจ้าได้อธิบายจนไม่มีอะไรจะชัดแจ้งไปกว่านี้แล้ว อันที่จริง ด่านที่พวกท่านข้ามก็คือกำลังขจัดจิตมารของพวกท่าน! แต่ครั้งแล้วครั้งเล่า พวกท่านใช้ข้ออ้างต่างๆนานา หรือใช้ต้าฝ่าบดบังให้ผ่านพ้นไป ซินซิ่งไม่ได้ยกระดับสูงขึ้น พลาดโอกาสไปครั้งแล้วครั้งเล่า

                พวกท่านรู้ไหม ขอเพียงท่านเป็นผู้บำเพ็ญปฏิบัติคนหนึ่ง ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพแวดล้อมอะไร ภายใต้สถานการณ์เช่นไร ความยุ่งยากใดๆ และเรื่องที่ไม่เป็นที่พอใจอะไร แม้กระทั่งการทำงานเพื่อต้าฝ่า ต่อให้พวกท่านเห็นว่าเป็นเรื่องที่ดีเพียงใด เป็นเรื่องที่ศักดิ์สิทธิ์เช่นไร ข้าพเจ้าก็จะนำมาใช้เพื่อขจัดจิตยึดติดของพวกท่าน เปิดโปงจิตมารของพวกท่านออกมา ขจัดมันทิ้งไป เพราะการยกระดับของพวกท่านจึงจะเป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่ง

                หากสามารถยกระดับขึ้นมาจริงๆ สิ่งที่พวกท่านทำภายใต้สภาวะจิตที่บริสุทธิ์และสะอาด จึงจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด จึงจะศักดิ์สิทธิ์ที่สุด

หลี่ หงจื้อ

1996.9.9

 

54.  คำเตือน

                ข้าพเจ้าถ่ายทอดต้าฝ่ามาเป็นเวลาสี่ปีแล้ว มีผู้ฝึกส่วนหนึ่งซิ่นซิ่งและอาณาจักรเขตแดนยกระดับสูงขึ้นช้ามาก ยังคงหยุดอยู่ ณ ขั้นตอนการรับรู้ด้วยประสาทสัมผัสในการเข้าใจต่อข้าพเจ้าและต้าฝ่า โดยจะรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณต่อข้าพเจ้าเสมอ จากการเปลี่ยนแปลงของร่างกายและความสามารถปรากฏ นี้คือความเข้าใจของคนธรรมดาสามัญ พวกท่านไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงสภาวะของคน เลื่อนระดับบนพื้นฐานของความมีเหตุผลไปสู่การเข้าใจต่อต้าฝ่าอย่างแท้จริง พวกท่านก็จะพลาดโอกาส พวกท่านไม่เปลี่ยนแปลงหลักการของคน ซึ่งก่อเกิดอยู่ในกระดูกของคนธรรมดาสามัญมานับพันนับร้อยปี พวกท่านจึงไม่สามารถสลัดเปลือกนอกชั้นนี้ของคนทิ้งไป ก็จะไม่สามารถหยวนหมั่น ไม่สามารถรอแต่จะให้ข้าพเจ้าสลายกรรมให้พวกท่าน โดยพวกท่านไม่ยกระดับสูงขึ้นในฝ่าอย่างแท้จริง กระโดดออกจากความเข้าใจ ทัศนะความคิดของคน รูปแบบความคิด ความเข้าใจ ความซาบซึ้งในบุญคุณของพวกท่านที่มีต่อข้าพเจ้าและต้าฝ่า ล้วนเป็นการแสดงออกทางความคิดของคนธรรมดาสามัญ ในขณะที่ข้าพเจ้าพร่ำสอนให้พวกท่านกระโดดออกจากคนธรรมดาสามัญ เข้าใจต้าฝ่าอย่างแท้จริงบนพื้นฐานของความมีเหตุผล

                ในการบำเพ็ญปฏิบัติ พวกท่านไม่ใช่ยกระดับสูงขึ้นอย่างจริงๆจังๆด้วยตัวเองอย่างแท้จริง เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงบนธาตุแท้จากภายใน แต่กลับจะอาศัยกำลังของข้าพเจ้า ยืมใช้กำลังอันแข็งแกร่งจากปัจจัยภายนอก นี้ไม่สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงธาตุแท้ของตัวท่านให้แปรเปลี่ยนเป็นจิตพุทธได้ตลอดไป หากพวกท่านทุกคนต่างสามารถเข้าใจฝ่าจากภายในจิตใจ นั่นจึงจะเป็นปรากฏการณ์ของฝ่าอันมีอานุภาพอันไร้ขอบเขต -- การปรากฏของฝอฝ่าอันแข็งแกร่งและยิ่งใหญ่อีกครั้งในโลกมนุษย์

หลี่ หงจื้อ

1996.9.10

 

55.  หลักธรรมใหญ่ขโมยไม่ได้

                ศิษย์ทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอบอกอีกครั้ง การถ่ายทอดต้าฝ่าให้แก่คนคือความเมตตากรุณาต่อคนอย่างใหญ่หลวงที่สุด นี้เป็นเรื่องที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนนับเป็นร้อยๆล้านปี! แต่มีบางคนไม่รู้จักทะนุถนอม ยังมีบางคนคิดจะเปลี่ยนแปลงฝ่า หรือท่าการเคลื่อนไหวให้เป็นสิ่งที่เป็นของเขาเอง หรือเป็นของชนชาติของพวกเขา เป็นของประเทศของพวกเขา ลองคิดดู พวกท่านไม่รู้สึกว่าผิด เป็นเพราะยึดติดในผลประโยชน์ของตัวเอง หรือเพื่อชนชาติของพวกท่านอย่างนั้นอย่างนี้เป็นต้น นี้คือความเข้าใจของคนธรรมดาสามัญ ถ้าปฏิบัติต่อสิ่งของในสังคมคนธรรมดาสามัญ ทำได้ แต่นี่ไม่ใช่สิ่งของ ของคนธรรมดาสามัญ ไม่ใช่เพื่อให้ชนชาติของพวกท่านเป็นอย่างไรจึงถ่ายทอด นี้คือต้าฝ่าแห่งจักรวาล มูลฐานของฝอฝ่า ถ่ายทอดให้แก่คนเพื่อให้คนได้รับการช่วยเหลือให้หลุดพ้น ท่านกลับเปลี่ยนแปลงฝ่าที่ใหญ่ขนาดนี้... หากเปลี่ยนแปลงแม้เพียงเล็กน้อยบาปก็จะใหญ่หลวงเท่าฟ้า พวกท่านอย่าได้มีความคิดชั่ว เพียงเพราะยึดติดต่อสังคมคนธรรมดาสามัญ อันตรายยิ่งนัก!

                พวกท่านรู้ไหม หลายปีมานี้มีผู้ฝึกบางคนตายไปอย่างกะทันหัน ในจำนวนนั้นบางคนตายก็เนื่องมาจากการทำเช่นนี้ พวกท่านอย่าได้คิดว่าอาจารย์จะทำอะไรต่อท่าน ต้องรู้ว่ามีเทพผู้พิทักษ์ฝ่าในแต่ละระดับชั้นนับจำนวนไม่ถ้วน หน้าที่ของพวกเขาก็คือคอยปกป้องฝ่า ยิ่งกว่านั้นมารก็จะไม่ปล่อยท่าน เพราะท่านบำเพ็ญฝ่าถูกต้องท่านจึงรอดพ้นจากกรรมที่ติดค้างไว้ในชาติก่อนๆ เมื่อท่านตกลงมาเป็นคนธรรมดาสามัญแล้ว ไม่มีคนคอยปกป้องท่าน มารก็จะมาทวงชีวิตท่าน! ต่อให้ขอพระพุทธ เต๋า เทพ องค์อื่นๆ ช่วยปกป้องก็ไร้ประโยชน์ พวกเขาจะไม่ปกป้องคนที่บ่อนทำลายฝ่า และกรรมก็ยังจะหวนกลับมาสู่ร่างกายท่าน

                คนบำเพ็ญขึ้นมาลำบาก แต่ตกลงไปง่ายเหลือเกิน หนึ่งด่านข้ามไปไม่พ้น หรือไม่สามารถปล่อยวางจิตยึดติดอันแรงกล้าของคนธรรมดาสามัญ ก็อาจเดินไปยังด้านตรงข้าม บทเรียนในประวัติศาสตร์มีมากมาย เมื่อตกลงมาแล้วจึงรู้สึกสำนึกผิด แต่ก็สายเกินไป

หลี่ หงจื้อ

1996.9.22 (ณ กรุงเทพฯ)

 

56.  อะไรคือรู้แจ้ง (ไคอู้)

รู้แจ้ง(ไคอู้) ก็เรียกว่าปัญญาเกิด ในต้าฝ่าพวกเราเรียกว่าไคกง(พลังกงเปิด) หมายความว่าคนผู้นั้นได้บำเพ็ญหยวนหมั่น(สำเร็จสมบูรณ์)แล้ว สำเร็จขั้นตอนทั้งหมดของการบำเพ็ญปฏิบัติ พร้อมที่จะไปโลกแห่งสวรรค์แล้ว

                เช่นนั้นผู้บรรลุรู้แจ้งแล้ว มีสภาวะเป็นเช่นไร ผู้บำเพ็ญสำเร็จพระพุทธก็คือพระพุทธแล้ว ผู้บำเพ็ญสำเร็จโพธิสัตว์ก็คือโพธิสัตว์แล้ว ผู้บำเพ็ญสำเร็จอรหันต์ก็คืออรหันต์แล้ว และผู้บำเพ็ญสำเร็จเต๋าก็คือเต๋า ผู้บำเพ็ญสำเร็จเทพก็คือเทพ เพราะผู้รู้แจ้งบางคนหลังจากหยวนหมั่นแล้ว ยังต้องอยู่ในสังคมคนธรรมดาสามัญเพื่อปฏิบัติภารกิจบางอย่าง หรือปฏิบัติตามปณิธานให้ลุล่วงไป ดังนั้นจึงยังต้องใช้ชีวิตอยู่ในหมู่คนธรรมดาสามัญสักระยะหนึ่ง แต่การใช้ชีวิตอยู่ในหมู่คนธรรมดาสามัญเช่นนี้ สำหรับพวกเขาแล้วเป็นเรื่องที่ลำบากมาก เนื่องจากอาณาจักรเขตแดนความคิดของพวกเขากับของคนธรรมดาสามัญช่างแตกต่าง ห่างไกลกันยิ่งนัก ในความคิดของคนธรรมดาสามัญ ทั้งหมดเต็มไปด้วยความคิดชั่วร้าย เช่นความยึดติดที่รุนแรงและความเห็นแก่ตัว ความคิดสกปรก เจ้าเล่ห์เพทุบายเป็นต้น พวกเขาสามารถล่วงรู้ได้อย่างชัดเจน ยิ่งกว่านั้นในเวลาเดียวกันยังสามารถล่วงรู้ถึงกิจกรรมทางความคิดที่เล็กมากๆ ของคนนับหมื่นนับพัน อีกทั้งทุกหนทุกแห่งในสังคมคนธรรมดาสามัญล้วนเต็มไปด้วยกรรมและเชื้อไวรัส ยังมีสิ่งที่ไม่ดีต่างๆอีกมากมายที่คนไม่รู้ ล่องลอยและกระจัดกระจายอยู่ในอากาศ พวกเขาต่างมองเห็นได้อย่างชัดเจน ปัจจุบันในยุคปลายกัลป์สังคมมนุษย์มีกรรมใหญ่หลวง ในการหายใจ ผู้คนต่างสูดเอากรรมเป็นปริมาณมาก เชื้อไวรัสและก๊าซพิษเข้าไป โลกของคนธรรมดาสามัญนี้ สำหรับพวกเขาแล้วอยู่ได้อย่างยากลำบากจริงๆ

                เช่นนั้นพวกเขามีลักษณะเป็นเช่นไร นี่ก็เป็นสิ่งที่เหล่าผู้ฝึกที่ยึดติดในสิ่งนี้คาดเดากันไปต่างๆนานา พวกท่านอย่าได้เฝ้าดูว่าคนนี้เหมือนบรรลุรู้แจ้งแล้ว คนนั้นเหมือนบรรลุหยวนหมั่นแล้ว จงทุ่มเทใจกับการบำเพ็ญจริงให้ก้าวรุดหน้า บรรลุหยวนหมั่นโดยเร็ว จะเฝ้าดูคนอื่นเพื่ออะไร อันที่จริงโดยมากผู้ที่บรรลุรู้แจ้งแล้วต่างจะไม่แสดงตน มักจะเป็นศิษย์ผู้บำเพ็ญจริงจังอย่างเงียบๆ มีระดับอายุต่างๆกัน มองดูไม่แตกต่างจากคนธรรมดาทั่วไป เป็นไปได้มากที่จะไม่เป็นที่สะดุดตาคน แม้ว่าพวกเขามีอิทธิฤทธิ์ทุกอย่าง ความสามารถแปรเปลี่ยน พวกเขากลับพบว่าแท้จริงแล้วคนเหมือนกับสิ่งมีชีวิตเล็กๆชั้นต่ำ ไม่คู่ควรที่พวกเขาจะนำออกใช้ ยิ่งกว่านั้นคนเห็นแล้วก็จะเกิดความเข้าใจ ความคิดระดับความสามารถต่ำในแบบต่างๆของคน ปฏิบัติต่อสิ่งเหล่านี้ด้วยจิตยึดติด จิตยินดีของคน ซึ่งไม่สามารถทำให้ผู้รู้แจ้งยอมรับได้ คนธรรมดาสามัญยากที่จะเข้าใจความหมายที่ครอบคลุมอยู่ภายในของอิทธิฤทธิ์แห่งฝอฝ่าอันยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง

                เวลานี้มีผู้ฝึกบางคนที่ชอบยุ่งวุ่นวายและไม่มุ่งมั่นที่จะพัฒนาให้ก้าวรุดหน้า เที่ยวค้นหาว่าใครที่บรรลุรู้แจ้ง(ไคอู้)แล้วเป็นต้น พวกท่านลองคิดดู ผู้บรรลุรู้แจ้งเขาคือพระพุทธแล้ว มีทุกสิ่งทุกอย่างที่พระพุทธมี จะสามารถให้คนรู้จักอย่างง่ายๆ ตามอำเภอใจได้หรือ จะให้คนรู้จักพระพุทธได้อย่างไร เวลาที่พวกท่านเที่ยวค้นหาพวกเขา จิตยึดติด จิตอยากเอาชนะ จิตโอ้อวด จิตชอบยุ่งวุ่นวาย ปะปนด้วยจิตแสวงหา ในเวลาเดียวกันก็เป็นการรบกวนผู้ฝึกที่บำเพ็ญปฏิบัติด้วยจิตใจสงบ ด้วยเหตุนี้ พวกเขามีความรู้สึกอย่างไร พวกท่านรู้ไหม สำหรับพวกเขาแล้ว การกระทำ ความคิดที่มีจุดมุ่งหมายของคนจะทำให้พวกเขารู้สึกทนไม่ได้

                เพราะเวลานี้มีผู้ฝึกส่วนหนึ่งมาจากระดับชั้นสูงมากเพื่อมาได้ฝ่า ดังนั้นพวกเขาจะรู้แจ้ง(ไคอู้)อย่างรวดเร็วมาก ที่ข้าพเจ้าบอกว่าให้เวลาผู้ฝึกบำเพ็ญปฏิบัติ 2 ปีนั้นหมายถึงศิษย์ส่วนนี้ แต่ศิษย์ทั้งหมดในต้าฝ่าของเรายกระดับชั้นสูงขึ้นได้เร็วมากจริงๆ ในการบำเพ็ญอย่างจริงจัง และหลายๆคน ก็จะรู้แจ้ง(ไคอู้)อย่างรวดเร็ว เป็นสิ่งที่ผู้บำเพ็ญปฏิบัติในอดีตไม่อาจจะคาดคิดได้ หวังว่าทุกท่านจะสงบจิตสงบใจ ก้าวรุดหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง ด้วยความมุ่งมั่นตลอดไป หยวนหมั่นหนึ่งคน ข้าพเจ้ารับและส่งหนึ่งคน

หลี่ หงจื้อ

1996.9.26

 

57.  สร้างมนุษยชาติใหม่

                ความเป็นจริงที่คนธรรมดาสามัญเข้าใจ เป็นความเข้าใจอย่างโง่เขลาที่ได้พัฒนามาตามประวัติศาสตร์ และมายาภาพที่เกิดขึ้นจากวิทยาศาสตร์ที่ว่าด้วยการพิสูจน์ ไม่ใช่ปรากฏการณ์แท้จริงของความเป็นจริงอันยิ่งใหญ่ของจักรวาล และความเป็นจริงที่แท้จริงนั้น จะต้องนำมาซึ่งวิทยาศาสตร์ใหม่ๆและความเข้าใจใหม่ๆ หลักการของจักรวาลจะปรากฏอีกครั้งในโลกมนุษย์

                ความเห็นแก่ตัว ความโลภ ความโง่เขลา และความไม่รู้ของคน ประสานเข้ากับจิตดั้งเดิมอันดีงามของคน ก่อเกิดเป็นผลพวงของทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเขาเองจะต้องแบกรับอย่างรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ซึ่งกำลังกลืนสังคมอยู่ ปัญหาสังคมต่างๆมากมายเกิดขึ้นบนโลกอย่างไม่หยุดหย่อน วิกฤตการณ์รุมล้อมทั้ง 4 ด้าน มนุษยชาติไม่รู้ที่จะค้นหาสาเหตุจากจิตดั้งเดิมของตัวเอง ดูไม่ออกว่าเบื้องหลังการเสื่อมถอยของศีลธรรม จิตใจอันน่ากลัวของคน จึงจะเป็นรากเหง้าที่เป็นพิษของปัญหาสังคม พวกเขามักจะหาทางออกอย่างโง่เขลาจากสิ่งที่ปรากฏออกมาในสังคม เมื่อเป็นเช่นนี้คนจะไม่มีทางรู้เลยว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่ตัวเองก่อ สิ่งที่เรียกว่า ทางออกนั้น แท้จริงคนกำลังปิดล้อมตัวเอง ด้วยเหตุนี้จึงยิ่งไม่พบทางออก จากนั้นปัญหาที่ตามมาก็จะยิ่งเลวร้าย ด้วยความยากลำบากเขาก็พบช่องว่างเล็กน้อย จากนั้นเขาจะเลือกใช้วิธีการใหม่ และก็ปิดล้อมช่องว่างอันน้อยนิดที่เหลืออยู่นี้อีกครั้ง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เป็นเวลายาวนาน พอกพูนจนไม่เหลือช่องว่าง ไม่สามารถหาทางออกได้อีก มองไม่เห็นภาพจริงที่อยู่นอกวงล้อม คนก็เริ่มแบกรับทุกสิ่งที่ตัวเองก่อ นี่เป็นรูปแบบสุดท้ายในการกำจัดสิ่งมีชีวิตของจักรวาล

                ความเมตตาของเจ้าแห่งพุทธนั้นยิ่งใหญ่มหาศาล ได้ถ่ายทอดฝอฝ่าให้แก่คนแล้ว จักรวาลจะให้โอกาสแก่คนอีกครั้ง ให้ฝอฝ่าเปิดเผยความเป็นจริงอันแท้จริงของจักรวาลให้ปรากฏแก่คนในโลกอีกครั้ง ชะล้างสิ่งสกปรกและความโง่เขลาให้หมดไป ใช้ภาษาของมนุษยชาติ สร้างความโชติช่วงชัชวาลขึ้นมาอีกครั้ง ขอจงทะนุถนอม ฝอฝ่าอยู่ตรงหน้าพวกท่านแล้ว

หลี่ หงจื้อ

1996.9.28

 

58.  เปลี่ยนสภาพ

พฤติกรรมอันไม่ถูกต้องของคนทำงานทางศาสนา เป็นการฝ่าฝืนต่อความบริสุทธิ์ของคำปฏิญาณอย่างสิ้นเชิง ทำให้การไหว้วานฝากฝังของเทพผู้ดูแลก็กลายเป็นสิ่งไม่มีค่า ทำให้มนุษย์และเทพต่างรู้สึกตื่นตระหนก ผู้คนที่จิตใจดีงามยึดถือพวกเขาเป็นที่พึ่งเดียวที่มีอยู่ ว่า ตนจะได้รับการช่วยหรือไม่ ความผิดหวังทำให้ผู้คนนับวันก็ยิ่งหมดศรัทธาในศาสนา สุดท้ายพวกเขาก็หมดศรัทธาในเทพ ดังนั้นจึงทำความชั่วได้ทุกอย่างโดยไม่คำนึงถึงสิ่งใด พัฒนามาถึงทุกวันนี้ ผู้คนได้กลายเป็นคนที่เปลี่ยนสภาพโดยสิ้นเชิง จิตมารเผยออกมามาก ซึ่งทำให้เหล่าเทพหมดความเชื่อมั่นต่อมนุษย์ นี่เป็นสาเหตุสำคัญข้อหนึ่งว่า ทำไมเทพจึงไม่ดูแลมนุษย์

หลี่ หงจื้อ

1996.10.10

 

 

59.  จิตพุทธไม่รั่วตกหล่น

                ในการบรรยายฝ่า ข้าพเจ้าได้พูดหลายครั้งถึงการปรากฏของพระสูตรในศาสนาพุทธและช่วงสุดท้ายของธรรมะ ประเด็นสำคัญเนื่องมาจากสาเหตุที่มีคนใช้คำพูดของตัวเอง ความเข้าใจของตัวเองใส่เข้าไปในฝอฝ่า นี้เป็นบทเรียนครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ แต่มีศิษย์บางคน ไม่ขจัดจิตของคนธรรมดาสามัญทิ้งไป ถูกจิตมารใช้ มีจิตโอ้อวดยึดติดกับความสามารถทางคารม ความสามารถในงานประพันธ์ ครั้นแล้วบ่อนทำลายฝอฝ่าโดยไม่รู้ตัว

                ในระยะหลังๆนี้ มีคนมักจะนำเอาการที่ผู้ฝึก ได้พูดถึงข้อบกพร่องของตัวเองในอดีต ณ ที่ประชุมแลกเปลี่ยนประสบการณ์มาพูดเป็น“การเทน้ำสกปรก” ซึ่งเป็นการแก้ไขเปลี่ยนแปลงความหมาย ที่ครอบคลุมของการบำเพ็ญปฏิบัติอย่างสิ้นเชิง การบำเพ็ญเป็นเรื่องศักดิ์สิทธิ์ นี่ไม่ใช่เป็นเรื่องการทบทวนความคิดตัวเองและสำนึกผิดของคนธรรมดาสามัญ ศิษย์ทั้งหลาย พวกท่านจะไปนำเอาคำศัพท์อะไรมาให้ทุกคนใช้ ทุกคนพูด ตามอำเภอใจไม่ได้ นี่มิเป็นการกำลังเพิ่มเติม สิ่งที่เป็นของคนเข้าไปในต้าฝ่าหรอกหรือ ปีที่แล้วคำพูดสี่ประโยคที่ศูนย์ฝึกปักกิ่งพูดออกมา ข้าพเจ้าก็ได้เขียนบทความ“แก้ไขให้ถูกต้อง” เพื่อการนี้โดยเฉพาะ สมควรต้องระวังให้จงหนัก แน่นอนคำศัพท์สับสนยุ่งเหยิงอื่นๆ ก็ยังมีเผยแพร่กันอยู่ ทุกท่านลองคิดดู วันนี้เติมศัพท์หนึ่งคำ มะรืนนี้เติมอีกหนึ่งคำ นานๆเข้า ตึ้จื่อรุ่นต่อไปจะแยกไม่ออกว่าเป็นคำพูดของใคร อย่างช้าๆต้าฝ่าก็จะถูกแก้ไขเปลี่ยนแปลง

                ทุกท่านต้องเข้าใจให้แจ่มแจ้ง รูปแบบการบำเพ็ญที่ข้าพเจ้าทิ้งไว้ให้พวกท่านแก้ไขเปลี่ยนแปลงไม่ได้ สิ่งที่ข้าพเจ้าไม่ทำ พวกท่านก็อย่าทำ สิ่งที่ข้าพเจ้าไม่ใช้พวกท่านก็อย่าใช้ ข้าพเจ้าพูดอย่างไรในการบำเพ็ญ พวกท่านก็พูดอย่างนั้น พึงระวัง การแก้ไขเปลี่ยนแปลงฝอฝ่าโดยไม่รู้ตัวก็เป็นการบ่อนทำลายฝอฝ่าเช่นกัน

                ข้าพเจ้ายังขอบอกพวกท่าน อันที่จริงจิตดั้งเดิมในอดีตของพวกท่านนั้นสร้างขึ้นมาบนพื้นฐานของการเพื่อฉัน เพื่อส่วนตัว จากวันนี้ไปพวกท่านจะทำอะไร พูดอะไร ก็ต้องคิดถึงผู้อื่นก่อน บำเพ็ญจนไร้ความเห็นแก่ตัว ไร้ฉัน บรรลุการรู้แจ้งแท้จริงแห่งการ“เขาก่อน ฉันทีหลัง” ฉะนั้นจากวันนี้ไป ท่านจะทำอะไร พูดอะไรก็ต้องคำนึงถึงผู้อื่น ตลอดจนคำนึงถึงคนรุ่นต่อไป คำนึงถึงความไม่เปลี่ยนแปลงของต้าฝ่าตลอดไป

หลี่ หงจื้อ

1997.2.13

 

 

60.  มีสติ

                เกี่ยวกับวิธีทำงานของหัวหน้าศูนย์ฝึกในแต่ละพื้นที่ จะต้องพูดกันสักหน่อย ปฏิบัติตามข้อกำหนดของสมาคมใหญ่เป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่ต้องพิจารณาถึงวิธีการ ข้าพเจ้าพูดเสมอว่า ถ้าสิ่งที่คนๆหนึ่งพูดออกมา ทั้งหมดล้วนเพื่อเป็นผลดีแก่ผู้อื่น โดยไม่มีเป้าหมายและความเข้าใจของตัวเองแม้แต่น้อย คำพูดที่พูดออกมาจะทำให้อีกฝ่ายหนึ่งหลั่งน้ำตา ข้าพเจ้าไม่เพียงแต่สอนต้าฝ่าแก่พวกท่าน การทำตัวของข้าพเจ้าก็มอบไว้ให้แก่พวกท่านเป็นแบบอย่าง น้ำเสียง จิตเมตตาในการทำงาน บวกกับเหตุผลสามารถจะเปลี่ยนใจคน แต่คำสั่งไม่สามารถทำได้ตลอดไป ถ้าในใจคนไม่ยินยอม เพียงปฏิบัติตามแต่ภายนอก เช่นนั้นเวลาที่ไม่เห็นก็ยังจะปฏิบัติไปตามที่ตัวเองอยากจะทำ

                งานใดๆของต้าฝ่าล้วนมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้ได้ฝ่าและการยกระดับของศิษย์ ปราศจากสองข้อนี้ล้วนไม่มีความหมาย ฉะนั้นกิจกรรมใดๆ ล้วนต้องจัดทำให้สอดคล้องกับสภาพการณ์ของท้องถิ่นและผู้ฝึก ต้องไม่ทำเป็นกฎตายตัว ศึกษาต้าฝ่าล้วนเป็นเรื่องของความสมัครใจ นับประสาอะไรกับการทำกิจกรรม อันที่จริงหัวหน้าศูนย์ฝึกก่อนอื่นต้องเป็นผู้นำในการศึกษาฝ่า ตัวเองศึกษาไม่ดีก็จะทำงานได้ไม่ดี การประชุมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของศูนย์ช่วยฝึกสอนในแต่ละพื้นที่ จะจัดทำเป็นการประชุมตำหนิตัวเองไม่ได้โดยเด็ดขาด การพูดถึงประสบการณ์บำเพ็ญปฏิบัติต้าฝ่า “ฝ่าฮุ่ย”อันเข้มงวดจริงจังเช่นนี้ จะจัดให้เป็นที่แสดงเพื่อเปิดโปงด้านที่มืดมิดของสังคมไม่ได้โดยเด็ดขาด ยิ่งกว่านั้น ต้องไม่บีบบังคับให้ผู้ฝึกพูดถึงข้อบกพร่องและความผิดพลาดเมื่อครั้งที่เป็นคนธรรมดาสามัญ จนเกิดผลกระทบด้านลบอย่างร้ายแรง บ่อนทำลายชื่อเสียงของต้าฝ่า พวกท่านต้องรู้ว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ นี่เป็นการบำเพ็ญที่เข้มงวดจริงจัง การจัดประชุมแลกเปลี่ยนประสบการณ์นั้นเพื่อให้ผู้ฝึกยกระดับและเผยแพร่ต้าฝ่า ไม่ใช่เพื่อเผยแพร่ว่าผู้ฝึกของเราในอดีตไม่ดีอย่างไร เป็นการพูดเกี่ยวกับการบำเพ็ญต้าฝ่า ไม่ใช่การเทน้ำสกปรกอะไร งานที่พวกท่านทำให้กับต้าฝ่าไม่ไช่ว่าจะไม่เกี่ยวข้องกับการบำเพ็ญของตัวท่าน ในการทำงาน ทุกๆจุดล้วนมีองค์ประกอบของการยกระดับซินซิ่งของพวกท่านปรากฏอยู่ข้างใน ท่านไม่สามารถทำแต่งานเท่านั้น ก็ต้องหยวนหมั่นด้วย ข้าพเจ้ารู้พวกท่านบางคนอ่านหนังสือศึกษาฝ่าน้อยมาก บทความทั้งหลายที่ข้าพเจ้าเขียนให้พวกท่าน ซึ่งพวกท่านเรียกว่า“จิงเหวิน” ก็ไม่นำมาเปรียบเทียบกับตัวเอง อะไรคือ“จิงเหวิน” ก็คือบทความที่ต้องอ่านบ่อยๆ พวกท่านอ่านไหม ศึกษาฝ่ามากอีกสักหน่อย ไม่ต้องเกรงว่าจะทำงานได้ไม่ดี ข้าพเจ้าชี้ให้เห็นถึงสิ่งที่พวกท่านบกพร่อง เพื่อให้ต้าฝ่าพัฒนาอย่างแข็งแรง ให้มีปัญหาน้อยลง อันที่จริงต้าฝ่าก็กำลังเพิ่มพูนประสบการณ์ของพวกท่าน สร้างบุคคลชั้นสูงส่งของต้าฝ่า

หลี่ หงจื้อ

1997.6.13 ณ ฮ่องกง

 

61.  จดจำตลอดไป

ถึงสมาคมต้าฝ่า

                ข้าพเจ้าขอให้ศิษย์ต้าฝ่าทุกคน จงนำเอาสิ่งที่ส่งต่อไปมากันโดยไม่ได้รับอนุญาต สิ่งที่ข้าพเจ้าไม่ได้นำออกเปิดเผยต่อสาธารณะ ออกมาทำลายทิ้งเสีย ณ จุดนั้นในทันที เช่น คำพูดของข้าพเจ้าที่ทางเฉินเต๋อเผยแพร่ออกมา เรื่องเกี่ยวกับกงเหนิง(ความสามารถ)อะไรต่างๆ ที่ผู้ฝึกปักกิ่งพูดถึง คำพูดของหัวหน้าศูนย์ฝึกต้าเหลียน และเรื่องในถ้ำตลอดจนคำพูดอื่นๆ ของหัวหน้าศูนย์ฝึกกุ้ยโจว คำพูดของผู้รับผิดชอบในแต่ละพื้นที่ และอะไรต่างๆ ที่ผู้ฝึกพูดหลังจากที่ได้พบกับข้าพเจ้า อีกทั้งคำพูดของผู้รับผิดชอบของศูนย์ใหญ่ของต้าฝ่า เป็นต้น รวมถึงร่างคำบรรยาย เทปบันทึกเสียง เทปบันทึกภาพของข้าพเจ้า ที่จัดทำออกมาโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นต้น ให้ทำลายทิ้งเสียทั้งหมด ณ จุดนั้น จะใช้ข้ออ้างใดๆ เพื่อเก็บเอาไว้ไม่ได้ อะไรคือการปกป้องต้าฝ่า นี่เป็นการปกป้องต้าฝ่าอย่างถึงที่สุดครั้งหนึ่ง เป็นการวัดศิษย์ว่าจะสามารถปฏิบัติตามสิ่งที่ข้าพเจ้าพูดได้หรือไม่ และใช่ศิษย์ของข้าพเจ้าหรือไม่ ข้าพเจ้าขอบอกทุกคนอีกครั้ง ธรรมะ(ฝ่า)ที่องค์ศากยมุนีตรัสก็ถูกบ่อนทำลายเช่นนี้ นี้เป็นบทเรียนของประวัติศาสตร์ จากวันนี้ไปไม่ให้บุคคลใดทำการบันทึกเสียง บันทึกภาพคำพูดของ ผู้รับผิดชอบของต้าฝ่าในพื้นที่ต่างๆ หรือของผู้ฝึกคนใด ยิ่งไม่ให้จัดเรียบเรียงออกมาเป็นหนังสือเวียนกันอ่าน ณ ที่นี้ไม่ใช่เป็นปัญหาของคนใดคนหนึ่ง และไม่ใช่เป็นการวิจารณ์คนใดคนหนึ่ง แต่เป็นการปรับต้าฝ่าให้ถูกต้อง นอกจากการประชุมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของผู้ฝึกต้าฝ่า และกิจกรรมที่ศูนย์ใหญ่ยินยอมให้ศูนย์กลางของแต่ละพื้นที่จัดแล้ว ขอจงจำไว้ อะไรที่เผยแพร่อยู่ในต้าฝ่า แต่ไม่ใช่สิ่งที่เป็นของต้าฝ่า ล้วนเป็นการบ่อนทำลายต้าฝ่าทั้งสิ้น

หลี่ หงจื้อ

1997.6.18

 

 

62.  ตีแรงๆ หนึ่งที

                ต้าฝ่า เพื่อให้การบำเพ็ญปฏิบัติสะดวกสำหรับคนจำนวนมาก ณ ขณะนี้โดยหลักจะเลือกใช้วิธีบำเพ็ญอยู่ในสังคมคนธรรมดาสามัญ ฝึกฝนอยู่ในการทำงานหรือในสภาพแวดล้อมอื่นๆ ของคนธรรมดาสามัญ มีแต่เพียงผู้ออกบวชจึงจะออกธุดงค์ แต่เวลานี้มีบางคนอ้างตัวว่าเป็นศิษย์ต้าฝ่าวิ่งเพ่นพ่านไปทั่วประเทศ เที่ยวขอพักอาศัยตามบ้านของผู้ฝึก ทั้งกิน ดื่ม หยิบ เอา แอบอ้าง หลอกลวง เอาเปรียบด้านที่ดีงามของผู้ฝึก เจาะช่องว่างของต้าฝ่า แต่ผู้ฝึกของเราทำไมจึงแยกแยะไม่ออก บำเพ็ญปฏิบัติก็คือบำเพ็ญตัวเอง ลองคิดดู คนเหล่านี้ทำไมไม่บำเพ็ญอย่างจริงจังอยู่ที่บ้านของตัวเอง สภาพแวดล้อมไม่ดียิ่งสามารถจะบำเพ็ญ ทำไมคนเหล่านี้ไม่เชื่อฟังคำพูดของข้าพเจ้า วิ่งเพ่นพ่านไปทั่วประเทศ ทำไมทั้งกิน หยิบ เอาของของผู้ฝึก แล้วกลับบอกให้ผู้ฝึกปล่อยวางจิตใจ นี้คือสิ่งที่ข้าพเจ้าสอนเขาหรือ ยิ่งกว่านั้นมีบางคนถึงกับพักอยู่บ้านของผู้ฝึกเป็นเวลาหลายเดือน นี่มิเป็นการรบกวน บ่อนทำลายการบำเพ็ญของผู้ฝึกอย่างโจ่งแจ้งหรอกหรือ ข้าพเจ้าเห็นว่าคนเหล่านี้ต้องชดใช้ตามจำนวนที่ได้หลอกกินหลอกเอาไป ไม่เช่นนั้นต้าฝ่าไม่ยอม จากวันนี้ไปถ้ามีเหตุการณ์เช่นนี้อีก สามารถแจ้งตำรวจจัดการเหมือนปฏิบัติกับนักหลอกลวงในหมู่คนธรรมดาสามัญ เพราะบุคคลผู้นั้นไม่ใช่ผู้ฝึกของเราโดยเด็ดขาด

                ยังมีบางพื้นที่จัดกลุ่มบรรยายฝ่าขึ้นมาโดยพลการ เที่ยวแอบอ้างหลอกลวงผู้ฝึกไปทั่วทุกที่ และมีการเชิญคนนั้นคนนี้มาบรรยาย อันเป็นการบ่อนทำลายและรบกวนการบำเพ็ญของผู้ฝึก คนเหล่านี้ดูผิวเผินเหมือนกำลังช่วยเผยแพร่ฝ่า แต่ในความเป็นจริงกำลังโฆษณาส่งเสริมตัวเอง ผู้ฝึกต่างมีฝ่าเซิน(ร่างฝ่า)ของข้าพเจ้า จัดเตรียมการบำเพ็ญอย่างเป็นระบบ เพียงแต่ผู้ฝึกบางคนไม่อู้(ไม่รับรู้) หรือไม่รู้สึกเท่านั้นเอง เช่นนั้นพวกเขากำลังรบกวนใช่หรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับพวกที่เริ่มศึกษาฝ่าได้ไม่นาน เป็นการยากมากที่จะแบ่งแยกได้ชัดเจน บางคนยังทำการรายงานอะไรต่อที่ประชุมนับกี่พันคน สิ่งที่พูดล้วนเป็นเรื่องของตัวเขาเอง ถึงกับนิยามความหมายให้กับคำพูดบางประโยคของต้าฝ่า หรืออธิบายต้าฝ่า ร่างกายปล่อยกรรมสีดำและสสารยึดติดออกไปยังเหล่าผู้ฝึก ในหนังสือ “จ้วนฝ่าหลุน” ข้าพเจ้าได้บอกอย่างชัดเจนแล้วว่าห้ามกระทำเช่นนี้ พวกท่านทำไมไม่ลองคิดดู โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่รับผิดชอบงานต้อนรับและจัดเชิญเหล่านี้ เป็นไปได้มากว่าพวกท่านได้สร้างความเสียหายที่ไร้รูปให้แก่ศิษย์ต้าฝ่าในระดับหนึ่ง ไม่เหมาะสมที่จะเป็นผู้รับผิดชอบของศิษย์ต้าฝ่าอีกต่อไป ไม่เชื่อฟังคำพูดของข้าพเจ้า ไม่สามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดของต้าฝ่าจะเป็นศิษย์ของข้าพเจ้าได้หรือ นี่ไม่ใช่ต่อต้านต้าฝ่าหรอกหรือ นี่ไม่ใช่บ่อนทำลายแล้วคืออะไร ศิษย์ทั้งหลาย พวกท่านไม่สามารถคอยแต่จะให้ข้าพเจ้าชี้สิ่งเหล่านี้ออกมา แล้วพวกท่านจึงรับรู้ อันที่จริงทั้งหมดมีอยู่ในฝ่า ทำไมจึงไม่อ่านหนังสือให้มาก ข้าพเจ้าเสนอแนะให้ทุกคนปล่อยวางจิตใจลงมา อ่านหนังสือ“จิงจิ้งเหย้าจื่อ”(สิ่งสำคัญต่อการพัฒนา) ที่ข้าพเจ้าเขียน ซึ่งพวกท่านเรียกว่าจิงเหวินสักสิบเที่ยว ศึกษาฝ่าโดยจิตใจไม่สงบจะไม่มีประโยชน์ สงบจิตใจลงมาศึกษา

                ผู้รับผิดชอบของเราในบางพื้นที่ ไม่อ่านหนังสือ ไม่ศึกษาฝ่า ยังบอกว่าพอจะอ่านฝ่าก็ปวดศีรษะ นี่ไม่ใช่แสดงให้เห็นอย่างชัดแจ้งหรอกหรือว่ามีมารคอยรบกวน และตัวเองก็ไม่คิดที่จะสลัดออกจากการควบคุม ปัญหานี้แม้แต่ผู้ฝึกใหม่ก็สามารถรับรู้ คนๆนี้ยังสามารถจะเป็นผู้รับผิดชอบของต้าฝ่าได้หรือ คนเช่นนี้ข้าพเจ้าคิดว่า ดีที่สุดให้ไปเป็นผู้ฝึกธรรมดาทั่วไปด้วยความสมัครใจของตัวเอง สงบจิตใจลงมาบำเพ็ญอย่างจริงจังสักระยะหนึ่ง จะเป็นประโยชน์ทั้งต่อต้าฝ่าและต่อตัวเอง ยังมีบางคนนำเอาจดหมายที่ข้าพเจ้าตำหนิเธอ เข้าใจไปทางด้านตรงกันข้าม นำไปจัดทำสำเนาอย่างไม่รู้จักอู้(ไม่รู้จักรับรู้) ทำการแจกจ่ายป่าวประกาศว่า แม้แต่อาจารย์ยังเขียนจดหมายมาถึงฉัน ยังมีบางคนเพื่อจะให้ผู้ฝึกเชื่อฟังคำสั่ง เวลาพูดมักจะใช้คำพูดเช่น “ฉันเป็นตัวแทนอาจารย์หลี่”เป็นต้น ใครก็ไม่สามารถเป็นตัวแทนข้าพเจ้า คำพูดของพวกท่านสามารถจะเป็นคำพูดของข้าพเจ้าพูดได้หรือ? คำพูดของข้าพเจ้าคือฝ่า สิ่งที่พวกท่านพูดคือฝ่าหรือ ศิษย์เอย ข้าพเจ้าเสนอแนะให้ท่านเป็นผู้ฝึกธรรมดาสักระยะหนึ่งก่อน รอให้มีสติแล้วค่อยทำงาน ผู้รับผิดชอบไม่ว่าเขาจะทำงานในหมู่คนธรรมดาสามัญมามากน้อยเท่าใด ล้วนแต่ทำงานเพื่อต้าฝ่าด้วยความสมัครใจ ความสำเร็จของงานเพียงแต่เป็นรูปแบบที่ปรากฏในหมู่คนธรรมดาสามัญ แต่การที่สามารถทำให้คนได้รับฝ่าและการเผยแพร่ต้าฝ่าเป็นอานุภาพโดยตัวของต้าฝ่าเอง และการจัดเตรียมโดยรูปธรรมของฝ่าเซิน หากไม่มีฝ่าเซินของข้าพเจ้ากระทำในสิ่งเหล่านี้ อย่าว่าแต่การเผยแพร่ แม้แต่การคุ้มครองตัวเองของผู้รับผิดชอบ ก็ยากที่จะได้รับ ฉะนั้นอย่าคิดแต่ว่าตัวเองสูงส่งเพียงใด ต้าฝ่าไม่มีชื่อเสียง ไม่มีผลประโยชน์ ไม่มีตำแหน่งทางราชการ มีแต่บำเพ็ญ

หลี่ หงจื้อ

1997.6.18

 

63.  อธิบาย(วิเคราะห์)อีกครั้ง การวัดมาตรฐาน

                ในระยะหลังนี้มีผู้ฝึกใหม่เป็นจำนวนมาก ต่อข้อกำหนดของต้าฝ่ายังไม่เข้าใจลึกซึ้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้รับผิดชอบของต้าฝ่าในบางพื้นที่ก็เป็นผู้ฝึกใหม่ นี่ก็ต้องขอให้พวกท่านศึกษาฝ่าให้ลึกซึ้งภายในระยะเวลาอันสั้น รูปแบบพฤติกรรมต่างๆทั้งหมดต้องสอดคล้องกับต้าฝ่า ในเวลาเดียวกันศูนย์ฝึกกลางในแต่ละพื้นที่ต้องระมัดระวังในการคัดเลือกคนให้ดี ต่อคนที่นำพาผู้ฝึกไปในทางที่ผิดต้องเปลี่ยนลงมาให้ทันการณ์ ให้ศิษย์ที่ศึกษาต้าฝ่าได้ดีรับผิดชอบ

                ในระยะหลังนี้ มีศูนย์ช่วยฝึกสอนบางแห่งใช้คนตาทิพย์เปิดแล้วตามที่ว่ากัน ให้ดูสภาพการบำเพ็ญปฏิบัติของผู้ฝึก อันที่จริงสิ่งที่คนเหล่านี้มองเห็นเป็นภาพปลอมทั้งสิ้น ข้าพเจ้าเคยพูดก่อนหน้านี้ว่า มาตรฐานในการวัดคนก็คือดูซินซิ่งของศิษย์ และข้าพเจ้าจะไม่ให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดที่ไม่ไคอู้(เปิดการรับรู้) ไม่หยวนหมั่น มองเห็นสภาพการบำเพ็ญปฏิบัติอย่างแท้จริงของศิษย์ของข้าพเจ้า คนเหล่านั้นที่สามารถมองเห็น เป็นสิ่งที่มองเห็น ณ ระดับชั้นที่ต่ำมาก ซึ่งปรากฏในระดับชั้นของเขาเท่านั้นเอง สิ่งที่สูงกว่าเขามองไม่เห็น หากผู้รับผิดชอบใช้คนผู้นี้ดูผู้ฝึก คนผู้นี้ก็จะเกิดจิตโอ้อวด และด้านที่เป็นจิตมารของคนผู้นี้ก็จะบังเกิดการรบกวนและบ่อนทำลาย สิ่งที่เห็นก็จะแปรเปลี่ยนไปตามใจนึก คนผู้นี้ดูศิษย์ต้าฝ่าโดยตัวมันเองก็คือไม่ถูกต้อง ผู้รับผิดชอบที่บอกให้คนผู้นี้ดูผู้ฝึก ก็ไม่ได้ปฏิบัติตามคำพูดของข้าพเจ้า ทำไมจึงไม่เชื่อฟังคำพูดของอาจารย์ว่า การจะวัดว่าผู้ฝึกบำเพ็ญปฏิบัติเป็นอย่างไรให้ดูซินซิ่งของเขาเล่า พวกท่านทราบไหม มิติทั้งหมดที่มีนั้นคงอยู่ ณ เวลาเดียวกัน ณ ที่เดียวกัน สิ่งมีชีวิตในมิติใดมิติหนึ่งล้วนสามารถซ้อนอยู่กับร่างกายคน คล้ายฟู่ถี่มาก แต่ไม่อยู่ในมิติเดียวกัน ไม่เกี่ยวข้องกับคน คนที่ตาทิพย์เปิดตามที่ว่ากัน จะสามารถเข้าใจสภาพความสลับซับซ้อนเหล่านี้ไหม

                ยังมีบางคนทุกครั้งที่เอ่ยปากก็จะบอกว่า คนนี้มีฟู่ถี่ คนนั้นมีฟู่ถี่ ข้าพเจ้าขอบอกทุกคน ก็คือคนที่พูดเรื่องนี้ตัวเองมีปัญหา

                มิติในจักรวาลสลับซับซ้อนยิ่งนัก ข้าพเจ้าพูดถึงตรงนี้ เวลานี้ก็เพียงแต่ใช้ภาษามนุษย์จนหมดแล้วเท่านั้น มีสภาพการณ์ต่างๆมากมาย ที่ไม่สามารถใช้ภาษามนุษย์ถ่ายทอด แม้แต่ศิษย์ที่หยวนหมั่นแล้ว ก็เพียงแต่สามารถมองเห็นได้ชัดในสิ่งที่เขาสามารถเจิ้งอู้(รับรู้โดยประจักษ์แจ้ง) ได้ถึง ณ กั่วเว่ย(มรรคผล)ที่เขาบรรลุถึง นับประสาอะไรกับคนที่อยู่ในระหว่างการบำเพ็ญเล่า

หลี่ หงจื้อ

1997.6.18

 

64.  บทสรุปที่แน่นอน

                ศิษย์ของต้าฝ่าต้องจดจำพฤติกรรมใดๆที่จะแบ่งแยกต้าฝ่าออกเป็นหน่วย ฝ่าย วิชา หรือนิกาย จะโดยผู้ใด เวลาใด ณ ที่ใด และด้วยข้ออ้างใดก็ตามในอนาคต ล้วนเป็นการทำให้ฝ่ายุ่งเหยิง สิ่งที่ข้าพเจ้าไม่ได้บอกให้ท่านทำ พวกท่านก็ไม่ควรทำ จิตโอ้อวดบวกกับจิตยินดีนั้น ง่ายที่สุดต่อการถูกจิตมารใช้ อะไรที่พวกท่านอู้(รับรู้)ได้ถึงในต้าฝ่า เป็นเพียงหลักการของฝ่าอันน้อยนิด ณ ระดับชั้นหนึ่งในหลักการของฝ่าอันไร้ขอบเขตเท่านั้น ท่านต้องไม่นิยามความหมายให้กับฝ่า หรือส่วนหนึ่งส่วนใดของฝ่า แม้แต่ประโยคเดียว หากมีการบรรยายในที่สาธารณะ คำพูดเมื่อออกจากปาก บาปกรรมย่อมก่อเกิดทันที ในกรณีร้ายแรง บาปหนักเท่าภูเขา เท่าสวรรค์ แล้วจะบำเพ็ญอย่างไร หากมีการแก้ไขต้าฝ่า จัดทำขึ้นมาใหม่อีกหนึ่งชุด บาปกรรมของเขาจะใหญ่หลวงอย่างไร้ขอบเขต ในเวลาที่ชีวิตต้องชดใช้หนี้กรรมชั่ว การถูกทำลายเป็นชั้นๆจนดับสูญ คือความเจ็บปวดทุกข์ทรมานตลอดกาลไม่มีที่สิ้นสุด

                ต้าฝ่าสามารถปรับฟ้าดิน(เฉียนคุน)ให้ถูกต้องเที่ยงตรง ดังนั้นจึงมีพลังฝ่า อานุภาพไร้เทียมทานที่จะยับยั้งความชั่วร้าย ดับความยุ่งเหยิง สร้างความกลมกลืน อันที่จริงบทเรียนด้านนี้มีอยู่มากมาย การทำลายฝ่าในลักษณะนี้จะมีเทพมาจัดการปกป้องฝ่า สรรพชีวิตทะนุถนอมต้าฝ่า ก็คือทะนุถนอมชีวิตของตน เมตตาต่อสรรพชีวิต ต้าฝ่าไม่เปลี่ยนแปลงและไม่เคลื่อนไหว ทุกภพทุกชาติไม่มีดับ คงอยู่คู่โลกตลอดไป สวรรค์และปฐพีคงมั่นนิรันดร

หลี่ หงจื้อ

1997.7.1

 

65.  คำสนทนากับกาลเวลา

อาจารย์:                 ท่านเห็นว่าศิษย์ของข้าพเจ้ายังเหลือปัญหาอะไรอยู่บ้าง

เทพ:                       ศิษย์ของท่านแบ่งเป็นสองส่วน

อาจารย์:                 เป็นสองส่วนอย่างไร

เทพ:                       ส่วนหนึ่งสามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดของท่าน ก้าวรุดหน้าอยู่ในฝ่า ส่วนนี้ค่อนข้างดี อีกส่วนหนึ่งยึดอยู่กับสิ่งของของคน ไม่ปล่อยวาง ไม่สามารถก้าวรุดหน้า

อาจารย์:                 ใช่ ข้าพเจ้าเห็นแล้ว

เทพ:                       ท่านได้ให้ขั้นตอนการเข้าใจฝ่าแก่พวกเขา ดังนั้นบางคนเข้ามาพร้อมกับจุดประสงค์แต่ละชนิดแต่ละอย่าง ผ่านการศึกษาฝ่า คนส่วนใหญ่สามารถเปลี่ยนแปลงจุดประสงค์แรกเริ่มของการศึกษาฝ่า

อาจารย์:                 ส่วนหนึ่งยังไม่เปลี่ยนแปลงข้ามมา

เทพ:                       แต่เวลายาวนานเกินไปแล้ว

อาจารย์:                 ใช่!

เทพ:                       ข้าฯ เห็นว่าคนที่ไม่สามารถเป็นเทพก็อย่าได้ลากต่อไปอีกเลย อันที่จริงเขาสามารถเป็นได้แต่คน

อาจารย์:                 (พูดกับตัวเอง) ในโลกมนุษย์ พวกเขาลุ่มหลงจนลึกเกินไปแล้ว สุดท้ายพวกเขาสามารถเป็นได้เพียงเช่นนี้ กลัวว่า สุดท้ายแม้แต่คนก็เป็นไม่ได้

เทพ:                       อันที่จริง สามารถเป็นคนในโลกใหม่ก็คือไม่เลวแล้วล่ะ เปรียบเทียบกับสรรพชีวิตชั้นสูงนับจำนวนไม่ถ้วน ซึ่งถูกชะทิ้งโดยประวัติศาสตร์ในจักรวาล นับว่าโชคดีไม่มีอะไรจะเปรียบแล้ว

อาจารย์:                 ข้าพเจ้ายังคิดจะรออีกสักหน่อย เมื่อชะล้างจุลสารซึ่งบ่อนทำลายมนุษยชาติจนหมดจด ค่อยดูว่าเป็นอย่างไร แล้วค่อยตัดสินใจ อย่างไรก็ดี พวกเขาคือมาเพื่อรับฝ่า

เทพ:                       พูดถึงคนพวกนี้ในเวลานี้ พวกเขาบางคนมาศึกษาฝ่าเพราะหาเป้าหมายในชีวิตไม่พบ โอบอุ้มสิ่งนี้ ไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงความเข้าใจ

อาจารย์:                 คนเช่นนี้ผู้ฝึกใหม่จะค่อนข้างมาก

เทพ:                       ในจำนวนพวกเขา ยังมีคนมาหาฝ่าในด้านที่พวกเขาเข้าใจว่าดีต่อตัวเอง แต่กลับไม่สามารถปล่อยวางอีกด้านหนึ่ง ซึ่งทำให้ตัวพวกเขาเองไม่สามารถเข้าใจฝ่าทั้งหมด

อาจารย์:                 คนเช่นนี้ในหมู่ศิษย์เก่าก็มี และปรากฏการณ์ที่เด่นชัดที่สุดคือ: พวกเขามักจะเปรียบเทียบกับคน เปรียบเทียบกับอดีตของตัวพวกเขาเอง แต่กลับไม่สามารถวัดตัวเองกับข้อกำหนดของฝ่าในแต่ละระดับชั้น

เทพ:                       ปัญหาเหล่านี้รุนแรงมากแล้ว พวกเขาทำอย่างไรจึงจะสามารถเห็นฝ่ายตรงข้ามเป็นอย่างไร อย่างไร แล้วหันกลับมาดูตัวเองก็จะดี

อาจารย์:                 สมควรบอกให้พวกเขามีสติแจ่มชัดแล้ว ให้สภาพแวดล้อมของพวกเขาเปลี่ยนเป็นสภาพแวดล้อมของการบำเพ็ญปฏิบัติอย่างแท้จริง เป็นเทพองค์หนึ่งอย่างแท้จริง

หลี่ หงจื้อ

1997.7.3

 

66.  พูดถึงฝ่า

                เป็นเวลานานมาแล้วที่สรรพชีวิตในต้าฝ่า โดยเฉพาะศิษย์ ตลอดมามีความเข้าใจที่ผิดต่อฝ่าในระดับชั้นที่ต่างกันทางด้านการยกระดับซินซิ่ง ทุกครั้งที่พบกับมารผจญ ไม่ใช้ด้านของจิตดั้งเดิมของตนไปทำความเข้าใจ แต่ใช้ด้านของจิตมนุษย์ไปทำความเข้าใจทั้งสิ้น ดังนั้นมารจึงใช้จุดนี้มา รบกวนและบ่อนทำลายอย่างไม่สิ้นสุด ทำให้ผู้ฝึกต้องผจญอยู่กับมารเป็นเวลายาวนาน อันที่จริงนี่เกิดจากความเข้าใจต่อฝ่าไม่ดีพอของด้านที่เป็นมนุษย์ ควบคุมด้านที่เป็นเทพของท่านด้วยการกระทำของคน(เหรินเหวย) ก็คือควบคุมด้านที่พวกท่านบำเพ็ญสำเร็จแล้ว ขัดขวางพวกเขาเจิ้งฝ่า(ปรับฝ่าให้ถูกต้องเที่ยงตรง) ทำไมด้านที่บำเพ็ญยังไม่สำเร็จจึงสามารถควบคุมความคิดหลักและด้านที่ได้ฝ่าแล้ว เพราะมารซึ่งถูกหล่อเลี้ยงด้วยการกระทำของคน(เหรินเหวย) เจาะช่องว่างของฝ่า ในฐานะศิษย์ เมื่อมารมาผจญ ถ้าสามารถบรรลุถึงความไม่สะทกสะท้านหวั่นไหว หรือปล่อยวางจิตใจให้สอดคล้องกับข้อกำหนดที่มีต่างกันสำหรับท่าน ณ ระดับชั้นอันแตกต่างกัน ก็เพียงพอที่ท่านจะผ่านด่านได้สำเร็จ หากยังถูกมารผจญอย่างไม่จบไม่สิ้น ถ้าไม่ใช่เพราะซินซิ่ง หรือพฤติกรรมมีปัญหาอื่นคงอยู่ แน่นอนคือมารกำลังใช้ประโยชน์จากช่องว่างที่ท่านไม่ใส่ใจ อย่างไรก็ดี ผู้บำเพ็ญปฏิบัติไม่ใช่คนธรรมดาสามัญ เหตุใดด้านจิตดั้งเดิมจึงไม่เจิ้งฝ่า

                มีสาเหตุสองประการที่อาจารย์พูดถึงฝ่าข้อนี้ในวันนี้ หนึ่ง เพราะปัญหานี้ของพวกท่านปรากฏออกมาเด่นชัด สองคือ ท่านมีความเข้าใจต่อฝ่าได้ลึกซึ้งจนไม่เข้าใจฝ่าอย่างง่ายๆ

                พวกท่านควรจะรู้ว่า“เป็นไปตามธรรมชาติ” นั้นไม่คงอยู่ และ“ต้องเกิดขึ้นแน่นอน” นั้นมีสาเหตุ อันที่จริง“เป็นไปตามธรรมชาติ” เป็นคำพูดของคนธรรมดาสามัญที่พูดเข้าข้างตัวเองอย่างไม่รับผิดชอบ เมื่อพวกเขาไม่สามารถอธิบายปรากฏการณ์ของจักรวาล ชีวิตและสสาร พวกเขาก็คิดไม่ออกว่าตัว“ธรรมชาติ”คืออะไร ภายใต้อิทธิพลของความเข้าใจแบบนี้ พวกท่านเข้าใจว่า มารผจญทั้งหลายต้องเกิดขึ้นแน่นอน จึงเป็นเช่นนี้ ก่อเกิดสภาวะที่ปล่อยไปตามยถากรรม ดังนั้นด้านจิตมนุษย์ของพวกท่านต้องเข้าใจ ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นด้านที่ได้ฝ่าแล้วต้องแจ่มแจ้ง

                ข้อพึงระวัง ข้าพเจ้าไม่ใช่ต้องการให้ท่านทำอะไรด้วยการกระทำของคน(เหรินเหวย) เพียงแต่บอกให้ท่านเข้าใจหลักการของฝ่าให้แจ่มแจ้ง ความเข้าใจในด้านนี้ต้องชัดเจน อันที่จริงต้าฝ่าไม่เพียงแต่ช่วยมนุษย์เท่านั้น ยังถ่ายทอดให้สรรพชีวิตในแต่ละภพ จิตดั้งเดิมที่รู้แจ้งแล้วย่อมรู้เองว่าควรจะทำอย่างไร ด้านที่รักและปกป้องพวกท่านเหล่ามนุษย์ บอกให้พวกท่านสามารถอู้(รับรู้)ขึ้นมาบนฝ่า ต้าฝ่ากลมกลืนเข้ากับสรรพชีวิต และสรรพชีวิตก็กลมกลืนเข้ากับต้าฝ่า ข้าพเจ้าบอกให้พวกท่านรู้ถึงความงามสง่า น่าเกรงขาม ความศักดิ์สิทธิ์ของฝ่า จุดประสงค์เพื่อลบความสับสน ความเข้าใจผิดต่อฝ่าของพวกท่าน

หลี่ หงจื้อ

1997.7.5

 

67.  ปล่อยวางจิตใจของคนธรรมดาสามัญ ยืนหยัดบำเพ็ญจริงจัง

                พร้อมกับการเผยแพร่ต้าฝ่า คนที่สามารถเข้าใจต้าฝ่านับวันจะมีมากยิ่งขึ้น ฉะนั้นพวกเราต้องระวังปัญหาข้อหนึ่ง: อย่าได้นำทัศนะความคิดการแบ่งชั้นวรรณะของคนธรรมดาสามัญเข้ามาสู่ต้าฝ่า ผู้ฝึกทั้งเก่าและใหม่ต่างต้องระวังปัญหาข้อนี้ คนที่มาศึกษาต้าฝ่า ไม่ว่าจะมีความรู้มากเพียงใด ทำการค้าขายใหญ่โตแค่ไหน ตำแหน่งทางราชการสูงเพียงไร มีความสามารถพิเศษอะไร มีกงเหนิง(พลังความสามารถ)อะไร ล้วนต้องบำเพ็ญจริงจัง การบำเพ็ญปฏิบัติเป็นเรื่องที่พิเศษ เข้มงวดจริงจัง พวกท่านสามารถจะปล่อยวางจิตใจชนิดนี้ของคนธรรมดาสามัญได้หรือไม่ สำหรับพวกท่านแล้ว มันเป็นด่านใหญ่ที่ข้ามยากลำบากนัก แต่ก็จำเป็นต้องข้าม ไม่ว่าจะอย่างไร ในฐานะศิษย์ที่บำเพ็ญจริงจัง จึงจำเป็นต้องปล่อยวางความยึดติดหนึ่งเดียวนี้ เพราะพวกท่านไม่สามารถจะหยวนหมั่นโดยไม่กำจัดจิตใจนี้อย่างแน่นอน

                ศิษย์เก่าก็ต้องระวังปัญหาข้อนี้ เมื่อผู้มาศึกษาฝ่ามีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ก็ต้องให้ความสำคัญนำพาผู้ฝึกใหม่บำเพ็ญจริงจัง ในเวลาเดียวกันก็ต้องไม่ผ่อนปรนต่อตัวเอง หากเงื่อนไขเอื้ออำนวย สามารถขยายเวลาศึกษาฝ่าและฝึกพลังกง รักษาประเพณีของต้าฝ่า ปกป้องหลักการบำเพ็ญของต้าฝ่า ยืนหยัดบำเพ็ญจริงจังเป็นการทดสอบระยะยาวของศิษย์ต้าฝ่าทุกคน

หลี่ หงจื้อ

1997.7.31

 

68.  เลือกตรงกลาง

                เพื่อให้ศิษย์ต้าฝ่าเดินทางอ้อมน้อยลงในระหว่างการบำเพ็ญปฏิบัติ ทุกครั้งเมื่อมีปัญหาซึ่งมีลักษณะทั่วไป หรือปัญหาร้ายแรงปรากฏ ข้าพเจ้าก็จะเขียนบทความชี้ออกมาอย่างทันท่วงที เพื่อให้ศิษย์เข้าใจ ให้ต้าฝ่ารับความเสียหายน้อยลง เพราะหนทางจะสามารถเดินได้ถูกต้อง(เจิ้ง)หรือไม่ ไม่เพียงแต่ดูว่าศิษย์บำเพ็ญได้ถูกต้อง(เจิ้ง)หรือไม่เท่านั้น รูปแบบโดยรวมของต้าฝ่าถูกต้อง(เจิ้ง)หรือไม่ก็สำคัญด้วย ฉะนั้นตัวอาจารย์ต้องคอยแก้ไขการเบี่ยงเบนที่ปรากฏออกมาให้ถูกต้อง(เจิ้ง)อยู่เป็นนิจ

                เนื่องจากศิษย์ทั้งหลายมีความเข้าใจแตกต่างกัน ศิษย์ส่วนหนึ่งมักจะหันจากสุดขั้วหนึ่งไปยังอีกสุดขั้วหนึ่ง ทุกครั้งเมื่อได้อ่านฝ่าที่ข้าพเจ้าเขียนก็จะปฏิบัติตามด้วยอารมณ์ตื่นเต้นเกินกว่าปกติ และแล้วนำมาซึ่งปัญหาใหม่ ข้าพเจ้าบอกให้พวกท่านเปลี่ยนจากความเข้าใจของคน ไม่ใช่ให้พวกท่านเข้าใจต้าฝ่าโดยยึดมั่นอยู่กับสภาวะของคน แต่ก็ไม่ใช่ไร้สติสัมปชัญญะ ทำตัวผิดจากปกติ แต่บอกให้พวกท่านเข้าใจต้าฝ่าอย่างมีสติแจ่มแจ้ง

หลี่ หงจื้อ

1997.8.3

 

69.  ฝ่าปรับจิตมนุษย์ให้ถูกต้อง

                พร้อมกับที่ศิษย์ต้าฝ่ามีจำนวนเพิ่มมากขึ้น และคนที่คิดจะมาเรียนรู้ต้าฝ่านับวันก็เพิ่มมากขึ้น แต่ในจำนวนนั้นคนส่วนหนึ่งไม่ใช่มาเพื่อจะบำเพ็ญปฏิบัติ แต่เพราะเห็นว่าสังคมมนุษย์ไม่มีทางออกแล้ว คิดจะมาหาทางออกในต้าฝ่า เช่นนี้ก็จะทำให้ส่วนประกอบของผู้ฝึกไม่บริสุทธิ์ ในเวลาเดียวกันก็ทำให้ต้าฝ่าได้รับการรบกวนจากอีกด้านหนึ่ง เช่นมีคนเมื่อได้รับแรงดลใจอะไรจากต้าฝ่า ก็จะริเริ่มกิจกรรมอารยธรรมด้านสังคมอะไรขึ้นมา สิ่งซึ่งมีบ่อเกิดจากต้าฝ่า แต่กลับไม่สามารถยืนยันความเป็นจริงของต้าฝ่า พฤติกรรมขโมยลอกเลียนฝ่าแบบนี้ลบล้างต้าฝ่าจากอีกด้านหนึ่ง อันที่จริงการเคลื่อนไหวใดๆ ล้วนไม่สามารถเปลี่ยนแปลงธาตุแท้ของจิตใจคน ปรากฏการณ์ก็อยู่ได้ไม่นาน นานวันเข้าคนก็จะเลิกราไป เวลาผ่านไปยังจะมีปรากฏการณ์ไม่ดี อันยากแก่การแก้ไขมากยิ่งขึ้นปรากฏออกมาอีก   ไม่สามารถจะให้ต้าฝ่าตกอยู่ในสภาพนี้โดยเด็ดขาด

                ปัจจุบันนี้ คนดีเรื่องดีที่ได้รับการประกาศเผยแพร่โดยสื่อมวลชน เช่นวิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ ฯลฯ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นผู้ฝึกต้าฝ่าเราซึ่งเนื่องจากได้บำเพ็ญต้าฝ่าแล้ว กระทำไปหลังจากซิ่นซิ่งได้รับการยกระดับ แต่ในรายงานข่าวกลับให้การยกย่องว่าการกระทำของคนผู้นั้น เป็นเพราะเขาเป็นบุคคลตัวอย่าง เป็นบุคลากรสำคัญอะไรเป็นต้น ไม่ยอมรับโดยสิ้นเชิงว่าเป็นพฤติกรรมอันเนื่องมาจากการบำเพ็ญต้าฝ่า สาเหตุสำคัญเกิดจากตัวของศิษย์ทั้งหลายเอง การบำเพ็ญเป็นเรื่องยิ่งใหญ่และพิเศษ ทำไมจึงไม่สามารถบอกผู้มาขอสัมภาษณ์อย่างสง่าผ่าเผยว่า ท่านกระทำไปเพราะบำเพ็ญต้าฝ่า หากผู้สื่อข่าวไม่คิดจะเอ่ยถึงต้าฝ่า พวกเราก็อย่าได้ทำการทาแป้ง(กลบเกลื่อน) ให้แก่รูปแบบการขโมยลอกเลียนใดๆ โดยไม่ยืนยันความถูกต้องของต้าฝ่า พวกเราทุกคนล้วนกำลังปฏิบัติตนเป็นคนดี เป็นประโยชน์ต่อสังคม ต่อมนุษยชาติ ทำไมจึงไม่สมควรมีสภาพแวดล้อมที่เป็นธรรม และชอบด้วยกฎหมาย ศิษย์ทั้งหลาย พวกท่านต้องจำไว้ ต้าฝ่ากลมกลืนกับพวกท่าน และพวกท่านก็กลมกลืนกับต้าฝ่าด้วย

หลี่ หงจื้อ

1997.8.17

 

70.  หลักการของศิษย์ผู้ออกบวช

                ในระยะหลังนี้ ศิษย์จำนวนหนึ่งซึ่งออกบวชอยู่ในศาสนากำลังบำเพ็ญต้าฝ่า เพื่อให้พวกเขายกระดับขึ้นมาโดยเร็ว ต้องปล่อยวางความเคยชินที่เป็นช่องโหว่ต่างๆ ซึ่งก่อเกิดจากการอยู่ในศาสนายุคปัจจุบันเป็นเวลานาน ในด้านนี้พวกเราศิษย์ต้าฝ่าที่บำเพ็ญอยู่ในสังคมคนธรรมดาสามัญ ก็อย่าได้ส่งเสริมพวกเขาในสิ่งเหล่านี้ วิธีบำเพ็ญปฏิบัติที่องค์ศากยมุนีทิ้งไว้ให้กับผู้ออกบวชนั้นดีมาก แต่ผู้ออกบวชในยุคปัจจุบันได้แก้ไขเปลี่ยนแปลงมันไปแล้ว เป็นเพราะผู้ออกบวชจำนวนมากไม่สามารถปล่อยวางจิตใจที่มีต่อเงินทองและทรัพย์สิน เพื่อสิ่งนี้ยังคิดหาเหตุผลมาหักล้างแบบข้างๆคูๆ เช่นเพื่อซ่อมแซมวัด สร้างพระพุทธรูป จัดพิมพ์พระสูตร เพื่อเป็นค่าใช้ดูแลรักษาวัด อะไรต่างๆ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ล้วนไม่ใช่การบำเพ็ญปฏิบัติ เป็นเรื่องที่มีจุดมุ่งหมาย(โหย่วเหวย)ทั้งสิ้น เป็นคนละเรื่องกับการบำเพ็ญจริงจัง ไม่สามารถหยวนหมั่นด้วยสิ่งนี้อย่างแน่นอน

                การบำเพ็ญต้าฝ่าจำเป็นต้องปล่อยวางจิตใจเพื่อเงินทอง เพื่อสิ่งของ ไม่เช่นนั้นจะสามารถสอดคล้องกับมาตรฐานของศิษย์ต้าฝ่าได้อย่างไร นอกจากนี้ศิษย์ผู้ออกบวช หากไม่ใช่กรณีพิเศษเวลาออกข้างนอก ต้องไม่เดินทางโดยรถยนต์ เครื่องบิน หรือเรือ ให้เดินเท้าสถานเดียว ทนทุกข์จึงจะสามารถชำระกรรม เวลาหิวให้ใช้บาตรขอบิณฑบาต (ขอได้แต่เฉพาะอาหาร จะขอเงินทอง ขอสิ่งของ ไม่ได้โดยเด็ดขาด) ตกค่ำสามารถขอพักค้างแรมในบ้านของศิษย์ในแต่ละพื้นที่ แต่ขออาศัยอยู่นานไม่ได้ จะต้องกำหนดกับตัวเองอย่างเข้มงวด ไม่เช่นนั้นก็ไม่ใช่ศิษย์ของข้าพเจ้า เพราะสภาวะการบำเพ็ญของผู้ออกบวชไม่เหมือนกับศิษย์ซึ่งอยู่ที่บ้าน สังคมก็ไม่ปฏิบัติต่อพวกท่านเหมือนคนธรรมดาสามัญ เพื่อให้ศิษย์ผู้ออกบวชหยวนหมั่นโดยเร็ว ต้องฝึกฝนตัวเองอยู่ในสังคมโลก จะแสวงหาความสุขความสบายไม่ได้โดยเด็ดขาด และละโมบในชื่อเสียงและผลประโยชน์โดยใช้ข้ออ้างใดๆไม่ได้ ยิ่งไม่ให้ขอเงินทองเพื่อส่งกลับบ้าน หากความคิดไม่สามารถตัดขาดจากทางโลกก็อย่าออกบวช ในอดีตการออกบวชในสมัยโบราณมีข้อกำหนดเข้มงวด ศิษย์ผู้ออกบวชของฝ่ายิ่งสมควรมีข้อกำหนดเข้มงวดกับตัวเอง เมื่อออกบวชแล้ว ทำไมจึงไม่สามารถปล่อยวางความคิดทางโลก

                ศิษย์ทั้งหลาย การสละจนหมดสิ้นในสังคมโลกสำหรับศิษย์ซึ่งอยู่ที่บ้านนั้น เป็นการค่อยๆกำจัดการยึดติดทิ้งไป แต่สำหรับศิษย์ผู้ออกบวชแล้ว เป็นสิ่งแรกที่จำเป็นที่ต้องปฏิบัติให้ได้ และเป็นมาตรฐานของการออกบวช

หลี่ หงจื้อ

1997.10.16

 

71.  สภาพแวดล้อม

                รูปแบบการบำเพ็ญปฏิบัติที่ข้าพเจ้าทิ้งไว้ให้นั้น เป็นหลักประกันเพื่อให้ศิษย์ทั้งหลายสามารถยกระดับขึ้นมาได้อย่างแท้จริง อย่างเช่น ข้าพเจ้าบอกให้พวกท่านไปฝึกพลังกงรวมกันในสวนสาธารณะให้ก่อเกิดเป็นสภาพแวดล้อม สภาพแวดล้อมนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะเปลี่ยนแปลงชั้นนอกของคน อาณาจักรเขตแดนอันสูงส่งของพฤติกรรมของศิษย์ต้าฝ่า ซึ่งก่อเกิดขึ้นจากสภาพแวดล้อมนี้ รวมทั้งการพูด การกระทำ สามารถทำให้คนรู้ถึงข้อบกพร่องของตน สามารถทำให้คนค้นพบข้อแตกต่าง สามารถทำให้ผู้อื่นตื้นตันใจ เป็นพฤติกรรมที่สามารถหลอมและฝึกคน สามารถทำให้คนยกระดับได้เร็วยิ่งขึ้น ดังนั้นผู้ฝึกใหม่หรือศิษย์ที่ฝึกด้วยตัวเอง จะต้องไปฝึกพลังกง ณ ศูนย์ฝึกพลังกง ปัจจุบันนี้ ณ ศูนย์ฝึกพลังกงในประเทศจีนมีผู้ฝึกประมาณสี่สิบล้านคน ที่ฝึกพลังกงรวมกันเป็นหมู่คณะทุกวัน และยังมีศิษย์เก่าอีกนับสิบล้านคนที่ไปฝึก ณ ศูนย์ฝึกพลังกงแบบไม่ประจำ (สำหรับศิษย์เก่าเป็นเรื่องปกติ นี้เกิดจากสภาวะของการบำเพ็ญ) แต่สำหรับศิษย์ใหม่แล้วจะต้องไม่สูญเสียสภาพแวดล้อมนี้ เพราะคนที่พวกท่านคบหาในสังคมล้วนเป็นคนธรรมดาสามัญ และเป็นคนธรรมดาสามัญในยุคที่ศีลธรรมมนุษย์ ได้เลื่อนไหลตกต่ำลงมาอย่างรวดเร็วแล้ว ในอ่างย้อมใบใหญ่นี้ มีแต่จะพัดพาคนให้ไหลไปตามกระแสคลื่น

                มีผู้ศึกษาต้าฝ่าใหม่จำนวนมากแอบฝึกอยู่ที่บ้าน กลัวผู้อื่นรู้แล้วจะอับอาย พวกท่านลองคิดดู จิตใจเช่นนี้คืออะไร ความกลัวโดยทั่วไปเป็นการยึดติดแบบหนึ่ง ซึ่งต้องบำเพ็ญให้ออกไปในระหว่างการบำเพ็ญ แต่ท่านกลัวว่าคนอื่นจะรู้ว่าท่านกำลังศึกษาต้าฝ่าอยู่ การบำเพ็ญเป็นเรื่องเข้มงวดจริงจัง ตัวเองสมควรจะปฏิบัติตนต่อหลักธรรมอย่างไร ยังมีคนที่เป็นหัวหน้างานบางคน อายที่จะออกมาฝึกพลังกง ฉิง(อารมณ์)น้อยนิดเท่านี้ยังไม่สามารถกำจัดออกไป แล้วจะบำเพ็ญอะไร ความจริงท่านไปศูนย์ฝึกพลังกง ก็ไม่แน่ว่าจะมีคนรู้จักท่าน ในที่ทำงานบางแห่ง หัวหน้าเกือบทุกคนก็ศึกษาอยู่ แต่ต่างฝ่ายต่างไม่รู้ว่าอีกฝ่ายก็ศึกษาอยู่ สภาพแวดล้อมตัวท่านเองเป็นผู้สร้าง และเป็นส่วนสำคัญของการยกระดับด้วย บ่อยครั้งข้าพเจ้าพบว่า ในเวลาที่พวกท่านศึกษาฝ่า ฝึกพลังกง มีสภาวะจิตดีมาก แต่พอทำงานหรือติดต่อกับผู้คน พวกท่านก็ทำตัวเหมือนกับคนธรรมดาสามัญ บางครั้งยังแสดงออกมาแย่ยิ่งกว่าคนธรรมดาสามัญเสียอีก นี้จะเป็นพฤติกรรมของศิษย์ผู้บำเพ็ญต้าฝ่าได้อย่างไร

                ข้าพเจ้าคิดจะปฏิบัติต่อพวกท่านเหมือนศิษย์ แต่พวกท่านเองไม่คิดจะเป็นศิษย์ จะทำอย่างไรได้ จิตใจทุกประเภทที่ต้องกำจัดออกไปในการบำเพ็ญ ล้วนเป็นกำแพงที่ขวางกั้นเส้นทางการบำเพ็ญของท่าน การไม่สามารถยึดมั่นในตัวของฝ่าจะไม่สามารถบำเพ็ญ อย่าเห็นตำแหน่งของท่านในหมู่คนธรรมดาสามัญเป็นเรื่องสำคัญเกินไปนัก อย่าได้รู้สึกเอาเองว่าการศึกษาต้าฝ่าจะทำให้คนอื่นไม่เข้าใจ พวกท่านลองคิดดู ทฤษฎีของมนุษย์ที่ว่าตัวเองวิวัฒนาการมาจากวานร ยังสามารถขึ้นไปบนหอประชุมอันสง่างาม แต่สำหรับต้าฝ่าของจักรวาลอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ พวกท่านกลับรู้สึกอับอายที่จะจัดวางให้เขาอยู่ ณ ตำแหน่งที่ถูกต้อง นี้จึงจะเป็นเรื่องที่น่าอดสูของคนอย่างแท้จริง

หลี่ หงจื้อ

1997.10.17

 

72.  ขุดราก

                ในระยะหลังนี้ จากการที่คนต่ำทรามไม่กี่คน ในวงการประพันธ์ วิทยาศาสตร์ ชี่กง ซึ่งตลอดมาคิดที่จะใช้การต่อต้านชี่กงเพื่อบรรลุเป้าหมายของการมีชื่อเสียง โดยก่อเรื่องไม่หยุดหย่อน เกรงว่าใต้ฟ้าจะไม่ยุ่งเหยิงพอ หนังสือพิมพ์บางฉบับ สถานีวิทยุ สถานีโทรทัศน์ในพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศ พากันใช้อุปกรณ์โฆษณาชวนเชื่อเหล่านี้บ่อนทำลายต้าฝ่าของเรา สร้างผลกระทบที่ไม่ดีอย่างยิ่งต่อสาธารณชน นี้เป็นการบ่อนทำลายต้าฝ่าอย่างจงใจ ซึ่งไม่อาจจะมองข้ามได้ ภายใต้สภาพการณ์พิเศษอย่างที่สุดแบบนี้ ศิษย์ต้าฝ่าที่ปักกิ่งได้ใช้วิธีพิเศษวิธีหนึ่ง เพื่อขอให้คนพวกนั้นยุติการบ่อนทำลายต้าฝ่า อันที่จริงไม่ผิด นี้เพียงแต่กระทำภายใต้สภาพการณ์ที่จำกัดอย่างที่สุด (พื้นที่อื่นๆ จะกระทำตามแบบอย่างไม่ได้) แต่กลุ่มผู้ฝึกที่อาสาไปอธิบายสภาพการณ์ที่เป็นจริงของเราด้วยตัวเอง ให้กับบุคคลที่ไม่เข้าใจเรื่องราวความจริงเหล่านี้ ให้กับองค์กรสื่อมวลชนที่ไม่รับผิดชอบ นี่ก็ไม่สามารถบอกว่าผิด

                สิ่งที่ข้าพเจ้าจะบอกพวกท่าน ไม่ใช่ว่าเรื่องนี้โดยตัวของมันเองถูกหรือผิด แต่ต้องการจะชี้ให้เห็นว่า เรื่องราวเช่นนี้ได้เปิดโปงคนบางคน ซึ่งยังไม่เปลี่ยนทัศนะความคิดของคนธรรมดาสามัญจากมูลฐาน ยังคงเข้าใจปัญหาโดยใช้ทัศนะความคิดของคนในแบบคน ปกป้องคน ข้าพเจ้าเคยพูดว่าต้าฝ่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองโดยเด็ดขาด แต่เรื่องนี้โดยตัวของมันเอง จุดประสงค์ก็คือเพื่อให้พวกเขามีความเข้าใจต่อสภาพการณ์ที่แท้จริงของพวกเรา รู้จักพวกเราในด้านถูกต้อง อย่าได้ลากพวกเราเข้าไปในการเมือง พูดจากอีกมุมหนึ่ง ต้าฝ่าสามารถทำให้จิตใจคนหันสู่ความดี ทำให้สังคมสุขสงบ แต่พวกท่านต้องกระจ่างแจ้ง ต้าฝ่าไม่ใช่ถ่ายทอดเพื่อสิ่งเหล่านี้ แต่เพื่อบำเพ็ญปฏิบัติ

                ต้าฝ่าสร้างรูปแบบการดำรงชีวิตของชั้นนี้ให้แก่มนุษย์ในระดับที่ต่ำสุด เช่นนั้นในรูปแบบการดำรงชีวิตของคนในชั้นนี้ พฤติกรรมของคนแต่ละประเภท รวมทั้งการรวมกลุ่มเพื่อสะท้อนสภาพการณ์ที่แท้จริงต่อใครเป็นต้น เป็นหนึ่งในรูปแบบของการดำรงชีวิตนับจำนวนไม่ถ้วนของมนุษย์ระดับชั้นที่ต่ำสุดใช่หรือไม่ เพียงแต่เวลาที่คนทำเรื่องอะไร ความดี ความชั่วร้ายคงอยู่ร่วมกัน ฉะนั้นจะมีการต่อสู้ มีการเมือง แต่ภายใต้สภาพการณ์ที่พิเศษอย่างที่สุด ศิษย์ต้าฝ่าใช้รูปแบบเช่นนี้ของฝ่าในระดับชั้นที่ต่ำสุด อีกทั้งใช้ในด้านของความดีโดยสิ้นเชิง นี้ไม่ใช่พฤติกรรมที่กลมกลืนกับฝ่า ณ ระดับชั้นนี้ของมนุษย์หรือ เพียงแต่ว่าหากไม่อยู่ในสภาพการณ์ที่จำกัดและพิเศษอย่างที่สุด จะไม่ใช้รูปแบบนี้

                ข้าพเจ้ามองเห็นมานานแล้วว่า บางคนไม่ใช่มีจิตใจเพื่อจะปกป้องต้าฝ่า แต่เพื่อจะปกป้องอะไรที่เป็นของสังคมมนุษย์ ถ้าหากท่านเป็นคนธรรมดาสามัญ ข้าพเจ้าจะไม่คัดค้าน แต่ปัจจุบันนี้ ท่านคือผู้บำเพ็ญ การปฏิบัติต่อต้าฝ่าโดยยืนอยู่ ณ จุดพื้นฐานใด นี้คือปัญหามูลฐาน ก็คือสิ่งที่ข้าพเจ้าต้องการชี้ออกมาให้ท่านเห็น ในระหว่างการบำเพ็ญของพวกท่าน ข้าพเจ้าจะใช้ทุกๆ วิธีการเพื่อเปิดโปงจิตใจที่พวกท่านมี ขุดมันทิ้งจากรากเหง้า

                ท่านไม่สามารถจะปล่อยให้ข้าพเจ้าพาเดินขึ้นไปสู่ระดับสูงอยู่ร่ำไป โดยที่พวกท่านไม่เดินด้วยตัวเอง รอให้อธิบายจนชัดแจ้งแล้วพวกท่านจึงขยับ ไม่ได้อธิบายชัดแจ้ง พวกท่านก็ไม่ขยับ หรือขยับไปในทางกลับกัน ข้าพเจ้าไม่สามารถยอมรับว่าพฤติกรรมแบบนี้ว่าเป็นการบำเพ็ญ ในช่วงเวลาสำคัญ ข้าพเจ้าบอกให้พวกท่านตัดขาดจากคน พวกท่านกลับไม่เดินตามข้าพเจ้า โอกาสแต่ละครั้งจะไม่มีอีกหน การบำเพ็ญเป็นเรื่องเข้มงวดจริงจัง ความแตกต่างนับวันจะห่างกันมากยิ่งขึ้นแล้ว ในการบำเพ็ญ หากเพิ่มเติมสิ่งใดของคนเข้ามา ล้วนอันตรายอย่างยิ่ง อันที่จริงสามารถจะเป็นคนดีคนหนึ่งก็ได้ แต่พวกท่านต้องเข้าใจให้แจ่มแจ้ง หนทางนั้นพวกท่านเป็นผู้เลือกเอง

                ผ่านเหตุการณ์เรื่องนี้ เห็นแล้วว่ายังมีหลายคนวิ่งพล่านไปทั่วในหมู่ศิษย์ บังเกิดผลในทางบ่อนทำลาย พวกเขาไม่ใช่ใคร่ครวญอย่างถูกต้อง เสนอความเข้าใจของตนต่อศูนย์ช่วยฝึกสอนด้วยความหวังดี แต่กระจายข่าวลือในหมู่ผู้ฝึก ยุแหย่ ตั้งกลุ่ม โดยใช้วิธีการที่ไม่ดีที่สุดของคนธรรมดาสามัญ ยิ่งกว่านั้นบางคนขับไล่ผู้ฝึกออกไปอย่างไม่มีสติสัมปชัญญะ ผู้ฝึกที่ถูกขับไล่ออกไปบำเพ็ญได้ดีกว่าท่านไม่รู้ว่ากี่เท่าเสียอีก พวกท่านเคยคิดบ้างไหม พวกท่านทำไมจึงกระทำอย่างไม่มีสติสัมปชัญญะและโกรธแค้นเช่นนี้ จิตใจเช่นนี้ ยังไม่สามารถบอกให้ท่านรับรู้ถึงจิตยึดติดที่รุนแรงของตัวเองหรือ ขอบอกทุกท่าน ฝ่านี้ใหญ่โตจนไม่อาจจะคาดคะเนได้ หลักการของฝ่าพวกท่านก็ไม่รู้และเข้าใจได้ทั้งหมดตลอดไป

                ข้าพเจ้าไม่เน้นรูปแบบเป็นสำคัญ ข้าพเจ้าจะใช้ทุกๆรูปแบบเพื่อเปิดโปงจิตใจที่พวกท่านซ่อนเร้นอยู่ลึกๆ และขจัดมันทิ้งไป

หลี่ หงจื้อ

1998.7.6

 

73.  คงอยู่เพื่อใคร

                ทัศนะความคิดคือสิ่งที่คนปล่อยวางได้ลำบากที่สุด บางคนทุ่มเทชีวิตเพื่อหลักการปลอม โดยไม่สามารถเปลี่ยนแปลง แต่ทว่าทัศนะความคิดนี้โดยตัวของมันกลับก่อเกิดขึ้นมาภายหลังกำเนิด ตลอดมาคนเข้าใจว่า ความคิดประเภทที่ทำให้ตัวเองไม่ต้องไตร่ตรอง แต่กลับสามารถทำให้ตนทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างโดยไม่นึกเสียดายและไม่สั่นคลอน คือความคิดของตัวเอง มองเห็นสัจธรรมก็ยังผลักไส อันที่จริงคน นอกจากความบริสุทธิ์ผุดผ่องและไร้เดียงสาแต่กำเนิดแล้ว ทัศนะความคิดทุกอย่างล้วนก่อเกิดภายหลังกำเนิด ไม่ใช่ตัวเอง

                ถ้าทัศนะความคิดภายหลังกำเนิดเปลี่ยนไปอย่างรุนแรงมาก เช่นนั้นเขาก็จะหันกลับมาควบคุมความคิดที่แท้จริงและพฤติกรรมของคน ถึงตอนนี้คนยังเข้าใจว่าเป็นความคิดของตัวเอง คนยุคปัจจุบันเป็นเช่นนี้กันแทบทุกคน

                กับปัญหาที่เกี่ยวข้องและสำคัญ ชีวิตหนึ่งหากสามารถพิจารณาปัญหาโดยไม่มีทัศนะความคิดใดๆ เช่นนั้นคนๆนี้ก็คือ ตัวเองสามารถควบคุมบังคับตัวเอง ความมีสติเช่นนี้คือปัญญาแต่ไม่เหมือนกับความเฉลียวฉลาดอย่างที่คนทั่วไปเรียกกัน ถ้าไม่สามารถเป็นอย่างนี้ เช่นนั้นคนๆนี้ก็คือถูกควบคุมโดยทัศนะความคิดหรือความคิดที่มาจากภายนอก ถึงกับต่อสู้เพื่อมันตลอดชีวิต แต่ถึงยามแก่เฒ่ากลับไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรอยู่ตลอดชีวิต ถึงแม้จะไม่ได้อะไรตลอดชีวิต แต่ได้ทำเรื่องผิดๆนับไม่ถ้วน ภายใต้การควบคุมของทัศนะความคิดซึ่งก่อเกิดภายหลังกำเนิด ทำให้ตัวเองต้องชดใช้กรรมตามความผิดที่ตัวเองได้กระทำ

                ในยามที่คนเกิดความตื่นเต้น (หุนหันพลันแล่น) สิ่งที่ควบคุมความคิดและอารมณ์ของคนไม่ใช่ความมีเหตุผล แต่เป็นความรู้สึก เมื่อความเชื่อถือต่อวิทยาศาสตร์ ความเชื่อถือต่อศาสนา ความเชื่อถือต่อความนึกคิด เป็นต้น ทัศนะความคิดแต่ละประเภทถูกสัจธรรมของฝอฝ่าตอบโต้ จะเกิดความตื่นเต้น(หุนหันพลันแล่น)เช่นกัน ทำให้ด้านชั่วร้ายของจิตมนุษย์กลายเป็นหลักโน้มน้าว และแล้วตัวเองก็จะถูกทัศนะความคิดภายหลังกำเนิดควบคุม จนสติสัมปชัญญะไม่แจ่มชัด พิจารณาตัดสินอย่างหลับหูหลับตาหรือทำให้เรื่องราวสลับซับซ้อนมากยิ่งขึ้น ยิ่งกว่านั้นคือคนที่มีบุญวาสนาก็พลาดโอกาสแห่งวาสนาไปด้วยเหตุนี้ นำไปสู่ความเสียใจอันเจ็บปวดตลอดกาลด้วยพฤติกรรมของตัวเอง

หลี่ หงจื้อ

1998.7.11

 

74.  ละลายในฝ่า

                เวลานี้ผู้ฝึกต้าฝ่านับวันจะเพิ่มมากขึ้น และมีแนวโน้มว่าผู้มาทีหลังจะมีความเข้าใจมากกว่าความรู้สึก ไม่มีอุปสรรคทางความคิดแบบซ้ายจัดของสังคมในระยะแรก ไม่มีขั้นตอนของการเข้าใจทางทัศนะความคิด เวลาศึกษาฝ่าเป็นกลุ่ม ไม่จำเป็นต้องใช้เวลามากเพื่อถกปัญหา เช่นนั้นจึงสมควรใช้เวลามาศึกษาฝ่าให้มาก เพื่อยกระดับให้สูงขึ้นโดยเร็วเท่าที่จะทำได้ ในความคิดบรรจุไว้ยิ่งมากจะเปลี่ยนแปลงยิ่งเร็ว

                ที่ผ่านมาข้าพเจ้าพูดถึงอะไรคือคนดี อะไรคือคนเลว ไม่ใช่ว่าคนปรากฏออกมาว่าทำเรื่องไม่ดี คนๆนี้ก็คือคนเลว ทำเรื่องดีคนๆนี้ก็คือคนดี คนบางคนในสมองเต็มไปด้วยความคิดเลวทราม เพียงแต่ไม่ปรากฏออกมา หรือซ่อนเร้นได้มิดชิดยิ่งขึ้นอย่างชาญฉลาด แต่คนๆนี้กลับเป็นคนเลวอย่างแท้จริง แต่บางคนเดิมทีไม่เลวเพียงแต่ทำผิดเป็นครั้งคราว คนๆนี้ไม่แน่เสมอไปว่าต้องเป็นคนเลว เช่นนั้นจะเข้าใจคนดีกับคนเลวให้ถ่องแท้อย่างไร

                คนก็เหมือนภาชนะใบหนึ่ง บรรจุอะไรเข้าไปก็คืออะไร ผ่านดวงตา หู สิ่งที่คนมองเห็น ได้ยินล้วนคือ ความรุนแรง ตัณหาราคะ ต่อสู้ชิงไหวชิงพริบในผลงานวรรณกรรม และการต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ในสังคม ทัศนะความคิดบูชาเงินทอง ตลอดจนการปรากฏของจิตมารอื่นๆเป็นต้น บรรจุเข้าไปล้วนเป็นสิ่งเหล่านี้ คนอย่างนี้ก็คือคนเลวอย่างแท้จริง ไม่ว่าเขาจะปรากฏออกมาให้เห็นเป็นอย่างไร พฤติกรรมของคนนั้นควบคุมโดยความคิด คนที่มีสิ่งเหล่านี้อยู่เต็มสมองสามารถทำอะไรออกมาได้ล่ะ เพียงแต่ว่าคนเราล้วนมีปัญหามลภาวะทางความคิดมากหรือน้อยในระดับที่ต่างกัน ไม่รู้สึกถึงปัญหาที่ปรากฏออกมา เพราะแนวโน้มอันไม่ถูกต้องของสังคมสะท้อนอยู่ทั่วทุกอาณาจักร กำลังเปลี่ยนแปลงคนอย่างไม่รู้สึกตัว เป็นพิษทำร้ายคนอยู่ ยังกำลังสร้างมนุษย์จิตมารจำนวนมากตามที่เรียกกันว่า ฝืนประเพณี ฝืนความถูกต้อง ฝืนทัศนะความคิดทางศีลธรรม นี้จึงจะเป็นความกังวลใจที่แท้จริง! ถึงแม้เศรษฐกิจจะเจริญก้าวหน้า ก็จะถูกทำลายไปในมือของคนเหล่านี้ เพราะพวกเขาไม่มีความคิดของคน

                ในทางตรงกันข้าม ถ้าคนๆหนึ่งยอมรับความคิดประเพณีอันดีงามของมนุษย์ ที่สืบทอดกันมานับร้อยนับพันปี พฤติกรรมและมาตรฐานของคนที่เชื่อถือความถูกต้อง บรรจุเข้าไปล้วนแต่เป็นสิ่งที่ดี เช่นนั้นพฤติกรรมของคนๆนี้คืออะไร ไม่ว่าจะปรากฏออกมาหรือไม่ คนๆนี้ก็เป็นคนดีอย่างแท้จริง

                การเป็นผู้ฝึก หากในสมองสิ่งที่บรรจุเข้าไปล้วนคือต้าฝ่า เช่นนั้นคนๆนี้ย่อมต้องเป็นผู้บำเพ็ญอย่างแน่นอน ดังนั้นในการศึกษาฝ่า ปัญหาคือต้องมีความเข้าใจที่แจ่มชัด อ่านหนังสือมากๆ อ่านหนังสือมากๆ คือหัวใจของการยกระดับอย่างแท้จริง พูดให้ชัดเจนอีกหน่อย ขอเพียงแต่ท่านอ่านต้าฝ่าท่านก็กำลังเปลี่ยนแปลง ขอเพียงแต่ท่านอ่านต้าฝ่าท่านก็กำลังยกระดับสูงขึ้น ความหมายครอบคลุมภายในอันไร้ขอบเขตของต้าฝ่าบวกกับวิธีเสริม — ฝึกพลังกง ก็จะทำให้พวกท่านหยวนหมั่น อ่านกันเป็นกลุ่มหรืออ่านเองคนเดียวก็เหมือนกัน

                คนโบราณมีคำพูดประโยคหนึ่งว่า “เช้าได้ฟังเต๋า เย็นสามารถตายได้” มนุษย์ในทุกวันนี้ คนที่สามารถจะรู้ความหมายที่แฝงไว้อย่างแท้จริง ก็ไม่มีคนจะให้นับแล้ว พวกท่านทราบไหม ในความคิดของคนๆหนึ่งเมื่อได้บรรจุฝ่าเข้าไปแล้ว เช่นนั้นส่วนนั้นที่บรรจุฝ่าเข้าไปแล้ว มิใช่หล่อหลอมเข้ากับฝ่าแล้วหรือ ผู้ได้ฟังเต๋าเมื่อตายไปส่วนนั้นจะไปไหนล่ะ ข้าพเจ้าต้องการบอกให้พวกท่านศึกษาฝ่าให้มาก ขจัดจิตยึดติดออกไปให้มาก ปล่อยวางทัศนะความคิดแต่ละประเภทของคน เพื่อบอกให้พวกท่านนำไปไม่ใช่แต่เพียงส่วนเดียว แต่คือหยวนหมั่น

หลี่ หงจื้อ

1998.8.3

 

75.  ฝอฝ่า(พุทธธรรม)กับศาสนาพุทธ

                คนเราพอเอ่ยถึงพระพุทธ เช่นนั้น คนจำนวนมากก็จะคิดไปถึงศาสนาพุทธ อันที่จริง ศาสนาพุทธเป็นเพียงปรากฏการณ์ของฝอฝ่ารูปแบบหนึ่งในโลกมนุษย์ แต่แล้วฝอฝ่ายังมีปรากฏการณ์ในรูปแบบอื่นในโลก ก็คือพูดว่าศาสนาพุทธไม่สามารถเป็นตัวแทนของฝอฝ่าทั้งหมดได้

                พูดถึงศาสนาพุทธ ทั้งหมดก็ไม่ใช่ทรงถ่ายทอดโดยพระศากยมุนีพุทธเจ้า ในโลกนี้ยังมีศาสนาพุทธนิกายอื่นๆอีก ซึ่งไม่ได้นับถือพระศากยมุนีพุทธเจ้าเป็นองค์ศาสดา ยิ่งกว่านั้นบางนิกายโดยแท้จริงก็ไม่เกี่ยวข้องกับพระศากยมุนีพุทธเจ้า เช่นศาสนาพุทธนิกายเหลืองของทิเบต พวกเขาเคารพบูชาพระต้ายื่อยูไล และนิกายเหลืองถือว่าพระศากยมุนีพุทธเจ้าเป็นเพียงพระฝ่าเซิน(ร่างฝ่า)องค์หนึ่งของพระต้ายื่อยูไล และนิกายขาวศาสนาพุทธซึ่งถ่ายทอดในทิเบตนั้น เคารพบูชาพระหมีเล่อยื่อปา โดยแท้จริงก็ไม่เกี่ยวข้องกับพระศากยมุนีพุทธเจ้า และไม่กล่าวถึงเรื่องศาสนาพุทธของพระศากยมุนีพุทธเจ้า ในเวลานั้นเหล่าสาวกไม่รู้จักแม้แต่พระนามของพระศากยมุนี โดยพื้นฐานไม่รู้ว่าพระศากยมุนีพุทธเจ้าคือใคร ศาสนาพุทธนิกายอื่นๆซึ่งถ่ายทอดในทิเบตก็มีความเข้าใจต่อพระศากยมุนีพุทธเจ้าแตกต่างกัน ศาสนาพุทธนิกายเถรวาท(หินยาน)มั่นใจตลอดมาว่าพวกเขาเป็นศาสนาพุทธสายดั้งเดิม ซึ่งได้รับการถ่ายทอดโดยพระศากยมุนีพุทธเจ้า เพราะโดยรูปแบบพวกเขาได้สืบทอดรูปแบบ การบำเพ็ญปฏิบัติที่ใช้กันในสมัยของพระศากยมุนีพุทธเจ้าจริงๆ คงรักษาไว้ซึ่งศีลและเครื่องแต่งกาย อีกทั้งเคารพบูชาแต่พระศากยมุนีพุทธเจ้าแต่เพียงพระองค์เดียว ในขณะที่ศาสนาพุทธในแดนฮั่นประเทศจีนนั้น ถ่ายทอดเข้าสู่ประเทศจีนหลังจากผ่านการปรับปรุงแก้ไขแล้ว รูปแบบการบำเพ็ญปฏิบัติก็แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง กลายเป็นการเคารพบูชาพระพุทธหลายองค์ ไม่ใช่พระศากยมุนีพุทธเจ้าเพียงพระองค์เดียวเท่านั้น ศีลก็เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเท่า ขณะเดียวกันก็เพิ่มศาสนพิธีของชุมชนในแดนฮั่นโบราณเข้าไปด้วย ในพิธีกรรม ยังมีการใช้ปลาไม้ ชนระฆัง ฆ้อง กลอง เครื่องดนตรีจีนเป็นต้น เครื่องแต่งกายก็เปลี่ยนไปใช้เสื้อผ้าของชาวจีนโบราณ เปลี่ยนชื่อเรียกเป็นศาสนาพุทธนิกายมหายาน นี้จึงแตกต่างกับศาสนาพุทธของพระศากยมุนีในระยะแรกอย่างมาก ดังนั้นในเวลานั้นศาสนาพุทธนิกายเถรวาท จึงไม่ยอมรับศาสนาพุทธนิกายมหายานว่าเป็นศาสนาพุทธของพระศากยมุนี

                นี้เป็นการพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างฝอฝ่ากับศาสนาพุทธจากด้านศาสนาพุทธ เช่นนั้น เรามาพูดจากด้านประวัติศาสตร์กันอีกสักหน่อย ในสังคมตะวันตกจากวัตถุทางวัฒนธรรมของกรีกโบราณ มีการค้นพบรูปสวัสติกะ อันที่จริงก่อนน้ำท่วมใหญ่สมัยดึกดำบรรพ์ พวกเขาก็เชื่อถือศรัทธาพระพุทธ เมื่อครั้งเกิดน้ำท่วมใหญ่ชาวกรีกโบราณส่วนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในแถบเอเชียตะวันตก และแถบตะวันตกเฉียงใต้ของภูเขาหิมาลัยรอดชีวิตอยู่ต่อมา ก็คือคนอินเดียผิวขาวในปัจจุบัน ในเวลานั้นเรียกว่าพราหมณ์ อันที่จริง ศาสนาพราหมณ์เริ่มต้นก็เชื่อถือศรัทธาพระพุทธ สืบทอดการเชื่อถือศรัทธาพระพุทธจากชาวกรีกยุคดึกดำบรรพ์ ในเวลานั้นพวกเขาเรียกพระพุทธเป็นเทพ เวลาผ่านไปประมาณหนึ่งพันปี ศาสนาพราหมณ์เริ่มมีการปรับปรุงแก้ไข ก็เหมือนการปรับปรุงแก้ไขในศาสนาพุทธนิกายมหายานของศาสนาพุทธยุคใหม่ การปรับปรุงแก้ไขของศาสนาพุทธในทิเบต และการปรับปรุงแก้ไขของศาสนาพุทธในญี่ปุ่นเป็นต้น จนกระทั่งหนึ่งพันกว่าปีหลังจากนั้น ในประเทศอินเดียโบราณศาสนาพราหมณ์ได้เข้าสู่ยุคช่วงสุดท้ายของธรรมะ ผู้คนเริ่มเชื่อถือศรัทธาสิ่งต่างๆอย่างยุ่งเหยิงนอกจากพระพุทธ ศาสนาพราหมณ์ในเวลานั้นไม่มีคนเชื่อถือพุทธแล้ว ล้วนแต่เชื่อถือสิ่งที่เป็นมาร มีปรากฏการณ์ฆ่าชีวิตบูชายัญสัตว์ มาถึงตอนพระศากยมุนีพุทธเจ้าประสูติ ศาสนาพราหมณ์ได้กลายเป็นลัทธินอกรีตโดยสิ้นเชิง นี่ไม่ใช่จะพูดว่าพระพุทธเป็นอย่างไรไป แต่ลัทธิได้เปลี่ยนเป็นนอกรีตไป ในจำนวนวัตถุโบราณทางวัฒนธรรมที่ตกทอดจากยุคอินเดียโบราณ ก็สามารถพบเห็นรูปปั้นในถ้ำที่เหลือตกทอดมาจากศาสนาพราหมณ์ในยุคแรกๆเป็นต้น รูปปั้นของเทพที่แกะสลักไว้ล้วนเป็นรูปลักษณ์ของพระพุทธ ศาสนาพุทธในแดนฮั่นของเราก็สามารถพบเห็นได้ เช่นในถ้ำหินใหญ่ๆหลายแห่ง มีรูปปั้นของพระพุทธสององค์นั่งหันหน้าเข้าหากันเป็นต้น พระพุทธยังคงเป็นพระพุทธ แต่ลัทธิได้เปลี่ยนเป็นนอกรีตไป ศาสนาไม่สามารถเป็นตัวแทนของเทพและพระพุทธ คือจิตใจคนไม่ดีจึงทำให้ศาสนาเปลี่ยนสภาพไป

                ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่า ฝอฝ่าเป็นสิ่งนิรันดร ฝอฝ่าเป็นคุณสมบัติพิเศษของจักรวาล ฝอฝ่าอันยิ่งใหญ่นั้นสร้างพระพุทธ ไม่ใช่พระศากยมุนีพุทธเจ้าสร้างฝอฝ่า แต่พระศากยมุนีพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ในฝอฝ่า ตรัสรู้แจ้งในกั่วเว่ย(มรรคผล)ของพระองค์

                ข้าพเจ้าจะพูดถึงอารยธรรมของมนุษยชาติในรอบนี้อีกสักเล็กน้อย พวกท่านรู้ไหม เต๋าคือเทพประเภทหนึ่ง พระพุทธก็คือเทพประเภทหนึ่ง อีกทั้งพระยะโฮวาและพระเยซูตลอดจนพระแม่มาเรียก็คือเทพประเภทหนึ่ง เป็นเพราะจุดมุ่งหมายและความเข้าใจต่อต้าฝ่าของจักรวาล ซึ่งพวกเขาบรรลุรู้แจ้งต่างกัน จึงได้กั่วเว่ย(มรรคผล)และรูปแบบภายนอกต่างกัน เทียนถี่(ร่างจักรวาล)อันใหญ่โตมโหฬารนั้นสร้างโดยฝอฝ่า ไม่ใช่สร้างโดยพระพุทธ เต๋า เทพเหล่านี้ นี้คือสิ่งที่คนสามารถจะรู้ สิ่งที่คนไม่รู้ ยังไม่รู้ว่ามีอีกสักเท่าใด! พระศากยมุนีพุทธเจ้าไม่ใช่ตรัสหรือว่า เพียงพระยูไลก็มีจำนวนมากดังเม็ดทรายในแม่น้ำคงคา ฝ่าที่พระพุทธเหล่านี้พูดออกมา สามารถจะเหมือนกับสิ่งที่พระศากยมุนีพุทธเจ้าตรัสหรือ ถ้าพวกเขามาถ่ายทอดฝ่าในสังคมมนุษย์ สามารถจะเหมือนกับสิ่งที่พระศากยมุนีพุทธเจ้าตรัสก่อนหน้านี้โดยไม่มีผิดเพี้ยนแม้แต่คำเดียวหรือ ในเวลานั้นก่อนหน้าพระศากยมุนีพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าเจ็ดพระองค์ที่มาถ่ายทอดฝ่า สิ่งที่พูดคือฝ่าของพระศากยมุนีพุทธเจ้าตรัสหรือ เช่นนั้น พระพุทธในอนาคตตามที่กล่าวกันในศาสนาพุทธ พระศรีอารยเมตไตรย(หมีเล่อ)จะมาถ่ายทอดฝ่าในโลก จะพูดซ้ำคำสอนของพระศากยมุนีพุทธเจ้าหรือ ข้าพเจ้าเห็นว่าศาสนาพุทธในทุกวันนี้เปลี่ยนจนกลายเป็นเช่นนี้ ในใจรู้สึกเสียใจอย่างยิ่ง หลงใหลอย่างโง่เขลาในตัวของศาสนาแต่ไม่ใช่บำเพ็ญจริง สุภาพบุรุษจอมปลอม อันธพาลศาสนาบ่อนทำลายสถานที่ของการบำเพ็ญปฏิบัติ ตลอดจนผู้ออกบวชอย่างร้ายแรง พูดขึ้นมาแล้วไม่แปลกใจ อันที่จริงพระศากยมุนีพุทธเจ้าเคยตรัสไว้ก่อนนานแล้ว ถึงสภาพการณ์ของช่วงสุดท้ายของธรรมะ ศาสนาพุทธในยุคปัจจุบันกับช่วงสุดท้ายของศาสนาพราหมณ์ยังแตกต่างกันสักกี่มากน้อย

                วันนี้ข้าพเจ้ามาถ่ายทอดฝ่าในโลกอีกครั้ง ยิ่งกว่านั้นเป็นการถ่ายทอดต้าฝ่ามูลฐานของจักรวาลโดยตรง บางคนไม่กล้ายอมรับ ไม่ใช่เนื่องมาจากการบำเพ็ญปฏิบัติ แต่เพื่อจะปกป้องในตัวของศาสนา และอารมณ์ความรู้สึกของคนธรรมดาสามัญที่กำลังบังเกิดผล พวกเขาเข้าใจว่าศาสนาก็เหมือนกับพระพุทธ ยังมีบางคนเนื่องจากชื่อเสียงและบารมีของตัวเองในศาสนาถูกกระทบกระเทือน ก็ออกมาต่อต้านด้วยจิตใจของคนธรรมดาสามัญ การยึดติดแบบนี้เล็กน้อยหรือ สำหรับคนพวกที่มีเจตนาอื่นแอบแฝง ซึ่งกล้าด่าฝอฝ่าและพระพุทธ พวกเขาเป็นผีในนรกเรียบร้อยไปนานแล้ว เพียงแต่ชีวิตในโลกมนุษย์ยังไม่จบสิ้นเท่านั้นเอง ตลอดมาพวกเขาแสดงตัวเป็นนักปรัชญาศาสนา แต่ต่อฝอฝ่าพวกเขารู้จริงๆมากเพียงใด บ่อยครั้งพอผู้คนเอ่ยถึงพระพุทธ พวกเขาจะคิดไปถึงศาสนาพุทธในทันที พอเอ่ยถึงสายพุทธ พวกเขาก็รู้สึกว่าสิ่งที่เอ่ยถึงก็เป็นศาสนาพุทธในสายของพวกเขาไป พอผู้คนเอ่ยถึงฝอฝ่า พวกเขาก็เข้าใจว่าเป็นสิ่งเหล่านั้นที่พวกเขารู้ ทั่วโลกมีคนจำนวนมากมายที่บำเพ็ญปฏิบัติเป็นเวลายาวนานอยู่ในภูเขาลึก ในหมู่พวกเขามีเป็นจำนวนมากที่บำเพ็ญตามวิธีบำเพ็ญปฏิบัติของสายพุทธที่แตกต่างกัน เป็นเวลานับร้อยนับพันปีที่ถ่ายทอดและสืบทอดต่อกันตลอดมา ไม่เกี่ยวข้องกับศาสนาพุทธของพระศากยมุนีพุทธเจ้าแต่ประการใด อันธพาลศาสนาที่แม้แต่คำนิยาม ความคิดก็แยกแยะได้ไม่ชัดเจน มีคุณวุฒิอะไรมาวิจารณ์ฝ่าหลุนต้าฝ่า ในสมัยนั้นการปรากฏของพระเยซูได้สร้างความโกรธแค้นให้แก่ศาสนายิว   2500 ปีก่อน การปรากฏของพระศากยมุนีพุทธเจ้ายังความโกรธแค้นให้แก่ศาสนาพราหมณ์ บทเรียนของประวัติศาสตร์ในด้านบวก(ด้านหน้า) ดูเหมือนไม่เคยสามารถทำให้คนนำมาเป็นสิ่งเตือนใจ ตรงกันข้ามเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง คนมักจะนำบทเรียนในด้านลบ(ด้านหลัง)มาเป็นสิ่งเตือนใจ ในจักรวาลมีกฎเกณฑ์ของการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ เสื่อมไป ทุกสิ่งทุกอย่างจะไม่คงอยู่ยาวนานโดยไม่เปลี่ยนแปลง ในยุคสมัยที่ต่างกันก็มีพระพุทธลงมายังโลกถ่ายทอดฝ่าเพื่อช่วยเหลือผู้คน ประวัติศาสตร์ก็พัฒนามากันเช่นนี้ มนุษยชาติในอนาคตเช่นกันจะได้ยินฝอฝ่า

หลี่ หงจื้อ

1998.12.17

 

76.  ถึงผู้ฝึกเก่าในปักกิ่ง

                เกี่ยวกับเรื่องการยื่นจดทะเบียน ข้าพเจ้าขอพูดอะไรสักเล็กน้อย พวกเราสามารถแสดงท่าที(ความคิดเห็น)ของเรา ต่อกรมพลศึกษาแห่งชาติ ก่อนอื่นใดต้องอธิบายให้ชัดเจนดังนี้

1.             พวกเราไม่ใช่ชี่กงเพื่อเสริมสร้างสุขภาพ พวกเราเป็นการบำเพ็ญ แต่พวกเราสามารถทำให้ผู้บำเพ็ญบรรลุถึงความไม่มีโรคและสุขภาพแข็งแรง

2.             พวกเราไม่ได้จัดตั้งในรูปแบบขององค์กร ดำเนินไปตามหนทางของเต๋าใหญ่อันไร้รูปแบบ ไม่คงไว้ซึ่งเงินทอง สิ่งของ ไม่มีตำแหน่งทางราชการจะให้ ไม่มีตำแหน่งงานรับผิดชอบ ถ้าพื้นที่แต่ละแห่งต่างยื่นจดทะเบียนอย่างไม่มีหลักการ ระบุว่ามีตำแหน่งงานรับผิดชอบอะไรบ้าง มีระเบียบข้อบังคับอะไรบ้าง เข้าร่วมกิจกรรมของชี่กงประเภทเสริมสร้างสุขภาพอะไรบ้าง หรือกิจกรรมของชี่กงปลอม จะให้เป็นเช่นนี้ไม่ได้โดยเด็ดขาด

3.             ข้าพเจ้าอยากจะสะท้อนให้กรมพลศึกษาแห่งชาติ ให้รู้ถึงวัตถุประสงค์ที่ข้าพเจ้าได้ถอนตัวออกจากสมาคมค้นคว้าวิจัยวิทยาศาสตร์ชี่กงในปีนั้น ก็คือไม่คิดที่จะอยู่รวมกับพวกที่เรียกกันว่าชี่กงเหล่านั้น พวกที่เรียกกันว่าชี่กงเหล่านั้นมีจุดประสงค์เพื่อจะหลอกลวงเงินทอง อ้างกันว่าเป็นชี่กงที่สามารถเสริมสร้างสุขภาพ จุดประสงค์ก็เพื่อเงินทอง มีการพิจารณากำหนดระดับของอาจารย์ชี่กงอะไรเอย สิ่งที่ใช้เวลาเป็นกี่สิบปีบำเพ็ญออกมา ไม่ใช่จะประเมินกันออกมาได้ การประเมินสิ่งเหล่านี้เป็นการไม่รับผิดชอบ เป็นภัยต่อสังคม จะส่งเสริมคนให้มีจิตใจที่ไม่ดีแบบต่างๆ ซึ่งจิตยึดติดเหล่านี้ของคนเป็นสิ่งที่พวกเราต้องการขจัดทิ้งอยู่พอดี ด้วยเหตุนี้พวกเราจึงตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าไม่สามารถอยู่รวมกับพวกเขา

จะเป็นการดีที่สุดหากจะสามารถจดทะเบียนอย่างอิสระเป็นเอกเทศ ให้ทางปักกิ่งทำการจดทะเบียนอย่างเป็นเอกภาพ แต่ละพื้นที่อย่าได้ทำการจดทะเบียน หรือยื่นรายงานกันเอง หากไม่สามารถจดทะเบียนอย่างอิสระเป็นเอกเทศ เช่นนั่นก็ให้คงไว้ในลักษณะเดิม ฝูงชนศึกษาฝ่า ฝึกพลังกงกันเอง ไม่จัดตั้งเป็นองค์กร ร่วมกันฝึกท่าในเวลาเช้าด้วยใจสมัคร รักษาความเป็นเอกลักษณ์และความบริสุทธิ์เช่นนี้ไว้

หลี่ หงจื้อ

1998.12.25

 

77.  ถึงศูนย์ช่วยฝึกสอนต้าฝ่ามณฑลซันตง

                เกี่ยวกับเรื่องที่ผู้ฝึกชิ่งหยุ๋นสร้างวัด ต้องอธิบายให้กับผู้ฝึกทั้งหลายให้ชัดเจน นี้ไม่ใช่สิ่งที่พวกเราต้าฝ่าต้องทำ ไม่เกี่ยวข้องกับการบำเพ็ญของต้าฝ่า อย่าได้มุ่งจิตใจไปทางด้านนี้ ผู้ออกบวชสร้างวัดเป็นพฤติกรรมส่วนบุคคลของผู้นั้น เป็นเรื่องของผู้ออกบวช ในปีนั้นเมื่อผู้ออกบวชมาศึกษาต้าฝ่า ผู้เป็นอาจารย์ได้คำนึงถึงเรื่องที่อยู่ของศิษย์ เคยกังวลใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ มาถึงเวลานี้ได้ทำจนจิตใจคนว้าวุ่น ไม่สามารถสงบจิตสงบใจศึกษาฝ่า ผู้ฝึกจากต่างถิ่นบางคนไม่สงบจิตใจศึกษาฝ่าที่บ้าน พากันไปคลุกคลีอยู่กับชิ่งหยุ๋นและพวกของเธอ เรื่องนี้ได้รบกวนการบำเพ็ญของผู้ฝึกอย่างร้ายแรง ผู้ฝึกที่อยู่บ้านก็มุ่งจิตใจไปกับการสร้างวัด เมื่อผู้ฝึกชี้ให้เห็นว่าสิ่งเหล่านี้ไม่สอดคล้องกับพฤติกรรมของต้าฝ่า กลับใช้ข้ออ้างว่าอาจารย์เคยมาที่นี่อะไรต่างๆ มาบดบังจิตยึดติดของพวกเธอ พฤติกรรมบางอย่างได้รบกวนการบำเพ็ญปกติของผู้ฝึกอย่างร้ายแรงมาก จนกระทั่งกลายเป็นปฏิปักษ์ต่อรูปแบบของต้าฝ่า ก็ยังหลงงมงายไม่ยอมอู้(รับรู้) บอกผู้ฝึกทั้งหลายให้ปล่อยวางจิตใจทั้งหมดแล้วศึกษาฝ่า คนที่มาจากต่างถิ่นให้กลับไปทั้งหมด

                ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน รูปแบบการบำเพ็ญของต้าฝ่าจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ไม่ใช่ผู้ออกบวชจะติดตามผู้ออกบวชไปในที่ต่างๆไม่ได้โดยเด็ดขาด ยิ่งไม่ให้วิ่งเพ่นพ่านไปในหมู่ผู้ฝึกแต่ละที่ อีกทั้งยังอ้างการสร้างวัดเพื่อขอเงินจากผู้ฝึก ข้าพเจ้าไม่คิดว่าการที่ผู้ฝึกบริจาคเงินมากหรือน้อย จะช่วยอะไรต่อการบำเพ็ญของพวกเขาได้ ในทางกลับกันมันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องต่อการบำเพ็ญและการยกระดับแต่อย่างใด กลับจะสร้างภาระในระดับหนึ่งต่อผู้ฝึกที่ความเป็นอยู่ลำบาก จนรบกวนไปถึงการบำเพ็ญ แต่ละคนคิดจะทำอย่างไรข้าพเจ้าไม่สนใจ แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่ข้าพเจ้าบอกให้พวกท่านทำ ไม่เกี่ยวข้องกับการบำเพ็ญ ศิษย์ทั้งหลาย ทำไมพวกท่านจึงไม่สามารถปล่อยวางจิตใจที่มีจุดมุ่งหมาย(โหย่วเหว๋ย)ดวงนั้นลงเล่า

                อันที่จริงเวลาที่พวกเธอทำอะไรไม่ถูกต้อง ข้าพเจ้าจะกระตุ้นเตือนพวกเธออยู่ตลอด เพียงแต่ว่าพวกเธอใช้จิตใจซึ่งยึดติดต่อเรื่องที่จะทำดวงนั้นบดบังเอาไว้ ไม่คิดและไม่กล้าเผชิญหน้านั่นเอง เวลาศึกษาฝ่าก็โอบอุ้มด้วยจิตยึดติด เลือกดูแต่เฉพาะส่วนที่เป็นประโยชน์ต่อเรื่องที่ตัวเองยึดติดที่จะทำ หาข้ออ้างให้กับการยึดติดนั้น นี้ไม่ใช่การศึกษาฝ่า ยิ่งไม่ใช่การบำเพ็ญ ที่ผ่านมาข้าพเจ้าเคยพูดไว้หลายครั้งว่า อย่าได้วิ่งเพ่นพ่านไปทั่วทุกที่ ให้สงบจิตใจบำเพ็ญ และเคยพูดไว้ว่าไม่อนุญาตให้ไปบรรยายฝ่าอะไรในหมู่ผู้ฝึกในแต่ละพื้นที่ พฤติกรรมของพวกเธอได้ส่งผลสะท้อนอย่างมากในแต่ละพื้นที่ ข้าพเจ้าเฝ้าสังเกตการณ์พวกเธออยู่โดยตลอด ให้โอกาสพวกเขาตื่นและอู้(รับรู้)ด้วยตัวเอง แต่พวกเธอกลับผลักไสโอกาสที่ข้าพเจ้าให้แก่พวกเธอครั้งแล้วครั้งเล่า ทำในเรื่องที่ฝ่าฝืนต่อต้าฝ่าครั้งแล้วครั้งเล่า ตัวเองไม่สามารถบำเพ็ญจริงจังยังทำการรบกวนผู้ฝึก พลาดโอกาสไปครั้งแล้วครั้งเล่า ดีก็ไปตามทางของตัวเองเถิด! ข้าพเจ้าคิดว่าจากวันนี้ไปหนทางที่พวกเธอเลือก… มีปัญหาให้ค้นจากภายใน นี้คือข้อแตกต่างมูลฐานระหว่างศิษย์ต้าฝ่ากับคนธรรมดาสามัญ

หลี่ หงจื้อ

1999.3.3

 

78.  ต้าฝ่าไม่สามารถถูกใช้ประโยชน์

                ต้าฝ่าสามารถช่วยเหลือสรรพชีวิตทั้งมวลให้หลุดพ้น ต่อหน้าความเป็นจริงอันยิ่งใหญ่ แม้แต่พวกที่เรียกกันว่าชีวิตชั้นสูงซึ่งเจาะเข้ามาในสามภพและพวกที่อยู่ในสามภพ บ่อนทำลายต้าฝ่าเหล่านั้นก็ไม่ปฏิเสธ ฉะนั้นจึงนำมาซึ่งปัญหาหนึ่งซึ่งปรากฏออกมาในหมู่คนธรรมดาสามัญ เช่นคนส่วนหนึ่งซึ่งเดิมทีต่อต้านต้าฝ่า หรือไม่เชื่อในต้าฝ่าก็มาเรียนฝึกต้าฝ่า ต้าฝ่าสามารถช่วยเหลือสรรพชีวิตทั้งมวลให้หลุดพ้น ข้าพเจ้าไม่คัดค้านใครก็ตามที่มาศึกษา ข้าพเจ้าถ่ายทอดต้าฝ่าให้แก่สรรพชีวิต สิ่งสำคัญคือคนเหล่านี้ในใจไม่ได้ถือว่าข้าพเจ้าเป็นอาจารย์ที่แท้จริงของพวกเขา(พวกเธอ) เป้าหมายของการศึกษาต้าฝ่าคือ เพื่อใช้ต้าฝ่ามาปกป้องสิ่งที่ในใจของพวกเขา(พวกเธอ)ปล่อยวางไม่ได้ ตลอดจนอะไรต่างๆในศาสนา หรือเทพในใจของพวกเขา(พวกเธอ) นี้เป็นพฤติกรรมของการขโมยฝ่า คิดจะใช้ประโยชน์จากต้าฝ่าโดยตัวของมันเองก็คือบาปที่ให้อภัยไม่ได้ แต่ในหมู่พวกเขามีส่วนหนึ่ง ความนึกคิดในด้านนี้ของมนุษย์ไม่แจ่มชัด ดังนั้นข้าพเจ้าเฝ้าดูพวกเขาอยู่ตลอดมา เพราะข้าพเจ้าคิดว่า ไม่ว่าจะเข้ามาสู่ต้าฝ่าด้วยมูลเหตุอะไรก็ตาม ก็ยังเป็นโอกาสที่หาได้ยากสำหรับพวกเขา(พวกเธอ) เปิดตาข่ายหนึ่งด้าน(เปิดโอกาสให้อีกครั้ง) อย่างไรเสียเขา(พวกเธอ)ก็เกิดมาในช่วงเวลาของการถ่ายทอดต้าฝ่าอย่างกว้างไกล อีกทั้งมีร่างคน ตลอดมาข้าพเจ้าเฝ้ารอให้พวกเขา(พวกเธอ)สำนึกตัว

                อันที่จริงก็มีคนส่วนหนึ่งเข้ามาเช่นนี้จริงๆ เปลี่ยนแปลงความเข้าใจเดิมอย่างหมดสิ้น กลายเป็นศิษย์ผู้บำเพ็ญจริงจังของต้าฝ่าที่เด็ดเดี่ยวแน่วแน่ แต่ก็ยังมีคนส่วนหนึ่งด้วยเช่นกัน พวกเขา(พวกเธอ)ไม่คิดจะเปลี่ยนแปลง ยุ่งวุ่นวายอยู่ในต้าฝ่าเป็นเวลายาวนาน เพื่อให้ต้าฝ่าอยู่ในโลกอย่างมั่นคง ข้าพเจ้าไม่สามารถอดกลั้นให้พวกเขา(พวกเธอ)ดำเนินต่อไปอีก ฉะนั้นพวกเขา(พวกเธอ)ก็จะสูญเสียโอกาสไปจริงๆ ข้าพเจ้าเคยพูดแล้ว การเปลี่ยนแปลงภายนอก นั่นเพื่อให้คนอื่นดู ท่านสามารถจะรับการช่วยเหลือให้หลุดพ้นหรือไม่ อยู่ที่การเปลี่ยนแปลงจิตใจตัวเองและการเลื่อนระดับ ตรงนั้นไม่เปลี่ยนก็ไม่สามารถยกระดับสูงขึ้น อะไรก็จะไม่ได้ ในความเป็นจริงเนื่องจากพวกท่านได้อ่าน“จ้วนฝ่าหลุน” จึงประสบโชคลาภ ณ ชั้นภายนอกของร่างกายคน นอกจากนั้นแล้วมันไม่ได้อะไรเลย มีจิตใจที่ไม่ดีเช่นนี้ แล้วสามารถจะได้อะไรล่ะ คนเอ๋ย! ลองคิดดู! สมควรเชื่ออะไร ไม่สมควรเชื่ออะไร บำเพ็ญเพื่ออะไร บำเพ็ญเพื่อใคร ชีวิตคงอยู่เพื่อใคร ข้าพเจ้าเชื่อว่าพวกท่านจะจัดวางความสัมพันธ์ของประโยชน์ และความเสียหายนี้ได้ถูกต้อง ไม่เช่นนั้น สิ่งที่พวกท่านสูญเสียไปจะเป็นสิ่งที่ไม่สามารถจะมีได้อีกตลอดไป เมื่อต้าฝ่าปรากฏต่อมนุษยชาติ สิ่งที่พวกท่านสูญเสียไปยังไม่เพียงแต่เป็นสิ่งเหล่านี้

หลี่ หงจื้อ

1999.3.16

 

79.  แข็งแกร่งและเหนียวแน่น

                การบำเพ็ญปฏิบัติฝอฝ่าเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ขณะเดียวกันก็เป็นสิ่งที่เข้มงวดจริงจัง ศิษย์ทั้งหลาย พวกท่านรู้แต่ว่าในโลกของคนมีของแท้และแปลกปลอม แต่กลับไม่รู้ถึงชีวิตในมิติอื่นรวมทั้งเทพ เนื่องจากระดับชั้นที่ต่างกัน สิ่งที่รู้และสัจธรรมก็ไม่เหมือนกัน แตกต่างกันอย่างมากท่ามกลางจักรวาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้สภาพการณ์ที่ไม่แจ่มชัดต่อความเป็นจริงของการเจิ้งฝ่า(ปรับฝ่าให้ถูกต้องเที่ยงตรง) จึงเกิดการรบกวนและขัดแย้งอย่างรุนแรง ดำเนินการบ่อนทำลายโดยใช้วิธีต่างๆและติดต่อกับผู้ฝึก ทำให้ผู้ฝึกบางคนซึ่งเทียนมู่(ตาทิพย์) เปิดในระดับต่ำเกิดความสงสัยและไม่เข้าใจในต้าฝ่า ชีวิตภายในสามภพเหล่านี้(ที่เรียกกันว่าเทพ) และชีวิตชั้นสูงตามที่เรียกกันแต่ละประเภท ซึ่งหนีการเจิ้งฝ่าเข้ามาจากมิติชั้นสูง พวกเขา(พวกมัน)จำนวนมากไม่รู้ถึงความเป็นจริงของการเจิ้งฝ่าและขัดแย้งกับการเจิ้งฝ่า ชี้แนะหรือบอกเล่าความเข้าใจในทัศนะความคิดตัวเองของพวกเขา(พวกมัน)ให้ผู้ฝึก หรือใช้วิธีต่างๆถ่ายทอดอะไรให้แก่ผู้ฝึกเป็นต้น บ่อนทำลายความเชื่อที่ถูกต้องและความเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ต่อต้าฝ่าของผู้ฝึก อันที่จริงล้วนเป็นสิ่งที่อยู่ในระดับต่ำมากและคำโกหกหลอกลวง เนื่องจากเป็นเทพ แสดงออกมาอย่างเมตตา ทำให้ผู้ฝึกกลุ่มหนึ่งซึ่งมีความเข้าใจไม่ดีพอต่อต้าฝ่า ทำให้ความนึกคิดไม่เด็ดเดี่ยวแน่วแน่ ด้วยเหตุนี้ บางคนไม่ศึกษาต้าฝ่าแล้ว บางคนถึงกับเดินไปทางตรงกันข้าม ปัจจุบันนี้ ปัญหานี้ค่อนข้างรุนแรง เพราะเหตุนี้ สำหรับคนเหล่านี้แล้ว ตกอยู่ในสภาพที่น่าเศร้าอย่างยิ่ง ในเวลาเดียวกันสิ่งที่พวกเขาสูญเสียไป จะเป็นสิ่งที่ไม่สามารถจะมีได้อีกตลอดไป นี้ก็เป็นภัยพิบัติใหญ่ครั้งหนึ่งในชีวิตของพวกเขา

                ข้าพเจ้าได้พูดไว้ทั้งหมดกับพวกท่านแล้วใน “จิงจิ้งเหย้าจื่อ” และ “จ้วนฝ่าหลุน” ในหัวข้อ “ไม่บำเพ็ญสองวิชา” ตลอดจนปัญหาการบำเพ็ญอย่างไรเมื่อเปิดตาทิพย์แล้ว ทำไมพอเห็นชีวิตชั้นสูงที่แสร้งเมตตาเหล่านั้นพูดกับพวกท่าน ก็ควบคุมตัวเองไม่อยู่ พวกเขา(พวกมัน)สามารถทำให้พวกท่านหยวนหมั่นไหม พวกท่านทำไมไม่ลองคิดดู ตอนที่ท่านยังไม่ได้ศึกษาต้าฝ่า พวกเขา(พวกมัน)ทำไมไม่สนใจท่าน ทำไมหลังจากที่พวกท่านศึกษาต้าฝ่าแล้ว พวกเขา(พวกมัน)จึงเป็นห่วงพวกท่านเช่นนี้ การบำเพ็ญเป็นเรื่องเข้มงวดจริงจัง หลักการทั้งหมดของต้าฝ่าข้าพเจ้าก็พูดให้พวกท่านแล้ว ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นหนทางที่พวกท่านแต่ละคนต้องเดินในระหว่างการบำเพ็ญ ด่านที่ต้องข้าม การที่ข้ามไปไม่ได้เกิดจากตัวพวกท่านเอง ตลอดมาข้าพเจ้าให้โอกาสพวกท่านอู้กลับมาด้วยตัวเอง เพื่อต้าฝ่าข้าพเจ้าไม่สามารถรออีกต่อไป ได้แต่เขียนบทความนี้ออกมา ข้าพเจ้ารู้ว่าเมื่อพวกท่านได้อ่านบทความนี้ ก็จะตื่นอย่างแน่นอน แต่นี่ไม่ใช่มาจากการบำเพ็ญของพวกท่าน คนอื่นทำไมจึงไม่ถูกรบกวน ข้าพเจ้าเคยพูดแล้วว่าการเจิ้งฝ่าจะเริ่มทำจากข้างนอกสามภพ ภายในสามภพเทพที่เรียกกันจำนวนหนึ่งมองไม่เห็น ดังนั้นจึงกล้าบ่อนทำลายงานของต้าฝ่า พวกเขา(พวกมัน)ก็ไม่มีที่จะหนีได้อีกแล้ว แต่การกระทำของพวกเขาทั้งหมดล้วนมีการบันทึก ในเวลาเดียวกันก็กลายเป็นเรื่องที่ตัวพวกเขา(พวกมัน)เอง กำลังจัดวางตำแหน่งของตัวเองในอนาคต บ้างจะตกระดับชั้น บ้างจะเป็นคน บ้างจะเป็นผีในยมโลก บ้างจะถูกดับสลายจนหมดสิ้น ด้วยการทำลายซ้ำแล้วซ้ำอีกแบบไม่จบไม่สิ้น ในระหว่างการชดใช้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้กระทำในอนาคต เพราะนั่นคือตำแหน่งที่พวกเขา(พวกมัน)จะได้รับ จากการแสดงออกของซินซิ่งแท้จริงที่สุดของตัวเอง ชีวิตข้างบนล้วนเป็นเช่นนี้ กำลังจัดวางตำแหน่งของพวกเขาใหม่ในต้าฝ่า นับประสาอะไรกับสิ่งเหล่านี้และคนธรรมดาสามัญในโลกเล่า ในระหว่างการเจิ้งฝ่าบ้างจะยกระดับสูงขึ้น บ้างจะตกลงมา บ้างจะถูกทำลาย ไม่ว่าจะเป็นเทพ คน ตลอดจนผี ล้วนจะต้องจัดวางทุกตำแหน่งกันใหม่ในอาณาจักรเขตแดนที่ต่างกัน ตั้งแต่การคงอยู่ไปจนถึงการดับสลายโดยสิ้นเชิง ทะนุทนอมพวกท่าน คน เพราะพวกท่านสามารถบำเพ็ญ ดังนั้นจึงพูดหลักการของฝ่าที่สูงเช่นนั้นให้แก่พวกท่าน ทะนุถนอมพวกท่าน เพราะพวกท่านสามารถบำเพ็ญสำเร็จ เป็นผู้รู้แจ้งอันยิ่งใหญ่อย่างแท้จริงแห่งฝ่าถูกต้อง รู้แจ้งถูกต้องในต้าฝ่า

หลี่ หงจื้อ

1999.3.16

 

80.  กวาดล้างจิตมารให้สิ้นซาก

                หลังจากการประชุมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ต้าฝ่า ของเขตพื้นที่ภาคตะวันตกของสหรัฐอเมริกา คนส่วนหนึ่งซึ่งฟังฝ่าด้วยจิตยึดติดนำไปพูดว่า การบำเพ็ญจะสิ้นสุดแล้ว ยังพูดอีกว่าอาจารย์จะพาคนส่วนหนึ่งไป นี้เป็นพฤติกรรมบ่อนทำลายฝ่าอย่างร้ายแรง เป็นการเผยจิตมารออกมาอย่างขนานใหญ่ ข้าพเจ้าเคยกล่าวเช่นนี้เมื่อใด เป็นท่านที่อู้(รับรู้)อย่างสับสนด้วยจิตยึดติดของตัวท่านเอง ท่านรู้ได้อย่างไรว่าท่านจะหยวนหมั่น แม้แต่ความยึดติดของตัวท่านเอง ท่านไม่สามารถปล่อยวางแล้วจะหยวนหมั่นได้อย่างไร ต้าฝ่าเป็นเรื่องเข้มงวดจริงจัง จะทำแบบเดียวกับลัทธินอกรีตได้อย่างไร ท่านยังมีจิตมารอะไรอีก ให้ปล่อยออกมา ทำไมจะต้องเดินไปยังด้านที่เป็นปฏิปักษ์กับต้าฝ่า หากยังสามารถจะเป็นศิษย์ของข้าพเจ้า ก็ให้หยุดการพูดจาที่ถูกมารใช้ประโยชน์เสียทันที

                ศิษย์ทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอย้ำอีกครั้ง การบำเพ็ญเป็นเรื่องเข้มงวดจริงจัง เป็นเรื่องศักดิ์สิทธิ์ ในเวลาเดียวกันการบำเพ็ญของพวกเราต้องรับผิดชอบต่อสังคม รับผิดชอบต่อคน และต้องรับผิดชอบต่อตัวเอง ทำไมจึงไม่สามารถบำเพ็ญให้สอดคล้องกับสังคมคนธรรมดาสามัญอย่างสง่าผ่าเผย! ข้าพเจ้าเสนอว่าคนที่เคยพูดกับผู้อื่นว่า ไม่มีเวลาแล้ว ตัวเองต้องจัดการเรื่องข้างหลังอะไรให้เรียบร้อย อาจารย์จะพาใครต่อใครไปเป็นต้น ให้แก้ไขผลกระทบที่ท่านได้กระทำในทันที ไม่ว่าจะโดยทางตรงหรือทางอ้อม คำพูดแม้แต่ประโยคเดียวก็ไม่สามารถถูกมารใช้ประโยชน์ รูปแบบการหยวนหมั่นของพวกเราจะต้องตรงไปตรงมาอย่าสง่าผ่าเผย

หลี่ หงจื้อ

1999.3.30